➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ  (อ่าน 124986 ครั้ง)

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2


35 – นราธิป


นราธิป แปลว่า ผู้เป็นใหญ่ในหมู่คน เป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นเหมือนประชดคล้ายกับลูกชายของเขาที่จะเกิดในอีกสามสิบหกปีข้างหน้า นราธิปมีพี่ชายทั้งหมดสี่คน เขาเป็นคนสุดท้อง แต่ไม่ใช่คนสุดท้องที่ถูกโอ๋เอาใจ ทุกคนถูกเลี้ยงแบบตามมีตามเกิด อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ แก่งแย่งชิงดีจึงมักเกิดในหมู่พี่น้อง ทั้งทุกคนเป็นผู้ชาย เลือดร้อน ไร้การอบรมที่ดี การแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงจึงเป็นเรื่องธรรมดา และธรรมดาที่นราธิปจะเป็นฝ่ายแพ้และตกเป็นเครื่องมือรองรับอารมณ์

นราธิปคับแค้น เก็บกด ขาดที่พึ่ง รู้สึกว่าตนไม่มีอำนาจ แต่ก็นั่นแหละที่ผลักดันให้เขาถีบตัวเองขึ้นมาจากจุดต่ำที่สุด เขาต้องการเป็นใหญ่ในหมู่คนให้สมชื่อ ไม่สนใจเสียงเยาะหยันปั่นหัวจากบรรดาพี่ชาย นราธิปคิดแค่ว่าพวกมันกลัวเขาจะได้ดีกว่า แม้วันที่ทุกคนเติบใหญ่และไม่วิวาทต่อยตี ไม่กลั่นแกล้งด้วยกำลังเหมือนเด็กๆ นราธิปก็ไม่คิดสมานฉันท์ด้วย ที่สมานก็เห็นจะมีแต่หน้ากากยิ้มแย้มบนใบหน้า ขณะที่เท้าเหยียบหัวใครต่อใครขึ้นไปเพื่อไต่เต้าให้ถึงจุดที่ต้องการ

แน่นอน แม้แต่หัวของพี่ชายตัวเองก็ไม่เว้น

สุดท้ายนราธิปไร้ญาติขาดมิตร แต่เขาก็ไม่สนใจถ้าตนเองจะประสบความสำเร็จ เขามีหน้าที่การงานที่ดี มีเงิน มีหน้าตาในสังคม เหลือแค่อีกอย่างคือผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิต เขาต้องการสาวงามไว้เคียงข้างเพื่อประดับบารมี และเมื่อพบกับปราณี นราธิปก็หลงใหลความงามของหล่อนที่เป็นดังใจเขาทุกอย่าง

การแต่งงานถูกจัดขึ้นหลังคบหาดูใจไม่นาน ด้วยอายุอานามที่ใกล้วัยกลางคนจึงเป็นเหตุให้เขารีบลงหลักปักฐาน เขาคิดอยากมีลูกชายสักคนเพื่อสืบสกุล และก็สมดังปรารถนา ปราณีตั้งครรภ์ให้เขาตื่นเต้น และดีใจในวันที่ทารกตัวน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้นมา

เป็นไท คือชื่อลูกชายของเขา เขาให้สิทธิ์ปราณีตั้งชื่อดังที่หล่อนต้องการ เพราะเขาก็หวังให้หล่อนและลูกเป็นดังใจเขาเช่นกัน ทว่าถัดจากนั้นไปอีกสามปี ความหวังก็กร่อนลงพร้อมการมาของวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่

นราธิปเหมือนถูกผลักให้กลับมายืนอยู่จุดต่ำสุดจุดเดิมที่เคยเหยียบหัวใครต่อใครไต่เต้าขึ้นไป แม้ไม่ได้ถูกลอยแพเหมือนพนักงานระดับล่าง แต่เขาก็ถูกบีบด้วยการลดขั้นเงินเดือน บีบด้วยการไม่มีงานให้ทำ ให้สำเหนียกตนเองได้ว่าที่นี่ไม่มีอะไรเหลือให้แล้ว และใกล้จะล้มตายเต็มที

เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตนเองกลับมาขาดไร้อำนาจ เป็นครั้งแรกที่อะไรๆ ก็กลายเป็นไม่ได้ดังใจ แม้แต่ปราณี เขาทะเลาะกับหล่อนบ่อยขึ้น และเป็นไทก็ชอบแผดเสียงร้องไห้ให้หนวกหู เขาไม่พอใจอะไรในบ้านเลยสักอย่าง แต่ขณะเดียวกัน บ้านก็เป็นสถานที่เดียวที่เขายังมีอำนาจ เขาจึงแผดมันออกไป อาละวาดผ่านผรุสวาทและกำลัง กระนั้นเขาก็ยังไม่พอใจ ไม่พอใจ ไม่พอใจ ไม่พอใจแม้แต่ลูกชายที่ตนเองเคยดีใจเมื่อเขาเกิดมา

และในวันที่นราธิปคิดว่าถ้าย้อนเวลาได้ เขาจะไม่ให้เด็กคนนี้เกิดมา ก็เป็นวันเดียวกันกับที่โทสะถูกเร่งเร้าผ่านฤทธิ์สุรา เขาตบตีปราณีจนลงไปกองกับพื้น ทุกอย่างเงียบงันก่อนแผดลั่นด้วยเสียงร้องไห้ของเป็นไท และเพราะหนวกหูไม่เป็นที่น่าพอใจ เขาจึงมุ่งตรงเข้าไปทุบตีลูกของตนเอง หวังให้หุบปากแต่เสียงร้องก็ยิ่งดังลั่น เขาจึงพูดทุกสิ่งเลวร้ายที่คิด ฉะฉานเต็มปากเต็มคำว่าไม่น่าเกิดมา ก่อนลากไปขังในห้องน้ำคล้ายที่ตนเองเคยถูกพี่ชายแกล้งเอาไปขังในโกดังเก็บของอยู่สองคืน

และแม้ได้ยินเสียงร้องไห้ทรมาน เขาก็ไม่เห็นใจ มันไม่จริงดังคำพูดที่ว่าคนที่ประสบพบเจอเรื่องเดียวกันย่อมเห็นใจกัน ความจริงแล้วจิตใจมนุษย์เฉยชากว่านั้น หลายครั้งที่มองเห็นคนตรงหน้าเดือดร้อนในเรื่องเดียวกันกับที่ตนเคยเจอ สายตาก็พาลทำเป็นมองไม่เห็นเอาเสียดื้อๆ และส่วนลึกที่สุดของจิตใจก็พร่ำพูดซ้ำไปซ้ำมา ฉันก็เคยเจอมา ฉันก็ผ่านมันมาได้ แกผ่านมันไปไม่ได้หรือ? งี่เง่าสิ้นดี พร่ำพูดเช่นนั้น ดังก้อง แต่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

นราธิปเองก็คิดแบบนั้น ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัวเขาก็คิดมันกับลูกชายตนเอง การแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงกลับมาเป็นเรื่องปกติธรรมดา หนำซ้ำเขายังเสพติดมันอย่างน่าสมเพช ยังความเวทนาของเด็กชายตัวเล็กๆ ให้ทวีเท่า เขายังคงก่นด่าแทบทุกคืนวันว่าเป็นไทนั้นไร้ค่า ทั้งที่ใจเขาเองก็รู้ดีว่าเด็กคนนี้มีค่ากับเขา แม้จะเป็นด้านที่เลวทรามที่สุด เป็นไทก็มีค่าในฐานะเครื่องมือรองรับอารมณ์และความบ้าอำนาจซึ่งไร้ที่ลง

ดังนั้น ในวันที่เป็นไทประกาศตัวว่าจะไม่อยู่ในอำนาจของเขาอีกต่อไป แม้ตายก็จะหนีไปให้พ้น นราธิปพลันรู้สึกว่างเปล่า ว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์แบบคล้ายภาชนะที่โหวงว่าง และเป็นเขาเองนั่นแหละที่ไร้ค่า ไม่ใช่เป็นไท

นราธิปยอมถอยออกมาจากชีวิตของปราณีและลูกชาย เมื่อหมดสิ้นทุกสิ่ง เขาจึงต้องเริ่มใหม่ เริ่มจากศูนย์ ถ้าไม่เริ่มก็ตายอยู่ตรงนั้น นราธิปกลับไปทำงานเป็นที่ปรึกษาอาวุโสให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ทุกอย่างดูเป็นไปด้วยดี แม้แต่ผู้คนเขาก็ยังพบเจอแต่คนดีๆ กระทั่งผู้หญิงดีๆ

หล่อนเป็นหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่ง ทำงานอยู่ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ หล่อนยิ้มสวย ใจดี เป็นมิตร น่าคบหา และเมื่อได้สานสัมพันธ์ นราธิปก็หวังกับหล่อนเอาไว้ว่าครั้งนี้มันต้องออกมาดี ครั้งนี้เขาต้องไม่ทำพลาดซ้ำสอง เขาหวังไว้ว่านี่จะเป็นการลงหลักปักฐานครั้งสุดท้าย

เขาไม่อยากอยู่คนเดียว

แต่แล้วหล่อนก็ไปกับคนที่หนุ่มกว่า

นราธิปบรรยายความรู้สึกออกมาไม่ถูกในครั้งแรกที่ได้รู้ เขาไม่แน่ใจว่าตนเองโกรธหรือเสียใจมากกว่ากัน แต่บางที ผิดหวัง น่าจะเหมาะกว่า และยิ่งหมดหวังเมื่อเจ้าหล่อนบอกเหตุผลกับเขาว่าเขาแก่เกินไป

ตื่นเช้าวันถัดมา นราธิปก็เหมือนจะได้กลิ่นของสิ่งที่หล่อนว่า กลิ่นของวันเวลาที่ล่วงเลยในร่างกายของเขา มันเป็นกลิ่นที่เคยได้ยินได้ฟังมาว่าคนแก่จะมีกลิ่นเฉพาะตัว แต่เขาก็ไม่นึกเลยว่ามันจะมาจากตัวเขาเองในวันหนึ่ง ให้พรั่นพรึงกระแสเวลาและยิ่งหวาดกลัวในความเดียวดาย

ปราณีที่เขาบังเอิญได้เจอจึงเหมือนฟางเส้นสุดท้าย เขาอยากกลับไปหาหล่อน หล่อนที่ไม่เคยหมดหวังในตัวเขา แม้จะไม่แน่ใจนักว่าเขารักหล่อน แต่ที่แน่ๆ เขารู้สึกผิดและอยากจะไถ่โทษ ใช่ เขาอยากไถ่โทษ ทั้งใช้เป็นข้ออ้าง และอยากจะทำมันจริงๆ ด้วยใจ

แต่เป็นไทดูจะไม่ให้อภัยเขา

อันที่จริง ต่อให้ไม่ต้องไปพบ เขาก็รู้ว่าเป็นไทจะไม่ให้อภัย นราธิปปวดร้าวทั้งที่ไม่คิดว่าจะรู้สึก เมื่อเห็นว่าเป็นไทหนีหน้าเขาถึงสองครั้ง หนีไปอย่างรวดเร็วจนแทบไม่มีเวลาให้เขาจดจำรูปลักษณ์ เขาเห็นผ่านแค่ว่าเป็นไทเป็นเด็กหนุ่มตัวสูง ปราดเปรียว โครงหน้าคล้ายแม่ ดังที่ว่าลูกชายหน้าคล้ายแม่จะดี หากนัยน์ตานั้น นราธิปรู้สึกว่าเป็นไทได้มันจากเขา

แต่เมื่อได้สบตาให้ชัดๆ ตรงหน้าตอนนี้ นราธิปก็รู้สึกว่าแววตานั้นไม่ได้ส่องสะท้อนความคิดที่คล้ายเขาเลยสักเศษเสี้ยว

“ที่ผมมา เพราะอยากรู้ว่าคุณต้องการอะไรจากผม”

เสียงทุ้มเอ่ย ก่อนที่เจ้าตัวจะหลุบตาลงต่ำ หนี คงใช่ นราธิปสัมผัสได้ว่าเป็นไทใช้ความกล้าพอดูกว่าจะมาพบเขาในวันนี้ ทั้งยังเป็นการนัดด้วยตัวเอง แต่ก็ยังหลงเหลือความหวาดหวั่นด้วยท่าทีที่ดูประหม่า และสายตาที่มองออกไปนอกกระจกร้านอาหารอยู่บ่อยครั้ง

เขานึกอยากจุดบุหรี่สูบสักมวน

“ค่อยๆ คุยกันก็ได้ หิวไหม สั่งอะไรก่อนก็ได้ ฉันเลี้ยง”

พยายามทำลายกำแพงน้ำแข็งในสนทนา แต่ก็ดูจะไม่ได้ผล เป็นไทลูกชายของเขาแค่เงียบ เงียบจนน่าอึดอัดในร้านอาหารที่เปิดเพลงเบาสบาย จนจังหวะที่เขาจะเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร เป็นไทก็พูดขึ้น

“ผมคิดอยู่นานมาก พยายามคิดว่าคนที่เคยทำร้ายลูกตัวเองเหมือนเขาไม่มีจิตใจ จะกลับมาหาลูกทำไม และผมก็ไม่เชื่อด้วยว่าคุณอยากขอโทษ”

คำพูดเหล่านั้นเหมือนเป็นการจู่โจม นราธิปคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเตรียมรับมือกับความสงสัยมากมาย รวมทั้งอย่างหนึ่งที่สำคัญที่สุด – ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ

“เข้าใจว่าจะไม่เชื่อ...”

“คุณไม่เข้าใจหรอก” เถียงคั่นขึ้นกลางประโยค “ที่คุณกลับมาเพราะคุณกลัวใช่ไหม เพราะคุณไม่เหลือใครทั้งที่กำลังแก่ลงเรื่อยๆ ...ผมพูดถูกหรือเปล่า”

ประโยคคำถามทำเอาเขาเงียบงัน ทั้งที่ไม่คิดว่าจะถูกรู้ทันแต่กลับถูกเปิดเปลือยจนทะลุปรุโปร่งด้วยสายตาที่ยังหวาดหวั่น นราธิปไม่อาจนึกคำโต้ตอบได้ อารมณ์คุกรุ่นขึ้นมาด้วยไม่พอใจ แต่ไม่ใช่ใครอื่น เขาแค่นึกโกรธตัวเขาเอง และความเงียบก็ดูเป็นคำตอบให้ลูกชายได้ดี

“กลายเป็นว่าตอนนี้ผมเพิ่งมีค่ากับคุณเหรอ”

อีกครั้ง นราธิปไม่อาจตอบ ทั้งที่เขาจะยกอะไรมาพูดก็ได้ ชักแม่น้ำทั้งห้ามาก็ได้ ในเมื่อสายตาของเป็นไทยังไม่ค่อยกล้าสู้หน้าเขา ยังหลบและมองออกนอกร้านอยู่บ่อยครั้ง แต่แล้วนราธิปก็รู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่ไม่พูดอะไรออกไป เมื่อเป็นไทกลับมาสบตาเขาอีกครั้ง ด้วยหวาดหวั่นที่จางหาย

“ผมไม่ต้องการมีค่ากับคุณ มีคนทำให้ผมรู้แล้วว่าผมมีค่าในตัวผมเอง”

เพราะพูดอะไรออกไป ก็สู้ประโยคเหล่านี้ไม่ได้อยู่ดี

นราธิปไม่รู้จะพูดอะไรอีก กลับกลายเป็นว่าเขารับฟัง คล้ายกับที่เป็นไทในวัยเด็กรับฟังแต่คำด่าทอของเขา คำก่นด่าว่าไร้ค่าไม่น่าเกิดมา นราธิปเองก็เหมือนได้ยินมันจากปากเป็นไทตอนนี้ ทั้งที่คำพูดออกจะนุ่มนวลถนอมน้ำใจ เป็นไทบอกกับเขาให้ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีคนดูแลยามแก่ชรา ไม่ต้องห่วงเพราะผมไม่มีทางทิ้งคุณ ผมจะดูแลเอง

แต่ไม่ใช่ในฐานะลูก เพราะผมไม่ได้รักคุณแบบพ่อ

เมื่อจบการสนทนา และเป็นไทเดินออกจากร้านอาหารไป นราธิปได้แต่มองแผ่นหลังของลูกชายตนเองห่างออกไป ห่างออกไป ก่อนจะลับสายตาหลังบานประตูรถออดี้สีขาวคันหนึ่ง วินาทีนั้นเขานึกอยากวิ่งออกไปเท่าที่ร่างกายจะอำนวย วิ่งออกไปและกระชากเป็นไทลงจากรถ กรอกตะโกนใส่หู – แกมันไม่น่าเกิดมาเลย

ไม่น่าเกิดมาเจอพ่ออย่างเขาเลย










**************************************************************************************

- ตอนแรกไม่คิดว่าตอนนี้จะสั้นแบบนี้ เพราะปกติเขียนลงกระดาษก่อน อันนี้เขียนลง A4 ได้ 7 หน้า แต่พอลงคอม cordia new 14 ได้ 4 หน้านิดๆ เอง
- จะเห็นว่าแต่ละตอนสั้นยาวไม่เท่ากัน เรื่องนี้แยมไม่ค่อยแบ่งตอนที่ความยาวหน้าค่ะ จะเน้นเนื้อหากลมจบในตอน ไม่ตัดฉับระหว่างตอน เพราะงั้นอาจสั้นยาวไม่เท่ากันบ้าง

- อย่างไรก็ตาม ใกล้จบแล้วค่ะ ขอให้ติดตาม เอาใจช่วยใจเย็นกับเป็นไทจนจบด้วยนะคะ
- รักทุกคอมเม้น ถึงไม่เม้นก็รักนะคะ  :กอด1: (แต่เม้นจะรักมากเลย 55)

หรือส่งฟีดแบ้คในแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท ก็ได้นะคะถ้าเล่นทวิตเตอร์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2017 18:38:50 โดย แยมส้มขมคอ »

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
นราธิป ที่ในอดีตก็ถูกการแก่งแย่ง ชิงดี เป็นที่ระบายอารมณ์จากพวกพี่ๆ
ก็มาระบายลงกับลูกเมิ่อชีวิตตกอับ

แล้วลูก ที่ถูกพ่อทรมาน กักขัง ใช้ความรุนแรง โตขึ้น มีชีวิตเป็นของตนเอง
จะอยากไปใช้ชีวิตกับพ่อที่ทำเรื่องเลวร้ายกันตัวเองหรือ
ไม่เรียกพ่อ แถมบอกพ่อด้วยว่ามีคนที่เห็นเขามีค่าแล้ว
โอย......นราธิปสมควรเจ็บ  ก็เพราะตัวเองทำลายครอบครัวด้วยตัวเอง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
โอ้โห

เขียนได้เฉียบขาดมาก

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
เขียนเก่งจริงๆ คมคาย

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
ดีใจกับเป็นไทที่ออกจากบ่วงใจได้สำเร็จ
แม้อาจจะยังทำได้ไม่สมบูรณ์นัก แต่อย่างน้อยก็มีจุดเริ่มต้น

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
คนไม่ใช่ตุ๊กตานะคุณนราธิป จะไปได้ดั่งใจได้ยังไง

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ทุกคนคงมีเหตุผลของตัวเองสินะ...

ปล.ก่อนจบเค้าขอเห็นฉากเป็นไททำให้ใจเย็นเขินได้มั้ยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Atroce

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เป็นไท ก้าวข้ามมันมาได้แล้วใช่มั้ย

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ไรต์คะ คืออยากจะบอกว่า คุณเป็นคนที่เขียนเก่งมากๆจริงๆ คือบรรยายออกมาดีมาก เหมือนดึงตัวคนอ่านเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ จมน้ำไปด้วยกัน พ้นน้ำไปด้วยกัน อ่านไปบางครั้งโคตรขนลุกอ่ะ ชอบมากๆค่าาา

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2


36 – เติบโต



พิชญะ กับ พริมา เป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นโดยยึดพยัญชนะตัวแรกของคุณพิทักษ์เป็นหลัก โดยทั้งทิพย์และปัทมาก็ไม่เคยมีใครรู้ว่าก่อนที่ใจเย็นจะได้ชื่อว่าใจเย็นนั้น คุณพิทักษ์ให้สิทธิ์เกษราในการตั้งชื่อลูกชายอย่างอิสระ ทั้งยังไปสรรหาชื่อที่ขึ้นต้นด้วย ก.ไก่ มาเพื่อให้มีความใกล้ชิดชื่อของเกษราอีกด้วย

แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรอีกแล้วถ้าทิพย์และปัทมาจะรู้เข้าในตอนนี้ ความรักกลายเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งของชีวิต ไม่ควรจะเป็นจะตายกับมัน พวกหล่อนคิด เพราะพวกหล่อนผ่านมันมาแล้ว ผ่านความรักที่บิดเบี้ยวและการตัดสินใจที่บี้แบนไร้มิติ สุดท้ายมันก็ถูกตบกลับให้เป็นรูปเป็นร่างตามครรลองของโลกความจริง แต่ไม่ใช่ว่าพวกหล่อนไม่รู้สึก พวกหล่อนยังคงรู้สึก แค่อาจยากจะอธิบาย

สำหรับทิพย์ หล่อนยังคงรักคุณพิทักษ์ แม้หลายครั้งจะสับสนเมื่อมันดูเหมือนเจือจาง แต่หล่อนก็พบว่ามันไม่ได้น้อยลง แค่เรียบง่ายขึ้นเท่านั้น ลึกในใจที่เคยปรารถนาแค่ได้อยู่เคียงข้างแม้ต้องทำผิดนั้นเลือนหาย เหลือเพียงขอให้ได้เห็นในสายตา ได้รับรู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างก็เพียงพอ เรียบง่ายเพียงนั้น เรียบง่ายจนนึกเสียดายว่าหล่อนควรรู้สึกแค่นี้ตั้งแต่แรก

ส่วนปัทมา หล่อนไม่แน่ใจนักว่ารู้สึกอย่างไรกับคุณพิทักษ์ ในเมื่อตั้งแต่พริมาเกิด หล่อนก็คิดเรื่องลูกมากกว่าความรักฉันชู้สาว หล่อนเคยคิดถอนตัวออกจากบ้านอัครเสนีย์แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะพริมา หล่อนคิดว่าลูกควรมีโอกาสเลือกเช่นกัน ไม่ใช่แค่หล่อนเลือก เพราะหล่อนก็เลือกผิดตั้งแต่มาเป็นเมียน้อยบ้านคนอื่น แล้วหล่อนยังจะเลือกออกไปเผชิญความลำบากโดยไม่ถามลูกสักคำอีกหรือ?

เพราะคิดแบบนั้น ปัทมาจึงปักหลักอยู่ไม่ไปไหน และก็กลายเป็นว่าลูกสาวของหล่อนได้เติบโตอย่างสมบูรณ์พูนพร้อมเคียงข้างพี่ชายอีกสองคน ปัทมาเห็นพริมามีสุขก็พอใจ คิดว่าดีแล้วที่ไม่เลือกจากไป ต่อให้จะได้ค่าเลี้ยงดูเท่าไหร่ก็คงไม่สุขสบายเท่าอยู่ที่นี่ หล่อนคิด และเฝ้ามองการเคลื่อนผ่านของชีวิตอย่างอ้อยอิ่งคล้ายควันบุหรี่ที่ลอยคว้างกลางอากาศ

กระทั่งวันแห่งความเปลี่ยนแปลงมาถึง วันที่ได้รู้ว่าเกษราจะฟ้องหย่า ทั้งทิพย์และปัทมากลับมาใคร่ครวญสถานะของตน ไม่มีอะไรมากไปกว่าว่าเมื่อคุณพิทักษ์หย่าแล้วจะกลับมาจดทะเบียนสมรสใหม่กับใคร แต่ก็ดูไม่ต้องคิดให้ยากในเมื่อทิพย์มีลูกชาย นั่นคือพิชญะ แม้ดูไร้หน่วยก้าน อ่อนน้อมถ่อมตนจนขาดไร้ภาวะผู้นำ แต่อย่างไรการเป็นผู้ชายก็ภาษีดีกว่า ทิพย์คิดแบบนั้น ปัทมาคิดแบบนั้น เห็นพ้องต้องกันและไม่มีใครออกตัวแสดงความรู้สึกใด เรื่องจึงเหมือนว่าปล่อยผ่าน แต่ที่จริงแล้วปัทมาก็แอบเก็บมาคิด

ถ้าประจบคุณพิทักษ์เสียหน่อย พะเน้าพะนอเอาอกเอาใจ เจื้อยแจ้วเจรจาอย่างที่หล่อนถนัด ไม่แน่คุณพิทักษ์อาจเลือกจดทะเบียนสมรสกับหล่อน และพริมาก็จะได้ในสิ่งที่ดีกว่า หล่อนคิด ทว่า ความรู้สึกกลับบอกว่าเปล่าประโยชน์ บอกว่าคุณพิทักษ์ไม่คิดจดทะเบียนสมรสใหม่ ไม่ใช่แค่กับหล่อน กับทิพย์เองก็ด้วย ความรู้สึกนี้ถูกย้ำในวันที่คุณพิทักษ์เดือดดาลสาดเสียงโวยวายตอนที่รู้ว่าถูกเกษราฟ้องหย่า และย้ำยืนยันให้แน่ใจในวันที่คุณพิทักษ์แพ้คดีความนี้ เขากลับมาอย่างหมดรูป ไม่ใช่แค่พ่ายแพ้เสียศักดิ์ศรี แต่เขาเสียความรัก อา ดูก็รู้ว่าเขารักเกษรามากที่สุดในบรรดาเมียทั้งสาม และสิ่งเดียวที่เหลือจากการพ่ายแพ้นี้ก็คือสวนดอกไม้ของเกษรา

ทั้งที่คิดว่าเขาอาจถมทำลายมันไม่ให้รกหูรกตา แต่สิ่งที่ทำคือดูแลเอาใจใส่ดอกไม้เหล่านั้น โอนอ่อนละเอียดลออจนหล่อนเผลอคิดว่าช่างน่าเอ็นดูเสียจริง ชายที่หักพังคนนี้ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน

ตอนนั้นเองที่ปัทมาได้คำตอบว่าตัวหล่อนรู้สึกกับคุณพิทักษ์อย่างไร ดูเหมือนว่าท้ายที่สุดแล้วคนเราจะเคยรักกันแค่ไหน หรืออาจจะไม่รักก็ได้ หล่อนไม่ใส่ใจเรื่องนี้แล้ว เพราะมันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการดูแลกัน ปัทมาตั้งใจ – หรือไม่ มันก็อาจเป็นความปรารถนาที่แปร่งประหลาด หล่อนอยากดูแลเขา และเขาก็ต้องตอบแทนด้วยการดูแลหล่อน สั้น ง่าย แค่นั้น

ขณะที่ทิพย์ออกจะแปลกใจอยู่เสียหน่อยที่คุณพิทักษ์ไม่คิดจดทะเบียนสมรสใหม่ เพราะหล่อนก็ไม่ค่อยจะสังเกตความเป็นไปของคนในบ้านเท่าไหร่นัก และหล่อนก็ตามคุณพิทักษ์ไม่ค่อยทันพอๆ กับที่ตามใครไม่เคยทัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอะไรตราบที่หล่อนยังได้อยู่ดูแลคุณพิทักษ์ ซึ่งถ้าชายคนไหนได้ล่วงรู้ความคิดของหล่อนก็คงพูดออกมาเต็มปากเต็มคำว่าคุณพิทักษ์ช่างโชคดี โชคดีเหลือเกิน ทั้งที่สร้างความวุ่นวายปั่นป่วนใจให้กับผู้หญิงถึงสามคน เขาก็ยังคงได้รับความรัก ต่อให้จะบอกออกมาว่าไม่ต้องการแล้ว ลึกๆ เขาก็ต้องการมันเป็นแน่ให้กับใจที่หักพัง ดังนั้นทิพย์จึงยังยินดีจะหยิบยื่นมันให้เขา และหวังให้ความเรียบง่ายของหล่อนนั้นสร้างความสุข หรืออย่างน้อยก็ไม่เป็นที่รบกวนป่วนปั่น ซึ่งสิ่งที่หล่อนกระทำก็ยังผลให้ลูกชายมีชีวิตที่สงบสุขและเป็นของตนเอง

พิชญะประกาศเรื่องสำคัญออกมาในเย็นวันอาทิตย์ของเดือนมิถุนายน ไม่ถึงกับประกาศกร้าว แต่ก็เป็นที่น่าประหลาดใจสำหรับคนอย่างพิชญะที่แทบไม่พูดอะไรสักคำบนโต๊ะอาหารหากไม่ถูกถาม พิชญะบอกว่าปีหน้าอยากไปเรียนต่อคณะวิศวกรรมที่ต่างประเทศ เขาตัดสินใจแล้ว เขาบอกแบบนั้น ก่อนบรรยากาศของมื้อเย็นจะเงียบกริบ อึมครึม อึดอัดด้วยเสียงช้อนส้อมกระทบจานอย่างเกรงใจ แล้วถูกตัดฉากด้วยคำพูดสั้นง่ายของคุณพิทักษ์

เอาสิ

เสียงถอนหายใจโล่งอกของพิชญะดังชัดอย่างไม่ตั้งใจ แต่ผู้เป็นพ่อแค่หัวเราะ ถามไถ่ว่าทำไมคิดจะไปเรียนที่นั่น หลักสูตรเป็นอย่างไร ศึกษาอะไรไว้แล้วบ้าง ถาม ถาม และถามเท่าที่พ่อคนหนึ่งจะเป็นห่วงเป็นใยลูก ขณะที่พิชญะดูตั้งรับไม่ทัน เหมือนเขาไม่ชินกับการถูกพ่อชวนคุยมากมายก่ายกอง แต่ถ้ามองลึกในแววตาก็จะเห็นได้ว่าเจ้าตัวกำลังดีใจ

ปัทมาเห็นดังนั้นก็พลอยนึกเอ็นดู พิชญะเหมือนคุณพิทักษ์ในรูปแบบที่กลับตาลปัตรกันทุกอย่าง ส่วนพริมา แน่นอนว่าคล้ายหล่อน แต่เมื่อเติบโตขึ้น พริมาอาจได้ทักษะการเจรจาต่อรองกับบุคคลอื่นอย่างมีชั้นเชิงกว่านี้ถ้าหากคุณพิทักษ์เหลือเพียงลูกสาวที่รับช่วงต่อธุรกิจ ปัทมาคิด แม้คิดพลิกไปมาอีกว่าทั้งใจเย็นและพิชญะก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนใจไม่ได้ แต่หล่อนก็คิดเอาไว้ คิดอย่างคนเป็นแม่ที่อยากให้ลูกมีโอกาสเลือกเสมอมา

แต่พริมาไม่ใคร่จะเข้าใจนัก

ท่ามกลางฝนเช้าวันหนึ่ง หล่อนนั่งลงริมระเบียง จุดบุหรี่ แต่ไม่ทันสูบให้ปอดลิ้มรส พริมาเดินเข้ามาหาหล่อน เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยคำถาม แต่สุดท้ายก็คั้นเค้นออกมาเพียงคำถามเดียว

แม่รักพ่อบ้างไหม?

ไม่รู้ทำไมพริมาถึงถามคำถามนี้ บางทีมันอาจเป็นแก่นหลักใจความของทุกสงสัยที่เด็กคนนี้มี และแม้ปัทมามีคำตอบอยู่ในหัว หล่อนก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เด็กสาววัยกำดัดเข้าใจ หล่อนพยายามกลั่นกรองความรู้สึกจริงออกมาเป็นคำพูด แต่ก็ดูเหมือนจะล้มเหลว เห็นได้ชัดจากคิ้วที่ขมวดมุ่นของพริมา และคำถามที่พร่างพรูตามจนตอบไม่ทัน หล่อนได้แค่สูบบุหรี่จนอาจเหมือนไม่แยแสอะไร

เรื่องที่พ่อไม่คิดจดทะเบียนใหม่ แม่รู้อยู่แล้วใช่ไหม? เพราะแบบนั้นเลยให้พริมสนิทกับพี่พิชญ์ไว้ใช่ไหม? แต่พี่พิชญ์ก็ได้เลือกทางของตนเองแล้ว แม่จะทำอย่างไรต่อ? พริมาถาม ถาม และถาม ราวจะแข่งกับสายฝนที่เริ่มเทลงมาหนักขึ้น แต่ช่างน่าเศร้าเหลือเกินที่ในคำถามเหล่านั้น ปัทมาจับคำถามแท้จริงที่พริมาอยากถามได้

‘แม่รักพริมบ้างไหม?’

วาบคำถามนั้นในห้วงคิด ปัทมาบี้ดับไฟปลายมวนบุหรี่ ทิ้งมันลงถังขยะ ลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปหน้าพริมา จับไหล่ทั้งสองข้างของหล่อนอย่างเบามือและจับจ้องลึกลงในแววตาและความรู้สึก

“พริม โตขึ้นลูกอยากเป็นอะไร”

“ทำไมแม่ไม่ตอบคำถามพริมก่อน”

“ช่วยตอบคำถามนี้ของแม่ก่อนนะ แล้วแม่จะบอกทั้งหมดเลย”

พลันพริมาอึกอัก หล่อนหลุบตาหนี แต่ก็ยอมตอบคำถาม

“ตอนนี้อยากเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์...พริมเพิ่งเปิดแชแนลของตัวเอง”

“อื้ม อนาคตล่ะ”

“อยากเป็นช่างแต่งหน้าให้เซเลบริตี้ในวงการแฟชั่น”

“มีอีกไหม”

“อยากมีแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเอง แล้วทำให้แบรนด์นั้นไปถึงระดับโลก อ่า...ที่บอกว่าอยากเป็นช่างแต่งหน้าให้เซเลบริตี้ จริงๆ พริมก็อยากเป็นมันซะเองด้วย...”

“ลูกมีความฝันเยอะมากเลยนะ”

“มันคงเยอะไปใช่ไหมคะ อีกอย่างพริมคงไม่ได้ทำมัน...”

“ไม่หรอก พริมฟังแม่นะ” ปัทมาเอ่ยเสียงหนักแน่น บีบไหล่พริมาแรงขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่นั่นก็เหมือนเป็นการกระตุ้นให้ดวงตากลมโตสดใสของพริมากลับมาสบตา

ปัทมายิ้ม ก่อนเอ่ยออกไปชัดถ้อยชัดคำ

“พริมอยากเป็นอะไร พริมก็เป็นมันให้หมดเลยสิ แม่สนับสนุนเต็มที่ทุกอย่าง”

แม้เสียงฝนฟ้าคำรามลั่น แต่หล่อนมั่นใจว่าพริมาได้ยิน เพราะดวงตาของเด็กสาวที่กลมโตอยู่แล้วก็ยิ่งเบิกกว้าง ก่อนที่หยาดน้ำจะไหลรินออกมา พร่างพรูลงมาแข่งกับสายฝนในเวลานี้ ซึ่งก็เป็นเวลาที่ปัทมาโอบกอดลูกสาวของตนเอาไว้

โอบกอดเอาไว้ หลังจากตอบคำถามที่พริมาค้างคาใจมาตลอด

หมดฝนเช้านั้น ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มไม่สว่างดีนัก แต่จากระเบียงห้องของปัทมา หล่อนสามารถมองเห็นสวนดอกไม้ของเกษราอยู่ไกลๆ และเพราะเห็นคุณพิทักษ์ยืนอยู่ตรงนั้น ปัทมาจึงลุกจากเก้าอี้ หยิบผ้าคลุมมาพาดบ่า เมื่อเดินเกือบถึงตัวคุณพิทักษ์ หล่อนเห็นเขายิ้ม บางเบา

“ยิ้มอะไรคนเดียวคะคุณ”

“อ้าว ปัทม์” คุณพิทักษ์หันมาแบบเพิ่งรู้ตัว

“ชื่นชมผลงานตัวเองเหรอคะ”

“ไม่เชิง ที่จริง...ใจเย็นเพิ่งโทรมาหาผมน่ะ”

น่าเอ็นดู – ปัทมาเผลอคิดคำนี้อีกครั้ง กับชายผู้แหลกสลายหักพังและยิ้มดีใจเพียงเพราะลูกชายโทรมา

“พริมอยากทำแบรนด์เครื่องสำอางเหรอ”

“เอ๊ะ... รู้ได้ไงคะ?”

“ใจเย็นบอกน่ะสิ” ปัทมาพยักหน้าร้องอ๋อ หล่อนพอจะเห็นภาพพริมาโทรไปเจื้อยแจ้วหลายสิ่งหลายอย่างให้พี่ชายคนโตฟัง “ได้รู้ก็ยิ่งทำให้คิดว่าไม่มีลูกคนไหนรอสืบธุรกิจของผมเลยสักคน”

“นั่นสิ แต่เมื่อกี้คุณยังยิ้มอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”

“ก็ใจเย็นนั่นแหละ มันบอกว่าถ้าไม่มีใครรับช่วง เดี๋ยวผมรับเองก็ได้” พูดถึงตรงนี้คุณพิทักษ์หัวเราะในลำคอ “ใช้คำว่า ‘ก็ได้’ เนี่ย พูดเหมือนมันเป็นของเหลืองั้นแหละ”

“ก็สมเป็นใจเย็นดีนะคะ”

คุณพิทักษ์หัวเราะเบาๆ อีกครั้ง ไม่ได้พูดอะไรต่อ ปัทมาลงความเห็นว่าเขาดูสุขุมขึ้นมากตั้งแต่เกษราและใจเย็นไปจากบ้านหลังนี้ ซึ่งหล่อนก็ว่าเขาแบบนี้น่าเอ็นดูกว่า จำไม่ได้ว่าคิดแบบนี้ครั้งที่เท่าไหร่ทั้งที่เขาแก่กว่าหล่อน แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ

รู้สึกตัวอีกที ท้องฟ้าที่มืดครึ้มก็เปิดโล่ง แสงแดดหลังฟ้าคะนองให้ความรู้สึกอ่อนโยน สว่างไสวขับสีสดใสของดอกไม้ หยาดน้ำที่พร่างพรมบนกลีบอ่อนช้อยก็ดูราวสวมใส่เครื่องประดับ ปัทมาเข้าใจเกษราขึ้นมานาทีนั้นว่าทำไมหล่อนหลงรักดอกไม้เป็นนักหนา ปัทมานึกถึงหล่อน นึกถึงผู้หญิงที่เคยไปทำผิดต่อหล่อนเอาไว้ แม้ไม่เคยพูดคุยเรื่องนี้กันตรงๆ เพราะปัทมาไม่เคยคิดขอให้หล่อนยกโทษให้

แต่ปัทมาก็คิดขอให้หล่อนตอนนี้มีความสุข

“ดอกไม้สวยดีนะคะคุณพิทักษ์”

“อืม”

อีกอย่าง ดอกไม้ของเกษราสวยงามมิใช่เพียงเพราะเราได้เฝ้ามองมันเติบโต แต่ดอกไม้เองก็เฝ้ามองผู้คนเติบโตและก้าวผ่านสิ่งต่างๆ ไปด้วยเช่นกัน














************************************************************************************

- นี่มันนิยายครอบครัวใช่มั้ยตอบ 55
- อิตาคุณพิทักษ์โชคดีมากที่เจอผู้คนประมาณนี้ ปกติน่าจะโดนบรรดาเมียปั่นหัวไม่ก็หักเหลี่ยมกันเองมหาศาลบานบุรี
- ตอนนี้ฟ้าเปิดจริงๆ แล้วนะคะ หวังว่าจะไม่อึมครึมแล้ว
- ใกล้จบแล้วค่ะ วางไว้อีกสองตอน และส่งท้ายอีกหนึ่งตอน
- คิดว่าตอนแบบนี้น่าจะคอมเม้นไม่เยอะ ทั้งใจเย็นทั้งเป็นไทไม่โผล่เลย แต่ถ้าติดตามอยู่ก็ส่งฟีดแบ้คกันบ้างนะคะ
- ขอบคุณทุกคอมเม้นจริงๆค่ะ แยมได้อ่านหมดเลย ทุกคำชมคำติคำให้กำลังใจ เป็นกำลังให้แยมได้มากจริงๆ สัญญาว่าจะพัฒนางานให้ดีขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ

 :กอด1:   #ใจเย็นกับเป็นไท

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เป็นคนที่โชคดีจริงๆ นะคุณพิทักษ์ทั้งที่ทำให้ผู้หญิงดีๆ ต้องเสียใจ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
สุดท้ายชีวิตก็เท่านี้ ดูเหมือนรุ่นพ่อแม่แต่ละคนจะปลงและรับได้แล้ว (มั้ง)

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ไม่ว่าจะหักพังสักแค่ไหน ต้องอยู่อย่างอึมครึมสักเท่าไร คนเราก็มีตัวเลือกไม่มากนัก

ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป และมันจะดิ้นรนหาทางรอดเองแหละ

ดูเหมือนทุกคนจะ "รอด" จากสถานการณ์บีบคั้นได้ดีพอสมควร

ฟ้าใสเนอะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไม่ว่าจะหักพังสักแค่ไหน ต้องอยู่อย่างอึมครึมสักเท่าไร คนเราก็มีตัวเลือกไม่มากนัก

ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป และมันจะดิ้นรนหาทางรอดเองแหละ

ดูเหมือนทุกคนจะ "รอด" จากสถานการณ์บีบคั้นได้ดีพอสมควร

ฟ้าใสเนอะ

ใช่เลย
ชีวตเหมือนดำเนินไปแบบราบเรียบขึ้น
ทุกคนได้คิด ตอบโจทย์ได้
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4::pig4:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
คนเรามักจะเห็นคุณค่าของกันและกันก็ต่อเมื่อสูญเสียมันไปแล้ว

แต่ในเคสนี้อาจเป็นสิ่งที่ดีกับคนที่เหลือทั้งหมดก็ได้

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2


37 – แสงสว่าง



ถ้าไม่นับว่าอากาศเย็นสบายขึ้นมาบ้าง เป็นไทก็ไม่เคยชอบฝนตก เขาไม่ชอบเวลาที่อยู่ข้างนอกแล้วต้องโดนฝน เปียกชื้น เหนอะหนะ ที่แย่คือทำให้ไม่สบาย หรือต่อให้ไม่ออกไปตากฝน หลายครั้งฝนกลับยิ่งปลุกปั่นให้อากาศร้อน ชื้น เหนียวตัว ส่งกลิ่นอับในห้องที่อากาศไม่ถ่ายเท ผ้าที่ตากก็แห้งช้า เป็นไทนึกข้อดีของฝนได้น้อยมาก และข้อที่แย่ที่สุดคือฝนมักมาพร้อมกับไฟดับ

ยิ่งเป็นฝนตอนกลางคืน เป็นไทยิ่งตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ ปกติแล้วเขาจะมีเทียนกับเชิงเทียนเล็กๆ เผื่อไว้ตามแต่ละจุดของบ้าน เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก จนออกมาอยู่ที่คอนโดของปรายก็ยังมีติดไว้ แต่พอย้ายออกมาอยู่หอพักคนเดียวตั้งแต่เริ่มทำงาน เขากลับลืมเรื่องนี้ หรือนึกได้ว่าจะซื้อก็เป็นตอนที่ไม่สะดวก นึกได้อีกทีก็กลายเป็นว่ากลับมาห้องแล้ว พร้อมกับความคิดที่ว่าไม่เป็นไร ใช้โหมดไฟฉายในโทรศัพท์มือถือเอาก็ได้ อีกอย่าง ไฟก็ไม่น่าจะดับบ่อยขนาดนั้น

กระทั่งวันที่ใจเย็นขึ้นมารอฝนหยุดตกที่ห้องเขานั่นแหละ

มันเป็นต้นเดือนกรกฎาคมที่ฝนตกกระหน่ำ หนักขนาดที่ว่ากระจกหน้ารถกลายเป็นม่านน้ำดีๆ ที่ปัดน้ำฝนก็เอาไม่อยู่ เป็นไทจึงไม่อยากให้ใจเย็นขับรถกลับทั้งแบบนี้หลังจากมาส่งเขาที่หอพัก ซึ่งใจเย็นก็เออออเห็นด้วย ก่อนจะทำให้เขานึกหมั่นไส้อยากถีบกลับเข้ารถตอนที่เจ้าตัวยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆ และเอ่ยคำ

“เป็นห่วงผมนี่ครับ”

ทั้งที่มันจริงตามนั้นแต่เป็นไทก็นึกหมั่นไส้ ที่สำคัญ หลังจากให้ดอกสวีทพีกับเขาในวันนั้น หลังจากช่วยพาเขาก้าวผ่านอดีตของตัวเองได้ ใจเย็นก็ยิ่งทำตัวน่าหมั่นไส้เป็นพิเศษ ราวกับไปเก็บกดมาจากไหน หรือบางทีเขาเองนั่นแหละที่ทำให้ใจเย็นเก็บกดด้วยข้อตกลงที่เคยสร้างขึ้น การแก้แค้นจึงมาในรูปแบบคำพูดที่ดักทางและรู้ทันแทบทุกความรู้สึกของเขา ไม่พอ ถ้าเรื่องไหนเป็นที่น่าพอใจก็จะยิ้ม ยิ้มเหมือนหยอกเขาอย่างไรอย่างนั้น เป็นไทจึงตั้งใจว่าให้ตายก็จะไม่บอกว่าเก็บดอกสวีทพีที่ให้มาไว้ในหนังสือ ทับไว้เป็นดอกไม้แห้งเพื่อให้มันคงอยู่ตลอดไป

อย่างไรก็ตาม ถ้าคำพูดดักทางทำให้เขาหมั่นไส้ คำพูดจากความรู้สึกของใจเย็นเองกลับทำให้เขาพ่ายแพ้ ยิ่งพูดด้วยสีหน้าตายเหมือนเป็นเรื่องปกติมากเท่าไหร่ เป็นไทยิ่งรู้สึกว่าอากาศร้อนอบอ้าวขึ้นมามากเท่านั้น

“ถ้าฝนตกหนักทั้งคืนก็ดีนะครับ”

และก็ได้อบอ้าวเข้าจริงๆ เมื่อใจเย็นพูดจบ เสียงหม้อแปลงระเบิดแว่วมาแต่ไกล พร้อมกับแสงไฟที่ดับวูบให้ความมืดห่มคลุมแทบทุกตารางสายตา

เป็นไทตกใจกับชั่ววูบนั้น ซ้ำยังตกใจกับตัวเองด้วย เพราะทั้งที่คิดว่าคงไม่กลัวเท่ากับเมื่อก่อน ในเมื่อเขาก้าวผ่านอดีตมาได้แล้ว พ่อที่เคยขังเขาไว้ในความมืดก็เปลี่ยนเป็นคนละคนแล้ว แต่เขากลับยังกลัว ยังยืนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก ให้พบว่าความจริงแล้วมันเป็นคนละเรื่องกับการก้าวผ่านพ่อของตนเองมาได้ คล้ายมันเป็นหลักฐานยืนยันอดีตที่เคยเกิดขึ้น คล้ายรอยแผลเป็นบางรอยจากการถูกทำร้ายบนแผ่นหลัง เขาตื่นตระหนกอยู่แบบนั้นกระทั่งแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือของใจเย็นสว่างโร่

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“...ไม่เป็นไรแล้ว”

บอก แม้จะไม่จริงทั้งหมด แต่โหมดไฟฉายของโทรศัพท์มือถือก็ช่วยเขาไว้ได้มาก เป็นไททิ้งตัวนั่งลงบนเตียงที่อยู่เบื้องหลัง ขณะที่ใจเย็นนั่งลงบนเก้าอี้ของโต๊ะอ่านหนังสือที่อยู่ข้างเตียง วางโทรศัพท์มือถือในบริเวณที่แสงไฟจะส่องสว่างทั่วบริเวณที่เขาสองคนนั่งอยู่

ห้องที่เป็นไทย้ายออกมาอยู่เป็นห้องเล็กๆ เหมาะสำหรับการอยู่คนเดียว เฟอร์นิเจอร์เป็นแบบบิลท์อิน ที่เหลือก็เหมือนหอพักทั่วไป แค่ระเบียงจะค่อนข้างกว้าง ยิ่งเปิดโอกาสให้สายฝนตอนนี้ทิ้งตัวเข้ามาดังอึกทึก และถึงใจเย็นจะชอบชวนไปอยู่ด้วย เขาก็ปฏิเสธ ไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่ด้วย

แต่เป็นไทเห็นภาพเลยว่าใจเย็นคงแทบไม่ให้เขาต้องออกค่าใช้จ่ายอะไรเลย ทั้งโดยรู้ตัว และไม่รู้ตัว

“เล่าเรื่องผีกันไหมครับ”

“ส้นตีนเหอะ” เขาตอบไปทันควัน

“ก็เห็นเป็นไทเงียบ”

ได้ฟังก็ทำให้คิดว่าอีกฝ่ายคงเป็นห่วงเขา แต่เลือกหัวข้อสนทนาอย่างกับจงใจแกล้ง

“มึงเชื่อเรื่องผีด้วยหรือไง”

“ไม่เชื่ออะ”

“กะละ”

“แต่เผื่อเล่าแล้วเป็นไทกลัว กระโจนมากอดผม”

“เกลียดมึงตอนนี้เลยได้ไหม”

“เป็นไทไม่เกลียดผมหรอก”

“เกลียด”

“ผมไม่เชื่อพอๆ กับเรื่องผีแหละ”

พลันแสงไฟดับวูบจังหวะเดียวกับที่เป็นไทกำลังจะโต้ตอบ ซึ่งนั่นทำให้คำพูดถูกกลืนหาย ความกลัวเข้ามาแทนที่ ก่อนค่อยๆ แผ่วจางเมื่อกลับมามีแสงสว่าง แม้อ่อนจางเพราะเป็นแค่แสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือของใจเย็น

“แบตมันจะหมดน่ะครับ”

“ใช้ของกูก็ได้” เอ่ย ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมาเปิดโหมดไฟฉาย แสงสว่างกลับมาอีกครั้งให้เขาสบายใจ

“ผมอยากให้ไฟมาสักที”

“ร้อนเหรอ ไปเปิดหน้าต่างดิ”

“ไม่ร้อนหรอก แต่ผมไม่อยากให้เป็นไทอยู่ในความมืด”

จบประโยคนั้น เป็นไทไม่รู้จะโต้ตอบอะไร อาจเป็นเหมือนทุกทีที่เขาได้ฟังความรู้สึกของใจเย็นเกี่ยวกับตัวเขาเอง ตรง ทื่อ แต่ก็ทำให้เขาแพ้ทาง ที่เอาชนะได้คงมีแต่การด่ากลับแบบไม่จริงจังอะไร เพียงตอนนี้เขาปล่อยเงียบ ให้เสียงฝนดังชัดกว่าเสียงใดๆ  ทว่าในจังหวะที่ใจเย็นเริ่มพูดบางคำออกมา เขาก็มีสิ่งที่จะพูดออกไปพอดี

“มึงพูดก่อนเลย”

“เป็นไทก่อนก็ได้”

ได้ฟังคำย้อนมา เป็นไทจึงไม่คิดโยนกลับให้เสียเวลาอีกรอบ

“ก็...กูไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงยังกลัวความมืดอยู่เหมือนเดิม”

“ผมว่าบางทีความกลัวเป็นสิ่งที่ดีนะ”

“แต่ความกลัวของกูมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยนี่หว่า”

“ก็จริงครับ ตามธรรมชาติความกลัวมีประโยชน์ในการเอาชีวิตรอด ในการกระตุ้นตัวเองให้ทำอะไรบางอย่างให้ดีขึ้น แต่ของเป็นไทมันไม่ใช่”

“เออ แล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงกับมันด้วย”

“ผมจะหาทางช่วย”

ใจเย็นเอ่ย สบตาเขาด้วยแววตาเหมือนที่เคยเป็นมา แววตาที่เขาทั้งชอบทั้งชัง แต่ในวันนี้เขาอาจไม่เหลือความชังแววตานี้อีกแล้ว เพราะเขารู้แล้วว่ามันเป็นแววตาที่บอกกับเขาว่าเขามีค่า ไม่เหมือนกับแววตาของพ่อที่เคยมองมาอย่างว่างเปล่า และต่อให้เป็นไทได้เห็นว่าแววตาของพ่อไม่เหมือนเดิมแล้ว พ่อเห็นค่าในตัวเขาแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับแววตาของใจเย็นมันก็ยังดูต่างกันราวกับ –  ไม่สิ อาจไม่มีอะไรเทียบได้ด้วยซ้ำ

“จะช่วยยังไง”

เป็นไทถามออกไปไม่จริงจังนัก เสียงฝนด้านนอกยังไม่สร่างซาแม้แต่น้อย

“ตอนนี้ก็กลัวเป็นเพื่อนไปก่อน”

“มึงไม่กลัวความมืดไม่ใช่หรือไง”

“ความรักก็คือความกลัวเหมือนกันนะครับ”

“อะไรของมึงวะ”

เป็นไทสวนทันควันกับหัวข้อที่ไม่คิดว่าจะพูดขึ้นมา ซึ่งใจเย็นก็แค่ยิ้ม ขณะที่เขานึกอยากลุกหนีไปเปิดหน้าต่างห้อง

เพราะเริ่มรู้สึกว่าห้องนี้ร้อนขึ้นทุกที

“ยิ่งรักเดียวใจเดียวก็ยิ่งกลัว”

ใจเย็นพูดต่อ รอยยิ้มเจือจาง เป็นไทไม่อยากถูกคำพูดของอีกฝ่ายไล่ต้อนจึงต่อบทสนทนา กลัวถูกหักหลัง? กลัวทุ่มเทไปแล้วไม่ได้อะไรกลับคืนมา? สิ่งที่เขาถามออกไปเป็นเรื่องพื้นฐาน รู้ว่าใจเย็นคงคิดซับซ้อนกว่านั้น และก็จริงดังคาดเมื่อใจเย็นตอบคำถามมา แม้ไม่ได้พูดดัง แต่ฟังชัดท่ามกลางเสียงฝน – ก็ใช่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

“ผมว่ารักเดียวใจเดียวคือความกลัวว่าจะไม่ได้ให้ทั้งหมดที่เรามี แค่เหตุผลนี้ก็ทำให้คนเราไม่คิดอยากหาคนอื่นแล้ว”

รอยยิ้มเจือจางหายไปแล้ว เหลือแต่ความจริงในแววตา แววตาที่เขาชอบ และคำพูดก็เหมือนสะกดเขาเอาไว้ให้ไร้คำตอบโต้ หรืออาจจะเหลือรอดไว้ให้แค่คำคำเดียววนซ้ำไปซ้ำมาในใจ มันเป็นคำติดปากของใจเย็น

“เพราะงั้นผมเลยไม่เข้าใจว่าทำไมรักเดียวใจเดียวถึงต้องยับยั้งชั่งใจ”

งั้นเหรอ

คำถามทวนนั้นดังซ้ำๆ ในใจ

งั้นเหรอ มุมมองความคิดของคนคนนี้เป็นแบบนี้เองสินะ ความจริงแล้วเข้าใจทุกอย่างดี แต่แค่เป็นรูปแบบที่แปลกกว่าคนอื่นเท่านั้น เท่านั้นเอง

ขณะเดียวกัน ความแปลกนั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าอากาศร้อนอบอ้าวขึ้นทุกที ทุกที

“ตอนนี้ผมแค่อยากให้ ให้อะไรก็ได้ จะทั้งหมดเลยก็ได้ถ้าทำให้เป็นไทหายกลัวความมืดได้”

ไม่มีการต่อสนทนาหลังประโยคทั้งหมดนี้ เป็นไทแค่ปล่อยให้เงียบ ให้เสียงฝนช่วงชิงลื่นไหลของสนทนา แต่ก็ไม่เป็นไร เขาอยากให้เรื่องราวดำเนินไปเช่นนี้ ให้ความรู้สึกจากแววตาสะท้อนก้องดังชัด จากนั้น ไม่ทันให้ใจเย็นตั้งตัว เป็นไทใช้เท้าลากขาเก้าอี้ล้อเลื่อนให้เข้ามาใกล้เขา ก่อนดึงปกเสื้อเชิ้ตของคนบนเก้าอี้ให้โน้มตัวมาใกล้

และมอบจูบแผ่วเบาประทับลงบนริมฝีปาก

อากาศร้อนอบอ้าวจนเหมือนถูกสุมไฟในกาย เขาหลับตาในอื้ออึงของสายฝน เห็นความมืดหลังเปลือกตา รู้สึกได้ว่ากว่าครึ่งห้องตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยมืดมิด แต่ก็ไม่เป็นไรเลย ต่อให้แสงสว่างที่หลงเหลือจะกลายดับวูบก็ไม่เป็นไร

เพราะเขามีใจเย็นแล้ว

มีคนคนนี้ก็พอ

แสงสว่างหนึ่งเดียวของเขา








****************************************************************************
ในที่สุดก็ได้อธิบายแล้วว่าทำไมใจเย็นไม่เข้าใจคำอธิบายง่ายๆ เปรียบเทียบให้เห็นชัดของคุณเกษรา  :hao5: 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ 177266

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ้ยยยยย ชอบเรื่องนี้มากค่ะ ขนาดไปค้นเมลล์หาชื่อกับรหัสผ่านที่ลืมไปแล้ว5555 เอาเป็นว่าเป็นกำลังใจให้นะคะ เป็นนิยายคุณภาพมาก ลึกซึ้ง มีไม่กี่เรื่องที่ต้องอ่านประโยคหนึ่งซ้ำๆเพราะอยากเข้าใจมันจริงๆ อินประหนึ่งเป็นไทที่พยายามเข้าใจใจเย็น /// รออออออ ตอนหน้านะคะ :oni3: :ped149:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เป็นคำบอกรักที่ใจเย็นมาก......ซับซ้อนได้อีกพ่อคู๊ณณณณณณณ

และเป็นคำตอบรักที่เป็นไทมาก.......แมน ๆ เตะบอล จูบเลย

น่ารักอ้ะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
กรี้สสสสส //คนเขียนตัดแพนเข้าโคมไฟใช่มั้ยย :ling1:


ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
จะแค่จูบหรือมากกว่านั้นเนี่ย แต่บรรยากาศโคตรเป็นใจเลยอ่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เป็นคำบอกรักที่ใจเย็นมาก......ซับซ้อนได้อีกพ่อคู๊ณณณณณณณ

และเป็นคำตอบรักที่เป็นไทมาก.......แมน ๆ เตะบอล จูบเลย

น่ารักอ้ะ

แฮะๆ......บรรยากาศก็เป็นใจ๊ เป็นใจ
เป็นใจกับใจเย็นที่ซู้ด
เป็นไท เริ่มแบบนี้ ใจเย็น ใจฟูฟ่องเลย
เอิ่มมมม........ไรท์ต่อนะ อย่าเปลี่ยนเรื่องล่ะ  :ling1: :ling1: :ling1:
รอ  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ chubbymeuk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กรี๊ดดดดด มาต่อสะะ ฮือๆๆๆๆ   :z3:

ออฟไลน์ mam79

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ฮืออออออแ ทำไมดีต่อใจขนาดนี้คะ!

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เราพยายามอ่านทุกคำพูดและความคิดของใจเย็นอย่างใจเย็น คิดว่าเข้าใจใจเย็นในแบบของเราแล้ว แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไง แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเข้าใจใจเย็นถูกไหม  :laugh: ชอบทุกตัวละครของเรื่องนี้เลยค่ะ ทุกคนมีความบิดเบี้ยว อ่านแล้วอินมาก รอดูบทสรุปนะคะ  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด