รักพอเพียง ตอนที่ 11
เสียงขีดเขียนดังขึ้นเป็นระยะ ครู่หนึ่งก็เงียบอีกสักพักเจ้าของดินสอก็ย้ายร่างมานั่งข้างโกเมน ดวงหน้าใสของเด็กหญิงยิ้มเผล่โชว์ฟันหลอที่เพิ่งไปถอนเมื่อวันก่อน
“ว่าไงครับ?”
“อาโกเมนสอนเลขข้อนี้หนูหน่อยซิคะ” ชายหนุ่มรับดินสอมาพลางหยิบกระดาษเปล่ามาสอน นี่เป็นแบบทดสอบที่โกเมนคิดขึ้นมาเองเพื่อให้เด็กๆ ฝึกทำในช่วงปิดเทอมแม้วิธีการคิดจะแตกต่างกับที่ครูสอนไปบ้างเพราะการเรียนการสอนสมัยนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแต่หากผลลัพธ์ออกมาถูกต้องโกเมนก็ไม่ค่อยจะเรื่องมากมากนัก ขอแค่ตอบถูกเป็นอันใช้ได้
รัชพลเงยหน้ามองลูกสาวก่อนก้มลงมองอีกคนที่สามารถทำการบ้านได้โดยไม่ต้องให้เขาหรือโกเมนสอนมากนัก ฟักถนัดวิชาคณิตในขณะที่แฟงจะถนัดพวกภาษามากกว่า ใครอ่อนวิชาไหนถ้ารัชพลหรือโกเมนสอนได้ก็จะทุ่มเวลาให้ทั้งหมด แต่เรื่องของอนาคตนั้นพวกเขาไม่คิดบังคับกะเกณฑ์อะไร เด็กๆ ชอบแบบไหนอยากเรียนอะไร อยากมีอาชีพอะไรตามแต่ที่พวกเขาอยากเป็น ขอแค่เป็นคนดีรัชพลก็พอใจแล้ว
“นี่คุณ ผมว่าจะซื้อรถใหม่นะ คราวนี้ว่าจะเอาแบบสี่ประตูแล้วเป็นโฟววิล” โกเมนยื่นกระดาษที่ทดเลขให้เด็กหญิงก่อนจะเงยหน้าพูดกับอีกคน
“แล้วคันนี้ล่ะ?”
“คันนี้คงขายต่อแหละไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม” โกเมนวางดินสอในมือเมื่อเด็กหญิงคิดเลขเองได้แล้ว แฟงขยับไปนั่งชิดฝาแฝดต่างทำการบ้านของตัวเอง
“ทำไมถึงจะซื้อใหม่ล่ะ?”
“คราวก่อนตอนขึ้นเหนือที่ไปซื้อขี้วัวน่ะ ผมเสียดายที่ไม่ได้พาฝาแฝดไปด้วย อยากให้พวกเขาได้ไปเที่ยวบ้าง อีกอย่างฝาแฝดก็โตขึ้นทุกวันรถกว้างๆ น่ะยังไงก็ดีกว่า ลูกจะได้นั่งไม่เบียดกัน เวลาไปเที่ยวก็ไปได้ทั้งบ้าน” อธิบายพลางคิดบัญชีในมือไม่หยุด เขากำลังคำนวณเรื่องค่าใช้จ่ายหากซื้อรถใหม่ ตอนนี้โกเมนมีเวลาช่วยรัชพลเต็มที่แล้วเนื่องจากต้นอะโวคาโดรอเพียงแค่ออกผลให้เก็บเกี่ยว ส่วนพืชผลอื่นๆ ก็เก็บส่งตามเวลา
“....”
“หรือคุณว่าไง?” โกเมนเงยหน้าจากบัญชีเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบ รัชพลก้มหน้าดูฝาแฝดทำการบ้านไม่ยอมเงยมองคนถาม
“เอาซิ”
“เอาซิคือคุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?” ไม่เงยหน้ามองกันแบบนี้เป็นการตอบแบบขอไปทีหรือเปล่า? โกเมนขมวดคิ้ว
“เห็นด้วย”
“จริงเหรอ?”
“จริง”
“แล้วทำไมคุณไม่เงยหน้ามองผมล่ะ?” โกเมนยังขมวดคิ้วไม่คลาย ก่อนจะสังเกตเห็นว่าหูสองข้างของรัชพลแดงเรื่อ เขาขยับตัวรวดเร็วไปนั่งเบียดทันที
“อะไร?” รัชพลตกใจเมื่อจู่ๆ ก็โดนคนตัวโตเบียด เขาเซเกือบไปทับลูกเลยทีเดียว
“คุณหูแดงทำไมอ่ะ?”
“อะไร? หูแดงอะไร ไม่มี๊!”
“นี่ไง นี่ๆๆ หูคุณแดงอยู่นี่” ไม่ว่าเปล่าโกเมนยกมือแตะใบหูของคนปฏิเสธ นิ้วเรียวสัมผัสแผ่ว กระแสบางอย่างแล่นไหลผ่าน พาให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ รัชพลย่นคอหนีด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ นับวันเขายิ่งควบคุมอาการเหล่านี้ได้ยากขึ้น ทำไมกันหนอ?
โกเมนยกยิ้ม ยิ่งเห็นท่าทางหลบหนีของรัชพลเขายิ่งขยับเข้าใกล้ เวลารัชพลแก้มแดงหูแดงมันช่างน่าแกล้งเหลือเกิน โกเมนคิดว่าอีกฝ่ายกำลังเขิน เขินเขา? รัชพลไม่รู้หรือไงนะว่าไอ้ท่าทางแบบนี้มันน่าแกล้งแค่ไหน ร่างสูงขยับเข้าใกล้มากกว่าเดิม ไม่รู้ทำไมเขาถึงมีความสุขเวลาเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นกับเขาคนเดียวจะยิ่งดีเข้าไปใหญ่!
“ตกลงว่าซื้อนะ เดี๋ยวปิดเทอมนี้เราไปเที่ยวกันทั้งครอบครัว” โกเมนหยุดแกล้งเพราะกลัวหูแดงๆ ของรัชพลจะเลือดออก เพราะมันแดงก่ำจนเหมือนมะเขือเทศสุกหลังบ้านแล้ว
“อืม!”
“อ้อ ผมว่าจะซื้อโทรทัศน์ด้วย” โกเมนขยับตัวกลับมานั่งตำแหน่งเดิม ชายหนุ่มเกือบหลุดขำเมื่อเห็นว่ารัชพลแอบถอนหายใจ
“โทรทัศน์?” คิ้วเรียวขมวดมุ่น เขาเหลือบมองคนเสนออย่างไม่เห็นด้วย
“ใช่”
“แต่...” โกเมนรู้ว่ารัชพลไม่อยากให้มีโทรทัศน์อยู่ในบ้าน เพราะไม่อยากสิ้นเปลืองค่าไฟในบ้านแต่ที่สำคัญสุดคือไม่อยากให้ฝาแฝดเสพสื่อหรือติดโทรทัศน์เหมือนเด็กบ้านอื่น เขาชอบคุยกับลูก ทำของเล่นไปเล่นด้วยกัน ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากกว่าให้ลูกไปอยู่กับของพวกนั้น
“ฝาแฝดโตแล้วนะ” โกเมนถอนหายใจ
“เพิ่ง8-9ขวบเอง” รัชพลมุ่ยหน้า โกเมนถอนหายใจอีกครั้ง สอง-สามปีมานี้เขาใช้ชีวิตแบบชาวไร่ชาวสวนเต็มขั้น ดูแลเด็กๆ จนบางครั้งเผลอคิดว่าตัวเองเป็นพ่อของพวกเขาไปแล้ว
“มีโทรทัศน์อยู่ในบ้านดีกว่าให้พวกเขาไปดูที่อื่น ตอนนี้ที่โรงเรียนคงมีสอนพวกคอมพิวเตอร์ คิดดูว่าพวกเขาจะเข้าอินเตอร์เน็ตและรับข่าวสารต่างๆ โดยที่เราไม่รู้ไม่เห็นแน่ๆ อยู่ที่บ้านสอนพวกเขาด้วยตัวเองไม่ดีกว่าหรือไง? อะไรควรไม่ควร อะไรดีไม่ดี เราสอนพวกเขาด้วยตัวเอง ดีกว่าเขาไปรับสารโดยเราไม่รู้ยิ่งน่าห่วงกว่า”
“....” รัชพลนั่งนิ่ง คิดตามคำพูดของพวกเขาแล้วเหลียวมองลูกๆ ที่ละการบ้านในมือมามองหน้าเขาอย่างมีความหวังเมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ “ก็ได้ แต่ต้องมีกฎระเบียบนะ” เขาพูดกับฝาแฝด เด็กๆ ส่งสายตาระยิบระยับก่อนจะร้องเย้ลั่นบ้าน รัชพลยิ้มเมื่อเห็นท่าทางนั้นของลูกๆ โดยไม่รู้ว่าโกเมนเท้าคางมองเขาพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู
*********
โกเมนขมวดคิ้ว สาตายังคงจับจ้องไอแพดในมือ รัชพลมองท่าทางนั้นแล้วนึกหวั่นใจ เมื่อหลายวันก่อนเขาเห็นอีกฝ่ายเอาไอแพดมาชาร์จแบตเตอรี่หลังทิ้งมันเอาไว้เนิ่นนาน ตั้งแต่โกเมนตัดสินใจมาทำไร่อยู่ที่นี่รัชพลแทบไม่เคยเห็นอีกฝ่ายแตะพวกมือถือหรืออุปกรณ์พวกนี้มานานแล้ว คราวนี้ทำไมถึงเอามาดูนะ?
“คุณ”
“หืม?” รัชพลเงยหน้ารวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงเรียก บางทีเขาก็นึกอยากได้ยินโกเมนเรียกเขาว่า ‘พี่พล’ เหมือนเมื่อคราวก่อนจัง
“คือ... พวกไส้เดือนนี่เว้นระยะส่งได้ไหม?”
“ก็ได้นะ” ทำไมจะไม่ได้เล่าในเมื่อเวลาไปต่างจังหวัดเพื่อเอาขี้วัวเขายังทิ้งพวกมันไว้ตั้งหลายวัน “มีอะไรเหรอ?”
“...เปล่า?”
“งั้นเดี๋ยวผมไปเก็บผักหลังบ้านนะ” รัชพลไม่ซักไซ้ต่อ หลายวันมานี้โกเมนเปิดอ่านอีเมล์ในไอแพดแล้วขมวดคิ้วบ่อยมาก บางครั้งเรียกเขาคล้ายมีเรื่องจะพูดจะปรึกษาหากก็เงียบไปคล้ายยังไม่สามารถตัดสินใจได้ รัชพลถอนหายใจ เอาไว้อีกฝ่ายพร้อมเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน
ร่างสูงโปร่งของรัชพลเดินเลาะริมรั้ว เก็บลูกตำลึงดิบใส่ตะกร้าได้จำนวนหนึ่งแล้วจึงเข้าบ้าน ชายหนุ่มเอาลูกตำลึงดิบใส่ถุงแล้วทุบให้พอแตก ล้างน้ำเกลือตามด้วยน้ำสะอาดอีกสี่-ห้าน้ำ สุดท้ายจึงแช่น้ำปูนใสไว้รอทำอาหารมื้อเย็น ถ้าโกเมนได้กินอาหารอร่อยๆ คงจะอารมณ์ดีขึ้นแน่ๆ เสร็จแล้วจึงค่อยตำพริกแกงคอยท่า ย่างหมูจนเหลืองกรอบเตรียมพร้อมไว้
“นี่อะไรหรือ?” โกเมนมองอาหารตรงหน้าอย่างไม่เคยเห็น วันนี้รัชพลเข้าครัวทำอาหารหลายอย่าง มีทั้งแกงขี้เหล็กใส่ปลาย่าง ต้มจืดตำลึงใส่หมูสับ ผัดชาโยเต้และแกงอะไรสักอย่างที่โกเมนไม่คุ้นตา
“แกงคั่วลูกตำลึง” รัชพลตักข้าวให้เด็กๆ ก่อนจึงค่อยตามด้วยโกเมนและตัวเอง
“ลูกตำลึง? มันเอามาทำอะไรแบบนี้ด้วยหรือ? ผมคิดว่ามันเอามาเชื่อมได้อย่างเดียวเสียอีก” นึกถึงลูกตำลึงเชื่อมกรุบกรอบที่รัชพลทำให้กินแล้วโกเมนนึกอยากขึ้นมา แต่แกงคั่วตรงหน้าทำให้เขาแปลกใจมากกว่า คิดไม่ถึงว่าลูกตำลึงจะสามารถทำอะไรได้หลายอย่างขนาดนี้ เขารู้แค่ว่าใบสามารถเอามาทำต้มจืดได้แค่นั้นเอง
“ใช่ นี่เก็บมาได้นิดเดียวเอง ไม่ทันเจ้าพวกนกมัน คราวนี้เก็บไม่ทัน สุกจนแดงให้นกกามันจิกกินจนอิ่มเลยได้มาแค่นี้เอง” รัชพลพยักหน้าอธิบาย แค่นี้เองของรัชพลคือเต็มจานใบเขื่อง ฝาแฝดกับโกเมนกินเผ็ดมากไม่ได้รัชพลจึงตำพริกแกงเองเพื่อควบคุมปริมาณพริกไม่ให้เผ็ดจนเกินไปเพื่อให้ทุกคนสามารถกินได้
“ที่คุณไปเก็บมาเมื่อกลางวัน?”
“ใช่ มันต้องล้างหลายๆ น้ำเพื่อลดความเฝื่อนแล้วก็แช่นำปูนใสเวลาแกงจะได้ไม่เละ ใส่หมูย่างหั่นบางๆ” รัชพลอธิบายพลางตักใส่จานลูกๆ และจานชายหนุ่มอย่างเอาใจใส่ “ลองชิมดู”
“อร่อย!” โกเมนที่ตักเข้าปากถึงกับตาโตเมื่อเคี้ยว สัมผัสความกรุบกรอบและพริกแกงรสกลางๆ ดวงตาเรียวก็เปล่งประกายระยิบระยับ รัชพลยกยิ้มเมื่อเห็นท่าทางนั้น “ผมเพิ่งเคยกินครั้งแรกนี่แหละ”
“นานๆ จะได้กินทีเพราะเก็บลูกไม่ทันพวกนก” รัชพลยิ้มกว้าง มองโกเมนตักข้าวกินอย่างมีความสุข
“นี่เรียกว่าอะไร? หน้าตาเหมือนกล้วยบวชชี” โกเมนชี้ขนมสีขาวที่มีสีเหลืองเป็นชิ้นๆ ในถ้วย กลิ่นหอมเหมือนขนุนสุก
“บวดขนุน ไปแบ่งมาจากบ้านพี่พงษ์” พี่พงษ์ คือรัชพงษ์พี่ชายของรัชพล โกเมนเห็นหน้าอีกฝ่ายบ่อยมากแต่ไม่รู้ว่าเป็นพี่ชายของรัชพลเนื่องจากฝ่ายนั้นไม่เคยบอก จนเขาสงสัยจึงเอ่ยปากถามเอาเอง แน่นอนว่าคำพูดติดปากของรัชพลยังคงเอ่ยออกมาให้ได้ยิน ‘ก็ไม่ได้ถาม’ เขาอยากจะจับตัวอีกฝ่ายมาเขย่าๆ ให้สมองไหลออกจากหู เรื่องแบบนี้ต้องรอให้เขาถามด้วยหรือ? บอกเขาเองไม่ได้หรือไง! จำได้ว่าเขาโกรธรัชพลไปเป็นอาทิตย์กับเรื่องนี้
มื้อเย็นจบด้วยบวดขนุนที่รัชพลปันมาจากบ้านพี่ชายเมื่อตอนกลางวัน เติมหัวกะทิอีกหน่อยให้หวานมันทุกคนก็มีความสุขจนแทบไม่อยากขยับตัว
“อร่อยมาก! ผมไม่คิดเลยว่าขนุนเอามาทำเหมือนกล้วยบวชชีได้ด้วย แล้วไอ้ที่มันๆ นั่นคือเม็ดมันเหรอ?” โกเมนลูบพุงป่องๆ ของตัวเองพลางหัวเราะร่า ขนาดว่ากินข้าวอิ่มแล้ว แต่พอได้กลิ่นขนุนสุกก็พาลอยากกิน สุดท้ายจึงอิ่มจนจุกอยู่นี่ เขาเท้าแขนอยู่บนแคร่หน้าบ้านใต้ต้นกาสะลองหน้าบ้าน ส่วนฝาแฝดก็ผลัดกันอาบน้ำหลังอาหารย่อย รัชพลยกแก้วน้ำผึ้งมะนาวส่งให้อีกฝ่ายดื่มแก้เลี่ยน
“ใช่ เอาเม็ดมันมาต้มแล้วแกะเปลือกออกให้เหลือแต่เนื้อขาวๆ บวดกะทิแล้วใส่เนื้อขนุนสุกลงไป ทั้งหอมทั้งหวาน ถ้ามีน้ำแข็งจะชื่นใจมากกว่านี้” รัชพลยกยิ้มอธิบาย
“คราวหน้าทำให้ผมกินอีกนะ”
“อืม” รัชพลตอบรับพลางทิ้งตัวลงนั่งข้างอีกฝ่ายเงียบๆ
“คุณ”
“หืม?”
“ปีหน้าต้นอะโวค้าโดก็คงเก็บลูกได้แล้วเนอะ?”
“ใช่”
“ผมลองดูบัญชีล่ะ หักลบกลบหนี้ ตอนนี้ผมได้ทุนคืนเกือบหมดแล้ว”
“….”
“ปีหน้าก็จะมีเงินเก็บ”
“แล้ว?”
“ผมจะเก็บไว้ให้ฝาแฝด”
“เอ๊ะ?”
“เก็บเงินสัก สี่-ห้าปีรวมกับรายรับจากส่วนอื่นๆ อีกก็มากพอให้ฝาแฝดเรียนจนจบปริญญาแน่ๆ”
“เดี๋ยวก่อน!” รัชพลวางแก้วในมือก่อนจะคว้าแขนโกเมนให้หันมาทางต้น “หมายความว่ายังไง?”
“ก็หมายความว่าคุณ... พี่พลไม่ต้องห่วงเรื่องค่าเล่าเรียนของฝาแฝดนะ ผมจะรับผิดชอบเอง”
“ไม่ได้!” รัชพลขมวดคิ้ว จ้องหน้าคนพูดอย่างไม่พอใจ
“ทำไมถึงไม่ได้?”
“ฝาแฝดเป็นลูกผม” ยามที่เอ่ยประโยคนี้หัวใจของรัชพลมันเจ็บปวดแปลกๆ จะทำยังไงกับใจเจ้ากรรมนี้ดี?
“…..”
“คือ….” เขาจะอธิบายอย่างไรดี รัชพลไม่กล้ามองหน้าคนด้านข้าง แต่หากไม่อธิบายเขาก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะเสียใจ
“มีผมคนเดียวหรือไงที่เห็นว่าเราคือครอบครัวเดียวกัน”
“?”
“ผมอยากช่วยพี่ดูแลฝาแฝด อยากให้พี่กับลูกๆ สุขสบาย”
“แต่...มันมากไป” ในที่สุดรัชพลก็เงยหน้าขึ้นมองโกเมน ดวงตาเรียวคู่นั้นดูเว้าวอนอย่างที่เขาไม่เคยเห็น
“ไม่มากไปเลยสักนิดถ้าเทียบกับสิ่งที่พี่ทำ”
“แต่...”
“พี่พล พี่คือคนที่ให้ชีวิตใหม่กับผม ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งความคิด ความหวังและความสุข”
“มันเป็นหน้า...”
“ถ้าบอกว่าพี่ทำไปเพียงเพราะมันเป็นหน้าที่ผมคงเสียใจมาก” ใบหน้าหล่อเหลาเศร้าสลดก้มหน้าลงมองฝ่ามือตัวเอง โกเมนขยับเข้าใกล้รัชพลมากขึ้นอีกนิดให้หลังมือแตะชนกัน
“ตะ แต่...” เสียงของรัชพลกระท่อนกระแท่น อยากเอ่ยปฏิเสธแต่เห็นท่าทางของอีกฝ่ายแล้วเขาพูดไม่ออก
“ช่างเถอะๆ จะเพราะอะไรก็แล้วแต่ผมเชื่อว่าพี่พลหวังดีกับผมอย่างจริงใจ ใช่ไหม?”
“….” รัชพลพยักหน้ารับ
“อย่าคิดว่าผมตอบแทนอะไรเลย คิดแค่เพียงว่าที่ผมทำไปเพราะเราเป็นคนครอบครัวเดียวกันต่างหาก ลูกของพี่ก็เหมือนลูกของผม นะ”
“…..”
“ตกลงตามนี้นะ!” ไม่รอให้เขาตอบรับโกเมนก็คว้ามือชายหนุ่มไปกุมไว้พร้อมรอยยิ้มเจิดจ้า รัชพลแทบเป็นลมในนาทีนั้น หัวใจเขาทำงานหนักเกินไป โกเมนจู่โจมจุดอ่อนเขาเข้าอย่างจัง รัชพลหรือเฝ้ารออยากได้ยินร่างสูงเรียกเขาว่า ‘พี่พล’ อีกครั้งหลังจากภรรยาเก่าเขามาเยี่ยมคราวนั้น แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยเรียกอีก พออย่างนี้ล่ะมาอ้อนเขาด้วยคำว่า ‘พี่พล’ พร้อมสายตาวิบวับกับรอยยิ้มเจิดจ้าแล้วเขาจะทำใจแข็งได้อย่างไร
“ไอ้ที่หน้านิ่วคิ้วขมวดมาหลายวันเพราะคิดเรื่องนี้อยู่หรือไง?” รัชพลกระแอมไอ ปล่อยให้โกเมนกุมมือเขาเอาไว้พักใหญ่ รอจนหัวใจเขาเต้นกลับสู่จังหวะปรกติจึงได้ดึงมาออกอย่างอ้อยอิ่งเสียดาย
“ก็เป็นหนึ่งในสองเรื่อง”
“ยังเหลืออีกเรื่องงั้นหรือ?” รัชพลตาโต แล้วคราวนี้โกเมนจะทำให้หัวใจเขาวายตายไปก่อนหรือเปล่าหนอ? ชายหนุ่มเหลือบมองท่าทางคนด้านข้าง เห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วไม่ได้ขยับเข้ามาใกล้ก็ถอนหายใจเสียดาย เอ๊ะ นี่เขาคาดหวังว่าโกเมนจะกุมมือเขาอีกครั้งงั้นหรือ โธ่~
“พี่ตุ่นติดต่อมา” รัชพลจำได้ว่านั่นเป็นอดีตผู้จัดการของโกเมน
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“พี่ตุ่นบอกว่าทาง...ติดต่อมาตั้งแต่ปีก่อนเรื่องถ่ายแบบแต่พี่เขาติดต่อผมไม่ได้ คุณอภินันท์เองก็ร้อนใจ”
“….”
“ถ้าเป็นงานของคนไทยผมคงไม่รับเพราะรู้เช่นเห็นชาติถึงได้หนีมา แต่นี่เขาเป็นแบรนด์แรกๆ ที่ให้โอกาสผมเติบโต”
“คุณอยากกลับไปทำงานในวงการงั้นหรือ?”
“ถ้าถามว่าอยากกลับไปไหมผมจะตอบว่าไม่ แต่เพราะคราวนี้คนที่ต้องการตัวผมคือแบรนด์… ผม...”
“งั้นก็ไปซิ”
“เอ๊ะ?”
“ไปช่วยเขาเสร็จแล้วก็กลับบะ กลับมาทำไร่ต่อทำสวนต่อ” รัชพลเกือบหลุดคำว่า ‘กลับบ้าน’ ออกมาแต่เขาไม่รู้ว่าโกเมนจะเห็นว่าที่นี่คือบ้านของอีกฝ่ายหรือเปล่าจึงหยุดคำนั้นเอาไว้กลางคัน
“งั้นคราวนี้ผมคงต้องผิดสัญญากับฝาแฝดแล้ว เรื่องที่จะพาพวกเขาไปเที่ยวไร่ไพรวัลย์” โกเมนถอนหายใจ ไร่ไพรวัลย์คือฟาร์มวัวนมที่รัชพลเคยพาเขาไปซื้อขี้วัวมาเลี้ยงไส้เดือน ที่นั่นเป็นฟาร์มวัวนมขนาดใหญ่ ข้างๆ เป็นไร่กว้างขวางที่คุณพฤกษ์ผู้เป็นเจ้าของบุกเบิกดูแลเป็นแหล่งท่องเที่ยว ป่าเขาเขียว บรรยากาศสวยงามจนเขาอยากให้เด็กๆ ได้ไปลองเปิดหูเปิดตาจึงได้เสนอกับรัชพลเรื่องซื้อรถคันใหม่ขึ้นมา
“ไว้คราวหน้าก็ได้”
“งั้นเอางี้ ให้ฝาแฝดไปกรุงเทพฯ กับผม”
“หือ?”
“ทำงานเสร็จผมจะพาพวกเขาไปเที่ยวทะเลใกล้ๆ”
“แต่มันจะรบกวน...”
“ไม่ๆ ไม่รบกวนอะไรเลย ดีเสียอีกถ้ามีฝาแฝดกับพี่พลไปด้วย ผมจะได้ไม่ต้องคอยเป็นห่วงว่าพวกพี่อยู่ทางนี้จะเป็นยังไง”
“ผมด้วยหรือ?” รัชพลชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง คิดว่าเมื่อครู่อาจหูฝาด
“แหงซิ มีฝาแฝด มีพี่พล ทำงานเสร็จเราจะได้เที่ยวทั้งครอบครัว”
“…..”
“ตกลงตามนี้นะครับ!” คนตัวโตมัดมือชก
โกเมนเข้านอนแต่หัวค่ำ ในหัววางแผนว่าจะเริ่มทำอะไรก่อน จะพารัชพลและฝาแฝดไปเที่ยวที่ไหนดี จะนั่งรถทัวร์ไปหรือรอรถมาก่อนจึงค่อยลงกรุงเทพฯ ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราโกเมนถอนหายใจ เอาเถอะ เพื่อความสุขสบายของรัชพลและฝาแฝด รอได้รถคันใหม่เมื่อไหร่ค่อยเข้ากรุงเทพฯ แล้วกัน
ส่วนอีกคนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม รัชพลขมวดคิ้วแน่น ครู่หนึ่งก็คลายออกแล้วขมวดใหม่ ในใจเขาสับสนกับเรื่องที่โกเมนบอก หากโกเมนกลับไปทำงานในวงการแล้วจะกลับมาไหม? จะโดนคนในนั้นรังแกอีกหรือเปล่า? เขาเป็นห่วงไปหมดทุกอย่าง
เอาเถอะ ถ้าโกเมนตัดสินใจอย่างไรเขาก็คงต้องยอมรับ
เขาไม่ได้เป็นอะไรกับโกเมนเสียหน่อย จะเอาสิทธิ์อะไรไปห้ามไม่ให้อีกฝ่ายไป
*************
v
v
v