รักพอเพียง ตอนที่ 10
เสียงฝนกระทบหลังคาสังกะสีกลายเป็นเพลงขับกล่อมให้ง่วงงุนจนแทบไม่อยากลุกจากที่นอน รัชพลยืดกายลุกขึ้นนั่ง เหลียวมองลูกชายหญิงที่ยังคงซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาท่ามกลางนิทราและความหนาวเย็นของย่ำรุ่งในฤดูฝน ชายหนุ่มลุกจากที่นอนตัดสินใจทิ้งความอุ่นของฟูกหนาไว้ด้านหลังแล้วเตรียมตัวไปเก็บผักในแปลงหลังบ้าน
“อ้าวคุณ ตื่นแล้วเหรอ?” รัชพลเงยหน้าจากขันน้ำขึ้นมองร่างสูงโย่งของโกเมนแล้วกะพริบตาปริบ
“คุณลุกมาทำอะไรแต่เช้า?” เขาเหลือบมองสายฝนที่ยังคงกระหน่ำไม่ขาดสายแล้วจึงสังเกตว่าบนตัวอีกฝ่ายสวมเสื้อคลุมกันฝนอยู่
“ก็ลุกมาเก็บผักซิคุณ ถามแปลก” โกเมนหัวเราะ เขาถอดเสื้อกันฝนออกแล้วเดินเข้าห้องครัว รัชพลเดินตามไป
“เก็บผัก?”
“อือฮึ”
“คุณน่าจะปลุกผม” รัชพลเกาหัวแกรกก่อนจะเดินเข้าไปแย่งกระทะในมืออีกฝ่าย
“เมื่อวานคุณเหนื่อยมาทั้งวัน ขืนวันนี้ผมปลุกคุณแต่เช้ามืดก็ใจร้ายเกินไปหน่อยแล้ว” โกเมนปล่อยให้รัชพลแย่งกระทะในมือไปอย่างง่ายดาย กับข้าวฝีมือเขาอร่อยสู้อีกคนไม่ได้จึงไม่ดันทุรังแย่งมาทำเอง
“แต่คุณไม่ควรไปตากฝนคนเดียว” ร่างสูงยืนกอดอกพิงขอบประตู ริมฝีปากหยักยกยิ้มกับคำพูดของรัชพล
“ผมไม่เป็นไรหรอกน่า คนกระหม่อมหนาอย่างผมไม่ป่วยง่ายๆ หรอก” รัชพลเหลือบตามองคนกระหม่อมหนาแล้วถอนหายใจไม่ได้ต่อคำอีก ก่อนจะลงมือทำกับข้าวเช้าง่ายๆ สอง-สามอย่างใส่ปิ่นโตให้ลูกๆ ไปโรงเรียน
ตั้งแต่มีเรื่องรถเครื่องเสียกลางทางคราวก่อนโกเมนก็ไม่ยอมให้รัชพลขับมันไปส่งสองแฝดที่โรงเรียนอีก ชายหนุ่มปรับเวลาในการตื่นเช้าให้เร็วขึ้นมาตัดผักเพื่อที่จะได้ออกไปส่งผักและพาเด็กๆ ไปโรงเรียนพร้อมกันทีเดียวแล้วค่อยเข้าไร่สายหน่อย
โกเมนหยิบเสื้อกันฝนขึ้นมาสวมอีกครั้ง ชายหนุ่มกางร่มคันใหญ่กันฝนให้สองแฝดขึ้นรถทีละคนแล้วขับรถออกไปตลาดและโรงเรียน รัชพลยื้อแย่งหน้าที่นี้กับอีกฝ่ายมาหลายครั้งแต่ก็แพ้ทุกครั้งเลยได้แต่เป็นฝ่ายรออยู่บ้านแทน
จนปลายสัปดาห์สายฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสายยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด รัชพลถอนหายใจเพราะเขาไปจัดการโรงเพาะเลี้ยงไส้เดือนไม่ได้ จะตากแห้งไส้เดือนแดดก็ไม่มีมาให้เห็นหลายวันแล้ว เด็กๆ เองก็หงุดหงิดเพราะได้แต่อุดอู้อยู่ในบ้าน ทำการบ้านเสร็จเล่นเกมกับรัชพลบ้าง ฟังนิทานจากโกเมนบ้าง
“พ่อ ฟักกับแฟงออกไปเล่นน้ำฝนได้ไหม?” เด็กชายเขย่าแขนถาม
“ไม่ได้เดี๋ยวเป็นหวัด” คนเป็นพ่อขมวดคิ้ว
“แต่ยายบอกว่านี่ไม่ใช่ฝนแรก อีกอย่างน้ำฝนไม่เย็น เล่นได้ไม่เป็นหวัด” เด็กหญิงเขย่าแขนอีกข้างออดอ้อน
“พ่อบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ซิ ถ้าเป็นหวัดขึ้นมาจะทำยังไง?”
“เอาน่าคุณ ลูกอุดอู้อยู่ในบ้านมาตั้งหลายวันแล้วนะ เอางี้ เดี๋ยวผมออกไปเล่นด้วย รับรองว่าจะไม่ให้นานเกินไป”
“คุณก็อย่างนี้ทุกที ตามใจฝาแฝดเกินไปแล้วนะ ถ้าลูกถูกตามใจจนนิสัยเสียจะทำยังไง?” รัชพลเท้าเอวต่อว่าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ระหว่างเขาสองคนจะเอ่ยเรียกสองแฝดว่าลูก ทั้งๆ ที่เขาต่างหากคือพ่อที่แท้จริงของเด็กๆ แต่โกเมนก็ตู่แย่งลูกไปทุกที
“นะๆๆ น้า นะคะพ่อ พวกหนูออกไปเล่นแปบเดียวจริงๆ” เด็กหญิงแนบแก้มกับแขนผู้เป็นพ่อ ฟักมองท่าทางนั้นก่อนจะวิ่งเข้าไปยึดแขนอีกข้าง ออดอ้อนอย่างที่พี่สาวทำ
“ก็ได้ พ่อให้เล่นแปบเดียวนะเดี๋ยวไม่สบาย” รัชพลถอนหายใจ ท้ายประโยคเขาส่งสายตาให้โกเมนรับปากว่าจะพาลูกเข้าบ้านให้เร็วที่สุด
เด็กๆ ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวอยู่ตรงลานบ้าน สายฝนไม่ได้เย็นเฉียบเหมือนในช่วงต้นฤดูแต่โกเมนก็ทำตามที่รับปากรัชพลไว้ เขาพาเด็กๆ เข้าบ้านหลังลุยฝนลุยโคลนจนเปียกและเปรอะเปื้อนได้ที่ รัชพลไล่ทั้งเด็กโข่งและเด็กเล็กให้ไปอาบน้ำพร้อมกันทีเดียวทั้งสามคนก่อนจะเข้าครัวชงโอวัลตินร้อนออกมาสามแก้ว
จวบจนวันศุกร์ของสัปดาห์ใหม่เวียนมาอีกครั้งฝนถึงได้ทิ้งช่วงห่างให้ต้นไม้ใบหญ้าได้พักเพื่อผลิดอกแตกยอดอ่อน วันนี้วันเสาร์ไม่ต้องรีบไปส่งเด็กๆ ที่โรงเรียนโกเมนจึงขอยืดเวลาอยู่บนฟูกนานขึ้นอีกหน่อย เขาห่อตัวดึงผ้าห่มขึ้นจนชิดคอ ดูเหมือนวันนี้อากาศจะเย็นกว่าทุกวัน เขาได้ยินเสียงเปิดประตู เสียงตักน้ำ สงสัยว่ารัชพลคงจะตื่นแล้ว โกเมนถอนหายใจ รู้สึกคอแห้งจนกลืนน้ำลายแทบไม่ได้ พยายามลืมตากลับรู้สึกปวดกระบอกตาร้าวไปข้างขมับจึงได้แต่นอนนิ่ง
คงไม่ได้ป่วยหรอกใช่ไหม?
ชายหนุ่มถอนหายใจ ลมร้อนผ่านจนแสบจมูกพาให้คิ้วเข้มขมวดแน่น แล้วเขาก็เผลอหลับไปอีกครั้ง
.
.
“ก็บอกแล้วแท้ๆ ว่าอย่าเล่นน้ำฝนอย่าตากฝน เป็นไงล่ะ?” เสียงรัชพลคล้ายดังมาจากที่ไกล โกเมนขยับเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นหรี่มองหาเจ้าของเสียง เห็นอีกฝ่ายยกชามข้าวเข้ามาในห้อง ดวงตาสีสนิมเหลือบมองเมื่อเห็นว่าเขาตื่นแล้ว ดวงตาคู่นั้นสั่นระริกอย่างที่โกเมนไม่เคยเห็นมาก่อน มันอัดอั้นไปด้วยความเป็นห่วงและอีกหลากหลายความรู้สึกที่เขาไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า
“คุณ?” โกเมนนิ่วหน้า รู้สึกเจ็บคอหนักกว่าตอนตื่นนอนก่อนหน้านี้
“ว่าไงล่ะพ่อคนกระหม่อมหนา?” คนบนเตียงอยากยิ้มรับคำกระแหนะกระแหนนั้นอยู่หรอก แต่เขารู้สึกไม่สบายตัวมากเกินกว่าจะทำอย่างนั้นได้
“อือ~” รัชพลถอนหายใจ วางชามข้าวแล้วเข้ามาพยุงให้คนป่วยพิงหัวเตียง ขยับหมอนใบใหญ่หนุนหลังแล้วเดินกลับไปหยิบชามข้าวต้มมานั่งข้างๆ
“กินข้าวก่อน เดี๋ยวจะได้กินยา” กินได้ไม่กี่คำโกเมนก็ผลักชามข้าวต้มออก เขาเจ็บคอมาก มากชนิดที่แม้แต่น้ำเปล่าก็ไม่อยากกลืน รัชพลถอนหายใจ สุดท้ายเมื่อบังคับให้โกเมนกินข้าวเพิ่มไม่ได้รัชพลเลยกลับออกไปแล้วกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมแก้วน้ำใบโต กลิ่นฉุนบางอย่างทำให้โกเมนขมวดคิ้ว “นี่น้ำขิง”
“.....” โกเมนส่ายหน้าหวือ พยายามผลักแก้วใบนั้นให้ออกห่างตัว
“อย่าดื้อ!” คนดูแลชักทนไม่ไหว แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะหายป่วย!
“....” โกเมนส่ายหัวอีกครั้ง เขาเคยลองชิมเมื่อตอนเด็ก เวลาเขาป่วยแม่มักจะทำน้ำขิงให้เขาดื่มแต่เขาก็แอบเอาทิ้งไม่ให้แม่เห็นทุกที ก็มันทั้งเผ็ดทั้งร้อนไม่เห็นอร่อยเลยนี่นา รัชพลถอนหายใจลุกออกไปจากห้องแล้วก็กลับเข้ามาอีกรอบ
“คราวนี้ใส่น้ำผึ้งแล้ว ไม่เผ็ดมากหรอก” ทั้งปลอบทั้งหลอกล่อ ถ้าคราวนี้ไม่ยอมดื่มเขาจะจับกรอกปาก!
เห็นสายตาจ้องเขม็งสุดท้ายโกเมนเลยต้องรับแก้วน้ำขิงมาถือไว้ ทำใจอยู่ครู่ใหญ่ถึงค่อยยกขึ้นจิบคำเล็กๆ กลิ่นหอมของน้ำผึ้งและรสหวานเจือจางความเผ็ดร้อนของขิงแก่ได้มากโข เมื่อแน่ใจว่าไม่เผ็ดร้อนจนเกินไปนักเขาจึงค่อยจิบอึกใหญ่ขึ้น พอน้ำขิงผ่านลำคอความแสบร้อนพลันทุเลาลงฉับพลัน คิ้วเข้มเลิกขึ้น เขาก้มลงมองน้ำขิงในมือนิ่ง รัชพลเลิกคิ้วเป็นคำถามเมื่อเห็นท่าทางนั้น
“ไม่คิดว่าน้ำขิงจะอร่อยได้” เสียงเขาไม่แหบมากนัก มีแต่อาการเจ็บคอกับไข้
“น้ำผึ้งช่วยให้กินง่ายขึ้น”
“...ขอบคุณนะ”
“คุณนี่กินยากกว่าเจ้าแฝดเสียอีก” โกเมนถลึงตากับคำพูดนั้น “ไม่ต้องมาถลึงตาเลยนะ บอกแล้วไงว่าไม่ให้ตากฝน เตือนไม่รู้จักฟัง” ด้วยไม่เคยเห็นรัชพลดุแบบนี้มาก่อนสุดท้ายโกเมนเลยได้แต่ก้มหน้าฟังคำบ่นของอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้ฝ่ายนั้นเห็นเขาอายุเท่าเจ้าแฝดหรือเปล่าถึงได้บ่นยังกับเขาเป็นลูก เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งเหลือบเห็นท่าทางอ่อนเพลียของคนป่วยจึงยอมหยุดปากในที่สุด
“คุณนอนพักเหอะ เดี๋ยวตอนเย็นผมค่อยมาบ่นใหม่”
“ฮื่อ!” โกเมนตาเหลือกเมื่อได้ฟัง นี่ยังจะบ่นต่ออีกหรือ?
รัชพลมองท่าทางหวาดผวาของคนตัวโตแล้วหลุดขำ ดวงตาคู่สวยพราวระยับ ก่อนจะหยิบกระติกเก็บความร้อนที่ใส่น้ำขิงผสมน้ำผึ้งเอาไว้เต็มวางลงใกล้ฟูกตรงหัวนอน
“ถ้าไม่อยากให้บ่นต่อก็จงทำตัวเป็นเด็กดีซะ รู้ไหม?”
“....” นี่อีกฝ่ายเห็นเขาเป็นเด็กจริงๆ ใช่ไหม ชายหนุ่มแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่าย หากสุดท้ายก็พยักหน้ารับก่อนล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปอีกครั้ง
“อาโกเมนเป็นหวัดเหรอ?”
“ทำไมถึงเป็นหวัดล่ะ?”
ก็เพราะตากฝนไงเล่า! โกเมนนึกอยากกลอกตาใส่แต่อาการปวดเบ้าตายังอยู่เลยไม่คิดจะฝืนสังขารทำ
“อาโกเมนเป็นเด็กดื้อเลยป่วย”
“พ่อ/พ่อ” สองแสบวิ่งเข้าไปกอดเอวผู้เป็นพ่อคนละข้าง ดวงตาใสแจ๋วยังคงมองโกเมนที่นั่งหมดแรงอยู่บนฟูกนอน
“อย่าดุผมต่อหน้าลูกได้ไหม!” เกิดเขาไม่เท่ในสายตาเด็กๆ จะทำยังไงเล่า รัชพลยักไหล่ก่อนจะไล่ฝาแฝดออกจากห้องแล้ววางกะละมังน้ำอุ่นเพื่อเช็ดตัวให้คนไข้ “ผมว่าผมไปอาบน้ำดีกว่า”
“ลุกไหวเหรอ ไม่เมาหัวหรือไง?”
“ก็....” ก็เมาแหละ แต่เขาอายนี่นา!
“วันนี้ยังไม่ต้องอาบน้ำหรอก อดทนเช็ดตัวไปก่อนนะ เกิดไข้ขึ้นจะแย่เอา” มือเรียวยื่นปลดกระดุมเสื้อคนป่วย โกเมนชะงัก มือใหญ่คว้ามืออีกฝ่ายเอาไว้ไม่ให้ขยับ
“เอ่อ...”
“?” รัชพลหยุดมือก่อนจะหรุบสายตาลงมองกระดุมเสื้อที่ถูกเขาปลดไปแล้วสองเม็ด แผ่นอกขาววับแวมตรงหน้าพาให้แก้มร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงครั้งก่อนตอนที่ตัวเองเลือดกำเดาไหลเพียงแค่ได้สัมผัสแผ่นหลังเปลือยของโกเมน
“เดี๋ยวผมทำเอง คุณไปกินข้าวกับลูกเถอะ”
“งะ งั้นเสร็จแล้วคุณก็เรียกนะ”
“ครับ”
กว่ารัชพลจะทำให้จังหวะหัวใจกลับมาเต้นเป็นปรกติได้ก็ผ่านไปครู่ใหญ่ ดีว่าครั้งนี้เขาไม่เลือดกำเดาไหลต่อหน้าลูก ไม่งั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไงดี
ด้วยการดูแลอย่างดีแกมบังคับโกเมนอาการทุเลาลงในวันที่ห้า ไข้ไม่มีแต่คราวนี้เสียงกลับหายไปแทน ชายหนุ่มนึกรำคาญเสียงแหบเป็นเป็ดของตัวเองมากอีกทั้งเสมหะในลำคอที่ยังไม่ลดลงเลยได้แต่บอกตัวเองว่า คราวหน้าจะไม่ยอมเป็นหวัดอีกแล้ว
อ้อ ดูเหมือนหลังจากหายป่วยโกเมนก็ชอบดื่มน้ำขิงในฤดูฝนและฤดูหนาวไปโดยปริยาย
**********
“คุณ มากินข้าว”
“แปบนึง จะเสร็จแล้ว” โกเมนตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง มือยังคงขยับจดเลขลงในสมุดบัญชีรวดเร็ว
“ฝาแฝดรออยู่”
“ครับๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ช่วงนี้นอกจากกล้วยที่ต้องเข้าไปตัดช่วงเช้าในไร่ก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรมาก ต้นอะโวคาโด้แข็งแรงดีแล้ว ไม่ต้องการน้ำมากเหมือนช่วงแรก ต้นดีปลีเพิ่งเก็บฝักไปต้องรีบตากให้แห้งไม่อย่างนั้นจะเกิดเชื้อราได้ ที่ยุ่งจริงๆ คือโรงเพาะไส้เดือน เนื่องจากหน้าฝนที่ผ่านมาทำให้พวกตัวแดงๆ นั่นเติบโตขยายพันธุ์เร็วมาก รัชพลเลยต้องเร่งมือเอาพวกมันมาตากแห้งโดยเร็วเพราะทุกอาทิตย์จะมีรถเข้ามารับซื้อถึงบ้าน แม้ราคาขายออกจะถูกกว่าการส่งให้บางเจ้าแต่รัชพลถือว่า ดีกว่าเปลืองน้ำมันและเสียเวลาหาร้านซื้อเอง ดังนั้นขายราคาถูกมาหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
“เออ คุณ พรุ่งนี้ไปซื้อขี้วัวกับผมหน่อยนะ”
“หือ ที่ไหนอ่ะ?” โกเมนเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นถาม ที่ผ่านมารัชพลจะเป็นคนไปซื้อขี้วัวเองเพราะโกเมนยุ่งอยู่กับไร่อะโวคาโด้ ตอนนี้ปล่อยมือได้แล้วจึงอยากพาอีกฝ่ายไปด้วย
“ฟาร์มวัวที่จังหวัด....น่ะ ฟาร์มคุณพฤกษ์”
“ฟาร์มคุณพฤกษ์?”
“อืม ฟาร์มคุณพฤกษ์เป็นฟาร์มวัวนม สะอาดและถูกหลักอนามัย ดังนั้นขี้วัวที่ฟาร์มนี้จะคุณภาพดีกว่าที่อื่น”
“แล้ว...คุณไปรู้จักเขาได้ยังไง?” ไหงมันคันยุบยิบในหัวใจขึ้นมาอีกแล้ว มันจะไม่อะไรเลยถ้าไอ้ดวงตาสีสนิมของรัชพลมันจะไม่วิบๆ วับๆ น่ะนะ
“ก็งานเกษตรแฟร์เมื่อสอง-สามปีก่อน”
“อ้อ~”
“เอ่อ...” แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกเหมือนพูดอะไรไม่ควรออกไปด้วยนะ หรือเขาพูดอะไรผิดไป? รัชพลเหงื่อซึมกับสายตาไม่ใคร่จะพอใจของโกเมน ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงเหมือนฝาแฝดตอนงอนเขาไม่มีผิด
“กินข้าว!”
“...ครับ” รัชพลขยับมุมปาก นึกอยากจะหัวเราะกับท่าทางนั้นแต่ไม่กล้าเลยได้แต่ตักข้าวเข้าปากเพื่อไม่ให้เผลอหัวเราะออกมาจริงๆ
“พี่พล พี่พล” เสียงร้องเรียกดังมาจากหน้าบ้าน รัชพลละจานข้าวลุกออกไป
“ฟัก-แฟง ออกมานี่เร็ว” รัชพลเอ่ยเรียกฝาแฝด สองคนเงยหน้ามองโกเมน เมื่อเห็นเขาพยักหน้าจึงวางช้อนแล้วลุกออกไป โกเมนเดินตามหลังออกมาห่างๆ
“ไหว้แม่เขาซิลูก”
“!” โกเมนเบิกตากว้าง จ้องมองผู้หญิงที่ยืนตรงหน้ารัชพลเขม็ง เธอเป็นผู้หญิงผิวขาว รูปร่างสมส่วน อะไรที่ควรมีก็ใหญ่เกินหน้า ส่วนเว้าส่วนโค้งสวยงามเรียกสายตาให้มองตามน้ำลายหก ใบหน้าสวยจากเครื่องประทินโฉม เสื้อผ้าหรูหรางดงาม ดูแตกต่างกับรัชพลจนแทบไม่น่าเชื่อว่าสองคนเคยเป็นคู่สามี-ภรรยากันมาก่อน
ฝาแฝดยกมือไหว้หากไม่ได้เข้าไปหา เด็กทั้งสองคนยืนจับมือผู้เป็นพ่อคนละข้าง โกเมนถอนหายใจนึกโล่งอกที่เด็กๆ ไม่ได้โผเข้าใส่ผู้หญิงคนนั้น ว่าแต่...เขาจะโล่งใจทำไม ฝาแฝดได้เจอหน้าแม่เขาควรจะยินดีซิ
“ฟัก –แฟง แม่มีของเล่นมาให้พวกหนูด้วยนะ” ฝาแฝดไม่กล้ารับ สองคนเงยหน้ามองรัชพล
“ฟัก-แฟง รับมาซิลูก แม่เขาอุตส่าห์เอามาให้นะ” รัชพลไม่ได้เป็นคนพูดประโยคนี้ เขาหันกลับมามองโกเมนที่เดินมาจากด้านหลัง
“ขอบคุณครับ /ขอบคุณค่ะ” ฝาแฝดรับของเล่นมาถือก่อนจะวิ่งกลับมาหาโกเมนแล้วยื่นของเล่นให้ดู ของเด็กชายเป็นเครื่องบินบังคับ ส่วนของเด็กหญิงเป็นชุดตุ๊กตาราคาแพง “อาโกเมนสอนพวกเราเล่นนะครับ” เด็กชายรู้ว่าอาโกเมนมาจากกรุงเทพฯ ของเล่นพวกนี้อาโกเมนต้องรู้จักแน่ๆ ดังนั้นให้อาโกเมนสอนเล่นน่ะถูกต้องที่สุด
“ได้ครับ”
“เอ่อ เขาเป็นใครน่ะพี่พล ทำไมมาอยู่ในบ้านเรา”
“คือ..” รัชพละกำลังจะเอ่ยตอบ หากสีหน้าบึ้งตึงของโกเมนทำเอาเขาไม่กล้าขยับปาก ญาติ? คนอาศัย? หรือว่าเพื่อน? ถ้าบอกว่าโกเมนเป็นเพื่อนอีกฝ่ายจะโกรธไหมนะ?
“บ้านคุณ? ผมคิดว่านี่เป็นบ้านคุณพะ.. บ้านพี่พลคนเดียวเสียอีก”
“ก็...” หญิงสาวอึกอักอ้าปากจะเอ่ยตอบ
“เห็นว่าคุณเลิกกับพี่พลแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เอ่อ ค่ะ”
“ถ้างั้นเมื่อกี้คุณพูดผิดนะครับ”
“คะ?”
“บ้านของพี่พล ไม่ใช่บ้านของเรา”
“....” หญิงสาวนิ่งอึ้งพูดไม่ออก เธอหันไปมองหน้ารัชพลเพื่อขอคำตอบว่าผู้ชายที่พูดแทรกระหว่างเธอกับอดีตสามีคนนี้เป็นใคร
“นี่คุณโกเมน หลานชายลุงปั้นบ้านข้างๆ น่ะ แล้วก็นี่ ฟ้า แม่ของฝาแฝด” รัชพลพูดรัวเร็ว หัวใจเต้นตึกตักกลัวว่าจะพูดไปแล้วทั้งสองคนจะรู้สึกไม่พอใจคำพูดเขาขึ้นมา หากโกเมนเพียงแค่พยักหน้ารับ
“แล้วเขามาอยู่ที่นี่ทำไม?” หญิงสาวทำหน้าไม่เข้าใจ
“พอดีบ้านคุณตามันหลังใหญ่ไปน่ะครับ อยู่คนเดียวมันเหงาผมเลยมาขอเบียดอยู่กับพี่พลดีกว่า” โกเมนจงใจเน้นคำว่าเบียดพลางยิ้มแย้ม “นี่กะว่าจะให้พี่พลย้ายมานอนห้องเดียวกับผมด้วยนะครับ ฝาแฝดโตขึ้นทุกวันที่นอนมันแคบ”
“นี่!”
“นะครับพี่พล ย้ายมานอนฟูก เอ้ย ห้องเดียวกันดีกว่า” โกเมนขยิบตา ก้มลงกระซิบข้างหูรัชพล เป็นการกระซิบที่ดังพอให้หญิงสาวตรงหน้าได้ยินแบบชัดเจนด้วย รัชพลหน้าแดง คิ้วขมวดมองว่าร่างสูงข้างๆ นี่กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ หากอีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มกว้าง สายตาพราวระยับจับจ้องเขาไม่วางตา รัชพลกระแอมไอแสร้งมองไม่เห็น
“แล้วนี่ฟ้ามายังไงน่ะ” รัชพลเอ่ยถามเพราะไม่เห็นรถจอดอยู่สักคัน
“พี่พงษ์มาส่งน่ะ”
“งั้น เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ แล้วนี่จะมาอยู่กี่วัน”
“สอง-สามวันแหละพี่” หญิงสาวคุยกับรัชพลโดยไม่สนสายตาไม่พอใจของโกเมนที่มองมา
“งั้นตอนเย็นๆ พี่จะพาฟัก-แฟงไปหาที่บ้านแล้วกัน ตอนนี้เด็กๆ คงยังไม่ค่อยชิน”
“จ้ะ”
“คุณ เดี๋ยวผมไปส่งแม่ฝาแฝดก่อนนะ” รัชพลหันมาบอคนข้างๆ หากโกเมนกลับคว้าศอกเขาเอาไว้แน่น สายตาวิบวับเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวโดยที่โกเมนเองไม่รู้ตัว ในใจเขารู้สึกแค่ว่าไม่อยากให้รัชพลใกล้ชิดกับเมียเก่าเท่านั้น
“โกเมน?”
“...เอารถผมไป”
“แต่...”
“เอารถยนต์ไป!” ขืนให้นั่งรถเครื่องมีหวังได้ใกล้ชิดแนบสนิทกันน่ะซิ เขาไม่ยอมหรอก!
“ก็ได้”
“ห้ามเถลไถล ต้องกลับบ้านภายในยี่สิบนาที”
“ฮื่อ!” รัชพลไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของอีกฝ่าย
“ไม่มีข้อแม้ ถ้าคุณไม่กลับบ้านภายในยี่สิบนาทีผมจะหอบลูกไปตามคุณถึงที่!”
รัชพลกะพริบตาปริบพยักหน้ารับแบบงงๆ ขืนให้โกเมนแบกลูกไปตามเขากลับถึงบ้านอดีตพ่อตา-แม่ยายจริงเขาคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน หนำซ้ำต่อหน้าเมียเก่ากับ...
**********