(Omegaverse) Love Bites ซ่อนรอยรัก Special (13/7/19) P.6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (Omegaverse) Love Bites ซ่อนรอยรัก Special (13/7/19) P.6  (อ่าน 43387 ครั้ง)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

บทที่ 7



“ไหวมั้ยครับคุณริชาร์ด?” พ่อบ้านสูงวัยลากซีอีโอหนุ่มมานั่งพักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน เพราะริชาร์ดเข้าใกล้บริเวณบ้านในตอนนี้ไม่ได้เลย กลิ่นฟีโรโมนของลาซารัสเป็นอันตรายต่ออัลฟ่าอย่างมาก หากไม่อยู่ให้ห่างขนาดนี้มีหวังเขาคงได้หน้ามืดเข้าไปทำมิดีมิร้ายโอเมก้าคนนั้นกลางบ้านเพื่อนรักแน่ๆ

“เวลาแบบนี้ผมล่ะอิจฉาเบต้าอย่างคุณเรนเดลชะมัดเลย” หนุ่มอัลฟ่ามากวัยหัวเราะเจื่อน เวลาที่พวกอัลฟ่าอย่างเขาควบคุมตัวเองไม่ได้เพราะถูกกลิ่นฟีโรโมนกระตุ้นมันแทบไม่ต่างอะไรกับสัตว์ตัวผู้ที่อยากวิ่งเข้าไปผสมพันธุ์ตัวเมียอย่างไม่เลือกหน้า มีแต่ไทป์เบต้านี่แหละที่ดูจะสมเป็นมนุษย์ปกติที่สุดเมื่อเทียบกับอีกสองไทป์ที่เหลือ “ปล่อยผมไว้ตรงนี้ก็ได้ คุณเข้าไปช่วยคาเล็มกับลาซัสเถอะ”

“กระผมคิดว่า...เรื่องนี้ให้นายน้อยจัดการเองดีกว่าครับ” ชายชรานั่งลงข้างๆเพื่อนสนิทของเจ้านาย

“คาเล็มคนเดียวจะรับมือไหวแน่งั้นเหรอ?”ริชาร์ดอดสงสัยไม่ได้ต้องเบนสายตาหันไปหาพ่อบ้าน

“ถ้าไม่ไหวก็...นั่นสินะครับ” สายตาของพ่อบ้านมองไปยังตัวบ้านที่มีเสียงเอะอะดังมาเป็นระยะ “มันเป็นเหตุสุดวิสัยนี่ครับ นายน้อยเองก็เจอคนไข้หลายคนฮีทแบบนี้มาเยอะแล้ว ให้กระผมไปยุ่งก็เกะกะเปล่าๆ”

ริชาร์ดรู้สึกหนาวไปถึงสันหลังกับความคิดของพ่อบ้านที่ดูแลเพื่อนรักของตนมาหลายสิบปี ทีแบบนี้ล่ะทิ้งให้เจ้านายตัวเองเผชิญชะตากรรมได้หน้าตาเฉย “...คุณนี่ แอบร้ายกว่าที่เห็นนะ”

“หึๆ พูดเรื่องอะไรเหรอครับ กระผมก็แค่เชื่อใจนายน้อยเท่านั้นเอง” แม้ปากจะพูดเช่นนั้น แต่ซีอีโอหนุ่มรู้สึกเหมือนเห็นเรนเดลมีเขากับหางเดวิลงอกออกมายังไงยังงั้น


“เรนเดลโว้ยย!! หายหัวไปไหนของนายฟร้า!!”

คาเล็มตะโกนเรียกพ่อบ้านที่ไม่รู้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ตอนนี้เขากำลังตกที่นั่งลำบากสุดๆเพราะลาซารัสไม่ฟังอะไรเลยแม้ว่าเขาจะออกคำสั่งให้หยุดก็ตาม

“คุณหมอออ” โอเมก้าหนุ่มที่ตอนนี้เหมือนโดนอัดยาปลุกเซ็กส์ไม่ยอมฟังที่เขาพูดเลยสักนิดเดียว พอจะรู้สาเหตุที่โอนเนอร์เจ้าของคนเก่าของลาซารัสจำเป็นต้องขังเจ้าตัวไว้ในห้องทั้งวันทั้งคืนไม่ให้ออกไปไหนแล้ว ในบรรดาคนไข้โอเมก้าที่เคยเจอมาไม่เคยเจอใครที่ฮีทหนักจนถึงกับลุกขึ้นมาไล่ปล้ำชาวบ้านขนาดนี้

นี่น่ะเหรออีกด้านของโอเมก้าแสนซื่อไร้เดียงสาคนนั้น นิสัยเปลี่ยนไปยังกับคนละคน!

คาเล็มพยายามหันหน้าหลบไม่ให้ลาซารัสจูบตนได้แต่ก็กลายเป็นโดนงับและเลียใบหูจนสะท้านไปทั้งตัว ร่างโปร่งยกขาขึ้นเกี่ยวเอวให้ช่วงล่างของคุณหมอเข้ามาแนบชิดกับตัวเอง ส่วนกลางลำตัวของอัลฟ่าสูงวัยกำลังตื่นตัวเมื่อโดนสัมผัสกับความเร่าร้อนของโอเมก้าเบื้องล่าง

“ลาซารัส…” หมออัลฟ่ามองต่ำ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหูร่างโปร่งที่ทำสีหน้ายั่วยวนอย่างไม่ปิดบัง “ตรงนี้ฉันทำไม่ถนัด ขากับหลังฉันก็ยังไม่ดีขึ้นด้วย ไปที่ห้องฉันเถอะ”

“ครับ…” พออัลฟ่าสูงวัยตอบรับโอเมก้าหนุ่มก็เชื่อฟังอย่างว่าง่าย และลุกขึ้นพยุงร่างสูงพาขึ้นไปข้างบนห้องอย่างที่บอก แต่ยังไม่ทันจะไขกุญแจเปิดห้องเข้าไปร่างโปร่งก็ดันตัวคุณหมอจนติดอยู่ที่หน้าประตู

“ใจเย็นก่อน อดทนอีกนิดสิ” คาเล็มดุเบาๆ ตอนนี้มือของลาซารัสเริ่มอยู่ไม่สุขและยังเอาตัวเข้ามาเบียดเสียดจนแทบจะกลืนเป็นเนื้อเดียวกับคุณหมออัลฟ่า

“จูบผมหน่อยสิครับ” เสียงนุ่มหอบสั่นเอ่ยคำขออย่างไม่นึกอาย “ผมอยากให้คุณหมอช่วยลบจูบของคุณเออร์แฟนออกไปที”
ดวงตาสีฟ้าจับจ้องมองนัยน์ตาคมก่อนยื่นมือไปลูบไล้เคราบนใบหน้า ปลายเท้าเขย่งขึ้นไปจนริมฝีปากเกือบจะแนบชิดกัน แต่คาเล็มหมุนลูกบิดให้ประตูเปิดเข้ามาในห้องได้ก่อน โอเมก้าหนุ่มจึงพลาดจูบนั้นไปอย่างน่าเสียดาย

“ไปรอที่เตียง แล้วอย่าหันมามองล่ะ” เสียงทุ้มต่ำมีอำนาจสั่งให้ร่างเล็กกว่าทำตาม ลาซารัสจึงจำใจต้องผละตัวออกและไปนั่งรอที่ปลายเตียงพร้อมกับหันหน้าหลบไปทางอื่นไม่มองร่างสูงตามที่สั่ง เขารอจนกระทั่งคาเล็มเดินเข้ามาใกล้และค่อยๆสวมกอดจากด้านหลัง ก่อนที่จะ…

“อื้อ!” ลมหายใจขาดห้วงเพราะถูกผ้าขนหนูอุดจมูก ได้กลิ่นฉุนจนแทบเวียนหัวชวนสลบ ร่างกายโดนแขนล็อคไว้ไม่ให้ดิ้นหนี พอพยายามขัดขืนก็ถูกดันลงกับเตียงและกดผ้าโปะยาสลบซ้ำลงมา แม้จะพยายามกลั้นหายใจไม่สูดดมเข้าไปแต่ก็ไร้ผล สองนาทีต่อมาลาซารัสก็ตาพร่า สมองมึนและเบลอก่อนที่เรี่ยวแรงจะค่อยๆหายไป และในที่สุดเขาก็หมดสติไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป

คาเล็มทรุดตัวลงข้างๆนั่งหอบหายใจเพราะเหนื่อยที่ต้องพยายามฝืนสัญชาตญาณตัวเอง แม้ร่างโปร่งจะหลับไปแล้วแต่ฟีโรโมนอ่อนๆยังแผ่กลิ่นจางออกมาเรื่อยๆ คุณหมออัลฟ่ารีบรุดจากที่นอนไปคว้ายาต้านอาการฮีทและลดการได้กลิ่นของตัวเองมากิน

เมื่อความต้องการลดลงจนสงบดีแล้วเขาก็เดินถือขวดยาออกไปข้างนอกเพื่อไปหาริชาร์ด

“อ้าว? คาเล็ม?” เพื่อนซี้ที่นั่งพักอยู่ที่สวนด้านนอกเห็นคุณหมอเดินมาก็แปลกใจ คาเล็มยื่นกระปุกยาให้เป็นคำสั่งว่ากินเสีย

“ทำไมไม่เข้าไปช่วยฉันล่ะเรนเดล..” อัลฟ่าสูงวัยแอบหัวเสียที่เห็นเขานั่งอยู่กับเพื่อนซี้ซะสบายอารมณ์

“กระผมเชื่อว่านายน้อยเอาตัวรอดเองได้อย่างแน่นอนน่ะสิครับ” พ่อบ้านยิ้มอย่างยินดีที่คาเล็มยังอยู่รอดปลอดภัยดี(??)

“ยาออกฤทธิ์ก็ไปช่วยอุ้มลาซารัสกลับไปไว้ที่ห้องที” คาเล็มถอนหายใจแล้วหันไปพูดกับเพื่อนของตน

“จิตแข็งเอาเรื่องเลยนะนาย เจ้าหนูนั่นปล่อยฟีโรโมนออกมารุนแรงขนาดนั้นยังทนได้อยู่อีก”

“เออ.. เป็นคนแรกที่ยาฉันเอาไม่อยู่ตอนถึงช่วงฮีทนี่แหละ..” ร่างสูงมองกระปุกยาของลาซารัสที่เขาแอบเก็บมา เพราะเห็นแล้วว่าเจ้าตัวคงกินไปก่อนที่เขาจะไปถึง “แบบนี้อีกตั้งอาทิตย์กว่าถึงจะพ้นช่วงอันตรายงี้ไป คงต้องขังไว้ในห้องจนกว่าจะปลอดภัยนั่นแหละ”

“ฟังดูโหดร้ายจังน้า.. ทั้งที่มีวิธีทำให้ช่วงฮีทจบลงง่ายกว่านี้แท้ๆ”  ริชาร์ดลุกขึ้นไปกอดคอเพื่อนรักแล้วหยิบซองหน้าตาคุ้นๆให้..

“ไม่เอาโว้ย!!” คาเล็มแทบจะปากล่องถุงยางคืนให้ริชาร์ด “มันก็แค่เรื่องลือหนาหูมาเฉยๆเท่านั้นแหละ ไอ้ที่ว่า...ทำเรื่องอย่างว่าบ่อยๆตอนช่วงฮีทแล้วมันจะหายไวขึ้นน่ะ!!”

“นายน้อยครับ มันเป็นความจริงที่ว่าไม่มีหลักฐานพิสูจน์เป็นเรื่องเป็นราว แต่นายน้อยเองก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามันไม่จริงเสียหน่อยนี่ครับ” เรนเดลแจกแจงด้วยน้ำเสียงเรียบพร้อมรอยยิ้มอย่างปกติที่เป็นมา แต่ตอนนี้รอยยิ้มนั้นกลับดูกวนสุดๆสำหรับคาเล็ม

“พูดได้ดีครับคุณเรนเดล.. แกจะรู้ได้ไงวะว่ามันได้ผลหรือเปล่าถ้ายังไม่ได้ลอง” ริชาร์ดยัดกล่องถุงยางของตนลงในกระเป๋าเสื้อของคนที่เขากอดคออยู่ “กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไง”

คาเล็มปั้นหน้าไม่ถูกเมื่อโดนคนสองคนรุมหว่านล้อมในเรื่องที่เขาเองก็หาอะไรมาเถียงไม่ได้ “ม...ไม่อยากก็ไม่อยากไง!”

“ถ้านายสามารถพิสูจน์ได้ว่ามันไม่จริง อัลฟ่าบางคนจะได้เลิกใช้มันเป็นข้ออ้างในการล่วงเกินโอเมก้าในช่วงฮีทไง”

“หรือถ้ามันดันเป็นเรื่องจริงขึ้นมา… นายน้อยอาจจะหาต้นเหตุของการลดอาการฮีทหลังจากมีอะไรกับคนอื่นได้ไงครับ.. อาจจะสร้างยาขึ้นมากินเพิ่มหรือลดสารบางตัวเพื่อหลอกร่างกายว่ามีการร่วมรักไปแล้วอะไรแบบนั้น”

เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะ… “ที่พวกนายเสนอมา..ฉันก็ว่ามันน่าสนใจ หากพิสูจน์ได้จริงคงช่วยโอเมก้าได้อีกหลายช่องทาง แต่ขอโทษจริงๆ ฉันทำไม่ลงหรอก”

“ให้ฉันทำแทนมั้ยล่ะ”

คาเล็มเบิกตากว้างหันไปมองริชาร์ดที่กอดคอเขาอยู่ ใบหน้าของเพื่อนบอกว่าไม่ได้ล้อเล่นแน่ๆ

“...ไหนก่อนหน้านี้แกพูดว่าไม่อยากได้เจ้าหนูนั่นไง เกิดเปลี่ยนใจแล้วเรอะ?” คุณหมออัลฟ่าจ้องหน้าเพื่อนที่เสนอตัวรับอาสาจะช่วย

“แล้วแกจะปล่อยให้ลาซัสโดนขังอย่างทรมานอยู่ในห้องแบบนั้นเป็นอาทิตย์เรอะ แถมตอนนี้ยาของแกก็ช่วยอะไรเค้าไม่ได้อีกด้วย” ริชาร์ดอธิบายเหตุผลประกอบ

“มันต้องมีทางอื่นที่ฉันหรือแกไม่ต้องพิสูจน์ด้วยการทำเรื่องแบบนั้นก็ได้นี่” คาเล็มยังคงแย้ง

“วิธีไหนล่ะฮึ ไหนบอกมาซิ?”

“ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออก…”

“เยี่ยมเลยคาเล็ม แกคิดไม่ออกสินะ...แล้วแกจะคิดออกตอนไหนไม่ทราบวะ!” จู่ๆ อัลฟ่าเพื่อนสนิทก็ขึ้นเสียงตะโกนอัดใส่หน้าหมอเสียงดัง

“เป็นบ้าอะไรวะริชาร์ด! ทำตัวเหมือนหมาตัวผู้ได้กลิ่นสาปตัวเมีย เสี้ยนนักเรอะไงแกน่ะ!”

“หาว่าฉันเสี้ยน แกมันก็เป็นตาแก่โรคจิตวิปริตถ้ำมองที่วันๆเอาแต่ส่องดูชีวิตส่วนตัวชาวบ้านเค้าไปทั่วเหมือนกันนั่นแหละ!”

“แล้วแกคิดว่าฉันอยากดูมากนักเรอะไง! ฉันก็อยากจะล้มๆไอ้งานวิจัยพรรค์นี้ซะทีเหมือนกัน!”

“งั้นก็เลิกๆไปซะสิฟะ! ”

“เพราะเลิกไม่ได้ถึงต้องอยู่กับมันมาทั้งชีวิตนี่ไงเล่า ไม่เข้าใจอีกเรอะ!”

“ไม่เข้าใจโว้ย! แกนั่นแหละเมื่อไหร่แกจะวางมือแล้วไปใช้ชีวิตธรรมดาๆมีครอบครัวเหมือนคนปกติกับเค้าบ้างซะทีวะ!”

“พวกคุณสองคนน่ะใจเย็นๆก่อนสิครับ!” พ่อบ้านเข้ามาห้ามทัพอัลฟ่าทั้งสองคนที่จ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน เรนเดลรู้สึกว่ามันทะแม่งๆแปลกๆ

“รู้ตัวมั้ยครับว่าไอ้ที่พวกคุณทั้งคู่มาทะเลาะกันเองรุนแรงอย่างนี้ ยังกับพฤติกรรมก้าวร้าวของพวกสัตว์เพศผู้ที่ชอบเขม่นกันเพื่อจะแย่งตัวเมียในฤดูผสมพันธุ์ยังงั้นแหละ” ชายสูงวัยที่สุดในที่นี้พูดปรามและแอบด่าทั้งสองไปพร้อมๆกัน “ค่อยๆ พูดจากันด้วยเหตุผลสิครับอย่าใช้อารมณ์”

สองอัลฟ่าหันหน้าออกไปคนละทางเพื่อทำให้จิตใจสงบลง ก่อนจะค่อยๆหันมาพูดกันอีกครั้ง

“ขอเวลาฉันคิดคืนหนึ่ง แต่ถึงยังไงฉันก็ยังไม่เห็นด้วยกับความคิดของแกอยู่ดี” คาเล็มพูดขึ้นก่อน

“เออ ตามใจแก แต่ฉันขอถามหน่อยเถอะ...ถ้าแกหาสาเหตุที่ยาใช้ไม่ได้ผลหรือหาวิธีหยุดอาการฮีทไม่ได้ วันข้างหน้าถ้าเกิดลาซัสเป็นขึ้นมาเหมือนวันนี้อีกรอบนายก็จะขังเจ้าหนูนั่นไว้เหมือนเดิมทุกๆปีงั้นเหรอ”

“ถ้ามันจำเป็นก็ต้องทำ…ไม่งั้นถ้าปล่อยไว้ก็เป็นอันตรายกับคนที่อยู่ใกล้ๆ รวมทั้งตัวเจ้านั่นเองด้วย”

“ฉันสงสารลาซัสว่ะ อุตส่าห์ได้มีชีวิตใหม่แต่ก็ยังถูกทำเป็นตัวทดลองวิจัย นี่ยังไม่นับว่าที่ผ่านๆมาเค้าต้องถูกขังอยู่อย่างนั้นมาตลอดจนกว่าจะพ้นช่วงอันตรายไปได้อีกนะ”

“ก็ฉันไม่ได้มีโอเมก้าคนอื่นๆไว้ผลัดเปลี่ยนคอยศึกษาพฤติกรรมที่เกิดขึ้นปีละครั้งอย่างนี้นี่ คนอื่นๆที่ผ่านมาแค่กินยาของฉันมันก็ได้ผลตลอด” 

“อยากทำอะไรก็ทำ แต่อย่าลืมล่ะว่าถ้าคืนนี้แกยังคิดไม่ออก พรุ่งนี้ฉันจะบุกมาบ้านแกแล้วฉุดลาซัสไปจริงๆล่ะนะโว้ย!”

“ไอ้ริชาร์ด!!”

“เอาล่ะครับคุณสองคนน่ะหยุดทะเลาะกันแล้วก็แยกย้ายกันไปได้แล้ว!!” เรนเดลชักจะเหลืออดกับความหัวร้อนของสองอัลฟ่าที่เกือบจะวางมวยอีกรอบ

หลังจากพาลาซารัสที่หมดสติไปไว้ที่ห้องนอนพร้อมกับล็อคกุญแจเรียบร้อย ริชาร์ดก็พาเจ้าสก็อตกลับบ้านไปทั้งอย่างนั้น แล้วก็ยังย้ำกับเพื่อนสนิทเรื่องเส้นตายคืนนี้ว่าจะทำยังไงกับเรื่องของโอเมก้าหนุ่มต่อไป


คืนนั้นคาเล็มนั่งคิดวิธีอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของตัวเองเพียงลำพัง แม้เวลาจะเริ่มใกล้วันใหม่เข้าไปทุกที ยาที่ไม่สามารถกินเกินขนาดได้เพราะจะทำให้ความดันตกและอาจจะช็อคเอาได้ ส่วนจะขังไว้แบบนี้ริชาร์ดก็ไม่ยอมอีก จริงๆเขาเองก็สงสารลาซารัสเหมือนกัน….แต่เขาก็ยังคงยืนยันว่าไม่อยากจะล่วงเกินโอเมก้าหนุ่มของตน

“จริงๆยกให้ริชาร์ดไปก็จบแล้วแท้ๆ…” แล้วค่อยหาเวลาไปทดลองอะไรๆตามสมควร หากแต่ไม่รู้ว่างานวิจัยจะเสร็จเมื่อไหร่...หรือจะเสร็จหรือเปล่า?

แถมพอคิดว่าจะต้องยกให้คนอื่นจริงๆ แม้แต่กับเพื่อนที่ไว้ใจที่สุด...เขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“บ้าเอ๊ย..” คาเล็มขยี้ผมอย่างแรงจนจูเลียตที่นอนอยู่ข้างๆหันหน้าขึ้นมามอง

“นายน้อยครับ กระผมเอาน้ำขิงมาให้” เสียงของเรนเดลดังอยู่ข้างหน้าประตู ดูท่าจะไม่มีมือว่างมาเคาะ ร่างสูงจึงลุกไปเปิดประตูให้พ่อบ้านของตน

“ขอบใจนะ ...ไม่นอนเหรอ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้านี่” หมอเดินกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง จริงๆขาของเขาอาการดีขึ้นมากระทั่งแทบไม่ต้องให้ใครพยุงแล้ว..

“กระผมก็ต้องตื่นเช้าทุกวันนั่นแหละครับ” เรนเดลยิ้มแล้ววางแก้วน้ำขิงให้เจ้านาย “แต่ถ้านายน้อยยังต้องเจอปัญหาแบบนี้ พ่อบ้านคงหนีไปนอนไม่ได้หรอกครับ”

คาเล็มยิ้มตอบให้คนที่คอยดูแลเขาเสมอมา “ขอบใจ”

“แล้ว...เป็นยังไงบ้างครับ” พ่อบ้านนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆแล้วลูบหัวจูเลียตไปด้วย

“มืดแปดด้าน” ร่างสูงถอนหายใจ

“กระผมบอกให้นายน้อยให้เกียรติการตัดสินใจของคุณแมทเวย์ก็จริง แต่กระผมก็ไม่คิดจะฝืนใจนายน้อยนะครับ...หากไม่อยากจะล่วงเกินคุณแมทเวย์จริงๆ… กระผมก็อยากให้นายน้อยคิดให้ละเอียดอีกครั้งว่าสรุปว่าเพราะอะไร”

“บอกไปแล้วนี่… อยู่กับฉันไปเขาก็ไม่มีความสุขหรอก”

“หรือนายน้อยกลัวว่าจะเสียเขาไปเหมือนครั้งคุณโนเอลมากกว่ารึเปล่า?” คาเล็มสะบัดหน้ามามองเรนเดลอย่างประหลาดใจ นั่นทำให้พ่อบ้านถอนหายใจแทน “นายน้อยครับ...ที่ผ่านๆมากระผมทำได้เพียงแนะนำ และตอนนี้ก็อีก.. กระผมทำได้เท่านั้นเพราะการตัดสินใจต้องเป็นนายน้อยที่ทำ”

“...”

“คุณแมทเวย์น่ะเข้มแข็งกว่าที่คุณคิด กล้าหาญกว่าที่คุณเห็น และยังสมองดีด้วย เพราะงั้น… ผมว่านายน้อยอาจจะแค่ลองเชื่อใจเขาเท่านั้นเองครับ”

“ฉัน...แค่คิดว่าจะเอายังไงในวันพรุ่งนี้ก็เต็มกลืนแล้ว..” คาเล็มเหม่อมองไปบนหนังสือที่เขากางไว้มากมาย “ไม่ได้คิดอะไรไกลขนาดนั้น..”

“คุณริชาร์ดเองก็ไม่ได้อยากจะล่วงเกินคุณแมทเวย์หรอกนะครับ.. แต่กระผมว่าคุณก็ทราบดี”

“รู้.. มองตาก็รู้แล้ว” ที่คาเล็มหงุดหงิดเมื่อกลางวันนั่นเพราะเพื่อนรักของเขาเองก็ฝืนทำในสิ่งที่เขาก็ไม่ได้อยากเหมือนกัน ทำไมคนรอบๆตัวเขามีแต่พวกทุ่มหมดหน้าตักแบบนี้นะ!? พ่อบ้านมองเจ้านายของตนอย่างเอ็นดู

“จริงๆมันก็มีวิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการให้คุณแมทเวย์นะครับ”

“หือ?”

“เพียงแต่ไม่แน่ใจว่านายน้อยจะทำได้หรือเปล่า..”

“อะไรรึ?” คาเล็มเด้งตัวขึ้นมาจากพนักเก้าอี้อย่างอยากจะรู้

“และมันพ่วงกับสิ่งที่ผมเสนอไปเมื่อกลางวัน…” พ่อบ้านยิ้มกริ่มน่าสงสัย ก่อนจะลุกพรวดแล้วรีบเดินออกจากห้อง “ก็ในเมื่อคุณทั้งคู่ไม่อยากทำผมก็จะบอกว่าไม่ต้องทำก็ได้”

ประตูห้องปิดลงในขณะที่อัลฟ่าสูงวัยยังคงนั่งฉงนกับคำเสนอแนะในค่ำคืนนี้… “ไม่ต้องทำ…” เหมือนไอเดียบางอย่างจะวิ่งเข้ามาในสมอง คาเล็มยกโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วรีบโทรหาริชาร์ดอย่างไม่เกรงใจเวลา…


“....แกว่านี่ได้ผลเหรอ..” เช้าตรู่วันต่อมา ซีอีโอวัยกลางคนมาหาแต่เช้าพร้อมของที่เพื่อนรักวานให้ไปหามาให้ด้วยเวลากระชั้นชิด

อุปกรณ์น่าอายจำนวนหนึ่งวางอยู่ในถุงกระดาษแน่นิ่ง ทุกชิ้นเพิ่งซื้อมาสดๆร้อนๆก่อนร้านอย่างว่าพวกนี้จะปิดไม่นาน

“ขอบใจที่เป็นธุระให้” คาเล็มแกะเอาของแต่ละชิ้นออกมาอย่างไม่เกรงใจสายตาของอีกสองคน

“เดี๋ยวๆ...คือเมื่อคืนยังสับสน ขอดีๆอีกทีซิ?” ริชาร์ดเอามือมาแตะเพื่อนรักให้หยุดแกะพวกมัน

“ก็ทำการทดลองไง..” คุณหมอวางนาฬิกาอันเดิมลงบนโต๊ะและตามด้วยยาระงับอาการฮีทและยาลดประสิทธิภาพของอัลฟ่า “ใส่เจ้านี่ให้ลาซารัส.. แล้วพวกเราก็กินยาทุกอย่างให้เสมือนเรากลายเป็นแค่เบต้าที่นกเขาไม่ขันจากนั้นก็ตามนั้น… ค่าใดๆที่วัดได้จะถูกส่งเข้ามือถือฉัน ทดลองได้สองเรื่องพร้อมกันเลย”

“ก็อยากจะชมว่าสมเป็นอัจฉริยะอยู่หรอก แต่กระดากปากชอบกลว่ะ…” พอคิดว่าโอเมก้าคนนั้นต้องโดนของเล่นที่ซื้อมาแต่ละอย่างเข้าไปแล้วก็รู้สึก...อยากเห็นอยู่เหมือนกัน

ไม่ใช่แล้วโว้ย!

“เดี๋ยวนะ เมื่อกี้แกพูดว่าพวกเรา หมายถึงฉันก็ต้องเป็นหนูทดลองให้แกด้วยงั้นเหรอ?”

“ก็ถ้าฉันทดลองอยู่คนเดียวแล้วจะบันทึกผลระหว่างนั้นได้ยังไง” คุณหมออัลฟ่าทดลองกดปุ่มของเล่นบางชิ้นและแอบตกใจที่มันสั่นสะเทือนแรงจนน่ากลัว คนเรานี่ก็ช่างประดิษฐ์สร้างของพวกนี้ขึ้นมาได้

“...แล้วแกโอเคเหรอวะ ถามลาซารัสแล้วรึยัง?”

“ถ้าเป็นแกล่ะก็ฉันไม่ว่าอะไรหรอก ส่วนเจ้าหนู...ตอนนี้อย่าว่าแต่คุยเลย พูดอะไรไปก็แทบจะไม่ฟัง เอาแต่ร้องขออยากจะทำๆอย่างเดียว” คาเล็มรู้สึกหดหู่เมื่อนึกถึงตอนที่ลาซารัสรู้สึกตัวตื่นหลังจากหมดฤทธิ์ยาสลบ

“ลำบากหน่อยนะ…” ริชาร์ดตบไหล่เพื่อนปลอบใจ “แต่ฉันคงมาช่วยทุกวันไม่ได้หรอก นี่เดี๋ยวสายๆต้องเข้าไปประชุมที่บริษัทแล้ว”

“ลาหยุดซักอาทิตย์ไม่ได้เรอะ?” ขอกันตรงๆ ไม่อ้อมค้อม และไร้ซึ่งความเกรงใจโดยสิ้นเชิง

“แล้วแกจะจ่ายค่าเสียเวลาให้ฉันมั้ยล่ะ” นี่ยังไม่ได้เก็บเงินค่าของเล่นที่เขารูดจ่ายให้ไปก่อนเลย

“หยุดงานแค่นี้ไม่ทำให้บริษัทแกล้มละลายหรอกมั้ง” ซีอีโอหนุ่มอยากจะด่าเพื่อนรักแต่ก็รู้ว่าคาเล็มพูดไปอย่างนั้น สุดท้ายก็บอกให้เขากลับไปก่อนแล้ววันหลังค่อยแวะมาใหม่

วันนี้คาเล็มคงต้องลุยคนเดียวก่อน…


ร่างสูงยืนอยู่หน้าห้องของลาซารัสที่ค่อนข้างเก็บเสียง อันที่จริงเขาสร้างห้องนี้ไว้ให้โอเมก้าอยู่แล้วเนื่องด้วยเขาต้องการให้ห้องนี้เป็นห้องของโอเมก้าโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ตอนสร้างบ้าน… คาเล็มสูดหายใจลึก เมื่อมั่นใจว่าไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนใดๆเพื่อยืนยันว่ายาออกฤทธิ์แล้ว เขาก็เปิดเข้าไปในห้อง..

ร่างโปร่งบนเตียงสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคนเข้ามาในห้อง ตาสีฟ้าปรือมองไปทางประตูทั้งที่ร่างกายยังคงสั่นสะท้านจนลุกเดินลำบาก “คุณหมอ..?”

“อยากให้นายทานอะไรก่อนสักหน่อยนะ ไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว..” คาเล็มวางถาดอาหารเช้าที่เรนเดลจัดการให้หยิบกินง่ายๆเป็นคำๆไว้ข้างหัวเตียง ลาซารัสยันตัวเองขึ้น ท้องไส้เริ่มหิวประท้วงทะลุราคะของตนออกมาจนต้องยื่นมือมาหยิบไปกินช้าๆ เครกเกอร์ที่สอดไส้ด้วยสลัดไข่กับทูน่ารสหวานไม่เลี่ยนมากและให้พลังงานสูงดูเหมาะกับสถานการณ์ดีสมกับที่พบเจอเหตุการณ์นี้มาจนชิน

“นั่นอะไร..” คงเพราะตอนนี้คาเล็มฉีดน้ำหอมดับกลิ่นฟีโรโมนมาด้วยทำให้ลาซารัสไม่คุ้มคลั่งเหมือนเมื่อวาน ตอนนี้ยังพอสื่อสารกันได้บ้างเล็กน้อย

“...พูดตรงๆตอนที่นายยังมีสติเหลือนะ.. ทั้งหมดนี่คือเซ็กส์ทอย” คาเล็มวางถุงกระดาษลงบนเตียงเบาๆ และหยิบนาฬิกาออกมาใส่ให้ข้อมือข้างที่ไม่ได้กำลังหยิบอาหารมาแทะกิน “ขอโทษนะ แต่ฉันต้องทำการทดลองต่อ.. นายไม่ได้เข้าช่วงฮีทบ่อยๆด้วย”

เมื่อดื่มน้ำตามจนหมดแก้วร่างโปร่งก็พยักหน้ารับช้าๆเหมือนสติยังเลื่อนลอยอยู่ มือที่เพิ่งว่างยื่นมาดึงเสื้ออีกฝ่ายเพื่อเรียกร้องให้คนตรงหน้าเข้ามาหา “คุณคาเล็มอยากให้ผมทำอะไรผมก็ทำ” สายตาเว้าวอนมองอ้อนและเริ่มเกาะแกะตัวเขา
ขนาดว่ากินยาระงับอาการฮีทคาเล็มยังหวั่นๆใจว่าจะไม่เผลอทำอะไรจริงๆหรือ?

แต่ใช่ว่าจะถอยได้ ร่างสูงควานหากุญแจมือมาสวมให้อีกคนแล้วล่ามไว้กับหัวเตียง แม้ไม่อยากทำแต่อย่างน้อยเขาก็ขอป้องกันไม่ให้ลาซารัสเผลอทำอะไรเองตามใจ..

“คุณหมอ..” เสียงครางเรียกหาผู้อยู่เบื้องหน้า คาเล็มจำต้องแตะลงไปตรงส่วนสงวนของร่างโปร่งอย่างช่วยไม่ได้ ณ เวลานี้ไม่ต้องปลุกเร้าอะไรลาซารัสก็ตื่นตัวอยู่แล้ว “อือ..”

เสียงครางเปล่งออกมาเมื่อถูกมืออุ่นลูบไล้อยู่ที่ส่วนอ่อนไหว ขนาดว่ายังไม่ได้ทำอะไรมากแท้ๆ… สองมือปลดกางเกงของโอเมก้าในครอบครองของตนเองออกไป เครื่องเพศความเป็นชายแข็งตัวเต็มที่และมีน้ำหล่อลื่นเปียกเยิ้มออกมาเต็มช่องทางด้านหลัง

“ไม่เกร็งนะ” คาเล็มที่พอมีประสบการณ์มามากพอให้รู้ว่าจะเริ่มทำให้กับมือใหม่ยังไงก็เริ่มกดวนปลายนิ้วสองนิ้วของเขารอบๆช่องทางนั้นแล้วแทรกนิ้วเข้าไปช้าๆ

“อ๊ะ! อ่ะ.. !” ร่างโปร่งสะดุ้งเพราะการรุกล้ำจากสัมผัสไม่คุ้นเคย แต่ก็รู้สึกโหยหามากจนลืมความเจ็บไปจนหมด เสียงครางค่อยๆเพิ่มขึ้นและดังขึ้นทุกครั้งที่คาเล็มขยับนิ้วเข้าออก จากเชื่องช้าก็เริ่มรวดเร็ว

แม้จะกินยาต้านอาการฮีทมาแล้วแต่ใช่ว่าจะไม่มีความรู้สึกอะไร ภาพตรงหน้าช่างเย้ายวนเสียจริง… แต่คาเล็มก็ส่ายหน้าแล้วหยิบเอาอุปกรณ์ที่ดูแสนเข้าใจง่ายออกมา “ลาซารัส.. อันนี้ห้ามเกร็งเด็ดขาดเลยนะ”

“เอ๋? ค...คุณคาเล็ม ไม่ใช่เข้ามา?” ร่างโปร่งที่สั่นระริกเพราะกระสันอยากต้องการสิ่งที่มากกว่าเพียงแค่นิ้ว

“ขอโทษนะ..” อัลฟ่าสูงวัยกลั้นใจค่อยๆสอดใส่ของเล่นชิ้นขนาดกลางๆเข้าไปในช่องทางชุ่มของคนที่นอนอยู่ และหยุดคาเอาไว้อย่างนั้นให้ส่วนคับแคบคุ้นชินกับมันก่อนจะขยับเข้าออกช้าๆ

“อึ้ก! อ๊ะ!” ความรู้สึกแปลกใหม่ที่เพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรกกำลังสอดแทรกเข้ามายังช่องทางลับที่ไม่เคยมีใครบุกรุกเข้ามา ดวงตาสีฟ้าหันไปจ้องมองตาของอัลฟ่าที่เลี่ยงจะสบตากับเขา “ค...คุณคาเล็ม อ๊ะ!”

มือหนาใส่แรงขยับอุปกรณ์ให้เร็วขึ้นเพื่อเร่งให้โอเมก้าของตนถึงที่หมาย ช่องทางตอดรัดแน่นจนดึงเข้าออกลำบาก

“ผม...ต้องการคุณ...คาเล็ม”

เสียงสั่นเอ่ยความต้องการที่ปรารถนา คุณหมออัลฟ่าต้องทำเป็นไม่ได้ยินคำขอร้องเอาแต่ใจของคนไข้ มือข้างที่ว่างยกสะโพกให้สูงขึ้นแล้วกดของเล่นให้เข้าไปได้ลึกกว่าเดิมและกระแทกเข้าออกจนร่างโปร่งกระตุกเกร็งปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นออกมาเลอะเต็มที่นอน

ลาซารัสอ้าปากหอบหนักแต่ร่างกายยังคงถวิลหาสิ่งที่เร่าร้อนมากกว่านี้ สองแขนที่ยังคงถูกตรึงด้วยกุญแจมือไว้บนหัวเตียงพยายามดึงออกอย่างไร้ผล

เขาอยากกอด อยากสัมผัสร่างกายอบอุ่นของคนๆนี้ เขาไม่อยากได้ของพวกนี้เลยแม้แต่น้อย

“คุณ...รังเกียจผมเหรอครับ…” ดวงตาสีฟ้าเอ่อนองด้วยน้ำตา “ขอแค่ครั้งเดียว...ช่วยกอดผมหน่อยได้มั้ยครับ...ได้โปรด” ดวงตาคมหันหน้าหนีแล้วยื่นมือไปยังถุงกระดาษค้นเอาสิ่งที่คล้ายลูกบอลกลมๆมาใส่ไว้ในปากของโอเมก้าตรงหน้า แต่ลาซารัสกลับสั่นหน้าเพราะอึดอัดคล้ายไม่พอใจกับของเล่นชิ้นนี้เลย

“อือ!..อื้อ!” เสียงอื้ออึงประท้วงเพราะไม่สามารถส่งเสียงหรือพูดอะไรออกไปได้ เขาได้แต่มองดูคุณหมออัลฟ่าจัดแจงให้เขานอนคว่ำหน้าพร้อมยกสะโพกขึ้นแล้วเปลี่ยนของเล่นชิ้นใหม่แทนอันเก่าก่อนจะสอดใส่มันเข้ามาในตัวเขา ทั้งที่ตอนนี้ใจเขาไม่อยากได้อะไรมาช่วยให้เขารู้สึกดีอีกแล้ว แต่ร่างกายกลับไม่ปฏิเสธและยินยอมต้อนรับให้มันเข้ามาอีกครั้ง

“อุ่ก!! อื๊อ!!” ร่างกายบิดเร้าและสั่นสะท้านเพราะของเล่นที่เหมือนกับชิ้นก่อนหน้า แต่สามารถเพิ่มแรงสั่นได้ตามระดับของรีโมตที่อยู่ในมือของอัลฟ่าที่คอยมองตัวเขาสลับกับมือถือ

“อย่าเกร็งลาซารัส ผ่อนคลายมากกว่านี้ มันไม่อันตรายหรอก” คาเล็มปลอบและค่อยๆเพิ่มระดับจากน้อยสุดไประดับกลาง
ร่างกายของโอเมก้าบิดเร้าเมื่อถูกกระตุ้นปรนเปรอได้โดนจุดจนถึงกับกำมือจิกเล็บลงบนมือตัวเองแน่น ก่อนที่คนควบคุมจะกดปุ่มเพิ่มไปจนถึงระดับสูงสุด ช่องทางตอดรัดถี่ราวกับจะกลืนทุกสิ่งเข้าไป แล้วแก่นกายก็ปลดปล่อยออกมาอีกหลายต่อหลายครั้ง

กว่าจะรู้ตัวอีกทีเขาก็ถูกคุณหมอทดสอบให้เสร็จกับเซ็กส์ทอยไปถึงสี่ห้าครั้ง จนเห็นสมควรว่าวันนี้ควรพอได้แล้วจึงหยุด ร่างโปร่งอ้าปากหอบเอาลมหายใจเข้าไปและหลับตาลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอย่างห้ามไม่อยู่

สุดท้าย...คุณก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมมากไปกว่าตัวทดลองคนหนึ่งจริงๆ สินะ….


ลาซารัสหมดเรี่ยวแรงจนผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า คาเล็มเก็บอุปกรณ์แล้วจัดการเปลี่ยนชุดเพื่อทำความสะอาดร่างกายให้กับโอเมก้าของตนก่อนออกไปจากห้องนอนโดยไม่ลืมล็อคประตู และตรงไปยังห้องทำงานเพื่อบันทึกผลครั้งแรกในวันนี้ลงในแล็ปท็อป

“ฉันขอโทษนะ…” มือทั้งสองข้างยกขึ้นกุมหน้าตัวเอง สายตาที่ส่งมาในตอนนั้นเขารู้ความหมายดี และต้องอดทนอดกลั้นฝืนใจอย่างยากลำบากอยู่หลายครั้ง สติที่พร้อมจะสลัดทิ้งไปได้ทุกเมื่อที่เห็นดวงตาสีฟ้าต้องทรมานกับการกระทำของเขาเอง ถึงแม้จะช่วยให้ลาซารัสปลดปล่อยถึงฝั่งไปหลายครั้งแต่หัวใจของเด็กนั่นกลับเจ็บปวดสวนทางกับร่างกาย

คาเล็มได้ข้อสรุปในวันแรกของอาการฮีทในโอเมก้าว่า ทุกครั้งที่ถูกทำให้เสร็จตัวโอเมก้าจะค่อยๆมีสติกลับมา ไม่เหมือนกับตอนที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อยที่เอาแต่พร่ำเพ้อหาถึงอัลฟ่า

เรียกว่าผลการทดสอบวันแรกจัดว่าได้ผลดีก็ไม่เชิงนัก เพราะตัวผู้ทดสอบอย่างลาซารัสไม่พอใจกับการใช้อุปกรณ์มาช่วย ซึ่งเหตุผลนี้คาเล็มเองก็รู้ดีแก่ใจ…

(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

เสียงเรียกของมือถือส่งเสียงเตือนเจ้าของมันว่าคนที่สวมนาฬิกาไว้มีอัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้นและสารต่างๆในร่างกายเริ่มเพิ่มระดับขึ้น คาเล็มรู้ว่าลาซารัสตื่นขึ้นมาแล้ว เขาเองก็เผลองีบไปเล็กน้อยจึงหันไปมองนาฬิกาที่ผนังห้อง ปาไปบ่ายกว่าแล้วแต่เขากลับไม่รู้สึกหิวเลย โอเมก้าคนนั้นก็คงไม่อยากจะกินอะไรหรอกมั้ง? แต่ไหนๆก็ไหนๆ เอาไปเผื่อก็แล้วกัน… คาเล็มหยิบยาที่มีมากินให้พร้อม แต่ว่า...ยาระงับอาการฮีทของเขากลับหมดไปแล้ว…

“อะไรวะ..” ร่างสูงสบถขัดใจ เสียงมือถือก็ร้องเตือนว่าลาซารัสตื่นตัวเต็มที่แล้ว ไม่มีเวลาให้ไปค้นยาที่เก็บไว้เลย “แค่ดับกลิ่นฟีโรโมนกับลดการได้กลิ่นก็พอมั้ง”

คาเล็มเดินถือจานอาหารที่เรนเดลเอามาวางเตรียมไว้ให้ไปด้วย ตอนนี้พ่อบ้านก็พาจูเลียตออกไปเดินสำรวจรอบๆบริเวณอย่างรู้งาน

เมื่อเปิดประตูเข้าไปร่างของลาซารัสก็สะดุ้งแล้วโงหัวขึ้นมามองคุณหมอที่เพิ่งเข้ามาในห้อง ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงที่ลาซารัสนอนขดอยู่ “หิวรึเปล่า?” ร่างโปร่งส่ายหน้าช้าๆทั้งที่ยังคงกอดซุกอยู่กับหมอนข้างใบหนา ร่างสูงจึงวางจานไว้ที่ข้างหัวเตียงที่เดิมแล้วนั่งลงข้างๆร่างสั่นเทานั่น

“คุณคาเล็ม...ขอร้องล่ะครับ ช่วยกอดผมที..” เสียงอ้อนวอนปนความเศร้าเล็กๆไม่ยากเกินจับสังเกต คาเล็มนั่งลังเลอยู่นานก่อนจะตัดใจเริ่มทำเหมือนเมื่อเช้าอีกครั้ง

มือสั่นคว้าข้อมือที่กำลังเอื้อมไปค้นหาของในถุงแน่น คาเล็มพยายามไม่มองหน้าร่างโปร่ง แม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้กลิ่นอะไรแต่เขาก็ไม่ไว้ใจตัวเองพอ “คุณเกลียดผมเหรอครับ..” ร่างสูงชะงักมือไปแต่ยังไม่กล้ามองหน้าคนที่นอนทรมานบนเตียงอยู่ดี

“ผมขอโทษ..” ลาซารัสเริ่มเพ้อเพราะอารมณ์ความรู้สึกหลากหลายตีกันจนสับสน แม้จะกระสันในความต้องการขนาดไหนแต่เขาก็หยุดร้องไห้ไม่ได้ “ถ้าผมเอาแต่ใจเกินไปผมขอโทษ ..อย่าเกลียดผมเลยนะ”

โอเมก้าหนุ่มค่อยๆลากตัวเองมาใกล้อีกฝ่ายแล้วกอดร่างสูงไว้แน่น คาเล็มไม่กล้าแกะร่างสั่นระริกนั้นออกทั้งที่เขารู้ว่ามันชักจะอันตรายเกินไปแล้ว

“คุณคาเล็มจะทำอะไรผมก็ได้นะ แต่อย่าทิ้งผม...อย่าส่งผมไปอยู่กับคนอื่นเลยนะครับ”

คำพูดที่บีบหัวใจคนฟังจนจุกอก ดวงตาหลังแว่นหันมามองดูคนที่ตัวสั่นราวกับเด็กตัวเล็กๆที่กลัวจะถูกทอดทิ้ง มือหนาลูบหัวปลอบโยนเหมือนที่เคยทำมาตลอดหวังให้โอเมก้าตัวน้อยของตนสงบใจลง

“ฉันไม่ได้เกลียดนาย” เสียงทุ้มที่อ่อนโยนยิ่งกว่าทุกครั้งที่เคยได้ยินจากอัลฟ่าสูงวัยเอ่ย แค่คำพูดสั้นๆคำเดียวแต่หัวใจคนที่ได้ยินก็รู้สึกเหมือนได้รับน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจที่แห้งเหือด มือที่สวมกอดยิ่งโอบแน่นราวกับต้องการพิสูจน์เพราะกลัวว่าคนพูดจะเป็นแค่ภาพฝัน

“ถ้างั้น…”

“แต่ฉันก็ยังไม่ได้รักนาย”

ร่างที่สั่นเทาหยุดกึกเหมือนโดนแช่แข็ง คำพูดดั่งสายน้ำเมื่อครู่กลายเป็นแท่งน้ำแข็งทิ่มบาดลึกคนฟัง โอเมก้าหนุ่มปล่อยมือออกช้าๆ พร้อมกับน้ำตาที่หยุดไหลและแววตาสีฟ้าที่มืดหม่นลง

“ไม่ต้องรักก็ได้…” ลาซารัสดึงเสื้อของตัวเองขึ้นโดยที่ยังพูดเหมือนคนไม่มีสติ “คุณไม่ต้องรักผมก็ได้ แต่ขอให้ผมได้รักคุณด้วยเถอะ...นะครับ”

จังหวะที่คาเล็มถอยหลังเพื่อจะหนี ความเจ็บที่หลังก็แล่นแปล๊บขึ้นมาจนชะงัก ร่างโปร่งดันกายของเขานอนราบลงไปกับเตียงแล้วตวัดขาคร่อมทับทำให้ลุกขยับไปไหนไม่ได้

ดวงตาคมเงยหน้ามองโอเมก้าหนุ่มที่ตอนนี้ไม่เหลือเสื้อผ้าติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว แม้ว่าจะกินและฉีดยาป้องกันมาแล้วแต่ภาพวาบหวามตรงหน้ามันก็ทำให้ความต้องการตามธรรมชาติของเพศชายตื่นตัวขึ้นมา

“ลาซารัส อย่าทำแบบนี้…” หมออัลฟ่าต้องข่มใจพูดอย่างยากลำบาก ตัวเขาเริ่มหายใจติดขัดและอึดอัดที่ส่วนล่างซึ่งสะโพกของคนข้างบนนั่งทับอย่างหมิ่นเหม่ กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าหนุ่มยิ่งรุนแรงขึ้นกว่าเดิมจนจมูกของคาเล็มได้กลิ่นจางๆแม้จะเล็กน้อยมากก็ตาม

กลิ่นหอมของดอกไม้ที่แสนอันตราย ล่อลวงเหยื่อทำให้บ้าคลั่งและลุ่มหลงจนอยากแหวกดงหนามเข้าไปเด็ดมาเชยชม

สองแขนอยากจะยกขึ้นผลักหรือห้ามคนข้างให้หยุดแต่ถูกกดไว้กับเตียงด้วยเพราะยามปกติโอเมก้าคนนี้ก็เรี่ยวแรงดีอยู่แล้ว ไม่ต้องนับว่าเขากำลังเจ็บขาและหลังรวมทั้งตอนนี้ลาซารัสกำลังถูกอาการฮีททำให้คลุ้มคลั่งด้วยอีก…

คนข้างบนก้มลงมาหาและจูบลงกับปากเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว คาเล็มหันหน้าหนีแต่ร่างโปร่งก็หาได้สนใจ ไล้ปลายลิ้นไปทั่วอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้ไม่ได้กลิ่นอัลฟ่าใดๆจากตัวคาเล็มแต่ที่เขาต้องการจริงๆคือกลิ่นกายของคนตรงหน้าต่างหาก “คุณหมอ..หอมจัง..”

“ลาซารัส! หยุด!!” ส่วนล่างเปืยกชื้นจากน้ำหล่อลื่นจากทั้งส่วนหน้าและหลังกำลังขยับบดเบียดแก่นกลางลงกับความเป็นชายของอัลฟ่าที่เขาโหยหา และไล่จูบไปทั้งคอของคุณหมอที่ไม่มีเสื้อผ้าปิดบัง ตอนนี้ท่าทางพูดอะไรไปคงไม่ยอมฟังแล้ว

มือเรียวข้างหนึ่งเปลี่ยนลงมาลูบไล้ส่วนกลางใต้ร่มผ้าที่แข็งตัวเต็มที่จากทั้งกลิ่นฟีโรโมนรุนแรงที่โชยทะลุยาต้านเข้ามาได้ และทั้งการปลุกเร้าที่เก้ๆกังๆทว่าตรงจุดเสียวซ่านของเพศชายทั้งหมด..

ร่างโปร่งปลดกางเกงอีกฝ่ายอย่างทุลักทุเลเพราะคุณหมอพยายามขัดขืนทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่พ้นให้ลาซารัสพาส่วนตื่นตัวออกมาจากกางเกงได้อยู่ดี “ใหญ่จัง… น่าอิจฉาจัง…” ลาซารัสมองมันด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมด้วยความต้องการ

“ใจเย็นก่อนนะ ทำแบบนี้ไปนายมีแต่จะเป็นฝ่ายเสีย..” เรี่ยวแรงที่สู้ไม่ได้แถมยังอ่อนกำลังลงเรื่อยๆทำให้คาเล็มลนจนต้องหาแผนอื่น แต่ท่าทางคนข้างบนจะไม่อยากคุยด้วยเท่าไหร่ ลาซารัสยื่นหน้ามาหาเหมือนจะจูบเขาอีกรอบ คาเล็มจึงเอามือมายื้อไม่ให้ร่างโปร่งเข้ามาใกล้ “นี่! ช่วยฟังกันหน่อยสิ!”

“ไม่เอา… ทีคุณหมอยังไม่เคยฟังผมเลย” ความเอาแต่ใจขั้นสุดเพราะถูกแรงอารมณ์พาไป เมื่อหมอยุ่งอยู่กับการป้องกันเอกราชด้านบน ลาซารัสจึงจับเอ็นอุ่นร้อนของอีกคนให้มั่นแล้วกดสะโพกของตนลงไปหา

“อ๊าา!! อ๊ะ..! อ่ะ!” แม้จะถูกเบิกทางด้วยของเล่นเมื่อเช้าไปแล้ว แต่ของจริงกับของเล่นมันก็ต่างกันมากพอดู เขากดร่างตัวเองไปได้เพียงครึ่งเดียวก็หยุดชะงักเพราะรู้สึกเหมือนร่างกายจะแยกเป็นเสี่ยงๆ “เจ็บ...เจ็บ…”

“ลุกออกไปเถอะลาซารัส ฉันขอล่ะ” คาเล็มปิดตาแน่นข่มอารมณ์ตนไว้ ช่องทางร้อนคับแน่นกำลังค่อยๆกลืนกินความเป็นชายของเขาเข้าไป ความรู้สึกที่ไม่ได้สัมผัสมานานหลายปีนี้ทำเอาเขาแทบคุมสติตัวเองไม่อยู่อยากจะกระแทกสวนเข้าไป แต่ถ้าทำแบบนั้นทุกอย่างที่สู้อดทนทำมาทั้งหมดจะพังลงทันที

“ผม...อยากให้คุณ...เป็นคนแรก” โอเมก้าหนุ่มเค้นคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก “ถ้าคุณหมออยากจะผลักไสผมไปให้คนอื่น อย่างน้อย...ก็ขอให้ผมได้เป็นของคุณสักครั้ง”

คาเล็มกัดฟันกรอดกำมือแน่นจนจิกเข้าไปในเนื้อ เสียงนุ่มหอบกระเส่ายื่นใบหน้าเข้ามาจูบข้างแก้มและดึงแว่นหนาเกะกะออกไป “ผมอยากเป็นของคุณคนเดียว คุณคาเล็ม...ผมรักคุณ รัก...ที่สุด”

“พอแล้ว…” มือหนาจับเอวของร่างโปร่งแล้วกดสะโพกคนข้างบนลงมา ลาซารัสร้องลั่นร่างกายกระตุกเกร็งเจ็บปวดกับช่องทางด้านหลังที่เหมือนกับฉีกขาดไปแล้ว “ฉันอดทนกับนายมามากพอแล้ว”

ร่างสูงดันกายขึ้นแล้วพลิกตัวมาเป็นฝ่ายอยู่ข้างบน มือเกาะเกี่ยวยกสะโพกโอเมก้าหนุ่มยึดไว้กับลำตัวจนสองร่างเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกัน

“ผม...เจ็บ” โอเมก้าหนุ่มน้ำตาไหลอย่างน่าสงสาร คาเล็มที่เคยไร้เรี่ยวแรงต่อต้านเพราะสังขารตามกาลเวลาของอัลฟ่าสูงวัยกลับมามีแรงคึกดั่งม้าหนุ่มที่เครื่องติด เพราะกลิ่นฟีโรโมนโอเมก้าที่รุนแรงนั้นส่งผลให้ร่างกายทุกส่วนตื่นตัว สมองสั่งให้คิดถึงแต่เรื่องตรงหน้าที่ควรทำโดยไม่แม้แต่จะรู้สึกปวดที่หลังหรือเจ็บที่ขาอีก

“ทั้งที่ฉันไม่อยากทำ แต่ในเมื่อนายต้องการแบบนี้ก็อย่ามาโทษว่าเป็นความผิดของฉันทีหลังแล้วกัน” ไม่มีแววตาของเห็นใจจากคุณหมออัลฟ่าคนเดิม ดวงตาคู่นั้นมีแต่ความกระหายอยากเหมือนกับสัตว์ป่าอย่างที่ลาซารัสเคยประสบเจอในงานเลี้ยง

ไม่ใช่...นี่ไม่ใช่คุณหมอคาเล็มที่เขารู้จัก!

“มะ...ไม่...ไม่เอาแล้ว!” ความกลัวในสิ่งที่จะเจอกับเหตุการณ์ครั้งนั้นกดความต้องการที่ท่วมท้นจนแทบระเบิดหายไป

“เพิ่งจะกลัวเหรอ? แต่ร่างกายนายไม่ปฏิเสธฉันเลยนะ” ยิ่งออกแรงดิ้นเท่าไหร่ช่องทางคับแน่นของโอเมก้าที่สอดประสานกับแก่นกายใหญ่ของคุณหมออัลฟ่าก็ยิ่งตอดรัดเป็นอย่างดี ยิ่งสะโพกหนาขยับเอวกดเข้าไปให้ลึกเท่าไหร่ช่องทางร่วมรักก็ยิ่งตอบสนองอย่างเร่าร้อนมากขึ้น

“ฮ้ะ! อ่ะ!” ลิ้นร้อนไล่เลียตุ่มไตที่หน้าอกร่างโปร่ง ดูดดุนด้วยเสียงจาบจ้วงอย่างหิวกระหายสลับกับใช้ฟันคมขบเนินเนื้อให้เสียวซ่าน อีกข้างก็ถูกนิ้วสะกิดเขี่ยเล่นปลุกกระตุ้นให้อารมณ์กลับมาพุ่งสูงไม่แพ้กัน

“เมื่อกี้ฉันบอกให้นายหยุดแต่นายก็ไม่ฟัง เด็กดื้อแบบนี้ต้องโดนลงโทษ” เสียงทุ้มหอบกระเส่าไล่เลียมาถึงต้นคอที่ได้กลิ่นหอมของฟีโรโมนรุนแรงที่สุด หมอคาเล็มที่เคยสุขุมเย็นชาถูกความกระหายอยากครอบงำจนสติไม่เหลือชิ้นดี ลิ้นไล่ชิมสลับกับฟันคมขบที่หลังคอเบาๆ แต่ยังไม่ขบแรงพอจะขึ้นเป็นรอยตีตรา เป็นเพียงแค่รอยประทับสีกุหลาบจางๆเท่านั้น

ไม่รอให้ร่างโปร่งได้ปฎิเสธหรือแก้ตัว คนข้างบนเริ่มขยับสะโพกกระแทกเข้าไปทีละนิดเพื่อให้ทางชุ่มชื้นด้านหลังขยายตัวมากพอให้เขาได้กระทำอะไรๆให้สะดวกกว่านี้

“อ๊ะ!… คุณหมอ…” เสียงครางกระเส่าเปล่งออกมาทีละนิดเมื่อถูกกระแทกกระตุ้นรุนแรงขึ้น ความกลัวเมื่อครู่กำลังเริ่มถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่เคยเจอ ส่วนแข็งขืนร้อนระอุที่อยู่ในตัวเขาทำเอาอะไรๆที่โดนไปเมื่อเช้าเทียบไม่ติด

คาเล็มยกสะโพกอีกฝ่ายขึ้นให้สูงพอดีกับส่วนล่างตนเพื่อเริ่มรุกล้ำรุนแรง เขาโน้มตัวลงมาคร่อมลาซารัสไว้ “แยกขาออกอีก”
คำสั่งเสียงกร้าวทำเอาคนถูกสั่งสะดุ้งจากการตื่นกลัวในอำนาจที่เหนือกว่าแล้วทำตามอย่างว่าง่าย คาเล็มเริ่มขยับกระแทกกระทั้นตามแรงอารมณ์ของตัวเองโดยไม่สนใจว่าคนรองรับจะไหวหรือไม่

“อ๊า! ฮ่ะ..! อ๊ะ!! คุณหมอ!” ร่างด้านใต้แผดเสียงครางลั่นห้องนอนกว้างฟังไม่ได้ศัพท์ มือทั้งสองเกาะจิกลงหมอนนุ่มที่รองหนุนตัวอยู่

“ขอให้หยุดตอนนี้ฉันไม่หยุดให้หรอกนะ” คนข้างบนกดแก่นกายลงมาอีกและเปลี่ยนมาใช้แขนทั้งสองจับขาเรียวแยกออกให้กว้างขึ้นเพราะลาซารัสนั้นไม่ค่อยจะได้ดั่งใจเท่าไหร่

“เปล่า..อึ่ก! เปล่าครับ!” ร่างโปร่งเรียบเรียงคำพูดอย่างยากลำบากเพราะความเป็นชายของอีกฝ่ายยังคงกระแทกเข้ามาไม่หยุด แถมมีแต่จะยิ่งรุนแรงขึ้น “มัน..อ๊ะ!.. มัน...รู้สึกดีสุดๆ!!”

ดวงตาสีฟ้ารื้นน้ำตาแห่งความสุขสมมองตรงเข้าไปในดวงตาสองสีนั้นอย่างกับว่ากำลังบอกให้คาเล็มลงมือบดขยี้เขาให้สมอยากใจได้เลย

คนฟังนึกแปลกใจแล้วเผยอยิ้มให้ใบหน้าสีแดงจัดนั้น ในเมื่อขอมาก็จัดให้ คาเล็มรัวสะโพกใส่ร่างเล็กกว่าอย่างหิวกระหายสัมผัสแสนหฤหรรษ์นี้มานาน

“อ๊าา!! คาเล็ม..! คุณคาเล็ม.. แรงอีก! อ๊ะ!!” เสียงน่าอายครวญครางลั่นอย่างไร้สติ ส่วนล่างที่เพิ่งเคยถูกรุกล้ำครั้งแรกเริ่มขยับรับกับจังหวะของคนนำพา “คุณหมอ.. คุณหมอครับ..”

“ว่าไงเด็กดื้อ จะเอาอะไรอีกล่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถามเสียงพร่า

“กอดผมที.. จูบผม… ทำให้ผมเป็นของคุณที” คำร้องขอเอาแต่ใจรัวออกจากปากเมื่อห้วงอารมณ์ใกล้ถึงฝั่งฝัน ร่างโปร่งแอ่นตัวตอบรับทุกสัมผัสร้อนร่านที่ถูกมอบให้โดยลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมดสิ้น

ริมฝีปากหนาเลียปากตัวเองสลับกับมองภาพคนเบื้องล่าง ใบหน้าที่เคยยิ้มสดใสอย่างไร้เดียงสามาตอนนี้กลับแดงจัดด้วยแรงตัณหา ริมฝีปากที่พร่ำเรียกหาแต่ตัวเขาช่างแสนยั่วยวนชวนให้อยากลิ้มลอง เขาหยุดซอยสะโพกกลางคันแล้วโน้มใบหน้าลงมาหาคนที่ถูกทำให้ชะงัก

“พูดได้ไม่อายปากเลยนะลาซารัส” เสียงทุ้มเย้าแหย่ ปลายนิ้วโป้งไล้ไปตามริมผีปากหยักได้รูปและกดนิ้วลงไปเบาๆ ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจร้อนแรงจรดใบหน้า “อ้าปากสิ”

โอเมก้าหนุ่มเผยอปากอ้าออกให้อัลฟ่าเจ้าของตนบดจูบเข้ามา ลิ้นร้อนแทรกกระหวัดวนไปทั่วปากราวกับกำลังสำรวจดินแดนใหม่ ปลายลิ้นไล่เลียไปทั่วริมฝีปากของคนที่ยังไร้ประสบการณ์ถึงขนาดว่าเผลอกลั้นหายใจจนเกือบจะแย่

“แฮ่ก...ฮ่ะ...คุณหมอ อื้ม!” ลาซารัสพักหายใจได้เพียงครู่เดียว คาเล็มก็สอดมือเข้าไปใต้หลังคอให้ใบหน้ามนเงยรับกับมุมที่ตนจูบได้ถนัด คราวนี้ลิ้นของชายผู้มากวัยกว่าจูบเอาลิ้นของตัวเองสัมผัสกับลิ้นของโอเมก้าตัวน้อยอย่างดูดดื่มจนคนอ่อนประสบการณ์ตามไม่ทัน

“สงสัยคงต้องสอนอีกเยอะ” ใบหน้าคมกระตุกยิ้มแต่ก็ไม่ได้รังเกียจที่อีกฝ่ายตามเกมรุกของเขาไม่ทัน ก่อนพลิกร่างของอีกฝ่ายให้อยู่ในท่าคุกเข่ากางขาออกและเอาสองมือยันที่นอนเหมือนสุนัข มือหนาจับเอวร่างโปร่งไว้และเริ่มบรรเลงรักรอบสุดท้ายด้วยการกดแก่นกายที่ตื่นตัวเต็มที่ของตนสอดใส่เข้าไปและเริ่มขยับซอยสะโพกจากช้าไปเร็วในทันที

“อ๊า! อ๊า! อึ้ก!! ฮ้ะ! จะ..เจ็บ! อ๊ะ!” เสียงร้องแผดลั่นเมื่อท่อนเอ็นร้อนกระแทกกับผนังด้านในเข้ามาลึกมากเสียจนเขาทั้งเจ็บและจุก “คะ...คุณหมอ เบากว่านี้ อ๊ะ! ผมเจ็บครับ..ฮ้ะ!”

คาเล็มจิปากแล้วผ่อนแรงช้าลงก่อนจะโน้มตัวลงนอนหงายแล้วให้ลาซารัสคร่อมตัวเขาไว้เหมือนกับตอนแรก “ถ้าฉันทำแล้วเจ็บงั้นนายก็ขยับเอาเองแล้วกัน”

“อ่ะ...แต่ว่า อ๊ะ!” สะโพกหนากระแทกสวนขึ้นไป มือหนาข้างหนึ่งจับแก่นกายของร่างโปร่งรูดขึ้นลงปรนเปรอให้คนข้างบน “คุณหมอ...ใจร้าย”

“ใช่ ฉันเป็นหมอนิสัยไม่ดี” นิ้วโป้งกดส่วนปลายที่มีน้ำหล่อลื่นปริ่มแล้วจิกเล็บกดย้ำวนไป “จะทำหรือจะหยุดก็แล้วแต่นาย”

ลาซารัสต้องจำยอมทำเองตามความทรงจำที่เหล่าชายหนุ่มล้วนต้องเคยเห็นเรื่องแบบนี้ผ่านตามาบ้าง หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้วท่านี้เข้ามาลึกกว่าท่าเมื่อครู่เสียอีก แต่ร่างโปร่งก็พยายามดันตัวเองลงไปจนสุด กระทั่งติดกับเนื้อใกล้ๆโคนที่บวมกว่าปกติจนเขาไม่กล้ากดลงไปจนมิด

“อื้ม!... อ๊ะ..” ลาซารัสปล่อยร่างกายขยับไปตามแรงอารมณ์อย่างโหยหาความสุขทางกาย เขาขยับกระแทกตัวลงไปทีละน้อยกระทั่งสามารถกลืนกินความเป็นชายทั้งหมดของอัลฟ่าเบื้องล่างได้

พอความเจ็บปวดที่มีมันหายไปก็เหลือแค่ความเสียวสะท้านแล่นไปทั้งตัวทุกครั้งที่ถอนตัวขึ้นเสียเกือบหลุดและกดลงไปสุด คนข้างล่างไม่ปล่อยให้โอเมก้ามือใหม่ทำคนเดียว คาเล็มเอื้อมมือไปบีบเค้นเอาสะโพกแน่นนั้นอย่างหมั่นเขี้ยวพลางขยับตัวกระแทกสวนขึ้นมาด้วย

ทั้งคู่เริ่มประสานเกมรักเป็นจังหวะเดียวกัน ลาซารัสเจอจุดกระสันที่ทำให้ตนร้อนวูบวาบในอกและอยากจะกรีดร้องออกมาแต่ยังไม่เชี่ยวพอจะสามารถเน้นย้ำมันได้ทุกครั้ง “คุณหมอ...อ๊ะ! ช่วยผมที.. มันทรมานจัง” เสียงครางอ้อนพร้อมตาปรือหยาดเยิ้มเว้าวอนขอคนข้างล่างที่ดูจะใกล้ถึงสวรรค์เช่นเดียวกัน

“หันหลังให้ฉัน แล้วเอนลงมานี่” อัลฟ่าสูงวัยออกคำสั่งอย่างรู้ว่าทำยังไงถึงจะเจอจุดกระตุ้นของอีกคน ร่างโปร่งทำตามอย่างว่าง่าย เขาอยู่ในท่าที่เกือบๆจะเอนตัวทับคุณหมออยู่แล้ว มือสองข้างยันตัวไว้ข้างๆเอวของคาเล็มเพื่อไม่ให้ล้มลง “แยกขาออกกว้างๆแล้วยกสะโพกไว้นิดนึง”

ถึงจะแอบรำคาญแต่พอนึกถึงสิ่งที่ร่างโปร่งจะเจอก็แทบจะรอไม่ไหวที่จะเห็นสีหน้านั้น สองมือหนาจับเชิงกรานอีกฝ่ายไว้ก่อนกระแทกสวนขึ้นมาจนมิด ลาซารัสสะดุ้งแทบลุกหนีแต่มือทั้งสองกดเขาไว้ไม่ให้ขยับไปไหน

“อ๊า! อ๊ะ!! คุณ..อ๊ะ!! คุณหมอ..!!” เสียงครางลั่นเพราะถูกกระแทกกระทั้นเสียดสีกับส่วนที่อ่อนไหวภายในอย่างรุนแรงเร่งเร้า โอเมก้าหนุ่มรู้สึกดีมากเสียจนร้องไม่เป็นภาษา สะโพกที่คราแรกจะขยับหนีความรู้สึกนั้นตอนนี้กลับขยับรับจังหวะของคนข้างล่าง ริมฝีปากเผยอเรียกชื่อคาเล็มซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างควบคุมไม่ได้

ความรู้สึกเสียวสะท้านแล่นไปทั้งตัวก่อนลาซารัสจะเกร็งตัวตอบรับและปลลดปล่อยตัณหาทุกหยาดหยดออกมา “อ๊าาา!! อ๊ะ..! อ๊า!!” แรงอารมณ์ส่งให้โอเมก้าหนุ่มพุ่งถึงสวรรค์อย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ช่องทางอุ่นนุ่มเกร็งแน่นตอดรัดความเป็นชายของอีกฝ่ายถี่กระชั้น คาเล็มเผลอสนองตอบร่างเล็กด้านบนนั้นด้วยการกระแทกแท่งเอ็นอุ่นเข้าไปเสียมิด

“อึ่กก!! ฮ่ะ!” สองมือกดเอวอีกคนลงให้สะโพกแน่นนุ่มแนบชิดร่างของเขาและปล่อยน้ำรักอุ่นร้อนเข้าไปลึกเต็มช่องทางคับแคบและล้นทะลักออกมาเปรอะไปทั่ว

คาเล็มจับตัวลาซารัสเอนลงนอนข้างๆ แล้วกอดร่างของโอเมก้าที่แทบหมดสิ้นเรี่ยวแรงเข้ามาแนบชิด มือหนาลูบปลอบขวัญและจูบที่ขมับชื้นเหงื่อ ส่วนล่างที่เชื่อมต่อระหว่างกันไว้นั้นยังคงต้องค้างเอาไว้เพราะไม่สามารถถอนตัวออกไปจนกว่าเวลาจะผ่านไประยะหนึ่งได้

ถึงตอนนั้นคงต้องรีบลุกไปหยิบยาคุมฉุกเฉินของโอเมก้ามาให้เด็กดื้อคนนี้กินโดยเร็วไม่อย่างนั้นมีหวังเขาคงได้เป็นพ่อคนเอาตอนแก่แน่ๆ

หรือจะไม่ต้องให้กินดี…

คุณหมออัลฟ่าสะบัดหัวไล่ความคิดชั่ววูบนั้นออกไปแล้วเหยียดแขนแทนหมอนให้ร่างโปร่งหนุนนอน ใบหน้ามนปรือตาเงยหน้าขึ้นช้อนตามองดวงตาคมก่อนที่จะก้มหน้าซุกอกอีกฝ่ายหนีความอาย

“จะเขินทำไม ไม่ทันแล้ว” เสียงทุ้มกระเซ้าเย้าแหย่ก่อนจะเชยคางใบหน้าที่แดงจัดขึ้นมากดจมูกลงไปหอมแก้มแถมกระซิบข้างหูให้สยิวเล่น “ไม่เบานี่ เล่นเอาซะฉันรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้งเลยล่ะ”

“งื้อออ” ลาซารัสกำมือทุบลงไปที่อกคุณหมอจนร่างสูงแอบจุก ก่อนที่คนโดนทำร้ายจะพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างโปร่งที่พยายามหดตัวหนี

“คุณหมอจะเล่นเกมลงโทษอะไรอีกเหรอครับ” โอเมก้าตัวน้อยถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ดูเหมือนว่าสติจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากที่ได้ผ่านศึกหนักไปแล้ว

“...เจ็บมากมั้ย?” มืออุ่นยกขึ้นลูบใบหน้าด้านข้างก่อนปาดนิ้วเช็ดคราบน้ำตาที่เพิ่งจะหยุดไหลไปได้ไม่นานของดวงตาสีฟ้าคู่สวย “ฉันขอโทษนะที่ทำรุนแรงกับนาย ฉัน…”

“ผม...มีความสุขมากครับ” เสียงนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงอู้อี้ปนเขินอายเพราะยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง “ถึงมันจะเจ็บบ้าง...แต่ก็...ดีใจที่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับคุณ”

คาเล็มโน้มตัวลงกอดร่างเล็กกว่าไว้แน่น ความรู้สึกผิดเกาะกุมจิตใจแต่ก็เหมือนได้รับการปลดปล่อยจากคนที่ยกโทษให้ทั้งๆที่เพิ่งเขาถูกล่วงเกินไป “...ฉันขอโทษ...ขอบคุณมากที่นายไม่เกลียดฉัน”

“ผมจะไปเกลียดคุณลงได้ยังไงล่ะครับ” วงแขนสวมกอดคนข้างบนพลางลูบแผ่นหลังกว้างที่ตนหลงใหล “ก็ผมรักคุณคาเล็มไปแล้วนี่นา”

“...ขอบใจนะ” โดนพูดไปแบบนั้นแต่โอเมก้าในอ้อมแขนเขาก็ยังคงรักเขาอยู่จากใจ.. ทำไมถึงได้ซื่อบริสุทธิ์ขนาดนี้นะ…
สองร่างนอนกอดก่ายกันอยู่เนิ่นนานกระทั่งส่วนโคนของความเป็นชายของคุณหมอเริ่มยุบตัวลง แต่ลาซารัสดูไม่มีทีท่าอยากจะปล่อยอ้อมกอดนี้ไปเลยแม้แต่น้อย “คุณหมอบอกว่า ยังไม่ได้รักผม?”

“..อ่าฮะ?” ร่างสูงขมวดคิ้วสงสัยว่าจู่ๆลาซารัสก็ถามขึ้นมาเพราะอะไร

“แสดงว่า… คุณหมอยังมีโอกาสจะรักผมใช่มั้ยครับ?”

คาเล็มชะงักนิ่ง หลายๆครั้งที่เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าสรุปแล้วเขาคิดยังไง แต่ตอนนี้คงต้องพูดอะไรๆออกไปตรงๆเสียแล้วสิ “คือว่า… ฉันก็คงไม่ได้รู้สึกกับนายแค่คนไข้หรอก..” คนฟังหัวใจพองโต แต่เมื่อเห็นแววตาของคุณหมอก็เกิดความสงสัยว่าปัญหาของคนตรงหน้าคืออะไร

“อย่างที่เคยบอก...ฉันคงอยู่ได้อีกไม่กี่ปี.. ถ้าฉันไม่อยู่แล้วใครจะดูแลนาย…” คาเล็มมองหน้าลาซารัสตรงๆ เพื่อบอกว่าเรื่องที่กำลังพูดนี้เป็นเรื่องจริงจังนะ “ต่อมาคือ… ตอนนี้โรงพยาบาลที่สนับสนุนฉัน กำลังสู้คดีอยู่ โนเอลก็รับเคราะห์จากการที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามจะทำให้ฉันหยุดทำงานวิจัย..”

ลาซารัสหลบตาลง เขารู้สึกแย่ที่คุณโนเอลโดนคนไม่ดีทำเรื่องแบบนั้น แต่หนักกว่าคือคนตรงหน้า คุณหมอเจอเรื่องโหดร้ายมามากขนาดไหนเขาไม่อยากจะนึกเลย

“ฉันไม่อยากให้นายเข้ามาเกี่ยวด้วย มันอันตรายเกินไป”

“คุณหมอครับ.. ผมไม่เป็นไรหรอก” ดวงตาสีสดใสจ้องกลับมาอย่างแน่วแน่ “ผมอยากช่วยคุณหมอนะ จะทำทุกอย่างเลย”

“ม..ไม่ต้องขนาดนั้น” แรงกอดที่เพิ่มขึ้นจนแนบแน่นทำให้คาเล็มเริ่มไขว้เขวจากความตั้งใจเดิม

“คุณหมอสู้อยู่คนเดียวแบบนี้ ต้องเหนื่อยมากๆแน่เลย”

“...”

“ขอผมช่วยแบ่งเบามาบ้างสักนิดก็ยังดีนะครับ” รอยยิ้มสดใสฉาบบนใบหน้าราวกับช่วยละลายความกังวลทุกอย่างทิ้งไปจนหมดสิ้น คาเล็มกอดโอเมก้าของตนไว้แน่นก่อนจะพลิกตัวกลับมาคร่อมทับตัวอีกฝ่ายไว้

“ขอบใจนะลาซารัส..” รอยยิ้มอ่อนโยนของคุณหมอที่ปรากฎให้อีกฝ่ายเห็นครั้งแรกทำเอาใจเต้นระส่ำก่อนคาเล็มจะก้มซุกไปกับลำคอของอีกคน “เจ็บนิดนึงนะ”

คมเขี้ยวกัดลงบนต้นคอขาวเพื่อตีตราประทับว่า โอเมก้าคนนี้เป็นสมบัติของเขาแล้ว..

(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

“แน่ใจเหรอว่าฉันแวะไปหาได้แล้ว? รอให้ชัวร์กว่านี้ดีกว่ามั้ย” ริชาร์ดคุยกับคุณหมอเพื่อนรักผ่านหน้าจอโปรแกรมเหมือนอย่างเคย พลังจากที่ไม่ได้ติดต่อไปเลยถึงห้าวันเต็มๆ

หรือพูดให้ถูกคือต้องบอกว่าติดต่อไม่ได้เลยตลอดห้าวันต่างหาก

คาเล็มพิมพ์ข้อมูลที่บันทึกได้ลงในคอมพิวเตอร์ ในช่วงสามวันแรกนั้นโอเมก้าของเขามีอาการฮีทตลอดเวลาทุกครั้งที่ตื่นจนถึงเข้านอน แต่พอเข้าวันที่สี่อาการฮีทก็ไม่ปรากฏเป็นเวลาเกือบทั้งวัน แต่ก็มาฮีทอีกทีหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว พอลองสังเกตการณ์ในวันที่ห้าหรือก็คือเมื่อวานทุกอย่างก็เป็นปกติดีแต่ก็ฮีทอีกครั้งก่อนจะเข้านอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง คุณหมออัลฟ่าคาดการณ์ว่าอีกวันสองวันที่เหลืออาการฮีทก็คงจะเกิดขึ้นหลังจากเข้านอนไปแล้ว แถมระยะเวลาที่ฮีทในช่วงเวลาหลังๆก็สั้นลงเรื่อยๆ เหลือเพียงไม่ถึงชั่วโมง

“เออ ปลอดภัยแล้ว อย่างน้อยๆตอนนี้ลาซัสก็ไม่ฮีทตลอดเวลาเหมือนวันนั้นแล้วล่ะ”

“ลาซัส?...” ซีอีโอหนุ่มทวนคำเรียกชื่อที่เพื่อนสนิทเอ่ยถึงโอเมก้าคนนั้น “นายเรียกเขาว่าลาซัสตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เอ่อ...ก็” คาเล็มอึกอักเมื่อรู้ว่าพลาดไป แถมเสียงของลาซารัสที่ตะโกนเรียกให้คุณหมอไปอาบน้ำด้วยโทนเสียงเหมือนคู่รักในเวลาฮันนีมูนยังแว่วดังเข้ามาอีก ไอ้ที่ตั้งใจจะปิดไว้ก่อนก็เลยผิดแผนหมด

“นั่นแน่...มิน่าล่ะถึงหายหัวไปติดต่อไม่ได้ ที่แท้ก็…” อัลฟ่าเพื่อนยากยิ้มกว้างยกนิ้วชี้หน้าคุณหมอผ่านหน้าจอ

“เออ! มันช่วยไม่ได้โว้ย! เหตุสุดวิสัยจริงๆนี่หว่า” หมอคาเล็มหมุนเก้าอี้หันหน้าหนีเพื่อนที่หัวเราะอัดใส่ลำโพงดังจนเหมือนเจ้าตัวมานั่งหัวเราะอยู่ใกล้ๆ

“คร้าบๆ แหมๆ ยังไม่ทันพูดอะไรเลย อย่าร้อนตัวสิครับคุณคาเล็ม” ริชาร์ดหันไปลูบหัวเจ้าสก็อตที่มาคลอเคลียเพราะอยากเล่นกับเจ้านาย “ว่าแต่ตีตราแล้วใช่มั้ย?”

“อือ...ทำไปแล้ว” ร่างสูงหมุนเก้าอี้กลับมา สีหน้าโล่งอกแต่ก็ยังไม่ถึงกับวางใจร้อยเปอร์เซ็น

“ดี อย่างน้อยก็จะได้วางใจได้ว่าต่อไปไม่มีใครมายุ่งกับโอเมก้าของนายแน่ แต่ก็ได้แค่กับคนที่มีสามัญสำนึกล่ะนะ พวกอัลฟ่าที่ชอบลักขโมยกินของชาวบ้านพรรค์นั้นมันก็ยังมีอยู่”

“เรื่องนี้ฉันเองบอกลาซัสไปแล้ว และบอกให้เขาระวังตัวอย่าเพิ่งวางใจเวลาออกไปไหน”

“เออ แต่ว่า…”

ดวงตาหลังแว่นจ้องเพื่อนรักที่อยู่อีกฝั่งของหน้าจอ “มีอะไรเหรอ?”

“แกจะได้เป็นป๊ะป๋ากับเค้าแล้วสินะ ยินดีด้วยครับคุณเพื่อน!!” ริชาร์ดปรบมือแสดงความยินดีรัวๆ

“ไม่เป็นโว้ย! ฉันให้ลาซัสกินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว!” คาเล็มว้ากจนหมดแรงจะเถียงสู้ ส่วนริชาร์ดก็เบ้ปากทำหน้าเสียดายสุดๆ “จะให้มีลูกตอนแก่แบบนี้มัน….”

“มันอะไร?” ซีอีโอหนุ่มเอามือเท้าคางแล้วนั่งรอฟังคำตอบ

“มันน่าอายนี่หว่า...เด็กมันจะคิดยังไงที่มีพ่อแก่ขนาดนี้…”

“ก็รักมันมากๆ เดี๋ยวมันก็ไม่สนใจเรื่องอายุของแกเองนั่นแหละ” ริชาร์ดหมุนเก้าอี้ไปมาอย่างอยากจะได้หลานมาอุ้มไวๆ “นี่ๆ เล่าประสบการณ์เปิดซิงเด็กครั้งแรกให้ฟังทีสิ”

“ปากเสียเกินไปแล้วแกน่ะ!” คาเล็มด่าใส่เพื่อนที่อยู่อีกฟากจอ ลาซารัสก็เดินมาดูว่าทำไมจู่ๆคุณหมอก็โวยวายเสียลั่น

“เป็นอะไรเหรอครับ..อ่ะ คุณริชาร์ด” โอเมก้าหนุ่มเดินเข้ามาใกล้หน้าจอด้วยชุดเสื้อคลุมเตรียมพร้อมจะอาบน้ำ “สวัสดีครับ ..หวัดดีสก็อต นายไม่แพ้ยาสินะ”

“ไงลาซัส ดีขึ้นแล้วเหรอ” คุณเพื่อนที่รักเปลี่ยนไปนั่งเก็กเป็นหนุ่มแสนดีผิดกับที่ล้อเลียนคาเล็มเมื่อครู่

“ครับผม”

คาเล็มจ้องมองคนข้างๆที่ก้มมาทักทายเพื่อนของเขาสักพัก ก่อนจะเอามือดึงเสื้อคลุมนั้นให้ปิดมากขึ้น ลาซารัสสะดุ้งเล็กน้อยที่จู่ๆคาเล็มก็เอามือมาแตะตน “ครับ?”

“เห็นหมดแล้ว”

“เอ๋?” ทั้งร่างโปร่งทั้งเพื่อนที่อยู่อีกฟากจอทำหน้างงพอกัน เห็น? เห็นอะไร? ..โอเมก้าหนุ่มก้มมองเสื้อคลุมตนที่คลุมไว้หลวมๆ ก็แหวกให้เห็นแค่ช่วงไหปลาร้าแค่นิดเดียว “อะไรอ่ะครับ?”

“ไม่มีอะไร ไปอาบน้ำเถอะ” คาเล็มออกปากไล่ด้วยเสียงเรียบนิ่งเป็นปกติ ลาซารัสผงกหัวให้แล้วกล่าวลาริชาร์ดก่อนออกจากห้องไป ปกติคงกลัวเขาหัวหด แต่รอบนี้เหมือนจะเข้าใจธรรมชาติของคาเล็มมากขึ้นกระมัง

“หวงเหรอ” ริชาร์ดยิ้มกริ่มให้เพื่อน

“....เออ” คาเล็มตอบอย่างไม่ยี่หระต่อความเขินอายอีกต่อไป

“วันนี้คงเข้าไปได้ล่ะนะ จะเข้าไปกินอาหารฝีมือคุณเรนเดลซะหน่อย” ริชาร์ดลูบหัวสก็อตเรื่อยๆจนมันเผลอหลับไปคาตัก “ไปแสดงความยินดีกับพวกนายด้วยไง”

“มาดูแลลาซัสแทนฉันต่างหาก”

“...ห้ะ?... เฮ้ย เดี๋ยวๆ มีเรื่องอะไรอีก?” ริชาร์ดเด้งตัวกลับมาจ้องหน้าจอจนสก็อตสะดุ้งตื่นขึ้นมา

“วันนี้ฉันต้องพาเรนเดลไปหาหมอ ตรวจสุขภาพประจำปีน่ะ คงใช้เวลาไม่นานหรอก แต่ฉันไม่อยากทิ้งหมอนั่นไว้คนเดียว”

“อ้อ… ให้ฉันพาคุณเรนเดลไปแทนมั้ยล่ะ ไม่น่าจะยุ่งยากมาก เผื่อนายสองคนจะได้สวีทกันเพิ่มไง” ยังไม่ยอมเลิกแซวจนจากที่หมอไม่อายแล้วจะกลับมาเขินอีกครา

“นั่นแหละเหตุผล.. ขืนอยู่กันทั้งวันทั้งคืนตอนนี้ได้ฟ้าเหลืองพอดี ฉันพาเรนเดลไปเอง นายก็มาเฝ้าบ้านแทนหน่อยละกัน”

“เรียกยังกะหมา.. ให้เอาการ์ดไปมั้ย?”

“...สักนิดก็ดี”

ทั้งสองคนแอบมีสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย บ้านคาเล็มที่ต้องมาตั้งห่างไกลผู้คนแบบนี้เพื่อหลีกหนีความวุ่นวาย จะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ อีกอย่างคือจะได้ไม่ตกเป็นเป้าโจมตีง่ายๆ… แต่หากถูกหาเจอก็ไม่มีใครช่วยเหลือได้เลยนั่นเอง… เป็นความเสี่ยงที่สูงพอดู แต่ริชาร์ดก็เข้าใจหัวอกเพื่อนมากพอ เลยจัดคนเฝ้าระวังห่างๆตัวบ้านไว้อย่างเงียบๆให้เสมอ

“เดี๋ยวฉีดน้ำหอมไปนะ แต่ยาต้านอาการฮีทกับลดประสิทธิภาพการได้กลิ่นหมดอ่ะ เดี๋ยวไปขอนายกินที่โน่นเลยละกัน”

“หมดเหมือนกัน…”

“....อะไรนะ!?”

“ฉันเลยต้องไปทำเรื่องเบิกยามาด้วยไง เลยให้นายไปไม่ได้” เหตุผลที่แท้จริงปรากฎ คาเล็มเกาหัวอย่างเสียมิได้ มีหวังแม้จะพ้นช่วงฮีทไปแล้ว เขาก็คงได้ปลุกปล้ำกับโอเมก้าของตนทุกวี่วันแน่ๆ “เอ้อ...เห็นว่าสูทนายเริ่มตัดแล้ว จะได้มาดูด้วย”

เพื่อนรักอ้าปากค้างเหมือนคำสบถมันติดอยู่ริมฝีปาก แล้วกลืนกลับเข้าไป “.....แกจะให้อัลฟ่าที่ประสาทสัมผัสเต็มร้อยไปอยู่กับโอเมก้าที่ยังไม่พ้นช่วงฮีทดี!? จะบ้าเหรอ!?” ริชาร์ดแผดเสียงจนสก็อตตกใจกระโดดลงจากตักของเขา

“ฉันเชื่อใจแกไง… ครั้งก่อนๆตอนที่แกไม่ได้ใช้ยาอะไรเลย ก็อยู่กันได้ ครั้งนี้ก็แค่ ไม่ใกล้กันเกินไปก็พอแล้วมั้ง”

“มองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว ติดเชื้อลาซัสมาหรือไง” ซีอีโอหนุ่มเอามือนวดขมับ ไอ้ที่วันนั้นรอดมาได้นี่นับว่าโชคดีสุดๆแล้ว “ถามหน่อยเถอะนี่เอาอะไรมารับประกันฟะว่าฉันจะไม่หน้ามืดปล้ำเด็กแก”

“ไม่มีหรอก แต่มีจูเลียตเป็นบอร์ดี้การ์ดส่วนตัวของลาซัส ถ้าแกทำอะไรไม่ดีรับรองได้เป็นมื้อดึกให้หมาฉันแน่” น้ำเสียงจริงจังจนฟังดูไม่เหมือนพูดเล่นทำเอาเพื่อนรักคุณหมอต้องอุทานว่าเอาจริงดิ่

ริชาร์ดนึกภาพตัวเองโดนวูล์ฟด็อกตัวใหญ่ขย้ำด้วยเขี้ยวขาวๆฟันแหลมๆฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วขุนลุกเกรียว สมัยที่เพิ่งรู้จักกับคาเล็มใหม่ๆจำได้ว่าเจ้าหมานั่นโคตรดุและหวงเจ้านายมาก กว่าจะมาซี้กันได้ขนาดนี้เขาก็เกือบโดนลากไปกินเสียหลายครั้ง

“เฮ้อ…..” คนอยู่อีกฟากของหน้าจอลากเสียงยาว ในเมื่อเชื่อใจกันถึงขนาดนี้ล่ะก็...

“เออๆ...เดี๋ยวไปเฝ้าให้ก็ได้ แต่ขอเวลาเตรียมตัวแป้บ อีกสองชั่วโมงเจอกัน” ริชาร์ดปิดหน้าจอออกจากโปรแกรมแล้วนั่งใช้ความคิดอยู่อีกสักพักใหญ่ๆ

เขาควรเอาตัวเองไปเสี่ยงดีมั้ยนี่...ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจตัวเอง แต่ไอ้ความเป็นอัลฟ่านี่แหละที่มันโคตรจะยุ่งยากวุ่นวายและน่ารำคาญสุดๆเลย

ริชาร์ดเปิดลิ้นชักหาของเผื่อว่าจะเจอยาหลงเหลืออยู่ตามซอกหลืบสักเม็ดสองเม็ด และนับว่าโชคดีที่ควานหาเจอยาลดประสิทธิภาพหลงอยู่เม็ดหนึ่งพอดี แต่เขาดันไม่แน่ใจว่ายานี่มันหมดอายุไปแล้วหรือยังนี่สิ..

“เออ ก็ยังดีกว่าไม่หาทางป้องกันล่ะวะ” ริชาร์ดกลืนเม็ดยานั้นลงคอ ก่อนจะพาสก็อตใส่กระเป๋าสุนัขและหยิบกุญแจรถคันเก่าขับออกไปหาอัลฟ่าเพื่อนสนิท เพื่อไม่ให้สะดุดตาจนเกินไปเวลาที่เขาขับรถออกไปนอกเมือง


ริชาร์ดใช้เวลาขับรถมาถึงบ้านของคาเล็มนานกว่าปกติ จนคาเล็มที่ยืนรออยู่หน้าบ้านอดสงสัยไม่ได้ว่าไปแวะที่ไหนมาระหว่างทางถึงได้ช้าขนาดนี้

“ไปหลีสาวก่อนจะมานี่รึไงถึงได้ช้านัก?” คุณหมอกอดอกยืนมองเพื่อนรักที่หิ้วข้าวของพะรุงพะรังมาเต็มมือ

“อย่าบ่นสิว้า...แค่แวะไปซื้อของนิดหน่อย” ซีอีโอหนุ่มกล่าว แม้ปริมาณที่ตาเห็นจะไม่หน่อยอย่างที่ว่าก็ตาม

“ซื้ออะไร?” คาเล็มมองดูเพื่อนสนิทหยิบสิ่งที่คล้ายหน้ากากกันแก๊สมาสวมหัว รับประกันได้เลยว่าปลอดภัยไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนโอเมก้าในระยะประชิดแน่นอน ช่างลงทุนซะเหลือเกิน แล้วก็มองถุงที่ริชาร์ดยื่นมาให้ พอเปิดดูของข้างในถึงกับเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิท

“ริชาร์ด นี่แก…” ร่างสูงมองปืนสีดำสนิทที่น่าจะเพิ่งซื้อมาจากร้านขายอาวุธหมาดๆ

“ให้ลาซัสพกไว้ป้องกันตัวเถอะ ไม่งั้นฉันไม่สบายใจว่ะ” คาเล็มอ่านสีหน้าคนตรงหน้าไม่ออกเลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้ลงทุนทำขนาดนี้

“ดีใจที่นายเป็นห่วงลาซัสนะ.. แต่ทำขนาดนี้เดี๋ยวหมอนั้นจะกลัวขึ้นมาซะเองมากกว่า” คาเล็มยื่นถุงคืนให้เพื่อนรัก

“...”

“แกกลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ!?” คาเล็มเห็นเพื่อนทำหน้าไม่สู้ดีก็แอบสงสารไปด้วย

“ทำไงได้ล่ะ แกก็เพื่อนฉัน นั่นก็เมียเพื่อน!” ประโยคหลังทำเอาคนพูดเกือบโดนบุหรี่จี้หน้า “เปลี่ยนๆ อีกคนก็คนที่ฉันเอ็นดูไง ไม่อยากให้ทั้งนายทั้งเจ้านั่นเจอเรื่องแย่ๆ ...แล้วขืนฉันทำลงไปมีหวังไม่กล้ามองหน้าแกอีกแน่ๆ”

อัลฟ่าสูงวัยถอนหายใจ ใช่ว่าเขาจะไม่ห่วง แต่ปล่อยลาซารัสไว้คนเดียวน่าห่วงกว่าอีกเป็นไหนๆ เขาแค่ตบบ่าเพื่อนรักเหมือนจะบอกว่า สู้ๆนะ… เรนเดลเตรียมตัวเสร็จแล้วก็เดินออกมาสมทบโดยมีจูเลียตเดินออกมาส่ง “ไปก่อนนะ”

ริชาร์ดโบกมือลาเพื่อนและพ่อบ้านของเขาขึ้นรถเขาไป “ไงจูเลียต ช่วยกัดเรียกสติกันด้วยล่ะ” ร่างสูงเดินขึ้นไปตามทางเล็กๆเพื่อตรงไปยังบ้านของคาเล็ม เมื่อเข้ามาถึงเขตสวนก็พบว่าลาซารัสกำลังตากผ้าอยู่ที่ข้างๆบ้าน

“คุณริชาร์ด สวัสดีอีกครั้งครับ!” ลาซารัสโบกมือให้และรีบตากผ้าที่เหลือ “เข้าไปรอในบ้านก่อนเลยครับผม”

“อา…” รอยยิ้มสดใสแบบนั้นไม่ได้ทำคาเล็มเสียสติไปคนเดียวหรอกนะ.. แม้จะคิดแบบนั้นแต่ก็พูดออกมาไม่ได้อยู่ดี


จริงๆมาเฝ้าก็ไม่ได้อะไรมา ริชาร์ดก็แค่นั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องโถงส่วนลาซารัสก็หมกตัวทำงานอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวของตัวเอง แทบไม่ต้องยุ่งเกี่ยวอะไรกัน แม้จะดูเงียบๆจนง่วงนอนแต่ก็ดีกว่าไปเสี่ยงล่ะน้า จะดีไม่น้อยถ้าหากลาซารัสมัวแต่มีสมาธิทำงานจนกระทั่งคาเล็มกลับมา

“คุณริชาร์ดเอาชาหรือกาแฟมั้ยครับ”

เพิ่งคิดไปหยกๆเมื่อกี้เลย..

“ไม่เป็นไรหรอก รายการกำลังมันส์เลย” ริชาร์ดกำลังดูรายการที่จะตระเวนไปหาของมือสองมาขัดสีฉวีวรรณจนเหมือนใหม่ก่อนเอาไปขายในราคาที่สูงขึ้น แม้จะเรียบง่าย แต่การถ่ายทำก็ทำให้เรื่องพื้นๆมันน่าสนใจขึ้นมาก

“อ้อ รายการนี้ ผมจำได้ว่าเคยดูหลายปีก่อน!” ร่างโปร่งเดินมาใกล้โซฟาที่เขานั่งอยู่ แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้นั่งลงข้างๆเหมือนเคย ก็ดูระวังตัวมากขึ้นอยู่ ซึ่งนับว่าดีต่อพวกเขาทั้งคู่

“หลายปี? ไม่ได้ดูทีวีบ่อยหรอกเหรอ” ริชาร์ดไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนใดๆจากตัวอีกคน บอกกับตอนนี้เขาไม่น่าจะมีกลิ่นใดๆแผ่ออกไป ทำให้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น

“ไม่ล่ะครับ ยิ่งโตงานก็ยิ่งยุ่ง ปกติผมก็ไม่ได้สิทธิครอบครองรีโมทจากโอนเนอร์อยู่แล้ว” คนตัวเล็กยกมือขึ้นเกาศีรษะเขินอายในความไม่ทันสมัยของตน “มือถือก็เพิ่งได้จากคุณริชาร์ดเป็นเครื่องแรก ขอบคุณมากๆเลยล่ะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอก คิดซะว่าค่าตัดเสื้อ เดี๋ยวจะโอนที่เหลือให้ด้วยละกัน” ริชาร์ดบอกปัดไปและหันไปสนใจรายการทีวีต่ออย่างโล่งใจ ท่าทางจะไม่ต้องห่วงอะไรมาก

“หา? ไม่ต้องก็ได้ครับ แค่นี้เอง!” ลาซารัสร้องท้วงเรื่องค่าตอบแทน

“อย่าทำงานฟรีๆสิลาซัส โตขึ้นแล้วก็ต้องคิดเรื่องหาเงินไว้ใช้ชีวิตตอนแก่เฒ่าด้วย ไหนจะเรื่อง…” กำลังจะพูดเรื่องเลี้ยงลูก แต่ดูอีกฝ่ายจะยังไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องระหว่างเขากับคาเล็มแล้วแหง ๆ “เรื่อง.. เอาเงินที่ได้มาช่วยปรับปรุงบ้าน ดูแลบ้านอะไรงี้ไง”

“แต่ว่า...ผมไม่อยากได้เงินจากคุณริชาร์ดจริงๆนี่ คุณช่วยเป็นเพื่อนให้ผม แถมยังคอยช่วยคุณหมอมาตลอดเลย” ร่างโปร่งเดินมานั่งบนโซฟาเดียวกับเขาแล้วเริ่มทำตาเหมือนจะร้องไห้ออกมา ..ท่าทางอ้อนแบบนี้มัน...ไอ้ที่เขาสอนให้ทำใส่คาเล็มนี่หว่า!!

“เอ่อ...ถ้าไม่อยากรับเป็นเงินงั้นก็...อยากกินอะไรมั้ยเดี๋ยวไว้จะพาไปเลี้ยงคราวหน้า” ถามไปพลางร่ายรายการทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารไทย อาหารจีน ที่คิดว่าลาซารัสคงยังไม่เคยลองกินแน่ๆ

“อืม...อยากลองกินดูจัง ไว้ไปกินด้วยกันกับคุณหมอแล้วก็คุณเรนเดลดีมั้ยครับ?”

“ได้ๆ ไปให้หมดทุกคนนี่แหละ” ถอนหายใจโล่งอกที่ลาซารัสเขยิบตัวออกไปแล้ว แต่…

“อ๊ะ! คุณริชาร์ดอยากลองสวมชุดดูมั้ยครับ จะได้เช็คว่ามีตรงไหนต้องแก้บ้าง” ระยะห่างกระเถิบเข้ามาใกล้อีกครั้งแถมยังชิดกว่าเดิม โน่วววววว

ริชาร์ดเด้งตัวลุกขึ้นจากโซฟาแล้วถอยหลังไปที่ประตู พอเห็นลาซารัสทำหน้าสงสัยก็ตอบไปว่าปวดท้องเลยจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็วิ่งสุดฝีเท้าออกไปข้างนอกซึ่งเป็นคนละทิศกับห้องน้ำ

อันตราย! ไม่ระวังตัวยิ่งกว่าที่คิดอีก!!

“คุณริชาร์ด ห้องน้ำไม่ได้อยู่ข้างนอกนะครับ” ร่างโปร่งโผล่ออกมาตาม ซีอีโอหนุ่มสะดุ้งโหยงคิดในใจว่าจะตามมาทำไม เขาพยายามรักษาระยะห่างอยู่นะ!

“คุณแปลกๆไปนะครับวันนี้ เป็นอะไรรึเปล่า?” สีหน้าวิตกกังวลของโอเมก้าหนุ่มมองมายังอัลฟ่าเพื่อนสนิทคุณหมอ แถมยังเดินเข้ามาหาอีก จะบอกยังไงดีวะเนี่ยว่าเขาชักจะได้กลิ่นอันตรายที่เป็นภัยต่อชีวิตของเด็กในสังกัดเพื่อนแล้ว

“สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย เข้าไปนอนพักในห้องคุณหมอก่อนมั้ยครับ มาครับเดี๋ยวผมช่วย” ร่างโปร่งยังคงก้าวเข้ามาใกล้โดยไม่คิดอะไรเลยเหมือนเดิม

ริชาร์ดเลยตัดสินใจ...บอกไปตรงๆก็ได้วะ! “ละ ลาซัส! ถ้าเข้ามาใกล้กว่านี้ฉันปล้ำนายจริงๆนะ!”

ได้ผล...โอเมก้าหนุ่มหยุดกึกแถมยังถอยหลังออกไปหลายก้าว แต่...ความน่าเชื่อถือในตัวเขาลดฮวบฮาบเลยทีเดียว

เออ...ก็ดีกว่าปล่อยให้เข้าใกล้กว่าเมื่อตะกี้แหละวะ...

“...ขอโทษที่ไม่ระวังตัวครับ” ร่างโปร่งตั้งสติได้ก็ลดการระวังตัวที่เกินเหตุลงก่อนจะกลับมายิ้มแห้งๆให้ “คงทำคุณลำบากใจ ขอโทษอีกทีนะครับ”

“เออๆ ไม่เป็นไรหรอก พ้นช่วงฮีทเมื่อไหร่ค่อยกลับมาคุยสนิทๆกันใหม่ก็ได้น่า” ริชาร์ดถอนหายใจ ในที่สุดลาซารัสก็รู้ตัวสักที “จริงๆก็สนใจกาแฟนะ ช่วยไปทำให้หน่อยสิ”

“อ่ะ ได้ครับ!” ลาซารัสยิ้มอกมาได้อีกครั้งก่อนเดินกลับเข้าบ้านไปชงกาแฟให้ ริชาร์ดค่อยๆเดินตามเขามาทีหลัง จมูกยังคงคอยดมกลิ่นรอบๆดีๆ เพราะยังไม่ไว้ใจยาที่ดูเหมือนจะหมดอายุอยู่รอมร่อ


แต่กาแฟที่ลาซารัสชงให้...มันไม่ค่อยจะอร่อยเลยฟ่ะ…

“....นาย...ไม่เคยชงเหรอ?” ร่างสูงนั่งจิบมันได้เพียงนิดก็วางลงบนโต๊ะคืน

“ไม่เลยครับ” ลาซารัสยืนอยู่แถวๆเค้าท์เตอร์ซึ่งห่างจากโต๊ะทานอาหารพอสมควร เขาก้มหน้างุดอย่างสำนึกผิดที่เอากาแฟแบบนั้นไปเสิร์ฟ “จริงๆคือ...ผมไม่เคยแตะงานในครัวจำพวกทำอาหารเลยครับ”

“แม้แต่ชงโกโก้กิน?”

“ทำได้อย่างมากก็เวฟของสำเร็จรูปหรือถุงชาเองครับ” คำสารภาพทำเอาคนพูดน้ำตาเอ่อในความไร้ความสามารถของตัวเอง

“เห้อ...งั้นมานี่..” ริชาร์ดผู้ทนไม่ได้ที่เห็นหนึ่งในของอร่อยสุดๆบนโลกใบนี้ถูกทำให้แปดเปื้อน(??) “ที่นี่มีแต่แบบผงสินะ มันก็แค่ตักตามอัตราส่วนที่ต้องการ เช่น…”

ลาซารัสอยากรู้อยากเห็นจนลืมเรื่องอาการฮีทของตัวเองที่ยังไม่พ้นช่วงอันตราย และริชาร์ดเองก็ขะมักเขม้นในการสอนเด็กน้อยชงกาแฟให้ได้ กระทั่งลองชงอีกรอบ ลาซารัสก็ชงออกมาให้กินได้เป็นที่เรียบร้อย!

“สุดยอด! เรียนรู้ไวเหมือนกันนะ!” ริชาร์ดตบบ่าอีกคนที่จิบๆกาแฟที่ตนเพิ่งลองชงใหม่อย่างพิศวง

“ม...มันก็ไม่ได้ยากนี่นา..”

“ทำไมนายไม่ได้ทำงานในครัวเลยล่ะ?”

“โอนเนอร์บอกว่าตอนเด็กๆผมเกือบทำบ้านไฟไหม้หลายรอบเพราะพยายามช่วยงานในครัวอ่ะครับ..เขาเลยไม่ยอมให้ผมช่วยทำอาหารเลย โตขึ้นก็สอนให้ช่วยล้างจานอย่างเดียว” เล่าไปก็สลดไป “ขนาดว่า..แค่ล้างจานเอง.. ผมยังเกือบทำน้ำท่วมบ้านไปตั้งทีนึงแหน่ะ..”

หรือดวงอาจจะไม่มีให้ใช้ในครัวนะ… พอคิดแบบนี้ริชาร์ดก็แอบรู้สึกผิดที่ลากเขามาชงกาแฟ….แต่แค่ชงกาแฟคงไม่ไฟไหม้บ้านหรอกน่า

“ขอบคุณที่สอนผมนะครับ” ร่างโปร่งหันไปยิ้มให้ดังเดิม ซึ่งริชาร์ดก็ยิ้มตอบพลางลูบผมอีกคนอย่างเอ็นดู แต่เมื่อทั้งคู่เหมือนคิดอะไรได้ก็ต่างถอยออกจากกันคนละก้าวสองก้าว

“โทษที ลืมตัว”

“เหมือนกันครับ” หัวเราะให้โดยไม่คิดอะไรแบบนี้น่าเป็นห่วงกว่ากลัวๆเขาไปเลยเสียอีก…

“แต่ไม่ได้กลิ่นอะไรเลย ท่าทางยาก็ยังใช้ได้ผลอยู่นี่หว่า” ริชาร์ดเลิกคิ้ว แม้จะกินยาเก่าและกินไม่ครบตามจำนวนแต่ก็ถือว่าได้ผล...มั้ยนะ?

“คุณริชาร์ดป้องกันมานี่เอง..ดีจัง”

“ดีจังบ้าอะไรล่ะ นายเองก็ต้องระวังตัวเองด้วย” อัลฟ่าหนุ่มแอบดุร่างเล็กกว่าเบาๆ “ฉันไม่ไดกินยาระงับอาการฮีทมานะ อยู่ห่างๆแล้วพยายามอย่าดมกลิ่นอะไรเข้าไปล่ะ”

“คร้าบ..” โอเมก้าหนุ่มยักไหล่แล้วขอตัวกลับขึ้นไปทำงานต่อ ปล่อยให้ริชาร์ดยืนอยู่ในห้องครัวลำพังกับจูเลียตที่เพิ่งเดินเข้ามาหา

“ไง..ฉันทำได้ดีใช่มั้ยล่ะ?” ริชาร์ดหอบร่างเหนื่อยอ่อนไปนั่งพักที่โซฟาอีกรอบ ทำงานเหนื่อยมาตลอดสัปดาห์ ยังต้องมาเจออะไรแบบนี้ไม่ขำเลยสักนิด เปิดทีวีวนไปเรื่อยๆในห้องเงียบและบรรยากาศรอบบ้านที่สงบแบบนี้ ทำเอาร่างสูงเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว


เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นปลุกเขาจากฝันกลางวันแสนดี ริชาร์ดมองไปนอกหน้าต่าง พระอาทิตย์กำลังจะลับฟ้าอยู่แล้ว ส่วนคนที่โทรเข้ามานั้นเป็นเพื่อนรักที่ฝากบ้านไว้ให้เขาดูแลนั่นเอง

“ไง นี่เพิ่งทำเรื่องเบิกยา กว่าจะกลับก็อีกสักพัก เอาอะไรมั้ยจะซื้อเข้าไปให้กินเลย” คาเล็มร่ายยาวมาอย่างครอบคลุมทุกเหตุการณ์ในไม่กี่ประโยค คนเพิ่งตื่นจึงงัวเงียอย่างไม่ค่อยจะได้ยินนัก “นี่แกเผลอหลับเหรอ? แล้วลาซัสล่ะ?”

“ทำงานอยู่...จะว่าไปก็ไม่ได้ลงมาอีกเลยแหะ” หรือจะทำงานเพลินจนลืมเวลากันนะ… “ว่าแต่ทำไมไปนานจัง ฉันนึกว่าไปกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ”

“อา พอดีว่าฉันเองก็ต้องตรวจร่างกายเหมือนกัน” คาเล็มเล่าให้เพื่อนรักฟัง ซึ่งริชาร์ดก็ไม่แปลกใจนักเพราะเห็นอาการของฝ่ายนั้นไม่หายสนิทสักที อายุก็ถือว่ามากแล้วพอเจ็บตัวแต่ละทีก็ต้องใช้เวลารักษาตัวนานกว่าร่างกายจะฟื้นสภาพเป็นปกติ

“งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนละกัน แกกับคุณเรนเดลเองก็รีบๆกลับล่ะ อยู่กับเจ้าหนูแบบนี้นานๆ บอกตามตรงว่าใจคอไม่ดีเลยว่ะ...” วางสายพร้อมเอ่ยคำพูดเป็นนัยตามจริง ซีอีโอหนุ่มบิดขี้เกียจแล้วลุกจากโซฟาเดินไปที่ห้องครัวเผื่อว่าพอจะทำอะไรรองท้องก่อนพวกคาเล็มกลับมาได้บ้าง

เสียงลมพัดและใบไม้วูบไหวแรง ท้องฟ้าด้านนอกมีเมฆครึ้มพัดเอากลิ่นฝนที่คาดว่ากำลังจะตกในอีกไม่ช้า ริชาร์ดมองผ่านกระจกห้องครัวเห็นว่าฝนกำลังจะตกแล้วแต่ผ้าที่ตากไว้ก็ยังไม่ได้เก็บ

“ลาซัสลืมรึไงนะ?” ร่างสูงวางมือจากครัวก่อนเดินไปเปิดประตูหลังบ้านแล้วเก็บผ้าที่ปลิวสะบัดตามแรงลมจนแทบคลุมหัวตัวเอง สักพักฝนก็เทลงมาโครมใหญ่ ริชาร์ดวิ่งกลับเข้าบ้านพร้อมตะกร้าผ้า ถ้าหากว่าช้ากว่านี้อีกนิดเดียวคงได้ซักใหม่กันยาว

“ลาซัส ผ้าพวกนี้จะให้เอาไปไว้ไหน” ร่างสูงเดินไปถามคนที่น่าจะยังอยู่ที่ห้องทำงานชั่วคราว มือจับลูกบิดเปิดประตูออกแล้วก็ต้องชะงักเมื่อร่างโปร่งลงไปนอนคุดคู้ตัวสั่นอยู่ที่พื้น เขาเกือบจะวิ่งเข้าไปช่วยแต่จมูกของอัลฟ่าพลันได้กลิ่นฟีโรโมนเจ้าปัญหาแบบคราวก่อนขึ้นมา

“คุณริชาร์ด…” โอเมก้าหนุ่มเงยหน้าหันไปมองคนที่ยืนอยู่หน้าประตู แม้สมองจะยังพอมีสติอันน้อยนิดเหลืออยู่บ้างแต่ร่างกายและใบหน้าของตนกลับร้อนไปหมดและตอนนี้ความต้องการของเขาก็กำลังปะทุอีกครั้ง

ทว่าริชาร์ดนั้นกำลังแย่กว่า...

ร่างสูงก้าวเข้ามาในห้องทำงานและปิดประตูลง ก่อนจะมาคร่อมร่างของโอเมก้าที่ส่งกลิ่นฟีโรโมนฟุ้งจนสัญชาตญาณดิบของอัลฟ่ามันครอบงำทั้งร่างกายและจิตสำนึกของอีกฝ่ายไปหมดสิ้น มือหนาพลิกตัวร่างโปร่งให้หันมาเผชิญหน้ากับตน

“คุณริชาร์ด...ไม่นะครับ” ลาซารัสสั่นหน้าและกอดตัวเองแน่น แววตาของคนขี้เล่นที่เคยเอ็นดูเขามาตลอดบัดนี้เปลี่ยนเป็นหิวกระหายเหมือนสัตว์ป่าที่หิวโหยจ้องจะกินเหยื่อชั้นดี มือกระชากเสื้อผ้าเนื้อดีขาดวิ่นเป็นชิ้น เนคไทถูกนำมารัดข้อมือทั้งสองไม่ให้เหยื่อดิ้นรนขัดขืน ลาซารัสกรีดร้องลั่นบ้านขอร้องให้ริชาร์ดหยุดแต่เสียงนั้นก็ไม่ได้เข้าไปในโสตประสาทของอัลฟ่าที่หน้ามืดไปแล้วได้เลย

สายฝนเทกระหน่ำราวกับพายุ ทั่วทั้งบ้านมืดสนิทไร้ซึ่งแสงไฟ มีเพียงแสงจากฟ้าที่ผ่าลงมาพร้อมเสียงฟ้าร้องที่กลบเสียงร้องของใครบางคนในบ้านหลังนั้นจนสิ้น



TBC.





*****************************************************************************************

มองเวลาอัพ...ช่างประจวบเหมาะกับเนื้อเรื่องตอนนี้จริงๆค่ะ :o8:

เอาใจช่วยลูกเป็ดน้อยๆของเราด้วยนะคะ //ใครคือเป็ดน้อย? คนแต่งทั้งสองเรียกลาซัสแบบนั้นเองล่ะค่ะ //_\\

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอาละสิ มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
แต่ทำไมรู้สึกยิ่งเรื่องมันจะพีคไปอีก ไรท์สุดยอดดด
ลาซัส กับคาเล็มและริชาร์ด
โอเมก้า ใสๆ วัยขบเผาะ น่ารักมีเสน่ห์กับสองอัลฟ่า
ท่าทางจะไปกันได้ดี 3p ชอบบบบบบ
ถ้าไม่เกิดอะไรกันซะก่อน สองอัลฟ่าน่าจะดูแลลาซัสได้ดีมากๆ
จะต้องมีเด็กเล็ก แฝดไม่เหมือนเกิดหรือเปล่า
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
3pเย้ๆๆๆๆคือดีอ่ะ

ออฟไลน์ Spenguin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

บทที่ 8



“นี่มันอะไรกัน…?” คาเล็มมองสภาพภายในบ้านที่ไม่เหมือนเดิม เกิดอะไรขึ้นในระหว่างที่เขาไม่อยู่กัน ดวงตาหลังแว่นมองหาร่างของคนสองคนที่ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน “ริชาร์ด! ลาซัส!”

หมออัลฟ่ารู้สึกใจคอไม่ดี ตั้งแต่ที่พายุไต้ฝุ่นเข้าทำให้เขาและพ่อบ้านต้องติดอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน กว่าจะกลับมาถึงได้ก็มืดค่ำ พอมาถึงก็เห็นไฟในบ้านดับหมด พอไฟติดก็เห็นข้าวของกระจัดกระจายราวกับขโมยขึ้นบ้าน ตัวเขาถึงกับทิ้งข้าวของทุกอย่างไว้ที่ทางเดินแล้ววิ่งตะโกนไปทั่วบ้าน

จูเลียตเห่าเสียงดังอยู่ที่หน้าห้องทำงานชั่วคราวของลาซารัส คาเล็มกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปดูแล้วก็ต้องตกใจจนแทบเข่าอ่อน ริชาร์ดนอนคว่ำจมกองเลือดอยู่ที่พื้นตัวซีดหายใจรวยริน  “ริชาร์ด! เฮ้ย! แกได้ยินฉันมั้ย!?”

คาเล็มรีบเข้าไปพยุงเพื่อนรักแล้วตบแก้มเรียกให้คนหมดสติฟื้นขึ้นมา สักพักร่างที่เหมือนจะแน่นิ่งไปก็ลืมตาตื่นขึ้นมา “คาเล็ม…?”

“เกิดอะไรขึ้น แล้วลาซัสล่ะ?”

“...น่าจะอยู่ที่ห้อง” เสียงทุ้มแหบฝืนใจตอบไป “...ขอโทษ”

“อะไรนะ?”

“ฉัน…” ยังไม่ทันจะได้เอ่ยริชาร์ดก็หมดสติไปอีกครั้ง เดือดร้อนถึงเรนเดลต้องมาช่วยห้ามเลือดก่อนจะพยุงออกไปหลังติดต่อเรียกเฮลิคอปเตอร์ให้มารับคนเจ็บหนักไปส่งที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน จากนั้นก็วิ่งกลับเข้าบ้านไปดูโอเมก้าหนุ่มที่ขังตัวเองอยู่ในห้อง คาเล็มไขกุญแจแล้วเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าลาซารัสคลุมโปงตัวสั่นงันงกอยู่ที่มุมห้องอย่างหวาดกลัว

“ลาซัส นี่ฉันเองนะ” เสียงทุ้มเรียกหาและกดเปิดสวิตซ์ไฟพร้อมกับค่อยๆเดินเข้าไปหาร่างโปร่ง แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวอีกฝ่ายก็ปัดมือเขาออกราวกับไม่ต้องการให้แตะเนื้อต้องตัว

“อย่าเข้ามา…” ร่างสูงได้ยินแต่น้ำเสียงสั่นและหวาดกลัวอีกทั้งยังสะอื้นเหมือนคนที่เพิ่งจะหยุดร้องไห้ได้ไม่นาน

“ลาซารัส?” หมออัลฟ่าเรียกชื่อเต็ม แล้วค่อยๆดึงผ้าห่มออก ดวงตาหลังแว่นเบิกกว้างเมื่อพบว่าชุดของโอเมก้าหนุ่มโดนฉีกขาดวิ่น เนื้อตัวมีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด แม้เจ้าตัวจะพยายามเอามืดปิดไว้แต่ก็ไม่สามารถพ้นสายตาของเขาไปได้

“ใครทำ?...หรือว่าริชาร์ด?” ร่างสูงย่อตัวลงมาหาแล้วไต่ถามทั้งๆที่ไม่อยากเอ่ยมันออกมาเลย ร่างโปร่งสะดุ้งแล้วพยักหน้ารับช้าๆ ครั้งนี้คาเล็มเข่าอ่อนนั่งทรุดลงกับพื้นอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“บ้าเอ๊ย!!!!” เสียงตะโกนแหกปากลั่นได้ยินไปทั่วทั้งบ้าน เรนเดลตามขึ้นมาดูที่ห้องก็พบว่าเจ้านายของตนกำลังอาละวาดจึงรีบเข้าไปห้าม ทว่าคาเล็มกลับไม่ยอมฟังอะไรซ้ำยังสบถด่าเพื่อนด้วยถ้อยคำหยาบคาย

เรนเดลมองไปที่ลาซารัสและเห็นท่าทางโอเมก้าหนุ่มไม่สู้ดีจึงพยุงพาไปนั่งที่เตียง แล้วลากเจ้านายที่กำลังขาดสติออกไปข้างนอก

“ใจเย็นก่อนเถอะครับนายน้อย คุณแมทเวย์กำลังกลัวคุณมากแล้วนะครับ”

“แล้วจะให้ฉันทนอยู่เฉยๆได้ยังไงหา!”

“อย่าเพิ่งใจร้อนสิครับ มันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็ได้ สงบจิตสงบใจก่อนเถอะครับ คุณริชาร์ดก็อาการหนักแล้วคุณจะยังมาเสียสติไปอีกคนแบบนี้อะไรๆ มันมีแต่จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่นะครับ” พ่อบ้านสูงวัยพยายามสงบพายุในบ้านด้วยความใจเย็น แม้มันจะแทบไม่ช่วยดับไฟคนที่กำลังร้อนรนจะเป็นจะตายได้เลยก็ตามที


เช้าวันต่อมาที่โรงพยาบาล ริชาร์ดตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองมีทั้งผ้าพันแผลและถุงเลือดห้อยอยู่ที่เสามีสายเชื่อมต่อมาที่แขน ดวงตากวาดมองไปรอบๆ ห้องสีขาวจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ร่างของเพื่อนสนิทซึ่งนั่งหลับอยู่ที่เก้าอี้

ด้วยความกระหายน้ำแต่เกรงใจคนกำลังหลับ คนเจ็บจึงค่อยๆลุกไปหยิบเหยือกมารินใส่แก้วที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงคนไข้ แต่ก็พลาดทำหลุดมือทำให้คนเฝ้าไข้สะดุ้งตื่น

“อ...อรุณสวัสดิ์” ซีอีโอหนุ่มกล่าวทักทายเพื่อน คาเล็มจ้องเขาตาเขม็งแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ก่อนจะถอดแว่นออกมาเช็ดแล้วกดปุ่มเรียกพยาบาลเมื่อเห็นว่าคนป่วยฟื้นแล้ว สักพักแพทย์ก็เข้ามาตรวจดูอาการโดยรวมที่ค่อยๆดีขึ้นกว่าเมื่อคืนที่ถูกนำตัวมาส่งที่โรงพยาบาล พอโดนซักถามว่าไปโดนใครยิงมาก็ได้คำตอบว่าคนไข้ทำปืนลั่นใส่ตัวเอง จึงได้ลงบันทึกสาเหตุไปว่าเป็นเพราะอุบัติเหตุ จากนั้นทั้งแพทย์และพยาบาลก็ขอตัวไปตรวจห้องอื่นต่อ

“เอาล่ะ...เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวหน่อยล่ะ” คาเล็มที่นั่งรออยู่นานโพล่งขึ้นมาโดยไม่ได้สนใจเลยว่าคนเจ็บจะอยากพักหรือไม่ “เมื่อวานนายทำอะไรลาซัส?”

“อา...ฉันขอโทษ” ริชาร์ดก้มหน้ากล่าวสำนึกผิด “ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็เลย…”

“แกก็เลยเกือบจะขืนใจลาซัส แต่แกก็บ้าพอที่จะเอาปืนใหม่ถอดด้ามมายิงตัวเองแล้วให้หมอนั่นไปขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ให้ออกมาข้างนอก อย่างนั้นใช่มั้ย?” คาเล็มเอ่ยสิ่งที่ได้ฟังมาจากโอเมก้าหนุ่มที่หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็เล่าเหตุการณ์เมื่อวานให้ฟัง

“อืม...ตามนั้นแหละ” มือลูบผ้าพันแผลที่เริ่มรู้สึกชาๆ หนึบๆ เพราะยาหมดฤทธิ์ ยังนับว่าโชคดีที่กระสุนไม่ฝังใน แต่สารภาพเลยว่าตัวเขานั้นฝันว่าตนกำลังนั่งเรือจะข้ามไปที่อีกฝั่งของแม่น้ำมาด้วย “แล้วลาซัสล่ะเป็นไงบ้างแต่ ป่านนี้คงเกลียดฉันแย่แล้วมั้ง…”

คาเล็มไม่ได้ตอบอะไรต่อ ลาซารัสเล่าให้ฟังแล้วก็จริง แต่เขายังไม่ได้แสดงความเห็นใดๆออกมา และอัลฟ่าสูงวัยเองก็ไม่ได้ชวนอีกฝ่ายมาด้วยเพราะจากสภาพแล้วคงไม่สามารถไปไหนมาไหนได้สะดวกใจนัก เพื่อนรักนั่งก้มหน้าคอตกอยู่บนเตียงผู้ป่วยอย่างสำนึกผิด ริชาร์ดอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ชะงักไปก่อนเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรได้

“เดี๋ยวนะ.. ลาซัสบอกว่า เกือบ?” คนไข้เงยหน้าขึ้นมาถามเสียงแผ่วอย่างไม่แน่ใจ ทำเอาคนเล่าเมื่อครู่เริ่มใจคอไม่ดี

“....แล้วคือ...ไม่ใช่เหรอ?” อุตส่าห์โล่งอกได้เรื่องหนึ่งก็ดันต้องเริ่มคิดถึงเหตุไม่ดี...จนอารมณ์ที่เย็นลงแล้วกลับเริ่มก่อตัวอีกรอบ ริชาร์ดกระพริบตาปริบแล้วเริ่มร้อนรนแต่ก็ยังเรียบเรียงคำไม่ถูก “พูดมาสิ!”


“ไม่บอกนายน้อยไปแบบนี้จะดีจริงๆเหรอครับ” เสียงนุ่มของพ่อบ้านเอ่ยถามอย่างห่วงใยในขณะที่มองร่างโปร่งข้างๆตน รถยนต์คันหรูแล่นออกไปเรื่อยๆตรงไปยังโรงพยาบาลที่ริชาร์ดรักษาตัวอยู่ “ซักวันนายน้อยก็ต้องรู้อยู่ดีนะครับ”

ลาซารัสยกมือขึ้นจับปลอกคอที่ใส่ไว้ ข้างหนึ่งเห็นรอยที่คาเล็มกัดไว้ชัดเจน ทว่า..อีกข้างนั้นเป็นรอยกัดใหม่ที่แอบอยู่ใต้ปลอกคอได้พอดิบพอดีอย่างกับฟ้าเบื้องบนเห็นใจ ทว่าถ้าสังเกตดีๆก็ยังจะเห็นรอยช้ำจากการกัดเสียจมเขี้ยวอยู่บ้าง ดวงตาสีฟ้าเหม่อมองกระเช้าของเยี่ยมที่พ่อบ้านเตรียมให้อย่างเลื่อนลอย

เหตุการณ์เมื่อวานยังคงตามมาหลอกหลอนเขาอยู่เป็นระยะ ริชาร์ดที่ขาดสติแบบนั้นดูน่ากลัวกว่าคุณหมอหลายเท่า แถมเมื่อเขาได้กลิ่นฟีโรโมนอัลฟ่าที่พุ่งสูงขึ้นตามแรงอารมณ์อีกฝ่าย สุดท้ายคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็กลายเป็นเขาอีกคน… กว่าความนึกคิดจะกลับมาลาซารัสก็พบว่าตัวเองสวมกอดริชาร์ดไว้แน่นและรับรู้ได้ถึงของเหลวอุ่นร้อนที่ฉีดเข้ามาเต็มส่วนล่างของตน จำยังไม่ได้ด้วยซ้ำว่าร่วมรักกับเพื่อนของเจ้านายตนไปกี่ครั้งกี่ครา

แต่ไม่นึกว่าคนๆนั้นจะรู้สึกผิดจนคว้าปืนมายิงตัวเองแบบนั้น..

“แล้วทำไมคุณริชาร์ดถึงต้องยิงตัวเองด้วยล่ะครับ?” เรนเดลเปลี่ยนเรื่องถาม เผื่อว่าลาซารัสจะยอมปริปากพูดอะไรออกมาบ้าง

“เขา...เห็นว่าผมเหมือนจะฮีทอีกรอบ...ก็เลยชิงหยุดตัวเองก่อน…” โอเมก้าหนุ่มตอบเสียงเบา เมื่อวานเขาตกใจมากจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวไปห้ามเลือดให้อีกฝ่าย ตอนนั้นลาซารัสถึงได้รู้ว่าริชาร์ดก็ยังคงเป็นคุณริชาร์ดที่ห่วงใยเขาอยู่เสมอมา “แต่ว่า.. ถึงขนาดนั้นคุณริชาร์ดก็ยังบอกให้ผมกลับห้องไป ล็อคประตูแล้วรอจนกว่าคุณหมอจะกลับมา”

“ไม่เป็นไรนะครับ ตอนนี้คุณริชาร์ดก็พ้นขีดอันตรายแล้ว” เรนเดลยกมือขึ้นลูบหลังอีกคนเพื่อปลอบประโลม ตอนนี้นอกจากเป็นห่วงคุณริชาร์ดแล้ว.. ลาซารัสยังกลัวว่าจะโดนคุณคาเล็มเกลียดจนจับใจ แม้จะวางใจได้ระดับหนึ่งว่าเขารีบไปค้นเอายาคุมมากินตามที่ได้รับมาอย่างทันท่วงที แต่ก็ยังไม่หายเครียดสักที..

รถสีดำสนิทจอดอยู่ที่หน้าทางเข้าโรงพยาบาล ทั้งสองคนเดินลงมาอย่างไม่รีบร้อน เรนเดลเป็นคนเดินนำไปติดต่อเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์และทำเรื่องทั้งหมดแทนลาซารัสที่เพิ่งเคยมาโรงพยาบาลใหญ่เป็นครั้งแรก..เมื่อทั้งสองคนเดินมาใกล้กับห้องที่จะไปเยี่ยม พวกเขาก็เริ่มได้ยินเสียงเอะอะจากที่หมายและมีบุรุษพยาบาลวิ่งวุ่นอยู่จำนวนหนึ่ง เรนเดลและลาซารัสจึงรีบวิ่งตามไป

ภาพตรงหน้าคือบุรุษพยาบาลสองสามคนกำลังล็อคตัวคาเล็มไว้ให้ออกมาจากห้องของริชาร์ดในสภาพที่ดูจะโมโหราวจะฆ่าคนให้ได้ ส่วนริชาร์ดนั้นล้มตัวอยู่ข้างเตียงโดยมีพยาบาลคอยพยุงอยู่ ใบหน้ามีรอยช้ำและเลือดไหลซิบจากการโดนชกที่ดูท่าทางคงจะไม่ได้โดนไปเพียงหมัดเดียวแน่ๆ

“ปล่อยฉัน! ฉันจะฆ่ามัน!” คาเล็มแผดเสียงลั่นห้องคนไข้แล้วพยายามสลัดบุรุษพยาบาลออกแต่ก็ไม่เป็นผล เขาถูกลากออกไปได้ในที่สุด ดวงตาหลังแว่นมองร่างโปร่งที่ยืนตัวแข็งทื่อก่อนเข้าไปประคองเพื่อนรักของเขาที่เพิ่งจะถูกเขาทำร้ายร่างกายซ้ำไปอีก

เรนเดลเข้ามาพาตัวเจ้านายของตนออกไปสงบสติอารมณ์ที่ดาดฟ้าของโรงพยาบาล ขณะที่เดินออกไปคาเล็มเอาแต่ก้มหน้านิ่งไม่ยอมพูดจากับพ่อบ้านของตน

“ขอฉันอยู่คนเดียว…” หมออัลฟ่าบอกกับพ่อบ้าน ลับหลังชายชราออกไปแล้วร่างสูงยืนเกาะตะแกรงเหล็กก่อนจะแผดเสียงตะโกนลั่นพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งออกมาไม่ขาดสาย

“ทำไม...ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย” ภาพของเพื่อนรักเพียงคนเดียวที่เชื่อใจและใบหน้าของคนรักที่มีรอยยิ้มดั่งดวงอาทิตย์ของเขา ภาพทุกอย่างแตกสลายเป็นชิ้นๆเหมือนบานกระจกที่ถูกทุบ 

อยากจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วหนีไปอยู่ที่ไหนไกลๆ สักที่ที่ไม่ต้องเจอใครอีกเลย

โทรศัพท์ดังขึ้นโชว์เบอร์คุ้นตาที่ไม่ต้องการจะกดรับสายใครทั้งสิ้นในเวลานี้ แต่ปลายนิ้วมือเจ้ากรรมดันเลื่อนไปโดนทำให้ต้องฟังเสียงปลายทางอย่างช่วยไม่ได้

“ไงคาเล็ม คิดว่านายจะไม่รับสายพี่ชายคนนี้แล้วซะอีกนะ”

“มีธุระอะไรว่ามา?”

“หือ? เสียงนายแปลกๆไปนะ ไม่สบายงั้นเหรอ?”

“ถ้าไม่รีบพูดมาฉันจะวางสายเดี๋ยวนี้”

“โอเคๆ ก็ไม่มีอะไร เห็นว่าริชาร์ดเข้าโรงพยาบาล เป็นอะไรงั้นรึ?”

“ใครคาบข่าวไปบอกนายกัน”

“แสดงว่าเรื่องจริงสินะ ฉันว่าจะไปเยี่ยมเขาสักหน่อย แล้วจะได้แวะไปเจอหน้านายด้วย”

“...อยากมาเยี่ยมก็เชิญ แต่ฉันไม่ขออยู่รอเจอหน้านายหรอก แค่นี้”

คาเล็มตัดสายของพี่ชายทิ้งอย่างไม่ลังเล ดูท่าว่าเขาจะไม่มีเวลามานั่งคร่ำครวญเสียใจนานนัก ปัญหาใหม่ก็รุมเร้าถาโถมเข้ามาดั่งระลอกคลื่น

ร่างสูงเดินกลับเข้าไปยังห้องพักฟื้น แต่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าไว้ไม่ให้เข้าเพราะกลัวว่าจะมีเรื่องกันอีก เขาจึงต้องเรียกให้ลาซารัสออกมาคุยแทน

“รีบกลับบ้านไปเก็บข้าวของซะ”

“เอ๊ะ? เดี๋ยวนะครับ คุณหมอหมายความว่ายังไง?” โอเมก้าหนุ่มยืนนิ่งช็อคกับสิ่งที่ได้ยินออกมาจากปากของคุณหมออัลฟ่า

“ทำตามที่ฉันบอก แล้วก็จากนี้ไปนายไม่ใช่โอเมก้าของฉันอีกแล้ว” คาเล็มชี้นิ้วไปที่ปลอกคอของคนตรงหน้า “ไปอยู่กับริชาร์ดซะ ลาซารัส”

“ม...ไม่นะครับคุณหมอ ฟังผมอธิบายก่อน” ดวงตาสีฟ้าส่ายหน้า มือจับแขนของร่างสูงแต่คาเล็มจับมือเขาดึงออก “ขอร้องล่ะครับ ได้โปรดอย่าไล่ผมเลย…”

“ฉันไม่ได้ไล่นาย ฉันแค่บอกให้นายไปอยู่กับหมอนั่น”

“แล้ว...มันจะต่างกันตรงไหนล่ะครับ” น้ำตาไหลออกจากดวงตาคู่สวย ที่บอกให้ไปอยู่กับอีกคนนั่นก็หมายความว่าไม่ต้องการเขาอีกแล้วไม่ใช่เหรอ

“นายถูกตีตราซ้ำลงไปแล้ว ตามความเป็นจริง..นายก็เป็นของริชาร์ดแล้ว” คาเล็มเสียงสั่นเล็กน้อยแต่ก็ยังเก็บอาการไว้ได้ พอพูดแบบนี้แล้วเขาก็เจ็บจึกไปทั้งอก แต่ทำยังไงได้ล่ะ…

“มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอครับ.. คุณจะกัดซ้ำใหม่ก็ได้นี่” สองมือยกขึ้นลูบลำคอของตนที่ยังคงมีปลอกคอประดับอยู่ แต่ไม่มีคำพูดใดๆออกมาต่อปากคำให้มากความ ลาซารัสก้มหน้านิ่งทั้งที่น้ำตายังไหลไม่หยุด “คุณหมอ… ที่ทำแบบนี้เพราะเป็นธรรมชาติของอัลฟ่าเหรอครับ”

“...?” คาเล็มเงยหน้ามองร่างโปร่งที่ดูจะสั่นมากกว่าเดิม และเสียงที่เริ่มฟังไม่รู้เรื่อง

“เพราะผมเป็นโอเมก้าเหรอ คุณหมอเลยบอกให้ผมไปอยู่กับคุณริชาร์ดง่ายๆแบบนี้” มือบางที่กุมอยู่ที่คอแทบจะจิกลงไปบนนั้น

“...จะว่าแบบนั้นก็ได้นะ…” คาเล็มหลับตาลง พยายามไม่มองคนตรงหน้าและหาทางพูดให้อีกฝ่ายยอมตัดใจไปจากเขาเสียที

“งั้นคุณหมอจะทำการทดลองนี่ต่อไปทำไมล่ะครับ!?” ร่างเล็กกว่าเผลอขึ้นเสียงแล้วเดินเข้าไปประชิดอีกคน ใบหน้าอาบน้ำตาเงยขึ้นมาสบตาอย่างต้องการคำตอบ “คุณหมอต้องการอะไรจากการวิจัยเหรอ.. ไม่ใช่ให้พวกเราเป็นอิสระจากเรื่องแบบนี้เหรอครับ!!?”

คาเล็มเผลอก้าวถอยไปเล็กน้อยเพราะตกใจที่คนอ่อนน้อมและดูไม่ค่อยจะสู้คนพูดความรู้สึกออกมาตรงๆแบบนี้

“เลิกมองว่าผมเป็นโอเมก้าของคุณได้มั้ย...ช่วยมองผมในฐานะคนๆนึงที่มีจิตใจที…” ลาซารัสยกมือทั้งสองจับเสื้อคนตรงหน้าไว้แน่น ทนฝืนกลั้นน้ำตาของตัวเองแล้วเค้นความคิดทั้งหมดพูดทุกสิ่งที่คิดอยู่ออกมา “ผมรักคุณคาเล็มนะครับ.. ต่อให้คุณจะอยู่ในฐานะอะไรผมก็รักคุณนะ”

“...” ร่างสูงไม่กล้ามองร่างเล็กกว่าตรงๆ เขาเบนสายตาหลบไปทางอื่น ..ถ้าขืนพูดมากกว่านี้…

“...ถ้าคุณต้องการให้ผมไปจริงๆ… ผมก็จะไป” ลาซารัสก้มหน้าลงอย่างหมดหวัง เขาปล่อยมือออกจากคนที่ตนรักแล้วแกะปลอกคอออกช้าๆก่อนจะส่งมันคืนให้คาเล็ม “แต่ผมขอคุณหมอเรื่องนึงได้มั้ย?”

คาเล็มรับบปลอกคออันนั้นมาแล้วตั้งตารอคำพูดของลาซารัส มือเรียวยกขึ้นลูบรอยกัดของคุณหมอบางเบา “ถ้าสักวันนึง ถ้าคุณคาเล็มหายโกรธผมแล้ว ช่วยมองผมเป็นแค่คนๆนึง ไม่ใช่โอเมก้าได้มั้ยครับ”

“...โชคดีล่ะ” คาเล็มเก็บปลอกคอใส่กระเป๋าแล้วเดินออกไปทิ้งให้ลาซารัสยืนเคว้งคว้างอยู่ตรงนั้น เขากำมือแน่นพยายามบังคับใจตัวเองไม่ให้หันกลับไปมอง

ฉันขอโทษ...แต่ฉันจำเป็นจริงๆ


พอริชาร์ดรู้เรื่องที่ลาซารัสโดนทิ้งก็นอนอยู่ไม่สุข เขาพยายามโทรติดต่อก็แล้ว ส่งข้อความไปก็แล้วแต่หมออัลฟ่าก็ไม่ยอมตอบอะไรกลับมา มีแค่ประโยคสั้นๆส่งมาครั้งเดียวว่า ‘ฝากดูแลลาซารัสด้วย’

ทว่า...พอเลื่อนอ่านลงไปยังบรรทัดต่อมาริชาร์ดก็นิ่งไป ‘พี่ชายรู้ที่อยู่ฉันแล้ว และตอนนี้ก็กำลังจะไปเยี่ยมนายที่โรงพยาบาล ถ้าหมอนั่นถามเรื่องของลาซารัสให้นายใช้อภิสิทธิ์ในฐานะเจ้าของปกป้องเขาด้วย’

“เวรละไง…” ริชาร์ดหันไปมองลาซารัสที่นั่งซึมอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย ซีอีโอหนุ่มเรียกซ้ำอยู่สองสามครั้งกว่าโอเมก้าหนุ่มจะรู้สึกตัวแล้วเดินมาหาเขาที่เตียง “เดี๋ยวพี่ชายของคาเล็มจะมาเยี่ยมฉัน นายช่วยแกล้งเล่นละครว่าเป็นโอเมก้าของฉันทีนะลาซัส”

ร่างโปร่งทำหน้างุนงงและสับสนกับคำสั่งของอัลฟ่าผู้เป็นเจ้าของคนใหม่ “อะไรนะครับ?”

“คืองี้ ขอเล่าแบบรวบรัดเลยละกันนะ เวลามีไม่มาก” เขากระดิกนิ้วให้ลาซารัสก้มหน้าลงมาใกล้ๆเพื่อจะได้ไม่ต้องพูดเสียงดังเกินไป “คนที่แย่งโนเอลไปจากคาเล็ม ก็คือพี่ชายของหมอนั่นเอง”

ดวงตาสีฟ้าชะงักไปกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็ยังมีสติพอจะฟังสิ่งที่ริชาร์ดเล่าต่อ “คาเล็มมีพี่ชายและพี่สาวที่เป็นอัลฟ่าทุกคน แน่นอนว่าพวกนั้นแทบไม่เคยญาติดีกับคาเล็มเลย เพราะที่บ้านของหมอนั่นสืบทอดแต่งานบริหารธุรกิจไม่ก็เล่นการเมือง เรียกว่ามีอิทธิพลทั้งตระกูลยกเว้นคาเล็มที่แทบจะตัดสัมพันธ์กับพวกพี่ๆและเครือญาติไปนานแล้ว ในจำนวนนั้นพี่ชายคนโตสุดเป็นพวกหัวโบราณคลั่งธรรมเนียมเก่าคร่ำครึ แถมยังชอบกดหัวโอเมก้ายิ่งกว่าอะไรดี ถึงฉากหน้าจะดูเป็นมิตรกับคนอื่นๆแต่ที่จริงเขาอันตรายมาก”

ริชาร์ดจับมือลาซารัสแน่น “แต่นายไม่ต้องกลัวนะ ตอนนี้นายอยู่กับฉัน ฉันเชื่อว่าเขาจะไม่ทำอะไรนายแน่นอน” เสียงทุ้มยืนยันหนักแน่นเพื่อให้คนตรงหน้ามั่นใจในตัวเขา สักพักประตูห้องก็เปิดออก

ชายสูงวัยใบหน้ามีเค้าคล้ายคลึงหมอคาเล็มเดินถือไม้เท้าก้าวเข้ามาในห้องพักฟื้นคนไข้พร้อมส่งยิ้มเป็นมิตรทักทายคนป่วย แม้จะเดินโดยมีไม้เท้าช่วยแต่ก็สัมผัสได้ถึงความน่าเกรงขามที่แผ่ออกมาจนสัมผัสได้

“นั่นใครรึ? ไม่คุ้นหน้าเลย” ดวงตาของอัลฟ่าสูงวัยยิ่งกว่าหมอคาเล็มจ้องมองไปที่โอเมก้าหนุ่มที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆเตียงคนป่วย

“แหม...ท่านประธาน สนใจโอเมก้าของผมมากกว่ามาเยี่ยมผมอีกงั้นเหรอครับเนี่ย” ริชาร์ดเอ่ยติดตลกก่อนจะจับมือลาซารัสแน่น “ออกไปนั่งรอข้างนอกก่อนนะเดี๋ยวฉันขอคุยกับท่านประธานแป๊บนึง”

“ไม่ต้องหรอก ฉันแค่นั่งรถผ่านมาก็เลยแวะเอากระเช้ามาเยี่ยม เท่าที่เห็นก็ยังสบายดีอยู่สินะ” ชายสูงวัยหันไปพยักหน้าให้คนติดตามเอากระเช้าไปวางไว้ที่โต๊ะวางของเยี่ยมคนป่วย “แต่ไม่ยักรู้มาก่อนว่าเธอหาโอเมก้าของตัวเองได้แล้ว”

“ก็เพิ่งจะเจอกันได้ไม่นานนี่เองน่ะครับเลยยังไม่อยากรีบเปิดตัว” ซีอีโอหนุ่มเล่าไปพลางเกาแก้มแก้เขิน แต่ลาซารัสมองดูแล้วไม่เนียนเอาซะเลย

“อืม...ก็ดี ฉันหวังว่าเธอคงจะมีข่าวดีเร็วๆนี้นะ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยถ้าเจ้าน้องชายเจ้าปัญหาของฉันเอาแต่ก่อเรื่องรบกวนเธอ” ท่านประธานกล่าวก่อนจะคุยกันอีกสองสามประโยคแล้วขอตัวกลับ แต่สายตาก็ยังมองสำรวจมายังโอเมก้าเพียงหนึ่งเดียวในห้องนั้น “ฉันกลับก่อนล่ะ ขอให้หายเร็วๆล่ะ”

“ขอบคุณครับท่านประธาน” ริชาร์ดก้มหน้าแทนการคำนับจนกระทั่งแขกที่มาเยี่ยมเดินกลับออกไป คนเจ็บที่นั่งตัวเกร็งอยู่นานถึงกับล้มตัวลงนอนอ่อนเปลี้ยหมดแรง

“คุณริชาร์ด..!” ร่างโปร่งปรี่เข้ามาดูคนที่จู่ๆก็ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างแรง

“ไม่เป็นไรๆ เห้อ… คนอะไรอยู่ด้วยแล้วลำบากทั้งกายทั้งใจขนาดนี้” คนป่วยยกมือขึ้นโบกไปมาเสริมคำตอบว่าตนสบายดี “นายไหวมั้ย เห็นสั่นงกๆเลย”

“ก็...จริงๆก็ไม่ค่อยครับ” พูดจบลาซารัสก็ทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง แค่ถูกปรายตามองก็รู้สึกเหมือนไม่อาจจะขัดขืนอะไรได้เลย แค่ความรู่สึกแบบนี้มันคุ้นๆแฮะ…

“...เฮ้อ… งั้นฉันจะปูดเรื่องคาเล็มต่อละนะ” ริชาร์ดยกมือขึ้นลูบแก้มที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาจางๆของอีกคนอย่างเอ็นดู “หมอนั่นไม่ได้ทิ้งนายหรอก ไม่ต้องกังวลไปนะ”

“...ครับ.. พอคุณริชาร์ดเล่าเรื่องคุณโนเอลให้ฟัง.. ผมก็คิดว่าคุณหมอกลัวว่าจะเกิดเรื่องซ้ำรอยเดิมเลยส่งผมมาอยู่กับคุณริชาร์ด..” ลาซารัสก้มหน้าลง เขาเริ่มคิดว่าที่พูดใส่คาเล็มเมื่อครู่นั้นอาจจะแรงไป เพราะเขายังไม่รู้เจตนาจริงๆของคุณหมอเลย “แล้วแบบนี้คุณหมอจะเป็นอันตรายมั้ยครับ!?”

“ตอนนี้ยังวางใจได้น่า อย่าเพิ่งวิตก.. เห็นแบบนั้นแต่พี่ชายของคาเล็มก็ไม่ใช่คนทำอะไรเอะอะบุ่มบ่าม เขายังไม่ทำอะไรคาเล็มในเร็วๆนี้หรอก”

“เร็วๆนี้… ก็แสดงว่าคุณหมอกำลังแย่จริงๆน่ะสิ..” โอเมก้าหนุ่มยังไม่คลายความกังวลของตัวเอง “เพราะเรื่องงานวิจัยของคุณหมอเหรอครับ?”

ริชาร์ดพยักหน้าตอบ “มันดันไปขัดกับแนวคิดของคุณพี่เค้าเข้าน่ะสิ” ร่างสูงยันตัวขึ้นนั่งแล้วเอาหมอนรองหลังเอาไว้เพื่อให้คุยกันได้สะดวก

ลาซารัสยกมือถือขึ้นมองข้อความที่เขาส่งไปหาคาเล็ม ไม่มีกระทั่งการเปิดอ่านเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาเป็นห่วงคุณหมอจับใจ แต่แม้จะอยากช่วยเหลือแค่ไหน แบบเขาจะทำอะไรให้ได้บ้าง?

“ท่าทางหมอนั่นจะสนใจนายจริงๆด้วย..”

“ฮะ?..ครับ?”

“ไอ้คุณท่านประธานน่ะ สายตาที่มองนายมันน่าขยะแขยงสุดๆเลยใช่มั้ยล่ะ” อัลฟ่าขี้เล่นทำสายตาล้อเลียนจนน่าขำ

“อะไรกันน่ะครับ มันไม่ตลกขนาดนี้ซะหน่อย” ลาซารัสเผลอหัวเราะกับท่าทางนั้นของเจ้าของใหม่ของตน มือหนายกมาลูบผมเขาอย่างแรงเสียยุ่งเหยิง

“หัวเราะออกแล้วนี่..” รอยยิ้มที่เอ็นดูร่างโปร่งส่งมาให้เหมือนทุกๆครั้ง “เห็นนายซึมไปขนาดนั้นฉันก็ใจคอไม่ดีนะ”

โอเมก้าหนุ่มยิ้มตอบคนบนเตียงก่อนจะนึกอะไรได้ เขาหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาเปิดหาบางอย่างช้าๆ มือเรียวหยิบเอากระดาษขนาดเล็กสีเข้มออกมา สิ่งที่เขาได้มาจากการเสียจูบแรกให้กับคนที่ไม่คาดคิด นามบัตรส่วนตัวของเออร์แฟน คาร์เฮวย์ที่เขาแอบหย่อนใส่กระเป๋าเสื้อของลาซารัสไว้ตอนที่เอาตัวเข้าไปแนบชิดกัน แม้ไม่เข้าใจจุดประสงค์ แต่ลาซารัสก็เก็บมันไว้เพราะเผื่อว่าเขาอาจจะต้องทำอะไรเพื่อคุณหมอที่เขารักบ้างในสักวัน…


“ของเยอะเหมือนกันนะครับ มาอยู่ได้แค่เดือนกว่าๆเอง” เรนเดลแอบบ่นกับเจ้านายของตนเบาๆเมื่อช่วยเก็บของๆลาซารัสออกมาจนหมด

คนขนของที่ริชาร์ดส่งมาให้แทบจะทันทีที่รู้ความตั้งใจของเพื่อนโดยไม่ต้องเอ่ยถามให้มากความนั้นกำลังช่วยกันยกข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดขขึ้นรถอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะเหล่ากองทัพขนฟูที่ส่งเสียงร้องเรียกเจ้าของที่ยืนมองพวกมันนิ่งๆ

“บ้านคงเงียบลงไปเยอะเลย” แม้จะบ่นอย่างรำคาญแต่สายตานั้นกลับส่งพวกมันไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ จูเลียตนั่งยิ่งครางหงิงอยู่ข้างๆเจ้านาย “นายก็คงคิดถึงเด็กๆใช่มั้ย?”

“นายน้อยครับ” พ่อบ้านเอ่ยเรียกอัลฟ่าที่ยืนมองการเคลื่อนย้ายอยู่ ก่อนจะเอาเสื้อสูทสีขาวสวยที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนออกมาให้ดู “กระผมไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย..”

“...เจ้าหนูนั่น..” คาเล็มเดินมามองและลูบผ้าเนื้อดีที่ยังตัดไม่เสร็จดี แต่มันก็สวยจนแทบไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติมแล้วด้วยซ้ำ ขนาดตัวที่ดูก็รู้ว่าตัดไว้ให้ใครทำให้คาเล็มตัดสินใจจะเก็บมันไว้กับตัว “นายจะไปก็ได้นะ...ที่นี่คงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่แล้ว”

“ไม่ล่ะครับ กระผมไม่อยู่แล้วใครจะทำอาหารให้นายน้อยกันล่ะ กินแต่ของแข่แข็งมันไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ” เรนเดลยิ้มบางอย่างอ่อนโยนให้เจ้านายของตนที่เขาตามคอยดูแลมาตั้งแต่เด็กๆ

“..ขอบใจนะ” ร่างสูงหันมายิ้มให้พ่อบ้านของตนและหยิบเอาสูทสีขาวนั้นกลับเข้าบ้านไปด้วย

งานของเขายังต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น


(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

เย็นวันเดียวกันนั้น ข้าวของของลาซารัสก็ถูกขนเข้ามาอยู่ในบ้านของริชาร์ดรวมทั้งพวกสี่ขาตัวกลมทั้งหลายก็ถูกพามายังบ้านใหม่ด้วย ส่วนเจ้าสก็อตเจ้าถิ่นดูจะซึมๆไปเพราะไม่ได้เจอเจ้าของมาตั้งแต่ตอนเข้าโรงพยาบาล ซึ่งกว่าทางแพทย์จะอนุญาตให้กลับมาพักที่บ้านได้ก็ต้องรอดูอาการพรุ่งนี้อีกที

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้เจอคุณริชาร์ดแล้วนะ เป็นเด็กดีรอต้อนรับเค้ากลับบ้านนะสก็อต” ลาซารัสอุ้มเจ้าตัวเล็กมากอดและลูบปลอบมัน ก่อนจะปล่อยให้ไปวิ่งเล่นกับพวกพ้องที่กำลังทำการสำรวจบ้านใหม่อย่างตื่นเต้น

บรรดาคนรับใช้เข้ามาช่วยขนของและนำทางแขกของเจ้านายไปยังห้องพัก ทำเอาร่างโปร่งรู้สึกเกร็งกับการต้อนรับเหมือนเป็นแขกคนสำคัญอีกครั้ง

“เอ่อ...ห้องนี้มัน…” โอเมก้าหนุ่มยืนแข็งค้างเมื่อเดินเข้ามาในห้องพักที่กว้างขวางหรูหรา อุตส่าห์บอกเจ้าของบ้านไปแล้วว่าขออยู่ห้องเล็กๆ แต่นี่ใหญ่กว่าห้องเดิมของเขาตั้งสามเท่า พอหันไปถามเมดก็ได้ความว่าห้องพักห้องนี้เล็กสุดแล้ว ก่อนจะโค้งตัวให้และขอไปทำงานอื่นต่อ

“เล็กแล้วเหรอเนี่ย?” ร่างโปร่งเดินสำรวจห้องใหม่ ห้องสีขาวนวลกว้างกับเตียงเดี่ยวที่นุ่มจนแทบจะจมไปกับที่นอน พอเปิดหน้าต่างก็มองเห็นทะเลสาบที่อยู่ไกลออกไป เขาเปิดกระเป๋าหยิบของออกมาจัดเรียงในห้อง เสื้อผ้าและรองเท้าก็จัดแจงเก็บเข้าตู้ จนกระทั่งเวลาผ่านไปถึงมื้อค่ำก็มีคนมาตามไปที่ห้องอาหาร และแม้ว่าจะมีแค่เขากินอยู่คนเดียวแต่ปริมาณเมนูก็เยอะมากกว่าที่จะทานคนเดียวหมด

ในห้องอาหารกว้างมีแค่เขาคนเดียวที่นั่งทาน โดยมีคนรับใช้ก็คอยยืนบริการอยู่ข้างๆ อาหารนั้นอร่อยถูกปากมากแต่การนั่งทานคนเดียวแบบนี้มันช่าง...เหงาเหลือเกิน

“เอ่อ...ปกติคุณริชาร์ดอยู่คนเดียวแบบนี้ตลอดเหรอครับ?” หลังทานมื้อค่ำเสร็จ โอเมก้าหนุ่มลองชวนคนรับใช้คนหนึ่งคุยดู แล้วก็ได้คำตอบตรงกับที่ตนคาดเดาเอาไว้

มิน่าล่ะถึงได้แวะมากินข้าวที่บ้านคุณหมอบ่อยๆ…

เขาเดินไปดูเจ้าพวกปุกปุยสี่ขาที่อยู่ห้องอื่น ทุกตัวนอนกลิ้งหลับสนิทไปกับเบาะนอนหลังกินอิ่มและเล่นอย่างเต็มที่ แทบไม่มีอะไรที่เขาต้องจัดการเลยทั้งเรื่องงานบ้านและดูแลสัตว์เลี้ยง พออาหารค่ำย่อยดีแล้วเขาก็ไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำที่กว้างขวางยิ่งกว่าที่คิด แถมยังมีคนคอยช่วยอาบให้อีกจนต้องบอกปัดไปว่าขอจัดการเอง ทุกอย่างมันช่างสะดวกสบายไปหมดเสียจนอย่างกับฝันไปเลย

ลาซารัสลุกขึ้นจากอ่างไปเช็ดตัว เขาหยุดยืนมองดูตัวเองที่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ ดวงตาสีฟ้ามองรอยกัดทั้งสองแห่งบนต้นคอของตน หากเทียบกับรอยแรกที่คุณหมอคาเล็มทำไว้ รอยตีตราของริชาร์ดนั้นเน้นย้ำชัดเจนยิ่งกว่า จนแอบกลัวว่ารอยประทับของคุณหมอจะจางหายไปเข้าสักวัน

“แต่...รอยตีตรามันไม่หายไปอยู่แล้วนี่เนอะ..” หลายสื่อหลายปากของจากผู้คนมากมายรอบตัวล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกัน เรียวนิ้วไล้อยู่บนรอยแผลที่คาเล็มกัดไว้อย่างแผ่วเบา

ข้อความหลายต่อหลายประโยค ทั้งคำขอโทษ คำถาม และรวมทั้งการชวนพูดคุยเรื่องทั่วๆไปนั้น ไม่มีอะไรตอบกลับมาเลย แม้แต่การเปิดอ่านก็ไม่มี.. เห็นแบบนี้โอเมก้าหนุ่มก็รู้สึกเคว้งคว้างยิ่งกว่าเดิม บ้านหลังโตกับห้องโล่งๆและผู้คนที่ทำตัวห่างเหินเขาเสียจนน่าใจหาย ลาซารัสนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงในขณะที่นั่งนึกว่าวันเวลาแบบนี้ควรจะทำตัวยังไงดี…. เอ๊ะ? มีเสื้อคุณริชาร์ดที่ยังไม่เสร็จนี่หว่า!!

ร่างโปร่งเด้งตัวออกมาจากห้วงความเหงาแล้วกุลีกุจอเอาของใช้ของทำงานออกมาวางเรียงราย เขาค้นเอาเสื้อสีฟ้าอ่อนที่ทำไปได้เพียงครึ่งทางออกมาจัดการทำต่อ แม้จะไม่รู้ว่าสภาพริชาร์ดจะไปร่วมงานไหวไหมแต่เขาก็ควรจะรีบทำให้ทันกำหนดอยู่ดี

“คุณริชาร์ดตัวใหญ่กว่าคุณหมออีกแหะ” พอเอาเสื้อที่ตัดค้างไว้ออกมานั่งพินิจก็เริ่มเห็นความแตกต่าง แต่ที่เขาสงสัยมากกว่าเรื่องขนาดตัวนั้นคือ.. เสื้อสีขาวที่เขาแอบตัดให้คุณหมอหายไปไหนเสียแล้ว? ..ลาซารัสตัดสินใจส่งข้อความไปถามหามันอย่างเคยชิน กว่าสติจะเริ่มรู้ว่าไม่น่าส่งไปถามอะไรอีกก็ไม่ทันให้นิ้วได้กดลบออก...แน่นอนว่าไม่มีอะไรตอบกลับมาเช่นเดิม

“....เดี๋ยวค่อยหาก็ได้มั้ง” โอเมก้าหนุ่มคอตกแล้วเริ่มกลับมาสนใจงานตรงหน้า แม้เวลาจะล่วงเลยไปเสียดึกแล้วแต่การไม่ทำอะไรเลยแล้วปล่อยให้เวลาและชีวิตไหลไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายมันทำเขารู้สึกแย่เกินไป “...ผ้าก็เหลืออยู่...ถ้าตัดไปให้คุณหมออีกสักชุดเขาจะรับมั้ยนะ…”

ครืด...ครืด…

เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสั่น ลาซารัสหยิบมาเปิดดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของเรนเดลจึงกดรับสายด้วยสีหน้าปิติยินดีแล้วเอ่ยทักทายพ่อบ้านไป “สวัสดีครับคุณเรนเดล ยังไม่นอนอีกเหรอครับ?”

“ครับ คุณแมทเวย์เป็นยังไงบ้าง กระผมโทรมารบกวนรึเปล่าครับ”

“เปล่าครับ พอดีผมตัดสูทให้คุณริชาร์ดอยู่น่ะครับ”

“อย่านอนดึกมากนะครับเดี๋ยวจะเสียสุขภาพ” เสียงที่คุ้นเคยถามด้วยความห่วงใย แม้จะเจอกันไปเมื่อตอนกลางวันแต่พอตอนเย็นก็ไม่ได้เจอกันแล้วมันก็แอบใจหายอยู่ไม่น้อย

“คุณเรนเดลก็เหมือนกันนะครับ” น้ำเสียงสดใสเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจถามออกไป “เอ่อ...แล้วคุณหมอเป็นยังไงบ้างครับ”

“อ่อ รายนั้นก็เหมือนเดิมแหละครับ นี่กระผมเลยต้องไปบอกให้เข้านอนได้แล้ว” พ่อบ้านสูงวัยแอบพูดถึงนิสัยติดตัวที่แก้ไม่หายของเจ้านายตน ลาซารัสหัวเราะเพราะเดาไว้แล้วไม่มีผิด

“แล้วจูเลียตล่ะครับเป็นไงบ้าง?” ถามถึงเจ้าวูล์ฟด็อกที่จากมาโดยยังไม่ทันจะได้บอกลาอะไรกันเลย ป่านนี้มันคงคิดว่าเขาทิ้งมันมาแน่ๆ

“ก็ซึมๆไปนิดหน่อย แต่คิดว่าคงไม่เป็นไรหรอกครับ” เรนเดลพยายามปลอบไม่ให้คนปลายสายรู้สึกแย่ไปกว่านี้ “คุณแมทเวย์ครับ สูทสีขาวตัวนั้นอยู่ที่นายน้อยนะครับ กระผมโทรมาบอกเท่านี้ล่ะครับ”

“เอ๊ะ? คุณเรนเดลรู้ได้ยังไงครับว่าผมกำลังหาชุดสูทตัวนั้นอยู่…” โอเมก้าหนุ่มประหลาดใจที่พ่อบ้านบอกเรื่องนั้นได้ถูกเวลาจนดูเหมือนจงใจ ราวกับว่ารู้ล่วงหน้าว่าเขากำลังจะถามถึงสูทตัวนั้น

“กระผมบอกไม่ได้หรอกครับว่านายน้อยให้กระผมมาบอกคุณแมทเวย์น่ะ เท่านี้ก่อนนะครับ ราตรีสวัสดิ์” จู่ๆ คุณพ่อบ้านก็รีบวางสายอย่างผิดปกติ ร่างโปร่งมองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของตนงงๆ

“เรียบร้อยแล้วครับนายน้อย” เรนเดลหันไปบอกกับร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ แถมยังขมวดคิ้วส่งมาให้อย่างคาดโทษ “แหม...ตอบอะไรกลับไปบ้างก็ดีนะครับ ทางนั้นเขาจะรู้สึกไม่ดีเอา”

“บอกไปทำไมว่าฉันใช้นายให้มาบอก”

“อ้าว? กระผมเผลอพูดไปเหรอครับ แย่จริงๆ แก่แล้วก็เลอะเลือนแบบนี้แหละครับ” พ่อบ้านโค้งตัวและผงกหัวขอโทษ ก่อนจะขอตัวไปพักผ่อนตามเดิม

“...ถ้าแก่ขึ้นแล้วจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ฉันว่าต่อไปคงต้องระวังนายเอาไว้บ้างแล้วกระมัง”


ลาซารัสที่ยังนั่งเอ๋ออยู่กับสิ่งแปลกๆที่เกิดขึ้นก็ทิ้งตัวลงนั่งกับขอบเตียง แล้วก็หยิบหมอนมาปิดหน้าและร้องอัดใส่อย่างที่ทำประจำ “ว้ากกกกก คุณหมอเห็นแล้วอ่ะะะะ มันยังไม่เสร็จเลย ยัง...ยังไม่เสร็จดีเลย ฮืออออ” พอโวยวายใส่หมอนใบนุ่มให้สมใจจนอารมณ์สงบลงก็เหลือเพียงความยินดีปนเศร้านิดๆ

“คงมีเรื่องจำเป็นสินะ…” โอเมก้าหนุ่มปลอบตัวเองพลางยิ้มบางๆออกมาเมื่อรู้ว่าคาเล็มไม่ได้ทิ้งเขามาจริงๆ… หรือถึงจะทิ้งจริงๆคุณหมอก็ไม่ได้เกลียดเขา คิดได้ดังนั้นก็กลับไปเช็คของและขั้นตอนที่เหลืออีกทีก่อนจะปิดไฟและโดดขึ้นเตียงนอนตามคำกล่าวอย่างเป็นห่วงของเรนเดล ด้วยความเหนื่อยสะสมจากช่วงหลายวันมานี้ทำเอาเขาหลับไปแทบจะทันทีที่หัวถึงหมอน


ทางด้านของคาเล็มที่ยังคงไม่ยอมนอนคืนนี้ ไม่ใช่เพียงแค่งานที่ยังค้างคา แต่เขากำลังมองหาที่ลี้ภัยหลังใหม่อยู่เงียบๆในห้องของตน แสงแล็บท็อปเป็นสิ่งเดียวที่เปิดไว้เคียงคู่โคมไฟสลัวข้างเตียง นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรมากนัก ใช่ว่าเขาจะไม่เคยโดนตามตัวเจอ ย้ายที่อยู่มาหลายครั้งแล้ว ที่นี่ก็แค่หนึ่งในนั้น..

เมื่อตาล้าจากการเพ่งมองจอนานๆก็จำเป็นต้องละออกมา ร่างสูงหลับตาลงแล้วถอนหายใจ นี่แก่จนแค่นั่งมองคอมพิวเตอร์นานมากไม่ได้แล้วหรือ… เขาหันไปเจอเข้ากับสูทสีขาวที่ห้อยอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าอย่างไม่ต้องการจะเก็บกลับเข้าไปในตอนที่เพิ่งเอามันเข้ามา

ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าจะใส่ออกมาเป็นยังไงแม้มันจะยังไม่เสร็จดี คาเล็มจึงลุกจากเตียงไปลองสวมมันเสียเต็มยศ
ตัวเองในกระจกที่ไม่เหลือรูปลักษณ์คุณหมอดูแปลกตาตัวเองอย่างยิ่ง สองมือยกขึ้นลองเปลี่ยนทรงผมให้เหมือนกับวันที่ลาซารัสตรงเข้ามาทำให้ “นี่เห็นฉันเป็นเจ้าชายหรือไง..” แม้แต่ตัวเองยังคิดว่าดูดีผิดคาด

คาเล็มแอบยิ้มบางๆเมื่อพอจะรู้ว่าอีกฝ่ายมองเขาด้วยความนึกคิดแบบไหนผ่านกระจกตรงหน้า ...แล้วก็นึกไม่ออกว่าตัดชุดนี้เสร็จเขาจะได้เอาไปใช้ในงานไหนกันเล่า?.. งานแต่งรึไง…

“...คิดอะไรไร้สาระจริง” ร่างสูงถอดชุดสูทออกแล้วแขวนไว้ตามเดิม เรื่องแต่งงานนั้นเขาสลัดมันทิ้งไปจากหัวตั้งนานเป็นสิบๆปีแล้ว และไม่เคยมีความคิดนั้นอีกเลยจนกระทั่งเมื่อเร็วๆนี้...กับอดีตโอเมก้าของเขา

คำพูดทุกคำพูด น้ำเสียงที่ตะโกนออกมาในตอนอยู่ที่โรงพยาบาลเขายังจดจำมันได้ดี และโล่งใจที่ลาซารัสยอมตัดใจไปอยู่กับริชาร์ด อย่างน้อยก็วางใจได้เปลาะหนึ่งว่าที่นั่นปลอดภัยกว่าอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน

ส่วนเรื่องที่เพื่อนรักได้ล่วงเกินโอเมก้าของตนไปนั้น คาเล็มมาคิดดูส่วนหนึ่งมันก็เป็นความผิดของเขาเองด้วยที่ปล่อยให้พวกเขาอยู่ด้วยกันในช่วงอันตราย แม้จะยังทำใจได้ยากแต่ก็ต้องข่มใจยอมรับผลของมัน และยังมีเรื่องที่ทำให้เป็นกังวลอีกอย่างเกี่ยวกับลาซารัสก็คือว่าโอเมก้าคนนั้นจะตั้งครรภ์หรือไม่

ตลอดช่วงสัปดาห์ที่อยู่ด้วยกันเขากับลาซารัสมีอะไรกันตลอด แถมล่าสุดนั้นอีกฝ่ายก็ทำกับริชาร์ดไปด้วย ต่อให้กินยาคุมป้องกันไว้แต่เปอร์เซ็นที่จะเกิดก็ยังมีอยู่ คาเล็มได้แต่ภาวนาขอให้ยาตัวนั้นมันได้ผล เพราะสิ่งที่เขากลัวที่สุดคือ...หากลาซารัสท้องขึ้นมาจริงๆ เขาอาจจะยิ่งทำใจยอมรับได้ยากถ้าต้องเสียโอเมก้าที่รักไปอีกคน...ขออย่าให้มันเกิดขึ้นเลย


“ตอนนั้นแค่ให้ไปเล่นๆ ไม่คิดว่าจะติดต่อมาจริงๆเลยนะ ลาซารัส แมทเวย์” เสียงที่อยู่ปลายสายกำลังยิ้มระรื่น อันที่จริงเออร์แฟนก็คาดไว้แหละว่าอาจจะมีเรื่องติดต่อมาในสักวัน แต่ไม่คิดเลยว่าจะเร็วถึงขนาดนี้

“...อย่างคุณคงไม่มีทางให้ไว้เล่นๆหรอกมั้งครับ” ลาซารัสพูดออกไปอย่างมิเกรงกลัวอัลฟ่าที่อีกปลายสาย ร่างโปร่งนั่งอยู่ที่ระเบียงรับลมในห้องของตนเพื่อให้มองเห็นว่ารถที่ไปรับริชาร์ดจะกลับมาเมื่อไหร่ สูทค่อยๆตัดกระเตื้องไปทีละนิดอย่างไม่รีบร้อนเพราะมีเวลาอีกมากมายให้ทำ พอเวลามันเหลือใช้ขนาดนี้ลาซารัสจึงมีเวลาไตร่ตรองเรื่องของคาเล็มมากพอที่จะคิดหาทางช่วยเหลือคนที่เขารักได้

“แล้วว่าไง โทรมานี่มีธุระอะไรรึ” เออร์แฟนวางมือจากหนังสือที่กำลังอ่านพลางยกขาขึ้นพาดกับโต๊ะตัวเตี้ย เอนหลังพิงโซฟาอย่างสบายกาย วันหยุดพักผ่อนทั้งทีก็เลยอยู่บ้านทำสปาประทินผิวตั้งแต่หัวจรดเท้า หากไม่ติดที่หน้าที่การงานอันโหดร้ายก็ทำตัวราวกับเป็นชนชั้นสูงใช้ชีวิตหรูหราทั่วไป..

“งั้นเอาตรงๆเลยนะครับ คุณหมอ..ไม่สิ...คุณคาเล็มมีสิทธิ์จะชนะคดีที่กำลังฟ้องร้องกันอยู่มั้ยครับ”

“เอ.. ก็.. จริงๆก็ยากนะ แต่ไม่มากเท่าไหร่หรอกเพราะคนสนับสนุนก็มากขึ้นเรื่อยๆ” อัยการหนุ่มเท้าคางลงกับพนักโซฟาอย่างผิดหวัง โทรมาทั้งทีก็กลายเป็นเรื่องงานที่เขาไม่อยากจะนึกถึงมันในเวลาพักผ่อนเสียนี่… แต่เพราะเป็นคดีนี้เขาเลยยอมที่จะคุยต่อ “ที่ยากคือฝั่งกระทรวงวัฒนธรรมน่ะแหละ พวกหัวโบราณแต่มีอำนาจน่ะให้การสนับสนุนฝั่งนี้อยู่เยอะ แถมเล่นไม่ซื่อทั้งยัดเงินปิดปากพวกหมอคนอื่นๆ กว้านซื้อโอเมก้าที่มีปากเสียงพอจะให้การไปเป็นของเล่นของพวกมันหมด….แน่นอนว่าพี่ชายคาเล็มก็ด้วย”

“งั้นเหรอ..” เสียงของปลายสายเบาลงจนแทบไม่ได้ยิน คิดอยู่แล้วว่ามันคงเกินกำลังที่เขาจะทำอะไรได้ แต่ลาซารัสก็ไม่อยากจะนั่งอยู่เฉยๆอยู่ดี “คุณ...ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆเหรอครับ”

“ถ้ายอมจ่ายเงินมาแล้วยอมทำตามวิธีของฉัน ก็รับประกันให้ได้ว่าโลกจะเปลี่ยนไปแน่นอน..อย่างน้อยๆก็ประเทศนี้”

“คุณเรียกค่าว่าความไปเท่าไหร่เหรอครับ”

“ห้าร้อยล้าน นี่ลดให้แล้วนะ ถือว่าอุดมการณ์เดียวกัน”

“หา!!?” โอเมก้าหนุ่มเผลอแผดเสียงใส่โทรศัพท์อย่างตกใจในตัวเลข ทีแรกเขาคิดว่าอาจจะหลายสิบล้านเท่านั้นเอง “ย...เยอะ”

“นี่.. คิดดีๆนะเจ้าหนู อย่างที่บอกวันนั้น ฉันมีลูกน้องต้องจ้าง ทุกคนมีภาระต้องจับจ่าย ไหนจะแม่บ้าน ยาม แล้วก็พวกเด็กๆส่งเอกสารในตึก ฉันทำงานนี้ก็ต้องเรียกว่าทุ่มหมดตัว อะไรเอามาใช้ได้ก็จะใช้ให้หมด ถ้าขืนไม่ได้เงินตอบแทนเลยพวกฉันจะเอาอะไรกินล่ะ”

“ผมเข้าใจครับ...แต่ว่า ก็ตกใจอยู่ดี” ลาซารัสเสียงแผ่ว ท่าทางเขาจะทำอะไรไม่ได้จริงๆซะด้วยสิ

“ส่วนเรื่องวิธีการ.. ฉันจะบอกนายก็ได้ ยังไงก็ไม่ใช่ความลับเพราะเคยบอกคาเล็มไปแล้ว” เออร์แฟนเปลี่ยนมานั่งตัวตรงปกติและปล่อยให้สาวใช้จัดการนวดฝ่าเท้าของตน “ก่อนอื่น..ฝั่งโน้นใช้แค่อำนาจวงใน ไม่สามารถออกสื่อได้ เพราะงั้น เราจะใช้สื่อโจมตีพวกมัน..”

“เอ๋? ยังไงเหรอครับ”

“นายคิดว่าอะไรคือสิ่งที่มีอิทธิพลสูงสุดสำหรับสังคมล่ะ? ก็ต้องพวกสื่อบันเทิงหรือพวกสำนักข่าวนี่แหละ ถ้าสามารถดึงพวกมันให้โจมตีหรือประโคมข่าวเรื่องสิทธิของโอเมก้าได้ ศาลจะโอนอ่อนตามไปเอง”

“ศาลจะโอนอ่อน? ผู้พิพากษาเขาคงไม่สนใจหรอกมั้งครับ” ลาซารัสเอียงคอสงสัย

“ผิดแล้วเจ้าหนู ผู้พิพากษาก็คนเหมือนพวกรานี่แหละ มีพี่มีน้องมีครอบครัว ยังไงเขาก็ได้รับการไซโคจากคนรอบๆอยู่แล้ว การสู้กันในชั้นศาลน่ะ ถ้าเราทำให้ศาลเชื่อได้ก็คือชนะ” ร่างสูงสำรวจเล็บมือของตนก่อนส่งสัญญาณให้สาวใช้ว่าช่วยทำเล็บต่อให้ด้วย “ต่อไปก็หลักฐาน.. ฝ่ายเราไม่มีข้อแก้ต่างที่ฟังขึ้นมากพอเรื่องยา.. มันยังมีผลกระทบต่อคนที่กินมันติดต่อกันนานๆจริง”

“อา...เรื่องนั้น..” ลาซารัสคอตก ทำไมหนทางข้างหน้ามันมืดมนขนาดนี้

“จริงๆเรื่องนี้มันง่ายมาก.. แต่เราไม่มีตัวทดลองมากพอเท่านั้นแหละ” เออร์แฟนปลอบคนที่ปลายสายเมื่อได้ยินเสียงที่ราวกับหมดหวังนั่น “จากการสืบของฉันเอง ฉันก็รู้มาว่าโอเมก้าทุกคนที่กินมันล้วนเป็นโอเมก้าที่ไม่มีร่างกายสมบูรณ์พร้อมทั้งนั้น”

“ร่างกาย…” เขานึกถึงตอนที่คาเล็มประมูลเขามาด้วยการทุ่มเงินจำนวนมากไป.. นี่อาจเป็นเหตุผลให้คุณหมอยอมทำขนาดนั้น? จะว่าไป โอเมก้าที่เขาเจอในงานแต่งวันนั้นล้วนมีแต่คนที่ไม่น่าจะเรียกได้ว่าร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดีด้วยซ้ำ บางคนยังแอบเห็นรอยช้ำจากการถูกทำร้ายร่างกายอีกด้วย

“คนป่วยอยู่แล้ว มาเจอยาที่ไม่ใช่การรักษา แต่เป็นการกดฟีโรโมนและเปลี่ยนธรรมชาติของร่างกายที่จะฮีทตอนเจอกับฟีโรโมนของอัลฟ่า มันก็เรื่องปกติที่จะมีผลกระทบ แต่ขืนเป็นงี้ต่อไป งานวิจัยหมอนั่นก็ไม่คืบหน้าหรอก” เออร์แฟนถอนหายใจบ้าง เพราะความหัวรั้นของคาเล็มที่ไม่ยอมให้ใครอื่นลำบากไปด้วย แม้เพื่อนรักของเขาจะมีกำลังทรัพย์มากพอจะเฟ้นหาโอเมก้าที่ดี หรือแม้แต่โอเมก้าที่เขาเคยช่วยไว้หลายต่อหลายคนก็ยอมจะเป็นตัวทดลองให้… เขาก็ไม่ยอมรับความช่วยเหลือนี้… “เคยได้ยินใครบ่นว่าหมอนั่นหัวดื้อมั่งมั้ยล่ะ?”

“เอ่อ...ไม่เคยครับ” ถึงจะเคยได้ยินริชาร์ดกับเรนเดลบ่นบ้าง แต่เขาก็นึกว่าแค่พูดกันขำๆนี่หว่า.. “แล้วถ้าคุณเออร์แฟนจะช่วยจริงๆ จะเริ่มจากอะไรเหรอครับ”

“ยังไม่ได้คิด ก็คาเล็มไม่คิดจะจ้างนี่หว่า”

“...ครับ.. ขอบคุณครับคุณเออร์แฟน คุณนี่เป็นคนดีจริงๆด้วย”

“หา.. ยังไม่เข็ดเหรอ?” ร่างสูงส่งเสียงหงุดหงิดใส่เมื่อโดนอีกคนทักในเรื่องเดิมๆ

“ก็คุณอุตส่าห์ไปหาข้อมูลมาให้ว่าโอเมก้าที่กินยาไม่ใช่คนแข็งแรงทุกคน ไหนจะลดค่าว่าความให้ เมื่อตอนที่...ขโมยจูบผมไปก็เพื่อกระตุ้นให้คุณหมอยอมตีตราผม...แถมยังคิดหาวิธีชนะคดีไว้ให้แล้ว ...ผมว่าคุณเป็นคนดีนะครับ” น้ำเสียงสดใสกล่าวให้กับอัลฟ่าที่กำลังคุยด้วยอย่างจริงใจทำให้อีกฝ่ายถึงกับอึ้งในความโลกสวยของอีกคน….

“มีแค่นี้ใช่มั้ยไอ้หนู ฉันจะวางแล้วนะ เดี๋ยวอัลฟ่าที่รักของนายจะเขม่นฉันอีก”

“เอ่อ...เรื่องนั้น...คงไม่ต้องห่วงหรอกครับ” น้ำเสียงเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดทำให้เออร์แฟนขมวดคิ้วสงสัย

“มีอะไร?” น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยถามอย่างเค้นเอาคำตอบจนคนโดนถามสะดุ้ง แม้จะเป็นการคุยผ่านโทรศพท์ก็ตาม

“ผม...โดนคุณหมอมอบให้คุณริชาร์ดแล้วล่ะครับ..” ลาซารัสจำยอมตอบไปอย่างช่วยไม่ได้

“เหรอ.. เสียใจด้วยละกัน งั้นขอตัวก่อนล่ะ” พูดจบก็ยังไม่ทันให้อีกฝ่ายกล่าวลาดีๆ เออร์แฟนก็วางสายลงทันทีที่จบประโยค ร่างสูงวางโทรศัพท์ลงอย่างเหนื่อยล้า มือข้างหนึ่งยกขึ้นนวดขมับราวกับกำลังคิดหนัก ข่าวเรื่องที่พี่ชายของคาเล็มเริ่มเคลื่อนไหวแปลกๆมันคงไม่ใช่แค่ข่าวลือสินะ...  “ปล่อยเรื่องมานานจนมันยุ่งยากซะแล้วนะไอ้โง่คาเล็ม..”


(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

“ฮัด...เช้ย!” คุณหมออัลฟ่าจามพลางนึกสงสัยว่าเป็นหวัดขึ้นมารึไง ทั้งที่ยังเป็นฤดูร้อนอยู่เลยแท้ๆ

“ไม่สบายหรือครับนายน้อย?” เรนเดลที่ยกมื้อเที่ยงมาให้ถึงกับถามว่าเป็นอะไร

“เปล่า สงสัยมีคนนินทา” คาเล็มส่ายหน้าปฏิเสธ

“โทรศัพท์ดังอีกแล้วนะครับ?” พ่อบ้านมองเครื่องมือสื่อสารที่เจ้านายปล่อยให้มันสั่นไม่ยอมรับสาย

“โทรมาได้ไม่หยุดหย่อนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ดวงตาหลังแว่นปรายตามองเบอร์ของพี่ชายที่ปรากฏบนหน้าจอ ก่อนจะกดปิดเครื่องแล้วดึงซิมการ์ดออก นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเปิดโทรศัพท์ไม่ได้เพราะเกรงว่าจะมีคนจับสัญญาณจากโทรศัพท์มาเจอบ้านหลังนี้เข้า “หนีไปเมืองนอกกันมั้ยเรนเดล?”

“กระผมไม่ขัดข้องหรอกนะครับ” พ่อบ้านเอ่ยอย่างเข้าใจ ที่จริงแล้วคาเล็มมีบ้านพักอยู่ต่างประเทศ ถ้าหากย้ายไปที่นั่นก็อาจตัดปัญหาเรื่องถูกตามรังควานไปได้ “ถ้าหากนายน้อยตัดสินใจกระผมก็จะติดตามไปทุกที่”

“เฮ้อ...ฉันล้อเล่นหรอกน่า” คาเล็มโบกมือไปมา “ขืนไปจริงก็เท่ากับหนีน่ะสิ”

คุยกันต่อได้สักพัก โทรศัพท์ของเรนเดลก็ดังขึ้นมา พ่อบ้านสูงวัยเปิดเครื่องดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของลาซารัสติดต่อมาอีกครั้ง “คุณแมทเวย์อยากคุยด้วยนะครับนายน้อย”

“บอกไปว่าฉันยุ่งอยู่” ร่างสูงให้พ่อบ้านบอกปัดคนโทรออกไป

“ครับ” เรนเดลรับคำสั่งแล้วเอ่ยตอบไปตามนั้น คุณหมออัลฟ่าแอบมองอยู่ห่างๆ เห็นสีหน้าของพ่อบ้านเปลี่ยนไปนิดหนึ่งก่อนหันกลับมาอีกครัง “คุณแมทเวย์บอกว่าได้ติดต่อไปหาอัยการคนนั้นมาน่ะครับ”

“ว่าไงนะ!...แค่กๆ!” คาเล็มสำลักจนอาหารติดคอ พอหายใจหายคอคล่องแล้วก็ยื่นมือออกไปขอคุยกับคนที่โทรมาก่อนกรอกเสียงที่ดังกว่าปกติออกไป “ทำบ้าอะไรของนาย!”

“ขะ...ขอโทษครับคุณหมอ” เสียงปลายสายสั่นที่โดนดุผ่านโทรศัพท์จากอัลฟ่าเจ้าของคนเก่า “ผมแค่อยากช่วยคุณหมอก็เลยลองคุยกับคุณเออร์แฟนไปดูน่ะครับ”

คาเล็มยกมือนวดขมับ เขาอุตส่าห์ส่งลาซารัสไปอยู่กับริชาร์ดหวังจะให้ปลอดภัยไม่โดนลูกหลง แต่ทางนั้นก็ยังกระโดดเอาตัวเข้ามาเสี่ยงในวังวนปัญหาโลกแตกนี้จนได้ “นายอย่าหาเรื่องใส่ตัวได้มั้ย นี่เป็นปัญหาของฉัน อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่องน่า”

“คุณหมอ ผมขอถามอะไรหน่อยสิครับ”

“เรื่องอะไร?” ร่างสูงแปลกใจในน้ำเสียงของโอเมก้าที่ตนได้ยิน

“ตอนที่คุณหมอประมูลตัวผมมาจากตลาดมืด คุณหมอประมูลไปเท่าไหร่ครับ?”

คาเล็มโดนยิงคำถามที่ชวนให้คิดถึงเรื่องในคืนนั้นขึ้นมา ก่อนจะตอบออกไปเป็นมูลค่าที่ลาซารัสเองก็ยังถึงกับอ้าปากค้าง

“เงินตั้งขนาดนั้น ทำไมคุณไม่เอาไปจ้างคุณเออร์แฟนล่ะครับ!” โอเมก้าหนุ่มแทบจะเป็นลมตอนนั่งนับเลขศูนย์ในใจ ค่าตัวของเขานั้นเรียกว่าสามารถจ่ายเงินเต็มจำนวนเป็นค่าจ้างว่าความให้อัยการหนุ่มคนนั้นได้โดยไม่ต้องลดราคาให้ด้วยซ้ำ

“ก็เคยได้ยินไปแล้วไม่ใช่เรอะว่าฉันไม่ชอบวิธีการของเจ้านั่นน่ะ” คุณหมออัลฟ่าเน้นย้ำชัดเจน แต่คนปลายสายนั้นเริ่มเข้าใจที่เออร์แฟนพูดไปเมื่อเช้าแล้วว่าคาเล็มเป็นคนหัวดื้อจริงๆ ดื้อเกินไปด้วยซ้ำ!

“คุณหมอครับ…” ร่างโปร่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อผ่อนคลายหลังจากตกใจหนักมากไปแล้ว “ผมเพิ่งคุยกับคุณริชาร์ดมา คุณริชาร์ดบอกว่าเขาอยากจะจ่ายเงินค่าประมูลตัวผมให้คุณหมอน่ะครับ”

“อ้อ...” คาเล็มเลื่อนจานอาหารออกแล้วเอนหลังพิงไปกับเก้าอี้ “ที่โทรมาก็เพราะเรื่องนี้เองสินะ”

“ก็...ใช่ครับ แต่เพราะติดต่อคุณหมอไม่ได้เลยผมเลยต้องโทรเข้าเบอร์คุณเรนเดลแทน” 

“ฉันปิดโทรศัพท์ไว้น่ะไม่งั้นจะโดนแกะรอยเจอ” คาเล็มตอบไปตามจริงโดยไม่ปิดบัง เพราะคาดว่าลาซารัสเองก็คงพอจะรู้สถานการณ์ตอนนี้ไม่มากก็น้อยแล้ว

“คุณหมอ...ปลอดภัยดีอยู่รึเปล่าครับ?” น้ำเสียงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง หมออัลฟ่าที่ได้ยินดังนั้นก็เผลอใจอ่อนยวบจนอยากแสดงความรู้สึกจริงๆออกไป แต่ก็ต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งไป เพราะตอนนี้อีกฝ่ายไม่ใช่คนของเขาอีกต่อไปแล้ว

“อย่านอกเรื่องสิ ธุระของนายคือเรื่องเงินค่าตัวไม่ใช่เรอะ” คาเล็มวกกลับเข้าเรื่องเดิม “แต่ฝากไปบอกกับริชาร์ดด้วยว่าฉันขอคืนแค่ครึ่งเดียวพอ เพราะว่านายก็เคย...กับฉันมาแล้วน่ะ”

“อา...นั่นสินะครับ” ดวงตาสีฟ้าที่อยู่ในสายหม่นลงเล็กน้อย ตัวเขานั้นได้ผ่านการเป็นของคนอื่นมาก่อนแล้ว มูลค่าของตัวเองก็ย่อมลดลงตามไปด้วย

“ถ้าทำได้...เงินน่ะฉันไม่อยากได้คืนหรอก” เสียงทุ้มเบาลงจนเกือบคิดว่าวางสายไปแล้ว “ฉันอยากให้นายกลับมามากกว่า”
ใบหน้าของโอเมก้าหนุ่มเห่อร้อนจนแดงซ่าน ไม่ใช่เพราะเขินอายแต่เสียงของคาเล็มที่ได้ยินนั้นมันแฝงไปด้วยความคิดคะนึงหาต่อตัวเขา แม้เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม เขาเองก็คิดถึงอัลฟ่าเจ้าของคนเดิมที่เขารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

“ผมก็...อยากกลับไปครับ” ร่างโปร่งจับโทรศัพท์แน่น “ผมอยากเห็นใบหน้าและรอยยิ้มของคุณ อยากสัมผัสอ้อมกอดแสนอบอุ่นที่ผมเพิ่งเคยได้รับเป็นครั้งแรก อยากกลับไปอยู่บ้านหลังเล็กๆ หลังนั้นด้วยกันพร้อมหน้า บ้านที่มีทั้งหมอกับคุณเรนเดล จูเลียต แล้วก็เจ้าตัวเล็กพวกนั้น… แต่ผม...กลับไปไม่ได้แล้วสินะครับ”

“ลาซารัส…” คาเล็มได้ยินเสียงสั่นจากคนพูด แม้จะไม่ได้ร้องไห้เพราะกำลังข่มกลั้นมันไว้ก็ตาม แต่ก็คงจะกำลังทรมานใจอยู่แน่นอน “ฉันขอโทษนะ ที่ดูแลนายไม่ได้”

“ไม่ครับ ผมได้รับการดูแลมาดีเกินไปด้วยซ้ำ ถึงจะ...มีบ้างที่ไม่ชอบใจเพราะคุณหมอเอาผมไปเป็นหนูทดลองยาก็เถอะ” โอเมก้าหนุ่มเอ่ยแซวและหัวเราะแห้งๆกลบเกลื่อนเพราะใกล้จะสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวแล้ว

“...เดี๋ยวฉันจะโทรติดต่อไปอีกทีแล้วกัน”

“ครับ รักษาตัวด้วยนะครับคุณหมอ” ลาซารัสบอกลาแต่ยังไม่กดวางสายไป คาเล็มเองก็เช่นกัน เขายังถือสายอยู่แบบนั้นเหมือนกำลังรอที่จะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายนานขึ้นอีกสักนิดก็ยังดี

“ผมรู้ว่าคุณคงเบื่อที่จะฟังแล้ว แต่ผมก็อยากจะบอกอีกครั้ง...ผมรักคุณนะครับ คุณคาเล็ม”

เสียงปลายสายพูดจบไปแทนที่ด้วยความเงียบหลังสิ้นบทสนทนา ร่างสูงจ้องมองโทรศัพท์อยู่เนิ่นนานก่อนจะคืนมันให้พ่อบ้าน

“อาหารจะเย็นหมดแล้วนะครับ” เรนเดลเอ่ยหลังจากเจ้านายนั่งนิ่งอยู่นานไม่ยอมทานต่อ พ่อบ้านเดินไปลูบหัวจูเลียตที่ทานอาหารไปเพียงครึ่งเดียวแล้วนอนหมอบอยู่เฉยๆ แม้จะชวนมันออกไปเดินเล่นหลังอาหารแต่ก็ไม่ยอมลุกทั้งที่ปกติชอบการเดินเล่นเป็นที่สุด

ดวงตาหลังกรอบแว่นมองไปรอบๆ บ้านหลังนี้กว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ พอไม่มีเสียงร้องหนวกหูของพวกขนปุยแล้วบ้านมันเงียบเหงาได้ขนาดนี้เชียวเหรอ

“เรนเดล…”

“ครับนายน้อย?” ชายชราหันมาหาจ้านายของตนที่ยังคงใช้ส้อมเขี่ยอาหารในจานไปมาไม่ยอมกินต่อ

“ขอยืมโทรศัพท์อีกครั้งสิ” คุณหมออัลฟ่าเอ่ยขอ พ่อบ้านยื่นโทรศัพท์ให้นายน้อยของตนอีกครั้งและมองดูว่าจะติดต่อไปหาใคร “นี่ฉันเอง”

“วันนี้มันวันอะไรเนี่ย มีแต่คนโทรหาฉันทั้งวันไม่ได้หยุดพักผ่อนเลย” เออร์แฟนบ่นอย่างเสียอารมณ์ขณะนอนคว่ำให้สาวใช้นวดหลัง “มีอะไรว่ามา แต่ถ้าจะบ่นที่ฉันแอบให้เบอร์อดีตโอเมก้าของนายไปล่ะก็ฉันจะวางสายทันที”

“ฉันให้แกสองเท่า”

“หา?” อัยการหนุ่มยกมือบอกให้สาวใช้หยุดมือแล้วพลิกตัวมานั่งคุยให้ถนัด “อะไรคือให้ฉันสองเท่า?”

“ค่าจ้างว่าความไง จะเอามั้ย? ถ้าไม่พอจะเพิ่มให้…”

“เดี๋ยวๆๆ ไปกินยาอะไรมาวะแกน่ะ!” เออร์แฟนตั้งตัวไม่ทันจนเผลอหลุดมาดเดิม ก่อนจะไล่ให้สาวใช้ออกไปก่อนเพราะไม่มีสมาธิจะผ่อนคลายอารมณ์แล้วตอนนี้ 

“ไม่มีอะไรนี่ ฉันแค่เปลี่ยนใจแล้ว” คาเล็มยังคงเอาส้อมเขี่ยผักและอาหารในจานเล่นอย่างเหม่อลอยแต่น้ำเสียงจริงจังหนักแน่น

“คิดถึงเจ้าหนูนั่นจนยอมใจอ่อนแล้วเหรอ” เออร์แฟนเงียบไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยแซวคนที่เขาตื้อให้จ้างมาตลอดหลายปี “ฉันบอกแล้วจะเอาแค่นั้น ให้มากกว่านั้นก็ถือเป็นน้ำใจละกัน”

“....ไม่ให้หรอก ถ้านายจะเอาแค่นั้นฉันก็จ่ายแค่นั้น..” คุณหมอถอนหายใจก่อนจะเอนตัวพิงเก้าอี้แล้วลุกเอาจานไปเก็บทั้งที่ยังถือหูกับอีกฝ่ายอยู่ “ฉันต้องการให้มันจบสักที…”

“....ใช่จะไม่เข้าใจนะ” เสียงที่เคยเกลียดนักหนาตอนนี้อ่อนลงเล็กน้อยเหมือนโล่งใจที่จะได้เริ่มทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักที

“แต่ก่อนอื่น ขอให้ตอบฉันมาตรงๆได้มั้ย ไหนๆจะทำงานด้วยกันแล้ว ฉันอยากจะแน่ใจอะไรสักหน่อย”

“เอาสิ”

“นายอยากช่วยฉันไปทำไม… ไม่สิ ทำไมนายถึงอยากให้ยาพวกนี้มันถูกกฎหมาย อัลฟ่าจะมีอำนาจในการปกครองโอเมก้าลดลง ...แต่นายไม่น่าใช่คนที่ทำเพื่อคุณธรรมอะไรนั่นแน่ๆ”

เออร์แฟนเงียบไปครู่ใหญ่ แต่เสียงของทีวีทำให้คาเล็มรู้ว่าคู่สนทนายังคงอยู่ปลายสายไม่ได้หายไปไหน “งั้นฉันจะตอบตามตรง ถ้ารับไม่ได้ก็เรื่องของนายนะ”

“อือ..” คาเล็มพิงตัวกับเค้าท์เตอร์ในครัวด้วยความอยากรู้สุดชีวิต เรนเดลที่คอยดูอยู่เป็นระยะถึงกับต้องหยุดล้างจานมามองว่าทำไมนายน้อยของตนถึงเปลี่ยนท่าทางไป

“ฉันอยากหาแฟน..”

“....อะไรนะ?”

“ใช่ ฉันอยากหาแฟน นายก็รู้ว่าโอเมก้าต้องหลบๆซ่อนๆ หาตัวลำบากยากเข็ญขนาดไหน!? แล้วการจะหาแฟนในสเป็คให้ได้นี่ มันก็ยากขึ้นไปอีก!” คาเล็มอ้าปากค้างทำหน้าเหมือนเจอสิ่งแปลกประหลาดสุดชีวิต “ถ้าหากยานี่ผ่านแล้วได้รับการพัฒนาต่อ แน่นอนว่ามันจะทำให้โอเมก้ามีสิทธิ์ที่จะออกมาใช้ชีวิตปกติมากขึ้น! คนกว่าครึ่งโลกจะออกมาให้พบเจอมากขึ้น หนึ่งในนั้นต้องมีโอเมก้าที่ฉันถูกใจแน่ๆ!”

“...ไอ้บ้าเอ๊ย” คาเล็มสบถแล้วเผลอหัวเราะออกมา

“อย่ามาขำนะเว้ย นี่เรื่องจริงจังมากเลยนะ!” แม้เออร์แฟนจะพูดแบบนั้นแต่เขาเองก็กำลังยิ้มอย่างสบายใจที่ได้พูดๆมันออกไปอยู่
“ฉันไม่ได้หัวเราะนายสักหน่อย ฉันหัวเราะตัวเองต่างหาก โธ่เอ๊ย...ปล่อยให้ทางนี้หลงเข้าใจนายผิดอยู่ได้ตั้งนาน” คาเล็มคุยไปยิ้มไป จนเรนเดลเริ่มหนาวๆ ร้อนๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้เจ้านายของตนยอมญาติดีกับอัยการหนุ่มคนนั้นได้

“แล้วนายเคยคิดจะฟังฉันมั้ยล่ะ เอาแต่ถือทิฐิอยู่ฝ่ายเดียว หาว่าเล่นไม่ซื่อบ้างล่ะ ใช้วิธีการสกปรกไร้สามัญสำนึกบ้างล่ะ” เออร์แฟนว่าประชดประชันด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่อย่างว่าแหละจะให้ทำใจยอมรับวิธีการของทางเขาให้ได้นั้นมันคงยากและเจ็บใจไม่น้อย ก็ครั้งหนึ่งเคยสูญเสียและพ่ายแพ้อย่างหมดท่าไปเพราะคนของเขานี่นา

“ก็แล้วมันจริงมั้ยล่ะ” คุณหมออัลฟ่าย้อนคำพูดใส่คนที่คุยด้วย “เออ...ถ้าเป็นตัวฉันเมื่อเร็วๆนี้ก็คงตอบแบบนั้น แต่ตอนนี้จะยังไงก็ช่างมันเถอะ ในเมื่อวิธีการขาวสะอาดมันช่วยอะไรไม่ได้ งั้นฉันก็จะไม่เกรงใจแล้วเหมือนกัน”

“โห...น่ากลัวแฮะ คาเล็ม รอสเกรย์คนนั้นจะออกจากมาลงสนามไม่เอาแต่มุดหัวอยู่ในรูแล้ว แบบนี้ทั้งวงการคงช็อคสั่นสะเทือน” อัยการหนุ่มไม่ได้พูดเกินจริงแต่อย่างใด หากไม่เลือกเดินบนเส้นทางที่อยู่เบื้องหลังการผลิตยาผิดกฏหมาย ชีวิตของทายาทคนเล็กของตระกูลรอสเกรย์คงโรยด้วยกลีบกุหลาบมากกว่านี้

ที่คาเล็มยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้จนแก่ป่านนี้ไม่ได้เป็นเพราะโชคดีมีเพื่อนอย่างริชาร์ด เบอร์ตั้น ซีอีโอชื่อก้องในแวดวงธุรกิจคอยหนุนหลังอย่างเดียว แต่อิทธิผลที่ตัวคุณหมออัลฟ่ามีอยู่ในมือนั้นมันมีอำนาจพอที่จะปกป้องตัวเองได้ระดับหนึ่ง แต่เพราะความรู้สึกผิดที่ผลงานซึ่งน่าจะนำมาซึ่งความสุขกลับกลายเป็นผลเสียต่อผู้คนและยังสูญเสียคนรักไปในเวลาเดียวกัน จึงเดินลงจากเวทีไปอย่างผู้แพ้และถูกรุกไล่ต้อนให้ต้องเป็นฝ่ายถอยหนีอยู่เสมอ

“ฉันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ถ้าต้องแพ้ก็จะสู้ให้ถึงที่สุด”

“นายจะแพ้ได้ยังไง ในเมื่อนายยอมลงแทงข้างฉันแล้ว ไม่มีทางที่นายจะแพ้ใครได้อีก”

“อย่ามัวแต่อวยตัวเองนักเลย แสดงให้ฉันดูหน่อยแล้วกันว่านายทำได้อย่างที่พูดมั้ย แต่ถ้าไม่ชนะอย่างมากนายก็แค่โสดต่อไปเท่านั้นเองแหละเจ้าคนเรื่องมากเอ๊ย”

พ่อบ้านสะดุ้งเมื่อยิ่งมองเจ้านายคุยโทรศัพท์ก็ยิ่งหัวเราะเสียงดังอย่างที่ไม่เห็นมานาน เรนเดลสังหรณ์ใจไม่ดีเลยว่าอาจจะเกิดเรื่องวิปโยคขึ้นในเร็ววันนี้แน่นอน


“เป็นไงมั่งล่ะ” ริชาร์ดเอ่ยถามเมื่อเห็นลาซารัสเดินกลับมาที่ห้องโถงสำหรับพักผ่อน อัลฟ่าคนเดิมในชุดลำลองสบายๆเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวพร้อมเครื่องเกมกดในมือ

“คุณหมอบอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อมาคุยรายละเอียดอีกทีครับ” ลาซารัสนั่งลงที่โซฟาตัวเล็กข้างๆและหยิบหนังสือติดมือมากะว่าจะอ่านไปด้วย… แต่ไหนๆอยู่กับริชาร์ดทั้งทีก็น่าจะคุยอะไรกันสักหน่อย “แผลของคุณเป็นยังไงบ้างแล้วครับ”

“...ขอโทษทีนะ”

“ครับ?”

“ขอโทษที่ดันทำกับนายเมื่อวานไง” ร่างสูงวางเกมส์ในมือลงกับตักโดยปล่อยให้มันเกมโอเวอร์ไปทั้งอย่างนั้น

“เอ่อ...นั่นมันเรื่องสุดวิสัย...ไม่เป็นไรหรอกครับ” ลาซารัสก้มหน้าลง ไม่กล้ามองสบตากับอีกฝ่ายเมื่อคิดถึงเรื่องนั้นทั้งที่กับคุณคาเล็มเขาสามารถทำตัวปกติได้ต่อทันทีเลยแท้ๆ… “อ่ะ แต่คุณหมอบอกว่าจะเอาแค่ครึ่งเดียวนะครับ...เงินน่ะ”

“อ๋อ อืมๆ.. ไงก็ได้” ริชาร์ดเท้าคางเหม่อมองออกไปข้างนอก ท่าทางจะคิดถึงเพื่อนรักอยู่เหมือนกัน แต่เขาไม่กล้าแม้แต่จะทักไปหา เห็นได้จากที่นั่งมองมือถืออยู่หลายครั้งแค่ก็ไม่ทำอะไรต่อ

“คุณริชาร์ด….ไม่เหงาเหรอครับ...บ้านใหญ่โตขนาดนี้” ลาซารัสเปลี่ยนเรื่องเพราะเห็นคนที่เคยมีรอยยิ้มอยู่เสมอได้ซึมลงไป

“หือ...อ้อ! ไม่หรอก ต้องเรียกว่า..ชินแล้วล่ะมั้ง” พอถูกชวนคุยคนที่นั่งเงียบอยู่ก็กลับมาเป็นปกติ.. แต่ดูก็รู้ว่าแค่พยายามไม่ให้บรรยากาศมันแย่ลงเท่านั้น “มันก็มีเงียบๆบ้างแหละ แต่พวกสาวใช้ที่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวก็ทำบ้านมีสีสันดีนะ”

“มีเจ้าพวกตัวเล็กแล้วด้วย พวกเค้าคงวิ่งวุ่นกันมากกว่าเดิมอีก” ลาซารัสที่ตื่นมาตอนเช้าในเวลาเดิมๆของตัวเองก็พบว่าเหล่าแม่บ้านและสาวใช้ต่างกำลังวิ่งไล่จับแก๊งค์ขนฟูอยู่ในสวนอย่างสนุกสนาน เป็นภาพที่น่ารักแปลกตาดีสำหรับบ้านหรูหราแบบนี้

“นั่นแหละ ...ว่าแต่นายโอเคขึ้นแล้วเหรอ” ริชาร์ดมองไปหาอีกคนเพื่อสำรวจทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะดวงตา “ทำใจเร็วดีนี่”

“ก็ไม่ได้เร็วอะไรหรอกครับ.. ยัง...อยากกลับไปหาคุณหมออยู่ตลอดแหละ แต่คุณหมอเค้าตัดสินใจแล้วนี่นา” ร่างโปร่งทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อยและหันไปทางอื่น “แต่จบเรื่องนี้...ผมคงจะได้กลับไปหาคุณหมอสินะครับ”

ริชาร์ดเงียบไปโดยไม่ให้คำตอบใดๆ.. ทั้งที่เขาตอบตกลงได้ทันทีซะด้วยซ้ำแต่ทำไมเขาถึงเงียบไว้ก็ไม่อาจทราบ แค่ยกโอเมก้าคืนให้เพื่อนแล้วเอาเงินคืนมันไม่ได้ยากอะไรเลยแท้ๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาทำลายความเงียบ ก่อนแม่บ้านสูงวัยในชุดมิดชิดเรียบร้อยจะเดินเข้ามา “ได้เวลาเปลี่ยนผ้าพันแผลแล้วค่ะคุณผู้ชาย” ใบหน้าอ่อนโยนราวกับคุณแม่ส่งยิ้มมาให้ ด้านหลังเธอคือสาวใช้ที่อายุยังน้อยสองคนถือกล่องพยาบาลและเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนมาให้

“อ้อ โอเค” ริชาร์ดลุกขึ้นนั่งและถอดเสื้อตัวหลวมออก แม่บ้านเข้ามาทำแผลให้อย่างคล่องแคล่วเหมือนฝึกมาอย่างดี ลาซารัสแอบมองอย่างเป็นห่วง รอยแผลยังไม่หายไปแม้มันจะเริ่มปิดแล้วแต่ก็ยังมีเลือดซึมอยู่บ้างรวมทั้งรอยช้ำรอบๆยังคงชัดเจน..
แต่ที่เขามองต่อจากแผลคือขนาดตัวของริชาร์ดที่ดูทั้งแน่นและฟิตกว่าคาเล็มอย่างเห็นได้ชัด ลาซารัสขมวดคิ้วจนหน้ามุ่ยแล้วจับลูบไปตามตัวของตัวเอง นึกอิจฉาเหล่าอัลฟ่าที่ตัวใหญ่ล่ำสมชายกันขนาดนั้น ทั้งที่เขาอุตส่าห์พยายามมาแทบตายแท้ๆ ทว่ากลับเทียบพวกเขาไม่ได้เลย

“ทำไมทำหน้าตลกแบบนั้นล่ะลาซัส” ร่างสูงเอ่ยถามขณะกำลังโดนสาวเล็กสาวใหญ่รุมล้างแผล แม่บ้านสูงวัยเองก็ถือโอกาสสอนเหล่าสาวใช้วัยรุ่นเรื่องการล้างแผลที่ถูกต้องไปด้วย การเปลี่ยนผ้าครั้งนี้จึงค่อนข้างนานเป็นพิเศษ

“เอ๋? ผมทำหน้าแบบไหนเหรอ?” คนโดนทักสะดุ้งแล้วถามกลับตาใสแป๋ว

“ก็จ้องยังกับจะกินเลือดกินเนื้อกันน่ะ” ไม่ว่าเปล่าริชาร์ดยังทำหน้าล้อเลียนเขาอีกต่างหาก แต่นั่นเรียกเสียงหัวเราะจากโอเมก้าหนุ่มได้

“ผมไม่น่าจะทำหน้าแบบนั้นนะครับ” รอยยิ้มสดใสประดับใบหน้าทำเอาสาวๆในห้องหยุดสนใจการสอนของแม่บ้านสูงวัยไปชั่วขณะกระทั่งโดนหญิงสูงอายุกว่ากระแอมเรียกพวกเธอให้ได้สติกลับมาเรียนรู้ต่อ

“...ดีจัง คิดว่านายมาอยู่นี่แล้วจะเฉาซะอีก ยังยิ้มได้แบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย” ริชาร์ดยิ้มตอบอีกฝ่ายแล้วเอื้อมมือมาขยี้ผมอีกคนจนหัวยุ่งกระเซิงไปหมด “เป็นห่วงแทบแย่”

“อ๋า!? ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงครับ!” ลาซารัสก้มหัวให้ทีหนึ่ง เขาเพิ่งนึกได้ว่ามัวแต่ซึมแบบนี้คุณริชาร์ดคงไม่สบายใจ สายตาของอัลฟ่าตรงหน้าบ่งบอกว่าเป็นห่วงเป็นใยเขาจริงๆ ทำให้ความรู้สึกไม่คุ้นชินสถานที่ในคราแรกจึงเริ่มคลายตัวลง แต่เมื่อถูกดวงตาคู่นั้นจ้องมองนานเข้าเขากลับเริ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่าเดิม “เอ่อ..งั้น… ผมขอตัวไปตัดสูทให้คุณริชาร์ดต่อนะครับ”

ลาซารัสรีบจ้ำเท้าออกจากห้องไปอย่างไม่คุ้นชินกับริชาร์ดที่ทำตัวแบบนี้ ส่วนคนที่ยังคงโดนล้างแผลอยู่ก็ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองแล้วเริ่มรู้สึกผิดที่ทำเด็กกลัว..

เผลอตัวไปหน่อยแฮะ..


หลังทำแผลเสร็จแล้วเจ้าบ้านก็เดินไปที่ห้องทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์เช็คอีเมล์และส่งข้อความไปยังเลขาของตนว่าจะหยุดพักอยู่บ้านสักระยะ หากมีงานเร่งด่วนก็ให้คนส่งเอกสารมาให้ที่บ้าน และหากใครต้องการขอพบให้เลื่อนนัดไปก่อน ซึ่งปกติริชาร์ดมักจะทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่ต้องเข้าบริษัทตลอดก็ได้อยู่แล้ว แต่เดี๋ยวยามหน้าออฟฟิศจะจำหน้าคนจ่ายเงินเดือนให้ไม่ได้พาลจะไม่ให้เขาเดินเข้าไปในตึกผู้บริหารซะเปล่า อาทิตย์หนึ่งจึงต้องเข้าบริษัทซักสามสี่วันเป็นอย่างน้อย

ซีอีโอหนุ่มเปิดโทรศัพท์เช็คดูอีกครั้ง คาเล็มไม่ตอบกลับมาแม้แต่ข้อความเดียวเช่นเคย แต่ก็พอจะเข้าใจดีเพราะสถานการณ์ตอนนี้มันแทบจะไม่ต่างไปจากตอนที่เกิดเรื่องกับโนเอล เขาไม่อาจตอบได้ว่าเรื่องครั้งนี้มันเลวร้ายกว่าในตอนนั้นหรือไม่ ริชาร์ดก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนรักจะยอมติดต่อมาบ้างสักนิดก็ยังดี ให้โดนด่าจนอยากไปเกิดใหม่ยังดีซะกว่าโดนเมินเฉยราวกับตัดขาดกันแบบนี้

“เฮ่อ...หนักใจจริงจริ๊ง…”

ขณะที่กำลังปวดหัว อะไรบางอย่างก็มานัวเนียที่ขา พอก้มลงไปมองดูก็เห็นเจ้าปุกปุยสีขาวคาบของเล่นมาตั้งใจจะให้เจ้านายมาเล่นด้วยกัน แต่ริชาร์ดรีบคว้าเอามาซ่อนไว้เพราะมันเป็นของเล่นอย่างว่า พร้อมกับกระซิบเสียงเบาถามเจ้าสก็อตว่าไปเอามาจากไหน

“สก็อต! เอาคืนมานะ…” ร่างโปร่งวิ่งหน้าตั้งตามหลังสก็อตที่ตอนนี้หลบไปอยู่ด้านหลังริชาร์ดให้เจ้านายออกหน้าแทน ทั้งคู่ยืนจ้องกันนิ่ง ตอนนี้ริชาร์ดรู้แล้วว่าเจ้าหมาน้อยตัวป่วนไปขโมยของเล่นของใครมา

“คือ...ไม่ใช่อย่างที่คิดนะครับ” ลาซารัสพูดทั้งที่หน้าแดงโดยที่เจ้าบ้านยังไม่ทันถามอะไรเลย “ผมก็เพิ่งรู้ว่าคุณหมอให้ของพวกนี้มาด้วย คือผม...กำลังจะเอาไป...ทิ้ง...แล้ว...พอดี”

“อา...เข้าใจแล้วๆ นายไม่ต้องพยายามอธิบายหรอก” อัลฟ่าเจ้าของบ้านมองโอเมก้าที่พยายามแก้ความเข้าใจผิดให้เขาฟังด้วยเสียงตะกุกตะกัก “เอาไปเก็บไว้ดีๆ ไม่ต้องทิ้งหรอก เสียดายของน่ะ”

กลายเป็นว่าพอพูดไปแล้วใบหน้าของร่างโปร่งยิ่งแดงหนักกว่าเดิม เดี๋ยวนะ...นี่เขาพูดอะไรผิดเหรอทำไมต้องเขินถึงขนาดนั้นด้วย!

“.....ครับ” ลาซารัสเดินหันหลังกลับไปแล้วยิ่งซอยเท้าเร็วขึ้นจนแทบจะกลายเป็นวิ่งหนี ปล่อยให้ริชาร์ดยืนทื่อมองดูอย่างไม่เข้าใจท่าทีนั้นต่อไป

แต่ที่อันตรายก็คือ...เขาดันรู้สึกว่าลาซารัสน่ารักขึ้นมานี่สิ….



TBC.




*****************************************************************************************


คืนนี้ขอตัวนอนก่อนนะคะ สติไม่เหลือพอจะคุยท้ายตอนแล้ว อะแหะ...   :t3:

//ควรเปลี่ยนไปอัพตอนกลางวันเหมือนเดิม แต่กลางคืนมันมีสมาธิกว่า O]=[

ออฟไลน์ M_Y MILD

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จริงๆแล้ว...อยากให้ริชาต์ดเป็นพระเอกอ่ะ ทำไงดี5555 หลงรักริชาต์ดไปแล้วอ่ะคะ ขอโทษ ฮือออ แต่งดีมากเลยย มีทุกรสชาติ นิยายยอดเยี่ยมแห่งปีไปเลยคะะ
ปล.อยากให้ริชาต์ดเป็นพระเอกจริงๆนะ
ปล2. ซารางเฮ ริชาต์ดพระเอกกกก555555 :hao7: :hao6: :z2: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
สนุกมากเลยค่ะ อ่านเมามันมาก อัพรัวๆ ขนาดนี้ ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ริชาดนิคือดีจริงๆด้วย :katai2-1:

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

บทที่ 9



“ชุดเสร็จแล้วนะครับคุณริชาร์ด” ผ่านไปสามวันในที่สุดชุดสูทสีฟ้าอ่อนของซีอีโอหนุ่มก็เสร็จสมบูรณ์ งานของลาซารัสก็เลยจบลงเพราะไม่เหลืออะไรให้ทำแล้ว กลายเป็นว่าตอนนี้เขากลับมาว่างสุดๆอีกครั้ง รู้อย่างนี้ไม่น่ารีบเก็บงานเพลินจนเสร็จเลยก็ดี

“ใส่สบายดีจัง” ทันทีที่สวมกับตัวริชาร์ดก็รับรู้ได้ว่ามันค่อนข้างต่างกับสูทราคาแพงตัวอื่นๆ “รู้สึกได้ถึงความใส่ใจเลยล่ะ”

“ขอบคุณครับ ขอเช็คขนาดตัวหน่อยนะครับ” ลาซารัสเดินวนเพื่อเช็คดูส่วนที่ต้องเก็บงานต่อ วันนี้ดูจะเริ่มชินกับเจ้าของใหม่ของตัวเองแล้วจึงเป็นธรรมชาติขึ้นเยอะ ซึ่งก็ดีที่ริชาร์ดจะได้ไม่เกร็งมากตามไปด้วย

“อีกตั้งอาทิตย์กว่าจะถึงวันงาน ไม่ต้องรีบมากนักก็ได้”

“ผมอยากรีบทำน่ะ… คุณริชาร์ดครับ พอจะทราบมั้ยว่าคุณหมอเค้าชอบกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”

“หือ?” ร่างสูงมองสงสัยพลางถอดสูทออกให้

“ผม..อยากลองทำน่ะครับ รู้ว่าทำไม่เก่งแต่มันก็ต้องเก่งสักวันละน่า!” ลาซารัสยิ้มอย่างมั่นใจ ท่าทางอยากทำจริงๆจนริชาร์ดเผลอยิ้มตาม

“เอาสิ! จริงๆฉันว่าแค่ทำไปให้เจ้านั่นก็ดีใจแล้วน่า” อัลฟ่าอีกคนพูดปลอบแต่ก็แอบอยากลองกินฝีมือของลาซารัสดู.. ทว่า... พอนึกถึงกาแฟง่ายๆที่ได้กินไปเขาก็เปลี่ยนใจปิดปากที่เกือบจะขออาสาเป็นหนูทดลอง “สู้เค้านะ! ถ้าอยากใช้ครัวก็ตามสบายเลย!”

“ขอบคุณมากนะครับ!”


เมื่อรู้เมนูที่คุณหมอชอบลาซารัสก็เดินหาห้องครัวในบ้านหลังใหญ่ไปเสียเกือบชั่วโมง เมื่อเดินเข้าไปพร้อมมือถือที่เปิดสูตรพุดดิ้งในมือก็เตรียมตัวมองหาอุปกรณ์… แต่ด้วยความหรูเกินจะเป็นครัวสามัญชนทำให้ร่างโปร่งยืนลังเลอยู่สักพักเพราะกลัวทำอะไรต่ออะไรพัง…

“อุ๊ย! คุณแมทเวย์ มาทำอะไรเหรอคะ” ชาวใช้วัยละอ่อนกว่าโอเมก้าหนุ่มสองสามคนเดินผ่านห้องครัวมาพอดีจึงทักถาม

“อ่ะ! สวัสดีครับ..ผม...เอ่อ… มาหัดทำขนมน่ะครับ” ลาซารัสตอบตะกุกตะกักแล้วห่อตัวลีบอย่างเขินอายที่โดนเจอเข้าแถมยังทำตัวลับๆล่อๆน่าสงสัยอีก

“เอ๋~ คุณแมทเวย์จะทำขนมอะไรเหรอ ให้พวกเราสอนมั้ยคะ”

“จะทำไปให้ใครเหรอ คุณริชาร์ดเหรอคะ”

สามสาวในชุดเมดมิดชิดเดินเข้ามารุมล้อมตัวเขาแล้วเสนอตัวช่วยอย่างเป็นมิตร แต่ลาซารัสที่...แทบไม่เคยเจอผู้หญิงเลยตลอดชีวิตก็ได้ยืนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกให้สาวๆเข้ามาจัดแจงช่วยหาอุปกรณ์มาวางเตรียมไว้ให้

“ข..ขอบคุณมากครับ”

แม้จะทำอย่างทุลักทุเลแต่ด้วยความช่วยเหลือปนเอ็นดูของเหล่าสาวน้อยเขาก็ทำออกมาเสร็จได้ในที่สุด… ซึ่งแน่นอนว่ามันกินไม่ได้อย่างที่คิดไว้… ความสามารถในการทำอาหารของลาซารัสคงจะติดลบเกินจะเยียวยาอย่างแน่นอน

“ไม่เป็นไรน้าคุณแมทเวย์ ลองใหม่ก็ได้” ร่างอรชรเข้ามาปลอบเมื่อเห็นว่าโอเมก้าหนุ่มดูเฉาลงไป

“อื้อ! ขอบคุณมากครับ” รอยยิ้มกว้างฉาบบนในหน้าของลาซารัสทำเอาสาวๆเคลิ้มกันไปเป็นแถบ แต่ท่าทางคนโปรยความสดใสจะไม่รู้ตัว….

“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมจากแม่บ้านสูงวัยที่เข้ามาดูว่าในครัวเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะพบว่าเมดสาวๆ พากันรุมล้อมแขกของคุณผู้ชาย “พวกเธอทำงานบ้านเสร็จแล้วรึไงจ๊ะ?”

สิ้นคำถาม สาวเมดทั้งสามคนพากันแตกตัวเหมือนผึ้งแตกรังแยกย้ายกันไปทำงานแทบไม่ทัน แม่บ้านสูงวัยเดินเข้ามาดูว่าแขกของคุณผู้ชายกำลังทำอะไรอยู่ พอเห็นสภาพขนมก็ถึงกับอุทานแล้วเอามือทาบอก

“คุณแมทเวย์ นี่พุดดิ้งหรือคะ?” แม่บ้านมองขนมในถ้วยอย่างพิจารณาจากรูปร่าง แม้สีสันจะไม่ค่อยเหมือนพุดดิ้งเท่าไหร่ก็ตาม

“อ่า...ใช่ครับ ขอโทษด้วยครับที่ทำออกมาเสียของ” ร่างโปร่งยืนตัวลีบข้างๆแม่บ้านสูงวัยที่กำลังชิมพุดดิ้งของเขาแล้วต้องบ้วนทิ้งแทบจะทันที

“อืม...ดิฉันแนะนำว่าครั้งต่อไปลองตวงส่วนผสมไว้ก่อนค่อยลงมือทำดีมั้ยคะ ตอนทำขนมจะได้ไม่ลนว่าใส่มากหรือน้อยเกินไป” หญิงชราลูบแขนปลอบใจ “ครั้งหน้าถ้าอยากทำขนมล่ะก็มาบอกดิฉันได้นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะช่วยดูให้”

“แต่ผม...ทำพลาดตั้งขนาดนี้” โอเมก้าหนุ่มเริ่มไม่มีความมั่นใจในตัวเอง และกลัวว่ามันจะลงอีหรอบเดิมซ้ำๆ เหมือนครั้งนี้อีก

“พลาดแค่ครั้งสองครั้งอย่าเพิ่งท้อสิคะ ครั้งนี้อาจจะทำได้ไม่ดี แต่ครั้งต่อไปต้องดีขึ้นแน่นอนค่ะ” หญิงสูงวัยยังคงให้กำลังใจ ลาซารัสพยักหน้าแล้วเริ่มยิ้มตอบอย่างมีความหวังขึ้นมาบ้าง

“ขอบคุณครับ ครั้งหน้าผมคงต้องขอรบกวนด้วยนะครับ”

“ยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ” รอยยิ้มของแม่บ้านมอบกำลังใจให้เขาอีกครั้ง ตอนอยู่กับเมดสาวๆอาจจะเกร็งอยู่บ้าง แต่พอเป็นหญิงชราคนนี้เขากลับรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก


เรนเดลได้รับข้อความภาพจากลาซารัส พ่อบ้านถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่จนเจ้านายที่กำลังหัวหมุนกับการรวบรวมเอกสารไปใช้สู้คดีถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น “นายน้อยดูเอาเองแล้วกันครับ”

“ไหน?” คาเล็มหยิบโทรศัพท์ของพ่อบ้านมาดูภาพพุดดิ้งที่ตกแต่งด้วยสติกเกอร์เหมือนกับว่าขนมในรูปได้ตายจากไปพร้อมข้อความไว้อาลัย “นี่มันอะไรกัน?”

“คุณแมทเวย์หัดทำพุดดิ้งครั้งแรกครับ แล้วก็กินไม่ได้เลยต้องทิ้งมันลงถังขยะน่ะ” เรนเดลยังคนกลั้นขำ ส่วนคุณหมออัลฟ่านั้นทำหน้าอึ้งไป

ริชาร์ดมันทำบ้าอะไรถึงปล่อยให้ลาซารัสเข้าครัวได้เนี่ย!

“ขนมของโปรดนายน้อยไม่ใช่เหรอครับ สงสัยคงกำลังหัดทำให้นายน้อยทานอยู่แน่ๆ” พ่อบ้านแอบหยอดมุขให้เจ้านายของตน แต่สีหน้าของคนฟังดูท่าทางจะไม่ชอบใจมุขนี้สักเท่าไหร่นัก

“...เรนเดล นายอย่ามาล้อเล่นนะ” ดวงตาหลังแว่นไม่สบอารมณ์นิดๆ แต่สำหรับพ่อบ้านที่อยู่ด้วยมานาน สายตาขู่เหมือนแมวแค่นี้ไม่ทำให้เขากลัวไปได้หรอก...

“ก็ไม่รู้สินะครับ แล้ว...จะให้ตอบกลับไปว่ายังไงดีครับ?”

“นายก็ตอบไปสิ” คาเล็มหันไปตั้งหน้าตั้งตารวบรวมเอกสารต่อ ปล่อยให้หน้าที่ส่งข้อความเป็นของพ่อบ้านไป

“งั้นกระผมจะตอบไปว่านายน้อยจะรอทานอย่างใจจดใจจ่อนะครับ” พูดจบนิ้วของชายชราก็จัดการพิมพ์และกดส่งไปทันที

“เรนเดล!”


ข้อความจากเรนเดลทำเอาคนกำลังท้อมีแรงฮึดอีกรอบ คราวนี้เขาลองค้นหาถ้วยตวงตามคำแนะนำของแม่บ้านมาเตรียมรอไว้ พรุ่งนี้คุณแม่บ้านถึงจะซื้อของมาให้เผื่อเขาได้ลองผิดลองถูกให้สาแก่ใจจนกว่าจะเบื่อพุดดิ้งกันไปข้างหนึ่ง…

“น่าตกใจที่คุณหมอชอบอะไรน่ารักๆแบบนี้แฮะ” ลาซารัสเดินอมยิ้มไปตามทางเดินกว้างเพื่อกลับไปจัดของในห้องต่อ… ของที่สก็อตไปคุ้ยออกมาให้เขาอับอายคุณริชาร์ดเล่นๆ…

เมื่อมาถึงห้องและล็อคประตูเรียบร้อยเพื่อกันไม่ให้ใครเข้ามาเห็นเขาก็รีบตรงไปจัดการกับของเล่นสุดพิเรนที่ไม่รู้ว่าคาเล็มจะให้มาทำไม “เยอะขนาดนี้เลยเหรอ.. คุณหมอนี่โรคจิตนิดๆรึเปล่านะ”

ลาซารัสมองพินิจเซ็กส์ทอยหน้าตาแปลกๆหลายๆอันที่ล้วนไม่เคยเห็นได้ตามปกติ ในใจก็อยากรู้แต่จิตสำนึกมันกำลังอับอายที่ต้องมานั่งมองของอย่างนี้อยู่

สุดท้ายความอยากรู้อยากเห็นก็เป็นฝ่ายชนะ ร่างโปร่งลองหยิบแต่ละอันออกมาอ่านวิธีใช้ตามข้างกล่องทั้งที่ใบหน้าแดงซ่านด้วยความอายแม้จะไม่มีใครอยู่ก็ตาม บางอันที่หยิบจับมาก็จำได้แม่นยำว่าเคยโดนคาเล็มเอามาลองใช้กับตนเป็นที่เรียบร้อย ยิ่งทำเอาคนหน้าบางอยากเอาหัวโขกกำแพงตายด้วยเพราะความทรงจำมันชัดเสียเหลือเกิน “คุณหมอ..จะคิดถึงเราแบบที่เราคิดอยู่นี่บ้างมั้ยนะ…”

ลาซารัสเริ่มหายใจติดขัดเพราะดันคิดถึงเรื่องสัปดนที่ทำไปกับคนที่รักตลอดช่วงฮีทที่ผ่านมา แม้จริงๆของเล่นพวกนี้จะทำเขาถึงสวรรค์ได้บ่อยและสุขสมกว่าแต่ความสุขทางใจมันเทียบไม่ได้กับความยอดเยี่ยมที่คาเล็มมอบให้เลย ความอบอุ่นของทั้งมือใหญ่และร่างกายร้อนชื้นไปด้วยเหงื่อ กับสายตาที่เต็มไปด้วยราคะนั่นช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน

“อือ…” ร่างกายร้อนระอุและหอบหายใจถี่ขึ้นจากอาการที่คุ้นเคย แม้จะเพิ่งผ่านช่วงฮีทมาหมาดๆแต่ด้วยสุขภาพที่เรียกได้ว่าพร้อมต่อการสืบพันธุ์แบบสุดๆนี้ก็ฮีทขึ้นมาได้เพียงเพราะจินตนาการที่เด่นชัดในความทรงจำ “...คุณหมอ…”

ลาซารัสถือแท่งเลียนแบบเครื่องเพศชายในมือแล้วเริ่มชะโลมเลียด้วยลิ้นร้อนพลางจินตนาการว่ามันเป็นแก่นกลางที่เคยสอดใส่ตนมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่รสสัมผัสกับกลิ่นของซิลิโคนก็ทำเขาหงุดหงิดเล็กน้อย จึงยอมเอาเจลหล่อลื่นมาเทลงไปบนแท่งนั้นแทน...

มือปลดซิปและดึงกางเกงลงมากองที่เตียงให้ทำกิจกรรมด้วยตัวเองได้ถนัด ร่างโปร่งนอนคว่ำและยันเข่าให้สะโพกยกขึ้นมา มือสั่นเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าต้องมาทำอะไรแบบนี้ในบ้านคนอื่นตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน ดวงตาสีฟ้าหลุบลงก่อนสูดลมหายใจเข้าผ่อนคลายตัวเอง เขาค่อยๆดันส่วนหัวของเครื่องเพศชายปลอมเข้ามาในช่องทางลับที่เตรียมพร้อมแล้ว

“อ่ะ...คุณคาเล็ม...ฮึก...อา!” มือขยับดึงเข้าออกช้าๆและค่อยๆเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นทีละนิด ลาซารัสหลับตาและจินตนาการว่าแท่งซิลิโคนในมือคือแก่นกายร้อนของคุณหมออัลฟ่าที่รัก “อ๊ะ! ฮ้า...คะ...คุณหมอ!”

ภาพความเร่าร้อนตลอดวันคืนที่ร่างกายของพวกเขาทั้งคู่ได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง ภาพที่ร่างสูงนั้นกระแทกเข้ามาในกายของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างหิวกระหายและครอบครองไว้เพียงผู้เดียว

“คุณหมอ...คาเล็ม...อ๊ะ! อื๊อ!” สะโพกขยับรับกับของเล่นที่ตนสอดใส่เข้ามา ภายในช่องทางแคบตอดรัดกับแก่นกายปลอมที่ไร้ซึ่งความเร่าร้อนที่รุนแรง มืออีกข้างเลื่อนลงมาที่แก่นกลางซึ่งมีหยาดน้ำใสปริ่มส่วนปลายเพื่อปรนเปรอด้านหน้าของตนไปพร้อมกับด้านหลัง

ครืด...ครืด…

“อึ่ก!...ใคร?” โอเมก้าหนุ่มสะดุ้งที่โทรศัพท์มือถือข้างตัวดันสั่นขึ้นมาในเวลานี้ มือข้างที่จับของเล่นตั้งใจจะเลื่อนไปกดปิดทว่าปลายนิ้วดันกดรับสาย แล้วเสียงทุ้มที่แสนคิดถึงก็ดังแทรกเข้ามา

“ฮัลโหล?” คาเล็มกรอกเสียงลงไปเพราะว่ามีคนกดรับสายแต่กลับไม่ได้ยินเสียงเจ้าของเครื่อง “ลาซัส นายอยู่รึเปล่า?”

ร่างโปร่งเอามือปิดปากตัวเองกลั้นเสียงครางไม่ให้เล็ดลอดออกไป ทำไมคุณหมอถึงได้โทรมาในเวลาแบบนี้ล่ะ! แล้วเขาจะทำยังไงดี...แต่ถ้าไม่รับตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะโทรมาอีกเมื่อไหร่ด้วย

“ค...ครับ อยู่ครับ” ร่างโปร่งพยายามทำเสียงให้ปกติ แต่มันก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี

“พอดีฉันจะโทรมาบอกว่า..ฉันจ้างเออร์แฟนแล้ว..ก็หวังว่าเรื่องมันจะจบเร็วๆนี้” คาเล็มหมุนเก้าอี้ไปมาหน้าโต๊ะทำงานพลางมองเอกสารในมือที่จะส่งต่อให้โรงพยาบาลอีกที เมื่อรายงานเรื่องที่จะบอกเรียบร้อยเขาก็รอฟังปฎิกิริยาของคนที่เข้ามายุ่งจนเขาใจอ่อน ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบกลับมาแถมยังได้ยินเสียงแปลกๆที่ฟังไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก “ลาซัส?”

“ครับ!?” เสียงสั่นสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกเรียกชื่อ ตอนนี้เขาอยากได้ยินเสียงคุณหมอมากๆ แต่ถ้าเผลอพูดอะไรมากมีหวังโดนจับได้แน่ๆ

“เป็นอะไรรึเปล่า? ..ฉันมารบกวนอะไรนายมั้ย?” คาเล็มเริ่มสงสัยแต่ก็ยังไม่มั่นใจจึงลองถามไปตรงๆ

“ไม่ครับ..ไม่ได้รบกวน” ลาซารัสเอื้อมมือลงไปที่ส่วนล่างเพื่อเอาอะไรๆที่สอดใส่ทิ้งไว้ออกไปก่อน แต่มือสั่นกลับเผลอไปกดโดนสวิตซ์เปิดระบบสั่นที่ไม่รู้ว่ามันมีอยู่เข้าจนเผลอครางลั่นออกไป “อ๊า!..”

“ลาซัส… นายฮีทอีกเหรอ?” คุณหมอหยุดทุกการเคลื่อนไหวของตัวเอง แอบอึ้งนิดๆที่อีกฝ่ายยังมีแรงเหลือให้ฮีททั้งที่ก็ทำไปตั้งขนาดนั้นแล้ว

“...ครับ” คนโกหกไม่เป็นจำยอมตอบด้วยเสียงเบา ความเสียวซ่านจากแรงสั่นสะเทือนที่ช่องทางด้านหลังนั้นกำลังเร่งเร้าอารมณ์เขาขึ้นมาทีละนิด เสียงของคนที่แสนคิดถึงก็ดังอยู่ข้างหูนี่แล้ว ยิ่งทำเอาสติแทบเตลิด “ผมคิดถึงคุณคาเล็มนี่นา..”

“... นายอยู่กับเจ้าของใหม่แล้ว..ทำแบบนี้ฉันลำบากใจนะ” คาเล็มถอนหายใจขณะที่อีกฝ่ายดูจะเริ่มเรียกหาเขาเรื่อยๆ “งั้นฉันวางสายก่อนนะ”

“ผมอยากได้ยินเสียงคุณ...” โอเมก้าหนุ่มเอ่ยอ้อนคนที่กำลังจะหนีด้วยเสียงรัญจวนที่ท่าทางจะถูกกระตุ้นจนเครื่องติดไปแล้ว “ช่วยบอกรักผมหน่อยสิครับ เรียกผมก็ได้..”

ร่างสูงที่อีกปลายสายเริ่มมีอารมณ์กับเสียงกระเส่านั้นขึ้นมาทีละนิด เสียงเดียวกับช่วงที่พวกเขาเสพสมกันเสียแทบจะลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง ทำไมร่างกายเขามันถึงจำสัมผัสของร่างเล็กสั่นระริกนั้นได้ดีขนาดนี้นะ..

“คุณคาเล็ม…?”

“..ลาซัส.. ตอนนี้ใช้เซ็กส์ทอยอันไหนอยู่” คาเล็มยอมแพ้ให้กับความต้องการของตัวเองก่อนจะเอนตัวพิงลงกับเก้าอี้แล้วใช้มือเพียงข้างเดียวปลดเอาส่วนกลางที่กำลังเริ่มตื่นตัวออกมา

“อ...อันไหน?” สติที่เลือนลางกำลังคิดประมวลผลอย่างหนัก ตอนที่เอาออกมาดูก็จำไม่ได้ด้วยสิ.. มือเรียวจึงค่อยๆดึงมันออกมาเพื่อสังเกตุหน้าตาของมัน “อ...อันสีม่วงๆ ที่สั่นได้สี่ระดับ..”

“อ่าฮะ ...หาอันสีดำที่ไม่มีระบบสั่นมาใช้แทนนะ” คาเล็มออกคำสั่งระหว่างกำลังเริ่มลูบไล้แก่นกายของตนแล้วหลับตาลงเพื่อฟังเสียงหอบของอีกฝ่ายให้ชัดเจน

ร่างโปร่งทำตามอย่างว่าง่าย ของเล่นที่เอาออกมาวางกองกันไว้อยู่แล้วทำให้ง่ายต่อการมองหา “ครับ..เจอแล้ว..”

“ตอนนี้นายอยู่ในสภาพไหนล่ะ อธิบายให้ฟังทีสิ” คุณหมอลุกขึ้นจากเก้าอี้เพราะนั่งทำไม่ถนัดมือแล้วตรงไปที่เตียง เอาหมอนสองสามใบมาวางซ้อนไว้เพื่อให้นั่งพิงกึ่งๆจะนอนราบได้สบายตัว

“ผ...ผม… ผมถอดกางเกงออก...ใส่แค่เสื้อ..ครับ”

“อ่าฮะ นั่งอยู่เหรอ?..หรือนอนอยู่?”

“นอนครับ...นอนหงายอยู่...” ลาซารัสเอาโทรศัพท์แนบหูในขณะที่อีกสองมือกำลังหยอดเจลหล่อลื่นใส่กับของเล่นที่คาเล็มเลือกให้.. แม้ไม่มีออฟชั่นอะไรเลยแต่ขนาดของมันทำเอาคนกำลังเตรียมตัวแอบหวั่นใจไม่น้อย “คุณหมอ… ผมคิดถึงคุณหมอจัง”

“อ่าฮะ.. นี่ ช่วยครางให้ฟังหน่อยสิ”

“เอ๋?” หน้ามนที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงซ่านเข้าไปอีกเมื่อได้ยินคำพูดขอร้องตรงๆ

“ฉันก็ต้องการอะไรกระตุ้นนะ ของเล่นพวกนั้นก็ให้นายไปหมดแล้ว” คาเล็มพูดหยอกในขณะที่มือกำลังเริ่มรูดรั้งความเป็นชายให้แข็งตัวขึ้น

ลาซารัสมองลงไปที่ส่วนกลางของตนที่หยาดเยิ้มด้วยน้ำหล่อลื่นก่อนจะวางเซ็กส์ทอยสีดำในมือลงแล้วเริ่มขยับมือปรนเปรอตัวเอง “อ่ะ...อ๊ะ!.. คุณหมอ” เสียงครางสั่นกระเส่าดังอยู่ข้างหูคุณหมอคาเล็มจนส่วนอ่อนไหวถูกกระตุ้นให้แข็งตัวเสียง่ายๆ ขนาดว่าไม่ได้เห็นหน้ากันแท้ๆ…

“นี่…” จู่ๆ คาเล็มก็เกิดจุดประกายความคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “เปิดวีดีโอคอลได้มั้ย?”

“เอ๋!?” มือที่กำลังกระตุ้นส่วนอ่อนไหวชะงัก “คุณหมอ...โรคจิตอ่ะ”

“เพิ่งรู้ตัวเหรอว่าฉันโรคจิตน่ะ” เสียงทุ้มหัวเราะเสียงเบาในลำคอ “ไม่อยากเห็นหน้าฉันเหรอลาซัส?”

“อือ...ขี้โกง” รู้ทั้งรู้ว่าเขาคิดถึงแทบขาดใจแต่ก็ยังพูดแบบนี้อีก “ก็ได้ครับ…”

ร่างโปร่งทำใจอยู่สักพักก่อนละมือมากดเปิดวีดีโอคอล พอได้เห็นใบหน้าของคนที่คิดถึงกำลังทำสีหน้าต้องการเช่นเดียวกับตนแบบนี้แล้วมันยิ่งกระตุ้นอารมณ์วาบหวามแปลกๆ “คุณคาเล็ม…ยะ ยังไงต่อครับ?”

“อย่าใจร้อนสิ” ตอนแรกแค่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายก็ทำเอาคุณหมออารมณ์เตลิดไปถึงไหนแล้ว พอได้เห็นหน้ากันชัดๆแบบนี้ยิ่งรู้สึกอยากจะกอดคนในวีดีโอแทบบ้า “เลื่อนโทรศัพท์ลงมาให้ฉันดูตรงนั้นที”

โอเมก้าหนุ่มหน้าแดงซ่านแต่ก็ยอมทำตาม เขาเลื่อนโทรศัพท์ลงไปยังจุดหมายตามที่เจ้าของคนเก่าบอก คาเล็มเผลอกลืนน้ำลายลงคอและเลียริมผีปากอย่างเผลอตัว คิดถึงวันคืนที่ได้ลิ้มรสชาติร่างกายหอมหวานของลาซารัสครั้งแล้วครั้งเล่ามิรู้เบื่อตอนที่ร่วมรักกัน

“คุณหมอ...ผมจะรอไม่ไหวแล้วนะครับ” เสียงสั่นเอ่ยอย่างเว้าวอนน่าสงสาร อารมณ์ที่ขาดช่วงทำให้เขาทรมานจากร่างกายที่ไม่ได้รับการปลดปล่อยเสียที “ผม...ใส่มันเข้าไปได้รึยังครับ?”

“ถ้านายพร้อมก็ใส่เลยสิ ตั้งกล้องวางไว้ก็ได้จะได้ทำได้ถนัดหน่อย” คุณหมออัลฟ่าแนะนำคล่องเสียจนร่างโปร่งชักสงสัยแล้วสิว่าทำไมคุณหมอถึงได้ดูเชี่ยวชาญขนาดนี้ แต่ก็ได้แค่เก็บคำถามนั้นไว้แล้วตั้งกล้องโทรศัพท์ไว้ที่ปลายเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเซ็กส์ทอยสีดำแล้วเริ่มสอดใส่มันเข้าไปช้าๆ 

“อ๊ะ!.. อ่ะ.. มันใหญ่จัง” ขนาดที่คาเล็มบอกให้ใช้ดันเป็นอันที่ดูจะเกินกำลังร่างโปร่งจะรับไหว น้ำตาหยดใสเริ่มเล็ดจากดวงตาสีสดเพราะความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามา “เจ็บอ่ะ..คุณหมอ..”

“ไม่งอแงสิลาซัส ค่อยๆเอาเข้าไป” เห็นใบหน้าทรมานของอดีตโอเมก้าของตนแล้วรู้สึกได้ว่าส่วนกลางของเขาเริ่มกระตุกเบาๆตามจังหวะที่ร่างโปร่งในจอสะดุ้งจากความเจ็บปวด ดวงตารื้นน้ำมองมาหาเขาที่อยู่ในมือถือด้วยสีหน้าที่ดูยั่วยวนสุดๆจนเขาไม่อยากจะทน “...ฉันเปลี่ยนใจแล้ว นายยัดเข้าไปจนมิดด้ามเดี๋ยวนี้เลย”

“เอ๋!? ไม่..ไม่เอา..” ลาซารัสสั่นศีรษะรัว ขืนยัดเข้ามาหมดนี่เขาได้ร้องลั่นแน่ๆ แถมมันดูท่าจะเจ็บเอาเรื่องอยู่

“ลาซัส.. คิดซะว่านั้นเป็นไอ้นี่ของฉันละกัน นายไม่อยากได้มันเร็วๆเหรอ?” คาเล็มเลื่อนกล้องออกไปให้เห็นส่วนสงวนของตนที่ตื่นตัวแข็งเต็มที่พร้อมออกศึกจากภาพตรงหน้าที่ดูเย้ายวนเหลือคณา มือหนารูดรั้งมันช้าๆอย่างจงใจให้คนที่ดูอยู่รู้สึกวูบวาบที่ส่วนล่างเบาๆ

“...คือ..” เสียงหอบลังเลที่จะตอบ

“ฉันอยากเข้าไปในตัวนายแล้วนะลาซัส.. คิดถึงช่องแน่นๆแสนน่ารักนั้นจะตายอยู่แล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยคำพูดสุดสัปดนที่ทำเอาคนฟังสะท้านทั้งกายทั้งใจ ก่อนร่างโปร่งจะขมวดคิ้วจนหน้าดูน่ารักน่าชัง

“คุณหมอโรคจิตจริงๆด้วยอ่า..” มือเรียวข้างหนึ่งกำจิกลงบนผ้าห่มก่อนมืออีกข้างจะออกแรงดันเซ็กส์ทอยชิ้นใหญ่เข้ามาจนสุดด้ามตามคำสั่งของอัลฟ่าสูงวัย “อ๊าา!! อ๊ะ!! เจ็บ!!”

“ฮ้ะ..!” เสียงร้องกับสีหน้าแสนเร้าอารมณ์ของคนที่ตนมองดูอยู่ทำเอาคาเล็มเผลอครางลอดไรฟันออกมา มือหนาออกแรงบีบตามภาพที่เห็นพลางจินตนาการว่าเขาเองที่เป็นคนสอดใส่ส่วนแข็งขืนนั้นเข้าไปในตัวโอเมก้าคนนี้ “ดึงออกมาใหม่แล้วใส่เข้าไปแบบเมื่อกี้อีกสิ”

ร่างโปร่งทำตามทั้งที่ทั้งตัวสั่นระริกจากความเจ็บปวด เมื่อสอดเสียดกระแทกวัตถุจำลองเครื่องเพศเข้ามาเช่นครั้งแรกอีกครั้ง..และอีกครั้ง… เรื่อยๆจนร่างกายเริ่มคุ้นชิน ความเจ็บปวดในครั้งแรกก็จางหายไป เหลือเพียงความเสียวสะท้านแล่นเข้ามาทุกครั้งที่มือจับมันกระแทกเข้ามา

“อ๊า! อ๊ะ! อ๊ะะ!! คุณ..หมอ… คุณหมอครับ!”

“ไม่เอา… เรียกชื่อฉันสิ ลาซัส..” คาเล็มใช้มือตามจังหวะสอดใส่ของลาซารัสและเร่งเครื่องขึ้นตามความเอาแต่ใจของอีกคน “แยกขาออกอีกหน่อยสิ”

“คุณ..คาเล็ม..อื้ออ” เสียงครางตอบรับและยอมทำตามแต่โดยดีโดยไม่มีความเหนียมอายใดๆ ตอนนี้เขามีเพียงภาพการร่วมรักกับอดีตเจ้าของของตนอยู่เต็มหัว “คุณคาเล็ม! ฮ้ะ!.. แรงอีก..ได้มั้ย อ๊ะ..!!”

“ได้สิ.. จะทำจนนายเดินไม่ไหวเลยล่ะ” ร่างสูงขยับมือรวดเร็วขึ้นเพื่อเป็นคนกำหนดจังหวะมือให้ลาซารัสทำตาม

“อ๊ะ! อึก.. ฮ้ะ!! ลึกจังคุณคาเล็ม! ผม...ผมเสียวจัง!” โอเมก้าหนุ่มเผลอขยับของเล่นเข้าออกตามภาพตรงหน้าอย่างลืมตัว ร่างกายกำลังหลอกตัวเองว่าคนที่อยู่ในโทรศัพท์นั้นกำลังร่วมรักกับตนอย่างร้อนแรง ความต้องการพุ่งสูงขึ้นหลังจากหยุดไปกลางทางจนแทบจะถึงสวรรค์อยู่รำไร “คาเล็ม..อึก! ช่วยปล่อยข้างในนี้ได้มั้ย อ่ะ! ขอ...ลึกๆเลยได้มั้ย”

“อื้อ...ได้” มือหนาขยับรูดรั้งเร็วขึ้นและกำแน่นให้เสียดสีกับมือของตนมากขึ้นราวกับว่าช่องทางคับแคบในภาพหน้าจอนั้นกำลังบีบรัดแก่นกายร้อนที่จวนใกล้จะระเบิดนี้ “ลาซัส...ลาซัส…”

“ฮ้า! คาเล็ม...ผมใกล้จะ...อื้อ! ไม่ไหวแล้ว!” โอเมก้าหนุ่มหอบหายใจแทบไม่ทันและใกล้จะไปถึงจุดหมายปลายทางก่อนคาเล็ม

“อือ...ฉันก็ด้วย…พร้อมกันนะ” เสียงทุ้มแหบพร่าหอบหนักพร้อมกับย้ำให้ร่างโปร่งกดปุ่มเล็กๆที่ตัวของเล่นสีดำด้วย สายตาหื่นกระหายจ้องภาพในโทรศัพท์แทบไม่วางตา

“อ๊ะ! อ๊าา! คาเล็ม!!”

“อึ้ก! อ่ะ!!”

มือกดเซ็กส์ทอยดันเข้าจนลึกสุดๆ ราวกับมันกระแทกเข้าไปถึงปราการชั้นในสุดของช่องทางคับแคบ ปุ่มที่คุณหมอสั่งให้กดก็ฉีดเอาน้ำอุ่นๆเข้ามาข้างในด้วย

ร่างสูงกระตุกเกร็งจากการปลดปล่อย ของเหลวสีขาวขุ่นฉีดพ่นออกจากแก่นกายร้อนจนล้นมือที่ใช้ปรนเปรอ อัลฟ่าสูงวัยหอบถี่เสียงกระเส่าจ้องมองร่างโปร่งที่หอบหน้าแดงอยู่อีกฟากของโทรศัพท์

“...เด็กไม่ดี” คาเล็มกรอกเสียงพูดลงไปทั้งที่ยังหอบเสียงหนัก มือหนาหันไปหยิบทิชชู่มาเช็ดคราบเปื้อนที่เปรอะไปทั่ว

“อือ...ว่าผมทำไมครับ?” ลาซารัสหลับตาปรือเพราะเหนื่อยจากกิจกรรมที่เพิ่งจะเสร็จไป

“ก็นายชอบแอบทำตอนกลางวันทุกที ไม่เกรงใจคนอื่นบ้างเลย” คุณหมออัลฟ่าดุอย่างไม่จริงจังนัก

“ความผิดคุณคาเล็มนั่นแหละครับ”

“ฉันทำอะไร?”

“ทำให้ผมคิดถึงคุณจนทนไม่ไหวนี่…” ใบหน้ามนเขินอายกับสิ่งที่พูดไป คาเล็มอดเสียดายไม่น้อยที่อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ข้างๆ ไม่อย่างนั้นคงจับมาหอมแก้มแดงๆ นั้นซักฟอดให้หนำใจ

“อือ...ขอโทษนะ” เสียงทุ้มเจือความเศร้าไว้นิดๆ เขาเองก็คิดถึงไม่น้อยไปกว่าคนพูดหรอก แต่จะพูดออกไปก็รู้สึกกระดากปาก แค่ที่เพิ่งเล่นเสียวผ่านโทรศัพท์กันไปหมาดๆนี่ก็รู้สึกผิดต่อริชาร์ดมากพอแล้ว

“เอ่อ…” ความเงียบปกคลุมทั้งที่เพิ่งจะผ่านเรื่องร้อนแรงกันไป ลาซารัสจึงพยายามที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย “ตะกี้คุณคาเล็มพูดว่าจ้างคุณเออร์แฟนแล้วสินะครับ”

“อา...ใช่” คาเล็มวกกลับเข้าเรื่อง “แต่ก่อนจะคุยต่อ นายช่วยปิดวิดีโอคอลก่อนได้มั้ย”

ร่างโปร่งที่เพิ่งนึกขึ้นได้กุลีกุจอรีบมาปิดหน้าจอแล้วยกโทรศัพท์มาแนบหูฟัง “อยู่ๆทำไมถึงเปลี่ยนใจล่ะครับ?”

“อืม...ว่ายังไงดีล่ะ.. ฉันอยากรีบจบเรื่องล่ะมั้ง” คาเล็มเอาโทรศัพท์แนบหูแล้วถอยตัวลงมานอนแผ่สบายตัวหลังจากปลดปล่อยอะไรๆออกมาจนหมด “จะได้ไม่ต้องคิดอะไรมากมายอีกแล้ว”

“อืม.. คุณหมอเหนื่อยมามากแล้วนี่เนอะ” ลาซารัสหยิบทิชชู่มาเช็ดร่องรอยเปรอะเปื้อนบนตัวของตัวเองด้วยระหว่างที่ฟังคาเล็มเล่าไปด้วย

“เหนื่อยมาก.. แล้วพอทุกอย่างมันจบ ฉันจะได้หาวิธีเอานายคืนมาได้โดยไม่คิดเรื่องอื่นไง”

คำพูดของคาเล็มทำเอาโอเมก้าหนุ่มชะงักนิ่งไป เขาเงียบลงเสียนานจนคุณหมอนึกว่าสายหลุดไปแล้ว ลาซารัสยิ้มกว้างออกมาอย่างยินดีพร้อมน้ำตาที่เอ่อบนดวงตาอีกครั้ง “ผมจะรอนะครับ”

“ร้องอีกแล้วเหรอ ขี้แยเอ๊ย..” คาเล็มยิ้มให้เสียงที่คุ้นเคยนั้น แม้ลาซารัสจะไม่เห็นแต่เขาก็รับรู้ได้เช่นกันว่าคุณหมอเองก็กำลังยิ้มให้เขาอยู่

“ระหว่างนั้น..ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้เลยนะครับ ผมยินดี!”

“....อ่าฮะ ขอบใจมากนะ”

บทสนทนาจบลงอย่างเรียบง่ายแต่หัวใจของลาซารัสรู้สึกพองโตเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ร่างโปร่งค่อยๆลุกขึ้นเก็บของทุกอย่าง.. ทีแรกก็กะจะทิ้งหรอก..แต่เก็บไว้ก่อนก็ได้..

กว่าร่างกายจะหายดีก็ปาไปเกือบจะถึงมื้อเย็น ลาซารัสเดินช้าๆมาที่ห้องอาหารโดยระหว่างทางสาวใช้บางคนก็ทักเขาอย่างเป็นกันเองมากขึ้น แต่ก็มีบางคนที่ดูจะอายๆเวลามองหน้าเขาจนน่าสงสัย?

หรือว่าความหล่อแมนสมชายชาตรีของเราจะเพิ่มขึ้นกันนะ…

ก็คิดเข้าข้างตัวเองไปอย่างนั้น…

(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

พอมาถึงห้องอาหาร ริชาร์ดนั่งรออยู่ก่อนแล้วเพราะกะเวลาเดินมาจากห้องไม่ถูก ร่างกายที่ยังไม่หายดีทำให้เขาไม่อยากจะเดินด้วยความเร็วปกติ พอคำนวณเวลาเผื่อไว้ก็ดันพลาดไปเยอะ…

“สวัสดีครับคุณริชาร์ด” ลาซารัสเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารในห้องทานข้าวขนาดใหญ่ที่พร้อมรองรับคนนับสิบที่ตอนนี้มีเพียงพวกเขาสองคนที่นั่งอยู่

ริชาร์ดนั่งพิงพนักเก้าอี้พลางยิ้มกริ่มน่าสงสัยก่อนจะเปลี่ยนมานั่งเท้าคางและกวักมือเบาๆเรียกให้ร่างโปร่งขยับเข้ามาใกล้เหมือนต้องการจะกระซิบกระซาบให้ได้ยินกันเพียงสองคน “คิดถึงคุณหมอมากจนทนไม่ไหวเลยเหรอเจ้าหนู”

“...เอ๊ะ?” หน้ามนที่เก็บอาการไม่เป็นขึ้นสีแดงเรื่อฉาบมาบนแก้ม “ท...ทำไม…?”

“ครางลั่นจนเดินผ่านประตูก็ได้ยินแล้ว” ริชาร์ดเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้กับใบหูที่เริ่มขึ้นสีแดงสดแล้วเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง “นี่ฉันผ่านไปได้ยินพอดี เลยต้องยืนเฝ้าไล่คนที่เดินผ่านไปมาให้ไปทางอื่น...มันลำบากนะเด็กน้อย”

“ห้ะ? ...เอ๊!?” โอเมก้าหนุ่มหน้าแดงร้อนจนกลายเป็นมะเขือเทศแล้วก้มหน้าลงเพราะอับอายที่โดนเพื่อนรักของคุณหมอรู้เข้า… นอกจากคุณริชาร์ดท่าทางจะมีสาวใช้บางคนไปได้ยินเข้าเหมือนกัน มิน่าล่ะ เมื่อครู่ถึงมีสาวๆบางคนทำหน้าเหมือนเขินอายที่เจอเขา!

“ข...ขอโทษครับคุณริชาร์ด” สองมือยกขึ้นปิดหน้าอย่างไม่กล้าสู้หน้า “ผมเป็น...โอเมก้าของคุณแล้วแท้ๆ”

“เฮ้ย คิดมากน่ะ ฉันไม่ได้อยากมองนายด้วยฐานะแบบนั้นซะหน่อย” ริชาร์ดยกมือขึ้นลูบหัวอีกคนอย่างอยากจะปลอบโยน “นี่ก็ได้นายมาด้วย...เอ่อ… ไม่ค่อยจะเต็มใจนัก”

“...ครับ?” ลาซารัสเงยหน้าขึ้นมองอัลฟ่าเจ้าของชีวิตคนใหม่อย่างสงสัย “คุณ...ลำบากใจที่จะให้ผมอยู่ด้วยเหรอ?”

“เอ… จะว่างั้นก็ได้นะ.. แต่ไม่ได้หมายความว่านายแย่หรือไม่ดีอะไรหรอก” ร่างสูงขยี้ผมที่ปกติจะเสยเรียบจนมันฟูยุ่งแปลกตา “ฉันก็เหมือนคาเล็มอ่ะ ไม่ชอบวิธีการซื้อขายโอเมก้ายังกับของชิ้นหนึ่งแบบนี้หรอก”

“อ๋อ..ครับ ผมเข้าใจ… แต่คุณหมอคงมีเรื่องจำเป็นใช่มั้ยครับ” ร่างเล็กกว่ายิ้มบางๆให้ เขาก็รู้ดีว่าคนตรงหน้ารวมทั้งคนที่เขารักนิสัยยังไง

“ฮื่อ พูดจรงๆคือเค้าต้องการให้ฉันใช้สิทธิ์ในฐานะเจ้าของปกป้องนายไม่ให้เกิดเรื่องซ้ำรอยโนเอล” ริชาร์ดยักไหล่อย่างรู้ทันเพื่อน “เพราะงั้น..ตอนนี้ก็ต้องขอให้นายทำตัวว่าเป็นโอเมก้าของฉันก่อน”

“ได้ครับ..” ลาซารัสตอบรับเสียงนิ่ง ก็เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิด

“...ยังไงก็ลำบากใจที่จะเรียกนายว่า ‘โอเมก้าของฉัน’ จริงๆนั่นแหละ” ริชาร์ดยังคงเท้าคางมองอีกฝ่ายไม่วางตาจนคนถูกจ้องเริ่มอยู่ไม่สุข “เอาคนทั้งคนมาอยู่ด้วยเนี่ย ใช้เงินซื้อมาก็ได้เหรอ..งี่เง่าเกินไปแล้ว”

“คุณริชาร์ดไม่ต้องคิดเรื่องนี้มากก็ได้มั้งครับ” โอเมก้าหนุ่มปลอบอีกฝ่ายเพราะท่าทางจะยังไม่ยอมเลิกคิดเรื่องนี้สักที

“ถ้านายไม่อยากมาอยู่กับฉันด้วยตัวเองมันจะมีความหมายอะไรล่ะ”

“....เอ๊ะ?”

ความเงียบโรยตัวลง ริชาร์ดยังคงมองอีกฝ่ายนิ่งสงบราวกับประโยคเมื่อกี้เป็นแค่ลมพัดผ่าน เสียงล้อเลื่อนถาดอาหารยกมาเสิร์ฟทำให้ทั้งคู่ผละออกจากเกมจ้องตาแล้วหันมาทานข้าวเย็นกัน โดยที่ลาซารัสยังคงมีคำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัว

...เมื่อครู่คุณริชาร์ด...ต้องการจะสื่ออะไร?


เวลาเดียวกันนั้นเอง ทางด้านเออร์แฟนได้นัดให้คาเล็มมาเจอกันที่คอนโดหรูของอัยการหนุ่มที่มีไว้เพื่อเป็นห้องทำงานส่วนตัวและที่พักชั่วคราวใกล้ที่ทำงานเสียมากกว่าจะเป็นบ้านที่ใช้พักอาศัย

“นายคงไม่ได้เอาเงินค่าจ้างว่าความของฉันมาจ่ายค่าคอนโดนี่หรอกนะ” คาเล็มมองไปรอบๆห้องกว้างที่อยู่เกือบชั้นสูงสุดของคอนโด อีกทั้งยังสามารถมองเห็นวิวได้เกือบทั้งเมืองผ่านกระจกอีกด้วย

“ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย ของแค่นี้ลำพังฉันมีปัญญาจ่ายอยู่แล้ว ที่สำคัญคือมันมีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมที่สุดในเมืองนี้ต่างหาก”

“นั่นสินะ ทำงานแบบนี้คงต้องมีคนจ้องเล่นงานบ้างไม่มากก็น้อยแหละ”

“ทำเป็นพูดดี นายเองก็ไม่ได้ต่างจากฉันเท่าไหร่หรอก ไม่งั้นคงไม่อยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ เป็นหนูในท่อระบายน้ำหรอกใช่มั้ย” อัยการหนุ่มนั่งลงที่โซฟาในห้องรับแขก “เอาล่ะ ไหนเอาเอกสารออกมาให้ดูหน่อยสิ”

“เอ้านี่…”

“เยอะโคตร...นี่นายคิดจะให้ฉันอ่านสักกี่เดือนกัน” เออร์แฟนมองกระเป๋าเดินทางล้อลากที่คาเล็มเอาใส่เอกสารมาจนเต็ม ทีแรกก็คิดว่าข้างในเป็นเสื้อผ้าที่จะเอามานอนค้างเสียอีก เขามองซองสีน้ำตาลนับคร่าวๆได้เกือบสามสิบซอง อัยการหนุ่มได้แต่ส่ายหน้ากับปริมาณที่เหลือจะกล่าวนี้

“ก็นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าอยากได้ข้อมูลอย่างละเอียดที่สุดน่ะ” คาเล็มย้อนอัยการหนุ่มก่อนที่จะส่งแฟลชไดรฟ์ให้มาเพิ่มอีกอัน “ถ้าหามาเพิ่มได้เดี๋ยวจะเอามาให้อีก”

“ยังไม่หมดอีกเรอะ?” เขาไล่สายตาดูคร่าวๆ ถึงแม้จะดูเหมือนเยอะแต่ข้อมูลทุกหน้าได้สรุปผลออกมาให้อ่านทำความเข้าใจได้ง่ายไว้เรียบร้อย แล้วยังสามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลโต้แย้งในชั้นศาลได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องให้พวกทนายในสังกัดมานั่งแปลงข้อมูลวิจัยที่คนทั่วไปอาจทำความเข้าใจได้ยากให้เสียเวลาอีกด้วย เรียกว่าคาเล็มได้เตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีเพื่อสถานการณ์นี้เอาไว้แล้ว

“เอาจริงเอาจังจนน่ากลัวเลยนะ” เออร์แฟนลอบยิ้มอย่างพอใจ เขาเริ่มมองเห็นความเป็นไปได้ที่จะมีโอกาสชนะคดีอย่างโปร่งใสมากขึ้นแม้จะไม่ทั้งหมดซะทีเดียวก็ตาม

แต่เยอะขนาดนี้สงสัยคงจะต้องขอใช้วันหยุดพักร้อนทั้งหมดของปีนี้นั่งไล่อ่านซะแล้วล่ะมั้ง...

“ไม่ทำขนาดนี้ก็แย่สิ ฉันเดิมพันด้วยชีวิตเชียวนะ” อาจฟังดูโอเวอร์เกินจริงแต่ทั้งหมดก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแต่อย่างใด หากแพ้ในเกมนี้ล่ะก็ทั้งเงินทั้งแรงที่อุทิศให้งานวิจัยทั้งชีวิตนี้ทุกอย่างจะหายไปในพริบตา แล้วคาเล็มก็จะไม่เหลืออะไรอีกเลย เลวร้ายที่สุดคือชีวิตที่เหลือก็อาจต้องไปนอนอยู่ในคุกโทษฐานสร้างยาผิดกฏหมายขึ้นมาก็ได้ เมื่อถึงตอนนั้นริชาร์ดก็คงช่วยอะไรเขาไม่ได้เพราะจะพลอยติดร่างแหไปด้วย

“ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นไปหรอก อย่างน้อยๆ ถ้าสามารถทำให้ยาผิดกฏหมายกลายเป็นยาควบคุมพิเศษได้ก็ถือว่าเราชนะอยู่ดี”

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยาควบคุมพิเศษ เป็นยาที่จ่ายได้ (จำหน่ายได้) เฉพาะต่อเมื่อมีการนำใบสั่งยาจากแพทย์มาซื้อยาเท่านั้น ยากลุ่มนี้เป็นยาแผนปัจจุบันที่มีความเป็นพิษภัยสูง และ/หรือ อาจก่ออัน ตรายต่อสุขภาพได้ง่ายแม้จะใช้อย่างถูกต้อง จึงเป็นยาที่ต้องถูกจำกัดการใช้ ดังนั้น ยานี้จึงต้องผ่านการควบคุมดูแลในการใช้ยาจากแพทย์โดยใกล้ชิด ซึ่งแพทย์แผนปัจจุบันเท่านั้นที่มีอำนาจสั่งจ่ายยาควบคุมพิเศษนี้ เนื่องจากแพทย์แผนปัจจุบันจะมีความรู้ว่าเมื่อใดมีความจำเป็นต้องใช้ยา และเมื่อใดสมควรจะต้องหยุดการใช้ยาควบคุมพิเศษนั้นๆ อนึ่ง ยาควบคุมพิเศษนี้สามารถจำหน่ายได้เฉพาะในร้านขายยาที่มีใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบันที่มีใบอนุญาตจำหน่ายยาควบคุมพิเศษ เท่านั้น

ข้อมูลอ้างอิง https://goo.gl/S2UA3y
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


เมื่อก่อนยาต้านอาการฮีทและยาอื่นๆที่ใช้ร่วมกันก็เคยเกือบจะได้เป็นยาควบคุมพิเศษแล้ว แต่เพราะมีผู้ใช้แพ้ยาเป็นจำนวนมากเลยถูกฟ้องร้องให้ชดใช้ค่าเสียหาย สั่งระงับและให้ยกเลิกการผลิตไปนานหลายปี กว่าคาเล็มจะสามารถหาผู้สนับสนุนเงินทุนให้กลับมาวิจัยปรับปรุงพัฒนายาต่อได้ก็แทบจะต้องล้มเลิกไปหลายครั้ง

“เท่ากับว่าโอเกมก้าที่โตพอและเข้าช่วงฮีทก็สามารถทำเรื่องขอจ่ายยาระงับอาการฮีทได้สินะ” เรื่องคดีก็อีกเรื่องหนึ่ง คาเล็มกำลังคิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาหากยาของเขาเป็นสิ่งถูกกฎหมายได้ เพียงเท่านั้นก็สามารถทำให้โอเมก้ามีชีวิตที่ดีขึ้นได้มากโขแล้ว “เอ่อ...แล้วเรื่องที่ทำเหมือนโอเมก้าเป็น….สิ่งของ?”

“นั่นอยู่นอกเหนือสิ่งที่เราทำอยู่ ขอโทษทีนะ คงช่วยอะไรเรื่องนั้นมากไม่ได้ นอกจากจะรอให้พวกไดโนเสาร์ไร้สมองรีบๆตายไปให้หมด” เออร์แฟนพูดพลางโบกกระดาษในมือไปมาเป็นเชิงปฎิเสธว่าไม่สามารถเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ได้ “แต่ถ้าเราชนะคดีนี้ พวกองค์กรสิทธิมนุษยชนก็คงออกมาเคลื่อนไหวเองนั่นแหละ เพราะถ้ายานี่ไม่ผิดกฎหมายเมื่อไหร่ เท่ากับว่าทิศทางของสังคมได้เปลี่ยนไปแล้ว.. การเปลี่ยนแปลงน่ะ มันไม่ได้ทำได้แค่เดือนสองเดือนหรอกนะ”

“เข้าใจ.. อย่างน้อยๆคงต้องอีกหลายปี กว่าคนที่มีความคิดน่ารังเกียจแบบนั้นจะหายไปหมด”

“หายไป? ไม่มีทาง ขนาดเรื่องเหยียดสีผิว เหยียดเชื้อชาติ ทุกวันนี้ยังมีอยู่เลย” ทนายหนุ่มเอนตัวลงบนโซฟาแล้วเหมือนจะนึกอะไรได้ “เอ้อ ช่วยติดต่อโอเมก้าที่นายเคยดูแลให้หน่อยสิ”

“ทำไมเหรอ?” คาเล็มเริ่มใจไม่ดี เขาไม่อยากจะให้ใครต้องพลอยติดร่างแหจากการต่อสู้นี้ไปด้วยเลย

“การจะทำให้ข่าวถูกประโคมได้ คงต้องเป็นอะไรที่แปลกและขายได้สักหน่อย เอาคนที่ชีวิตดราม่าหน่อยละกัน แล้วก็มาให้สัมภาษณ์ว่าพอได้ยาของนายช่วยแล้วชีวิตดีขึ้นยังไง ประสบความสำเร็จแบบไหนบ้าง จะดีมาก”

ในบรรดาโอเมก้าทั้งหมดที่คุณหมอได้ให้การช่วยเหลือไว้ หลายต่อหลายคนนอกจากจะมีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ยังสามารถใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองประกอบกิจการหรือกลายเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงได้มากมาย ทำให้คาเล็มเองก็ได้เปิดโลกขึ้นมาอีกว่า โอเมก้าไม่ใช่แค่ชนชั้นสองที่เป็นเพียงผู้สืบพันธุ์ แต่พวกเขามีมุมมองและความสามารถพอจะขับเคลื่อนสังคมเช่นกัน เพราะเหตุนี้เขาจึงยังยอมทำการทดลองเรื่อยมา…

“แต่ฉันไม่อยากรบกวนพวกเขา อีกอย่างถ้าดึงมาร่วมด้วยกลัวว่าจะอันตรายต่อพวกนั้นเอง…”

“นายไม่เข้าใจเหรอคาเล็ม ตอนนี้พวกเราต้องงัดทุกอย่างมาใช้นะ” เออร์แฟนวางกระดาษปึกใหญ่ลงกับโต๊ะอย่างหงุดหงิด “ไม่ต้องขอร้องหรอก แค่ถามว่าสมัครใจจะช่วยมั้ยเท่านั้น”

“....ก็ได้..” ชายสูงวัยกว่าถอนหายใจ เขารู้ดีว่าแค่เอ่ยปาก ทุกคนที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้ล้วนเต็มใจจะมาทั้งนั้น… นั่นแหละเขาถึงได้ไม่อยากขอร้อง…

“โอเค งั้นนัดวันมาละกัน ฉันจะนัดพวกกองบอกอมาให้”

“งั้นเจอกันใหม่” คาเล็มกล่าวลาสั้นห้วนแล้วลุกออกจากห้องรับแขกแสนหรูหรานั้นไป

“...คาเล็ม” แต่ก่อนที่คุณหมอจะเดินออกจากห้อง เออร์แฟนก็เรียกลูกความของตนไว้ก่อน

“...?”

“ขอโทษเรื่องโนเอลด้วยนะ..”

ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศระหว่างทั้งคู่ คาเล็มอึ้งไปเล็กน้อยที่จู่ๆคุณอย่างทนายผู้เย่อหยิ่งคนนี้กลับเอ่ยคำขอโทษออกมากะทันหัน แววตาสีทองจ้องมองมาอย่างจริงใจมิใช่เพียงการขอโทษส่งๆ ทำให้แขกผู้มาเยือนคลี่ยิ้มออกมา “ช่างมันเถอะ ...เป็นเรื่องในอดีตไปแล้วนี่”

“เดินทางดีๆละกัน”

เมื่อคาเล็มเดินออกจากห้องไป เจ้าของห้องก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ราวกับว่าได้ยกสิ่งหนักอึ้งบนอกออกไปเป็นที่เรียบร้อย.. ถึงจะบอกว่ามันคือหน้าที่ แต่เออร์แฟนก็รู้สึกผิดต่อสิ่งที่ลูกน้องของตนทำลงไปจริงๆ…

หนทางเดียวที่พอจะชดใช้ให้ได้ ก็คือใช้โอกาสนี้ช่วยให้คาเล็มชนะคดีความเท่านั้น เขาจะได้โล่งใจสักทีหลังจากที่แบกความรู้สึกผิดมาตลอดหลายปี

อัยการหนุ่มนั่งเอนหลังไปกับโซฟาก่อนจะปรายตามองเอกสารจำนวนมหาศาลของลูกความ ดูท่าทางช่วงนี้คงจะต้องทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำกันหน่อยล่ะ


“เรียบร้อยดีมั้ยครับนายน้อย?” เรนเดลที่นั่งรออยู่ในรถหันมาถามเจ้านายที่กลับออกมาจากคอนโดและเข้ามานั่งตรงที่นั่งคนขับ

“ก็ดีกว่าที่คิดไว้เยอะ” หมออัลฟ่าคาดเข็มขัดก่อนสตาร์ทรถและขับออกไปตามเส้นทางถนนสายหลัก “แล้วก็เรื่องเซฟเฮ้าส์ฉันหาได้แล้ว นายกับจูเลียตเตรียมย้ายไปอยู่ที่นั่นก่อนได้เลยนะ”

“แล้วนายน้อยล่ะครับ?” ชายชราถามด้วยความเป็นห่วงในสวัสดิภาพของคนข้างตัว

“ฉันคงยังต้องวิ่งเต้นกับคดีไปอีกพักใหญ่ๆ คงยังไปซ่อนตัวอยู่เงียบๆไม่ได้” คาเล็มหยุดรถเมื่อเห็นสัญญาณไฟแดงของป้ายจราจร “ไม่ใช่แค่ลาซารัสหรอกนะที่ฉันไม่อยากให้เข้ามาพัวพันในเรื่องนี้ด้วย

“ทำเหมือนกระผมเป็นคนอื่นคนไกลไปได้นะครับ” เรนเดลแอบยิ้มให้กับความปรารถนาดีที่คาเล็มมีให้เหมือนเขาเป็นญาติสนิทจริงๆอีกคนหนึ่ง “แล้วนายน้อยจะไปอยู่ที่ไหนเหรอครับ?”

“ยังไม่รู้ แต่คิดว่าปลอดภัยหายห่วงได้แน่” เมื่อสัญญาณไฟเขียวปรากฏคาเล็มก็ขับรถต่อ สายตามองไปที่กระจกมองหลังเป็นระยะๆ “เรนเดล ฉันว่ามีคนกำลังขับรถตามพวกเรามา”

“คันไหนเหรอครับ?” พ่อบ้านสูงวัยมองตามกระจกรถด้านข้าง

“มอเตอร์ไซด์ที่มีคนนั่งสองคนทางด้านขวา” ดวงตาคมหลังแว่นเพ่งมองรถมอเตอร์ไซด์ที่มีคนขับและคนซ้อนท้ายสวมหมวกกันน็อคกำลังขับไล่ตามโดยทิ้งระยะห่างอยู่พอสมควร คาเล็มไม่รู้ว่าพวกมันมีปืนรึเปล่า แต่คิดว่าทางนั้นคงไม่กล้าลงมือทำอะไรอุกอาจกลางเมืองแน่ ต้องรีบสลัดให้หลุดก่อนที่รถจะขับไปถึงเส้นทางเปลี่ยวที่เป็นทางกลับบ้านของพวกตน “คาดเข็มขัดให้แน่นๆแล้วก็พยายามก้มหัวไว้นะ”

“ครับ?”

เสียงเหยียบคันเร่งจนมิดกลายเป็นคำตอบให้กับพ่อบ้านได้ดียิ่งกว่าอะไร หมออัลฟ่าหมุนพวงมาลัยรถเลี้ยวหลบแซงรถที่ขับอยู่ข้างหน้าคันแล้วคันเล่าจนเกือบจะชนหวุดหวิดไปหลายต่อหลายคัน

การจราจรที่คับคั่งวุ่นวายภายในเมืองทำให้คาเล็มสามารถหลบหนีจากการโดนติดตามมาได้ คุณหมอจอดรถแอบไว้ข้างปั้มน้ำมันระหว่างทางกลับบ้านเพื่อเช็คว่ามีใครตามมาหรือเปล่า แต่มองอยู่สักพักก็ไม่เห็นวี่แววของคนน่าสงสัย เขาจึงถอนหายใจ

“ปลอดภัยแล้วล่ะ” อัลฟ่าสูงวัยหันไปบอกกับพ่อบ้านของตน

“ไม่ได้เจอแบบนี้ซะนาน เล่นเอาตกใจอยู่เหมือนกันนะครับ” เรนเดลหัวเราะทั้งที่เพิ่งผ่านการซิ่งทะลุนรกมา.. แต่ทั้งชีวิตเขาก็เจอแบบนี้มาบ่อยแล้ว เพียงแค่มีคนสะกดรอยนี่เรียกได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่พักหลังๆที่คาเล็มหมกตัวไม่ยอมสู้คดีจริงๆจังๆนี้ก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามลดการตามล่าตัวเขาลงไป “ข่าววงในนี่มันน่ากลัวจริงๆนะครับ”

“อือ.. ประมาทพวกนั้นไม่ได้เลย..” คาเล็มเลี้ยวรถออกจากปั๊มน้ำมันไป และขับตรงกลับบ้าน เจอเรื่องแบบนี้เข้าไปยิ่งทำให้เขากังวลที่จะลากโอเมก้าที่เคยช่วยเหลือไว้เข้ามาเกี่ยวข้อง ท่าทางคงต้องคัดเลือกโอเมก้าที่มีคู่ครองเป็นผู้มีอิทธิพลพอจะปกป้องตัวเองได้ซะแล้วสิ…

“จะว่าไป ไม่ขอคนคุ้มกันจากคุณเออร์แฟนเหรอครับ?” เรนเดลนึกถึงบอร์ดี้การ์ดของอัยการหนุ่มที่มักจะห้อมล้อมตัวเขาอยู่เสมอ

“นั่นสินะ… ไว้จะลองขอดู ตอนที่จำเป็นต้องออกไปข้างนอกละกัน”


ทางด้านของลาซารัส หลังจากที่ทานอาหารเย็นแล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกับริชาร์ดอีกเลย ยิ่งทำให้เจ้าตัวครุ่นคิดหนักเข้าไปอีก สายตาที่ริชาร์ดส่งให้เขาก่อนจะเริ่มทานมื้อเย็นกันอย่างปกตินั่นทำเอาลาซารัสสงสัย... สายตาที่เขาไม่เคยเห็นจากคนๆนั้น..

“...คุณริชาร์ดหัวกระแทกพื้นตอนล้มรึเปล่านะ…” ร่างโปร่งนอนมองเพดานเหม่อลอยและพยายามหาสาเหตุของความผิดปกตินั้น แต่คิดได้เพียงครู่เดียว เขาก็หันไปนอนกดมือถือดูสูตรและเทคนิคการทำขนมต่อไป นอกจากพุดดิ้งที่คาเล็มชอบ ลาซารัสเองก็อยากลองทำขนมง่ายๆอย่างอื่นบ้างเหมือนกัน

“บ๊อก!” เสียงเห่าเรียกสติเขาให้หันไปหา เจ้าพวกขนปุยที่เขาพาเข้ามานอนด้วยกำลังส่งเสียงเรียกร้องความสนใจจากลาซารัสอยู่

“หือ? เหงาเหรอ ขอโทษที่ไม่ได้เล่นด้วยนะ แต่นี่มันดึกแล้ว” โอเมก้าหนุ่มลุกจากเตียงมานั่งลูบเจ้าตัวเล็กทีละตัว ส่วนพวกพันธุ์ใหญ่ก็จำเป็นต้องแยกไว้อีกที่หนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงทำบ้านพังอย่างแน่นอน “พรุ่งนี้ค่อยเล่นกันใหม่นะ”

ก็อก..ก็อก….

เสียงเคาะประตูอย่างเกรงอกเกรงใจดังเรียกเจ้าของห้องให้ลุกไปส่องที่ช่อง “เอ๋? คุณริชาร์ด?” ลาซารัสเอียงคอสงสัยถึงจุดประสงค์ที่เจ้าของใหม่ของตนมาหา ทว่าเขาก็เปิดประตูแต่โดยดี

“พรุ่งนี้ไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกันมั้ย?” ริชาร์ดเอ่ยถามทันทีที่ลาซารัสเปิดประตูให้

“หือ? พรุ่งนี้...คุณริชาร์ดไม่พักเหรอครับ?” คนถูกชวนก้มลงมองตำแหน่งรอยแผลที่ซ่อนอยู่ใต้ชุดนอนเรียบหรูของอีกฝ่าย

“ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่เดินนิดหน่อย ถ้าไม่วิ่งซะอย่างก็ไม่กระเทือนแผลหรอกน่า” ร่างสูงยิ้มให้และทำท่าทางเหมือนจะอวดว่าร่างกายแข็งแรงดี “นายไม่เคยไปใช่มั้ยล่ะ?”

“ค..ครับ ไม่เคย” ดวงตาสีฟ้าสะท้อนความสนใจออกมาอย่างปิดไม่อยู่ แม้จะยังเป็นห่วงอัลฟ่าตรงหน้ามากก็ตาม “งั้น...ก็ตามที่คุณริชาร์ดสะดวกก็ได้ครับ”

“เฮ้.. เรียกชื่อซะเต็มยศแบบนี้มันดูเหินห่างจัง”

“เหรอครับ ก็มันติดปากไปแล้วอ่ะ” ลาซารัสยิ้มแห้งส่งให้

“....เรียก ริช ก็ได้นะ”

“หา!?”

“ก็ฉันยังเรียกนายว่าลาซัสเลย” ริชาร์ดยกแขนขึ้นเท้าเอวทั้งสองข้างอย่างกับว่ากำลังรอฟังอยู่

“...ค...คุณ...ริช?”

“อย่างนั้นแหละ เด็กดี!” รอยยิ้มกว้างฉาบใบหน้าคนตัวใหญ่กว่าแล้วตบฝ่ามือลงบนบ่าเล็กนั่นอย่างแรงด้วยความพอใจ “จะบอกว่าเรียก ริช เฉยๆก็ได้ ...แต่มีคำว่า คุณ นำหน้าแล้วก็สมเป็นนายดี ราตรีสวัสดิ์นะ เจอกันพรุ่งนี้”

“ครับ ราตรีสวัสดิ์” เมื่อริชาร์ดเดินกลับไปทางที่เขามา ลาซารัสก็ขยับตัวกลับเข้ามาในห้องอย่างงุนงง  จู่ๆก็โดนชวนไปเที่ยว แถมมาขอให้เปลี่ยนวิธีเรียกชื่อ… ไม่มีซึ่งความเนียนเลยสักนิด… “ไม่มั้ง..คิดมากไปเองแน่ๆลาซัส”

หลังจากไล่ความคิดเรื่อยเปื่อยออกไป ร่างโปร่งก็ตัดสินใจเข้านอนทันทีและเฝ้ารอให้ตอนเช้าวันพรุ่งนี้มาถึงเร็วๆ

“...อยากไปกับคุณคาเล็มด้วยจัง” โอเมก้าหนุ่มคิดในใจ ก่อนจะหลับตาลงแล้วผล็อยหลับไปในเวลาไม่นาน

(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

ลาซารัสตื่นแต่เช้าด้วยความเคยชินเป็นกิจวัตร หลังจากออกกำลังกายตอนเช้ากับพวกสก็อตและเหล่าสหายสี่ขาไปแล้วก็มาทานอาหารเช้าที่เมดเตรียมไว้

“คุณริชล่ะครับ?”

“คุณเจสกำลังเปลี่ยนผ้าพันแผลให้คุณผู้ชายอยู่เจ้าค่ะ อีกเดี๋ยวก็คงมาแล้ว” สาวใช้วัยรุ่นตอบและค้อมตัวให้เพื่อขอตัวไปจัดการงานครัวต่อ คุณเจสที่พวกเธอเรียกก็คือเจสสิก้า หญิงสูงวัยที่เป็นเหมือนหัวหน้าแม่บ้านของคฤหาสน์หลังนี้

รออยู่สักพักคนถูกพูดถึงก็เดินเข้ามาในห้องทานอาหาร ริชาร์ดนั่งลงที่เก้าอี้หัวโต๊ะที่ประจำ “นึกว่านายจะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับซะอีกนะ”

“ก็ตื่นเต้นอยู่บ้างแต่ไม่ถึงขนาดนอนไม่หลับหรอกครับ” ลาซารัสยิ้มสดใสและเริ่มลงมือทานอาหารเช้าสลับกับมองริชาร์ดที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไปทานอาหารไป “มีข่าวอะไรน่าสนใจบ้างมั้ยครับ?”

“อืม...ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะ” ซีอีโอหนุ่มพับหนังสือพิมพ์เก็บก่อนวางไว้บนโต๊ะแล้วเริ่มลงมือกินอย่างตั้งใจ “พิพิธภัณฑ์เปิดตอนสายๆนะ ไม่ต้องรีบก็ได้”

“อ่ะ เหรอครับ” ถึงจะพยายามไม่แสดงความตื่นเต้นแต่อาการรีบกินเร็วกว่าปกติของเขาก็คงทำให้ซีอีโออัลฟ่าจับได้ว่าเขาแอบตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย

“จะไปเดทกันหรือเจ้าคะ?”

“แค่กๆ!” ร่างโปร่งสำลักน้ำเปล่าที่กำลังดื่มก่อนหันไปมองบรรดาสาวใช้ที่ทำตาวิบวับทำหน้าเขินอายกันใหญ่ จนแม่บ้านต้องกระแอมแล้วไล่ให้ไปเตรียมเสิร์ฟของหวานมาได้แล้ว

เดท…? งั้นเหรอ?

ดวงตาสีฟ้าหันไปสบตากับอัลฟ่าเจ้าบ้านที่ดูจะไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกับคำพูดของเมดสาวเลย แบบนี้มันเหมือนกับยอมรับเลยไม่ใช่เหรอว่าพวกเขาไปเดทกันจริงๆน่ะ…

“พาเด็กน้อยไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาต่างหากล่ะ เนอะ?” คุณผู้ชายของบ้านหันมายิ้มใส่โอเมก้าที่ปั้นสีหน้าไม่ถูก “เห็นนายไม่อยากรับเงินค่าตัดชุดฉันก็เลยพาไปเที่ยวเป็นการตอบแทนไง”

“ครับ” ลาซารัสตัวลีบลงไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ได้แต่ตามน้ำอีกฝ่ายไปก่อน โดนห้อมล้อมด้วยคนเยอะแยะแต่ไม่ได้สนิทกันแบบนี้มันชวนอึดอัดยังไงไม่รู้ แอบนับถือริชาร์ดที่ใช้ชีวิตแบบนี้อยู่หมือนกัน..

“เสร็จแล้วก็ไปแวะร้านหนังสือมั้ย ได้ข่าวว่าชอบอ่านหนังสือนี่?” ริชาร์ดเสนอพลางตักของหวานเข้าปาก

“เอ๋? ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้ผมก็เกรงใจจะแย่แล้ว” ร่างโปร่งเอ่ยเลิ่กลั่ก ช้อนขวานในมือจึงทำพันนาคอตต้าชิ้นเล็กที่ตักออกมทร่วงลงไปในจานคืน “ผมไม่อยากให้แผลคุณฉีกด้วยอ่ะ”

“บอกแล้วว่าไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่เสนออะไรที่ฉันลำบากตัวเองหรอกน่า อีกอย่าง ได้หยุดทั้งที อยู่แต่บ้านก็น่าเบื่อแย่เลย” ร่างสูงกรอกตามองไปมาราวกับจะนึกหาที่เที่ยวที่อื่นเพิ่มเติม “นี่ยังคิดว่าอยากไปกินปูหิมะเลยนะ สนใจมั้ย?”

ลาซารัสกระพริบตาปริบ ใช่ว่าที่กล่าวมาเขาจะไม่อยากไปไม่อยากกิน แต่เขาเป็นห่วงคนตรงหน้าจริงๆนี่นา.. “แล้วแต่คุณแล้วกันครับ.. แต่ผมขออย่างนึง”

“ว่ามาสิ” ริขาร์ดเงยหน้ามามองอย่างตั้งอกตั้งใจฟังจนออกนอกหน้า

“ถ้าคุณไม่ไหว.. ต้องรีบบอกผมนะ… แล้วเราจะรีบกลับกันทันทีเลย” โอเมก้าหนุ่มพูดเสียงหนักแน่นจริงจังจนคนฟังเผลอหลุดหัวเราะออกมา

“ได้สิ บอกแล้วว่าฉันไม่ทำอะไรให้ตัวเองลำบากหรอก”

“ครับ งั้นผมขอไปเตรียมตัวก่อนนะครับ”

ลาซารัสลุกออกจากโต๊ะไปอย่างรวดเร็ว ดูก็รู้ว่าตื่นเต้นแค่ไหนที่จะได้ออกไปข้างนอก ริชาร์ดเท้าคางกับโต๊ะมองคนตัวเล็กกว่าเดินจ้ำหายไปจากสายตา

“คุณผู้ชายควรรีบไปเตรียมตัวบ้างแล้วนะเจ้าคะ” เจสสิก้าเข้ามาเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเรียกสตินายจ้างของตนที่นั่งมองเหม่อไปในทิศทางนั้นอยู่นานสองนาน

“วันนี้ไม่ต้องเตรียมอาหารเย็นนะ คงกลับค่ำหน่อย” ริชาร์ดกำชับหัวหน้าแม่บ้านไว้เสร็จสรรพเพราะวันนี้คงออกร่อนทั้งวัน แผลของเขาเองก็ดีขึ้นมากคาดว่าคงไม่มีการกลับก่อนเวลาแน่นอน

“อย่าทานอาหารนอกบ้านมากเกินไปนะคะ เดี๋ยวจะหาว่าคนแก่ไม่เตือน” เจสสิก้าพูดเป็นนัยก่อนเรียกสาวใช้มาเก็บจานบนโต๊ะ

“เข้าใจแล้วค้าบคุณแม่” เสียงล้อเลียนของเจ้าบ้านทำเอาหญิงสูงวัยต้องเอ็ดว่าอย่าได้พูดล้อเล่นกับคนแก่แบบนี้ต่อหน้าพวกคนรับใช้คนอื่น เดี๋ยวจะเสียการปกครองเอาได้

ลาซารัสมายืนรอที่หน้าประตูบ้านจนกระทั่งริชาร์ดเดินออกมา ดวงตาสีฟ้ามองร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวเข้ารูปสีชมพูอ่อนกับกางเกงสีขาวและสวมแว่นกันแดดแฟชั่นกับทรงผมที่ไม่ได้เซ็ตให้เนี้ยบเหมือนเวลาปกติ เป็นภาพลักษณ์ที่ดูสบายๆเหมือนที่เขาคุ้นเคย แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ายังดูดีกว่าปกติในเวลาที่แวะเวียนไปบ้านของหมอคาเล็ม

“ไปกันเถอะ” ร่างสูงควงกุญแจรถในมือ แม้ว่าคนขับรถจะขออาสาช่วยขับรถให้เจ้านายทั้งวันเพราะเป็นห่วงสุขภาพร่างกาย แต่ริชาร์ดก็ยืนยันที่จะขับรถไปด้วยตัวเองอยู่ดี

จากัวร์เอฟไทป์สีดำหรูแล่นผ่านถนนกว้างของชานเมืองเข้าไปหาความคับคั่งของเมืองใหญ่เรื่อยๆ สองข้างทางถูกปลูกด้วยต้นไม้ใหญ่จนร่มรื่นเป็นระยะตลอดทาง ด้านหนึ่งมองเห็นทะเลสาบระดับแสงแดดจนแสบตา

แต่ลาซารัสไม่สามารถจะชื่นชมวิวสวยงามนี้ได้เต็มตานักเพราะมัวแต่นั่งเกร็งในรถคันงามอย่างหวาดระแวงจะทำรถราคาแพงนี้เสียหาย

“ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอก รถนะไม่ใช่ของเล่นจะได้พังง่ายขนาดนั้น” ริชาร์ดเอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขันในท่าทางของคนข้างๆ

“งืออออ ผมขอเวลาปรับตัวสักหน่อยละกันครับ” ร่างโปร่งยิ้มแห้งให้ ริชาร์ดแอบเหลือบมามองท่าทีของอีกฝ่ายเป็นระยะ ถนนกว้างโล่งแทบจะไม่มีรถใดๆขับผ่านเพราะไม่ใช่ที่สัญจรของคนทั่วไปทำให้คนที่ขับรถอยู่แบ่งความคิดมาพินิจมองโอเมก้าของตนได้บ้าง

ลาซารัสในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวทับด้วยสูทแฟชั่นสีน้ำตาลอ่อนพับแขนเสื้อขึ้นมาจนถึงศอก บวกกับกางเกงยีนส์เข้ารูปและรองเท้าผ้าใบแบบสบายๆสไตล์เดินเที่ยวทำเอาอัลฟ่าผู้กำลังขับรถเผลอเหล่มามองอยู่บ่อยครั้ง ด้วยเพราะความแปลกตาที่ไม่เคยเห็นชายหนุ่มในลุคแบบนี้

“ไม่เคย...ออกไปไหนเลยจริงๆเหรอ?” ริชาร์ดเปิดบทสนทนาหลังจากเงียบมาสักพัก

“อ๋อ.. ไม่เชิงว่าไม่เคยหรอกครับ ก็มีบ้างที่โอนเนอร์ให้กินยาระงับอาการกับฉีดน้ำหอมดับกลิ่นฟีโรโมนแล้วออกไปร่วมงานเทศกาลน่ะ” ร่างโปร่งตอบเสียงดังฟังชัด ท่าทางจะไม่ใช่อดีตที่เลวร้ายสักเท่าไหร่.. “แต่หลักๆก็แค่ไปจ่ายตลาดกับไปโบสถ์บ้างบางครั้ง”

“อ่าฮะ ดีที่อย่างน้อยไม่กลายเป็นราพันเซลไปเลยน่ะนะ” ริชาร์ดเลิกคิ้ว ถ้าขังไว้แต่ในบ้านตลอดนี่คงน่าเศร้าเกินไป แต่พอรู้แบบนี้ก็ไม่แปลกใจที่สามารถปรับตัวอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ไวดีอย่างนี้

“แต่พอรู้ว่าตัวเองมีเรื่องยังไม่รู้อีกเยอะ...ก็แอบเสียดายช่วงเวลาที่ผ่านมาตั้งยี่สิบห้าปีเหมือนกันครับ” ลาซารัสหัวเราะบางเบาในลำคอ “...อย่างขับรถนี่ ผมก็อยากลองนะครับ!”

“โฮ่ เอาสิ เดี๋ยวเอาที่ราคาไม่แพงมากมาให้นะ ไม่งั้นมัวแต่นั่งกลัวว่าจะทำพังก็ไม่ได้หัดกันพอดีเนอะ”

“ครับ… รบกวนคุณริชาร์ดอีกแล้วอ่า” คนตัวเล็กกว่าไหล่ลู่ตกจนแลน่าสงสาร

“หือ? เมื่อกี้ว่าไงนะ”

“อ่ะ! คุณริชๆ ...รบกวนคุณริชอีกแล้ว…”

“หึหึ.. ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เล็กน้อยมาก” ริชาร์ดยกมือข้างที่ไม่ได้จับพวงมาลัยมาลูบหัวคนข้างๆเบาๆอย่างเอ็นดู “ตอนนี้นายเป็นโอเมก้าของฉันนะ.. ขออะไรฉันก็ให้ได้หมดทุกอย่างนั่นแหละ”

คำพูดกำกวมที่ดูไม่แน่ใจในเจตนาสร้างความฉงนให้ลาซารัสสอีกครั้ง ตั้งแต่เมื่อวานกระทั่งตอนนี้...ดูเหมือนริชาร์ดจะดูพยายามเอาใจเขาอยู่ยังไงก็ไม่รู้… แต่นั้นกลับทำให้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก “ขอบคุณครับ แต่ผมไม่ได้อยากได้อะไรจากคุณริชหรอกครับ แค่คุณใจดีกับผมก็มากเกินพอแล้ว”

“อ่าฮะ จะว่าไป ไม่เคยไปทะเลใช่มั้ย?”

“ครับ?”

“พอคาเล็มหมดเรื่องคดีแล้ว พวกเราไปเที่ยวทะเลด้วยกันมั้ย ทุกคนเลยน่ะ กินอาหารทะเลให้อิ่มหนำไปเลยเป็นไง แน่นอนว่าปิ้งกันเองด้วย” ริชาร์ดเสนอด้วยเสียงรื่นเริงเหมือนกำลังคิดถึงเรื่องสนุกๆที่อยากทำบนชายหาด ทั้งตีแตงโม เล่นวอลเล่ย์ ดำน้ำ และอื่นๆอีกมากมาย

“น่าสนุกนะครับ!” ลาซารัสยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกาย ทะเลของจริงกับภาพที่เห็นในทีวีและภาพถ่ายต่างๆมาตลอดมันจะต้องให้ความรู้สึกต่างกันมากๆแน่ๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใด… ถ้าได้ไปกับคุณคาเล็ม สำหรับเขาแล้วจะไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น

“ดีเลย… เดี๋ยวเอาแพลนนี้ไปบอกกับหมอนั่นตอนที่ไม่ปวดหัวกับเรื่องพวกนั้นแล้วละกัน” ร่างสูงเปิดเพลงเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ความจริงเขาแอบมองคนข้างๆที่ยิ้มแก้มปริอยู่ไม่วางตา…

รอยยิ้มที่ไม่เหมือนก่อนหน้านี้… พอพูดถึงคาเล็มแล้วลาซารัสก็ระบายรอยยิ้มสดใสนั้นออกมาอย่างง่ายดาย ทั้งที่เขาพยายามมาตลอดแต่กลับไม่เคยได้เห็นมันอีกเลยตั้งแต่ได้โอเมก้าคนนี้มาครอบครอง…

..น่าเจ็บใจจังน้า..

รถคันหรูขับแล่นเข้าไปยังที่จอดรถของอควาเรี่ยม ริชาร์ดและลาซารัสลงจากรถแล้วเดินเข้าไปที่ประตูทางเข้าซึ่งต้องจ่ายค่าบริการเข้าชมด้วย แม้ว่าจะเป็นวันธรรมดาที่คนมาเที่ยวไม่หนาแน่น แต่ก็มีเด็กๆที่ทางโรงเรียนพามาเที่ยวชมดูพันธุ์สัตว์น้ำซึ่งถือเป็นการเรียนรู้นอกสถานที่อย่างหนึ่ง

“ว้าวววว” ดวงตาสีฟ้ามองไปรอบๆ ที่เต็มไปด้วยกระจกกั้นระหว่างฝูงชนกับสัตว์ใต้ท้องทะเล ลาซารัสตื่นเต้นจนเก็บอาการไว้ไม่มิด ขายาวก้าวเดินดูพันธุ์ปลารอบๆโดยไร้ซึ่งความประหม่าแม้จะมีคนอยู่มาก

“ลาซัส ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้” ร่างสูงอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเขาจะเดินตามโอเมก้าของตนไม่ทันจนคลาดกันเสียก่อน ความรู้สึกที่เหมือนพาลูกออกมาเที่ยวนอกบ้านครั้งแรกแทนที่จะเหมือนที่ตั้งใจไว้เลยพาลติดลบหมด

“คุณริช! แมงกะพรุนล่ะครับ!” ร่างโปร่งชี้ให้ดูสัตว์รูปร่างคล้ายร่มที่ว่ายเป็นฝูงในตู้กระจกขนาดใหญ่ สักพักก็เปลี่ยนไปยังตู้ที่มีเต่าทะเลแหวกว่ายอย่างเพลิดเพลิน รอยยิ้มสดใสที่ไม่ได้เห็นมานานระบายบนใบหน้ามน ทำให้ดวงตาหลังแว่นกันแดดเผลอมองเพลินจนแทบไม่ได้สนใจสัตว์น้ำที่แสดงอยู่ที่นี่เลย

“คราวหน้าถ้าไปทะเล ไปดำน้ำดูของจริงใกล้ๆเลยดีมั้ย” ริชาร์ดเสนอแล้วเดินมาหยุดยืนข้างๆคนตัวเล็กกว่าติดขอบตู้กระจก พวกเขาต่างกินยาระงับอาการฮีทและยาลดประสิทธิภาพการได้กลิ่นลงเพื่อออกมาข้างนอกได้อย่างไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นฟีโรโมนของคนอื่น

แต่ไม่ได้ฉีดน้ำหอมดับกลิ่นของตนออกมา...ไม่งั้นคนอื่นจะสงสัยเรื่องการใช้ยาเอาได้

“ครับ! ผมอยากลองดำน้ำดู.. แต่มันต้องเรียนนี่?” ลาซารัสจ้องมองร่างสูงด้วยตาเป็นประกาย แม้จะยังกังวลเรื่องการดำน้ำ..เดี๋ยวนะ นี่คิดไปถึงการดำน้ำประเภทไหนเนี่ย

“หือ? ถ้าดำแบบสน็อกเกิลก็ไม่ต้องเรียนอะไรมากหรอก แค่ฝึกนิดหน่อยแถวๆหาดก็ได้แล้ว” ริชาร์ดหัวเราะแล้วโอบไหล่อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ..เพราะความเป็นธรรมชาติและรูปร่างภายนอกที่ดูสมบูรณ์ดีเกินกว่าโอเมก้าปกติทำให้อัลฟ่าหลายๆคนตรงนั้นเริ่มเหล่มองอย่างช่วยไม่ได้

“อ๋อ.. ผมนึกว่า..เอ่อ.. แบบที่ใส่ถังอ็อกซิเจนน่ะครับ” คนตัวเล็กกว่ายิ้มแก้เขิน พอเห็นมือหนาโอบตนเข้าไปหาก็เริ่มทำตัวไม่ถูก “คุณริช..คือ…”

“ไปดูปลาน้ำลึกกันมั้ย?” ริชาร์ดเสนอแกมบังคับพาลาซารัสไปให้ห่างจากจุดที่มีคนเยอะเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนมองด้วยสายตาไม่ประสงค์ดีของอัลฟ่าคนอื่น

ทั้งสองคนมาหยุดอยู่ส่วนที่ค่อนข้างมืด มีเพียงแสงไฟแบ็คไลท์จากตู้ที่คอยส่องสว่างให้เห็น ทว่า ด้วยเพราะหน้าตาแสนแปลกประหลาดและไร้ความหวือหวา ผู้คนจึงไม่ค่อยมาเดินในส่วนนี้กัน เมื่อมาถึงจุดปลอดภัย ร่างสูงก็ปล่อยให้ลาซารัสที่เดินตัวเกร็งเป็นอิสระ “ขอโทษนะที่ทำให้ตกใจ”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”

“ก็..ชวนมาแล้วลืมคิดว่าจะต้องมาเจอคนเยอะน่ะ… อัลฟ่าไร้ยางอายก็เยอะตามไปด้วย”

“อ่ะ..อ๋อ..” คนตัวเล็กกว่าเหมือนจะเพิ่งนึกได้ มือยกขึ้นลูบปลอกคออันใหม่ที่ประดับด้วยอัญมณีสีฟ้าอ่อนทึบแสงบนคอของตน เขาเองก็ลืมปัญหาใหญ่ข้อนี้ไปชั่วขณะเพราะมัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งแปลกใหม่ที่กำลังพบเจอ

“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ เดินเล่นแถวนี้ไปก่อนจนกว่าจะถึงช่วงโชว์โลมาละกันนะ” ริชาร์ดถอนหายใจแล้วเดินดูสัตว์น้ำที่ไม่คุ้นตาอย่างอยากรู้อยากเห็น

“ขอบคุณที่เป็นห่วงผมนะครับ” ลาซารัสยิ้มจางให้อีกฝ่าย เขามักจะให้คนอื่นปกป้องอยู่เสมอ ทำยังไงจะดูแลตัวเองได้มากกว่านี้กันนะ… “คุณริช แผลไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”

“ฮื่อ สบายมาก โทษทีนะ เจ้าพวกนี้หน้าตาไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่เลย”

“ไม่เป็นไรครับ ผมชอบอ่านประวัติพวกมันนะ ตั้งแต่เห็นในหนังสือแล้วครับ”

ทั้งสองคนเดินวนไปตามทางเดินสลัวแสงสีเย็นตา ลาซารัสหยุดแวะอ่านข้อมูลของเหล่าสัตว์น้ำน้อยใหญ่หลากหลายชนิดแทบจะทุกตู้ และหันมาวิเคราะห์ ถาม หรือแม้แต่วิจารณ์และตั้งข้อสังเกตใส่คนที่พามาด้วยอย่างไม่รู้จักเหนื่อย แม้จะตอบไม่ได้ทั้งหมด แต่ริชาร์ดก็ยินดีที่จะเดินตามอีกฝ่ายอย่างไม่ปริปากบ่น แว่นกันแดดถูกถอดออกเพื่อให้มองในที่มืดได้ชัด

เสียงของเด็กๆบางคนที่มากับคุณครูหรือผู้ปกครองเริ่มส่งเสียงดังขึ้นมาเมื่อประกาศเริ่มการแสดงโชว์โลมาของทางพิพิธภัณฑ์ คนที่มีประปรายกำลังทยอยเดินออกไปเพื่อไปจับจองที่นั่งรับชมความน่ารักของพวกมัน

“โลมาล่ะ!” เด็กโข่งทำตาใส่แป๋วและเกาะแขนเสื้อของริชาร์ดราวกับเด็กๆจริงๆ

“นี่.. ก่อนไปดู ขอเวลาแป๊ปนึงได้มั้ย?” ร่างสูงหยุดฝีเท้าทั้งที่ยังไม่ได้ก้าวไปใกล้ทางออกของส่วนแสดงสัตว์น้ำลึกด้วยซ้ำ

“ครับ?”

“เผื่อจะเข้าใจผิด ที่พยายามเอาใจนายมาสองสามวันนี้ ฉันไม่อยากเห็นนายเศร้าน่ะนะ” ริชาร์ดยิ้มให้คนตัวเล็กแล้วยกมือขึ้นลูบหัวอย่างเบามือ “คงเจอเรื่องแย่ๆมาเยอะ เหนื่อยใช่มั้ย?”

“อ๋อ ผมไม่เป็นไรหรอกครับ” ร่างโปร่งยิ้มตอบแล้วผงกศีรษะ “ขอบคุณมากครับที่เป็นห่วง ผมก็แปลกใจอยู่ตั้งนานว่าทำไมคุณดูทำตัวแปลกๆ”

“ยังไงรึ?”

“ก็แบบ.. คุณริชชอบพูดเหมือนกำลังจีบผมยังไงก็ไม่รู้..” ลาซารัสแค่นยิ้มอย่างนึกตลกตัวเอง “แต่ก็ดีที่ผมแค่คิดมากไปเอง”

“อ๋อเหรอ? แล้วนี่ไม่เคย..โดนจีบ?” ริชาร์ดเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและยังจ้องหน้าอีกฝ่ายไม่วางตา

“ไม่ครับ!”

“คาเล็มก็ด้วย?”

“เอ่อ… กรณีคุณหมอ ผมเองที่เป็นคนไปยุ่งวุ่นวายกับคุณหมอน่ะครับ” ร่างโปร่งก้มหน้าหลบราวกับสารภาพผิดอยู่

“งี้นี่เอง” อัลฟ่าสูงวัยกว่าเหล่มองรอบตัวที่คนเริ่มออกจากห้องไปจนหมด ก่อนขยับมายืนขวางหน้าลาซารัสในระยะประชิด “ถึงจะไหวพริบดีแต่ไม่ค่อยระวังตัวเลยแฮะ”

“ครับ?”

คนตัวเล็กกว่ากำลังจะเงยหน้ามาถามเพราะประโยคที่ดูคลุมเครือ แต่มือหนาของเจ้าของชีวิตตนก็ยกขึ้นมาจับใบหน้ามนนั้นให้เงยหน้าสูงขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย ก่อนริมฝีปากของริชาร์ดจะตามลงมาประกบลงกับปากของอีกฝ่าย แม้จะเป็นการบุกที่รวดเร็วจนลาซารัสตั้งตัวไม่ทัน แต่จูบที่ได้รับมากลับนุ่มนวลผิดกับสถานการณ์ ความอบอุ่นจากอุณหภูมิร่างกายแนบชิดโดยไร้ซึ่งการสอดไล้ลิ้นอย่างจาบจ้วง เป็นเพียงจูบบางเบาอย่างทะนุถนอมจนคนถูกจู่โจมไม่รู้ตัวได้แต่ยืนนิ่งเพราะทำอะไรไม่ถูก

“นายคิดถูกแล้วล่ะ” เมื่อริชาร์ดเลื่อนใบหน้าออกไปก็ยิ้มกวนให้ รอยยิ้มที่แสนคุ้นตาแต่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเดิมในเวลานี้

“อ่ะ….อ่ะ….!” ลาซารัสเพิ่งตั้งสติได้ เลือดสูบฉีดขึ้นมาบนหน้าจนแดงก่ำก่อนจะรีบก้มหลบ

“ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ แต่ฉันมันพวกตรงไปตรงมา” ร่างสูงหัวเราะให้กับท่าทีที่เดาเอาไว้แล้ว “และต่อจากนี้ก็ ขอบอกไว้ก่อนให้นายเตรียมใจเลยละกัน”

“ต...เตรียมใจ?” ลาซารัสคิดอะไรไม่ออก ในหัวตอนนี้ทั้งขาวโพลนทั้งสับสน

“ตอนนี้ฉันได้นายมาแค่ตัว...ฉันไม่อยากให้นายอยู่กับฉันต่อเพียงเพราะนายถูกซื้อมา แต่ฉันจะทำให้นายอยากอยู่กับฉันด้วยความต้องการของนายเอง” รอยยิ้มกว้างกับแววตามุ่งมั่นอย่างเอาจริงมองตรงเข้ามาในดวงตาสีฟ้าสดใสที่กำลังมองกลับด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก “ฉันจะเอาหัวใจนายมาด้วย”

เดี๋ยวสิ นี่มันมีบางอย่างผิดพลาด!


TBC.





*****************************************************************************************

จริงๆแล้วเนื้อเรื่องตอนนี้ควรจะลงดึกๆ แต่มันก็ทำตอนกลางวัน...ก็เลย...ตามนั้นล่ะค่ะ //จริงๆคือง่วงมากจนอัพตอนดึกไม่ไหว  :monkeysad:

ปกติแล้วอ่านกันตอนไหนเหรอคะ อยากรู้น่ะ แฮ่ะ... :o8:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ริชชช พ่อคุณทูนหัวผู้แสนดี
แต่ไม่สามารถเอาใจอิชั้นออกห่างจากชายแก่สับสนชีวิตอย่างคาเล็มได้หรอกเจ้าค่ะ หุหุ

ออฟไลน์ Spenguin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อย่าทิ่งคนแก่นะหนุ่มๆอย่างน้อยถ้าท้องก็เป็นแฝดแบบลูกคุณหมอคนนึงลูกริชคนนึงก็ได้ สงสารคุณหมอ

ออฟไลน์ M_Y MILD

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขอให้พระเอกเป็นริชาต์ด สาธุ :3123: :hao7: :z10:

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

บทที่ 10



“ไม่กินเหรอ?”

“อ่ะ...กินครับกิน”

ริชาร์ดพาลาซารัสมานั่งทานปูหิมะในร้านอาหารญี่ปุ่นตามที่ได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าหลังจากสารภาพให้โอเมก้าของตนรู้ว่าเขาคิดยังไง อีกฝ่ายก็ดูจะทำตัวไม่ค่อยถูก แม้ว่าตอนพาไปดูโชว์ปลาโลมา หรือพาไปดูนกเพนกวินจะร่าเริงเป็นปกติ แต่พอไม่มีสิ่งดึงดูดความสนใจแล้วเจ้าตัวก็เหมือนคนจิตใจไม่อยู่กับตัวนัก

สายตาลอบมองร่างโปร่งที่กำลังแกะเนื้อออกจากขาปูด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ ก่อนจะคีบขาปูของคนตรงหน้ามาแล้วแกะเนื้อปูพร้อมกับคีบส่งให้

“อ่ะ ขอบคุณครับ” โอเมก้าหนุ่มค้อมรับและลงมือทาน รสหวานของเนื้อปูหิมะที่เพิ่งเคยลิ้มลองเป็นครั้งแรกในชีวิตนั้น อร่อยมากๆจนแทบจะบินได้

“กินเยอะๆเลย ไม่ต้องเกรงใจ” พอเห็นท่าทางชอบใจแบบนั้นแล้วริชาร์ดก็แกะเนื้อให้ไม่หยุดจนลาซารัสต้องเบรกก่อนที่จานของเขาจะพูนไปด้วยภูเขาเนื้อปู

“แล้วจากนี้อยากจะไปไหนต่อเหรอ?” อัลฟ่ามากวัยหันมาถามหลังจากทานมื้อเที่ยงกันจนอิ่มแล้ว

“ไปซูเปอร์มาเก็ตได้มั้ยครับ ผมอยากซื้อวัตถุดิบไปลองทำขนมน่ะ” โอเมก้าเจ้าของใบหน้ามนเสนอ เพราะไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนต่อ อีกทั้งยังอยากกลับเพื่อที่คนชวนจะได้กลับไปพักผ่อนด้วย

“ได้สิ เดี๋ยวไปห้างที่เคยพานายไปคราวก่อนละกัน” หลังจากตกลงกันได้แล้วก็เรียกเช็คบิลพนักงานให้เก็บเงิน พอเห็นบิลค่าอาหารมื้อนี้เข้าไปลาซารัสถึงกับหน้าซีด แต่คนจ่ายกลับยิ้มระรื่นแถมยังให้ค่าทิปไปอีก

ซีอีโอหนุ่มขับรถพาโอเมก้าของตนไปยังห้างสรรพสินค้าหรูที่เคยพาเขานั่งเฮลิคอปเตอร์ไปในครั้งแรกที่เจอกันอย่างเปิดเผย
“คุณริชเป็นคนชวนคุณหมอไปงานประมูลตลาดมืดสินะครับ” ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถจากัวร์ ลาซารัสก็หันมาชวนคุย “คุณรู้จักงานนั้นได้ยังไงเหรอครับ?”

“หือ? นายสงสัยฉันเหรอ?”

“เปล่าครับ ไม่ใช่อย่างนั้น...ก็แบบว่า สถานที่แบบนั้นผมเคยคิดว่าจะมีแต่คนที่น่ากลัวและอันตราย แต่กลับได้มาเจอคุณริชกับคุณหมอ เลยอดแปลกใจไม่ได้น่ะครับว่าไปได้ยินข่าวมาจากไหน”

ตอนที่ลาซารัสยังอยู่ที่บ้านของคาเล็มก็ได้ฟังเรื่องนี้มาจากปากของคุณหมออัลฟ่า แม้แต่ตอนที่ถูกชวนไปถึงที่จัดงาน คาเล็มเองก็ไม่รู้เรื่องเลยจนกระทั่งไปถึงที่นั่น

“นายรู้ใช่มั้ยว่าคาเล็มมักจะตามหาโอเมก้าที่โดนขายแบบนายมารักษาตัวแล้วก็หาบ้านใหม่ที่ดีขึ้นให้น่ะ”

“ครับ”

“อำนาจของคาเล็มคนเดียวหาข่าวพวกนี้ไม่ได้หรอก ฉันเลยเป็นธุระให้เรื่องหาโอเมก้าที่โดนขายตามตลาดใต้ดินหรือไม่ก็โดนทำร้ายมาจนต้องเข้าโรงพยาบาล.. นักสิทธิมนุษย์ก็เข้ามาตัดสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของกับเจ้าของเก่าแล้วส่งให้คาเล็ม” ริชาร์ดอธิบายพลางเปิดเพลงฟังคลายเครียด “โอ๊ะ นี่เพลงโปรด”

“งี้นี่เอง” ลาซารัสพยักหน้า โชคดีเหลือเกินที่เขาได้เจอกับทั้งสองคน ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีชีวิตที่ดีเช่นนี้แน่ๆ

“แต่เห็นช่วงนี้คาเล็มดูเฉาๆ ฉันเลยลากไปด้วย ไหนๆก็ต้องให้คาเล็มดูแลก่อนอยู่แล้ว ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศ” อัลฟ่าเริ่มโยกตัวอย่างสบายใจตามจังหวะเพลง “ไม่นึกว่าจะได้โอเมก้ามาเป็นคู่ครองซะงั้น”

ร่างเล็กกว่าหน้าขึ้นสีเมื่อโดนแซว แต่พอนึกถึงเรื่องที่พิพิธภัณฑ์เมื่อครู่ก็ทำเอาไม่กล้าหันไปมองหน้าอีกฝ่าย ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาอีกด้วยซ้ำ

“รู้งี้ประมูลนายมาเองซะก็ดี”

“คุณริชาร์ด!”

“เอ้า! พูดจริงๆ”

ความเป็นกันเองที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้จะเกิดเหตุการณ์ที่คนทั่วๆไปน่าจะถือเป็นเรื่องพิเศษมากๆ ทำให้ลาซารัสยังคงทำตัวเป็นปกติได้อย่างน่าประหลาด

ดีแล้ว.. ริชาร์ดฮัมเพลงอย่างพึงพอใจ แม้จะรู้สึกผิดต่อเพื่อนอยู่บ้างก็ตาม…


ทั้งสองเดินซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ต ทีแรกลาซารัสตั้งใจจะซื้อแค่นม น้ำตาล ไข่ไก่ และส่วนผสมทำพุดดิ้งอีกไม่กี่อย่าง แต่ว่าริชาร์ดที่ได้รู้วีรกรรมการเข้าครัวของโอเมก้าในปกครองมาจากหัวหน้าแม่บ้านเห็นว่าควรซื้อไปทีละเยอะๆดีกว่า...เผื่อว่าทำพลาดจนวัตถุดิบร่อยหรอลงจะได้ไม่ต้องออกมาซื้อบ่อยๆ

“อยากได้อะไรเพิ่มมั้ย? ”

“ไม่เอาแล้วครับ” ลาซารัสยกมือห้ามเพราะเกรงว่าหากซื้อมากกว่านี้เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าซื้อของไปเปิดร้านเบเกอรี่แหงๆ

“ถ้าทำขนมแล้วเอามาให้ฉันช่วยลองชิมก็ได้นะ เจสอายุมากแล้วขืนให้ทานของหวานคงไม่ดีกับสุขภาพเท่าไหร่” คนขอเป็นผู้ช่วยชิมเสนอตัวแม้ปกติจะไม่ค่อยได้ทานของหวานเหมือนเพื่อนสนิทของตน

“อ่ะ ครับ…” ร่างโปร่งเข็นรถเข้าไปที่แคชเชียร์ ระหว่างให้พนักงานคิดเงินก็หันไปชวนที่คนมาด้วยกันคุย “ว่าแต่คุณริชชอบทานขนมอะไรมั้ยครับ?”

“หือ?” คนถูกถามยืนนิ่งใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อืม...ทาร์ตไข่ล่ะมั้ง”

“งั้นกลับไปผมจะลองฝึกทำดูนะครับ”

“เฮ้ ไม่ต้องก็ได้ จะฝึกทำพุดดิ้งไม่ใช่เหรอ” ริชาร์ดส่งบัตรเครดิตให้พนักงานหลังคิดเงินเสร็จแล้ว

“ผมอยากทำอะไรตอบแทนคุณบ้างน่ะครับ อ่ะ...แต่เรื่องรสชาติคงจะ…” แม้จะตั้งใจไว้แต่จริงๆก็แอบกังวลอยู่ดี

“...จะตั้งตารอเลยนะ” มือหนายกขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะหันไปหยิบถุงแล้วเดินนำหน้าโอเมก้าหนุ่มไปที่จอดรถ ลาซารัสจึงไม่ทันเห็นว่าตัวริชาร์ดนั้นแอบอมยิ้มแก้มปริขนาดไหน

“จะว่าไปเรื่องขับรถก็…” ลาซารัสพูดขึ้นมาลอยๆในขณะที่จัดของอยู่ที่ประตูเบาะหลังรถคันหรูที่ต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นรถจ่ายตลาดชั่วคราว

“อยากหัดแล้วเหรอ? รีบจังนะ” ริชาร์ดถือถุงเต็มสองมือ แต่ท่าทางเหมือนไม่ได้รู้สึกถึงน้ำหนักใดๆ ทั้งๆที่เขาเองก็ยังไม่หายดีแท้ๆ

“ก็.. มันอยู่เฉยๆนี่ครับ ปกติมีงานบ้านให้ทำตลอด ผมเลยไม่ค่อยมีเวลาทำอะไร ตอนนี้พอว่างแล้วก็อยากลองไปหมดทุกอย่างเลย”

“เอาสิ เดึ๋ยวเอารถพวกพ่อบ้านมาให้ลองขับนะ ให้สอนด้วยเลยละกัน” ริชาร์ดเสนอทางที่ไร้การเสียเงินใดๆ เพราะขืนต้องออกตังค์อีก ลาซารัสต้องปฎิเสธแน่นอน

“ขอบคุณมากครับ!” ร่างโปร่งหันมาทำตาลุกวาวอย่างปิดไม่อยู่ ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยและก้มหน้างุดลง รีบกุลีกุจอรับของจากมืออัลฟ่ามาเก็บอย่างรวดเร็ว

“มีอะไรเหรอ?” ริชาร์ดเห็นท่าทางแปลกๆน่าตลกขบขันก็อดถามไม่ได้

“เปล่าครับ!” ลาซารัสตอบเสียงแข็งแล้วรีบปิดประตูและเดินกลับไปขึ้นรถตรงที่นั่งข้างคนขับอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะยอมมองหน้าเขา ริชาร์ดจึงเดินตามไปนั่งฝั่งคนขับแล้วเริ่มจัดแจงใส่เข็มขัดและสตาร์ทรถ

“เพิ่งรู้ตัวเหรอว่าทำตัวน่ารักน่ะ”

“...ผมไม่ได้ตั้งใจให้ท่าคุณนะ”

“รู้ แต่เพราะแบบนี้แหละนายเลยน่ารัก” หมัดเล็กๆชกใส่แขนผู้เป็นนายเบาๆอย่างไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร ก่อนเสียงหัวเราะของคนโดนทำร้ายจะดังขึ้น ทั้งสองมุ่งหน้ากลับไปยังบ้านอย่างไม่เร่งรีบและกินลมชมวิวไปพลาง ต่างคนต่างนึกเพียงว่าจะทำอะไรต่อไป

ต่างกันที่ อีกคนกำลังหาทางมัดใจคนใจแข็งกับอีกคนที่กำลังหาทางออกให้ตัวเอง…


เวลาหลายอาทิตย์ที่คาเล็มติดต่อกับโอเมก้าที่ตนเคยช่วยเหลือไว้ทำเอาแทบไม่ได้ออกมาเจอแสงเดือนแสงตะวัน แถมเออร์แฟนก็มากดดันถึงบ้านให้รีบๆทำตามที่บอกเสียอีก

“รับน้ำชาเพิ่มไหมครับ” เรนเดลค้อมตัวลงมาถามอัลฟ่าผู้สง่างามที่กำลังนั่งพักจากการเขียนสำนวนยื่นเรื่องอยู่

“ขอบคุณครับ”

“เมื่อไหร่นายจะกลับๆไปซักที…” คาเล็มที่เอนตัวลงนอนพักหลังเอ่ยไล่แขกที่ไม่เต็มใจให้อยู่นัก

“ก็จนกว่านายจะติดต่อได้ครบทุกคน เรื่องนี้เดิมพันทั้งชีวิตนายนี่ รีบๆทำซะสิ”

“แล้วทำไมต้องเอาการ์ดมายืนเต็มบ้านด้วย” คุณหมอผงกหัวขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง พบชายใส่สูทดำสวมแว่นยืนเรียงรายนอกบ้านเป็นจุดๆ

“ปกป้องลูกความไง นี่กะจะส่งมาอยู่กับนายสักโหลนึง” เออร์แฟนเอ่ยแซวขณะที่หยิบของว่างในจานมากิน “อร่อยจัง ทำเองเหรอครับ”

“หา!? ไม่เอาด้วยหรอก จูเลียตเครียดตายเลย เจอคนแปลกหน้าคราวละมากๆขนาดนี้” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่สุนัขตัวใหญ่ที่ถูกยกมาอ้างก็กำลังวิ่งเล่นกับการ์ดบางส่วนที่ทำหน้าที่ดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างไม่เกรงใจแผนของเจ้าของบ้านสักนิด….

“นายน้อยครับ คุณแมทเวย์ได้ใบขับขี่แล้วล่ะครับ” เรนเดลแทรกขึ้นมากลางวงสนทนาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“อ้อเหรอ เออ ก็ดี…..อะไรนะ!!?” คาเล็มเด้งตัวขึ้นมาจากโซฟาแล้วคว้ามือถือของพ่อบ้านมาดู

ข้อความจากริชาร์ดแนบรูปถ่ายลาซารัสที่นั่งอยู่ในรถตรงตำแหน่งคนขับ มือหนึ่งยกขึ้นชูสองนิ้วอย่างภาคภูมิใจ ในขณะที่อีกมือถือใบขับขี่อยู่ และข้อความต่อมานั้นเขียนไว้ว่า ‘ขับเก่งมาก มีพรสวรรค์ผิดกับการทำอาหารเลยล่ะ’

“โห...ท่าทางอยู่กับทางนั้นจะไปรุ่งกว่านะเนี่ย” คาเล็มตวัดสายตามองมองอัยการหนุ่มที่แอบชะเง้อหน้ามาดูรูปในโทรศัพท์ “มัวแต่ชักช้าระวังจะเสียของรักไปอีกรอบนะคราวนี้”

ทว่า...แทนที่จะตีหน้าเครียดกว่าเดิม คุณหมออัลฟ่ากลับทำสีหน้าสงบนิ่งผิดไปจากที่เออร์แฟนคาดเอาไว้ ก่อนจะยื่นมือถือคืนให้พ่อบ้านของตนแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อโดยไม่พูดอะไร

“ไม่ตอบอะไรกลับไปหน่อยเหรอครับนายน้อย” พ่อบ้านสูงวัยถาม

“นายก็ตอบกลับไปเองสิ ฉันกำลังยุ่งอยู่”

เออร์แฟนและเรนเดลมองหน้าคุณหมออัลฟ่าที่จู่ๆ ก็งานล้นมือขึ้นมาทันที อัยการหนุ่มหันไปสะกิดแขนพ่อบ้านแล้วขอยืมโทรศัพท์เครื่องเดิมมาพิมพ์ข้อความก่อนกดส่งไปให้ริชาร์ด

เสียงข้อความเข้าในเวลาต่อมา ซีอีโอหนุ่มคิดว่าเป็นข้อความจากเพื่อนจึงยกโทรศัพท์ขึ้นมาอ่าน

‘มีความสุขซะให้พอเถอะเจ้าแมวขโมย’

“ห้ะ?” ริชาร์ดไม่รู้ว่าเออร์แฟนเป็นคนส่งมา และกลับเข้าใจไปว่าเป็นคาเล็ม เขากดเบอร์โทรศัพท์ต่อสายไปหาทันที พอจะพูดกรอกเสียงลงไปก็ได้ยินเสียงที่ไม่ได้เข้าหูมานานเป็นคนรับ

“คาเล็มไม่ว่าง มีธุระอะไรจะฝากมั้ย?” อัยการหนุ่มเดินถือโทรศัพท์ออกไปคุยข้างนอกบ้านไม่ให้เป็นการรบกวนเจ้าของบ้าน

“...เออร์แฟน เมื่อกี้นายเป็นคนส่งข้อความเรอะ” ริชาร์ดกดเสียงต่ำอย่างไม่สบอารมณ์นัก

“ใช่ ฉันส่งไปเอง เพราะคาเล็มคงไม่อยากคุยกับนายเท่าไหร่” สายตาหันกลับไปมองคนในบ้านให้แน่ใจว่าทางนั้นจะไม่ได้ยินเสียงของตนคุยโทรศัพท์กับปลายสาย “สถานะของนายกับฉันมันกลับกันแล้ว ตอนนี้คาเล็มคงเหม็นหน้านายเหมือนที่ฉันเคยโดนมาก่อนนั่นแหละ”

“...” ริชาร์ดหรี่ตาลงอย่างไม่ไว้ใจ ถูกอยู่ที่เขาคงโดนเพื่อนรักเกลียดเพราะเรื่องที่ทำไป แต่พอเป็นคำพูดจากปากคนๆนี้เขากลับไม่อยากจะเชื่อนัก… “รู้น่า”

“หลงเจ้าหนูนั่นอีกคนแล้วสินะนาย” เห็นคนที่ปลายสายไม่ปฎิเสธก็เริ่มรุกไล่เค้นเอาความคิดอ่านของริชาร์ดเพิ่มแม้จะพอรู้สถานการณ์อยู่บ้างแล้วก็ตาม

“ก็ถูกอย่างที่นายพูด” ความรู้สึกเหมือนโดนสอบสวนนี้มันไม่น่าอภิรมณ์สักนิด “รู้อยู่หรอกน่าว่ามันผิดกับคาเล็ม แต่ฉันก็ไม่ได้เอามาอย่างผิดกฎหมายซะหน่อย”

“เรื่องคาเล็มยกให้นายฉันก็รู้” เออร์แฟนเอนตัวพิงกับระเบียงหน้าบ้าน “แต่เขาทำด้วยความจำเป็น นายก็อย่าใช้ความไว้ใจของเพื่อนฉวยโอกาสยึดเจ้าหนูนั่นเป็นของตัวเองสิ”

“คนแบบนายพูดเรื่องแบบนี้ได้ด้วย...อ่ะ นี่ชมนะ” ซีอีโอหนุ่มเดินออกจากลานทดสอบเพื่อคุยให้ห่างจากระยะการได้ยินของคนอื่น “แน่นอน ฉันไม่ถือโอกาสความเป็นเจ้าของยึดเขาไว้หรอก”

“หือ?”

“จบงานนี้ถ้าคาเล็มมาขอเขาคืน… ก็ถามลาซารัสเองก็แล้วกันว่าเขาอยากอยู่กับใคร”

“อืม..แล้วมันแฟร์ตรงไหนล่ะเนี่ย นายเล่นอยู่ทำแต้มกับเขาทั้งวันทั้งคืนขนาดนั้น…”

“ไม่มีกลางคืนเฟ้ย!” ถึงเออร์แฟนจะไม่ชอบใจแต่ก็นับถือเรื่องที่ริชาร์ดตรงไปตรงมาแบบนี้นี่แหละ…


“หายไปไหนมา” คาเล็มมองไปหาคนที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาในบ้าน

“คุยโทรศัพท์” เออร์แฟนส่งโทรศัพท์คืนให้พ่อบ้าน “ใช้ของคุณเรนเดลจะได้ไม่โดนจับสัญญาณน่ะ.. อาทิตย์หน้าไปหาริชาร์ดกับฉันที่ตึกหมอนั่นนะ”

“หา?” คุณหมอขมวดคิ้วแน่นอย่างสงสัยระคนไม่พอใจ “ทำไมนายถึงโทรไปหาหมอนั่น?”

“เรื่องพยานนั่นแหละ ริชาร์ดเป็นเจ้าของลาซารัส แมทเวย์อยู่นี่”

“....นายจะให้ลาซัสเป็นพยาน?”

“ใช่”

“ไม่” คาเล็มปฎิเสธเสียงแข็ง

“โอเมก้าที่ร่างกายสมบูรณ์ขนาดนี้หายาเต็มทีแล้ว อีกสองเดือนจะเริ่มไต่สวนใหม่ ไม่มีเวลาไปหาคนมารับยาทดลองแทนหรอก” เออร์แฟนเดินมานั่งลงที่เดิมอย่างใจเย็น

“แต่….เรื่องที่มาของลาซัส…”

“ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครกล้าขุดหรอก ขืนมีคนสงสัยก็จะโดนกังขาเรื่องที่ว่าเขารู้ได้ไงอีกอยู่ดี ยังไงก็ซวยกันทั้งยวง…” ร่างโปร่งเอนตัวไปกับเบาะนุ่ม “พวกใต้ดินเองก็แบ็คหนาพอจะไม่ยอมให้เรื่องนี้หลุดแน่ๆ หลักฐานปลอมที่พวกนั้นสร้างมาก็ตรวจสอบได้ยังกับเข้าระบบพลเมืองไว้แล้ว”

“...”

“เอาเป็นว่าไปคุยดูก่อนละกัน”

คาเล็มกัดฟันแน่น.. เขารู้อยู่เต็มอกว่าลาซารัสจะต้องไม่ปฎิเสธอย่างแน่นอน… แต่เรื่องที่เขาห่วงไม่ใช่แค่นั้นหรอก…

….เพราะคนในครอบครัวเขาเคยเห็นหน้าลาซารัสตอนที่ไปงานแต่งกับเขาแล้วนี่สิ….

“เป็นอะไรไป?” ดวงตาสีทองมองอัลฟ่าสูงวัยที่ตีหน้าเครียดหนักกว่าเดิม คาเล็มจึงบอกสิ่งที่ตนกังวลใจออกไป ถึงแม้ในงานแต่งเขาจะไม่ได้บอกพวกนั้นไปว่าลาซารัสเป็นอะไรกับตนก็ตาม

อัยการหนุ่มนั่งนิ่งใช้ความคิดครู่หนึ่ง “ก็ยังดีที่อย่างน้อยๆ นายก็ไม่ได้โกหกไปว่าเป็นผู้ช่วยวิจัยเหมือนที่ริชาร์ดมันแนะนำ”

“แล้วถ้าเกิดพวกนั้นสงสัยว่าลาซัสที่ควรจะเป็นโอเมก้าของริชาร์ดทำไมถึงโผล่หน้าไปร่วมงานแต่งกับฉันได้ล่ะ?…”

“พอเป็นเรื่องเจ้าหนูนั่นทีไรนายชอบลนจนเสียความเยือกเย็นทุกทีเลยนะคาเล็ม” เออร์แฟนมองหน้าคาเล็มแล้วก็พอจะเดาออกว่ากังวลเรื่องอดีตโอเมก้าของตัวเองมากแค่ไหน

“.....”

“ทุกอย่างจะเรียบร้อย ถ้านายเชื่อว่าตัวเองทำสิ่งที่ถูกมาตลอดก็ไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะแพ้” มือเรียวแต่ไม่ถึงกับบางยื่นไปแตะไหล่คุณหมอเบาๆเป็นเชิงปลอบ “แต่ไม่ว่ายังไงคดีนี้ฉันก็ไม่มีวันปล่อยให้ทางนั้นได้หัวเราะเยาะนายอีกเป็นครั้งที่สองแน่”
ดวงตาหลังกรอบแว่นแหงนหน้าขึ้นสบตามองเออร์แฟน ทั้งสายตาและคำพูดนั้นไม่ใช่แค่ทำเพื่อให้คนฟังสบายใจ แต่เชื่อว่าต้องทำได้ คาเล็มยกมือขึ้นแตะมือของอีกคนที่ยังวางอยู่บนไหล่กว้างซึ่งแบกรับความหวังของเหล่าคนที่อยู่ข้างหลังอีกมากเอาไว้

“...ขอบใจนะที่นายยอมอยู่ข้างฉัน”

“........”

“เรนเดล เย็นนี้ทำอะไรกินเหรอ?” พอละสายตาจากอัยการหนุ่มก็หันไปทางคนดูแลที่เพิ่งออกไปเสิร์ฟของว่างให้เหล่าการ์ดที่เฝ้ายามอยู่รอบๆบ้าน

“สตูว์เนื้อแกะครับ” เรนเดลตอบ และแอบขำที่เจ้านายของตนทำหน้าเซ็งเพราะช่วงนี้กินแต่เนื้อแกะติดๆกัน

“งั้นก็ทำเยอะๆ เลยแล้วกัน พวกการ์ดข้างนอกจะได้กินด้วย” บอกพ่อบ้านเสร็จก็หันหน้ากลับมาหาอัยการที่ยังนั่งแข็งค้างอยู่ “แล้วนายล่ะจะกินด้วยกันมั้ย?”

“.....ฉันว่าเย็นนี้หิมะข้างนอกคงตกแหงๆ ที่นายชวนฉันกินมื้อเย็น”

“พูดงี้แสดงว่าจะไม่กิน?”

“กิน!”

การ์ดคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องถึงกับหลุดขำพรืดหลังได้ยินบทสนทนา พร้อมกับยกนาฬิกาวิทยุสื่อสารไปบอกคนอื่นๆว่าเย็นนี้มีสตูว์เนื้อแกะรออยู่



“อืม…”

“ปะ...เป็นไงบ้างครับ?” ดวงตาสีฟ้านั่งลุ้นหลังจากที่ทดลองทำทาร์ตไข่มาให้อัลฟ่าเจ้าของตนทดลองชิม ก่อนที่ริชาร์ดจะลองกัดเน้นย้ำรสชาติดูอีกคำ

“...มันยังนุ่มไม่พอน่ะ” ในที่สุดร่างสูงก็ให้คำวิจารณ์ออกมา “แต่รอบนี้รสชาติใช้ได้อยู่นะ”

“ไชโยยยย” ร่างโปร่งชูแขนขึ้นจนสุด หลังจากลองมาหลายรอบในที่สุดก็สามารถทำอะไรให้ออกมากินได้บ้างเสียที

“อย่าเพิ่งดีใจสิ ยังทำได้ดีกว่านี้น่า” ริชาร์ดกินเข้าไปจนหมดและกำลังหยิบชิ้นที่สองขึ้นมากินอย่างเสียดาย

“แค่ทำให้กินได้ผมก็แทบกระอักแล้วครับ” ลาซารัสลากเก้าอี้มานั่งอย่างเหนื่อยล้า ด้านข้างมีทาร์ตไข่ที่ดูท่าทางใช้การไม่ได้วางแปะไว้สองสามชิ้น รอบนี้เสียทรัพยากรไปน้อยกว่าที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีก็ได้มั้ง

“แล้วพุดดิ้ง?” ร่างสูงถามหาของกินอีกอย่างที่ลาซารัสเคยบอกไว้ว่าต้องการจะหัดทำ

“อ๋อ.. พักอยู่ในตู้เย็นครับ อีกสักยี่สิบนาทีถึงจะเอาออกมาได้”

“เหรอ ถ้ารอบนี้กินได้ อร่อยดีก็คงพร้อมแล้วมั้ง”

“พร้อม?”

“อาทิตย์หน้าเออร์แฟนจะนัดนายกับฉันไปคุยด้วย เรื่องการขึ้นให้การเป็นพยานเรื่องยาของคาเล็ม”

“พยาน.. แน่นอนครับ ผมอยากช่วย” ร่างโปร่งยืดหลังนั่งตรงอย่างแน่วแน่

“ฉันรู้ ใครก็รู้ ไอ้ที่จะไปคุยเนี่ย ไปคุยเรื่องขั้นตอนการทดลองยา ว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง” ริชาร์ดเท้าคางมองแล้วหัวเราะท่าทีของโอเมก้าในครอบครอง

“อ่อครับ….คุณหมอก็มาด้วย?”

“ในที่นี้มีแต่หมอนั่นที่รู้เรื่องยาดีที่สุด นายคิดว่าเค้าจะไม่มาได้ยังไงล่ะ?” มือหนายกมาขยี้ผมสีน้ำตาลเข้มจนยุ่งเหยิง “คาเล็มคงดีใจตายเลย”

แต่แทนที่ลาซารัสจะยิ้มแก้มปริเหมือนที่ผ่านมา โอเมก้าหนุ่มกลับมองตรงไปหาเจ้านายของตนอย่างนิ่งสงบ ทำเอาริชาร์ดชะงักไปเพราะฉงนสงสัย “คุณริชไม่ว่าเหรอครับ?”

“....ทำไมล่ะ แค่ขนมเอง” ดวงตาคมที่มักจะมีแววขี้เล่นเป็นมิตรกลับวูบไหวเพียงเพราะคำถามราวกับขออนุญาตผู้ปกครองของคนตรงหน้า “ไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้ว หมอนั่นเองก็คงอยากคุยเรื่องอื่นกับนายนอกจากเรื่องงานด้วยล่ะมั้ง”

“แล้วคุณริชล่ะครับ?” ลาซารัสจ้องคนตรงหน้า “คุณเองก็อยากคุยกับคุณหมอรึเปล่า”

“...แค่เสียงฉัน คาเล็มยังไม่อยากได้ยินเลยมั้ง” ร่างสูงหันหน้าไปมองทางอื่น จริงอยู่ที่เขามีโอกาสได้ใกล้ชิดกับโอเมก้าที่น่ารักนิสัยดีอย่างลาซารัส แต่พอไม่ได้ไปเจอหน้าเพื่อนรักก็มีบ้างที่รู้สึกเหงาอย่างประหลาด “แล้วอีกอย่าง ตอนนี้ฉันเองก็ไม่อยากไปกวนใจหมอนั่นด้วย 

“คุณริช…”

“พรุ่งนี้ฉันต้องเข้าไปประชุมที่บริษัท นายอยู่บ้านฝึกทำขนมไปนะ แต่ถ้าอยากออกไปขับรถเล่นก็ไปเอากุญแจรถที่คนขับรถได้เลย” ซีอีโอหนุ่มเปลี่ยนเรื่องก่อนหยิบทาร์ตไข่อีกชิ้นมากินและขอตัวไปเตรียมงานพรุ่งนี้

ดวงตาสีฟ้ามองตามหลังร่างสูงที่เดินออกไป ถึงจะแค่แว่บเดียวแต่เขาก็สังเกตเห็นแววตาของริชาร์ดว่ามันไม่มีประกายสดใสอย่างเคย

“เราจะทำยังไงดีนะ...คิดสิลาซัส คิด...คิด…” ร่างโปร่งก้มหน้างุดพยายามนึกหาวิธีดีๆ ที่จะช่วยให้ทั้งสองคนคืนดีกันก่อนจะถึงวันนัดคุยเรื่องของเขา ระหว่างที่กำลังหัวหมุนอยู่นั้นโทรศัพท์ของตนก็ดังขึ้น ที่หน้าจอโชว์เบอร์ของพ่อบ้านเรนเดลอย่างบังเอิญ ราวกับรู้ว่าเขากำลังมีปัญหาในตอนนี้

“ช่วยด้วยครับคุณเรนเดล! ผมปวดหัวมากเลยตอนนี้” โอเมก้าหนุ่มกรอกเสียงขอความช่วยเหลือลงไปในสายแทบจะทันที
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับคุณแมทเวย์?” พ่อบ้านสูงวัยถามด้วยความเป็นห่วง จากนั้นอีกฝ่ายก็เล่าให้ฟังว่าต้องการความช่วยเหลือในเรื่องใด “อา...เรื่องนี้เองสินะครับ”

“พอจะมีวิธีช่วยให้พวกเค้าคืนดีกันได้มั้ยครับ?”

“ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลานายน้อยกับคุณริชาร์ดมีปากเสียงกันก็พอจะมีคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยอยู่หรอกนะครับ” ดวงตาสีฟ้าแลดูมีความหวังขึ้นมาจึงถามถึงบุคคลที่เป็นคนกลางที่ว่านั้น ก่อนที่ความหวังจะดับวูบลงในวินาทีต่อมา เพราะคนที่ว่านั้นก็คือโนเอลซึ่งไม่อยู่แล้วในตอนนี้

“แล้วคุณโนเอลทำยังไงเหรอครับ?” แม้คนเคลียร์จะไม่อยู่ แต่อย่างน้อยก็ขอรู้วิธีที่ทำให้เด็กโข่ง(?)สองคนกลับมาดีกันได้เหมือนเดิมก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

“คุณแมทเวย์ครับ กระผมไม่แนะนำให้คุณใช้วิธีเดียวกับคุณโนเอลช่วยให้สองคนนั้นคืนดีกันหรอกนะครับ”

“ทำไมเหรอครับ?”

“ตอนนั้นทั้งนายน้อยและคุณริชาร์ดต่างก็ทะเลาะกันหนักจนเกือบจะถึงขั้นเลิกคบค้าสมาคมกันไปเลย คุณโนเอลก็เลยนัดสองคนนั้นไปตระเวนแฮงค์เอาท์ทั้งร้านเหล้า เข้าผับเข้าบาร์ ดื่มกันจนเมาเละเทะทั้งสามคน พอสองคนนั้นเริ่มเมาจนคุมไม่อยู่ก็ขึ้นไปชกต่อยกันที่เวทีกลางร้าน คุณโนเอลขึ้นไปห้ามจนโดนสองคนนั้นประเคนทั้งหมัดทั้งเท้าใส่เข้าพอดีจนต้องหามส่งโรงพยาบาล หลังจากนั้นนายน้อยกับคุณริชาร์ดก็โดนลากไปนอนสงบสติในห้องขังที่โรงพักข้อหาเมาและทะเลาะวิวาท แล้วคุณโนเอลก็ถ่อสังขารไปประกันตัวทั้งคู่ออกมาทั้งๆที่ยังใส่เผือกที่คออยู่เลยล่ะครับ พอเห็นคุณโนเอลเจ็บตัวเพราะพวกเขา สองคนนั้นก็ขอโทษขอโพยกันใหญ่จนลืมเรื่องที่ทะเลาะกันไปเสียสนิท”

หลังจากถามไปและได้คำตอบกลับมา ดวงตาสีฟ้าก็อึ้งไปกับวิธีการเกลี้ยกล่อม...ไม่สิ เอาตัวเข้าแลกที่เหนือความคาดหมายกว่าที่ตนคิดไปไกล “ขนาดนั้นเชียวเหรอครับ!?”

“ครับ จากนั้นมาพวกเขาก็ไม่เคยทะเลาะกันอีกเลย อาจจะมีเคืองกันบ้าง โกรธกันบ้างตามประสาแต่ไม่ถึงครึ่งวันก็กลับมาดีกันเหมือนเดิมแล้วครับ”

“ผมทำไม่ได้แหงๆเลยครับ…” ลาซารัสถึงกับเสียงอ่อน สองคนนั้นตัวใหญ่กว่าเขาทั้งคู่ ถ้ากินหมัดเข้าไปคงไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มไม่ต่างจากโนเอลแน่ๆ

“ใช่มั้ยล่ะครับ” พ่อบ้านแอบโล่งใจที่อย่างน้อยๆลาซารัสคงไม่กล้าเลียนแบบแน่นอน

“แต่...ผมจะพยายามนะครับ เพราะงั้นผมขอรบกวนคุณเรนเดลช่วยผมทีนะครับ”

พ่อบ้านสูงวัยแทบช็อคจนหัวใจจะหยุดเต้นกับความกล้าเอาชีวิตไปเสี่ยงของโอเมก้าหนุ่ม ไม่ใช้แค่อีกฝ่ายเท่านั้น ถ้าเจ้านายของตนรู้ว่าเขาสมรู้ร่วมคิดกับแผนนี้ด้วยล่ะก็งานนี้มีหวังโดนไล่ออกจากการเป็นพ่อบ้านก่อนเกษียณตัวเองจริงๆแน่

“...ตกลงครับ แต่ถ้ากระผมตกงานล่ะก็คุณแมทเวย์ต้องรับผิดชอบด้วยนะครับ” ท้ายที่สุดเรนเดลก็ยอมใจอ่อนร่วมมือกับลาซารัสแต่โดยดี แล้วทั้งคู่ก็เริ่มนัดแนะแผนการคืนดีให้กับเจ้านายและเจ้าของตนเป็นมั่นเป็นเหมาะในอีกสามวันถัดมาที่บาร์แห่งหนึ่ง 


(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

“ไม่คิดว่านายจะอยากดื่มเลยนะเนี่ย” ริชาร์ดที่อยู่หลังพวงมาลัยกำลังเลี้ยวรถเข้าไปจอดในสถานที่จอดรถของร้านอาหารกึ่งบาร์แถวชานเมืองแห่งหนึ่ง เป็นที่เงียบสงบและไม่ค่อยมีคนรู้จัก รับแขกรายทางที่เดินทางผ่านไปมาเท่านั้น

“ผมก็ดื่มเป็นนะครับ แค่ไม่เคยลองมา..นั่งดื่มข้างนอก..แบบว่า ทำตัวสบายๆ พักผ่อน อะไรแบบนั้น..” ลาซารัสสรรหาคำมาบรรยายความนึกคิดอย่างยากลำบากจนได้ประโยคแปลกประหลาดออกมาแทนที่

ริชาร์ดเลิกคิ้วแล้วจึงอมยิ้มขบขัน “นายทำตัวแปลกๆนะ ตื่นเต้นหรือไง” โชคดีที่ริชาร์ดมองโลกในแง่ดีพอจะมองข้ามความผิดปกตินี้ไป

“ครับ ผมไม่เคยออกมานั่งดื่มในร้านแบบนี้เลย โอนเนอร์จะซื้อมาให้ดื่มที่บ้านอย่างเดียว”

“โอเค งั้นวันนี้ถือว่ามาพักผ่อนแล้วก็เปิดหูเปิดตาละกัน” ร่างสูงปลดเข็มขัดนิรภัยและถอดแว่นกันแดดออกมาเก็บ ก่อนดึงชายเสื้อเชิ้ตด้านในสูทสีเข้มออกมานอกกางเกง ดึงไทด์ออกไปพร้อมปลดคอเสื้อลงมาราวกับว่าอึดอัดกับเครื่องแบบนี่เต็มทน “...มองอะไร?”

“เปล่าครับ” ลาซารัสตวัดสายตากลับมามองตรงแข็งทื่อ เขาเผลอจ้องนายของตนเพื่อหาช่องทางการเกลี้ยกล่อมจนลืมตัว

“หือ.. เริ่มหลงเสน่ห์เสี่ยแล้วเหรอ?”

“ไม่ครับ!”

เมื่อทั้งสองคนเดินเข้ามาในร้านก็พบบรรยากาศเงียบสงบและผู้คนบางตา ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวสุดๆ พร้อมการตกแต่งเรียบง่าย ลาซารัสเดินนำมาจับจองโต๊ะตัวในที่ค่อนข้างอับสายตาคนอย่างรวดเร็วจนริชาร์ดต้องเดินตามมาให้ทัน

“รีบจังนะ”

“....หิวแล้วน่ะครับ” ร่างโปร่งแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ซึ่งอัลฟ่าที่นั่งตรงข้ามก็ดันไม่นึกสงสัยอะไรเสียด้วย

“งั้นอยากกินอะไรก็สั่งเลย” พนักงานเดินเอาเมนูอาหารมาวางไว้ให้พร้อมแนะนำเครื่องดื่มบางชนิดที่เป็นเมนูแนะนำก่อนจะเดินจากไปเพื่อให้ลูกค้าได้มีเวลาเลือก

ริชาร์ดสั่งรายการอาหารและเครื่องดื่มของตนเสร็จแล้ว แต่ลาซารัสยังเลือกไม่ได้แถมยังคอยเอาแต่ทำท่าทางแปลกๆ อย่างมองนาฬิกาข้อมือไม่ก็เอามือไปแตะโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง

“เป็นอะไรรึเปล่า?” ร่างสูงเอ่ยถามอีกครั้ง เริ่มจับพิรุธอาการผิดปกติของโอเมก้าของตนขึ้นมาตงิดๆ

“ผะ...ผมลืมกินยาน่ะครับ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึง”

“เฮ้ เดี๋ยวฉันไปด้วย”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมมาแป๊บเดียว” ร่างโปร่งลุกพรวดขึ้นแล้วเดินไปยังทางที่ลูกศรชี้ทางไปห้องน้ำ ก่อนจะรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องด้านในสุดแล้วพิมพ์ข้อความหาเรนเดลว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว

“อีกประมาณสิบนาทีเหรอ ทำไงดีล่ะ?” ลาซารัสเริ่มลนก่อนพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่กลิ่นในห้องน้ำชายไม่ชวนให้รู้สึกฮึดขึ้นมาเท่าไหร่จึงเดินออกไปสูดอากาศข้างนอกแทน

เสียงปรบมือของคนในร้านดังขึ้นเมื่อนักร้องรับเชิญขึ้นเวทีมาทำการร้องเพลงและเล่นดนตรีเพื่อสร้างบรรยากาศในร้านให้ครึกครื้น

เสียงดนตรีโฟล์คคลอขึ้นมาพร้อมเสียงทุ้มนุ่มของนักร้องที่สะกดให้คนฟังเคลิ้มตามได้อย่างง่ายดาย ลาซารัสที่กำลังวิตกกังวลเองก็เผลอยืนฟังอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน อาจจะเพราะไม่เคยฟังเพลงเล่นสดๆแบบนี้ เขาจึงตื่นเต้นและสนใจเป็นอย่างมาก “เก่งจัง”

“อืม...เก่งจริงๆนั่นแหละ”

“ว้าก!” ลาซารัสสะดุ้งตัวโยน เผลอส่งเสียงหลงอย่างตกใจเพราะจู่ๆคนที่ไม่คาดคิดก็โผล่มาข้างหลังเขาอย่างเงียบๆ “ค...คุณหมอ…?”

“มาทำอะไรที่นี่?” คาเล็มยกมือขึ้นเท้าเอวอย่างเค้นเอาคำตอบ ด้านหลังมีเรนเดลยืนเหงื่อตกอยู่

“ผม...มาเปลี่ยนบรรยากาศครับ” คนตัวเล็กกว่าถอยออกมาเว้นระยะเล็กน้อยแล้วพยายามทำให้ตัวเองเป็นปกติ

คาเล็มเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งแล้วกวาดตามองไปทั่วร้าน พลันตาสายไปสะดุดกับเพื่อนรักซึ่งนั่งอยู่มุมหนึ่งของร้านเข้าพอดี ริชาร์ดที่ยังไม่เห็นเขาก็กำลังรินเหล้าใส่แก้วใบสวยแล้วบอกให้พนักงานนำไปมอบให้นักร้องเพื่อตอบแทนบทเพลงยอดเยี่ยมที่เพิ่งจะจบลง

“มาเดทกัน?”

“เปล่านะครับ!” ลาซารัสรีบแก้ตัว “อ่ะ...ไหนๆ ก็ได้เจอกันแล้ว คุณหมอกับคุณเรนเดลมานั่งด้วยกันสิครับ”

“ไม่…” ดวงตาหลังกรอบแว่นมองดวงตาสีฟ้าที่จ้องเหมือนจะขอร้องก็ทำเอาประโยคปฏิเสธหลุดกระเด็นหายไปจากปากทันที

...รู้สึกตัวอีกทีก็มานั่งร่วมโต๊ะกันสี่คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อาหารถูกทยอยนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ พนักงานที่ผลัดกันมาเสิร์ฟต่างรู้สึกถึงบรรยากาศมาคุของลูกค้าที่โต๊ะด้านในสุดของร้าน แม้ทั้งสี่คนจะพูดคุยไปพลางกินดื่มเป็นปกติก็จริง แต่คาเล็มกับริชาร์ดก็ไม่แม้แต่จะปริปากคุยกันเลยสักคำเดียว

พูดให้ถูกคือคาเล็มไม่เปิดช่องให้ริชาร์ดได้พูดอะไรกับเจ้าตัวเลยมากกว่า นอกจากนั้นสถานการณ์ยังผิดแผนไปจากที่วางไว้อีก เพราะทั้งคุณหมอและซีอีโอต่างก็คุมปริมาณการดื่มไม่ให้เกินลิมิตที่ร่างกายรับไหว

แล้วจะมอมเหล้ายังไงล่ะทีนี้!!

ลาซารัสหันหน้าไปตั้งใจจะขอความช่วยเหลือจากพ่อบ้านสูงวัย แต่เรนเดลเองก็สายหน้าไม่รู้จะทำยังไงดีเช่นกัน แถมอาหารบนโต๊ะก็เริ่มพร่องลงเรื่อยๆ หากกินอิ่มเมื่อไหร่คุณหมอก็คงจะเช็คบิลเดินออกจากร้านไปทันทีแน่

เป็นไงเป็นกัน วัดดวงให้รู้กันไปเลย!

ลาซารัสหยิบขวดเหล้ามารินใส่แก้วตัวเองแล้วกระดกดื่มเพียวๆ จนเพื่อนร่วมโต๊ะทั้งสามคนหันมามองตาค้าง แถมยังตะโกนสั่งบริกรให้เอาเหล้าดีกรีแรงกว่านี้มาเพิ่มอีก

“ลาซัส! เดี๋ยวก็เมาหัวทิ่มหรอก” คาเล็มปรามเสียงเข้ม แต่ดวงตาสีฟ้าตวัดมองมาด้วยแววตาแข็งกร้าวจนคุณหมอเผลอถอยหลังติดเก้าอี้ไม่รู้ตัว

ริชาร์ดมองเหตุการณ์ตรงหน้าเงียบๆ อยากจะเอ่ยห้ามโอเมก้าของตนอยู่หรอก เพียงแต่ว่าภาพแบบนี้มันทำเขารู้สึกคุ้นตาอย่างประหลาด เมื่อเขาเผลอสบตาเข้ากับคาเล็ม พลันภาพในอดีตเรื่องหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวพวกเขาพร้อมกันราวกับนัดไว้ ทั้งสองคนเปลี่ยนสีหน้าและท่าทีไปสู่โหมดจริงจังขึ้นทันที

“ลาซัส.. ที่นายอยากออกมากินเหล้าวันนี้นี่วางแผนไว้เหรอ?” ริชาร์ดเริ่มตะล่อมถามก่อน เพราะคาเล็มเพิ่งโดนมองแรงใส่เมื่อครู่คงไม่กล้าถามเองอีกสักพักหนึ่ง

“...เปล่าครับ!” ร่างโปร่งหันหน้าหนีแล้วปฎิเสธเสียงแข็งด้วยกิริยาที่น่าสงสัย ดูยังไงก็โกหกอยู่แน่นอน คงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์กระมัง เขาถึงดูก้าวร้าวดื้อด้านขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

คุณหมอหันไปหาพ่อบ้านของตนที่น่าจะเป็นคนเดียวที่สามารถบอกเรื่องที่เคยเกิดขึ้นนี้กับลาซารัสได้ เรนเดลทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างเสียมิได้ เผลอกันแค่เล็กน้อยโอเมก้าเพียงคนเดียวก็ยกแก้วดื่มน้ำเมาเข้าไปจนหมดไปอีกแก้ว และกำลังจะรินเพิ่มอีกต่างหาก ทั้งคาเล็มและริชาร์ดก็รีบคว้าเอาทั้งแก้วและขวดเหล้าหนีออกจากมือเล็กนั่นกันอย่างสามัคคี

“ลาซัส นายทำแบบนี้ไปทำไม” คาเล็มถามเสียงดุขึ้น

“ก็คุณหมอกับคุณริชไม่ยอมคืนดีกันสักที…” ลาซารัสตอบเสียงดังฟังชัด ดวงตาสีฟ้าสดจ้องทั้งคู่สลับกันเหมือนเขาจะเป็นฝ่ายโกรธเสียมากกว่ายังไงยังงั้น

คาเล็มเลื่อนสายตาไปมองเพื่อนรักที่โดนเรียกด้วยสรรพนามแสนสนิทสนมอย่างไม่ชอบใจนัก ริชาร์ดเพียงแค่ยักไหล่แล้วหันไปปรามร่างเล็กกว่าที่ดูจะเริ่มอาละวาดด้วยการพยายามแย่งขวดเหล้าคืน “ไม่ใช่แบบนั้น ที่อยากช่วยเนี่ยพวกเราซึ้งใจนะ แต่ทำไมต้อง...วิธีนี้?”

“ผมนึกอะไรไม่ออกนี่..” ลาซารัสมุ่ยหน้าอย่างไม่พอใจ “เลยลองทำแบบที่มันเคยได้ผลดูเท่านั้นเอง”

“แต่มันเสี่ยงนี่ นายก็น่าจะรู้” อัลฟ่าสูงวัยส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อว่าเด็กน้อยตรงหน้าจะกล้าทำตามสิ่งบ้าบิ่นที่อดีตคนรักของตนได้เคยทำไว้ “ถ้าพวกฉันไม่หยุดมือเหมือนตอนโนเอลล่ะ? หรือนายอาจจะได้รับบาดเจ็บมากกว่าที่โนเอลเคยโดนล่ะ?”

“ผมเตรียมใจไว้แล้วนะ! ผมไม่ชอบใจเลยเวลาคุณสองคนทะเลาะกันแบบนี้” ลาซารัสเริ่มทำตัวเอะอะ ดีที่เสียงดนตรีคลอเคล้ายังคงพอจะกลบเสียงของโอเมก้าคนนี้ได้ ไม่งั้นพวกเขาได้กลายเป็นเป้าสายตาแน่ๆ

“คุณแมทเวย์ สงบสติอารมณ์ก่อนนะครับ” พ่อบ้านที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับคนเริ่มเมาพยายามเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงอ่อน ลาซารัสดูจะใจเย็นลงนิดหน่อยแต่ท่าทางยังไม่ยอมหายพยศง่ายๆ

“ผมแค่...อยากให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม...ผมคิดถึงจูเลียต คิดถึงอาหารที่คุณเรนเดลทำ” พอไม่ได้จับแก้วดื่มเหล้า ร่างโปร่งก็นั่งตัวสั่นและสุดท้ายน้ำตาก็ไหลออกมา “...ผมคิดถึงคุณหมอด้วย...ฮึ่ก”

ทั้งสามเริ่มทำตัวไม่ถูกกับท่าทีของคนที่เปลี่ยนเร็วจนตั้งรับไม่ทัน บริกรของร้านอาหารชะโงกหน้ามาดูกลุ่มลูกค้าที่ดูจะเริ่มส่อแววก่อปัญหา ริชาร์ดเลยเรียกให้มาเช็คบิลอย่างด่วนเพื่อแยกย้ายและพาโอเมก้าของตนกลับบ้าน ก่อนออกจากร้านคนคออ่อนยังไม่วายออกแรงดิ้นงอแงจะขึ้นรถกลับไปกับพวกคาเล็มด้วย


บรรยากาศตลอดทางที่ขับรถกลับคฤหาสน์เต็มไปด้วยความเงียบจนน่าอึดอัด แม้ว่าจะมีเสียงเพลงจากเครื่องเล่นในรถช่วยขับกล่อมก็ตาม ริชาร์ดแอบมองลาซารัสที่เอาแต่หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถ

“ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเวลานายเมาก็เอาเรื่องเหมือนกันนะ” ซีอีโอหนุ่มมองหน้าปัดน้ำมันรถ คาดว่าคงต้องแวะปั๊มเติมสักหน่อย ไม่อย่างนั้นคงกลับไม่ถึงบ้านที่ยังอยู่อีกไกลกว่าจะถึงแน่นอน

“...ขอโทษครับคุณริช” ดวงตาสีฟ้าที่ยังมีคราบน้ำตาเหม่อมองทิวทัศน์ข้างทางอย่างคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“อืม...ช่างมันเถอะ ฉันเข้าใจว่านายคงอัดอั้นมานานพอดู” มือหมุนพวงมาลัยเปลี่ยนเลนก่อนจะกดหยุดเล่นเพลงที่เริ่มฟังไม่เข้าหูแล้ว “อยู่กับฉันนายคงไม่ค่อยมีความสุขสินะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ!” ใบหน้ามนหันมาปฏิเสธ แต่...

“พูดออกมาตรงๆ เถอะ ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเสียน้ำใจหรอก” ริชาร์ดหันมามองเขาและยิ้มให้อย่างเข้าใจ

“...ขอโทษครับ” ร่างโปร่งพูดเสียงค่อยและก้มหน้านิ่ง

“นี่ อย่าขอโทษแล้วเงียบไปแบบนั้นสิ ฉันใจหายนะ” คนพูดถอนหายใจเบาๆ และค่อยๆ เลี้ยวรถขับเข้าไปในปั๊มน้ำมัน ก่อนเปิดประตูลงไปเติมน้ำมันด้วยตัวเอง

“รออยู่นี่นะแป๊บนึงนะ เดี๋ยวฉันเข้ามินิมาร์ทไปซื้อน้ำกับผ้าเย็นให้ นายเอาอะไรเพิ่มมั้ย?”

“ขอเกลือแร่แล้วกันครับ” ลาซารัสบอก ร่างสูงพยักหน้ารับแล้วให้ร่างโปร่งนั่งรออยู่ในรถ หายไปได้สักพักพอเดินกลับมาที่รถก็เห็นคนรอนอนหลับปุ๋ยไปแล้ว

“วันหลังจะไม่ให้ออกมาดื่มข้างนอกอีกแล้ว” ริชาร์ดส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มบาง เขาเอื้อมไปปรับระดับเบาะคนนั่งข้างๆ ให้เอนลงเพื่อให้คนหลับได้นอนสบายมากขึ้นอีกนิด ดวงตาคมมองใบหน้ามนที่หลับสนิทอย่างอดใจไม่ไหวก่อนก้มหน้าลงไปจูบที่ปลายจมูกเบาๆ

“...คุณหมอ…” เสียงพึมพำเบาๆ ถึงคนในฝัน ทำให้อีกคนหยุดชะงักและเผลอขบริมปีปากตัวเองแน่น

“คิดถึงหมอนั่นกระทั่งในฝันแบบนี้ ฉันเองก็หึงเป็นนะ…” มือหนาเชยคางอีกฝ่ายขึ้นเล็กน้อยให้ริมฝีปากเผยอออก ก่อนก้มลงไปแนบจูบลึกล้ำเนิ่นนานจนคนหลับเริ่มละเมอด้วยความอึดอัด

ริมฝีปากถอนออกมาเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะตื่นอยู่รอมร่อ ก่อนจะเดินไปนั่งฝั่งคนขับตามเดิมและขับกลับไปอย่างระมัดระวังกว่าเดิม เหมือนเจ้าตัวจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทำผิดอะไรไป ความละอายใจที่เผลอปล่อยตัวตามใจตัวเองไปเลยเริ่มเกาะกุมหัวใจ

“ไม่กล้าแบบนี้ตอนเขาตื่นอยู่มั่งล่ะริชาร์ดเอ๊ย…”


เมื่อขับกลับมาจนถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย ร่างสูงก็อุ้มคนหลับไม่รู้เรื่องกลับไปที่ห้องเงียบๆ เพราะค่อนข้างจะดึกมากแล้วจึงไม่อยากปลุกอีกฝ่าย ริชาร์ดไขประตูห้องของโอเมก้าในครอบครองเข้าไปเงียบๆ แต่ก็ดังพอให้พวกขนปุยที่นอนกองกันอยู่ที่มุมห้องสะดุ้งตื่นมาต้อนรับได้

“ชู่ว…” อัลฟ่าทำเสียงส่งสัญญาณให้ทุกตัวเงียบเอาไว้ ซึ่งพวกมันก็ถูกฝึกมาดีพอจะเข้าใจสัญญาณนั้น ริชาร์ดวางร่างโปร่งในอ้อมแขนลงกับเตียงอย่างระมัดระวัง แต่ลาซารัสก็รู้สึกตัวปรือตาขึ้นมา

“อือ…?” คนเพิ่งตื่นกระพริบตาปริบและเริ่มมองรอบๆเพื่อสำรวจว่าตนอยู่ที่ไหน

“ขอโทษที่ทำให้ตื่นนะ นอนต่อเถอะ” ริชาร์ดกระซิบเสียงเบาราวกับกำลังกล่อมเด็ก อีกมือหนึ่งดึงผ้าห่มหนาเข้ามาห่มให้มิดชิด

“...ต้องเปลี่ยนชุดก่อน…” ลาซารัสสะลึมสะลือลุกพรวดขึ้นมาทั้งอย่างนั้น ท่าทางฤทธิ์แอลกอฮอล์จะยังอยู่ถึงได้ทำตามใจตัวเองขนาดนี้ คนตัวเล็กกว่ามองผู้พามาส่งอย่างคาดเดาความคิดไม่ได้ “ทำไมคุณริชซกมก จะให้นอนทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อ”

“...ฉันจะเปลี่ยนให้นายได้ไงเล่า” ร่างสูงเอื้อมมือมาขยี้ผมยุ่งเหยิงนั้นเบามือ “ฉันไปนอนล่ะ ราตรีสวัสดิ์นะ”

ร่างสูงลุกออกไปจากห้องนอน ปล่อยให้พวกปุกปุยทั้งหลายดูแลเจ้านายตัวเอง ลาซารัสถอดเสื้อและกางเกงออกก่อนเดินโซเซไปเปิดตู้เสื้อผ้า เจ้าสี่ขาที่อยู่แถวนั้นก็คาบชุดของเจ้านายเอาไปลงตะกร้าให้อย่างรู้งาน ร่างโปร่งสวมชุดนอนเสร็จก็เดินมาแล้วก็ล้มตัวนอนกลิ้งทับเจ้าตัวเล็กที่อยู่บนที่นอนจนร้องเสียงหลง

“อา...ขอโทษนะ…” สิ้นน้ำเสียงที่แทบไม่เหลือสติ ดวงตาสีฟ้าก็ปรือหลับไปอีกครั้ง ทุกตัวที่อยู่ในห้องก็กระโดดขึ้นมานอนข้างๆ เจ้านายที่รักแนบไออุ่นจนแทบไม่ต้องห่มผ้านอน


พอกลับมาถึงที่พัก เรนเดลก็โดนนายน้อยของเขาเอ็ดเอาตามที่คาด แต่ก่อนที่คุณหมอจะได้บ่นพ่อบ้านไปมากกว่านี้ เสียงโทรศัพท์ของชายชราก็ดังขึ้น

“จากคุณริชาร์ดครับ อยากคุยกับนายน้อย” มือที่เต็มไปด้วยรอยย่นส่งมือถือให้เจ้านาย คาเล็มถอนหายใจก่อนจะรับมาแล้วกรอกเสียงลงไป

“มีอะไรก็ว่ามา”

“ดีจังที่นายรับสาย” ริชาร์ดแอบโล่งอกเพราะนั่งลุ้นตั้งแต่ตอนกดเบอร์ว่าอีกฝ่ายจะยอมลดทิฐิมาคุยกับเขาหรือยัง “คาเล็ม ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบวันนี้อีก กลัวว่าลาซัสจะเล่นอะไรแผลงๆ อีก”

“รู้แล้ว ฉันก็ไม่อยากให้เขาเครียดเหมือนกัน” นึกถึงใบหน้าของโอเมก้าที่เคยอยู่ด้วยกันก็ปวดใจขึ้นมา

“งั้นเราก็...ดีกันได้แล้วใช่มั้ย?” ซีอีโอเพื่อนรักนั่งลุ้นรอคำตอบ รู้สึกเครียดยิ่งกว่าตอนประชุมกรรมการผู้ถือหุ้นบริษัทเป็นไหนๆ

“เออ แต่ไม่ได้ทำเพื่อนายหรอกนะ รู้ไว้ซะด้วย” ดวงตาหลังกรอบแว่นตวัดหางตาไปมองพ่อบ้านที่แอบหลุดขำจนเขาได้ยินเสียงกลั้นหัวเราะเหมือนจะขาดใจนั่น

“อา...ไม่เป็นไร ไม่ต้องทำเพื่อฉันก็ได้” คนพูดรู้สึกโล่งใจอีกครั้ง เหมือนได้ยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอกเสียที “เอ่อ...ขอโทษ แล้วก็ขอบใจแทนลาซัสด้วยนะคาเล็ม”

“อือ...แล้วเจอกัน แค่นี้นะ” คุณหมออัลฟ่ากดวางสายแล้วรีบส่งคืนให้พ่อบ้านของตน “มองอะไร? ไปนอนได้แล้ว”

“ครับนายน้อย” ชายชราหยักหน้าให้ก่อนเก็บโทรศัพท์ของตน “ดีใจด้วยที่ได้เพื่อนรักกลับมานะครับ”

“บอกให้ไปนอนไงเล่า!!” ตะโกนเสียงแหวลั่นห้อง จนการ์ดของเออร์แฟนที่เผลองีบหลับอยู่ใกล้ๆ ยังต้องสะดุ้งตื่นกับเสียงของคนพูด

“ไปเจอเรื่องอะไรมาล่ะนั่น” คนนอนพักผ่อนบนโซฟาลุกขึ้นมานั่งแล้วนวดขมับเบาๆ ท่าทางจะเพิ่งหลับไปไม่นานถึงได้เวียนหัวขนาดนี้

“ไม่มีอะไร… แค่ลาซัสทำป่วนนิดหน่อย” คาเล็มเดินไปชงอะไรอุ่นๆกินแก้เครียดในครัว

“ลาซัส?” ด้วยความอยากรู้ที่เอาชนะทุกอาการปวดศีรษะ เออร์แฟนเดินตามอัลฟ่าสูงวัยเข้าครัวไปด้วยและเริ่มเปิดหาน้ำผักที่ตนเอามาใส่ไว้ในตู้เย็นอีกฝ่ายไว้กินตอนกระหาย “...เจ้าหนูนั่นวางแผนเป็นด้วยเหรอ?”

“แผนตื้นๆน่ะ… แต่บ้าบิ่นสิ้นดี”

“แล้วไง คืนดีกับคุณเพื่อนแล้วเหรอ” ใจความที่พอจะยังได้ยินก่อนสติจะตื่นเต็มที่สร้างความสงสัยให้อัยการหนุ่ม

“อืม เห็นแก่ลาซัสนั่นแหละ” กลิ่นมอลล์ลอยอบอวลห้องครัว ในขณะที่มือชงเครื่องดื่ม สายตาก็เลื่อนลอยออกไปไกลเกินกว่าจะเป็นการจับจ้องแก้วตรงหน้า

“คาเล็ม?” เห็นอีกฝ่ายดูผิดปกติเลยลองทักเรียก คุณหมอที่เพิ่งได้สติก็สะดุ้งแล้วหันนตามเสียงเรียกนั้น “เป็นอะไร พ่อเป็ดน้อยร่ายมนตร์อะไรใส่อีกล่ะ”

“เป็ด?”

“ก็เห็นผมกระดกเหมือนหางเป็ด..” มือเรียวยกขึ้นวาดอากาศเป็นทรงที่ตนจำได้เพื่อประกอบคำอธิบาย

“ไม่มีอะไรนี่” คาเล็มยืนนิ่งสักพักก็ยกแก้วมอลล์เดินออกจากครัวแล้วตรงกลับไปที่ห้องของตน ปล่อยให้เออร์แฟนยืนยิ้มอย่างรู้ทันคนเพียงลำพัง

“ออกนอกหน้าแล้ว… แต่คืนดีกันแล้วก็ดี จะได้ทำงานง่ายขึ้นหน่อย”

ผู้ที่ยังตื่นอยู่เดินออกจากบ้านไปทางรถตู้หลายคันที่จอดไว้ในสวนของคาเล็ม แม้เส้นทางจะขึ้นมาลำบาก แต่เหล่าการ์ดก็สามารถหาเส้นทางลับให้ขับขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในเมื่อเจ้านายอยู่ที่นี่ เหล่าลูกน้องก็ต้องมาปักหลักลงเต๊นท์และเปิดรถบ้านคันเล็กไว้สำหรับพักผ่อนผลัดเวรกันด้วย

“จัดตารางนัดคุยเรื่องยาที่จะทดสอบวันพุธหน้าให้รายชื่อเหล่านี้ด้วย” เออร์แฟนยื่นรายนามผู้อาสามาเป็นตัวทดสอบสำหรับยาที่ตอนนี้ยังคงผิดกฎหมายอยู่ “ติดต่อบอกอไว้รึยัง”

“เรียบร้อยแล้วครับ ทางสำนักข่าวขอสัมภาษณ์อีกสองอาทิตย์ ส่วนเวลาจะแจ้งมาภายในพรุ่งนี้ครับ”

“ดี งั้นวันนี้พักผ่อนด้วยล่ะ” เมื่อสั่งงานเสร็จสรรพ ผู้เป็นนายก็เดินไปลูบหัวจูเลียตที่นอนอยู่กับเหล่าการ์ดอย่างเป็นมิตร ทว่าก่อนจะผละตัวจากไปจริงๆ เออร์แฟนเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ “แล้ว..พี่ชายเจ้าคาเล็มล่ะ?”

“ปิดข่าวไว้เงียบสนิทเลยครับ ไม่สามารถทราบการเคลื่อนไหวได้เลย”

“...อันตรายจริงๆ ยังไงก็เฝ้าสังเกตุการณ์ไว้ อย่าให้พลาดอะไรล่ะ”


..เพราะทุกอย่างมันดูราบรื่นจนน่าสงสัย..



ณ คฤหาสน์ตระกูลรอสเกรย์

สองอัลฟ่าชายหญิงคู่หนึ่งกำลังผ่อนคลายอารมณ์อยู่ที่สระว่ายน้ำในตัวบ้าน ก่อนที่คนเป็นน้องสาวจะเปิดบทสนทนาขึ้นมาหลังจากพี่ชายขึ้นมาจากสระ และเดินตรงมานั่งเช็ดตัวที่เก้าอี้สระว่ายน้ำตัวข้างๆ หล่อน

“พี่ใหญ่นี่ก็ใจเย็นอยู่ได้ ขืนปล่อยไว้แบบนี้เดี๋ยวเจ้าคาเล็มกับเออร์แฟนมันก็ทำสำเร็จหรอก” คาเซล่า ผู้เป็นพี่คนที่สามและหญิงสาวที่เป็นอัลฟ่าเพียงคนเดียวในบรรดาพี่น้องของคาเล็มบ่น ‘พี่ใหญ่’ หรือก็คือ ‘ผู้นำ’ คนปัจจุบันของตระกูลอย่างไม่สบอารมณ์ที่ปล่อยให้น้องชายอัลฟ่าคนสุดท้องกลับมาก่อเรื่องให้ปวดหัวได้อีก

“จะบ่นไปให้มันได้อะไรขึ้นมา ยังไงเราก็เคลื่อนไหวอะไรไม่ได้อยู่ดี” คาร์เรย์ พี่ชายอัลฟ่าคนที่สองแต่มีอายุเท่าๆกับคาเซล่าเพราะเกิดในปีเดียวกันปรามอีกฝ่ายให้ลดอารมณ์ฉุนเฉียวลงเสียบ้าง “ยังไงก็ทำอะไรตอนนี้ไม่ได้หรอกถ้าพี่ใหญ่ยังไม่ได้ไพ่ตายมาไว้ในมือ”

“มาตามหาเอาป่านนี้คงจะเจอหรอก” หญิงสาวที่แม้จะอายุมากแล้วหากแต่รูปร่างหน้าตายังคงจัดว่าสวยสะพรั่งเมื่อเทียบกับคนวัยห้าสิบด้วยกัน “ตัวแม่มันน่ะป่านนี้คงแก่ตายไม่ก็เตรียมตอกฝาลงโลงไปแล้ว ส่วนตัวน้องชายก็คงแต่งงานเปลี่ยนนามสกุลไปเป็นชาติแล้วมั้ง”

“จะยังไงก็เถอะ ถ้าพาสองแม่ลูกนั่นมาได้ คาเล็มมันคงจะยอมถอยในที่สุดแหละ ก็เป็นแม่กับน้องชายของมันแท้ๆนี่นา”

“แม่ที่อุ้มน้องชายแล้วหนีออกจากบ้านทิ้งให้ตัวเองเผชิญชะตากรรมในบ้านหลังใหญ่อยู่คนเดียวโดดเดี่ยว เป็นฉันต่อให้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งก็ไม่มีทางญาติดีด้วยได้หรอก” หญิงสาวมากวัยเบือนหน้าจากหนังสือนิตยสารก่อนหันไปหยิบแก้วเครื่องดื่มสีสวยมาจิบแก้กระหาย “พูดถึงคาเล็ม ตกลงเจ้าเด็กโอเมก้าที่มาด้วยกันในงานแต่งตอนนั้นเป็นใครกันแน่นะ ถามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมง้างปากบอก”

“หึ...ใครมันจะบอกให้โง่เล่า พี่ใหญ่เรายิ่งชอบขโมยของเล่นของน้องเล็กพวกเราอยู่ด้วยเธอก็รู้” พูดพลางนอนเอนกายลงบนเก้าอี้ทอดมองสายตาไปเรื่อย “สงสัยชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นสองคนนั่นปรองดองกันได้แหงๆ”

“พี่ใหญ่กับคาเล็มเนี่ยนะ ถ้าเป็นจริงล่ะก็คงเป็นที่วันสึนามิถล่มแน่ๆ” คาเซล่าลุกขึ้นถอดเสื้อคลุมออกแล้วก็ลงไปว่ายน้ำเล่นบ้าง คาร์เรย์เองก็หลุดหัวเราะไปกับคำพูดของอีกฝ่ายที่ดูท่าทางจะเป็นจริงตามนั้น

“ใครจะอยู่ใครจะไปกันนะเกมนี้” เขานอนทอดกายมองท้องฟ้าโปร่งที่แสงแดดแรงจนแทบแยงตาทะลุแว่นกันแดด ต่อให้พี่น้องคนใดคนหนึ่งจะแพ้หรือชนะเขาก็ไม่ใส่ใจนักหรอก แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นเรื่องของสองคนนั้นอยู่แล้ว ขอแค่มันไม่กระทบกับการใช้ชีวิตของตนจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของใครก็ช่างมัน เขาไม่เหมือนกับคาเซล่าที่เอะอะก็ฟังแต่คำสั่งของพี่ใหญ่ เห็นแล้วก็น่าอดสู…

“แต่...เด็กของคาเล็มนั่นก็น่าเอ็นดูไม่เลวเลยน้า”


(ยังมีต่อ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

 
“งือ…” ร่างโปร่งนอนหมดสภาพบนเตียงกว้างที่รอยล้อมไปด้วยเหล่าขนปุยที่ครางหงิงๆ รอบตัวเจ้านาย เพราะลาซารัสดื่มมากเกินไปจึงเกิดอาการแฮงค์ นี่ก็ปาไปครึ่งค่อนวันแล้วแต่ยังไม่สามารถงัดตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียงได้เลย

เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำลายความเงียบ ทว่าลาซารัสไม่มีแม้แต่แรงจะตอบออกไป สักพักหญิงสูงวัยผู้ดูแลความเรียบร้อยของคฤหาสน์เปิดประตูเข้ามาอย่างสงบเสงี่ยม ด้านหลังมีสาวใช้เข็นรถขนถาดอาหารเข้ามาด้วย “คุณแมทเวย์ อาหารเที่ยงมาแล้วค่ะ”

“ขอบคุณครับ แต่ผมยังทานไม่ไหวหรอกครับ” ลาซารัสปรือตามองหญิงสูงวัย

“ยังไม่ดีขึ้นเลยหรือ..” เจสสิก้าขมวดคิ้วอย่างวิตก “ชาร์ล็อต ไปทำน้ำผึ้งมะนาวผสมน้ำขิงให้หน่อยนะ แล้วก็ตามนิน่ากับเจนมาช่วยกันเช็ดตัวคุณแมทเวย์ด้วยนะ”

“เอ๋?” ร่างโปร่งหันศีรษะมามองอย่างตกใจ แต่นั่นทำให้มึนหัวจนต้องหลับตาลงและนิ่งไป

“อย่าเพิ่งขยับตัวเร็วแบบนั้นสิเจ้าคะ”

“ไม่ต้องเช็ดตัวก็ได้ครับ เดี๋ยวหายแฮงค์ผมจะไปอาบน้ำเอง”

“อ๋อ.. ไม่ต้องกังวลนะคะ แค่เช็ดบริเวณใบหน้ากับลำตัวช่วงบนๆเท่านั้นค่ะ ไม่ได้เช็ดทั้งตัว จะช่วยให้สดชื่นขึ้นนะคะ”

“อ่ะ...ครับ…” ตอนนี้ลาซารัสรู้สึกเหมือนเขามีคุณแม่คอยดูแลอย่างไรอย่างนั้น

สาวใช้กลับมาพร้อมกับเครื่องดื่มแก้อาการแฮงค์ให้โอเมก้าหนุ่มค่อยๆจิบจนหมด ก่อนลาซารัสต้องนั่งทำใจอยู่สักพักเพื่อถอดเสื้อท่อนบนให้ผู้หญิงตั้งสามสี่คนช่วยกันรุมเช็ดตัวให้...คุณริชาร์ดเขาไม่อายได้ยังไงกันนะ… แต่ถึงจะปฎิเสธยังไงเจสสิก้าก็ยังยืนยันจะให้เช็ดตัวเพื่อลดอาการลง ทำให้ลาซารัสต้องยอมทำตาม

“คุณแมทเวย์เคยทำงานที่ร้านตัดเสื้อหรือคะ?”

“สูทที่ตัดให้คุณริชาร์ดตัวนั้นดูดีมากเลยค่ะ ซักรีดก็ง่าย”

“อ่ะ...ค..ครับ...ขอบคุณ” ลาซารัสไม่รู้จะตอบคำถามที่ระดมยิงมาอันไหนก่อนดี สาวใช้ที่แม้จะยังดูวัยรุ่นอยู่ แต่ก็ได้รับการอบรมมาดี พวกเธอใช้วิธีชวนคุยอย่างเป็นกันเองเพื่อให้โอเมก้าหนุ่มลดอาการประหม่าลง ซึ่งก็ได้ผล เพราะลาซารัสดูไม่เกร็งเหมือนคราแรกแล้ว

“ฝึกทำขนมเป็นอย่างไรบ้างแล้วคะ”

“ค่อยๆดีขึ้นแล้วครับ”

“ดีจัง อีกสักพักก็คงทำได้หลากหลายขึ้นแล้วสินะคะ”

“เห็นว่าขับรถเป็นแล้วด้วยใช่มั้ยคะ เท่จังเลย”

“ข...ขอบคุณครับ”

“พวกเธอ ค่อยๆพูดสิ คุณแมทเวย์ยังมึนหัวอยู่เลย” เจสสิก้าเริ่มปราม แม้จะเห็นว่าลาซารัสดูชอบใจที่โดนผู้หญิงมองว่าเขาดูสมชายชาตรีมากขึ้นก็ตาม “ขออนุญาตนะคะ”

“คุณริชาร์ดล่ะครับ?” ชายหนุ่มเพียงคนเดียวในห้องถามหาเจ้านายของตน ปกติริชาร์ดต้องเข้ามาวอแวในห้องเขาบ้างหากไม่เห็นเขาลงไปที่ห้องอาหารในตอนเช้า ก่อนจะหลับตาลงให้เจสสิกาเช็ดตามใบหน้าได้ถนัด

“ไปสนามยิงปืนค่ะ เดี๋ยวเย็นๆก็กลับแล้ว”

“เอ๋? สนามยิงปืน??”

“ค่ะ คุณผู้ชายไปซ้อมทุกเดือน แต่เดือนก่อนประสบอุบัติเหตุไปก็เลยงด คุณแมทเวย์เพิ่งจะรู้สินะคะ”

“อืม……”


ริชาร์ดที่กำลังเก็บของเตรียมกลับบ้านก็เปิดโทรศัพท์เช็คข้อความ ปรากฎข้อความจากโอเมก้าในครอบครองของตนเขียนทิ้งไว้ เขามองข้ามทั้งอีเมลและข้อความจากคนอื่นๆเสียสิ้นแล้วรีบเปิดอ่านอย่างตื่นเต้นระคนดีใจที่ลาซารัสส่งข้อความมาทั้งที่พอรู้ว่าริชาร์ดตั้งใจจะจีบตนก็พยายามหลบหน้ามาตลอดแท้ๆ

‘ผมอยากลองยิงปืนด้วยครับ!’

“...ห้ะ? โน่ว!!” ร่างสูงเผลอร้องเสียงหลงจนสมาชิกคนอื่นๆหันมามอง ริชาร์ดกำลังจะพิมพ์ตอบข้อความ แต่พอคิดดูอีกที...โทรไปเลยดีกว่า อยากได้ยินเสียงที่ไม่ได้ฟังมาตั้งแต่เช้า!

“ครับคุณริช?” ลาซารัสที่อาการดีขึ้นเยอะแล้วรับสายจากอัลฟ่าเจ้าของตน

“จะเปลี่ยนจากทำขนมมาหัดยิงปืนแทนเหรอ ขี้เบื่อง่ายจังน้า” ริชาร์ดแกล้งหยอกคนที่โทรไปหา

“เปล่านะครับ ผมแค่อยากเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างไว้เท่านั้นเอง อีกอย่างเรื่องยิงปืนนี้ผมจะได้เอาไว้ป้องกันตัวด้วย” โอเมก้าหนุ่มให้เหตุผลที่ฟังขึ้น ถึงจะมีเหตุผลแอบแฝงในใจเพราะอยากดูเท่ด้วยส่วนหนึ่งก็ตาม

“อืม...แต่ถึงจะยิงปืนเป็นแต่นายก็ต้องมีใบอนุญาตนะถึงจะพกปืนติดตัวอย่างถูกกฏหมายได้ ไหนจะต้องส่งเอกสารขอทำเรื่องอีก ยุ่งยากน่าดูเลยนะ”

“...ไม่ได้จริงๆ เหรอครับ” น้ำเสียงอ่อนจนฟังดูน่าเห็นใจ ทำเอาคนถือสายพูดอยู่อยากบินกลับบ้านไปลูบหัวปลอบซะเดี๋ยวนี้เลย

“เอ่อ...จะว่าได้มันก็ได้อยู่หรอกนะ” ซีอีโอหนุ่มแอบเกาหัวตัวเองครุ่นคิด “แต่ว่า...ฉันนึกว่านายจะกลัวปืนไปแล้วซะอีกนะ”

พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็พาลนึกย้อนไปถึงวันที่เกิดเรื่องที่ไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่ มือหนาลูบแผลเป็นที่ขาซึ่งตัวเขาเป็นคนยิงใส่ตัวเองเมื่อครั้งก่อน “แต่ถ้านายอยากยิงปืนจริงๆ ต้องสัญญากับฉันมาก่อนเรื่องนึงนะ”

“อะไรเหรอครับ?” ร่างโปร่งถามและตั้งใจฟังสิ่งที่อีกคนกำลังจะพูด

“...ใช้มันเพื่อปกป้อง อย่าใช้เพื่อทำลาย”

“เอ๋??” ลาซารัสลากเสียงด้วยความสงสัย แต่ก็...พอจะเข้าใจความหมายแฝงลึกๆนั้นอยู่บ้าง

“แค่นี้แหละ ทำได้ใช่มั้ย?” อัลฟ่ามากวัยถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“ได้ครับ!” ลาซารัสตอบเสียงหนักแน่น เขาก็คิดง่ายๆตื้นๆเพียงแค่อยากทำตัวให้ดูเท่หรือแค่อยากเรียนรู้ ถ้าการใช้งานล่ะก็… นอกจากป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกลากไปทำมิดีมิร้ายง่ายๆเหมือนเมื่อครั้งงานแต่งพี่ชายของคุณหมอ เขาก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะต้องใช้มันฆ่าใคร…

“คราวนี้หวังว่าจะมีดวงเหมือนขับรถนะ”

“ใช้คำว่ามีฝีมือสิครับ!”

“ฮ่าๆ เหมือนๆกันนั่นแหละ ดวงก็เป็นพรสวรรค์อย่างนึงเหมือนกันนะ” ริชาร์ดเริ่มเอ่ยแซวอย่างอารมณ์ดีผิดกับความจริงจังเมื่อครู่ “หายดีแล้วเหรอ โทษที เมื่อเช้าก็กะจะเข้าไปปลุก แต่คิดว่านายคงยังไม่อยากตื่นหรอก”

“ครับ.. เวียนหัวหนักพอดูเลย..”

“ก็ดื่มไปขนาดนั้นนี่ ว่าไป..เดี๋ยวฉันต้องไปปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนมะรืนนี้ นายสนใจไปด้วยมั้ย?”

“ให้ผมไป? จะดีเหรอครับ?” ลาซารัสเลิกคิ้ว เขาเอนตัวลงพิงเก้าอี้ตัวใหญ่ในห้องนอนและพับปิดหนังสือในมือไปอย่างสนอกสนใจ “มันน่าจะเป็นส่วนตัวเกินกว่าจะให้คนนอกเข้ารึเปล่า?”

“คนนอกอะไรเล่า..นายก็….”

“.......คุณริช…”

“ขอโทษๆ ก็...ไม่เชิงส่วนตัวหรอก หมอนี่มันชอบจัดงานยิ่งใหญ่เกินจำเป็นอยู่แล้ว” ริชาร์ดรีบเปลี่ยนเรื่อง กำลังจะหลุดปากไปอยู่แล้วว่าลาซารัสเป็นโอเมก้าของเขา ..ซึ่งเจ้าตัวดูไม่ชอบใจเท่าไหร่ “อีกอย่าง หมอนี่ก็เป็นคนที่ไม่ชอบการกดขี่โอเมก้าหรอก ปกติเวลามีงานปาร์ตี้ที่บ้านมันก็จะจัดห้องรับรองสำหรับโอเมก้าโดยเฉพาะด้วย มีเบต้าคอยดูแลอยู่”

“อืมมมม…” ลาซารัสลากเสียงยาวอย่างไม่สบอารมณ์นัก ซึ่งคนที่อีกปลายสายก็ดูออก

“ไม่เอาน่า เผลอไปนิดเดียวเอง…”

“แล้วคุณริชจะพาผมไปในฐานะอะไรล่ะครับ” ลาซารัสถามเสียงนิ่ง แต่ความนิ่งแบบนี้ทำเอาอัลฟ่าเจ้าของชีวิตตัวแข็งทื่อ

“....ย...ยังไม่ได้คิด..” ริชาร์ดเกาหัวและตอบส่งๆไปก่อน

“ไปด้วยก็ได้นะครับ ถ้าคุณริชกลัวจะเหงาน่ะ” สุดท้ายลาซารัสก็ตัดสินใจจะไปด้วย ไหนๆก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ออกไปเปิดหูเปิดตาเพิ่มเติมบ้างคงไม่เป็นไร และริชาร์ดก็ยืนยันเรื่องความปลอดภัยแล้ว คงไม่มีอะไรต้องห่วง

“โอเค งั้นเจอกันมื้อเย็นนะ” เมื่อวางสายไปริชาร์ดก็เข่าอ่อนลงไปทรุดนั่งอยู่ข้างรถของตัวเอง ร่างสูงก้มหน้ากอดเข่าเหมือนกำลังเรียกขวัญกอดปลอบตัวเองหลังจากโดนโอเมก้าของตัวเองดูออกว่าจะพาไปเปิดตัวในฐานะโอเมก้าของเขา “ไม่ยอมเปิดช่องให้เลยแฮะ ตั้งแต่วันนั้นก็ทำตัวดุขึ้นเยอะเลยน้า”

วันนั้นที่ริชาร์ดพูดถึงคือวันที่เขาสารภาพความนึกคิดของตัวเองให้ลาซารัสฟัง หลังจากนั้นเขาก็โดนเว้นระยะมาตลอด แม้อีกฝ่ายจะเผลอตัวบ้างแต่ก็ไม่ยอมให้เขาได้มีโอกาสทำคะแนนใดๆเลย

“เจ้าคาเล็มน่าอิจฉาชะมัดเลยน้อ…” พอพูดถึงเพื่อนรัก โทรศัพท์ก็มีเสียงโทรเข้ามาทันที “คาเล็ม?”

ซีอีโอหนุ่มรับสายจากเพื่อนทันที

“จะพาลาซัสไปไหน?” เสียงของคุณหมอที่เอ่ยปลายสายฟังดูมีน้ำโหไม่ใช่เล่นๆ

“เฮ้ย!! นี่ถึงกับโทรไปฟ้องนายเลยเหรอ!?” ริชาร์ดหน้าเหวอไม่คิดว่าโอเมก้าของตนจะทำแบบนี้ นี่เขาต้องขออนุญาตคาเล็มพาเด็ก(?)ของตัวเองออกไปเที่ยวงั้นเหรอเนี่ย!? โอ้มายก็อด!

“...ระวังอย่าให้หมอนั่นเมาจนก่อเรื่องอีกล่ะ” คาเล็มเตือนเพื่อนในเรื่องที่เพิ่งจะเจอด้วยกันไปหมาดๆ “พกยาไปให้พร้อมด้วยจะได้ไม่เกิดเรื่อง อีกไม่กี่วันหมอนั่นต้องมาร่วมทดสอบยาแล้ว ถ้าดื่มมากเกินไปเดี๋ยวจะเป็นปัญหาทีหลัง”

“อา...จะระวังให้นะ” ริชาร์ดให้สัญญากับเพื่อนรัก “เออนี่...ลาซัสบอกว่าอยากยิงปืนน่ะ”

“รู้แล้ว เพิ่งจะมาขออนุญาตฉันก่อนโทรไปบอกนายนี่เอง”

“อะไรว้า...ทำไมนายได้รู้ข่าวก่อนฉันอีกเนี่ย ไม่ยุติธรรมเลย” คาเล็มฟังเสียงริชาร์ดแล้วเห็นภาพอีกฝ่ายเป็นเด็กชายร้องงอแงเอาแต่ใจ...ไม่ได้น่าเอ็นดูเลยสักนิด

“ตกลงว่านายจะเป็นคู่แข่งฉันแทนแล้วใช่มั้ย?” คุณหมออัลฟ่าชักเริ่มสงสัยในตัวเพื่อนสนิทว่าจะคิดไม่ซื่อกับอดีตโอเมก้าของตนเข้าแล้ว

“เอ่อ...โทษทีๆ ปากมันไวไปหน่อย”

“ฉันฝากดูแลลาซัสด้วยก็แล้วกัน เพราะเป็นนายหรอกฉันถึงได้ไว้ใจอีกครั้ง” เอ่ยจบคุณหมออัลฟ่าก็กดวางสายแล้วลอบยิ้ม ปล่อยให้เพื่อนรักยืนทึ้งหัวตัวเองเป็นคนบ้าในสนามฝึกยิงปืนอยู่อย่างนั้น

“ไอ้คนขี้โกงงงงงง”


หลังจากวางสายจากคาเล็มไป ลาซารัสก็ยังคงนั่งจ้องมือถือของตัวเองอยู่สักพัก.. เขากำลังคิดไม่ตกเรื่องของริชาร์ด..ว่าเขาควรจะบอกคาเล็มดีหรือไม่ เรื่องที่ริชาร์ดเริ่มคิดเลยเถิดไป…. แต่บอกแล้วจะได้อะไรนอกจากทำให้สองคนนั้นแตกหักกันหนักข้อยิ่งกว่าเดิม.. หรือถ้าคิดในแง่ดี พวกเขาอาจจะได้คุยกันใหม่เข้าใจไปเสียแต่เนิ่นๆ?

“ไม่กล้าบอกอีกแล้ว…” ร่างโปร่งถอนหายในพลางลูบสุนัขบนตักสองตัวที่พยายามเบียดตัวอยู่บนนี้ทั้งคู่ ส่วนที่เหลือเองก็นอนเกลือกกลิ้งอยู่แทบเท้าของเขา

ตั้งแต่ที่ริชาร์ดสารภาพออกมา เขาก็คิดมาตลอดว่าจะบอกคาเล็ม..แต่ไม่มีโอกาสไหนเลยที่เขาสามารถพูดได้ เรียกว่าไม่เหมาะจะดีกว่า.. “หรือปิดไว้อย่างนี้ต่อไปดี” อย่างน้อยๆก็ควรบอกเรนเดลหรือเปล่านะ? ...แต่ก็ไม่มั่นใจว่าคาเล็มจะอยู่แถวนั้นหรือเปล่านี่สิ ทำไมเรื่องแบบนี้มันจัดการยากนักนะ!?

“คุณริชจะโดนคุณหมอว่าอะไรมากมั้ยเนี่ย” มือหนึ่งเอื้อมลงไปลูบหัวสก็อตที่มานอนกองอยู่ด้วย “พยายามไม่ทำให้คุณริชคิดอะไรเกินเลยเพิ่มแล้วแต่ก็เหมือนจะไม่ได้ผลเลยแหะ… แถมทำตัวแบบนี้ไม่ชอบเลย หือ?”

เสียงข้อความดังขึ้นมา ลาซารัสจึงเปิดมือถือขึ้นมาดู ปรากฎข้อความจากริชาร์ดที่ส่งมาพร้อมภาพสติ๊กเกอร์ร้องไห้ว่า ‘ทำไมต้องฟ้องคาเล็มด้วย ฉันไม่ได้จะลักพาตัวนายไปทำอะไรไม่ดีนะ’

โอเมก้าหนุ่มแอบหัวเราะแล้วพิมพ์ตอบกลับไปทันที ‘ก็คุณทำตัวน่าสงสัยนี่ครับ คุณลุงโรคจิต’

‘ฉันยังไม่แก่ขนาดนั้นนะ!’

‘คุณสนใจเรื่องนั้นมากกว่าที่โดนด่าว่าโรคจิตอีกเหรอ!?’

‘โดนนายด่ามันไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก แต่ฉันยังหนุ่มยังแน่นน่า!’

‘โรคจิตแล้วยังมาโซด้วย!!’

ระหว่างที่ลาซารัสกับตอบข้อความกับริชาร์ดอยู่ เจสสิก้าก็เดินเข้ามาเพื่อเอาอาหารว่างมาให้ หญิงสูงวัยที่คราแรกกะจะร้องทักชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นอกระเบียงห้องนอนนั้นกลับต้องชะงักแล้วยิ้มบางๆออกมา เธอวางถาดอาหารว่างไว้ที่โต๊ะตัวเตี้ยที่กลางห้องนอนและเดินออกไปเงียบๆ

เพราะเธอไม่อยากขัดจังหวะลาซารัสที่กำลังยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขนั้นเลย


TBC.





*****************************************************************************************

ลงตอนหน้าได้อีกตอนเดียวก็จะหมดสต็อกที่อัพรายวันได้อีกแล้ว  :hao5: ต้องขอหายไปแต่งมาเพิ่มกันก่อนนะคะ //ที่มาอัพได้ทุกวันนี่เพราะกาวกันไว้ครึ่งค่อนปีแล้ว มาช่วงหลังๆที่เราทั้งคู่งานยุ่งจนยังไม่ได้เขียนตอนใหม่เพิ่ม แต่จะไม่ให้รอนานเกินไปนะคะ  :katai4:

ออฟไลน์ Tuffina

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตามอ่านรวดเดียวจนจบเลยค่ะ สนุกมากกกก ลาซัสน่ารักอ่ะ ฮื้อออ คาเล็มไม่ยอมทำคะแนนจนตอนนี้จะปันใจให้ริชาร์ดมาเป็นพระเอกแทนแล้วนะ 55555 รอตอนต่อไปนะคะ :L2:

ออฟไลน์ M_Y MILD

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฮีทสิลาซัส ริชาต์ดจะได้จัดการกับแก ว้ายยย ริชาต์ดคือพระเอก :hao7:

ออฟไลน์ Spenguin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อย่าทิ้งกันเกินอาทิตย์น้าค้า :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ความสุขเล็กๆของลาซัสสส งื้ออ

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

บทที่ 11



เสียงดนตรีรื่นเริงเปิดดังกระหึ่ม อีกทั้งแสงไฟระยับจนแสบตาและดีเจรับเชิญชื่อดังยังมาเล่นเพลงสร้างสีสันให้กับเหล่าคนที่กำลังยืนดิ้นกันสะบัดลืมวัย ถ้าไม่บอกว่าทั้งหมดที่ว่านี้จัดในบ้านพักส่วนตัวล่ะก็ ลาซารัสคิดว่าตัวเองคงโดนริชาร์ดหลอกพามาเที่ยวผับเป็นแน่

ส่วนอีกด้านของงานที่เห็นคนกำลังเต้นๆ ดิ้นๆ ตะโกนร้องเพลงกันอยู่นั่น ดูแล้วคนที่อายุน้อยสุด(ไม่นับตัวเขา)ก็น่าจะเกินสามสิบกันทั้งนั้น แต่เพลงที่เปิดนี่นึกว่าอยู่ในคอนเสิร์ตเคป๊อบยังไงยังงั้น จี๊ดกันไปไหนครับ!

ไม่ต้องพูดถึงตัวเขาที่นั่งจุ้มปุ๊กอยู่ใกล้ๆ บริเวณโต๊ะอาหารค็อกเทล ชุดสูทดูดีที่อุตส่าห์เลือกมาใส่กลายเป็นว่าแทบจะกลมกลืนไปกับบริกรที่อยู่ในงานจนโดนทักผิดไปตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้ว!

“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องแต่งเต็มยศขนาดนี้ก็ไม่เชื่อ” ริชาร์ดยิ้มขบขันใส่คนที่พามาด้วยพลางยกแก้วเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ขึ้นจิบหลังจากเพิ่งไปเต้นเรียกเหงื่อกับเจ้าของวันเกิดมา “อย่างน้อยก็ถอดเสื้อสูทออกดีมั้ย?”

ร่างโปร่งส่ายหน้าปฏิเสธ “ถ้าเกิดผมถอดแล้วเผลอเอาไปวางไว้ที่อื่นเดี๋ยวเสื้อก็หายกันพอดีสิครับ”

“แล้วทำไมไม่ไปอยู่ที่ห้องรับรองล่ะ?” ริชาร์ดหยิบอาหารมาใส่จานแล้วลากเก้าอี้ไปนั่งใกล้ๆ ลาซารัส

“ผม...กลับห้องไม่ถูกครับ” คำตอบเหนือความคาดหมายทำเอาร่างสูงสำลักจนอาหารเกือบติดคอ “ก็...ที่นี่มันกว้างไปหมด ผมเดินออกมาเข้าห้องน้ำแล้วพอจะกลับ อยู่ดีๆก็มีคนมาลากออกไปยกอาหารที่ครัว ผมเลยบอกว่าไม่ใช่บริกรเขาก็ขอโทษ พอผมจะเดินกลับห้องรับรองก็ไม่รู้จะเดินไปทางไหน...”

ริชาร์ดยกน้ำขึ้นดื่มจนกลับมาหายใจหายคอคล่อง และกล่าวขอบคุณพระเจ้าที่ลาซารัสไม่โดนอัลฟ่าที่ไหนหิ้วไปซะก่อน ไม่งั้นคาเล็มได้จับเขาไปผ่าร่างสดๆ แถมไม่เย็บแผลให้ด้วยแน่นอน!

“งั้นเดี๋ยวพาไปส่งที่ห้อง ฉันรู้ทาง” ร่างสูงยืนขึ้นแล้วจับมืออีกคนให้เดินตาม แต่เพิ่งจะรู้ตัวว่าไม่ควรเลยรีบปล่อยมือออก “โทษที...ลืมตัวอีกแล้ว”

“...ไม่เป็นไรครับ” ลาซารัสค่อยๆชักมือกลับราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเดินตามร่างสูงไปอย่างว่าง่ายพลางมองสำรวจรอบคฤหาสถ์หลังโตไปด้วย เจ้าของบ้านหลังนี้ตกแต่งบ้านจนแทบจะกลายเป็นปราสาทอยู่แล้ว ด้านอกนั้นมองเห็นอ่าวขนาดใหญ่สวยงามและรอบบ้านล้วนเป็นสวนสวยกว้างขวาง ประดับด้วยน้ำพุเป็นระยะๆ ซึ่งภาพลักษณ์ผิดกับปาร์ตี้ลืมโลกแบบนี้สุดๆ…

“อ่ะ ถึงแล้ว” ริชาร์ดเรียกสติคนตัวเล็กกว่ากลับมาและพามาหยุดหน้าห้องรับรองที่เป็นประตูขนาดไม่ใหญ่มาก “ปล่อยแขนฉันได้รึยัง?”

“หือ?” ลาซารัสเลิกคิ้วสงสัยและก้มมองแขนของริชาร์ด...เขารีบดึงมือตัวเองออกมา ไม่รู้ว่าเผลอไปเกาะแขนร่างสูงตั้งแต่เมื่อไหร่ “ขอโทษครับ!”

“อืม.. งั้นถือว่าหายกันเนอะ?”

“หายกันอะไรล่ะ ผมไม่ได้คิดมากซะหน่อย คุณก็จับมือจับแขนผมเป็นปกติตั้งแต่อยู่กับคุณหมอแล้ว”

“อย่าพูดงี้สิ ฉันดูเหมือนพวกโรคจิตเลยนะ”

“ใกล้ๆเคียง… ขอบคุณที่มาส่งครับ” ลาซารัสรีบเดินกลับเข้าไปในห้องโดยไม่หันกลับมามองคนที่พามาเลยแม้แต่นิด

ด้านในห้องรับรองที่จัดแยกให้นั้นมีเฉพาะโอเมก้าหรือคนขับรถคนสนิทของผู้มางานวันเกิด แม้จะดูเหมือนแบ่งแยก แต่ลาซารัสก็รู้สึกปลอดภัยสุดๆในห้องนี้ แถมโอเมก้าคนอื่นก็ไม่ได้ดูเหมือนโดนเจ้าของกดขี่ใดๆ ซ้ำยังมีหลายคนที่ดูเหมือนสภาพร่างกายและความเป็นอยู่จะดีพร้อม...เหมือนเขา..

เสียตรงที่เขาไม่รู้จักใครเลยนี่สิ

ลาซารัสเดินไปแอบนั่งอยู่มุมห้อง ดนตรีเบาๆคลออยู่ทำให้ที่นี่ดูสงบกว่าสถานที่เมื่อครู่อย่างผิดหูผิดตา บางคนก็เริ่มจับคู่เค้นรำกับคนรู้จักเหมือนอยากสร้างบรรยากาศให้ห้องรับรองเฉยๆ ส่วนใหญ่ก็นั่งหรือยืนจับกลุ่มคุยกันอย่างเป็นมิตร ลาซารัสมองภาพตรงหน้าแล้วก็แอบคิดว่าพวกเราไม่ได้แตกต่างอะไรกับอัลฟ่าเหล่านั้นเลยแท้ๆ…

“หือ? นั่นมัน?” ลาซารัสสะดุดตากับนักร้องที่อยู่บนพื้นต่างระดับข้างนักดนตรี เหมือนจะเคยเห็นคนๆนี้มาก่อน “คุณนักร้องที่ร้านอาหารนี่นา”

ชายหนุ่มร่างกายขนาดพอๆกับเขาและมีผมสีแดงเด่นสะดุดตา บวกกับสีผมสุดแสบตาที่ถูกย้อมไว้ด้านใน ถูกเผยให้เห็นด้วยการมัดรวบขึ้นไปครึ่งค่อนศีรษะ หากจำไม่ได้ก็คงต้องไปให้หมอตรวจสมองเสียหน่อยแล้ว

ลาซารัสรอจังหวะที่เสียงเพลงจบลงตามด้วยเสียงปรบมือของโอเมก้าทุกคนในห้องที่มอบให้กับผู้ขับร้องเงียบลง เมื่อวงโคฟเวอร์ทั้งกลุ่มหยุดการเล่นดนตรีเพื่อพักดื่มน้ำทานอาหารว่าง ร่างโปร่งก็ถือโอกาสเดินเข้าไปทักทายนักร้องหนุ่มที่หันหน้ามาทางเขาพอดี

“ขอเพลงเหรอครับ? รอนิดนะครับขอพักกันแป๊บนึง”

“เอ่อ...เปล่าครับไม่ได้จะขอเพลง” เสียงนุ่มพยายามผ่อนคลายไม่ให้ตนเกร็งจนเกินไป “ผมลาซารัส แมทเวย์ครับ”

“...โคลวิสครับ” แนะนำตัวเองให้ผู้มาใหม่รู้จักพร้อมกับชี้แนะนำตัวเพื่อนแต่ละคนในวง จากนั้นก็ได้รับเชิญให้มานั่งเก้าอี้ร่วมวงคุยกันอย่างเป็นกันเอง “เอ?...เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า?”

นักร้องหัวสีสุดจี๊ดหันมามองลาซารัสอย่างคับคล้ายคับคลาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เพื่อนๆ ที่อยู่รอบๆ เลยเอ่ยแซวว่าจะจีบคนเพิ่งเจอหน้ากันเลยรึไง

“จะบ้าเรอะ โอเมก้าเหมือนกันจะจีบไปเพื่อ?” โคลวิสหันไปเอามือตีไหล่มือกีตาร์ที่เป็นคนแซวตน

“ครับ ผมเคยเห็นคุณไปร้องสดที่ร้านอาหารแถวชานเมือง” ลาซารัสตอบแล้วยิ้มเขินๆ แต่โคลวิสก็ยังรู้สึกตงิดๆ ว่าตนต้องเคยเห็นหน้าอีกฝ่ายมาก่อนหน้านั้นแล้วแน่ๆ แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกนี่สิ 

“นี่ๆ ปกตินายงานทำอะไรเหรอ?” มือคีย์บอร์ดผู้อยากรู้อยากเห็นถามลาซารัสบ้าง “ปกติพวกเรามีงานประจำของตัวเองน่ะ แต่พอมีคนติดต่อเข้ามาก็จะมารวมตัวกันเล่นดนตรีเหมือนงานนี้แหละ อย่างโคลวิสนี่เห็นแบบนี้แต่งานหลักของเขาคือเป็นบาริสต้านะ”
“ยอดไปเลยครับ!” ดวงตาสีฟ้าหันไปมองนักร้องนำอย่างชื่นชมที่กำลังเอาไมค์ไล่เคาะหัวเพื่อนที่พูดมาก “เมื่อก่อนผมเป็นช่างตัดเสื้อน่ะครับ”

“เมื่อก่อน?” นักร้องและนักดนตรีอีกสองคนหันมามองคนพูด

“คือ...ตอนนี้ไม่ค่อยได้ทำแล้วน่ะครับ แต่ตอนว่างๆ ผมก็หัดขับรถกับฝึกทำขนมบ้าง อ่ะ...ชอบอ่านหนังสือด้วยครับ” โอเมก้าหนุ่มพยายามหาเรื่องชวนคุย “ว่าแต่พวกคุณทำวงกันมานานแล้วเหรอครับ?”

“ไม่กี่ปีมานี่เอง ได้โคลวิสมาช่วยรวมตัวให้”

หลังจากเริ่มคุยกันสักพักลาซารัสก็ลดอาการเกร็งลง ร่างโปร่งดูดีใจมากที่ได้เพื่อนเพิ่มขึ้นและทุกคนก็เป็นกันเอง สุดท้ายจึงแลกเบอร์และอีเมล์กันไว้เผื่อคุยเล่นหรือนัดเจอกันใหม่

“นายเป็นโอเมก้าเหรอเนี่ย ไม่บอกนี่ดูแทบไม่ออกเลยนะ”

“ก็เบต้าอย่างนายไม่ได้กลิ่นเขานี่” โคลวิสยักไหล่แล้วดื่มน้ำอุ่นจนหมดแก้ว “แต่ภายนอกก็ดูไม่ออกจริงๆนั่นแหละ ปกติต้องตัวเล็กจิ้มลิ้ม ดูนุ่มนิ่มกว่านี้..”

“เอ่อ...ชมใช่มั้ยครับ?” ลาซารัสเอียงคอสงสัยไม่มั่นใจว่าหนุ่มหัวสีข้างๆตนต้องการจะสื่ออะไร เพื่อนร่วมโต๊ะคนอื่นจึงหลุดขำกันออกมาเสียงดัง

“ชมสิ! เอ้อ ว่าแต่มากับใครเหรอ” โคลวิสเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพราะเห็นปลอกคอสีสวยบนคอของเพื่อนใหม่

“เอ่อ...คุณริชครับ.. ริชาร์ด เบอร์ตั้นน่ะครับ”

เมื่อลาซารัสตอบออกไป ทั้งโต๊ะก็เงียบลง หลายคนกระพริบตาปริบและหันไปหาโคลวิส ร่างโปร่งหันตามไปมองอย่างสงสัย นักร้องผมสีคนนั้นมองเขาด้วยความอึ้งเล็กน้อยก่อนจะกลับมาหาเรื่องพูดทำลายความเงียบ “อ่อเหรอ ก็ดูเหมาะกันดีนี่”

“....” ลาซารัสกระพริบตาระรัวอย่างทำตัวไม่ถูก จะบอกว่าไม่ใช่สถานะแบบนั้นก็กระไรอยู่เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน จึงทำได้แค่ปิดปากเงียบ

“เห็นครองโสดมาตั้งนาน นึกว่าอยากนั่งเล่นบนคานจนแก่เฒ่าซะอีก”

“เอ๋? คุณโคลวิสรู้จักคุณริชเหรอครับ?”

“หึหึ.. ก็นิดหน่อย” โคลวิสยิ้มอย่างมีนัยยะแล้วลุกขึ้นเพราะมีพนักงานมาแจ้งว่าถึงเวลาโชว์ต่อแล้ว “ไว้เจอกัน”

“ห้ะ? อ่ะ...แล้วเจอกันครับ” ลาซารัสเองก็ไม่ควรจะนั่งอยู่ตรงนี้ต่อก็ลุกออกจากโต๊ะทานอาหารของเหล่านักดนตรีแล้วเดินกลับไปที่ส่วนกลาง

“เพลงนี้ สำหรับอวยพรให้เพื่อนใหม่ของผมนะครับ”

ลาซารัสรู้ทันทีว่าเสียงที่ประกาศผ่านไมค์ด้วยน้ำเสียงนุ่มนั้นกำลังพูดถึงตัวเขาแน่นอน บทเพลงไพเราะผ่อนคลายขับขานมาให้อย่างเข้ากับบรรยากาศ ลาซารัสทำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนยิ้มให้คนบนเวทีที่ไม่แม้แต่จะหันมามองเขาด้วยซ้ำ

แต่เพลงยังไม่จบดีนัก โทรศัพท์ของโอเมก้าหนุ่มที่ยืนหลบอยู่ที่มุมห้องก็สั่นแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้า ริชาร์ดส่งมาว่ากำลังจะกลับแล้ว ให้เขาเตรียมตัวได้..

“ยังไม่ได้บอกลาพวกเขาเลย...แต่ส่งข้อความทิ้งไว้ก็ได้มั้ง”

ลาซารัสเดินออกจากห้องรับรองไปเงียบๆโดยไม่ได้หันกลับมาเห็นว่าโคลวิสที่อยู่บนเวทีนั้นกำลังมองตามเขาไปด้วยสายตาแสนเศร้าอยู่…


“เป็นยังไงบ้าง” ริชาร์ดยืนรออยู่ที่ทางเดินใกล้ๆเอ่ยทักเมื่อโอเมก้าของเขาเดินมาหา

“ก็ดีครับ ผมเจอนักร้องที่เราเจอในร้านอาหารวันก่อนด้วยล่ะ”

“หือ? อ๋อ โคลวิสเหรอ? ไม่ยักรู้ว่าหมอนั่นรับงานที่นี่ด้วย”

“รู้จักกันเหรอครับ” ลาซารัสถามอยากใคร่รู้และเดินตามผู้เป็นเจ้าของของตนไปที่สนามหญ้าหลังคฤหาสถ์ซึ่งตอนนี้กลายสภาพเป็นลานจอดรถหรูหลายต่อหลายคัน

“หมอนั่นทำงานที่ตึกฉันน่ะ เป็นบาริสต้าในร้านกาแฟประจำตึก” ริชาร์ดแจกแจง “ชงได้อร่อยมากๆเลยล่ะ”

“งี้นี่เอง...เอ๊ะ..ร้านกาแฟ?” ร่างโปร่งเหมือนฉุดคิดอะไรได้ ภาพความทรงจำเมื่อครั้งที่เขาพาสก็อตไปหาริชาร์ดถึงตึกนั้นลอยกลับเข้ามาในหัว สองเท้าหยุดก้าวตามคนข้างหน้าไปเสียดื้อๆจนอัลฟ่าที่เดินนำต้องหันกลับมามองอย่างสงสัย “เอ่ะ...อ่ะ! อ๋าาา!!”

“เป็นอะไรน่ะ!?” จู่ๆลาซารัสก็ร้องเสียงหลงออกมาทำเอาริชาร์ดถึงกับสะดุ้งแล้วรีบเดินเข้าไปประชิดตัว

“คือ...คือ…อาจจะเคยเห็นผมอยู่กับคุณหมอตอนที่ไปตึกคุณริชก็ได้ เพราะเขาบอกว่าคุ้นๆหน้าผมด้วย” ร่างเล็กกว่ายกมือขึ้นทึ้งผมอย่างแรง “แต่...เมื่อกี้ผมตอบไปว่าผม…เป็นโอเมก้าของคุณริชอ่ะ…”

“อ่ะ...เหรอ” แม้จะกังวลเหมือนกับคนพูด แต่พอได้ยินคำว่าโอเมก้าของเขา รอบๆตัวริชาร์ดก็เหมือนจะมีดอกไม้โปรยลงมาแปลกๆ….

“ทำยังไงดีครับคุณริช!?” ลาซารัสสับสนและลนลานจนเหมือนสติไม่อยู่กับตัว ร่างสูงจับบ่าอีกคนให้ใจเย็นๆ ก่อน

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจัดการเอง นายไม่ต้องกังวลไปหรอกนะลาซัส” มืออุ่นลูบไปบนเรือนผมสีน้ำตาลปลอบโยน “ป่ะ เรากลับบ้านกันเถอะนะ”

ดวงตาสีฟ้าเก็บความกังวลไว้ในใจก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรายชื่อที่เพิ่งเมมเข้าไปล่าสุด อุตส่าห์คิดว่าได้เจอเพื่อนใหม่แล้วทั้งที แต่ดันเกิดเรื่องแบบนี้ซะได้


เช้าวันต่อมา ริชาร์ดเดินเข้าบริษัทตั้งแต่หัววันจนพนักงานเฝ้ายามยังนึกว่าเช้านี้ลมอะไรหอบมา ซีอีโอที่นานๆทีจะเข้าบริษัทถึงได้มาเร็วผิดปกติ อย่าบอกนะว่าหุ้นกำลังจะตก!?

ร่างสูงเดินไปที่ร้านกาแฟซึ่งยังไม่เปิดดี แต่ก็มีพนักงานและลูกค้าประจำบางส่วนมายืนเข้าแถวต่อคิวรอจนแถวยาวไปเกือบสิบคน ริชาร์ดเองก็ไปยืนต่อคิวกับเค้าด้วย แม้ว่าพนักงานที่จำเจ้านายได้จะขยับตัวลัดคิวให้ แต่ซีอีโอก็ยกมือและส่ายหน้าปฏิเสธไม่ขอรับน้ำใจนี้

ผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาทีริชาร์ดก็ได้คิวสั่งกาแฟ พอโคลวิสเงยหน้าขึ้นมารับออร์เดอร์ถึงกับชะงักเพราะปกติลูกค้ารายใหญ่คนนี้แทบจะไม่มาซื้อกาแฟที่ร้านด้วยตัวเองเลย

“รับอะไรดีครับ?” แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพจึงยิ้มต้อนรับลูกค้าได้อย่างไม่ติดขัด

“ขอ...เอสเปรสโซ่แก้วนึงแล้วกัน” มองเมนูอยู่นานก่อนเงยหน้าขึ้นมาสั่งและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร บาริสต้าหนุ่มรับรายการและบอกให้ไปนั่งรอที่โต๊ะก่อนเดี๋ยวจะยกไปเสิร์ฟให้ แต่ริชาร์ดเลือกที่จะยืนรอ ทำเอาพนักงานและเจ้าของร้านแอบเกร็งเพราะคิดว่าเจ้าของตึกมาตรวจดูเพื่อประเมินการบริการของทางร้าน

แต่จนกระทั่งลูกค้าได้กาแฟและจ่ายเงินออกไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น โคลวิสแอบโล่งใจ ก็คงแค่มาซื้อกาแฟเฉยๆนั่นแหละ ทว่าพอไปยืนตรงที่เครื่องคิดเงินนับแบงค์ที่เพิ่งได้มาจากลูกค้า ปรากฏว่ามีเศษกระดาษเล็กๆเขียนชื่อและเบอร์ส่วนตัวพร้อมข้อความสั้นๆแนบมาว่าว่างแล้วให้โทรหาด้วย

จู่ๆ บาริสต้าหนุ่มก็ช็อคเหมือนโดนฟ้าผ่าลงกลางตัวจนแทบล้มลงกลางร้าน นับว่ายังโชคดีที่มีสติพอจะบริการลูกค้าต่อได้โดยไม่เผลอชงกาแฟผิดสูตรไปซะก่อน

“ทำไมจู่ๆคุณริชาร์ดก็เดินมาซื้อกาแฟเองล่ะ ปกติจะให้เลขามาสั่งให้แท้ๆ” บาริสต้าอีกคนยื่นหน้ามาถามอย่างสงสัย

“ฉันก็อยู่กับนายตรงนี้ จะไปรู้ได้ไงล่ะ” โคลวิสขมวดคิ้วใส่เพื่อนร่วมงานพร้อมเก็บกระดาษนั้นลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว และทำหน้าที่ของตนต่อไปจนกว่าจะถึงเวลาเลิกงาน


ริชาร์ดนั่งมองหน้าจอคอมที่กำลังเปิดโปรแกรมคุยกับลูกค้าเรื่องงานที่เพิ่งได้รับมา ความจริงจะส่งให้เหล่าหัวหน้าแต่ละแผนกทำไปเลยก็ยังได้ แต่เขาอยากหาอะไรทำเพื่อให้เลิกคิดเรื่องลาซารัสบ้างเท่านั้น

ครืด...ครืด….

เสียงมือถือสั่นเรียกเป็นสัญญาณว่ามาสายเข้าซึ่งเขาก็พอจะเดาได้ว่ามาจากใคร “ไง”

“สวัสดีครับ...คุณริชาร์ด?” เสียงที่อีกปลายสายคือโคลวิสที่ดูยังลังเลว่าโทรถูกคนหรือเปล่า

“ใช่ๆ ฉันเอง” ร่างสูงเปลี่ยนมานั่งยกเท้าขึ้นพาดกับเก้าอี้สำหรับรองเท้าที่ตั้งไว้ข้างๆ “เอ่อ เท้าความก่อนเลยนะ นายจำลาซารัสได้มั้ย?”

“อ๋อ เจ้าหนูคนนั้นเอง” โคลวิสพยักหน้าทั้งที่ยังงุนงงอยู่

“ไม่ใช่เจ้าหนูนะ อายุพอๆกับนายนั่นแหละ”

“ครับๆ ว่าแต่ทำไมเหรอ?” เสียงปลายทางแอบหาวเบาๆ ท่าทางจะไม่ได้สนใจเรื่องที่กำลังจะคุยกันเท่าไหร่ “เมื่อวานไม่มีใครจีบโอเมก้าของคุณหรอกครับ ไม่ต้องห่วง”

“เปล่าๆ ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก” แต่ได้ยินบาริสต้าหนุ่มพูดแบบนี้ก็แอบโล่งใจอยู่ สายตาใต้กรอบแว่นที่จะใส่เฉพาะเวลาทำงานมองไปยังนาฬิกาตั้งโต๊ะของตนที่บอกว่าใกล้ได้เวลาเลิกงานแล้ว “นายปิดร้านรึยัง?”

“ครับ?” ตอบรับและไม่วายสงสัยว่าอีกคนจะอยากรู้ไปทำไม

“งั้นรอฉันสัก 10 นาทีที่ร้านนายนะ เดี๋ยวออกไปหาอะไรกินแล้วนั่งคุยกันหน่อย”

“เอ๋!!?” โคลวิสรีบเอามือปิดปากหลังจากเผลอร้องเสียงหลงจนเพื่อนที่อยู่ด้วยหันมามอง “ดะ เดี๋ยวก่อนนะครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

“เรื่องก็คือ ฉันหิว แล้วเรื่องที่จะคุยกับนายมันก็ยาวเอาเรื่องอยู่ เพราะงั้นไปกินข้าวกัน อ่ะ! แต่นายจะปฏิเสธก็ได้ถ้าไม่สะดวกใจจะไปกับฉัน แล้วนี่ก็ไม่ใช่คำสั่งอะไรด้วย” ซีอีโอหนุ่มรีบออกตัวเพราะเดี๋ยวจะโดนหาว่าใช้อำนาจโดยใช่เหตุ “ถ้าตกลงล่ะก็นายจะเลือกร้านเองก็ได้ เดี๋ยวฉันเป็นเจ้ามือเลี้ยงเอง”

“เอ่อ…” โคลวิสหัวหมุนติ้วเมื่อโดนยิงคำถามรัวๆ พอหันไปขอคำปรึกษาเพื่อนอย่างด่วนว่าจะทำยังไงดี ทางนั้นก็ยกนิ้วให้บอกว่าสู้ๆ นะ...สู้กับผีอะไรเล่า!!

“เดี๋ยวฉันเก็บของก่อนนะ นายก็คิดไว้จนกว่าฉันจะเดินไปถึงแล้วกัน” ริชาร์ดตัดบทเอาดื้อๆ ก่อนกดวางสายแล้วตรวทานงานอยู่อีกสักพักก่อนเซฟแล้วกดปิดคอมพิวเตอร์ของตน

“มันอะไรกันวะเนี่ย!?” บาริสต้าหนุ่มจะกำลังจะเป็นบ้าจนแทบอยากจะวิ่งออกนอกตึกมันซะเดี๋ยวนี้

“เป็นโอกาสดีเลยไม่ใช่เหรอโคล นายเองก็ชอบคุณริ…”

“โอกาสดีบ้าบออะไร เขามีโอเมก้าของตัวเองอยู่แล้วเฟ้ย!” หันไปว้ากใส่เพื่อนร่วมงานที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเพราะยังไม่ได้เล่าให้ฟัง

“อ้าว!? แล้วเขามาจีบนายทำไมเนี่ย?” เพื่อนบาริสต้าด้วยกันทำหน้าเสียดายแทน

“ไม่ได้จีบ! แค่มีเรื่องจะคุยด้วยเฉยๆ” พยายามพูดอย่างไม่เข้าข้างตัวเอง แต่ต่อให้มาจีบจริงๆ ก็ไม่ดีใจหรอกตอนนี้น่ะ...

“...เฮ้อ นึกว่าทางนั้นจะติดใจรสชาติกาแฟของนายจนอยากได้ไปเป็นคนชงให้ดื่มทุกเช้าที่เตียงแล้วซะอีก” เห็นทางนั้นเล็งคุณอัลฟ่าซีอีโอมาตั้งหลายปีแต่ไม่ยอมรุกเข้าหาสักที นึกว่าเทพแห่งเมล็ดกาแฟจะยิงศรใส่ให้ซะแล้ว

“ถ้ายังไม่หยุดปากมากเดี๋ยวพ่อจะจับหัวโขกกับเครื่องคั่วกาแฟเดี๋ยวนี้แหละ!” โคลวิสเงื้อมือขึ้นทำท่าเหมือนจะจับหัวเพื่อนโขกจริงๆ แต่เพื่อนร่วมงานเองก็อยู่ด้วยกันมานานพอจะรู้ว่าเจ้าตัวแค่ขู่เฉยๆเท่านั้น “ระวังปากแกหน่อย คุณริชาร์ดเค้ามีโอเมก้าของตัวเองแล้ว เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิดเอา..”

“เออๆ โทษที” ปกติแล้วอัลฟ่าจะมีโอเมก้าในครอบครองกี่คนก็ได้ เพียงแต่คนทั้งบริษัทแทบทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจว่าริชาร์ดไม่ใช่อัลฟ่าแบบนั้น และนั่นอาจเป็นที่มาของความฮ็อตของเขาเองโดยไม่รู้ตัว…


(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

“ขอโทษที่ต้องรบกวนนายนะ” ริชาร์ดเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสบายๆหลังจากสั่งอาหารเสร็จ ทั้งคนโดนชวนและคนชวนนั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ร้านโปรดของโคลวิสที่มักจะมาทานประจำเนื่องด้วยราคาไม่สูงและอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน จนแทบจะเป็นขาประจำอยู่แล้ว

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้ยุ่งอะไร” คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าเบาๆและยื่นใบเมนูคืนพนักงาน

“งั้นเอ่อ.. ขอเข้าเรื่องเลยได้มั้ย?” ริชาร์ดไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เจ้าตัวเลือกบริเวณด้านในสุดของร้านเพื่อไม่ให้ใครได้ยินเรื่องที่คุยกันเพื่อความเป็นส่วนตัว “พอดีเรื่องมันค่อนข้างซับซ้อน...แล้วก็ยาวพอสมควร”

“ได้ครับ ไม่มีปัญหา”

“ก็...ลาซัส...เอ่อ ลาซารัสน่ะ จริงๆแล้ว ก่อนหน้านี้เค้าไม่ได้เป็นโอเมก้าของฉัน” ร่างสูงโน้มตัวเข้ามาและเท้าคางลงกับโต๊ะอาหาร “...แต่จะบอกว่าตอนนี้เป็นของฉัน ก็ไม่ใช่เชิง..”

“?..” หนุ่มผมแดงเลิกคิ้วสงสัย ชักเริ่มสนใจว่านายจ้างของตนจะเล่าอะไรต่อไป

“พอดีว่าเพื่อนของฉันเป็นคนรักกับลาซารัส.. แต่มีเรื่องนิดหน่อย ค่อนข้างจะเป็นเรื่องใหญ่แล้วก็อันตราย เขาก็เลยต้องส่งลาซารัสมาอยู่กับฉันก่อน ซึ่งก็ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่..” ริชาร์ดยักไหล่ เล่าอย่างรวบรัดและพยายามไม่พูดถึงรายละเอียดของเรื่องราว ก่อนจะเงียบลงเพราะพนักงานมาเสิร์ฟน้ำให้ “ก่อนอื่นเลย นายพอจะคุ้นหน้าหมอนั่นมั้ย?”

“เหมือนจะคุ้นครับ แต่อาจจะไปเหมือนใครเข้าก็ได้ วันๆนึงผมเจอคนตั้งไม่รู้กี่ร้อยคน” โคลวิสยักไหล่แล้วยกแก้วขึ้นดื่ม “คุณคงไม่ลากมาเพื่อคุยเรื่องแค่นี้ใช่มั้ยครับ”

“ไม่ๆ ตอนนี้ต้องการให้นายเข้าใจสถานะทางนี้ก่อนน่ะ ส่วนหลังจากนี้คือ อยากขอความช่วยเหลือนิดหน่อย”

“ความช่วยเหลือ?” ร่างเล็กแอบสะดุ้งและนั่งหลังตรงโดยไม่รู้ตัว หัวใจพองโตเมื่อเห็นคนที่แอบปลื้มมาตลอดทำท่าทางคิดไม่ตก

“ตอนนี้ลาซารัสอยู่กับฉันก็จริง… แต่เขากับเพื่อนของฉันก็ยังรักกันอยู่ ส่วนปัญหาน่ะ…” ริชาร์ดเม้มปาก เหมือนพยายามรวบรวมความกล้ายังไงยังงั้น โคลวิสเห็นท่าทางแบบนั้นแล้วก็แอบรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ “ฉันดัน เผลอตัวไปรักโอเมก้าคนนั้นเข้าจริงๆซะแล้ว”
มือที่ถือแก้วน้ำชะงักไปเล็กน้อยแต่ไม่ได้ดูออกจนผิดสังเกต โคลวิสลอบมองสีหน้าของอัลฟ่าตรงหน้าเขาที่มีท่าทางเขินนิดหน่อย ซึ่ง...เขาไม่เคยเห็นซีอีโอคนนี้เป็นแบบนี้มาก่อนเลย

“แล้ว...คุณอยากจะให้ผมช่วยอะไรครับ?” มือวางแก้วลงบนที่รองแก้วด้วยเกรงว่าจะเผลอได้ยินอะไรชวนช็อคจนทำหลุดมือเข้า ถึงขนาดลงทุนมาคุยด้วยตัวเองแบบนี้ท่าทางจะเรื่องใหญ่พอดู

ริชาร์ดประสานมือกันไว้ที่หน้าตักพลางบีบมือแน่นก่อนตัดสินใจพูดออกไป “ขอตรงๆ ไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกัน นายช่วยฉันคิดวิธีจีบลาซัสหน่อยสิ”

อึ้ง…

“...จีบ?” โคลวิสทวนประโยคที่เพิ่งได้ยินจากปากคนตรงหน้า “ปกติแล้ว...จำเป็นด้วยเหรอครับ?”

“หือ? ทำไมพูดอะไรแปลกๆงั้นล่ะ?” ริชาร์ดทำหน้างง เขาว่าตัวเองก็พูดตรงๆแล้วนะ เข้าใจยากตรงไหนเนี่ย....

“ไม่ใช่แบบนั้นครับ...คือ แบบว่า ปกติแล้วอัลฟ่าแทบไม่มีความจำเป็นต้องทำเรื่องแบบนั้นเลย เท่าที่ผมเคยเห็นมาน่ะ” บาริสต้าหนุ่มพูดอธิบายโดยพยายามไม่ให้ฟังดูเสียมารยาทจนเกินไปนัก

“อืม...จะบอกว่าอัลฟ่าปกติแล้วเค้าไม่จีบโอเมก้ากันว่างั้นสิ?” ริชาร์ดสรุปจากคำพูดของโคลวิส ซึ่งทางนั้นก็พยักหน้ารับแต่โดยดี “สงสัยฉันคงจะเป็นอัลฟ่าที่ไม่ปกติล่ะมั้ง ฮ่าๆๆ”

ร่างสูงหัวเราะยิ้มกว้างซะจนเห็นฟันเรียงกันสวย โคลวิสก็เผลอมองตามและจ้องอยู่สักพัก จนกระทั่งอาหารที่สั่งไปเริ่มทยอยถูกนำมาเสิร์ฟ ทั้งคู่จึงลงมือทานกันก่อน แม้ว่าจะไม่ได้หรูหรามากมายเหมือนกับอาหารญี่ปุ่นในโรงแรมที่ซีอีโอหนุ่มมักจะได้ทานบ่อยๆ แต่ก็ถือว่ารสชาติดีมากเมื่อเทียบกับราคาที่คนระดับกลางสามารถจ่ายได้

“คุณอยากจะจีบเขา ทั้งๆที่รู้ว่าเขาเป็นคนรักของเพื่อนคุณน่ะเหรอ?” โคลวิสคีบซาซิมิแซลมอนจิ้มวาซาบิก่อนส่งเข้าปากตัวเอง “แบบนั้นจะไม่มีปัญหาเอาทีหลังหรือครับ?”

“ฉันรู้ว่ามันต้องเป็นปัญหาทีหลัง” ริชาร์ดถือตะเกียบค้างไว้ขณะกำลังเล็งว่าจะคีบชิ้นไหนมากิน “แต่ฉันก็อยากจะลองเสี่ยงดูสักครั้ง ถ้าหากถึงตอนนั้นแล้วลาซัสยังเลือกที่จะกลับไปอยู่กับเพื่อนของฉัน ฉันก็จะปล่อยเขาไป”

“...แต่พวกเขาก็รักกันแล้วนะครับ… คุณยังคิดจะเอาชนะใจเขาอีกเหรอ” คำพูดของโคลวิสแอบแฝงความผิดหวังเล็กๆที่ไม่ยากเกินสังเกตไว้

“...มันดูแย่จริงๆนั่นแหละ” ริชาร์ดหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะคีบซาชิมิกิน “จะเรียกมือที่สามก็ไม่ผิดอะไร”

“แล้วลาซารัสเขาคิดยังไงบ้างล่ะครับ” เห็นอีกฝ่ายเริ่มลงมือทานก็หยิบตะเกียบมาคีบเนือปลาชิ้นสวยเข้าปากบ้างพลางถามถึงคนที่อีกฝ่ายกำลังหาทางมัดใจอยู่

“ไม่มีทีท่าว่าจะยอมใจอ่อนเลย” คนตัวใหญ่ลู่ไหล่ห่อตัวอย่างน่าสงสาร “แถมยังดูพยายามทำตัวเหินห่างด้วย”

“อา…” ภาพผู้เป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างในตึกระฟ้าที่เขาทำงานอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันกำลังหดหู่น่าเห็นใจนี้ดูแปลกตาจนคนเห็นทำตัวไม่ถูก “งั้นขอบอกก่อนนะครับ ผมไม่ขอช่วยเหลือกรณีนี้ เพราะเห็นแล้วว่าคุณเป็นคนแส่หาเรื่องก่อน ผมไม่อยากสนับสนุนเรื่องการแย่งของๆคนอื่นมาน่ะ”

“อ่าฮะ เข้าใจๆ จริงๆแค่มาฟังฉันระบายบ้างก็ขอบใจมากแล้ว” ริชาร์ดน้ำตาตกใน แต่มันก็ไม่ได้เกินคาดแต่อย่างใด เขาเตรียมใจจะโดนต่อว่ามากกว่านี้ด้วยซ้ำ

“แต่ผมขอชมเรื่องที่คุณไม่ใช้สิทธิ์ในการเป็นเจ้าของทำอะไรๆตามใจตัวเองนะครับ” โคลวิชยกถ้วยมิโสะขึ้นซดก่อนจะพูดปลอบ “ขอบคุณที่ให้เกียรติพวกเรานะ..”

โคลวิส หรือชื่อเต็มว่า โคลวิส เดนิส เป็นโอเมก้าที่ภาายนอกและการใช้ชีวิตเหมือนกับเบต้าจนคนอื่นแทบจะไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นโอเมก้า

โคลวิสเติบโตมาในบ้านหัวสมัยใหม่ที่ไม่ศรัทธาในระบบที่กดขี่โอเมก้า และเขาเป็นลูกคนกลางในบรรดาพี่น้องอัลฟ่าที่ได้รับการดูแลจากทั้งพ่อแม่อย่างดีไม่ต่างจากพี่หรือน้อง และได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยการใช้ยาระงับอาการฮีทและน้ำหอมดับกลิ่นฟีโรโมนมาตลอด

เมื่อเข้าเมืองกรุงมาหางานทำก็ได้งานบาริสต้าในร้านคาเฟ่ในตึกของริชาร์ดพอดี

“อืม เรื่องแบบนั้นน่ะ ก็อยากให้หายๆไปสักทีน่ะ”

พอเห็นริชาร์ดแสดงด้านที่หาดูได้ยากสำหรับเหล่าอัลฟ่าออกมาแบบนี้ โคลวิสก็เผลอใจอ่อนจนได้ “งั้นขอถามสักนิดนะครับ ลาซารัสเขาอยู่กับเพื่อนคุณนานรึยัง”

“น่าจะ...สองเดือนมั้ง” ระหว่างที่คุย ริชาร์ดก็เริ่มหยิบเมนูมาดูต่อ ท่าทางจะยังไม่อิ่ม

“....เอ่อ…”

“หือ?”

“เขารักกันในสองเดือน?”

“อ่าฮะ” ริชาร์ดยกมือขึ้นเรียกพนักงานเพื่อสั่งอาหารเพิ่ม “เอาแซลม่อนโรลรมควัน เซ็ทซูชิวากิว กับไข่ม้วนครับ..นายเอาอะไรเพิ่มมั้ย?”

“เอาซาชิมิหมึกขาวครับ ...ขอผมถามหน่อยสิ ลาซารัสเขาเคยเป็นของใครหรือเคยรักใครมาก่อนหน้านี้มั้ยครับ?”

“...รู้สึกจะไม่เคยนะ” ริชาร์ดขมวดคิ้วและมองไปทางอื่นเหมือนกำลังนึกถึงทุกเรื่องที่คุยกัน

“เพื่อนของคุณริชาร์ดนี่คืออัลฟ่าคนแรกที่เขาเคยอยู่ด้วยใช่มั้ยครับ?”

“ใช่” ทีแรกริชาร์ดยังไม่เข้าใจที่โคลวิสถาม ทว่าเมื่อนั่งนึกดีๆอีกครั้งถึงความเชื่อมโยงของมัน เขาก็ชะงักมือที่กำลังคีบเนื้อปลาจนมันหล่นตกลงไปอยู่ในจานดังเดิม “...อ่ะ…”

...แบบนี้ถือว่าช่วยยุยงหรือเปล่านะ...

มือใหญ่วางตะเกียบลงแล้วหันไปหยิบน้ำชามาดื่ม เรื่องที่เขาพูดไปทีแรกว่าอยากให้อีกฝ่ายช่วยเรื่องจีบโอเมก้าในครอบครองของตนนั้นก็แค่หาเรื่องคุยแก้ขัดไปก่อนจะเข้าเรื่องจริงจัง แต่ตอนนี้ดันกลายเป็นว่ามีประเด็นให้น่าขบคิดยิ่งกว่าเดิม

“นี่มัน...ป๊อบปี้เลิฟชัดๆเลย…” แม้อายุของคนถูกพูดถึงจะเลยวัยที่จะใช้คำๆนี้เรียกไปแล้ว แต่ว่านี่คงสื่อความหมายได้ดีที่สุดหากจะให้เปรียบเทียบกับความรักของโอเมก้าหนุุ่มคนนั้น

“...ถ้างั้น ฉันก็พอจะหวังได้สินะ” ใบหน้าที่มีรอยยิ้มน่าอดสูก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มของคนที่เริ่มมองเห็นแสงสว่างรำไร ส่วนบาริสต้าหนุ่มก็นึกอยากตบปากตัวเอง ดูเหมือนคำพูดของตนจะไปจุดประกายไฟแปลกๆให้คนที่เป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวซะแล้วสิ

อาหารชุดใหม่มาเสิร์ฟเพิ่ม แต่โคลวิสดูจะไม่เจริญอาหารเหมือนตอนแรกสักเท่าไหร่ มือที่ถือตะเกียบคีบเนื้อรสเลิศเข้าปากแต่เคี้ยวไปแล้วเหมือนลิ้นมันไม่รู้รสชาติยังไงยังงั้น

“เป็นอะไรไป อิ่มแล้วเหรอ?” ส่วนริชาร์ดที่กระเพาะทำงานดีเป็นพิเศษก็กำลังกินเอาๆ “ถ้าไม่ค่อยหิวจะสั่งเอากลับบ้านมั้ย?”

“ไม่เป็นไรครับ พอดีทานเร็วไปหน่อยเลยจุก” แน่นอนว่าสาเหตุที่จุกไม่ใช่เพราะของกินอย่างเดียว… “งั้น...แบบนี้ผมคงไม่ต้องช่วยเหลืออะไรคุณแล้วสินะครับ”

“อืม...เรื่องจีบน่ะช่างเถอะ แต่อีกเรื่องนี่ยังไงก็ต้องรบกวนนายนะ”

“ยังมีอีกเหรอ เอ่อ...ผมหมายถึง ยังมีเรื่องสำคัญเรื่องอื่นอีกสินะครับ”

ร่างสูงพยักหน้ารับก่อนกลืนโรลแซลมอนชิ้นสุดท้ายเข้าปากและดื่มน้ำตาม “สำคัญมากๆเลยล่ะ คือ...นอกจากนายแล้วฉันก็ไม่รู้ว่ายังมีคนอื่นที่เชื่อว่าลาซารัสเป็นโอเมก้าของฉันจริงๆ อยู่รึเปล่า ถ้าเกิดมีคนสงสัยขึ้นมามันจะเป็นเรื่อง ตอนนี้อาจจะยังไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนะ แต่ฉันอยากให้แน่ใจก็เลยจะป้องกันเอาไว้ก่อนน่ะ”

“พูดตรงๆ มาเลยก็ได้ครับว่ามีคนที่คิดว่าคุณกำลังโกหกพวกเขาอยู่อย่างนั้นล่ะสิ” สีหน้าและท่าทางของโคลวิสที่อ่านขาดทำเอาริชาร์ดรู้สึกทึ่งในตัวคนร่วมโต๊ะอยู่ไม่น้อย “ตอนที่ได้ยินว่าคุณมีโอเมก้าในครอบครองแล้ว บอกตามตรงว่าผมเองก็เกือบไม่เชื่อเหมือนกัน เพราะมันไม่มีวี่แววมาก่อนหน้านี้เลยว่าคุณจะมีคู่เป็นของตัวเอง”

“ใช่...ถูกอย่างที่นายพูด แต่รายละเอียดมันค่อนข้างซับซ้อนซึ่งฉันคงเล่าไม่ได้ในตอนนี้ แต่เอาเป็นว่าถ้าหากนายเห็นคนพวกนี้หรือมีใครมาถามก็ช่วยบอกไปทีว่าลาซารัสเป็นคู่ของฉันจริง แล้วหลังจากนั้นนายก็ติดต่อมาหาฉันทันทีตามเบอร์ที่ให้ไปก่อนหน้านี้นั่นแหละนะ”

หลังการสนทนาที่จริงจังและรับประทานอาหารกันจนอิ่มหนำสำราญผ่านไป ทั้งคู่ก็ได้แยกย้ายกันกลับ เพราะโคลวิสปฏิเสธที่จะให้ไปส่งเนื่องจากที่พักของเขามันอยู่คนละทางกับทางกลับบ้านของริชาร์ด



“ลืมบอกไปเลยแฮะว่าจะกลับช้า แถมยังกินจากข้างนอกมาแล้วอีก”

ริชาร์ดกลับมาถึงคฤหาสน์ช้ากว่าปกติไปมาก ไม่ใช่แค่เพราะพาเพื่อนใหม่(?)ไปเลี้ยงข้าวเย็น แต่ยังแวะซื้อดอกไม้ระหว่างทางติดมือกลับมาด้วย

ไม่ได้จะโรแมนติกอะไร...ก็แค่อย่างน้อยๆ ถ้าเกิดโดนบ่นก็จะได้ใช้แทนคำขอโทษนั่นล่ะ

ร่างสูงเดินกลับเข้าบ้านและโดนเจสิก้าบ่นไปตามระเบียบที่ไม่ยอมโทรบอกก่อนเรื่องทานอาหารเข้ามาแล้ว ทว่าเขากลับไม่เห็นลาซารัสเลย

“คุณแมทเวย์กลับเข้าไปพักผ่อนแล้วค่ะ อ่ะ แล้วเขาก็ฝากขนมให้คุณผู้ชายด้วย” แม่บ้านกวักมือเป็นสัญญาณให้สาวใช้นำขนมในถาดมาให้ ทาร์ตไข่ที่ริชาร์ดเคยบอกไปเมื่อครั้งก่อนยกมาเสิร์ฟ.. ท่าทางลาซารัสจะลองทำอีกแล้ว

แต่วันนี้รสชาติมันดีขึ้นยังไงไม่รู้สิ…

ริชาร์ดก้าวมาหยุดหน้าห้องของโอเมก้าหนุ่ม ตัวเลขบนนาฬิกาข้อมือปาไปเกือบห้าทุ่มแล้ว ไม่แน่ใจว่าลาซารัสจะยังตื่นอยู่รึเปล่า แต่เจ้าของบ้านก็ทำใจเคาะไป ..แต่รออยู่พักหนึ่งก็ยังไร้เสียงตอบรับจากอีกฝั่ง.. ร่างสูงจึงถอนหายใจและหันหลังกลับ ทว่า เสียงปลดล็อกกุญแจก็ดังขึ้นแล้วประตูบานสวยค่อยๆแง้มออกมาต้อนรับความคาดหวังของเขา

“มีอะไรเหรอครับ” ลาซารัสโผล่หน้าออกมาหาด้วยท่าทางสะลึมสะลือ เหมือนเพิ่งจะหลับมาไม่นานนัก

“ขอโทษที่รบกวนนะ นึกว่านายยังไม่นอน”

“เพิ่งกลับมาเหรอครับ?”

“อืม ไปคุยกับโคลวิสมาน่ะ เรื่องนายนั่นแหละ” ริชาร์ดพูดกว้างๆอย่างไม่เจาะจงรายละเอียด “เขาเข้าใจแล้วก็คงให้ความร่วมมือแหละ

“ครับ...เข้าใจแล้ว” ลาซารัสขยี้ตาให้ตื่นมาคุยกับอัลฟ่าตรงหน้า

“แล้วก็ทาร์ตไข่น่ะ อร่อยมากเลยนะ คราวนี้ทำเต็มที่เลยล่ะสิ” รอยยิ้มแฝงความภูมิใจระคนยินดีฉาบบนใบหน้าก่อนเอื้อมมือไปลูบหัวร่างเล็กกว่าอย่างเคยชิน “ขอบใจนะ”

“ครับ...หือ? กลิ่นอะไรน่ะ”

“อ้อ ดอกไม้น่ะ พอดีแวะซื้อมา เผื่อขอโทษสาวๆที่ทำให้รอ” ริชาร์ดแถไปไหนต่อไหน ทีแรกจะมาง้อคนตรงหน้าเสียหน่อยแต่ดูท่าทางเขาไม่โกรธอะไร

“ไม่ใช่ครับ ...คือ…” ลาซารัสรีบดึงมือหนาบนหัวตนออกแล้วก้าวถอยห่างจากอัลฟ่าตรงหน้า ริชาร์ดทำหน้าฉงนก่อนจะเห็นว่าลาซารัสดูตื่นตระหนกขนาดไหน

“ลาซัส?” ในคราแรกริชาร์ดยังไม่รู้ตัว แต่เมื่อนึกถึงเวลาที่ล่วงเลยมาขนาดนี้ น้ำหอมหรือยาใดๆที่ลาซารัสมักจะกินกันไว้คงไม่เหลือแล้ว… และเขาเอง เนื่องจากต้องออกไปทำงานจึงไม่ได้ใช้น้ำหอมดับกลิ่นฟีโรโมนตัวเอง นอกเสียจากยาระงับอาการฮีท..ที่ดูท่าทางคงจะหมดฤทธิ์ไปตามเวลาใช้งานแล้วนั่นแหละ แม้ตอนนี้เขาจะยังไม่ได้กลิ่นอะไร แต่ร่างเล็กคงรับรู้ไปเต็มๆ

“ยา...มีรึเปล่า?” ริชาร์ดก้าวถอยหลังออกมาห่างๆ แต่ก็ยังคงถามด้วยความเป็นห่วง ลาซารัสพยักหน้าแต่สีหน้าก็ยังไม่คลายกังวล

“ผมกินยาไปมากกว่านี้ไม่ได้ครับ...” เป็นคำตอบที่รู้ๆ กันดีในหมู่พวกคนที่ใช้ยาระงับด้วยกันว่าการใช้ปริมาณยาแต่ละครั้งต่อวันจะต้องอยู่ในความพอดีเพื่อไม่ให้ร่างกายรับภาระจากผลข้างเคียงที่ใช้ยามากเกินไป “ละ...แล้วมะรืนนี้ก็เป็นวันนัดทดสอบยาของคุณหมอด้วยครับ”

“พลาดแล้วสิ…” ร่างสูงยืนถอยไปจนหลังติดกำแพงพร้อมกับสบถตัวเองที่เผลอลืมเรื่องนี้ไป ลาซารัสจำเป็นต้องงดยาตัวเดิมที่กินเป็นประจำก่อนเข้ารับการทดสอบยาตัวใหม่ เรื่องนี้เขาก็จำได้แต่ดันอยากเจอหน้าอีกฝ่ายเลยเผลอคิดไปว่าแค่แป๊บเดียวคงไม่เป็นไรไปซะได้

กลื่นฟีโรโมนแสนอันตรายของลาซารัสที่ริชาร์ดเคยเปรียบเหมือนดั่งเกสรดอกไม้ที่ล่อหลอกแมลงให้บินเข้าไปหา เริ่มกระตุ้นตัวเขาให้สูญสิ้นความนึกคิดที่เคยตั้งมั่นไว้ให้สั่นคลอนอีกครา ตัวโอเมก้าหนุ่มเองก็ยืนมือเกาะขอบประตูแน่น ดวงตาสีฟ้ามองไปยังตัวอัลฟ่าร่างสูงพลางเม้มปากตัวเองแน่นด้วยพยายามระงับลมหายใจที่ร้อนผ่าวอย่างผิดปกตินี้

“ลาซัส ฉัน...อยากช่วยนะ แต่ว่า…”  ริชาร์ดข่มน้ำเสียงที่เริ่มหอบให้เป็นปกติ ไม่รู้ว่าควรจะเสนอตัวช่วยอะไรดีหรือไม่ แต่ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ร่างโปร่งก็คงไปหาวิธีระบายเอาอะไรๆออกด้วยตัวเองเหมือนอย่างที่เคยๆทำมา

“คุณพูดแบบนี้ทั้งที่ผมไม่ได้รักคุณเนี่ยนะ…” ลาซารัสปิดประตูใส่หน้าเจ้าของบ้านและเจ้าของชีวิตก่อนล็อคลงกลอนทุกชั้นที่มี

“เอ๊ย! ขอโทษลาซัส ฉันไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะ!” ริชาร์ดเด้งตัวเข้ามาใกล้ประตู แต่เมื่อเข้ามาถึงในระยะ กลิ่นฟีโรโมนที่โชยอบอวลจากอาการฮีทก็เล่นงานเขาจนสมองแทบจะคิดคำพูดอะไรไม่ออก “ขอโทษ… พูดตรงๆคือฉันก็รู้สึกผิดกับเรื่องนี้..”

ลาซารัสที่อีกฝั่งนั่งทรุดอยู่ข้างประตู แม้จะรู้ว่าตนแทบไม่ไหวแล้ว แต่ความใคร่รู้มันทำให้เขาไม่เดินกลับไปที่เตียงสักที

“นายไม่ต้องรักฉันก็ได้” ร่างสูงพูดแผ่วเบาแต่ก็ดังพอให้คนที่อยู่อีกด้านได้ยิน “แต่ขอให้ฉันได้พยายามทำเพื่อนายสักหน่อยเถอะ..”

ประโยคเดียวกันที่ลาซารัสได้พูดกับคาเล็มไปเมื่อสองเดือนก่อนออกมาจากปากของคนที่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย ร่างเล็กหยุดทุกการเคลื่อนไหวและความคิดก่อนเหลือบมองผ่านไหล่ไปยังประตูด้านหลังตน เงาที่ลอดผ่านช่องแสงใต้ประตูทำให้เขารู้ว่าริชาร์ดกำลังก้าวเท้าออกห่างไป

คนที่เพิ่งจะพูดความในใจออกไปอีกครั้งได้ชะงักเท้าลงเพราะเสียงเปิดประตู เขาหันกลับไปมองโอเมก้าของตนที่ยืนสั่นอยู่ด้านในห้องมืดสนิทนั้น “นาย…”

“ผมไม่รู้ว่าผมตัดสินใจเปิดประตูทำไม” ร่างเล็กกว่าหลบตาอีกฝ่าย “บางทีผมอาจจะแค่อยากรู้คำตอบ…”

“เรื่องอะไรเหรอ?” ซีอีโอหนุ่มยืนอยู่กับที่พยายามไม่เข้าไปใกล้แม้ว่าจะได้ยินไม่ค่อยถนัดนัก

“สัญญากับผมได้มั้ย...” ลาซารัสที่ยืนอยู่หลังประตูกำมือบีบแขนตัวเองแน่นก่อนกลั้นใจถามออกไป “...ว่าคุณจะไม่พูดเรื่องนี้ต่อหน้าคุณหมออีก”

“....” เหตุการณ์ในครั้งก่อนที่ริชาร์ดพลั้งปากบอกเพื่อนรักในโรงพยาบาลไปว่าตนได้ล่วงเกินโอเมก้าตรงหน้าหวนกลับคืนมาในความทรงจำ และสิ่งที่ลาซารัสกำลังบอกให้เขาทำตามข้อตกลงนั้นก็ทำให้ตนลำบากใจอยู่ไม่น้อยที่จะต้องมีความลับกับคาเล็มอีกครั้ง ทว่า...

“...ตกลง ฉันสัญญา”

(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ pichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • PICHI Otakura

เสียงบานประตูห้องนอนและสลักกลอนปิดลงอย่างรวดเร็วทันทีที่เจ้าของบ้านตอบตกลงสัญญา มือหนาดึงร่างโปร่งมาดันจนแผ่นหลังติดประตูและก้มลงจูบโดยไม่ให้คนตั้งรับได้ทันตั้งตัว คล้ายกับกลัวว่าโอกาสอันน้อยนิดนี้จะหลุดลอยไป

ปลายลิ้นรุกล้ำล่วงเกินเข้าหาริมฝีปากอุ่นที่ยังตื่นตระหนก ใบหน้าคมสันจึงผละออกห่างชั่วครู่ก่อนเปลี่ยนมาจูบปลอบประโลมที่หน้าผากและค่อยๆไล่ไปตามแก้มแล้ววนกลับมาที่ปากนุ่มอย่างอย่างช้าๆไม่ให้โอเมก้าในครอบครองของตนตื่นกลัวเขาเหมือนครั้งก่อน ทั้งๆที่กลิ่นฟีโรโมนจากตัวอีกฝ่ายมันทำให้เขาแทบคลั่งเหมือนคนที่ฉีดสารเสพติดเข้าไปในร่างกายจนมันออกฤทธิ์ได้ที่แล้ว

“หอมจัง…” ริชาร์ดฝังจมูกลงสูดกลิ่นกายของลาซารัสที่ยังมีกลิ่นสบู่จางๆติดอยู่ ลิ้นอุ่นร้อนไล่เลียซอกคอหอมหวานก่อนใช้ปลายนิ้วปลดเอาปลอกคอที่ร่างเล็กกว่ายังคงสวมไว้ออก มือหนาดึงรูดเนคไทเส้นโปรดที่เวลานี้แสนเกะกะก่อนทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดีแล้วช้อนตัวอุ้มร่างโปร่งขึ้นไปวางที่เตียงแล้วคร่อมตัวทาบทับลงไป

แม้จะเป็นคนตกลงใจยอมไปแต่ลาซารัสกลับยังสับสนในตัวเองอยู่ ทั้งรู้สึกผิดถึงก้นบึ้งหัวใจแต่ร่างกายเริ่มตอบสนองสัมผัสร้อนแรงนั้นทีละนิดอย่างไม่อาจควบคุม ส่วนล่างปวดหนึบกระหายการปลดปล่อยเสียจนเสียงครางเรียกร้องเริ่มอ่อนหวานขึ้นเรื่อยๆ
ริชาร์ดปลดกระดุมชุดนอนผ้าลื่นออกอย่างยากเย็นเพราะสติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และลากปลายลิ้นลงไปหาขอบกางเกงอีกฝ่ายรวดเร็ว

“ด...เดี๋ยวครับคุณริช..จะทำอะไร..” ลาซารัสท้วงถามแม้จะพอเดาได้จากท่าทางที่เขาเคยเห็นจากเหล่าหนังผู้ใหญ่ที่พบเจอได้บ่อยๆ

“ระหว่างรอให้ยาฉันหมดฤทธิ์ดี นายคงอัดอั้นน่าดู” พูดจบริชาร์ดก็ดึงขอบกางเกงอีกฝ่ายลงจนลาซารัสต้องยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองจากความอับอาย แม้จะเคยร่วมรักกับคนตรงหน้าไปแล้วแต่พอส่วนสงวนถูกมองตรงๆแบบนี้มันก็รู้สึกจั๊กจี้แปลกๆ ทั้งที่ตอนคาเล็มมองเขากลับไม่รู้สึกอะไรเลยแท้ๆ

“งืออออ คุณริชอย่าจ้องมันสิ!” มือบางทุบบ่าอีกฝ่ายเมื่อแอบเหลือบมองแล้วเห็นว่าริชาร์ดยังคงมองน้องชายเขาอยู่

“ขอโทษๆ พอดีว่านายน่ารักจนอดใจไม่ไหว” ร่างสูงก้มลงชะโลมเลียเครื่องเพศที่ตื่นตัวอย่างเบามือและใช้ปากครอบครองมันไว้เสียมิด

“ฮ่ะ! อ่ะ!..” ลาซารัสครางกระเส่าตามจังหวะริมฝีปากที่เริ่มรูดขึ้นลงช้าๆและเริ่มเพิ่มความร้อนแรงขึ้นทีละนิด แม้จะพยายามไม่ร้องออกไป แต่ยิ่งกลั้นเท่าไหร่ริชาร์ดยิ่งเร่งจังหวะหนักข้อ จนสุดท้ายก็ยอมโอนอ่อนตามการชักนำของอัลฟ่าเจ้าของชีวิต

แม้จะเคยทำอะไรถึงไหนๆกันมาแล้ว แต่ภาพตรงหน้าก็ยังคงเร้าอารมณ์คนปรนเปรอได้อยู่ดี ยาที่กินเข้าไปหมดฤทธิ์จนสิ้นทำให้ได้กลิ่นหอมเย้ายวนจากตัวอีกคนเต็มที่ ความต้องการที่พุ่งสูงในขณะที่สติยังพอมีทำให้ริชาร์ดตัดสินใจใช้นิ้วกดแทรกเข้าไปในช่องทางชุ่มน้ำที่อยู่ใกล้ๆนั่น

“อ๊ะ! คุณริช! ฮ่ะ..” ลาซารัสหุบขาเข้ามาอย่างลืมตัว แต่มืออีกข้างของคนคุมเกมส์รักก็จับยึดไว้ให้มันแยกออกเหมือนเดิม “เดี๋ยวครับ...อย่าเพิ่งสิ!”

ทว่าริชาร์ดก็ทำหูทวนลมไม่ยอมผ่อนลงสักนิด เมื่อนิ้วทั้งสองควานพบจุดที่ทำเอาร่างเล็กสะดุ้งอย่างผิดปกติก็จัดการสัมผัสทั้งลูบไล้กระทั่งกดเป็นจังหวะเดียวกับปากตน เล่นเอาโอเมก้าหนุ่มครางต่อเนื่องและบิดกายเร่าอย่างเสียวซ่าน

“อ๊ะ! อื้อ..อ่ะ..!” มือทั้งสองจิกลงกับทั้งหมอนทั้งผ้าปูเสียยับย่นเพื่อระบายความรู้สึกกระสันนี้ ไม่นานนักทั้งร่างก็สะดุ้งเกร็งและมือเปลี่ยนมากดศีรษะผู้ใช้ปากกับส่วนแข็งขืนตนลงไปจะมิดก่อนปล่อยน้ำรักสีขุ่นออกมาพร้อมๆกับเสียงครางหวานโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

“ไวจังนะ ช่วงนี้ไม่ได้ทำ?” ริชาร์ดกลืนลงไปจนหมดอย่างไม่นึกรังเกียจ และจูบไปตามต้นขาเปลือยเปล่าอย่างหลงใหล

“ไม่..” ลาซารัสตอบอย่างซื่อตรง อาจจะเพราะริชาร์ดเองก็ควบคุมตัวเองไม่ได้จึงปล่อยให้สัญชาตญาณของอัลฟ่าออกมาเต็มที่ ผู้ถูกถามจึงไร้ซึ่งความคิดจะขัดขืนโดยสิ้นเชิง แม้จะเพิ่งปลดปล่อยอะไรๆไปแล้วทว่าด้วยความที่กลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่ายังคงโชยอบอวล ร่างกายที่สั่นระริกก็ยังโหยหาสัมผัสจากคนที่ทาบทับร่างตนอยู่

“น่ารักชะมัดเลย ลาซัส..” ผู้เป็นนายเคลื่อนตัวขึ้นมาอยู่ระดับเดียวกับโอเมก้าหนุ่มแล้วค่อยๆสอดแทรกแก่นกายร้อนของตนเข้าไปในร่างคนที่ตนลุ่มหลง

“อ๊ะ! ด..เดี๋ยวครับ! อ่ะ!” ร่างกายที่เพิ่งผ่านการถึงจุดสุดยอดมามันยังไวต่อสัมผัสเกินไป ความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกนี้ทำเอาทั้งร่างสั่นเกร็งจนคนข้างบนไปต่อไม่ได้

“ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องเกร็ง” ริชาร์ดเท้าแขนลงข้างหัวของคนด้านล่าง ส่วนมืออีกข้างอุ้มร่างกายท่อนล่างให้อยู่ในท่วงท่าที่รุกล้ำได้ง่าย หน้าผากชุ่มเหงื่อแตะลงกับหน้าผากอีกคน “มองตาฉันสิ ถ้ากลัวก็บอก ฉันจะค่อยๆเข้าไป”

“อือ…” ลาซารัสผ่อนคลายตัวเองลงแล้วปล่อยร่างสูงให้จัดการขยับเข้ามาตามใจชอบ สองแขนยกขึ้นโอบคออีกฝ่ายไว้อย่างไม่ตั้งใจ ริชาร์ดทั้งจูบและหอมอย่างอ่อนโยนจนรู้ตัวอีกที ความเป็นชายที่ตื่นตัวเต็มที่ของเจ้าบ้านก็อยู่ในร่างของโอเมก้าหนุ่มจนหมดทั้งลำ

“ผ่อนคลายนะ จะได้ไม่เจ็บมาก…” คำปลอบที่ฟังดูยังไงๆก็ไม่พ้นว่าต้องเจ็บตัวแน่ๆ แต่ร่างโปร่งก็พยักหน้าแล้วหลับตาลงปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นผู้บรรเลงอย่างที่ต้องการ ริชาร์ดขยับสะโพกเข้าออกเน้นย้ำช้าๆให้ช่องทางแคบค่อยๆปรับตัวรับสิ่งเร้าที่เข้าแทรกไป พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่เขาก็ไม่รอช้าที่จะโถมกายเข้าใส่ช่องทางร่วมรักจนสุดแรง

“อึ่ก!...อ๊า!” เสียงร้องครางหวานสะท้านไปทั้งห้องจนริชาร์ดได้ยินแล้วยังอดใจไม่ไหวกระแทกกายซ้ำๆเข้าออกให้ลาซารัสเปล่งเสียงรัญจวนซ้ำแล้วซ้ำอีก

“เสียงนายน่ารักมากเลยลาซัส” ร่างสูงโน้มใบหน้าลงมาพร่ำเสียงกระเส่าข้างหูคนที่กำลังรองรับอารมณ์ดิบของตน “ฉันอยากเข้าไปลึกๆอีก ใช้มือของนายช่วยเปิดทางหน่อยสิ”

“ฮ้ะ! อ่ะ...ยังไงครับ?” ดวงตาสีฟ้าที่ยังหลับตาแน่นรู้สึกแปลกๆ ที่น้ำเสียงของคนที่มักเอ็นดูเขาเสมอกลับดูยินดียามที่ได้แกล้งเย้าแหย่ตนในเวลาแบบนี้

ร่างสูงหยุดขยับสะโพกกลางคัน มือหนาที่จับเรียวขาเปลี่ยนเป็นเลื่อนมาจับที่ข้อมือทั้งสองข้างของโอเมก้าหนุ่มให้ลงมาที่ช่องทางด้านล่างที่แก่นกายอุ่นของตนยังสอดคาเอาไว้อยู่อย่างนั้น

“ตรงนี้มันแน่น นายก็ขยายมันออกแบบนี้นะ” พูดอธิบายพร้อมกับใช้มืออีกฝ่ายสาธิตในการช่วยเบิกทางให้ส่วนนั้นเปิดรับตัวตนของเขาเข้าไปได้มากขึ้น

“อ่ะ...คะ คุณริช มัน...อ๊ะ...รู้สึกดีมากๆเลย ฮ้ะ!!” ร่างโปร่งเผลอแอ่นตัวรับการสอดใส่เข้ามาและใช้มือของเขาเองช่วยเปิดทางให้อัลฟ่าเจ้าของชีวิตเข้ามาได้ลึกขึ้น

“อา...ข้างในนี้ของตัวนายมันอุ่นมากเลยล่ะลาซัส” ริชาร์ดปล่อยมือก่อนเลื่อนขึ้นไปจับที่เอวสมส่วนเป็นหลักยึดให้ตนซอยสะโพกเร็วและเพิ่มแรงมากขึ้น เสียงท่อนเอ็นดังกระทบกับช่องทางชุ่มจนเกิดเสียงที่น่าอาย ที่นอนนุ่มสั่นไปตามแรงอารมณ์ที่โหมกระพือด้วยไฟตัณหาอย่างไม่อาจหยุดยั้ง

“อ๊ะๆๆ แรงอีก...ยิ่งกว่านี้อีก อ๊ะ!!” สติรับรู้ของลาซารัสว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง เหลือแต่ความต้องการอันมหาศาลเข้าแทนที่ ริชาร์ดจึงเร่งจังหวะกระแทกเข้าไปให้ร่างเล็กถึงจุดหมาย “อ๊า! คุณริช! “

น้ำรักปลดปล่อยออกมาอีกครั้งในเวลาติดๆกัน ดวงตาสีฟ้าปรือหยาดเยิ้มหอบหายใจแรงใบหน้ามนเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลชื้น

“ไปก่อนฉันอีกแล้วน้าลาซัส ขี้โกงจัง” อัลฟ่ามากวัยยิ้มมากกว่าที่จะไม่พอใจเหมือนคำพูด เหงื่อที่ไหลซึมจนเสื้อเชิ้ตขาวเปียกชุ่ม ร่างสูงรีบแกะกระดุมถอดออกอย่างเร่งรีบจนเม็ดกระดุมขาดกระเด็นหลุดไป แต่เขาไม่มีเวลามาสนเรื่องนั้น มือดึงแขนคนที่แทบหมดแรงไปแล้วให้ขึ้นมาอยู่ในท่านั่งตักซ้อนบนตัวเขา

“เดี๋ยวครับ...ขอผมพักก่อน”  ใบหน้าของร่างโปร่งที่เหนื่อยอ่อนและแดงระเรื่อนั้นยั่วยวนเกินกว่าที่เจ้าตัวจะรู้ แต่อัลฟ่าตรงหน้าเขานั้นมองมาด้วยสายตาที่บอกเป็นนัยว่าไม่คิดจะหยุดพักแม้สักนาทีเดียว

“ฉันยังค้างเติ่งอยู่เลยนะ อย่าใจร้ายกับฉันนักเลยเด็กดี” ปลายนิ้วเชยคางมนขึ้นมาและบรรจงจูบดูดดื่มปลุกเร้าให้โอเมก้าในครอบครองกลับมามีอารมณ์ร่วมอีกครั้ง

“อืออ อ่ะ!” เสียงครวญครางรัญจวนใจดังเล็ดลอดช่องว่างน้อยนิดระหว่างริมฝีปากของทั้งคู่ เรียวลิ้นจากคนที่ยังคงเต็มไปด้วยตัณหาช่วยปลุกราคะที่ยังคุกรุ่นของอีกฝ่ายให้โหมกระพือง่ายดาย สุดท้ายลาซารัสก็ตื่นตัวขึ้นมาอีก และเริ่มรับรู้ได้ว่ามือหนาทั้งสองข้างกำลังจับยกร่างของตนให้ขยับปรนเปรอความเป็นชายร้อนผ่าวนั้น

“ถ้าเหนื่อยแล้วเดี๋ยวฉันทำเอง นายกอดไว้ก็พอแล้ว” เสียงทุ้มหอบต่ำกระซิบบอกทั้งยังเริ่มยกสะโพกแน่นนุ่มขยับขึ้นลงช้าๆและกำลังเริ่มเร็วขึ้นตามความต้องการที่มี

“อือ...อ่ะ.. อ่ะ! ดีจัง..” ลาซารัสกอดคออีกฝ่ายไว้แล้วซุกหน้าลงกับบ่ากว้างทำให้ริชาร์ดได้ยินทุกเสียงที่เขาครางออกมาชัดเจน
“ครางข้างหูกันแบบนี้ ต้องการอะไรรึเปล่า” ร่างสูงคิดเองเออเองเรียบร้อยว่าลาซารัสกำลังอ้อนวอนเขาอยู่ จึงจัดการจับสะโพกอีกฝ่ายกระแทกลงกับหน้าตักตนอย่างรวดเร็วตามความต้องการที่ถูกปลุกเร้าอย่างไม่ตั้งใจ

“อ๊ะ! อ๊า! คุณริช..! อ่ะ!!” ลาซารัสเผลอกอดอีกฝ่ายไว้แน่นและเริ่มจิกเล็บระบายความเสียวซ่านลงกับแผ่นหลังกว้าง แต่ความเจ็บปวดเล็กน้อยนี้กลับยิ่งทำให้ผู้คุมเกมกระทำการรุนแรงขึ้นไปอีก

“เริ่มแน่นแล้วนะ จะเสร็จอีกแล้วงั้นเหรอ” ริชาร์ดจูบกัดไปทั้วลำคอและบ่าเล็กอย่างลืมตัว ท่อนเอ็นของเขาถูกตอดรัดถี่ขึ้นเพราะราคะที่เริ่มจะปะทุอีกครั้ง ความคุ้มคลั่งที่ครอบงำสติจนสิ้นทำให้เขาวางคนในอ้อมแขนคว่ำลงกับเตียงแล้วจับเอวลาซารัสไว้มั่นเพื่อให้ขยับสอดใส่และกระแทกส่วนแข็งขืนของตนได้สะดวกมากขึ้น

“อื้อ! มะ...มันลึก ฮ้ะ!” ท่วงท่าที่กระทำอยู่ยิ่งทำให้แก่นกายใหญ่สอดใส่เข้ามาได้ลึกและยังกระแทกถูกจุดกระสันด้านหลังได้อย่างดี ร่างโปร่งเองก็ยกสะโพกของตนขึ้นรับการกระแทกที่รุนแรงเร่งเครื่องให้เร็วจนลาซารัสแทบจะขาดใจ “อ๊า! อ๊ะ! คุณริช...ช่วยปล่อยเข้ามาข้างในทีครับ”

“...ได้” ร่างสูงเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง มือข้างหนึ่งเลื่อนไปจับแก่นกายเล็กที่ฉ่ำเยิ้มด้วยน้ำรักที่ปลดปล่อยไปก่อนหน้านี้ มือร้อนรูดรั้งขึ้นลงและยังคงปรนเปรอที่ด้านหลังไม่หยุด ปลายนิ้วกดลงที่รอยหัวหยักส่วนปลายอย่างแรงจนร่างเล็กใต้ร่างของเขาสะดุ้ง

“อ๊าา! จะ...เจ็บ เบากว่านี้...อึ่ก!” มือจิกกำทึ้งผ้าปูแน่นระบายความเสียวซ่านทั้งด้านหน้าและหลังพร้อมๆกัน แต่น่าประหลาดที่พอถูกชักจูงด้วยความเอาแต่ใจแบบนี้ โอเมก้าหนุ่มกลับยิ่งรู้สึกสุขสมในอกมากกว่าสิ่งที่พูดออกไปอย่างตรงกันข้าม

“เสียใจด้วยนะลาซัส ตอนนี้ฉันหยุดไม่ได้แล้วล่ะ” เขาพลิกร่างโปร่งให้หันหน้ามาอีกครั้งและจ้องมองสีหน้าแดงสุกปลั่งนั้นอย่างปิดไม่มิด “...หน้านายมันออกชัดเลยว่าชอบให้ฉันทำเรื่องลามกแบบนี้”

“อือ...ยะ อย่ามองนะครับ!” ลาซารัสยกมือบังหน้าตัวเองหลบสายตาที่เหมือนจะกลืนกินเขาให้หมดทั้งตัวนั่นด้วย

“น่าเสียดายนะที่ไม่ใช่ช่วงนั้น…” ร่างสูงเอ่ยเสียงเบาราวกับจะพึมพำกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับคนที่กำลังร่วมรักด้วย

“อะ อะไรนะครับ ผมได้ยินไม่ชัด?” ดวงตาสีฟ้าถามเสียงสั่นติดขัด แต่ริชาร์ดส่ายหน้าบอกไม่มีอะไร สร้างความสับสนให้เขาเหลือเกิน

“อา…ลาซัส.. หลับตาไว้ก็ได้นะ” ริชาร์ดกระซิบเชิงออกคำสั่ง คราแรกนั้นลาซารัสไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูด แต่เมื่อเขาสบเข้ากับดวงตาที่เต็มไปด้วยความต้องการมากล้น ใบหน้าคุ้นตาแปรเปลี่ยนเป็นอัลฟ่าที่กระหายในตัวเขาเต็มตัวเป็นสัญญาณว่าอีกฝ่ายคงไม่คิดจะยั้งมือใดๆแล้ว

มือหนาทั้งสองยกสะโพกลาซารัสขึ้นให้พอเหมาะแล้วเริ่มละเลงอารมณ์ดิบของตนที่ใกล้ถึงจุดหมายเต็มทีใส่ช่องทางร่วมรักอย่างรุนแรง “อ๊าา! ค..คุณริ…!! อ๊ะ! เดี๋ยว..อ้ะ! อ๊า!!” โอเมก้าหนุ่มกรีดร้องไม่เป็นภาษากับการเพิ่มระดับความร้อนแรงบนเตียงอย่างฉับพลันและปิดตาลงตามคำสั่งอย่างจำใจ

“…ไม่กลัวเหรอ” ริชาร์ดถามเสียงหอบสั่นด้วยแรงอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูง

ลาซารัสที่ทีแรกก็ปิดตาลงไปเพราะไม่อยากเห็นความเป็นอัลฟ่านั้นตรงๆ แต่เมื่อร่างกายถูกกระตุ้นซ้ำๆดวงตาสีฟ้ากลับยอมมองจ้องมาหาอย่างไม่นึกเกรงกลัวและส่ายหน้าให้แทนคำตอบ “ผมก็…อ่ะ! ไม่เข้าใจ”

คำพูดอันแสนสับสนเปลี่ยนเป็นเสียงครางครวญต่อเนื่องเมื่อริชาร์ดโถมแรงทั้งหมดเข้าใส่อัดกระแทกส่วนร้อนแข็งขืนเข้ามาในช่องทางร่วมรักของโอเมก้าหนุ่มทั้งถี่กระชั้นจนขาเตียงส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดแข่งกับเสียงร้องของลาซารัส

“อ๊า!! ค...คุณริช ผมจะ...อ๊าา!!” หยาดน้ำรักปลดปล่อยออกมาอีกครั้งจนร่างโปร่งแทบหมดสติ ก่อนที่อัลฟ่าผู้กระทำจะเสร็จสมจนถึงจุดหมายด้วยการกระแทกครั้งสุดท้ายเข้าไปในร่างกายเร่าร้อนนั้นจนสุดและฉีดเอาน้ำทุกหยดในกายของตนเข้าไปอย่างที่คนใต้ร่างร้องขอก่อนหน้านีั

เสียงหอบพร่าดังไปทั่วทั้งห้องกว้าง ริชาร์ดที่ใช้แรงไปจนแทบหมดโถมตัวทิ้งน้ำหนักลงทาบทับร่างเล็กกว่าและประกบจูบริมฝีปากนุ่มที่ยังหอบหายใจอย่างไม่ทันหายเหนื่อยดี

“อือ...อืม” สมองโล่งไปหมดคิดอะไรไม่ออกนอกจากจูบตอบรับลิ้นอุ่นร้อนอยู่เนิ่นนานจนอีกฝ่ายถอนลิ้นออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้

“เด็กดี...หลับซะนะ” มือหนายกขึ้นลูบหน้าผากชื้นเหงื่อและจุมพิตลงไปแนบแน่นอย่างรักใคร่หวงแหน ก่อนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายของทั้งคู่และนอนกอดร่างอันแสนรักนั้นไว้พร้อมกับนอนหลับไปด้วยกัน


ก่อนรุ่งเช้าจะมาเยือน ลาซารัสปรือตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดสะโพกจนจี๊ดขึ้นสมองที่ทำเอาลุกไม่ขึ้นจนต้องนอนต่อทั้งแบบนั้น ก่อนที่จะพบว่าข้างๆตัวเขามีเจ้าของชีวิตที่นอนกรนเบาๆแถมยังโอบตัวเขาไว้ตลอดทั้งคืนนอนหลับตาพริ้มอยู่

ร่างโปร่งที่หลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวกับอัลฟ่ามากวัยยังไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้ว่าทำไมเขาถึงได้ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับคนตรงหน้าได้อย่างหน้าไม่อายขนาดนี้ ทั้งๆที่ในใจก็ยังคงคิดถึงคุณหมอคนที่ตนเองรักอยู่ตลอด

ทั้งที่รู้สึกผิดกับอีกคน แต่กลับกำลังกอดคนอื่นที่อยู่ด้วยกัน เสพสมกับร่างกายของผู้ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของหัวใจตัวเอง…

...ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ



TBC.





*****************************************************************************************

ถ้าตอนนี้อ่านแล้วมึนๆสับสนเป็นบางช่วงต้องขออภัยด้วยค่า //สติปลิวไปแล้ว  :really2:

กำลังปั่นตอนใหม่กันอยู่ ตอนหน้าอาจจะมาช้าหน่อยนะคะ อิชๆๆ :katai4:

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ใจเย็นๆ ก่อนหนุ่มน้อย อันนั้นมันออเดิร์ฟ อย่าเพิ่งอิ่ม ให้รออาหารหลักอย่างพ่อโคแก่คาเล็มก๊อนนน  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด