Fatherhood part 2… [ 7 ] ต่อ...แฟรงค์สะดุ้งตื่นเมื่อโทรศัพท์สายในดังขึ้น รีบดูเวลาเกือบ 4 ทุ่มแล้ว เขาเผลอหลับไปทั้งที่น้ำตานองหน้า
“ทำอะไรอยู่แฟรงค์.. ลูกค้าเต็มร้านแล้วนะ ไม่สบายหรือเปล่า”
แซมถามด้วยความเป็นห่วง เพราะให้เด็กขึ้นมาดูแล้วกลับลงไปรายงานว่า คุณแฟรงค์นอนแผ่อยู่บนเตียง
“เปล่า ฉันโอเค.. จะลงไปเดี๋ยวนี้”
แฟรงค์โซเซลุกขึ้นจากที่นอน รู้สึกผะอืดผะอมเพราะอาการเครียดจนต้องวิ่งเข้าห้องน้ำอาเจียนออก จริงๆ แล้วเขาอยากหลับต่อ แต่ไม่ดีกว่าให้หลับเวลานี้เขาคงต้องฝันว่าจมน้ำตายอีก
เที่ยงคืนกว่า …
แฟรงค์นั่งจิบบรั่นดีที่บาร์ตามลำพังหลังจากแขกเริ่มซา แซมเดินมานั่งลงข้างๆ
“ฉันจะกลับแล้วนะแฟรงค์.. นายอยู่ได้มั้ย”
แฟรงค์เลิกคิ้ว “ทำไมไม่ได้ ฉันอยู่ของฉันทุกคืน”
“นายโอเคมั้ย มีปัญหาหรือเปล่า ดื่มเหล้าทำไม”
แฟรงค์หัวเราะ ไม่ยอมตอบคำถามของเพื่อนและยืนยันว่าเขาสบายดี แซมจึงขอตัวกลับก่อน แต่ก่อนกลับขอร้องแฟรงค์ว่าดื่มหมดแก้วนี้แล้วก็พอ แซมหันไปกระซิบสั่งมิกเซอร์ว่าถ้าคืนนี้แฟรงค์เมาไม่ได้สติแบบคืนก่อน เขาจะถูกหักเงินเดือนหนึ่งเดือน เพราะฉะนั้นเก็บเหล้าให้พ้นมือแฟรงค์ด้วย
หลังจากแซมกลับไปแฟรงค์ยังคงนั่งดื่มต่อเป็นแก้วที่สองและสาม จะให้ มิกเซอร์ทำตามคำสั่งแซมได้ยังไง ในเมื่อโทษของแซมหักเงินเดือนแค่หนึ่งเดือน แต่โทษของคุณแฟรงค์ เปลี่ยนมิกเซอร์คนใหม่ เป็นใครก็ต้องยอมเลือกโทษที่เบากว่าทั้งนั้น
“หวัดดีครับ คุณแพ็ททริค ขอนั่งดื่มเป็นเพื่อนได้มั้ยครับ”
แฟรงค์ขยับตัวต้อนรับอย่างมีมารยาท แม้จะรู้สึกมึนๆ แต่ด้วยหน้าที่ของงานบริการ เขาต้องต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มและกิริยาที่ดีเสมอ
“ผม ราฟ ลูกน้องคนสนิทของ นิค มาร์โบโล ครับ”
...อา!.. อีกแล้วหรือนี่ แฟรงค์เบื่อคนพวกนี้มาก แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้ามาในผับได้ นิค มาร์โบโล สิงห์เฒ่าวัย 50 เศษ เป็นเจ้าพ่อยาสูบค้าของหนีภาษีเกือบทุกประเภท บุหรี่หนีภาษีที่ถึงมือลูกค้าของนิคมีราคาสูงมาก เพราะเป็นบุหรี่สอดไส้ยาเสพติดตามออเดอร์
แฟรงค์ได้แต่พยักหน้ารับเพราะไม่อยากพูดคุยด้วย เริ่มมีความกังวลว่านิคกำลังส่งคนมาปล่อยของที่นี่ เพราะเห็นผับของเขาเริ่มโด่งดังและมีชื่อเสียง ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นโฮโซเกือบทั้งหมด กำลังซื้อย่อมสูง
ลูกน้องของนิคนั่งพูดคุยสัพเพเหระอยู่สักพัก ก็เข้าประเด็นเอ่ยถามแฟรงค์อย่างตรงไปตรงมา
“เจ้านายให้ผมมาถามคุณว่า ยินดีคบเขาเป็นเพื่อนหรือเปล่า”
แฟรงค์สำลักเหล้าไอค่อกแค่ก ราฟลูบหลังให้อย่างเอาใจ แฟรงค์รีบลุกจากเก้าอี้ยืนเผชิญหน้ากับลูกน้องของนิคโดยไม่มีรอยยิ้มให้แล้ว
“ขอโทษครับ ช่วยกลับไปบอกนิคว่าผมขอบคุณที่อุตส่าห์มีไมตรีให้ ผมมีเพื่อนมากมายพอแล้ว”
เจ้าราฟแสยะยิ้ม เมื่อเกย์หนุ่มรูปงามเจ้าของคริสปี้ผับที่เจ้านายนิคของมันหลงใหล กำลังปฏิเสธและแสดงท่าทีรังเกียจตัวมันรวมถึงนายของมันด้วย
“อย่าพูดแบบนี้ให้เจ้านายผมได้ยินนะ แฟรงค์.. ไม่เคยมีใครปฏิเสธความต้องการของนิคได้ คริสปี้ผับของคุณกำลังไปได้สวย เพิ่งเปิดบริการได้แค่ครึ่งปีเองไม่ใช่เหรอ.. คุณคงไม่อยากเห็นมันต้องปิดตัวลงไปในวันนี้พรุ่งนี้”
“นี่แกขู่ฉันเหรอ..” แฟรงค์พยายามระงับอารมณ์พูดคุยด้วยดี เพราะยังมีแขกนั่งอยู่ 2 – 3 โต๊ะ
“ผมไม่ได้ขู่ อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย เศรษฐีใหญ่บริเจคส์ไม่ได้เลี้ยงดูคุณแล้วไม่ใช่เหรอ.. จะครองตัวเป็นโสดอยู่ทำไม หาความสุขกับเจ้านายผมดีกว่า เขาแอบชอบคุณมานานแล้วรู้มั้ย.. ถึงขนาดให้เด็กคู่ขาใส่หน้ากากใบหน้าคุณ อย่าปฏิเสธเลยน่า แฟรงค์.. คุณจะได้รับค่าตัวจากนายผมครั้งละหลายหมื่นบาท และจะเพิ่มเป็นหลักแสนถ้าคุณใช้ปากกับเขา ถ้าผมเป็นคุณผมรับข้อเสนอทันทีไม่เสียเวลาคิดเลย…”
แฟรงค์แทบจะสำรอกกับคำพูดและข้อเสนอของมัน เขาพยักหน้าให้การ์ดที่ยืนเตรียมพร้อมอยู่ด้านหลังเจ้าราฟ 2 คน
“ลากมันออกไป”
แฟรงค์พูดได้แค่นั้นก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ เสียงเจ้าราฟเอะอะโวยวายและมีเสียงดังตามมาหลายตุ้บ ก่อนจะเงียบไป
แฟรงค์อาเจียนจนหมดไส้หมดพุง เขารู้สึกไม่ดีตั้งแต่หัวค่ำแล้ว และบรั่นดี 3 แก้วที่เข้าไปอยู่ในกระเพาะโดยไม่มีอาหารลงท้องเลย ทำให้แฟรงค์กำลังรู้สึกผะอืดผะอมอยู่บ้างแล้วก่อนที่เจ้าราฟจะเข้ามานั่งคุย
แฟรงค์ขอเช็คบิลแขกที่เหลือ โดยบอกว่าเขาไม่ค่อยสบายต้องขอปิดร้านเร็วหน่อย ซึ่งก็ไม่มีปัญหาเพราะแขกทุกคนคุ้นเคยกับแฟรงค์เป็นอย่างดี ยังไม่ถึง 1 นาฬิกา คริสปี้ผับก็ดับไฟมืดในขณะที่ร้านข้างๆ ยังคึกคักแสงไฟสว่างไสว
แฟรงค์สะดุ้งตื่นกลางดึกเมื่อได้ยินเสียงเหมือนของตกลงพื้น และมีเสียงกุกกักตามมา เขานอนลืมตานิ่งเงี่ยหูฟัง ตั้งแต่เขาใช้ร้านเป็นที่พักอาศัย แซมจัดการให้การ์ดหนึ่งคน สลับเวรอยู่เป็นเพื่อนเขาและเฝ้าร้านไปในตัวด้วย คืนนี้เป็นเวรใครกันนะ…
แฟรงค์ลุกพรวดขึ้นนั่งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นเวรของการ์ดที่ชื่อใหญ่ แต่ใหญ่ขออนุญาตเขาไว้แล้วเมื่อตอนหัวค่ำ ว่าจะขอกลับไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยาที่ใกล้คลอด หากจำเป็นต้องมีใครอยู่เป็นเพื่อนเขาจะขอสลับเวรกับการ์ดคนอื่น แฟรงค์อนุญาตและบอกว่าเขาอยู่คนเดียวได้ไม่ต้องสลับเวรกับใคร
แฟรงค์ใจหายวาบเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนกำลังเดินขึ้นบันไดมา รีบลุกจากเตียงยกข้อมือดูเวลา ตี 2 ครึ่ง… เขาเพิ่งหลับไปได้ชั่วโมงกว่าเอง แฟรงค์หันซ้ายหันขวาหาอาวุธ ใจเต้นแรงเพราะไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน แฟรงค์นึกขึ้นได้รีบทรุดตัวลงหยิบไม้เบสบอลใต้เตียงขึ้นมาถือกระชับไว้ในมือ และเดินไปหลบมุมที่ประตูรอจังหวะ
แซมบอกว่าจะหาปืนมาให้เขาเก็บไว้ป้องกันตัว แต่เขาปฏิเสธบอกว่าไม่จำเป็น เขาไม่ชอบความรุนแรงและไม่ชอบเสียงดัง ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้จึงนึกถึงมันขึ้นมา อาจเป็นเพราะถือปืนไว้ในมือให้ความมั่นใจมากกว่า อย่างน้อยถ้าอีกฝ่ายมีปืนเขาก็มีปืน แต่ที่ถืออยู่ในมือตอนนี้เป็นแค่ไม้ เขาต้องออกแรงฟาดมันทีเดียวให้สลบก่อนที่เขาจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
...โอ! พระเจ้า…. เสียงฝีเท้าที่ได้ยินบอกให้เขารู้ว่ามันมากันมากกว่าหนึ่งคน ให้ตายเถอะ!.. เขาไม่เคยรู้สึกกลัวอะไรมากเท่าครั้งนี้มาก่อน เขาน่าจะเชื่อแซมหาปืนไว้ป้องกันตัว จะได้ไม่ต้องมายืนตัวสั่นแบบนี้...
แฟรงค์ได้ยินเสียงพวกมันคุยกันอยู่ด้านนอกฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ก็ทำให้เขาพอจะรู้ว่าพวกมันมากัน 3-4 คน เขายืนนิ่งแทบจะไม่หายใจรอเวลาที่ประตูจะเปิดออก เตรียมใจยอมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นเพราะไม่มีทางสู้พวกมันได้ เขาควรยอมให้ทุกอย่างที่พวกมันต้องการเพื่อรักษาชีวิตไว้
...ให้ตายเถอะ! พวกมันมีความชำนาญในการงัดกุญแจ ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันสามารถเปิดล็อกประตูโดยไม่ต้องใช้แรงถีบ ทันทีที่ประตูเปิดออกแฟรงค์หลบตัวลีบอยู่ด้านหลัง รอจังหวะที่จะฟาดพวกมันให้สลบเหมือดอย่างน้อยหนึ่งคน
...โอ! พระเจ้า แฟรงค์รู้สึกหมดแรงเอาดื้อๆ เขาคงไม่มีปัญญายกไม้ฟาดใคร เพราะที่เห็นอยู่ตอนนี้ ร่างสูงใหญ่ขนาดการ์ดของเขาเดินตามกันเข้ามา 5 คนแล้ว
พวกมันคนหนึ่งกดสวิทช์ไฟให้ห้องสว่างขึ้น
“เฮ้ย! มันหายไปไหนวะ!!”
แฟรงค์ตัดสินใจเดินออกมาจากหลังประตู ...อะไรจะเกิดก็เกิด เขาไม่สามารถหลบพวกมันพ้นอยู่แล้ว...
“ฉันอยู่นี่ พวกแกต้องการอะไร”
ชายฉกรรจ์ทั้งห้าหันขวับมาทางแฟรงค์ พวกมันแสยะยิ้มและหัวเราะเยาะเมื่อเห็นเขายืนถือไม้เบสบอลในมือ
“ต้องการตัวแกไง แฟรงค์..”
คำตอบที่ได้รับไม่ได้ออกจากปากพวกมัน แต่มาจากชายอีกหนึ่งคนที่ย่องเข้ามาประชิดด้านหลังล็อกคอและแขนขวาของเขาไขว้หลังอย่างไม่ทันตั้งตัว ไม้เบสบอลในมือจึงร่วงลงพื้น สมุนของพวกมันหยิบไม้ขึ้นมาถือไว้
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าแกไม่มีทางปฏิเสธ นิคอยากได้อะไร ต้องได้...”
“แก…”
แฟรงค์กัดฟันพูดได้เพียงเท่านี้ เพราะถูกเจ้าราฟบีบที่ลำคออย่างแรง ไอ้ยักษ์ที่ถือไม้เบสบอลของเขาอยู่ในมือเดินตรงรี่เข้ามา แฟรงค์หลับตาเมื่อเห็นมันยกไม้ขึ้นทำท่าจะหวด
“เอาตรงไหนก่อนดีลูกพี่”
เสียงหัวเราะอย่างสะใจดังอยู่ข้างหูเขาก่อนคำว่า “ขา” จะหลุดออกมา
แฟรงค์ลืมตาขึ้นจังหวะเดียวกับที่ไอ้ยักษ์นั่นหวดไม้ลงที่ขาขวาเขาอย่างแรงจนได้ยินเสียงดัง “ก๊อบ” เขาสะดุ้งเฮือกกำลังจะส่งเสียงร้องก็ถูกเทปขนาดใหญ่ปิดที่ปาก เสียงโหยหวนของเขาจึงดังอยู่แค่ในลำคอเท่านั้น ราฟสั่งให้สมุนมัดมือสองข้างของเขาด้วยเทป ทันทีที่มันปล่อยแขนแฟรงค์ก็ทรุดฮวบลงกับพื้น เขาค่อยๆ ขยับร่างออกห่างจากพวกมัน ในขณะที่เจ้าราฟดึงไม้เบสบอลในมือสมุนร่างยักษ์มาถือไว้เอง
“จะหนีไปไหนแฟรงค์.. ฉันต้องคิดบัญชีกับแกก่อนที่เจ้านายฉันจะตามมาอัดตูดแกภายใน 2-3 นาทีนี้ แกวอนเจ็บตัวเอง ไม่รู้หรือว่าฉันเป็นใครและนิคเป็นใคร”
แฟรงค์เพิ่งสังเกตเห็นหน้าตาเจ้าราฟ การ์ดของเขาคงรุมซ้อมมันอย่างมันมือจนทำให้มันผูกใจเจ็บและอาฆาต เขารู้สึกเสียใจเหมือนกันเพราะไม่ได้ตั้งใจให้คนของเขาใช้ความรุนแรง แค่บอกให้พาตัวมันออกไปนอกร้านเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะรู้สึกเสียใจอย่างไรเขาก็ไม่มีวันเอ่ยขอโทษ
แฟรงค์ขยับตัวถอยหนีในขณะที่เจ้าราฟถือไม้เดินตาม เขาถอยจนสุดผนังห้องไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก เสียงหัวเราะของมันดังขึ้นอย่างสะใจ แฟรงค์หลับตาลงอีกครั้งเมื่อไม้ถูกเงื้อขึ้น อึดใจต่อมาเขาก็รู้สึกจุกอย่างแรงที่ท้อง เจ็บและชาที่แขนขาและสะโพก ตั้งแต่โตเป็นหนุ่มมาเขาไม่เคยมีเรื่องวิวาทกับใครถึงขนาดต้องใช้กำลังรุนแรงแบบนี้ เคยต่อยปากอาจารย์แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เขาเป็นหนุ่มสำอางพูดจาไพเราะ หลีกเลี่ยงการมีเรื่องราวได้ทุกครั้ง แค่เขายิ้มให้…นักเลงและจิ๊กโก๋ปากซอยก็ยอมเป็นมิตรด้วยแล้ว เขาไม่ชอบความรุนแรงจึงไม่เคยฝึกศิลปป้องกันตัวไว้ แต่ถึงยังไงเขาก็รู้จักวิธีป้องกันตัวตามสัญชาติญาณลูกผู้ชาย นี่ถ้าพวกมันมาแค่ 1-2 คน เขาก็จะสู้ไม่ถอย แต่ไม่คิดเลยว่าการที่เขาไม่สู้เพราะเห็นพวกมันมากันเป็นกองทัพ กลับทำให้พวกมันเห็นเขาเป็นแค่กระสอบทราย...
“เจ้านายมา!! ลูกพี่ พอแล้ว เดี๋ยวช้ำในตายก่อน”
ราฟทิ้งไม้เบสบอลลงกับพื้น สะใจที่ได้แก้แค้นเกย์หนุ่มหล่อที่เจ้านายนิคของมันหลงนักหลงหนา สภาพช้ำในขนาดนี้คงไม่มีแรงหนีหรือฤทธิ์มากกับเจ้านายของเขา กระสุนนัดเดียวยิงนกได้สองตัวจริงๆ
“ทำอะไรอยู่ ยังไม่พร้อมอีกเหรอ..”
“พร้อมเดี๋ยวนี้แล้วครับ เจ้านาย”
ราฟสั่งสมุนสองคนหิ้วปีกแฟรงค์ขึ้นไปนอนคว่ำบนเตียงและถอดเสื้อผ้าออก รอยเขียวช้ำทั่วตัวทำให้ นิค มาร์โบโล รู้สึกเสียอารมณ์
“ใครสั่งให้แกอัดมันวะ!! เขียวช้ำทั้งตัวอย่างนี้ข้าจะมีอารมณ์ได้ไง”
“จำเป็นครับนาย มันฤทธิ์มาก ถ้ายังไงปิดไฟดีมั้ยครับ” เจ้าราฟให้ข้อเสนอดีแต่ถูกตวาดกลับ

“ไอ้โง่!!.. ถ้าข้าต้องปิดไฟอัดตูดหวานใจในฝันของข้า ข้าอัดเอ็งก็ได้!!.. ไม่ต้องเสียแรงเสียเวลาถ่อกันมาถึงนี่ ถอยออกไป!!..”
เจ้าราฟเลี่ยงออกไปยืนเฝ้าหน้าห้องพร้อมลูกสมุนทั้งหมด
นิค มาร์โบโล ยืนประชิดเตียงมองดูร่างเปลือยเปล่าของหนุ่มแฟรงค์ที่เขาแอบชื่นชอบและหลงใหลมานานกว่า 8 ปีแล้ว แฟรงค์เดินแบบที่ไหนมันจะตามไปดูและถ่ายรูปเขาเก็บสะสมไว้เป็นอัลบั้ม หลายปีที่ผ่านมาเป็นที่รู้กันในสังคมรักร่วมเพศว่าแฟรงค์อยู่กับมหาเศรษฐีคริส บริเจคส์ ในฐานะคนสนิทและคู่ขา นิคเป็นนักเลงที่มีจิตใจเป็นลูกผู้ชาย เขาไม่แย่งคนรักของใคร แฟรงค์มีเจ้าของแล้วเขาก็ได้แต่แอบชื่นชอบไปตามเรื่องตามราว ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ วันที่มหาเศรษฐีบริเจคส์เขี่ยหนุ่มแฟรงค์กระเด็นลงจากเตียง และคว้าแหม่มสาวมาอยู่ข้างกายให้สะเทือนวงการเกย์เอาดื้อๆ
นิคก้มลงดึงเทปที่ปิดปากแฟรงค์ออก
“ไง แฟรงค์.. ถ้ายอมดีๆ แต่แรกก็ไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้ รู้มั้ยว่าฉันแอบชื่นชอบแกมานานขนาดไหน ในเมื่อคริสเขาไม่สนใจแกแล้ว ฉันก็ยินดีเป็นสปอนเซอร์ทุกอย่างให้แกแทนคริส จะขยายคริสปี้ผับของแกออกไปอีกกี่คูหาก็ได้ ขอเพียงแกยอมเป็นคู่ใจคู่กายของฉัน ว่าไงแฟรงค์..”
“ปล่อยผมก่อนได้มั้ย ผมยังไม่พร้อม ขอเวลาผมหน่อย”
“ถ้าเมื่อตอนดึกแกพูดอย่างนี้เสียตั้งแต่แรกก็จบเรื่อง พูดตอนนี้มันสายไปแล้วแฟรงค์.. ฉันไม่เคยเสียเวลาเปล่า คืนนี้ฉันตั้งใจมาอัดแกเต็มที่อยู่แล้ว ที่ฉันถามหมายถึงครั้งต่อๆ ไปต่างหาก แฟรงค์..”
“ถ้างั้นก็ไม่ต้องถาม ฉันไม่เคยนึกมาก่อนว่านักเลงโตอย่างแก ชอบใช้กำลังทำร้ายและขืนใจคน”
“ฮะ ฮะ มันได้อารมณ์กว่ากัน แฟรงค์.. แต่สำหรับแกฉันไม่ได้ต้องการทำอย่างนี้เลยนะ ฉันชื่นชอบและแอบฝันที่จะมีเซ็กซ์กับแกมานานแล้ว เรื่องอะไรฉันถึงอยากจะขืนใจแก เอาอย่างนี้มั้ยล่ะ แฟรงค์.. ฉันจะแก้มัดให้ถ้าสัญญาว่าจะไม่ขัดขืน ฉันรู้ว่าแกอาจจะทำใจลำบาก แต่ระหว่างฉันกับคริส ฉันไม่มีอะไรด้อยกว่าเขาเลย รับรองได้..”
แฟรงค์รู้สึกขยะแขยงและทุเรศที่นักเลงเฒ่าหุ่นฮิปโปอย่างเจ้านิค บังอาจเทียบตัวเองกับเทพบุตรคริสที่รักของเขา เขาถ่มน้ำลายใส่หน้ามันเมื่อมันยื่นหน้าเข้ามาแสยะยิ้มให้
นิคหัวเราะชอบใจอย่างคนเสียสติ พยักหน้าให้เจ้าราฟเข้ามา
“ตบหน้าสั่งสอนมันหน่อยซิ เอาแค่ให้เลือดกลบปากก็พอ ข้าจะได้มีอารมณ์มากขึ้น”
เจ้าราฟรับคำรีบปฏิบัติตามที่นายสั่งอย่างเต็มใจ แค่ฉาดแรกเลือดกำเดาก็ไหลออกจากจมูกแฟรงค์แล้ว เพราะมันไม่ได้ตบด้วยฝ่ามือแต่ตบด้วยกำปั้น มันตบซ้ายตบขวาโดยไม่นับครั้งอย่างสะใจ นิคมัวแต่ก้มหน้าปลดกระดุมเสื้อ เงยขึ้นมาเห็นเข้าก็ร้องห้ามด้วยความโมโห
“เฮ้ย!!.. พอแล้วโว้ย ไอ้บ้า!!.. กูบอกเอาแค่เลือดกลบปาก มึ_งทำให้หวานใจกูหมดหล่อแล้ว แถมยังเลือดโชกอย่างนี้กูจะมีอารมณ์ได้ไง ไอ้เวร!!.. หาผ้ามาซับเลือดเดี๋ยวนี้”
ราฟส่ายหน้ากับความเรื่องมากของเจ้านาย แต่ก็ปฏิบัติตามคำสั่งด้วยดี หาผ้ามาซับเลือดที่ไหลออกจากปากและจมูกของแฟรงค์
“ปิดปากมันไว้เถอะครับนาย จะได้ไม่พูดจาให้ระคายหูอีก”
นิคเห็นดีด้วย เพราะไม่อยากมีปากเสียงกับแฟรงค์ให้เสียอารมณ์
...โอ! พระเจ้า แฟรงค์หมดหนทางที่จะเลี่ยงชะตากรรมนี้แล้ว เขาส่ายหน้าหนีไม่ยอมให้ราฟปิดเทป และเอ่ยขอร้องอย่างผู้แพ้
“นิค.. ผมยอมแล้ว ผมขอร้อง ขอ…”
แฟรงค์พูดได้แค่นั้น เพราะถูกราฟเอาเทปปิดปาก แฟรงค์ส่งเสียงในลำคอและหันไปสบสายตากับนิคอย่างอ้อนวอน ทำให้มันใจอ่อนสั่งให้เจ้าราฟเอาเทปออก
“แกจะขออะไร แฟรงค์..” นิคเอ่ยถามขณะที่มือปลดซิบกางเกงเตรียมจะเปลื้องออก
“ผมขอร้อง ช่วยใส่เสื้อกันฝนด้วย..” น้ำเสียงแฟรงค์ตะกุกตะกักเพราะเจ็บระบบไปทั้งใบหน้า ...คำขอร้องของเขาตลกมากนักหรือไง มันถึงหัวเราะเยาะใส่เขาอย่างเห็นเป็นเรื่องขำ...
“ฮะ ฮะ ๆ โอ๊ะโอ๋.. หวานใจของข้าอยากให้ข้าใส่เสื้อฝนโว้ย ไอ้ราฟเอ็งบอกซิว่าทำไมข้าถึงไม่ชอบใส่”
นิคพูดจบก็เปลื้องกางเกงลงกองที่พื้น ขณะเดียวกับที่เจ้าราฟเงยหน้าแฟรงค์ขึ้นและบอกเหตุผลให้รู้
“เจ้านายไม่ชอบใส่เสื้อกันฝนเพราะมันอึดอัด ต่อให้ขนาดใหญ่ที่สุดแล้วก็ยังอึดอัด ถ้าไม่เชื่อก็หันไปดูเอง”
ราฟหันหน้าแฟรงค์ไปหานายของมันที่อยู่ในสภาพเตรียมพร้อมเต็มที่

แฟรงค์สะดุ้งเฮือกตาเหลือกโพลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นขนาดของน้องชายและร่างเปลือยขนาดฮิปโปของเจ้านิคยืนประชิดเตียงอยู่ในท่าเตรียมพร้อม
..โอ! พระเจ้า.. แฟรงค์เบือนหน้าหลบสิ่งที่น่ากลัวและทุเรศนั้น ตะกายร่างหนีด้วยความตกใจ
