Fatherhood part 2 [2] ต่อ...คริสเอนตัวพักผ่อนอยู่บนโซฟา เมื่อคืนเขานอนไม่หลับ ในหัวสมองคิดถึงแต่เรื่องที่ทนายจรินทร์บอกเล่า
“ผมได้ติดต่อพูดคุยกับคุณวัลยาแล้วครับ เธอและสามีเป็นเพื่อนและญาติกับคุณลินดาจริงๆ เธอมีหลักฐานรูปถ่ายให้ผมดู สามีเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับลินดา ส่วนเธอเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถม เธอและลินดานัดพบปะพูดคุยทุกข์สุขกันอยู่เสมอ เรื่องไมเคิลเธอก็รับรู้มาตลอด เธอรู้ด้วยว่าไมเคิลเป็นลูกพลทหารอเมริกันชื่อบิล สมิทธ์ เธอและสามีไม่มีลูกก็เลยต้องการรับไมเคิลไปอุปการะตามที่ลินดาเคยฝากไว้ เธอมีจดหมายที่ลินดาเขียนฝากไมเคิลกับเธอให้ผมดูด้วย ผมค่อนข้างกังวลกับจดหมายฉบับนี้ครับ คุณคริส..”
คริสไม่เข้าใจว่าสวรรค์เล่นตลกกับเขาหรืออย่างไร ส่งไมเคิลให้มาพบและรู้จักกับเขา ดลจิตใจของเราทั้งสองให้มีความรักต่อกันฉันท์พ่อลูกแล้ว ทำไมจึงบันดาลให้เกิดสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาหลงวางใจว่าคงไม่มีเรื่องร้ายหรือเหตุการณ์ใดๆ จะมาพรากเขาและไมเคิลจากกันอีก จึงยังรีรอที่จะหาทางรับไมเคิลเป็นบุตรชายอยู่อย่างเย็นใจ
“โชคดีนะครับที่คุณไม่ได้ทำตามที่คุณแฟรงค์บอก”
..ใช่! ถ้าเขาทำตามที่แฟรงค์บอก ป่านนี้คงเจอข้อหายื่นหลักฐานเท็จไปแล้ว นึกถึงแฟรงค์แล้วอดโมโหไม่ได้ รู้อยู่ว่าเขามีเรื่องร้อนใจ ขอร้องให้อยู่เป็นเพื่อนกันหน่อยก็ทำได้แค่วันเดียว..
คริสดีดข้อศอกออกจากตัวเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครโน้มตัวเข้ามาประชิด
“อุ๊บ! โอ๊ย!…..”
คริสลืมตาขึ้นพบแฟรงค์ยืนตัวงอสีหน้าเหยเกเพราะถูกเขาศอกเข้าที่สีข้างอย่างจัง
“บ้าจริงเชียว!!.. ชอบเข้ามาเงียบๆ ก็ต้องเจ็บตัวแบบนี้”
แฟรงค์แกล้งส่งเสียงร้องโอดครวญ
“คุณทำผมเจ็บไม่ขอโทษยังมาดุกันอีก”
“ช่วยไม่ได้ นายทำฉันตกใจ ย่องมาเงียบๆ คิดจะตัดกำลังฉันก่อนหรือไง ไม่มีทาง วิธีเก่าๆ ของนายเลิกใช้ได้แล้ว”
แฟรงค์หัวเราะอายที่คริสรู้ทัน เขาอุตส่าห์อาบน้ำชำระร่างกายให้หอมกรุ่นก่อนจะขึ้นมาพูดคุยด้วย เผื่อว่าคริสจะอารมณ์ดีขึ้น ทุกครั้งที่คริสหัวเสียแฟรงค์มักจะหลอกล่อให้คริสคลายความโกรธลงด้วยการผ่อนคลายอารมณ์ทางเพศ ส่วนใหญ่ได้ผลทุกครั้งยกเว้นปัญหานั้นไม่ได้เกี่ยวกับตัวเขา ปัญหาหนักสำหรับคริสเวลานี้มีเรื่องเดียวคือเรื่องของไมเคิล แฟรงค์เชื่อว่าอารมณ์ไม่จอยของคริสวันนี้คงไม่พ้นเรื่องของหนุ่มน้อย
“มีอะไรหรือคริส คุณหนักใจเรื่องอะไร คุยปัญหาของคุณก่อน เรื่องของผมไว้คิดบัญชีทีหลัง”
คริสร้อนใจอยากจะคุยเรื่องนี้กับแฟรงค์หลายชั่วโมงแล้ว จึงเล่าเรื่องที่ทนายจรินทร์รายงานให้ฟังเมื่อคืน
“เจอรี่ว่าฐานะของสามีภรรยาคู่นี้ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก รับราชการทั้งคู่ บางทีเราอาจเปลี่ยนความตั้งใจของพวกเขาได้ถ้าเสนอเงินสักก้อน”
“ให้เงินเหรอ” แฟรงค์พึมพำเบาๆ จำได้ว่าเขาเคยเสนอความคิดนี้กับคริส ตอนลินดาขอตัวไมเคิลกลับไป แต่คริสไม่เห็นด้วย “เป็นความคิดของคุณหรือคริส..”
“เปล่า.. เจอรี่พูดขึ้นมา ฉันก็เลยคิดว่าน่าจะลองดู นายเห็นด้วยใช่มั้ยแฟรงค์.. นายเคยบอกฉันเองว่าเงินซื้อทุกอย่างได้”
แฟรงค์พยักหน้า …ใช่!.. เขาเห็นด้วยถ้าเรื่องนี้เขาจัดการเอง แต่ถ้าให้ทนายอย่างเจ้าเจอรี่จัดการให้ เขาไม่ไว้ใจ ไม่ใช่เพราะเขามีปากเสียงกับหมอนั่น เขาไม่ถูกชะตากับทนายหนุ่มคนนี้ตั้งแต่แรกเห็นแล้ว พยายามเลี่ยงไม่เจอด้วยถ้าไม่จำเป็น…
“คุณให้เจอรี่ไปเจราจาเรื่องเงินเหรอ..”
คริสพยักหน้า
“ทำไมคุณไม่นัดพวกเขาสองคนมาคุยด้วย บอกไปเลยว่าคุณรับอุปการะเด็กอยู่แล้ว รอทำเรื่องตามกฎหมายเท่านั้น บางทีพวกเขาอาจจะไม่ต้องการเงินสักบาทก็ได้”
“เจอรี่ว่าพวกเขารู้ว่าฉันเป็นใคร มีพฤติกรรมยังไง เขายืนยันว่าต้องการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม เขาขอร้องว่าอย่าให้มีปัญหาถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล แต่ถ้าจำเป็นเขาก็ยอม”
คริสถอนหายใจระบายความอัดอั้นและขมขื่น ปัญหาวุ่นวายเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นตั้งแต่ลินดายังมีชีวิตอยู่ ถ้าเพียงแต่เขาไม่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ
“ผมไม่ค่อยไว้ใจให้เจอรี่ไปเจรจาเรื่องเงิน”
“พอซะทีเถอะแฟรงค์
เลิกมีปัญหากับเจอรี่ซะที เขาเป็นทนายของฉัน ฉันต้องพึ่งเขา นายจะให้ฉันเจรจาเรื่องเงินด้วยตัวเองยังงั้นเหรอ แล้วฉันจะจ้างทนายไว้ทำไม!!.. ตัวนายเองไม่มีเวลาให้ฉันมานานแค่ไหนแล้วแฟรงค์ ปัญหาไมเคิลยังค้างคาอยู่แทนที่จะช่วยจัดการให้เรียบร้อยกลับปล่อยทิ้งไว้จนสองผัวเมียนั่นโผล่มา นายไม่ช่วยยังเขม่นเจอรี่ ไม่เคยเห็นด้วยกับเรื่องที่เขาทำให้ฉัน เพราะอะไรแฟรงค์ ทำไมไม่ไว้ใจเจอรี่ให้ไปเจรจาเรื่องเงิน หรือว่าเรื่องที่เกี่ยวกับเงินนายต้องทำด้วยตัวเองทุกเรื่อง นายกังวลมากเกินไปแล้ว อย่าห่วงเลยแฟรงค์.. มันคนละส่วนกับที่นายจะได้รับจากฉัน”
แฟรงค์ใจหายวาบ ตั้งแต่คบหาและอยู่ร่วมกันมา เขาไม่เคยถูกคริสต่อว่าด้วยอารมณ์โกรธรุนแรงอย่างวันนี้มาก่อน ไม่เพียงแต่จะทำให้เขารู้สึกตกใจเท่านั้น คำต่อว่าประโยคสุดท้ายทำให้แฟรงค์เสียใจอย่างแรง เขานั่งก้มหน้านิ่งไม่โต้ตอบหรือออกความเห็นอะไรอีก
คริสถอนหายใจอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ด้วยความรู้สึกฉุนและโกรธตัวเองที่ระบายอารมณ์ต่อว่าแฟรงค์อย่างรุนแรง โดยเฉพาะคำพูดสุดท้ายที่หลุดออกไป เขารู้สึกเสียใจทันทีที่พูดจบ
“แด๊ดดี้..”
เสียงเรียกของไมเคิลขัดจังหวะอารมณ์ของคริสและแฟรงค์ หนุ่มน้อยยืนเกาะประตูแอบฟังเรื่องทั้งหมดอย่างไม่ตั้งใจ เจ้าหนูรู้สึกเป็นห่วงคุณแฟรงค์ จึงตามขึ้นมาดูว่าทั้งสองพูดคุยและปรับความเข้าใจกันด้วยดีหรือไม่ ไม่คิดว่าจะมาได้ยินเรื่องร้ายๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองอีกครั้ง
หนุ่มน้อยวิ่งเข้ามาสวมกอดคริสละล่ำละลั่กกล่าวด้วยความหวาดกลัว
“แด๊ดดี้ผมไม่ไปนะ ผมจะอยู่กับแด๊ด ผมไม่รู้จักพวกเขา เคยเห็นหน้าแค่ครั้งเดียวเองจะมาเป็นพ่อแม่ผมได้ยังไง ผมไม่ยอมแล้วนะ ถ้าให้ผมไปอีกครั้งนี้ผมต้องตาย”
คริสตกใจกับอาการตื่นกลัวของไมเคิล เขาสวมกอดเจ้าหนูแน่นและละล่ำละลั่กกล่าวปลอบด้วยความตกใจเช่นกัน
“ไม่นะ ไมเคิล ไม่ต้องกลัว แด๊ดไม่ยอมให้ลูกจากไปไหนอีกแล้ว ไม่มีวัน ไม่มีทาง โอเค! ไม่มีทางเลยลูก ไม่มี….”
คริสสวมกอดร่างเล็กแน่น นึกถึงความเจ็บปวดที่เจ้าหนูได้รับจากเจ้าโทนี่แล้ว เขาสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้ไมเคิลพรากจากเขาไปอีก แม้จะต้องเสียเงินทองมากมายหรือแลกกับความสุขส่วนตัวชั่วชีวิตของเขา เขาก็ยอม...
แฟรงค์ลืมความเจ็บช้ำที่ได้รับเมื่อครู่เมื่อเห็นอาการเสียใจและตกใจกลัวของไมเคิล รีบเดินเข้ามาช่วยปลอบ
“ไม่ต้องกลัวไมเคิล.. นอกจากคุณคริสแล้วไม่มีใครเป็นพ่อของเธอได้ ครั้งที่แล้วเราจำเป็นต้องปล่อยเธอกลับไปกับแม่ แต่ครั้งนี้ไม่มีทาง!!.. ไปวิ่งเล่นเถอะนะ ไม่ต้องห่วง ฉันกับคุณคริสจะแก้ปัญหากันเอง ทุกอย่างจะเรียบร้อย โอเค..” แฟรงค์ลูบศีรษะหนุ่มน้อยปลอบ เขารู้ว่าเจ้าหนูไมค์ย้อนกลับขึ้นมาดูสถานการณ์ระหว่างเขากับคริสด้วยความเป็นห่วง
“จริงหรือครับ แก้ปัญหาได้จริงๆ หรือ แด๊ด..”
หนุ่มน้อยเงยหน้าถาม เมื่อคริสพยักหน้าให้ก็ยิ้มออกและคลายความกังวลลง
คริสและแฟรงค์กลับเข้าสู่อารมณ์และความรู้สึกเดิมอีกครั้งหลังไมเคิลออกจากห้องไป ไม่มีใครเอ่ยหรือพูดจาใดๆ คริสรู้สึกเสียใจที่ต่อว่าแฟรงค์เมื่อครู่แต่ก็ไม่อาจเอ่ยขอโทษก่อนได้
สำหรับแฟรงค์ความรู้สึกขณะนี้คือเสียใจอย่างมาก ทุกถ้อยคำต่อว่าของคริสยังก้องอยู่ในหู เขายอมรับผิดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องสุดท้ายที่รับไม่ได้ ในที่สุดคริสก็รู้สึกกับเขาอย่างที่คนอื่นๆ เข้าใจ รอให้เรื่องไมเคิลเรียบร้อยและจบลงด้วยดีซะก่อน เขาจะหาโอกาสจากไปทันที
เสียงโทรศัพท์ทำให้ทั้งคู่ตื่นจากภวังค์ อีกครั้งที่แฟรงค์ต้องเก็บความรู้สึกเจ็บช้ำไว้ เมื่อคริสจบการสนทนาและวางสายลง แฟรงค์เดินเข้าไปหาและกล่าวออกความเห็นอย่างเหลืออด
“นี่มันเรียกค่าไถ่กันชัดๆ คุณจะยอมมั้ยคริส”
คริสรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้รับรู้ความต้องการของอีกฝ่าย แม้จะเหมือนการเรียกค่าไถ่ตัวอย่างที่แฟรงค์พูดจริงๆ แต่ถ้าเรื่องจบลงด้วยดีเพียงเท่านี้เขาก็ยอม
“ผมผู้กองนเรศ สามีวัลยา เราสองคนได้รับการเสนอจากคุณจรินทร์ ทนายความของคุณว่าคุณยินดีที่จะมอบเงินจำนวนหนึ่งให้เรา ผมบอกตรงๆ นะครับคุณคริส ผมไม่ไว้ใจว่าคุณจะรับอุปการะไมเคิลอย่างลูกชายจริงๆ และผมก็เชื่อว่าศาลก็คงไม่ไว้ใจด้วยเช่นกัน แต่ในเมื่อคุณให้โอกาสเราเลือก ผมกับภรรยาตกลงกันแล้วว่า เราขอเงินสด 20 ล้านบาท บ้านหนึ่งหลังและรถยนต์อีก 2 คันรวมมูลค่าอีก 10 ล้านบาท ถ้าคุณยอมเสียเงิน 30 ล้านบาท ผมก็ยินดีเสียสละไมเคิลให้ด้วยความเต็มใจ คุณจะรับอุปการะในฐานะอะไรก็ได้ ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย” “คนจิตใจต่ำอย่างนั้นสมควรจะได้รับเงิน 30 ล้าน หรือคริส.. ”
แฟรงค์ไม่ได้กล่าวด้วยความเสียดาย เขารู้ว่าคริสสามารถจ่ายได้อย่างสบายๆ แต่เขาไม่อยากให้คริสถูกหยามศักดิ์ศรีแบบนี้
“แล้วไง.. นายมีหนทางอื่นเหรอ..”
คริสเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับแฟรงค์ ไอ้ผู้กองนั่นดูถูกและหยามเขาอย่างแรง สามีภรรยาคู่นี้จะให้ความรักในฐานะพ่อแม่กับไมเคิลได้อย่างไร ในเมื่อจิตใจยังต่ำอยู่เช่นนี้
“ผมจะหาผู้หญิงจดทะเบียนสมรสกับคุณ คริส.. ยื่นขอต่อศาลซะ คุณเป็นต่อทุกเรื่องอยู่แล้ว อย่างน้อยไมเคิลก็รักและต้องการอยู่กับคุณ ยอมวุ่นวายขึ้นศาลหน่อยดีกว่าปล่อยให้โจรในครื่องแบบมารีดไถและหยามเราซึ่งๆ หน้า”
คริสแทบไม่เชื่อหูตัวเอง แฟรงค์เคยปฏิเสธและไม่เห็นด้วยกับทางเลือกนี้
“ฉันหูฝาดหรือเปล่า แฟรงค์.. นายเคยบอกว่าไม่เห็นด้วย”
“นั่นมันก่อนที่ผัวเมียคู่นี้จะโผล่มา ผมยอมให้มันรีดไถคุณกินเปล่าอย่างนี้ไม่ได้ เก่งจริงก็ให้ไปสู้กันในศาล มันไม่มีทางชนะและจะไม่ได้เงินสักบาทด้วย”
“นายไม่กลัวว่าผู้หญิงที่หามาจะเป็นปัญหาให้เราภายหลังหรือแฟรงค์.. แทนที่จะเสียแค่ 30 ล้าน ฉันอาจต้องเสียเงินค่าเลี้ยงดูเธอมากมายกว่านี้หลายเท่า นายไม่ห่วงเรื่องนี้แล้วเหรอ..”
คริสถามคำถามสำคัญเพื่อลองใจแฟรงค์ สำหรับเขาตอนนี้.. วิธีไหนก็ได้ทั้งนั้นขอเพียงให้ได้ไมเคิลมา
“ถ้าคุณเห็นด้วยและยังไว้ใจให้ผมทำงานนี้ก็ขอให้วางใจเถอะ เธอที่ผมหามาจะไม่เป็นปัญหากับเราแน่นอน ผมขอเวลา 2-3 วัน ระหว่างนี้คุณให้เจอรี่ประวิงเวลาไว้ก่อน บอกเขาว่าเราขอเวลาตัดสินใจ”
แฟรงค์ไม่ใส่ใจแล้วว่าคริสจะคิดยังไง จะว่าเขาห่วงเรื่องเงินก็ช่าง ก่อนจากไปเขาขอทำงานสำคัญครั้งนี้ให้คริสเป็นครั้งสุดท้าย
คริสพยักหน้าเห็นด้วย
…แฟรงค์ไม่เคยทำอะไรให้เขาไม่สำเร็จ ยกเว้นไม่ยอมทำ จริงๆ แล้วเขาเชื่อฝีมือแฟรงค์มากกว่าเจอรี่ แต่ทำยังไงได้ แฟรงค์ไม่มีเวลาให้เขา และเจอรี่ก็เป็นทนายซึ่งต้องพึ่งเรื่องข้อกฎหมายต่างๆ…
แฟรงค์ขอตัวเมื่อหมดธุระ เขามีเรื่องต้องทำมากมาย อย่างน้อยเรื่องแรกที่เขาต้องทำเมื่อกลับถึงห้องก็คือ ขอนอนก่อนสักงีบ…
“เดี๋ยวก่อน แฟรงค์..”
แฟรงค์ชะงักเท้าที่ประตู หันกลับไปถามด้วยสายตา บางทีคริสอาจจะเปลี่ยนใจหรือไม่ไว้ใจให้เขาทำงานนี้
ร่างสูงตรงเข้าประชิดและสวมกอดเขาโดยไม่พูดไม่จา แฟรงค์ยืนนิ่งเข้าใจความหมายของการสวมกอดนี้ คริสจะไม่พูดหรือเอ่ยขอโทษใครก่อน ถ้าต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนคริสจะแสดงออกที่การกระทำแทนคำพูด
“นายโกรธฉันใช่มั้ย..”
แฟรงค์ส่ายหน้าและซบลงกับไหล่กว้าง เขาไม่เคยนึกโกรธคริสเลย แค่เสียใจเท่านั้น..
“ฉันพูดจาไม่ดีกับนาย ฉันเสียใจแฟรงค์..”
“ผมก็เสียใจ.. ผมขอโทษที่ละเลยคุณ ขอโทษที่กลับบ้านผิดเวลา ขอโทษที่ไม่จัดการเรื่องไมเคิลให้เรียบร้อยไปก่อนหน้านี้ ขอโทษที่ทำให้คุณโกรธ ขอโทษที่…”
แฟรงค์ไม่สามารถกล่าวต่อเพราะถูกคริสปิดปากไม่ให้พูดด้วยจูบที่ดูดดื่ม การผ่อนคลายอารมณ์ร่วมกันจะช่วยลดความโกรธของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลงได้ วันนี้คริสคงแคร์ความรู้สึกเขามากจึงเอาวิธีของเขาไปใช้
คริสปลดกระดุมเสื้อที่แฟรงค์สวมอยู่โทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ แฟรงค์ผละออกรู้สึกเขินเล็กน้อย
“ไปนอนคอยที่เตียงก่อน แฟรงค์..” คริสกระซิบสั่งก่อนเดินไปรับสาย
แฟรงค์ไม่เข้าใจว่าวันนี้เจ้านายคริสของเขาเป็นอะไร บทจะดีก็ดีใจหาย เมื่อครู่ยังโกรธและดุว่าจนเขาน้ำตาตกใน แฟรงค์เดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงแต่โดยดี
คริสรับสายทนายจรินทร์ซึ่งโทรมาถามข่าวคราว เขาสั่งให้จรินทร์ติดต่อสองสามีภรรยาแทนเพราะไม่อยากเสียเวลาพูดคุยด้วยอีก และให้เตรียมเรื่องยื่นขอต่อศาล จรินทร์รู้สึกประหลาดใจ ไม่อยากเชื่อว่าคริสและแฟรงค์เปลี่ยนใจยอมทำตามวิธีแนะนำเดิมของเขา
คริสกลับมาที่เตียงหนุ่มแฟรงค์ก็กรนคร่อกแล้ว เขาส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ กว่าสองเดือนที่ผ่านมาแฟรงค์มีความสุขกับงานที่ทำอยู่จนบางครั้งเขายอมรับว่ารู้สึกน้อยใจที่แฟรงค์ไม่มีเวลาให้ เช้านี้ตั้งใจจะเอ่ยปากว่าทันทีที่เห็นหน้า แต่เห็นสภาพสุดโทรมทั้งเหนื่อยและเพลียกับงานแล้วจะให้เขาเอ่ยปากต่อว่าเรื่องกลับบ้านผิดเวลาได้ยังไง
ร่างสูงเอนตัวลงนอนเคียงข้างและสวมกอดหนุ่มคนรักไว้ เสียงทุ้มกระซิบแผ่วข้างหู
“อีกไม่นานหรอกแฟรงค์ อีกไม่นาน.. สนุกให้เต็มที่ ฉันจะหาทางปิดมันก่อนที่นายจะโทรมลงไปมากกว่านี้”
TBC>>>>>
!