Fatherhood part 2 [8]“แฟรงค์!!!... แฟรงค์!!!...”
คริสสะดุ้งตื่นลุกพรวดขึ้นจากที่นอน
….โอ! พระเจ้า.. เขาฝันร้ายหรือนี่ เขาเห็นแฟรงค์บาดเจ็บ เลือดท่วมตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง และเห็นตัวเองยืนดูเฉยๆ ไม่เข้าไปช่วย จนตัวตนที่แท้จริงของเขาต้องร้องเรียกแฟรงค์….
“เกิดอะไรขึ้นคะที่รัก”
ชารอนวิ่งหน้าตื่นเข้ามา เธอพักอยู่ที่ห้องเล็กเพื่อความสบายใจของคริสและของตัวเธอเองด้วย เธอไม่อยากได้ยินคริสเอ่ยขอเธอนอนคนเดียวอีก
ชารอนตรงเข้ามาโอบกอดคริสอย่างปลอบโยน เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาฝันร้าย คริสคงฝันร้ายมากจริงๆ เหงื่อท่วมตัวทั้งที่แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ
“ผมไม่เป็นไรชารอน ขอโทษที่ทำให้ตกใจ คุณยังไม่นอนเหรอ...”
“ใครว่าคะฉันหลับสนิทเลย เสียงคุณค่อยอยู่ซะเมื่อไร ดีไม่ดีไมเคิลอาจจะได้ยินด้วยนะคะ”
คริสขมวดคิ้ว ...อะไรกัน!!.. เสียงเขาดังขนาดที่ไมเคิลอาจจะได้ยิน... ถ้างั้นเธอก็รู้ว่าเขาตะโกนเรียกใคร…
“ฝันร้ายหรือคะคริส อย่ากังวลเลยค่ะ แค่ความฝันเท่านั้น เขาไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่เป็นไร..”
ชารอนปลอบเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอรู้ว่าเขาฝันถึงใครแต่ไม่ยอมเอ่ยถึง
3 โมงเช้า… แซมเดินผิวปากเข้าร้านอย่างอารมณ์ดี เมื่อคืนได้ด่าพวกโรคจิตที่ชอบโทรศัพท์มากวนตอนดึกๆ แฟนสาวของเขารับสาย 2 ครั้ง เจอปลายสายส่งเสียงกระเส่าให้ ครั้งที่สามเขาเป็นคนรับเองและรีบด่าใส่ก่อนที่มันจะได้มีโอกาสส่งเสียง
“หวัดดีฮะ คุณแซม.. อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณแซม..”
บริกรและแคชเชียร์สาวทักทายแซมตามปกติ ยังไม่มีใครรู้ว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับแฟรงค์ สภาพในร้านไม่มีร่องรอยผิดปกติ ประตูไม่ได้ถูกงัด เป็นเพราะบริกรหนุ่มแสบชื่อป๊อดแอบให้กุญแจกับสมุนของเจ้าราฟก่อนปิดร้าน เพื่อแลกกับบุหรี่ยัดไส้ที่มันกำลังเสพติดอย่างหนัก
แซมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์เมื่อรู้สึกผิดสังเกตกับเจ้าป๊อดที่หมั่นเดินขึ้นลงบันไดทั้งๆ ที่ไม่มีธุระ
“แกจะขึ้นๆ ลงๆ ทำไมวะไอ้ป๊อด.. ขึ้นไปทำอะไรหน้าห้องนอนแฟรงค์..”
บริกรหนุ่มชะงักเท้าหันมายิ้มแห้งๆ
“เอ่อ.. เปล่าครับ จะขึ้นไปดูว่าคุณแฟรงค์ตื่นหรือยัง จะได้ยกอาหารขึ้นไปเสิร์ฟให้”
“จะบ้าหรือไง!!. นี่มันเวลาตื่นนอนของแฟรงค์ที่ไหน รีบลงมาเลยก่อนที่แฟรงค์จะออกมาเตะแกเพราะส่งเสียงหนวกหู”
“แต่คุณแฟรงค์อาจจะตื่นแล้วก็ได้นะคะ เพราะเมื่อคืนปิดร้านเร็วค่ะ”
แคชเชียร์สาวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้แซมฟัง แซมรู้สึกกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แฟรงค์น่าจะหาวิธีปฏิเสธที่นุ่มนวลกว่านี้ ไม่น่าใช้ความรุนแรงกับเจ้าราฟลูกน้องคนสนิทของนิค มีเรื่องกับนิคธุรกิจที่ทำอยู่คงไม่ราบรื่นเท่าไร
แซมร้อนใจอยากรู้เรื่องจากแฟรงค์จึงตรงขึ้นไปหาที่ห้อง เจ้าป๊อดวิ่งตามขึ้นมาติดๆ เพราะต้องการรู้ว่าคุณแฟรงค์สบายดีหรือเปล่า เขารู้สึกผิดและสังหรณ์ใจไม่ดีที่ทำเรื่องร้ายแรงไปเป็นเพราะกำลังอยากยา
แซมหันมาเอ็ดเด็กหนุ่ม
“แกไม่ต้องตามขึ้นมา ถ้าแฟรงค์เขาจะรับอาหาร เดี๋ยวจะโทรลงมาบอก”
“แฟรงค์.. ตื่นหรือยัง ขอคุยด้วยหน่อย”
แซมส่งเสียงเรียกอยู่หลายครั้งก็ไม่มีเสียงตอบ ถึงจะอยู่ในห้องน้ำก็น่าจะได้ยิน แฟรงค์เป็นคนที่มีความรู้สึกไวและหูดีมาก ปกติเรียกแค่ครั้งเดียวก็จะส่งเสียงงัวเงียตอบกลับมาแล้ว
แซมลองเรียกอีกครั้งภาวนาขอให้มีเสียงตอบกลับมา จะด่าว่าอะไรก็ได้เขายินดีรับฟังแต่ก็ยังเงียบกริบเหมือนเดิม แซมตะโกนบอกเด็กให้หยิบกุญแจสำรองห้องแฟรงค์ขึ้นมา ขาดคำบริกรป๊อดก็วิ่งหน้าตื่นขึ้นมายื่นกุญแจให้เขา แซมนึกสงสัยว่าทำไมเร็วนักแต่ไม่ใช่เวลาถาม เขารีบไขกุญแจห้องก่อนเพราะรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนมาก เมื่อคืนแฟรงค์มีสีหน้าไม่ค่อยดีแถมยังดื่มเหล้าทั้งที่เคยสัญญากับเขาตั้งแต่ตอนเมาเบียร์ครั้งนั้นว่า จะไม่ดื่มอีกยกเว้นลูกค้าขอให้ดื่ม
แค่ประตูเปิดออกแซมก็รู้สึกผิดปกติแล้ว ไฟในห้องสว่างทั้งที่แฟรงค์ยังนอนห่มผ้าอยู่บนเตียง มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แฟรงค์นอนไม่หลับกับแสงสว่างขนาดนี้ เขาชอบนอนดับไฟหรืออย่างมากก็แค่แสงสลัว ผ้าม่านในห้องเป็นม่านบังแสง 2 ชั้น เหมาะสำหรับพวกนกฮูกที่ต้องนอนกลางวัน และออกทำมาหากินในตอนกลางคืน
แซมถลาไปที่เตียง สำนึกแรกของเขาคือ แฟรงค์คงป่วยหรือไม่ก็เมาอย่างหนัก แต่เมื่อเข้าไปใกล้หัวใจของแซมก็ลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเห็นใบหน้าฟกช้ำของแฟรงค์และสีหน้าซีดขาว ...โอ!พระเจ้า.. แฟรงค์มีเรื่องชกต่อยกับใครเมื่อคืนด้วยงั้นเหรอ.. ทำไมไม่มีใครบอก…
แซมสอดส่ายสายตาไปทั่ว พบชุดนอนของแฟรงค์ตกอยู่ที่พื้นห้อง เสื้ออยู่ทางกางเกงอยู่ทาง แสดงว่าแฟรงค์ไม่ได้สวมเสื้อนอนซึ่งไม่ใช่นิสัย และแม้จะนอนห่มผ้าอยู่ในท่าที่สบายก็จริงแต่ไม่ใช่ตำแหน่งที่ควรจะนอน
แซมช้อนศีรษะแฟรงค์ขึ้น ใจหายวาบอีกครั้งเมื่อสัมผัสถึงลมหายใจแผ่วเบาและเนื้อตัวเย็นเฉียบของเพื่อน
“แฟรงค์!!.. แฟรงค์!!..”
แซมบีบนวดมือและแขนของแฟรงค์ให้ความอบอุ่น ปากก็พร่ำเรียกไม่หยุด
“แฟรงค์.. เกิดอะไรขึ้นกับนาย~~ นายมีเรื่อง__” แซมชะงักเมื่อเห็นรอยเลือดบนที่นอน
..พระเจ้า! แฟรงค์บาดเจ็บมากถึงขนาดเลือดตกยางออกเชียวเหรอ...
แซมตกใจแต่ยังมีสติดีอยู่ เขาต้องสำรวจร่างกายของแฟรงค์ก่อนว่าบาดเจ็บและมีบาดแผลตรงไหนบ้าง แซมรวมรวมกำลังใจดึงผ้าห่มออก
...โอ!..พระเจ้า..
ครั้งนี้หัวใจเขาไม่ได้ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว แต่มันเกือบจะหยุดเต้นเลยทีเดียว ภาพที่แซมเห็นอยู่ตอนนี้คือ แฟรงค์นอนจมกองเลือดในสภาพเปลือยเปล่า กลิ่นคาวโชยเข้าจมูก บอกให้รู้ว่าแฟรงค์นอนอยู่ในสภาพนี้นานหลายชั่วโมงแล้ว นี่เป็นคำตอบว่าทำไมร่างกายและสีหน้าของแฟรงค์จึงขาวซีดไม่มีสีเลือด
“โอ!..พระเจ้า.. เกิดอะไรขึ้นกับนาย ใครทำร้ายนาย แฟรงค์!!.. แฟรงค์!!..”
แซมเห็นร่างกายของแฟรงค์เขียวช้ำเกือบทั้งตัว รู้ในทันทีว่าแฟรงค์ถูกใครทำร้าย เขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยถามอีก สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือ..
“ใครอยู่ตรงนั้น!!!.. โทรเรียกรถพยาบาลเร็ว!!..”
เจ้าป๊อดยืนตัวสั่นดูอยู่ด้วยความตกใจเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะรุนแรงขนาดนี้ พวกมันบอกแค่ว่าจะมาคุยตกลงปัญหากับคุณแฟรงค์นิดหน่อยเท่านั้น ไม่นึกว่ามันจะทำร้ายคุณแฟรงค์บาดเจ็บสาหัสแบบนี้
“ไอ้ป๊อต!!!.. ยืนเซ่ออยู่ทำไม!!! ลงไปโทรเรียกรถพยาบาล”
“ครับผม”
บริกรหนุ่มวิ่งพรวดออกไป แซมอ้าปากจะด่าไล่หลังแต่เมื่อรู้สึกว่าแฟรงค์กำลังมีสติและขยับตัวก็หันมาปลอบโยนเพื่อน
“ไม่เป็นไรนะแฟรงค์.. ไม่เป็นไร ฉันอยู่นี่ นายต้องไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวนะแฟรงค์.. ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่นี่แล้ว” ฟังดูเหมือนแซมกำลังปลอบโยนเพื่อน แต่เปล่าหรอก…เขาปลอบใจตัวเองต่างหาก
“แซมเหรอ.. ทำไมมาเช้าจัง.. ยังมืดอยู่เลย.. ” แฟรงค์ลืมตาสะลืมละลือ
เสียงแฟรงค์เบามากจนแซมต้องเงี่ยหูฟัง
“ฉันเองแฟรงค์.. นายไม่เป็นไรนะ ฉันจะพาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
แฟรงค์ส่ายหน้า
“ไม่~.. ฉันไม่ไป~.. โรง~ พยาบาล~ เรียก.. บ๊อบมา~…”
“โอเค.. โอเคแฟรงค์.. ฉันจะเรียกบ๊อบเดี๋ยวนี้”
แซมดึงโทรศัพท์มือถือที่เอวขึ้นมาเรียกดูเบอร์ของบ๊อบ และต่อสายไปหา
“อย่าบอกใคร~.. ว่าฉัน~.. เจ็บ อย่าบอกเด็ก~.. อย่าให้คริส~.. รู้..”
แซมรับคำไปเรื่อยเปื่อย ในใจนึกบ่นว่า ….เจ็บขนาดนี้แล้วยังใจแข็ง ฝืนใจตัวเองอยู่ได้….
ระหว่างรอสายบ๊อบ แซมสังเกตเห็นที่นอนฉ่ำนอง เหมือนเลือดยังไหลออกเรื่อยๆ
“นายบาดเจ็บตรงไหน แผลอยู่ไหนแฟรงค์ ฉันจะห้ามเลือดให้นายก่อน”
แฟรงค์ยิ้มระโหย “นายห้าม~.. ไม่เป็นหรอก~.. แผลอยู่~.. ข้างใน~..”
แฟรงค์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะช็อก เขาหลับไปแป๊บเดียวเอง ยังไม่เช้าเลยด้วยซ้ำ ทำไมถึงรู้สึกตัวเบาหวิวเหมือนเลือดกำลังจะหมดตัวแล้ว
“โอนเงินเข้าบัญชีคริสหรือยัง~ แซม.. ” แฟรงค์รีบสั่งเสียในขณะที่ยังมีสติ
“ฉันว่าจะโอนพรุ่งนี้” แซมตอบคำถาม เริ่มร้อนใจและรู้สึกฉุนที่บ๊อบไม่ยอมรับสายซะที
“โอน~ วันนี้เลยได้มั้ย~ ฉันอยาก~ ปลดหนี้เร็ว ~ เร็ว~ ”
“โอเค!!.. แฟรงค์ เดี๋ยวฉันจะจัดการให้ภายในเช้านี้ มีอะไรห่วงอีกมั้ย ถ้าไม่มีฉันอยากให้นายนอนนิ่งๆ อย่าพูดให้เหนื่อยอีกเลย ฮัลโหล!!.. บ๊อบเหรอ…”
บ๊อบรับสายบอกว่าเพิ่งออกจากห้องผ่าตัดพอดี
บ๊อบตกใจเมื่อรับรู้อาการของแฟรงค์จากแซม เขาขอคุยด้วยเมื่อรู้ว่าแฟรงค์ยังมีสติ แซมส่งสายให้แฟรงค์คุยกับบ๊อบ ไม่อยากเชื่อเลยว่าแฟรงค์สามารถบอกอาการป่วยของตัวเองด้วยภาษาทางการแพทย์เหมือนหมอคุยกับหมอด้วยกัน ซ้ำยังบอกให้บ๊อบนำอุปกรณ์และเครื่องมือมารักษาอาการของตัวเอง แฟรงค์พูดไม่จบก็ช็อกหมดสติไปก่อน
“ทำไงดีบ๊อบ!!..
นายจะมาหรือให้ฉันพาไป”
“อาการขนาดนั้นจะให้ฉันไปเปิดห้องผ่าตัดที่ผับนายเหรอ พาแฟรงค์มาหาฉันที่โรงพยาบาลด่วนเลย ฉันจะเตรียมห้องผ่าตัดไว้”
แซมวางสายบ๊อบก็ได้ยินเสียงรถพยาบาลมาจอดหน้าตึกพอดี โชคดีที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างจากนี่แค่ 2 ช่วงตึก..
บ๊อบตกใจมากเมื่อพบว่าอาการแฟรงค์เข้าขั้นสาหัส ผนังลำไส้ใหญ่ส่วนปลายและบริเวณทวารหนักมีบาดแผลฉกรรจ์ถึงขั้นเลือดตกในช่องท้อง บ๊อบต้องรีบนำแฟรงค์เข้าห้องผ่าตัดโดยด่วน และเนื่องจากแฟรงค์เสียเลือดมากจนอยู่ในอาการช็อกแล้ว หากถึงมือหมอช้ากว่านี้แค่ไม่กี่นาที บ๊อบเองก็ไม่รับประกันว่าจะช่วยชีวิตเพื่อนไว้ได้ทันหรือเปล่า
บ๊อบสงสารแฟรงค์จับใจขณะตรวจเช็คร่างกายให้ แฟรงค์ถูกทำร้ายจนบอบช้ำ กระดูกหน้าแข้งข้างขวาแตก และมีอาการฟกช้ำทั่วลำตัว ที่ศีรษะเหนือท้ายทอยถูกตีด้วยของแข็งจนบวมช้ำ แม้จะผ่าเอาเลือดที่คั่งออกแล้วก็ยังไม่วางใจ ต้องรอให้แฟรงค์รู้สึกตัวก่อน หากไม่มีอาการผิดปกติอื่นใดตามมาก็ถือว่าปลอดภัย
แฟรงค์รู้สึกตัวหลายครั้งแล้วแต่ลืมตาขึ้นมาทีไรก็ยังมืดอยู่ จึงพยายามข่มตานอนหลับต่อไป
…บ๊อบ!!…
แฟรงค์แน่ใจว่าเขาได้ยินเสียงบ๊อบพูดคุยกับใครอยู่ข้างๆ แฟรงค์ลืมตาขึ้นด้วยความดีใจเพราะรอให้ถึงตอนเช้ามานานแล้ว
“บ๊อบ.. ใช่นายหรือเปล่า…”
บ๊อบกำลังตรวจชีพจรให้แฟรงค์ รีบตอบรับด้วยความยินดีในขณะที่สายตายังดูเวลาที่ข้อมือ
“ใช่.. ฉันเอง.. นายไม่เป็นไรแล้วนะ แฟรงค์..”
บ๊อบเช็คชีพจรเสร็จก็ตรวจบาดแผลที่ผ่าตัดต่อ
“ทำไมต้องมาดึกๆ ด้วย รอให้เช้าก่อนค่อยมาก็ได้..”
บ๊อบชะงักมือรีบหันไปมองเพื่อน แฟรงค์ไม่ได้สะลืมสะลือแต่นอนลืมตาอยู่ บ๊อบขยับเข้าไปพูดคุยกับแฟรงค์ใกล้ๆ เริ่มรู้สึกถึงอาการผิดปกติบางอย่าง
“ข้างล่างปิดร้านหรือยัง ใครไปรับนายมา แซมเหรอ…”
“เอ่อ.. ไม่ใช่แฟรงค์.. นายไม่ได้อยู่ที่ร้าน ตอนนี้นายอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันรักษาที่ร้านไม่ได้ นายต้องเข้าห้องผ่าตัด แต่ตอนนี้นายโอเคแล้ว แฟรงค์..”
แฟรงค์พยักหน้าเข้าใจ เพราะรู้ว่าตัวเองอาการหนักอย่างที่บ๊อบพูดจริงๆ
“เปิดไฟซีบ๊อบ.. มืดขนาดนี้นายตรวจแผลฉันได้ไง มองเห็นเหรอ..”
บ๊อบใจหายวาบ ….โอ! พระเจ้า… ทำไมแฟรงค์ต้องได้รับเคราะห์กรรมหนักหนาอย่างนี้ด้วย แค่ถูกรุมทำร้ายในลักษณะนี้ แฟรงค์ก็เจ็บปวดทั้งใจและกายพออยู่แล้ว…
“แฟรงค์… นายเชื่อฝีมือการรักษาของฉันมั้ย”
“ไม่เชื่อนายแล้วจะเชื่อใคร สำหรับฉันนายไม่ใช่แค่หมอ แต่นายเป็นเพื่อนรักของฉันด้วย บ๊อบ..” แฟรงค์ยิ้มระโหย ดวงตาเหมือนกำลังพยายามเพ่งมองว่าเพื่อนอยู่ที่ไหน
บ๊อบจับมือแฟรงค์กุมไว้และกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ฟังนะแฟรงค์.. ฉันอยู่ตรงนี้ ยืนอยู่ตรงหน้าของนาย เวลาตอนนี้ 3 โมงเช้า ในห้องมีแสงสว่างมากพอที่ฉันจะตรวจแผลของนายได้โดยไม่ต้องเปิดไฟ มองทางนี้แฟรงค์.. ” บ๊อบหันหน้าแฟรงค์มาทางเขา
“นายเห็นฉันมั้ย”
แฟรงค์นอนนิ่งเฉยสีหน้างุนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนผวาขึ้นนั่ง เล่นเอาบ๊อบตกใจรีบสวมกอดและกล่าวปลอบเพื่อน
“ไม่เป็นไรแฟรงค์.. ไม่เป็นไร.. แค่ชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานก็หาย ฉันสัญญา”