มาต่อให้จบตอนที่ 5 เลย เสาร์ - อาทิตย์ หยุดโพสค่ะ
Fatherhood part 2… ( 5 ) “ถอดซีคะแฟรงค์ คุณแพ้แล้ว คุณต้องลงไป”
เสียงหวานใสของชารอนบอกให้แฟรงค์ถอดเสื้อผ้าออกและกระโดดลงทะเล คริสนั่งอมยิ้มไม่พูดไม่จา แฟรงค์อดฉุนไม่ได้ที่คริสไม่กระซิบบอกเขาสักคำว่าชารอนเป็นเซียนรัมมี่ เขาแพ้เธอ 3 ตารวด ใครแพ้ต้องกระโดดลงไปลอยคอกลางทะเล ว่ายน้ำตามเรือ 20 นาที โดยมีเชือกผูกเอวไว้
แฟรงค์อิดออดไม่ค่อยอยากลงทะเล ถึงอากาศจะร้อนแต่น้ำก็เย็น ต้องลงไปลอยคออยู่ในน้ำไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลย นึกโมโหตัวเองไม่น่าตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี่ขึ้นมาเลย เป็นเพราะหมั่นไส้เธอที่คุยว่าตัวเองว่ายน้ำเก่งเหมือนเงือก
“จะลงจริงๆ หรือฮะ คุณแฟรงค์” เหล่าหนุ่มน้อยเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังด้วยความเป็นห่วง
“ลงซี.. ฉันไม่ยอมแพ้เธอหรอก เชอะ ! ” แฟรงค์อดหมั่นไส้ไม่ได้ที่เห็นเธอหัวเราะต่อกระซิกกับคริส
แฟรงค์เปลี่ยนชุดเรียบร้อยเตรียมพร้อมที่จะลงทะเล ชารอนกระวีกระวาดเข้ามาคล้องเชือกที่ลำตัวเขา เธอทำอย่างคล่องแคล่วจนเขารู้สึกเหมือนเธอกำลังดีใจที่กำจัดเขาออกจากเรือได้ แม้จะแค่ 20 นาทีก็เถอะ เขาหันไปสบตากับคริสที่ยืนกอดอกมองดูอยู่ คริสยิ้มให้เขา รอยยิ้มและแววตาอ่อนโยน มันทำให้เขามีกำลังใจขึ้นมาทันทีทันใด
“โดดซีคะ แฟรงค์ คุณกลัวหรือเปล่า ให้ฉันลงไปเป็นเพื่อนมั้ย”
แฟรงค์ตัดใจกระโดดลงทะเล บอกตัวเองว่าเขาพยายามจะเป็นมิตรและมีความรู้สึกที่ดีกับเธอแล้ว แต่เขาทำไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ
แฟรงค์ว่ายน้ำตามเรือยอร์ชลำหรู โดยมี 4 หนุ่มน้อยและไมเคิลยืนสลอนส่งเสียงเชียร์กันเต็มที่ ทำให้เขามีกำลังใจและลืมความขุ่นใจที่มีต่อชารอน อย่างน้อยเธอก็ทำให้เขาได้มีโอกาสลงมาว่ายน้ำออกกำลังกาย
10 นาทีผ่านไปแฟรงค์เริ่มรู้สึกล้า เขาหยุดว่ายและพยุงตัวไว้ กองเชียร์ทยอยหายเข้าไปทีละคนสองคน บอยตะโกนบอกเขาเป็นคนสุดท้าย
“เดี๋ยวผมมานะคุณแฟรงค์.. ไปดูโลมาฝั่งโน้นก่อน”
แฟรงค์พยักหน้าให้ นึกในใจว่า …ดูโลมาก็ดูเถอะ!! อย่าดูฉลาม ก็แล้วกัน…
15 นาทีผ่านไป แฟรงค์รู้สึกเจ็บที่น่องทั้งสองข้างจนไม่มีแรงตีขา ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะต้องแพ้เธอเพราะอาการตะคริว แฟรงค์กัดฟันอดทน เขาไม่จำเป็นต้องใช้ขาก็ได้ ใช้แค่แขนตีน้ำก็ลอยตัวได้อย่างสบายเพราะมีเชือกคล้องเอวอยู่ อีกแค่ 10 นาทีเขาต้องอดทนได้
“ขี้โกงนี่คะแฟรงค์.. คุณไม่ยอมว่ายเอง ปล่อยให้เรือลากมาได้ยังไง”
แฟรงค์สะดุ้งเมื่อชารอนส่งเสียงโวยขึ้นเหมือนรู้ความคิดของเขา เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นเธอยืนโอบกอดคริสอยู่ รู้สึกเจ็บแปล็บที่หัวใจทุกครั้งที่เห็นเขาและเธอแนบชิดกัน พยายามเตือนตัวเองว่า เพื่อความสุขของคริสเขาควรทำใจยอมรับเธอให้ได้
เขานิ่งเงียบไปจนเธอร้องบอกว่าจะตัดเชือกถ้าเขาไม่ว่ายเอง แฟรงค์ตาเหลือกละล่ำละลักบอก
“อย่านะ!!.. ชารอน.. ขาผมเป็นตะคริว ผมว่ายไม่ไหว แต่ผมจะอยู่ในน้ำให้ครบ 20 นาที ตามสัญญา”
“ฉันไม่เชื่อคุณหรอกค่ะ แฟรงค์.. คริสบอกว่าคุณกะล่อน คุณเป็นตะคริวประสาอะไรไม่ร้องเจ็บเลย ถ้าฉันไม่ถามคุณก็ยังไม่เป็นใช่มั้ยคะ ไม่รู้ล่ะ ถ้าคุณไม่ว่ายฉันจะปลดเชือกเดี๋ยวนี้”
“อย่านะ!!.. ผมไม่ได้ล้อคุณเล่น ผมเจ็บจริงๆ”
แฟรงค์พยายามขยับขาเผื่อว่าจะพอว่ายได้บ้าง เขานิ่วหน้าเมื่อรู้สึกว่าไม่ใช่แค่บริเวณน่องที่เจ็บ เขาขยับขาและเท้าทั้งสองข้างไม่ได้เลย และเธอก็กำลังทำท่าจะปลดเชือก แฟรงค์รู้สึกว่าเหตุการณ์ไม่น่าล้อเล่นแล้ว เขาร้องเรียกให้คริสช่วย
“ช่วยด้วย!!.. คริส.. ขาผมเป็นตะคริว พาผมขึ้นไปที”
“อย่าเชื่อค่ะคริส.. แฟรงค์เขาหลอกเรา ไม่เชื่อคุณคอยดูนะ ถ้าไม่มีเชือกเดี๋ยวแฟรงค์ก็ว่ายน้ำปร๋อ ” ชารอนปลดเชือกออกโยนลงทะเล
แฟรงค์อ้าปากหวอมองเชือกร่วงลงน้ำ เพียงอึดใจต่อมาเขาก็รู้สึกว่ากำลังแขนแค่สองข้างไม่เพียงพอที่จะทรงตัวแล้ว เขาตกใจแต่ไม่ได้ร้องเรียกให้ใครช่วยเพราะมัวแต่หาทางช่วยตัวเองให้ลอยคอพ้นน้ำ โอ!.. พระเจ้า ตอนนี้เชือกที่คล้องลำตัวเขาอยู่กลับเป็นตัวถ่วงน้ำหนักที่ดี มันกำลังจมลงใต้ทะเลและดึงเขาลงไปด้วย
“คริส!!..” แฟรงค์สำลักน้ำทะเล แขนสองข้างกำลังหมดแรงตามไป
“ช่วยด้วย!!… ผมจะจม”
แฟรงค์เห็นคริสยืนงงเหมือนไม่แน่ใจกับอาการจมน้ำของเขา แฟรงค์หลับตาและกลั้นลมหายใจ ลืมตาขึ้นอีกครั้งในความสลัวของน้ำทะเล สำนึกและกำลังที่ยังพอมีอยู่บอกให้เขารีบปลดเชือกออก
แฟรงค์ทะลึ่งพรวดขึ้นจากน้ำเมื่อปลดเชือกออกได้ คริสและชารอนยังยืนอยู่ที่เดิม เธอหัวเราะเมื่อเห็นเขาโผล่ขึ้นมา หูเขาอื้อจนไม่ได้ยินว่าเธอพูดอะไรกับคริส เธอผละเข้าไปเหลือคริสยืนอยู่เพียงคนเดียว
“คริส!!..” แฟรงค์พยายามรวบรวมกำลังแขนพยุงตัวเองไว้
“ช่วยผมด้วย ผมไม่มีแรง~~” แฟรงค์พูดได้แค่นั้นก็สำลักและจมลงไปอีกครั้งเพราะถูกคลื่นซัด
แฟรงค์ทะลึ่งพรวดขึ้นจากน้ำเป็นครั้งที่สอง เขาสำลักน้ำทะเลจนรู้สึกกลัวถ้าต้องจมอีกครั้งไม่รู้ว่าจะโผล่ขึ้นมาได้อีกหรือเปล่า แฟรงค์เงยหน้าขึ้นก็เห็นคริสส่ายหน้าและเดินเลี่ยงเข้าไปด้านในอย่างไม่ใยดี คริสคงเห็นด้วยกับชารอนนึกว่าเขาแกล้งกระมัง
“คริส!!… คริส!!.. ช่วยด้วย!! ช่วยผมด้วย.. โอ.. แจ๊ค บอย.. ใครก็ได้ช่วย...” แฟรงค์ร้องไม่ออกเพราะถูกคลื่นซัดน้ำทะเลเข้าปากและลำคอจนสำลักและจมลงอีกเป็นครั้งที่สาม
...โอ! พระเจ้า.. มืดเหลือเกิน ทำไมครั้งนี้เขาลอยขึ้นผิวน้ำไม่ได้ เขากำลังจะหมดลมหายใจอยู่แล้ว คริส.. คุณไม่มีเยื่อใยกับผมแล้วเหรอ.. ถึงปล่อยให้ผมจมน้ำต่อหน้าต่อตาได้ 8 ปีที่อยู่ร่วมกันมาไม่มีความหมายสำหรับคุณเลย ไม่เป็นไร คริส.. ไม่อยากจำอดีตของเราก็ได้ ขอให้คุณจำวันนี้ไว้ก็พอ วันที่คุณยืนดูผมจากไปอย่างเลือดเย็น…
...พระเจ้า!!.. แฟรงค์ไม่สามารถอดกลั้นได้อีก เขากำลังจะขาดใจ ลาก่อน คริส.. ลาก่อนโอ.. แจ๊ค.. บอย~~
แฟรงค์ไม่สามารถเอ่ยชื่อหนุ่มน้อยทุกคนได้เพราะไม่เหลือเวลาแล้ว เขาต้องหายใจ แฟรงค์หลับตาและสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ มันไม่เจ็บปวดอย่างที่คิด เขารู้สึกสบายและหายอึดอัด ลืมความเจ็บปวดที่หัวใจได้รับ รู้สึกตัวเบาหวิวจนสามารถลอยขึ้นสู่ผิวน้ำได้อีกครั้ง แฟรงค์ลืมตาขึ้นก็พบตัวเองซบอยู่กับไหล่ของใครคนหนึ่ง เสียงปลอบประโลมอย่างนุ่มนวลแทรกเข้าโสตประสาทเขา
“ไม่เป็นไรแฟรงค์.. ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่นี่”
แฟรงค์สะอื้นไห้อย่างเด็ก เสียใจที่อีกฝ่ายมาช่วยเขาช้าไป ร่างเขานอนอยู่บนพื้นทรายใต้ทะเล นี่คงเป็นแค่จิตวิญญาณของเขาเท่านั้น แฟรงค์สวมกอดคริสแน่นกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้น
“ผมไม่อยากจากคุณไป ฮือๆๆ ”
“จะจากไปไหนหรือ แฟรงค์.. ลืมตาขึ้นมาคุยกันก่อน..”
แฟรงค์เอาแต่หลับตาสะอื้นไม่ยอมเงยหน้าขึ้น คริสนั่งจ้องดูแฟรงค์นอนหลับอยู่พักใหญ่แล้ว วันนี้เขามีเรื่องสำคัญมากจริงๆ จำเป็นต้องนั่งเฝ้ารอแฟรงค์ตื่นและคุยกันตัวต่อตัว ไม่อาจคุยทางโทรศัพท์ได้
เขารู้ว่าแฟรงค์ฝันร้าย สีหน้าไม่เป็นสุขและนอนกระสับกระส่ายไปมานานเกือบ 10 นาที ก่อนจะผวาขึ้นมาซบไหล่เขา
“อย่าร้องไห้ แฟรงค์.. ไม่มีอะไร แค่ฝันเท่านั้น นายฝันร้าย ลืมตาขึ้นมาดูซี.. แฟรงค์..”
แฟรงค์ลืมตาขึ้น จิตวิญญาณของเขาไม่น่าจะรับรู้ถึงความอบอุ่นของอ้อมกอดนี้ได้ เสียงกระซิบอ่อนโยนของคริสเรียกเขาตื่นทำให้เขาโล่งใจและดีใจจนบรรยายความรู้สึกไม่ถูก มันคงเหมือนตายแล้วเกิดใหม่กระมัง แฟรงค์ผละออกจากอ้อมกอดและจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคือง ชั่วอึดใจก็ขยับเข้าสวมกอดคริสอีกครั้งด้วยความรัก
“ผมอยากเกลียดคุณนัก คุณใจร้าย.. ปล่อยผมจมน้ำตายต่อหน้าต่อตา ฮือๆ ” แฟรงค์ต่อว่าคริสด้วยน้ำเสียงสะอื้นทั้งที่ตื่นจากฝันร้ายแล้ว
คริสใจหายกับคำต่อว่ารีบปลอบเรียกขวัญอย่างอ่อนโยน
“ฉันจะทำอย่างนั้นได้ยังไง แฟรงค์.. นายฝันร้าย แค่ฝันเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องจริงซะหน่อย ตื่นได้แล้วแฟรงค์ ตื่น…”
ผมเผ้ายุ่งเหยิงและใบหน้านองน้ำตาของหนุ่มแฟรงค์เวลานี้ทำให้เขาไม่ต่างจากเด็กชายที่ตกใจตื่นและร้องไห้เพราะฝันร้าย คริสเห็นแล้วสงสารจับใจ ในความฝันเขาคงทำร้ายความรู้สึกของแฟรงค์มาก ถึงขนาดตื่นแล้วก็ยังไม่หายจากอาการเสียใจ เป็นแบบนี้แค่พูดปลอบคงไม่พอแล้ว...
คริสยิ้มอ่อนโยนให้ และจูบปลอบขวัญชายหนุ่มที่หน้าผาก เปลือกตา แก้มที่เปียกชื้น ก่อนจบลงที่ริมฝีปาก
แฟรงค์รู้สึกร้อนวูบหายจากอาการเสียใจทันทีที่ได้รับสัมผัสนี้ นานมากแล้วที่เขาไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดคริสแบบนี้ ตั้งแต่เธอคนนั้นเข้ามา เธอ!!!...
..โอ! พระเจ้า แฟรงค์ผลักร่างสูงออกด้วยความตกใจเมื่อใบหน้าของชารอนแว่บเข้ามา..
แฟรงค์ลุกจากเตียงเดินไปมาเรียกสติและขวัญที่หายไปจากอาการฝันร้ายเมื่อครู่ คริสอดหัวเราะไม่ได้กับอาการขวัญหายของแฟรงค์
“ผมโอเคแล้ว คริส.. คุณมีเรื่องสำคัญอะไรเหรอ..” แฟรงค์เหนื่อยใจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมวันนี้มีแต่คนรอคุยเรื่องสำคัญกับเขา
“มีอะไรหรือคริส ผมเชื่อว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ไม่งั้นคุณคงไม่มานั่งรอผมตื่น”
“โอเคแล้วจริงเหรอ..” คริสเสยผมและลูบศีรษะแฟรงค์อย่างอ่อนโยน เขาอยากแน่ใจว่าแฟรงค์โอเคแล้วจริงๆ เพราะเรื่องที่จะพูดคุยด้วยอาจไม่ดีกับความรู้สึกของแฟรงค์
แฟรงค์พยักหน้ารู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือนที่เขาและคริสได้นั่งพูดคุยใกล้ชิดกันแบบนี้ เขาหลงคิดว่าตัวเองทำใจยอมรับความเหินห่างระหว่างเขากับคริสได้แล้ว แต่เปล่าเลย… เขาอยากหยุดเวลาไว้ ณ นาทีนี้เพื่อที่เขาและคริสจะได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้นานๆ นึกแล้วสมน้ำหน้าตัวเอง ก่อนหน้านั้นทำไมเขาจึงปล่อยให้เวลาผ่านไป โดยไม่ใส่ใจกับการได้อยู่เคียงข้างคริสแบบนี้ เขานึกถึงแต่เรื่องตัวเองจนละเลยคริส กว่าจะรู้ใจตัวเองว่าเขาต้องการคริสมากขนาดไหนก็สายไปแล้ว ชารอนกำลังจะทดลองเป็นมิสบริเจคส์จริงๆ ถ้าเธอทำได้ หัวใจของคริสคงไม่มีที่ว่างให้เขาอยู่ ถึงวันนั้นเขาคงต้องจากไปจริงๆ
“คิดอะไรอยู่ แฟรงค์..”
แฟรงค์สะดุ้ง “เอ่อ.. เปล่า.. ว่าเรื่องของคุณเถอะคริส มีอะไรเหรอ”
คริสเล่าให้แฟรงค์ฟังว่า เรื่องของไมเคิลใกล้จะจบลงด้วยดี โอกาสที่เขาจะได้ไมเคิลเป็นบุตรบุญธรรมมีมากกว่าอีกฝ่าย ศาลมีท่าทีเห็นใจคำให้การของคริส และยังยอมให้เบิกตัวเด็กขึ้นให้การตามที่ทนายจรินทร์ร้องขอ แต่ถ้าเรื่องจบลงด้วยดีก็ยังมีปัญหาที่เขาต้องแก้ไขตามมา คือเรื่องของชารอน
“เจอรี่ว่าฉันไม่สามารถแยกทางกับชารอนทันทีได้ คำชี้ขาดของศาลอาจถูกละไว้กรณีที่เห็นว่าฉันมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากที่ให้การ ศาลอาจมีคำสั่งเพิกถอนคำตัดสินเดิม เจอรี่แนะนำว่าฉันควรใช้ชีวิตสมรสกับชารอนอย่างน้อย 2 - 3 ปี”
แฟรงค์ใจหาย เขารู้อยู่แล้วว่าคริสไม่สามารถแยกทางกับคู่สมรสในทันทีได้จึงไม่เห็นด้วยแต่แรกที่คริสเลือกชารอน แต่ระยะเวลาที่เจอรี่แนะนำเหมือนจงใจแกล้งเขามากกว่า
“นายมีความเห็นอะไรมั้ย แฟรงค์..”
คริสเอ่ยถามเมื่อแฟรงค์นิ่งเงียบไป เขารู้ว่าแฟรงค์รู้สึกอย่างไรเพราะมันไม่ต่างจากที่เขากำลังรู้สึก
“ไม่.. ไม่มี.. ไม่รู้ซี.. เจอรี่ว่ายังไงก็ยังงั้น” แฟรงค์ไม่อยากออกความเห็น คริสเคยบ่นว่าเขาชอบขัดแย้งกับเจอรี่
เมื่อแฟรงค์ทำเหมือนไม่สนใจ คริสจึงบอกเรื่องสำคัญที่ตั้งใจจะมาคุยด้วย
“ชารอนขึ้นไปหาฉันที่ห้องเมื่อเช้ามืด เธอขึ้นไปขออะไรบางอย่างจากฉัน”
คริสหยุดพูดเพื่อรอดูท่าทีของอีกฝ่าย แฟรงค์มีสีหน้าตื่นเล็กน้อยแต่ยังคงนิ่งฟังอย่างสงบ
“อยากรู้มั้ยว่าเธอขออะไร แฟรงค์..” โดยไม่รอคำตอบจากอีกฝ่าย คริสขยับเข้าไปกระซิบเบาๆ
“เธอขอมีเซ็กซ์กับฉัน”
แฟรงค์ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องใจหายด้วย มันเป็นเรื่องที่เขาน่าจะรับได้อยู่แล้ว อาจเป็นเพราะได้ยินคำพูดนี้จากปากคริสเอง แฟรงค์แสร้งหัวเราะและเอ่ยคำถามกลบเกลื่อน
“ฮะๆ ไม่อยากเชื่อเลยคริส เธอเอ่ยขอทุกครั้งเวลาต้องการมีเซ็กซ์กับคุณยังงั้นเหรอ”
“ไม่รู้ซี.. ฉันไม่รู้ว่าเธอจะเอ่ยทุกครั้งหรือเปล่า เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรก”
แฟรงค์มองคริสอย่างไม่เชื่อสายตา
“อย่าบอกนะว่าตั้งแต่เธออยู่ที่นี่ในฐานะมิสบริเจคส์ คุณกับเธอยังไม่ได้---” แฟรงค์พูดไม่จบเพราะคริสพยักหน้ารับก่อน
“เธอเพิ่งขอมีอะไรกับคุณเมื่อเช้านี้เป็นครั้งแรกจริงเหรอ คริส…”
แฟรงค์เริ่มสนใจและใส่ใจอยากรู้เรื่องของคริสมากขึ้น เมื่อคริสพยักหน้าอีกครั้ง แฟรงค์ก็เอ่ยถามต่อไปอย่างร้อนรน
“แล้วไง.. คุณให้ที่เธอขอหรือเปล่า”
หัวใจของแฟรงค์เต้นแรงขณะรอฟังคำตอบ ใจหายอีกครั้งเพราะแค่เห็นสายตาของคริสเขาก็พอจะรู้คำตอบแล้ว แฟรงค์รีบเปลี่ยนคำถามใหม่เพื่อให้ตัวเองรู้สึกเจ็บน้อยลง
“คุณให้ที่เธอขอใช่มั้ย”
คริสพยักหน้าแทนคำตอบ
...ให้ตายเถอะ!.. คำตอบที่ได้รับไม่ได้ทำให้แฟรงค์เจ็บน้อยลงอย่างที่คิด เขานิ่งเงียบไปเพราะหมดอารมณ์ที่จะรับรู้รับฟังอีก...
“ถ้านายเป็นฉัน นายก็ปฏิเสธเธอไม่ได้แฟรงค์..”
คริสหวนนึกถึงคำพูดอ่อนหวานของเธอ
….ไม่รู้ว่าคุณลืมบทรักของเราเมื่อ 18 ปีที่แล้วหรือยัง ถ้าคุณจำไม่ได้แล้ว คิดซะว่าฉันเป็นหนุ่มน้อยของคุณก็ได้นะคะ ที่รัก… “แล้วไง.. เธอวิเศษมากเลยใช่มั้ย” น้ำเสียงแฟรงค์แหบพร่า คำถามของเขาไม่ต้องการคำตอบ
“ถ้างั้นเธอก็เริ่มเข้าแผนต่อไปได้แล้วซี เพราะตอนนี้เธอเป็นภรรยาของคุณทั้งทางนิตินัยและพฤตินัยแล้ว เธอตั้งใจทดลองใช้ชีวิตคู่กับคุณเพราะคิดว่าอาจจะเปลี่ยนคุณได้ แสดงว่าเธอยังมีใจให้คุณอยู่ใช่มั้ย คริส.. ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะตัดสินใจเร็วขนาดนี้..”
คริสนิ่งอึ้งเมื่อแฟรงค์พูดเหมือนรู้การตัดสินใจของเธอ เธอเอ่ยเรื่องนี้จริงๆ หลังจากมีเซ็กซ์กับเขาแล้ว
“นายพูดเหมือนรู้เลยนะแฟรงค์.. เธอมีความคิดเดียวกับนายได้ยังไง”
“ก็ผมเป็นคนบอกคุณเองไม่ใช่เหรอ.. ว่าให้ลองใช้ชีวิตสมรสจริงๆ กับเธอดู ไหนๆ เธอก็เป็นแฟนเก่าของคุณมาก่อน”
“บอกแล้วไง!!.. ฉันไม่ได้เห็นด้วยกับคำแนะนำของนาย ฉันรู้ว่านายพูดด้วยอารมณ์”
แฟรงค์หน้าตื่น ..นี่แสดงว่าคริสยังไม่ได้พูดกับชารอนเรื่องนี้ งั้นก็หมายความว่าเขาเป็นคนแนะทางให้ชารอนเองยังงั้นเหรอ.. ให้ตายเถอะ!!.. แฟรงค์เบือนหน้าหลบสายตาคริสที่จ้องมองอยู่อย่างต้องการคำตอบ
“อย่าบอกนะแฟรงค์.. ว่านายคุยกับเธอเรื่องนี้”
ท่าทางอึกอักของแฟรงค์ทำให้คริสเปลี่ยนคำถามใหม่
“เมื่อไร? นายคุยกับเธอเมื่อไร แฟรงค์..”
แฟรงค์ให้คำตอบน้ำเสียงแผ่วเบา คริสส่ายหน้าทั้งเหนื่อยใจและไม่พอใจ
“ให้ตายเถอะ!.. แฟรงค์.. ไม่อยากเชื่อเลย นายทำอย่างนี้ทำไม รู้มั้ยว่าคำแนะนำของนายทำให้ชารอนขึ้นไปขอมีเซ็กซ์กับฉัน”
แฟรงค์ก้มหน้างุด เสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด
“ก็ผมไม่รู้นี่นา.. ว่าคุณยังไม่ได้คุยกับเธอเรื่องนี้ ผมนึกว่าเธอรู้เรื่องแล้ว นึกว่าเธอกับคุณมีอะไรกันแล้วด้วย ไม่ยังงั้นเธอจะแสดงความเป็นเจ้าของตัวคุณทำไม”
แฟรงค์เล่าเรื่องที่ชารอนมาดักรอพบเขา และคำถามของเธอทำให้เขาต้องหาทางเบี่ยงเบนคำตอบไป คริสต่อว่าเขาว่าหาทางเลี่ยงได้สวยมากทำให้เรื่องของชารอนเริ่มวุ่นวายมากขึ้น น่าจะพูดความจริงไปเลย
“ผมขอโทษ ผมตั้งตัวไม่ทัน ไม่คิดว่าเธอจะมาถามคำถามนี้กับผม คุณจะให้ผมพูดความจริงได้ยังไงคริส.. ผมต้องเลี่ยงไม่ตอบเธอก็เพราะคุณนั่นแหล่ะ คุณจงใจปิดบังเรื่องของเราแต่แรก คุณไม่พูดแล้วจะให้ผมพูดได้ยังไง”
แฟรงค์กล่าวด้วยอารมณ์ฉุนและน้อยใจ คริสขยับเข้าโอบกอดขอโทษเสียงอ่อน
“ฉันเสียใจแฟรงค์.. ฉันไม่ได้ตั้งใจโทษนาย เรื่องวุ่นวายทั้งหมดเป็นเพราะฉันทำให้มันเกิดขึ้น แต่นายก็รู้ว่ามันจำเป็น ฉันปล่อยไมเคิลไปอยู่กับใครไม่ได้อีกแล้ว นายเข้าใจใช่มั้ยแฟรงค์..”
แฟรงค์พยักหน้า
...ก็เพราะไมเคิลนี่แหล่ะ เขาถึงยอมคริสทุกเรื่อง.. “ตอนนี้นายต้องช่วยฉันคิด ฉันควรจะทำยังไงกับชารอน เธอขอเวลา 3 เดือนทดลองใช้ชีวิตคู่กับฉันจริงๆ นั่นหมายถึงฉันและเธอต้องเป็นสามีภรรยากันจริงๆ ด้วย ฉันควรจะทำยังไง แฟรงค์..”
แฟรงค์ลอบถอนใจ ...ทำไมคริสต้องให้เขาแนะนำเรื่องนี้ด้วย เรื่องของไมเคิลทำให้คริสไม่สามารถแยกทางกับชารอนได้แล้ว เขาควรนึกถึงส่วนรวม ไม่ควรนึกถึงใจตัวเอง คริสอาจจะเข้ากับชารอนได้ดี ถึงวันนั้นเขาควรจะยินดีกับคริสที่มีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมด้วยภรรยาและลูกชายอยู่เคียงข้าง
แฟรงค์ผละจากคริสลุกขึ้นยืน เขากำลังจะพูดในเรื่องที่ฝืนความรู้สึกตัวเอง จะให้มองหน้าคริสขณะพูดได้ยังไง
“ทำไมต้องคิดมากด้วย เธอว่ายังไงก็ว่าตามนั้น ไหนๆ คุณและเธอก็ต้องอยู่ด้วยกันระยะหนึ่งอยู่แล้ว ถือโอกาสลองดำเนินชีวิตในฐานะสามีภรรยาจริงๆ ไปเลย ถ้าเข้ากันได้ดีไมเคิลก็จะมีความสุขด้วย”
แฟรงค์ทิ้งท้ายด้วยเรื่องไมเคิล เพราะรู้ว่าเจ้าหนูไมค์เป็นแรงบันดาลใจให้ คริสได้ทุกเรื่อง
คริสนั่งนิ่งไม่อยากเชื่อว่าแฟรงค์เห็นด้วย แต่น้ำเสียงและท่าทีจริงจังรวมถึงเหตุผลที่แฟรงค์อ้างถึงไมเคิลทำให้เขารู้สึกคล้อยตาม
“ถ้าฉันตกลง หมายความว่าฉันกับเธอต้องเป็นสามีภรรยากันจริงๆ นะ แฟรงค์..”
ทั้งที่รู้สึกขมขื่นแต่แฟรงค์ก็อดขำคำพูดของคริสไม่ได้
“ทำไมล่ะคริส.. ตอนนี้เธอก็เป็นเมียคุณทั้งทางนิตินัยและพฤตินัยแล้วไม่ใช่เหรอ.. คุณบอกเองว่าคุณมีเซ็กซ์กับเธอเมื่อตอนเช้ามืด”
คริสไม่สบอารมณ์เมื่อแฟรงค์พูดเหมือนเห็นเป็นเรื่องขำ
“นายไม่เข้าใจคำถามฉันหรือแกล้งไม่เข้าใจ แฟรงค์..
ตราบใดที่ฉันไม่ได้ตกลงรับปากว่าจะเป็นสามีของเธอ ถึงฉันจะมีเซ็กซ์กับเธออีกกี่ครั้ง ฉันก็ไม่รู้สึกว่าเธอเป็นเมีย ฉันไม่ต้องแคร์ความรู้สึกของเธอในฐานะนั้น เพราะการแต่งงานครั้งนี้เธอรู้จุดประสงค์ดีอยู่แล้วว่าทำเพื่อไมเคิล และการที่ฉันไม่ชอบผู้หญิงก็ทำให้เธอไม่เคยเรียกร้องอะไร จนกระทั่งเธอมาฟังคำแนะนำของนาย เธอคิดว่าอาจเปลี่ยนฉันได้เพราะความหลังเก่าๆ ที่เราเคยมีต่อกัน แต่ฉันรู้ดีว่าเธอทำไม่ได้ เธอเปลี่ยนฉันไม่ได้หรอกแฟรงค์.. และฉันก็ไม่อยากให้เธอมาเสียความรู้สึกกับฉันด้วยเรื่องนี้”
แฟรงค์ตกใจกับเหตุผลของคริส รู้สึกว่าตัวเองประเมินความรู้สึกของคริสผิดไป
“ผมขอโทษที่คำพูดของผมทำให้คุณต้องวุ่นวายและเสียอารมณ์ ผมเพียงแต่เห็นว่าทดลองดูก็ไม่เสียหายอะไร อยู่กันไม่ได้ก็เลิก สามีภรรยาคู่อื่นๆ ก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น”
คริสนิ่งเงียบไปเมื่อแฟรงค์ยังยืนยันความเห็นเดิม เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าแฟรงค์พยายามปิดบังความรู้สึกของตัวเอง หรือจริงๆ แล้วแฟรงค์ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนใจอะไรกับปัญหานี้เลย
“นายเข้าใจใช่มั้ยว่าถ้าฉันตอบตกลง นั่นหมายถึงฉันต้องใส่ใจและให้เกียรติเธอในฐานะภรรยา ฉันไม่ควรมีเซ็กซ์กับหญิงหรือชายคนอื่น แม้ว่าเธอจะไม่ห้าม” คริสเอ่ยย้ำความเข้าใจกับแฟรงค์อีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ถ้าแฟรงค์ยังยืนยันความเห็นเดิม เขาจะตกลงตามที่ชารอนขอ
แฟรงค์ยืนหันหลังให้คริส ทั้งสองจึงไม่มีโอกาสได้เห็นสีหน้ากัน ทำไมแฟรงค์จะไม่เข้าใจความหมายที่คริสพูด เขาเข้าใจฐานะของตัวเองตั้งแต่วินาทีแรกที่คริสยืนยันว่าจะเลือกชารอนแทนผู้หญิงที่เขาจะจัดหาให้
“ผมเข้าใจคริส ผมรักไมเคิลเหมือนหลานชาย ผมไม่อาจทนเห็นไมเคิลต้องพรากจากคุณไปอีก ถ้าสิ่งที่เราทำวันนี้ทำให้คุณและไมค์ได้อยู่ด้วยกันตลอดไปในฐานะพ่อและลูก ผมไม่เสียใจเลยคริส ผมอยู่เคียงข้างคุณในฐานะเพื่อน ลูกจ้าง หรืออะไรก็ได้ คุณไม่ต้องลำบากใจเรื่องผม ผมจะไม่ไปจากคุณจนกว่าจะแน่ใจว่าคุณเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ"
“ไม่นะแฟรงค์ ไม่!!..” คริสลุกขึ้นเดินเข้ามาสวมกอดแฟรงค์ด้านหลัง
“ฉันต้องการนาย นายต้องอยู่กับฉันในฐานะเดิม นายต้องไม่ทำอะไรและไม่ไปไหนทั้งนั้น ไม่ว่าวันนี้หรือวันข้างหน้า ฉันก็ต้องการนายเหมือนเดิม”
แฟรงค์ลอบถอนใจ หันกลับมาเผชิญหน้าคริส
“เหมือนเดิมยังไงหรือ คริส.. คุณจะให้ผมอยู่ในฐานะอะไร คุณไม่รู้หรอกว่าทุกวันนี้ผมถูกพรรคพวกล้อว่ายังไง”
แฟรงค์แค่นหัวเราะ
“พวกมันว่าผมตกกระป๋องแล้ว จู่ๆ ก็ตกที่นั่งเป็นเมียน้อยคุณเฉยเลย ให้ตายเถอะ!.. คริส ถึงผมจะเป็นเกย์แต่ใจผมเป็นลูกผู้ชายเต็มร้อย ตราบใดที่คุณมีทะเบียนสมรสกับเธอ คุณคือคนที่มีเจ้าของแล้ว ผมไม่แย่งของใครหรอกคริส.. เป็นผู้ชายด้วยกันยังไม่นึกอยากจะแย่ง นับประสาอะไรกับเธอที่เป็นผู้หญิง พอเถอะ คริส.. เรื่องของเราจบลงแล้ว จากนี้ไปเราเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน โอเค..”
แฟรงค์กล่าวคำพูดประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงขมขื่น
คำพูดที่ไม่ตรงกับใจก็ทำให้รู้สึกเจ็บแบบนี้
คริสตกใจนึกไม่ถึงว่าแฟรงค์จะเอ่ยตัดสัมพันธ์กับเขาดื้อๆ เขาไม่โกรธกลับรู้สึกเห็นใจและเสียใจ เพราะไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าแฟรงค์ถูกเพื่อนล้อด้วยคำพูดรุนแรงเช่นนั้น เขารั้งศีรษะแฟรงค์ซบไหล่และกระซิบปลอบ
“ฉันเสียใจที่นายต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ อดทนหน่อยได้มั้ย แพ็ททริค.. รอให้เรื่องไมเคิลจบลงก่อนทุกอย่างจะกลับเป็นเหมือนเดิม ฉันตกลงทำตามที่นายแนะนำ แต่ไม่ใช่การทดลองอยู่อย่างที่นายและเธอเข้าใจ ฉันทำตามแผนเพื่อให้ทุกเรื่องเป็นจริงเวลาที่ฉันต้องขึ้นให้การต่อศาล ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ไมเคิลมา ฉันรักนายนะแฟรงค์ รักสุดหัวใจเลย.. ใครจะว่าฉันจับปลาสองมือก็ช่าง ฉันไม่ยอมเสียลูกและไม่ยอมเสียคนรักด้วยเหมือนกัน ฉันไม่ได้ยินที่นายพูดเมื่อสักครู่ โอเค..”
แฟรงค์พยักหน้าและสวมกอดคริสไว้ด้วยความรู้สึกไม่ต่างจากกัน
“โอเค คริส.. คุณไม่ได้ยินก็ถือว่าผมไม่ได้พูด ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปเอง อีกสามเดือนข้างหน้าคนที่คุณรักสุดหัวใจอาจไม่ใช่ผม ถึงวันนั้นค่อยบอกเลิกกันก็ยังไม่สาย”
คริสและชารอนตกลงทดลองใช้ชีวิตคู่อย่างสามีภรรยาจริงๆ ชารอนย้ายขึ้นไปพักกับคริสบนชั้น 3 ของคฤหาสน์ หนุ่มน้อยทั้งสี่แทบช็อคเมื่อคุณคริสของพวกเขาทำเหมือนกำลังมีใจให้กับแหม่มชารอนแล้วจริงๆ นั่นหมายความว่าคุณแฟรงค์ของพวกเขาตกกระป๋องแล้วยังงั้นเหรอ ทุกคนรู้สึกโกรธและไม่พอใจการกระทำของคริสแต่ไม่มีใครกล้าแสดงกิริยาไม่ดี เมื่อไม่สามารถแสดงออกกับคริสได้ก็มาลงที่ไมเคิล ต่างมึนตึงและไม่ยอมเล่นหัวด้วย โดยเฉพาะโอและบอยคอยพูดจากระแนะกระแหนและค่อนขอดจนเจ้าหนูไมค์ยืนงง ทิมสงสารก็แอบกระซิบปลอบและบอกเหตุผลให้ฟัง
ไมเคิลไม่สบายใจเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนในบ้านทุกข์ร้อนใจ ไมค์รู้สึกผิดต่อทุกคนโดยเฉพาะกับคุณแฟรงค์ ตั้งแต่คุณแฟรงค์ทำธุรกิจของตัวเองก็ไม่ค่อยมีเวลามาสังสรรค์เฮฮากับสมาชิกในบ้านเหมือนก่อน เพราะเวลาเลิกงานดึกและตื่นสาย และยิ่งตั้งแต่น้าชารอนเข้ามาเป็นสมาชิกของบ้าน ซ้ำยังอยู่ในฐานะภรรยาของแด๊ด วันๆ ไมค์แทบจะไม่ได้เห็นหน้าคุณแฟรงค์เลย คุณแฟรงค์กลับบ้านดึกมากขึ้นกว่าเดิมบางคืนเกือบสว่าง กลับมาก็นอนถึงบ่ายและออกไปใหม่ 2 วันแล้วที่ไมค์เข้าไปหาคุณแฟรงค์ที่ห้องตอนเช้าก่อนไปเรียนแต่ไม่พบ เพิ่งรู้จากลูว่าคุณแฟรงค์ไม่ได้กลับมานอนบ้านหนึ่งอาทิตย์แล้ว…
TBC >>>
เริ่มบีบหัวใจกันแล้วใช่มั้ย
เตือนแล้วว่าอ่านนิยายเจ๊หมวย
จิตใจต้องเข้มแข็ง
อยากอ่านยาวๆ ช่วยคอมเม้นท์ยาวด้วยซี..
การคอมเม้นท์เป็นกำลังใจของผู้เขียนนะ