บทที่ 7
“ไหวมั้ยครับคุณริชาร์ด?” พ่อบ้านสูงวัยลากซีอีโอหนุ่มมานั่งพักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน เพราะริชาร์ดเข้าใกล้บริเวณบ้านในตอนนี้ไม่ได้เลย กลิ่นฟีโรโมนของลาซารัสเป็นอันตรายต่ออัลฟ่าอย่างมาก หากไม่อยู่ให้ห่างขนาดนี้มีหวังเขาคงได้หน้ามืดเข้าไปทำมิดีมิร้ายโอเมก้าคนนั้นกลางบ้านเพื่อนรักแน่ๆ
“เวลาแบบนี้ผมล่ะอิจฉาเบต้าอย่างคุณเรนเดลชะมัดเลย” หนุ่มอัลฟ่ามากวัยหัวเราะเจื่อน เวลาที่พวกอัลฟ่าอย่างเขาควบคุมตัวเองไม่ได้เพราะถูกกลิ่นฟีโรโมนกระตุ้นมันแทบไม่ต่างอะไรกับสัตว์ตัวผู้ที่อยากวิ่งเข้าไปผสมพันธุ์ตัวเมียอย่างไม่เลือกหน้า มีแต่ไทป์เบต้านี่แหละที่ดูจะสมเป็นมนุษย์ปกติที่สุดเมื่อเทียบกับอีกสองไทป์ที่เหลือ “ปล่อยผมไว้ตรงนี้ก็ได้ คุณเข้าไปช่วยคาเล็มกับลาซัสเถอะ”
“กระผมคิดว่า...เรื่องนี้ให้นายน้อยจัดการเองดีกว่าครับ” ชายชรานั่งลงข้างๆเพื่อนสนิทของเจ้านาย
“คาเล็มคนเดียวจะรับมือไหวแน่งั้นเหรอ?”ริชาร์ดอดสงสัยไม่ได้ต้องเบนสายตาหันไปหาพ่อบ้าน
“ถ้าไม่ไหวก็...นั่นสินะครับ” สายตาของพ่อบ้านมองไปยังตัวบ้านที่มีเสียงเอะอะดังมาเป็นระยะ “มันเป็นเหตุสุดวิสัยนี่ครับ นายน้อยเองก็เจอคนไข้หลายคนฮีทแบบนี้มาเยอะแล้ว ให้กระผมไปยุ่งก็เกะกะเปล่าๆ”
ริชาร์ดรู้สึกหนาวไปถึงสันหลังกับความคิดของพ่อบ้านที่ดูแลเพื่อนรักของตนมาหลายสิบปี ทีแบบนี้ล่ะทิ้งให้เจ้านายตัวเองเผชิญชะตากรรมได้หน้าตาเฉย “...คุณนี่ แอบร้ายกว่าที่เห็นนะ”
“หึๆ พูดเรื่องอะไรเหรอครับ กระผมก็แค่เชื่อใจนายน้อยเท่านั้นเอง” แม้ปากจะพูดเช่นนั้น แต่ซีอีโอหนุ่มรู้สึกเหมือนเห็นเรนเดลมีเขากับหางเดวิลงอกออกมายังไงยังงั้น
“เรนเดลโว้ยย!! หายหัวไปไหนของนายฟร้า!!”
คาเล็มตะโกนเรียกพ่อบ้านที่ไม่รู้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ตอนนี้เขากำลังตกที่นั่งลำบากสุดๆเพราะลาซารัสไม่ฟังอะไรเลยแม้ว่าเขาจะออกคำสั่งให้หยุดก็ตาม
“คุณหมอออ” โอเมก้าหนุ่มที่ตอนนี้เหมือนโดนอัดยาปลุกเซ็กส์ไม่ยอมฟังที่เขาพูดเลยสักนิดเดียว พอจะรู้สาเหตุที่โอนเนอร์เจ้าของคนเก่าของลาซารัสจำเป็นต้องขังเจ้าตัวไว้ในห้องทั้งวันทั้งคืนไม่ให้ออกไปไหนแล้ว ในบรรดาคนไข้โอเมก้าที่เคยเจอมาไม่เคยเจอใครที่ฮีทหนักจนถึงกับลุกขึ้นมาไล่ปล้ำชาวบ้านขนาดนี้
นี่น่ะเหรออีกด้านของโอเมก้าแสนซื่อไร้เดียงสาคนนั้น นิสัยเปลี่ยนไปยังกับคนละคน!คาเล็มพยายามหันหน้าหลบไม่ให้ลาซารัสจูบตนได้แต่ก็กลายเป็นโดนงับและเลียใบหูจนสะท้านไปทั้งตัว ร่างโปร่งยกขาขึ้นเกี่ยวเอวให้ช่วงล่างของคุณหมอเข้ามาแนบชิดกับตัวเอง ส่วนกลางลำตัวของอัลฟ่าสูงวัยกำลังตื่นตัวเมื่อโดนสัมผัสกับความเร่าร้อนของโอเมก้าเบื้องล่าง
“ลาซารัส…” หมออัลฟ่ามองต่ำ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหูร่างโปร่งที่ทำสีหน้ายั่วยวนอย่างไม่ปิดบัง “ตรงนี้ฉันทำไม่ถนัด ขากับหลังฉันก็ยังไม่ดีขึ้นด้วย ไปที่ห้องฉันเถอะ”
“ครับ…” พออัลฟ่าสูงวัยตอบรับโอเมก้าหนุ่มก็เชื่อฟังอย่างว่าง่าย และลุกขึ้นพยุงร่างสูงพาขึ้นไปข้างบนห้องอย่างที่บอก แต่ยังไม่ทันจะไขกุญแจเปิดห้องเข้าไปร่างโปร่งก็ดันตัวคุณหมอจนติดอยู่ที่หน้าประตู
“ใจเย็นก่อน อดทนอีกนิดสิ” คาเล็มดุเบาๆ ตอนนี้มือของลาซารัสเริ่มอยู่ไม่สุขและยังเอาตัวเข้ามาเบียดเสียดจนแทบจะกลืนเป็นเนื้อเดียวกับคุณหมออัลฟ่า
“จูบผมหน่อยสิครับ” เสียงนุ่มหอบสั่นเอ่ยคำขออย่างไม่นึกอาย “ผมอยากให้คุณหมอช่วยลบจูบของคุณเออร์แฟนออกไปที”
ดวงตาสีฟ้าจับจ้องมองนัยน์ตาคมก่อนยื่นมือไปลูบไล้เคราบนใบหน้า ปลายเท้าเขย่งขึ้นไปจนริมฝีปากเกือบจะแนบชิดกัน แต่คาเล็มหมุนลูกบิดให้ประตูเปิดเข้ามาในห้องได้ก่อน โอเมก้าหนุ่มจึงพลาดจูบนั้นไปอย่างน่าเสียดาย
“ไปรอที่เตียง แล้วอย่าหันมามองล่ะ” เสียงทุ้มต่ำมีอำนาจสั่งให้ร่างเล็กกว่าทำตาม ลาซารัสจึงจำใจต้องผละตัวออกและไปนั่งรอที่ปลายเตียงพร้อมกับหันหน้าหลบไปทางอื่นไม่มองร่างสูงตามที่สั่ง เขารอจนกระทั่งคาเล็มเดินเข้ามาใกล้และค่อยๆสวมกอดจากด้านหลัง ก่อนที่จะ…
“อื้อ!” ลมหายใจขาดห้วงเพราะถูกผ้าขนหนูอุดจมูก ได้กลิ่นฉุนจนแทบเวียนหัวชวนสลบ ร่างกายโดนแขนล็อคไว้ไม่ให้ดิ้นหนี พอพยายามขัดขืนก็ถูกดันลงกับเตียงและกดผ้าโปะยาสลบซ้ำลงมา แม้จะพยายามกลั้นหายใจไม่สูดดมเข้าไปแต่ก็ไร้ผล สองนาทีต่อมาลาซารัสก็ตาพร่า สมองมึนและเบลอก่อนที่เรี่ยวแรงจะค่อยๆหายไป และในที่สุดเขาก็หมดสติไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป
คาเล็มทรุดตัวลงข้างๆนั่งหอบหายใจเพราะเหนื่อยที่ต้องพยายามฝืนสัญชาตญาณตัวเอง แม้ร่างโปร่งจะหลับไปแล้วแต่ฟีโรโมนอ่อนๆยังแผ่กลิ่นจางออกมาเรื่อยๆ คุณหมออัลฟ่ารีบรุดจากที่นอนไปคว้ายาต้านอาการฮีทและลดการได้กลิ่นของตัวเองมากิน
เมื่อความต้องการลดลงจนสงบดีแล้วเขาก็เดินถือขวดยาออกไปข้างนอกเพื่อไปหาริชาร์ด
“อ้าว? คาเล็ม?” เพื่อนซี้ที่นั่งพักอยู่ที่สวนด้านนอกเห็นคุณหมอเดินมาก็แปลกใจ คาเล็มยื่นกระปุกยาให้เป็นคำสั่งว่ากินเสีย
“ทำไมไม่เข้าไปช่วยฉันล่ะเรนเดล..” อัลฟ่าสูงวัยแอบหัวเสียที่เห็นเขานั่งอยู่กับเพื่อนซี้ซะสบายอารมณ์
“กระผมเชื่อว่านายน้อยเอาตัวรอดเองได้อย่างแน่นอนน่ะสิครับ” พ่อบ้านยิ้มอย่างยินดีที่คาเล็มยังอยู่รอดปลอดภัยดี(??)
“ยาออกฤทธิ์ก็ไปช่วยอุ้มลาซารัสกลับไปไว้ที่ห้องที” คาเล็มถอนหายใจแล้วหันไปพูดกับเพื่อนของตน
“จิตแข็งเอาเรื่องเลยนะนาย เจ้าหนูนั่นปล่อยฟีโรโมนออกมารุนแรงขนาดนั้นยังทนได้อยู่อีก”
“เออ.. เป็นคนแรกที่ยาฉันเอาไม่อยู่ตอนถึงช่วงฮีทนี่แหละ..” ร่างสูงมองกระปุกยาของลาซารัสที่เขาแอบเก็บมา เพราะเห็นแล้วว่าเจ้าตัวคงกินไปก่อนที่เขาจะไปถึง “แบบนี้อีกตั้งอาทิตย์กว่าถึงจะพ้นช่วงอันตรายงี้ไป คงต้องขังไว้ในห้องจนกว่าจะปลอดภัยนั่นแหละ”
“ฟังดูโหดร้ายจังน้า.. ทั้งที่มีวิธีทำให้ช่วงฮีทจบลงง่ายกว่านี้แท้ๆ” ริชาร์ดลุกขึ้นไปกอดคอเพื่อนรักแล้วหยิบซองหน้าตาคุ้นๆให้..
“ไม่เอาโว้ย!!” คาเล็มแทบจะปากล่องถุงยางคืนให้ริชาร์ด “มันก็แค่เรื่องลือหนาหูมาเฉยๆเท่านั้นแหละ ไอ้ที่ว่า...ทำเรื่องอย่างว่าบ่อยๆตอนช่วงฮีทแล้วมันจะหายไวขึ้นน่ะ!!”
“นายน้อยครับ มันเป็นความจริงที่ว่าไม่มีหลักฐานพิสูจน์เป็นเรื่องเป็นราว แต่นายน้อยเองก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามันไม่จริงเสียหน่อยนี่ครับ” เรนเดลแจกแจงด้วยน้ำเสียงเรียบพร้อมรอยยิ้มอย่างปกติที่เป็นมา แต่ตอนนี้รอยยิ้มนั้นกลับดูกวนสุดๆสำหรับคาเล็ม
“พูดได้ดีครับคุณเรนเดล.. แกจะรู้ได้ไงวะว่ามันได้ผลหรือเปล่าถ้ายังไม่ได้ลอง” ริชาร์ดยัดกล่องถุงยางของตนลงในกระเป๋าเสื้อของคนที่เขากอดคออยู่ “กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไง”
คาเล็มปั้นหน้าไม่ถูกเมื่อโดนคนสองคนรุมหว่านล้อมในเรื่องที่เขาเองก็หาอะไรมาเถียงไม่ได้ “ม...ไม่อยากก็ไม่อยากไง!”
“ถ้านายสามารถพิสูจน์ได้ว่ามันไม่จริง อัลฟ่าบางคนจะได้เลิกใช้มันเป็นข้ออ้างในการล่วงเกินโอเมก้าในช่วงฮีทไง”
“หรือถ้ามันดันเป็นเรื่องจริงขึ้นมา… นายน้อยอาจจะหาต้นเหตุของการลดอาการฮีทหลังจากมีอะไรกับคนอื่นได้ไงครับ.. อาจจะสร้างยาขึ้นมากินเพิ่มหรือลดสารบางตัวเพื่อหลอกร่างกายว่ามีการร่วมรักไปแล้วอะไรแบบนั้น”
เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะ… “ที่พวกนายเสนอมา..ฉันก็ว่ามันน่าสนใจ หากพิสูจน์ได้จริงคงช่วยโอเมก้าได้อีกหลายช่องทาง แต่ขอโทษจริงๆ ฉันทำไม่ลงหรอก”
“ให้ฉันทำแทนมั้ยล่ะ”
คาเล็มเบิกตากว้างหันไปมองริชาร์ดที่กอดคอเขาอยู่ ใบหน้าของเพื่อนบอกว่าไม่ได้ล้อเล่นแน่ๆ
“...ไหนก่อนหน้านี้แกพูดว่าไม่อยากได้เจ้าหนูนั่นไง เกิดเปลี่ยนใจแล้วเรอะ?” คุณหมออัลฟ่าจ้องหน้าเพื่อนที่เสนอตัวรับอาสาจะช่วย
“แล้วแกจะปล่อยให้ลาซัสโดนขังอย่างทรมานอยู่ในห้องแบบนั้นเป็นอาทิตย์เรอะ แถมตอนนี้ยาของแกก็ช่วยอะไรเค้าไม่ได้อีกด้วย” ริชาร์ดอธิบายเหตุผลประกอบ
“มันต้องมีทางอื่นที่ฉันหรือแกไม่ต้องพิสูจน์ด้วยการทำเรื่องแบบนั้นก็ได้นี่” คาเล็มยังคงแย้ง
“วิธีไหนล่ะฮึ ไหนบอกมาซิ?”
“ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออก…”
“เยี่ยมเลยคาเล็ม แกคิดไม่ออกสินะ...แล้วแกจะคิดออกตอนไหนไม่ทราบวะ!” จู่ๆ อัลฟ่าเพื่อนสนิทก็ขึ้นเสียงตะโกนอัดใส่หน้าหมอเสียงดัง
“เป็นบ้าอะไรวะริชาร์ด! ทำตัวเหมือนหมาตัวผู้ได้กลิ่นสาปตัวเมีย เสี้ยนนักเรอะไงแกน่ะ!”
“หาว่าฉันเสี้ยน แกมันก็เป็นตาแก่โรคจิตวิปริตถ้ำมองที่วันๆเอาแต่ส่องดูชีวิตส่วนตัวชาวบ้านเค้าไปทั่วเหมือนกันนั่นแหละ!”
“แล้วแกคิดว่าฉันอยากดูมากนักเรอะไง! ฉันก็อยากจะล้มๆไอ้งานวิจัยพรรค์นี้ซะทีเหมือนกัน!”
“งั้นก็เลิกๆไปซะสิฟะ! ”
“เพราะเลิกไม่ได้ถึงต้องอยู่กับมันมาทั้งชีวิตนี่ไงเล่า ไม่เข้าใจอีกเรอะ!”
“ไม่เข้าใจโว้ย! แกนั่นแหละเมื่อไหร่แกจะวางมือแล้วไปใช้ชีวิตธรรมดาๆมีครอบครัวเหมือนคนปกติกับเค้าบ้างซะทีวะ!”
“พวกคุณสองคนน่ะใจเย็นๆก่อนสิครับ!” พ่อบ้านเข้ามาห้ามทัพอัลฟ่าทั้งสองคนที่จ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน เรนเดลรู้สึกว่ามันทะแม่งๆแปลกๆ
“รู้ตัวมั้ยครับว่าไอ้ที่พวกคุณทั้งคู่มาทะเลาะกันเองรุนแรงอย่างนี้ ยังกับพฤติกรรมก้าวร้าวของพวกสัตว์เพศผู้ที่ชอบเขม่นกันเพื่อจะแย่งตัวเมียในฤดูผสมพันธุ์ยังงั้นแหละ” ชายสูงวัยที่สุดในที่นี้พูดปรามและแอบด่าทั้งสองไปพร้อมๆกัน “ค่อยๆ พูดจากันด้วยเหตุผลสิครับอย่าใช้อารมณ์”
สองอัลฟ่าหันหน้าออกไปคนละทางเพื่อทำให้จิตใจสงบลง ก่อนจะค่อยๆหันมาพูดกันอีกครั้ง
“ขอเวลาฉันคิดคืนหนึ่ง แต่ถึงยังไงฉันก็ยังไม่เห็นด้วยกับความคิดของแกอยู่ดี” คาเล็มพูดขึ้นก่อน
“เออ ตามใจแก แต่ฉันขอถามหน่อยเถอะ...ถ้าแกหาสาเหตุที่ยาใช้ไม่ได้ผลหรือหาวิธีหยุดอาการฮีทไม่ได้ วันข้างหน้าถ้าเกิดลาซัสเป็นขึ้นมาเหมือนวันนี้อีกรอบนายก็จะขังเจ้าหนูนั่นไว้เหมือนเดิมทุกๆปีงั้นเหรอ”
“ถ้ามันจำเป็นก็ต้องทำ…ไม่งั้นถ้าปล่อยไว้ก็เป็นอันตรายกับคนที่อยู่ใกล้ๆ รวมทั้งตัวเจ้านั่นเองด้วย”
“ฉันสงสารลาซัสว่ะ อุตส่าห์ได้มีชีวิตใหม่แต่ก็ยังถูกทำเป็นตัวทดลองวิจัย นี่ยังไม่นับว่าที่ผ่านๆมาเค้าต้องถูกขังอยู่อย่างนั้นมาตลอดจนกว่าจะพ้นช่วงอันตรายไปได้อีกนะ”
“ก็ฉันไม่ได้มีโอเมก้าคนอื่นๆไว้ผลัดเปลี่ยนคอยศึกษาพฤติกรรมที่เกิดขึ้นปีละครั้งอย่างนี้นี่ คนอื่นๆที่ผ่านมาแค่กินยาของฉันมันก็ได้ผลตลอด”
“อยากทำอะไรก็ทำ แต่อย่าลืมล่ะว่าถ้าคืนนี้แกยังคิดไม่ออก พรุ่งนี้ฉันจะบุกมาบ้านแกแล้วฉุดลาซัสไปจริงๆล่ะนะโว้ย!”
“ไอ้ริชาร์ด!!”
“เอาล่ะครับคุณสองคนน่ะหยุดทะเลาะกันแล้วก็แยกย้ายกันไปได้แล้ว!!” เรนเดลชักจะเหลืออดกับความหัวร้อนของสองอัลฟ่าที่เกือบจะวางมวยอีกรอบ
หลังจากพาลาซารัสที่หมดสติไปไว้ที่ห้องนอนพร้อมกับล็อคกุญแจเรียบร้อย ริชาร์ดก็พาเจ้าสก็อตกลับบ้านไปทั้งอย่างนั้น แล้วก็ยังย้ำกับเพื่อนสนิทเรื่องเส้นตายคืนนี้ว่าจะทำยังไงกับเรื่องของโอเมก้าหนุ่มต่อไป
คืนนั้นคาเล็มนั่งคิดวิธีอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของตัวเองเพียงลำพัง แม้เวลาจะเริ่มใกล้วันใหม่เข้าไปทุกที ยาที่ไม่สามารถกินเกินขนาดได้เพราะจะทำให้ความดันตกและอาจจะช็อคเอาได้ ส่วนจะขังไว้แบบนี้ริชาร์ดก็ไม่ยอมอีก จริงๆเขาเองก็สงสารลาซารัสเหมือนกัน….แต่เขาก็ยังคงยืนยันว่าไม่อยากจะล่วงเกินโอเมก้าหนุ่มของตน
“จริงๆยกให้ริชาร์ดไปก็จบแล้วแท้ๆ…” แล้วค่อยหาเวลาไปทดลองอะไรๆตามสมควร หากแต่ไม่รู้ว่างานวิจัยจะเสร็จเมื่อไหร่...หรือจะเสร็จหรือเปล่า?
แถมพอคิดว่าจะต้องยกให้คนอื่นจริงๆ แม้แต่กับเพื่อนที่ไว้ใจที่สุด...เขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“บ้าเอ๊ย..” คาเล็มขยี้ผมอย่างแรงจนจูเลียตที่นอนอยู่ข้างๆหันหน้าขึ้นมามอง
“นายน้อยครับ กระผมเอาน้ำขิงมาให้” เสียงของเรนเดลดังอยู่ข้างหน้าประตู ดูท่าจะไม่มีมือว่างมาเคาะ ร่างสูงจึงลุกไปเปิดประตูให้พ่อบ้านของตน
“ขอบใจนะ ...ไม่นอนเหรอ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้านี่” หมอเดินกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง จริงๆขาของเขาอาการดีขึ้นมากระทั่งแทบไม่ต้องให้ใครพยุงแล้ว..
“กระผมก็ต้องตื่นเช้าทุกวันนั่นแหละครับ” เรนเดลยิ้มแล้ววางแก้วน้ำขิงให้เจ้านาย “แต่ถ้านายน้อยยังต้องเจอปัญหาแบบนี้ พ่อบ้านคงหนีไปนอนไม่ได้หรอกครับ”
คาเล็มยิ้มตอบให้คนที่คอยดูแลเขาเสมอมา “ขอบใจ”
“แล้ว...เป็นยังไงบ้างครับ” พ่อบ้านนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆแล้วลูบหัวจูเลียตไปด้วย
“มืดแปดด้าน” ร่างสูงถอนหายใจ
“กระผมบอกให้นายน้อยให้เกียรติการตัดสินใจของคุณแมทเวย์ก็จริง แต่กระผมก็ไม่คิดจะฝืนใจนายน้อยนะครับ...หากไม่อยากจะล่วงเกินคุณแมทเวย์จริงๆ… กระผมก็อยากให้นายน้อยคิดให้ละเอียดอีกครั้งว่าสรุปว่าเพราะอะไร”
“บอกไปแล้วนี่… อยู่กับฉันไปเขาก็ไม่มีความสุขหรอก”
“หรือนายน้อยกลัวว่าจะเสียเขาไปเหมือนครั้งคุณโนเอลมากกว่ารึเปล่า?” คาเล็มสะบัดหน้ามามองเรนเดลอย่างประหลาดใจ นั่นทำให้พ่อบ้านถอนหายใจแทน “นายน้อยครับ...ที่ผ่านๆมากระผมทำได้เพียงแนะนำ และตอนนี้ก็อีก.. กระผมทำได้เท่านั้นเพราะการตัดสินใจต้องเป็นนายน้อยที่ทำ”
“...”
“คุณแมทเวย์น่ะเข้มแข็งกว่าที่คุณคิด กล้าหาญกว่าที่คุณเห็น และยังสมองดีด้วย เพราะงั้น… ผมว่านายน้อยอาจจะแค่ลองเชื่อใจเขาเท่านั้นเองครับ”
“ฉัน...แค่คิดว่าจะเอายังไงในวันพรุ่งนี้ก็เต็มกลืนแล้ว..” คาเล็มเหม่อมองไปบนหนังสือที่เขากางไว้มากมาย “ไม่ได้คิดอะไรไกลขนาดนั้น..”
“คุณริชาร์ดเองก็ไม่ได้อยากจะล่วงเกินคุณแมทเวย์หรอกนะครับ.. แต่กระผมว่าคุณก็ทราบดี”
“รู้.. มองตาก็รู้แล้ว” ที่คาเล็มหงุดหงิดเมื่อกลางวันนั่นเพราะเพื่อนรักของเขาเองก็ฝืนทำในสิ่งที่เขาก็ไม่ได้อยากเหมือนกัน ทำไมคนรอบๆตัวเขามีแต่พวกทุ่มหมดหน้าตักแบบนี้นะ!? พ่อบ้านมองเจ้านายของตนอย่างเอ็นดู
“จริงๆมันก็มีวิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการให้คุณแมทเวย์นะครับ”
“หือ?”
“เพียงแต่ไม่แน่ใจว่านายน้อยจะทำได้หรือเปล่า..”
“อะไรรึ?” คาเล็มเด้งตัวขึ้นมาจากพนักเก้าอี้อย่างอยากจะรู้
“และมันพ่วงกับสิ่งที่ผมเสนอไปเมื่อกลางวัน…” พ่อบ้านยิ้มกริ่มน่าสงสัย ก่อนจะลุกพรวดแล้วรีบเดินออกจากห้อง “ก็ในเมื่อคุณทั้งคู่ไม่อยากทำผมก็จะบอกว่าไม่ต้องทำก็ได้”
ประตูห้องปิดลงในขณะที่อัลฟ่าสูงวัยยังคงนั่งฉงนกับคำเสนอแนะในค่ำคืนนี้… “ไม่ต้องทำ…” เหมือนไอเดียบางอย่างจะวิ่งเข้ามาในสมอง คาเล็มยกโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วรีบโทรหาริชาร์ดอย่างไม่เกรงใจเวลา…
“....แกว่านี่ได้ผลเหรอ..” เช้าตรู่วันต่อมา ซีอีโอวัยกลางคนมาหาแต่เช้าพร้อมของที่เพื่อนรักวานให้ไปหามาให้ด้วยเวลากระชั้นชิด
อุปกรณ์น่าอายจำนวนหนึ่งวางอยู่ในถุงกระดาษแน่นิ่ง ทุกชิ้นเพิ่งซื้อมาสดๆร้อนๆก่อนร้านอย่างว่าพวกนี้จะปิดไม่นาน
“ขอบใจที่เป็นธุระให้” คาเล็มแกะเอาของแต่ละชิ้นออกมาอย่างไม่เกรงใจสายตาของอีกสองคน
“เดี๋ยวๆ...คือเมื่อคืนยังสับสน ขอดีๆอีกทีซิ?” ริชาร์ดเอามือมาแตะเพื่อนรักให้หยุดแกะพวกมัน
“ก็ทำการทดลองไง..” คุณหมอวางนาฬิกาอันเดิมลงบนโต๊ะและตามด้วยยาระงับอาการฮีทและยาลดประสิทธิภาพของอัลฟ่า “ใส่เจ้านี่ให้ลาซารัส.. แล้วพวกเราก็กินยาทุกอย่างให้เสมือนเรากลายเป็นแค่เบต้าที่นกเขาไม่ขันจากนั้นก็ตามนั้น… ค่าใดๆที่วัดได้จะถูกส่งเข้ามือถือฉัน ทดลองได้สองเรื่องพร้อมกันเลย”
“ก็อยากจะชมว่าสมเป็นอัจฉริยะอยู่หรอก แต่กระดากปากชอบกลว่ะ…” พอคิดว่าโอเมก้าคนนั้นต้องโดนของเล่นที่ซื้อมาแต่ละอย่างเข้าไปแล้วก็รู้สึก...อยากเห็นอยู่เหมือนกัน
ไม่ใช่แล้วโว้ย!“เดี๋ยวนะ เมื่อกี้แกพูดว่าพวกเรา หมายถึงฉันก็ต้องเป็นหนูทดลองให้แกด้วยงั้นเหรอ?”
“ก็ถ้าฉันทดลองอยู่คนเดียวแล้วจะบันทึกผลระหว่างนั้นได้ยังไง” คุณหมออัลฟ่าทดลองกดปุ่มของเล่นบางชิ้นและแอบตกใจที่มันสั่นสะเทือนแรงจนน่ากลัว คนเรานี่ก็ช่างประดิษฐ์สร้างของพวกนี้ขึ้นมาได้
“...แล้วแกโอเคเหรอวะ ถามลาซารัสแล้วรึยัง?”
“ถ้าเป็นแกล่ะก็ฉันไม่ว่าอะไรหรอก ส่วนเจ้าหนู...ตอนนี้อย่าว่าแต่คุยเลย พูดอะไรไปก็แทบจะไม่ฟัง เอาแต่ร้องขออยากจะทำๆอย่างเดียว” คาเล็มรู้สึกหดหู่เมื่อนึกถึงตอนที่ลาซารัสรู้สึกตัวตื่นหลังจากหมดฤทธิ์ยาสลบ
“ลำบากหน่อยนะ…” ริชาร์ดตบไหล่เพื่อนปลอบใจ “แต่ฉันคงมาช่วยทุกวันไม่ได้หรอก นี่เดี๋ยวสายๆต้องเข้าไปประชุมที่บริษัทแล้ว”
“ลาหยุดซักอาทิตย์ไม่ได้เรอะ?” ขอกันตรงๆ ไม่อ้อมค้อม และไร้ซึ่งความเกรงใจโดยสิ้นเชิง
“แล้วแกจะจ่ายค่าเสียเวลาให้ฉันมั้ยล่ะ” นี่ยังไม่ได้เก็บเงินค่าของเล่นที่เขารูดจ่ายให้ไปก่อนเลย
“หยุดงานแค่นี้ไม่ทำให้บริษัทแกล้มละลายหรอกมั้ง” ซีอีโอหนุ่มอยากจะด่าเพื่อนรักแต่ก็รู้ว่าคาเล็มพูดไปอย่างนั้น สุดท้ายก็บอกให้เขากลับไปก่อนแล้ววันหลังค่อยแวะมาใหม่
วันนี้คาเล็มคงต้องลุยคนเดียวก่อน…
ร่างสูงยืนอยู่หน้าห้องของลาซารัสที่ค่อนข้างเก็บเสียง อันที่จริงเขาสร้างห้องนี้ไว้ให้โอเมก้าอยู่แล้วเนื่องด้วยเขาต้องการให้ห้องนี้เป็นห้องของโอเมก้าโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ตอนสร้างบ้าน… คาเล็มสูดหายใจลึก เมื่อมั่นใจว่าไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนใดๆเพื่อยืนยันว่ายาออกฤทธิ์แล้ว เขาก็เปิดเข้าไปในห้อง..
ร่างโปร่งบนเตียงสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคนเข้ามาในห้อง ตาสีฟ้าปรือมองไปทางประตูทั้งที่ร่างกายยังคงสั่นสะท้านจนลุกเดินลำบาก “คุณหมอ..?”
“อยากให้นายทานอะไรก่อนสักหน่อยนะ ไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว..” คาเล็มวางถาดอาหารเช้าที่เรนเดลจัดการให้หยิบกินง่ายๆเป็นคำๆไว้ข้างหัวเตียง ลาซารัสยันตัวเองขึ้น ท้องไส้เริ่มหิวประท้วงทะลุราคะของตนออกมาจนต้องยื่นมือมาหยิบไปกินช้าๆ เครกเกอร์ที่สอดไส้ด้วยสลัดไข่กับทูน่ารสหวานไม่เลี่ยนมากและให้พลังงานสูงดูเหมาะกับสถานการณ์ดีสมกับที่พบเจอเหตุการณ์นี้มาจนชิน
“นั่นอะไร..” คงเพราะตอนนี้คาเล็มฉีดน้ำหอมดับกลิ่นฟีโรโมนมาด้วยทำให้ลาซารัสไม่คุ้มคลั่งเหมือนเมื่อวาน ตอนนี้ยังพอสื่อสารกันได้บ้างเล็กน้อย
“...พูดตรงๆตอนที่นายยังมีสติเหลือนะ.. ทั้งหมดนี่คือเซ็กส์ทอย” คาเล็มวางถุงกระดาษลงบนเตียงเบาๆ และหยิบนาฬิกาออกมาใส่ให้ข้อมือข้างที่ไม่ได้กำลังหยิบอาหารมาแทะกิน “ขอโทษนะ แต่ฉันต้องทำการทดลองต่อ.. นายไม่ได้เข้าช่วงฮีทบ่อยๆด้วย”
เมื่อดื่มน้ำตามจนหมดแก้วร่างโปร่งก็พยักหน้ารับช้าๆเหมือนสติยังเลื่อนลอยอยู่ มือที่เพิ่งว่างยื่นมาดึงเสื้ออีกฝ่ายเพื่อเรียกร้องให้คนตรงหน้าเข้ามาหา “คุณคาเล็มอยากให้ผมทำอะไรผมก็ทำ” สายตาเว้าวอนมองอ้อนและเริ่มเกาะแกะตัวเขา
ขนาดว่ากินยาระงับอาการฮีทคาเล็มยังหวั่นๆใจว่าจะไม่เผลอทำอะไรจริงๆหรือ?
แต่ใช่ว่าจะถอยได้ ร่างสูงควานหากุญแจมือมาสวมให้อีกคนแล้วล่ามไว้กับหัวเตียง แม้ไม่อยากทำแต่อย่างน้อยเขาก็ขอป้องกันไม่ให้ลาซารัสเผลอทำอะไรเองตามใจ..
“คุณหมอ..” เสียงครางเรียกหาผู้อยู่เบื้องหน้า คาเล็มจำต้องแตะลงไปตรงส่วนสงวนของร่างโปร่งอย่างช่วยไม่ได้ ณ เวลานี้ไม่ต้องปลุกเร้าอะไรลาซารัสก็ตื่นตัวอยู่แล้ว “อือ..”
เสียงครางเปล่งออกมาเมื่อถูกมืออุ่นลูบไล้อยู่ที่ส่วนอ่อนไหว ขนาดว่ายังไม่ได้ทำอะไรมากแท้ๆ… สองมือปลดกางเกงของโอเมก้าในครอบครองของตนเองออกไป เครื่องเพศความเป็นชายแข็งตัวเต็มที่และมีน้ำหล่อลื่นเปียกเยิ้มออกมาเต็มช่องทางด้านหลัง
“ไม่เกร็งนะ” คาเล็มที่พอมีประสบการณ์มามากพอให้รู้ว่าจะเริ่มทำให้กับมือใหม่ยังไงก็เริ่มกดวนปลายนิ้วสองนิ้วของเขารอบๆช่องทางนั้นแล้วแทรกนิ้วเข้าไปช้าๆ
“อ๊ะ! อ่ะ.. !” ร่างโปร่งสะดุ้งเพราะการรุกล้ำจากสัมผัสไม่คุ้นเคย แต่ก็รู้สึกโหยหามากจนลืมความเจ็บไปจนหมด เสียงครางค่อยๆเพิ่มขึ้นและดังขึ้นทุกครั้งที่คาเล็มขยับนิ้วเข้าออก จากเชื่องช้าก็เริ่มรวดเร็ว
แม้จะกินยาต้านอาการฮีทมาแล้วแต่ใช่ว่าจะไม่มีความรู้สึกอะไร ภาพตรงหน้าช่างเย้ายวนเสียจริง… แต่คาเล็มก็ส่ายหน้าแล้วหยิบเอาอุปกรณ์ที่ดูแสนเข้าใจง่ายออกมา “ลาซารัส.. อันนี้ห้ามเกร็งเด็ดขาดเลยนะ”
“เอ๋? ค...คุณคาเล็ม ไม่ใช่เข้ามา?” ร่างโปร่งที่สั่นระริกเพราะกระสันอยากต้องการสิ่งที่มากกว่าเพียงแค่นิ้ว
“ขอโทษนะ..” อัลฟ่าสูงวัยกลั้นใจค่อยๆสอดใส่ของเล่นชิ้นขนาดกลางๆเข้าไปในช่องทางชุ่มของคนที่นอนอยู่ และหยุดคาเอาไว้อย่างนั้นให้ส่วนคับแคบคุ้นชินกับมันก่อนจะขยับเข้าออกช้าๆ
“อึ้ก! อ๊ะ!” ความรู้สึกแปลกใหม่ที่เพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรกกำลังสอดแทรกเข้ามายังช่องทางลับที่ไม่เคยมีใครบุกรุกเข้ามา ดวงตาสีฟ้าหันไปจ้องมองตาของอัลฟ่าที่เลี่ยงจะสบตากับเขา “ค...คุณคาเล็ม อ๊ะ!”
มือหนาใส่แรงขยับอุปกรณ์ให้เร็วขึ้นเพื่อเร่งให้โอเมก้าของตนถึงที่หมาย ช่องทางตอดรัดแน่นจนดึงเข้าออกลำบาก
“ผม...ต้องการคุณ...คาเล็ม”
เสียงสั่นเอ่ยความต้องการที่ปรารถนา คุณหมออัลฟ่าต้องทำเป็นไม่ได้ยินคำขอร้องเอาแต่ใจของคนไข้ มือข้างที่ว่างยกสะโพกให้สูงขึ้นแล้วกดของเล่นให้เข้าไปได้ลึกกว่าเดิมและกระแทกเข้าออกจนร่างโปร่งกระตุกเกร็งปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นออกมาเลอะเต็มที่นอน
ลาซารัสอ้าปากหอบหนักแต่ร่างกายยังคงถวิลหาสิ่งที่เร่าร้อนมากกว่านี้ สองแขนที่ยังคงถูกตรึงด้วยกุญแจมือไว้บนหัวเตียงพยายามดึงออกอย่างไร้ผล
เขาอยากกอด อยากสัมผัสร่างกายอบอุ่นของคนๆนี้ เขาไม่อยากได้ของพวกนี้เลยแม้แต่น้อย “คุณ...รังเกียจผมเหรอครับ…” ดวงตาสีฟ้าเอ่อนองด้วยน้ำตา “ขอแค่ครั้งเดียว...ช่วยกอดผมหน่อยได้มั้ยครับ...ได้โปรด” ดวงตาคมหันหน้าหนีแล้วยื่นมือไปยังถุงกระดาษค้นเอาสิ่งที่คล้ายลูกบอลกลมๆมาใส่ไว้ในปากของโอเมก้าตรงหน้า แต่ลาซารัสกลับสั่นหน้าเพราะอึดอัดคล้ายไม่พอใจกับของเล่นชิ้นนี้เลย
“อือ!..อื้อ!” เสียงอื้ออึงประท้วงเพราะไม่สามารถส่งเสียงหรือพูดอะไรออกไปได้ เขาได้แต่มองดูคุณหมออัลฟ่าจัดแจงให้เขานอนคว่ำหน้าพร้อมยกสะโพกขึ้นแล้วเปลี่ยนของเล่นชิ้นใหม่แทนอันเก่าก่อนจะสอดใส่มันเข้ามาในตัวเขา ทั้งที่ตอนนี้ใจเขาไม่อยากได้อะไรมาช่วยให้เขารู้สึกดีอีกแล้ว แต่ร่างกายกลับไม่ปฏิเสธและยินยอมต้อนรับให้มันเข้ามาอีกครั้ง
“อุ่ก!! อื๊อ!!” ร่างกายบิดเร้าและสั่นสะท้านเพราะของเล่นที่เหมือนกับชิ้นก่อนหน้า แต่สามารถเพิ่มแรงสั่นได้ตามระดับของรีโมตที่อยู่ในมือของอัลฟ่าที่คอยมองตัวเขาสลับกับมือถือ
“อย่าเกร็งลาซารัส ผ่อนคลายมากกว่านี้ มันไม่อันตรายหรอก” คาเล็มปลอบและค่อยๆเพิ่มระดับจากน้อยสุดไประดับกลาง
ร่างกายของโอเมก้าบิดเร้าเมื่อถูกกระตุ้นปรนเปรอได้โดนจุดจนถึงกับกำมือจิกเล็บลงบนมือตัวเองแน่น ก่อนที่คนควบคุมจะกดปุ่มเพิ่มไปจนถึงระดับสูงสุด ช่องทางตอดรัดถี่ราวกับจะกลืนทุกสิ่งเข้าไป แล้วแก่นกายก็ปลดปล่อยออกมาอีกหลายต่อหลายครั้ง
กว่าจะรู้ตัวอีกทีเขาก็ถูกคุณหมอทดสอบให้เสร็จกับเซ็กส์ทอยไปถึงสี่ห้าครั้ง จนเห็นสมควรว่าวันนี้ควรพอได้แล้วจึงหยุด ร่างโปร่งอ้าปากหอบเอาลมหายใจเข้าไปและหลับตาลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอย่างห้ามไม่อยู่
สุดท้าย...คุณก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมมากไปกว่าตัวทดลองคนหนึ่งจริงๆ สินะ….ลาซารัสหมดเรี่ยวแรงจนผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า คาเล็มเก็บอุปกรณ์แล้วจัดการเปลี่ยนชุดเพื่อทำความสะอาดร่างกายให้กับโอเมก้าของตนก่อนออกไปจากห้องนอนโดยไม่ลืมล็อคประตู และตรงไปยังห้องทำงานเพื่อบันทึกผลครั้งแรกในวันนี้ลงในแล็ปท็อป
“ฉันขอโทษนะ…” มือทั้งสองข้างยกขึ้นกุมหน้าตัวเอง สายตาที่ส่งมาในตอนนั้นเขารู้ความหมายดี และต้องอดทนอดกลั้นฝืนใจอย่างยากลำบากอยู่หลายครั้ง สติที่พร้อมจะสลัดทิ้งไปได้ทุกเมื่อที่เห็นดวงตาสีฟ้าต้องทรมานกับการกระทำของเขาเอง ถึงแม้จะช่วยให้ลาซารัสปลดปล่อยถึงฝั่งไปหลายครั้งแต่หัวใจของเด็กนั่นกลับเจ็บปวดสวนทางกับร่างกาย
คาเล็มได้ข้อสรุปในวันแรกของอาการฮีทในโอเมก้าว่า ทุกครั้งที่ถูกทำให้เสร็จตัวโอเมก้าจะค่อยๆมีสติกลับมา ไม่เหมือนกับตอนที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อยที่เอาแต่พร่ำเพ้อหาถึงอัลฟ่า
เรียกว่าผลการทดสอบวันแรกจัดว่าได้ผลดีก็ไม่เชิงนัก เพราะตัวผู้ทดสอบอย่างลาซารัสไม่พอใจกับการใช้อุปกรณ์มาช่วย ซึ่งเหตุผลนี้คาเล็มเองก็รู้ดีแก่ใจ…
(ยังมีต่อ)