อ่านตอนนี้แล้วคิดกันยังไงอย่าลืมฝากคำแนะนำไว้ให้ผมด้วยน้า กลัวไม่ถูกใจอ่า
วันเทศกาลคริสต์มาสมาถึง ครอบครัวซินแคลล์ถือโอกาสตื่นสายเป็นครั้งแรกในรอบเดือน ทว่าอมลินลุกมาแต่เช้าเพื่อทำธุรกิจวัตรประจำวัน
ร่างโปร่งหอบหิ้วเอากระกร้าผ้าใส่แล้วลงไปซักยังห้องใต้ดิน ที่ซึ่งมีเครื่องซักผ้าตัวใหญ่กับอุปกรณ์ออกกำลังกายภายในร่มของจอห์นนี่ตั้งอยู่เงียบๆ
เดินผ่านห้องครัว อมลินมองออกไปยังนอกหน้าต่างบานเล็ก ทอดสายตาสู่สนามหลังบ้านซึ่งติดกับป่าสน ขาวโพลนไปด้วยพื้นหิมะและเกล็ดน้ำแข็งเกาะตามกิ่งไม้ ปลายใบทั้งหลาย อมลินยิ้มน้อยๆก่อนจะเอามือแตะกระจกสัมผัสไอเย็นจัด ท่ามกลางอากาศที่หนาวยะเยือกเด็กหนุ่มคิดถึงครอบครัว นึกอยากให้ทุกคนได้มาเห็นในสิ่งที่เขาเห็น
กระชับเสื้อหนาวตัวหนา ก่อนจะหันหลังไปปะทะกับใครบางคน
“อ๊ะ!”
ร่างใหญ่คว้าแขนอมลินไว้ก่อนจะเซล้ม
“ไฮ อเล็กซ์ สุขสันต์วันคริสมาส”
เบนจามินในชุดไหมพรมถักสีแดงเข้มยืนตระง่าน จ้องมองลงมาด้วยดวงตาเขียวมรกตพลางยิ้มบาง จู่ๆก็เข้าสวมกอดอมลินที่ได้แต่เก้ๆกังๆ
“ชะ…เช่นกันครับเบนจามิน ว่าแต่ คุณมาตั้งแต่เมื่อไร?”
“เมื่อกี้นี้ ผมเพิ่งลงจากเครื่องบินตอนเช้ามืด”
ร่างสูงเดินนำเด็กหนุ่มชาวต่างชาติเข้าไปยังในห้องโถง ที่ซึ่งมีต้นคริสมาสต์ต้นใหญ่ตั้งอยู่ ประดับประดาด้วยลูกไม้ เทพธิดาตัวจิ๋ว และหลอดไฟประดับเล็กๆมากมาย
“ผมวางของขวัญไว้ใต้ต้นไม้แล้ว ต้นไม้นี่คุณได้ช่วยจัดหรือเปล่าครับ?”
“ใช่ครับ ผมช่วยกันกับลิซ่าและอีฟตั้งแต่เมื่อวาน เป็นความทรงจำที่น่าประทับใจมาก”
อมลินนั่งกินกาแฟร่วมกับเบน จนในที่สุดสมาชิกที่เหลือของบ้านก็ตื่นขึ้นมา พอพบหน้าเบนจามินลูกชายคนโตต่างก็ดีใจ ทักทายกันเสียงดังลั่นและเข้าไปสวมกอด จากนั้นทุกคนก็กินเลี้ยงกัน นั่งเล่นดูโทรทัศน์ที่นำเสนอแต่บรรยากาศจากเมืองใหญ่ๆอย่างนิวยอร์ก ตอนบ่ายๆมีการแลกเปลี่ยนของขวัญกัน พร้อมกับจัดปาร์ตี้เล็กๆ มีอาหารไทยปนกับฝรั่งเพราะนางลิซ่าคลั่งไคลการทำอาหารไทยอย่างลึกซึ้ง
วันทั้งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนอมลินไม่นึกเบื่อ…แต่ตลอดเวลาคนที่เขาเคยถือว่าสนิทใจมากที่สุดกลับไม่ยักสบตากับเขาเลย…น้อยมากที่แอรอนจะมองมา แต่หลบสายตาไหววูบไป
ตอนใกล้ค่ำญาติๆจากทั้งสองฝ่ายของลิซ่าและจอห์นนี่เดินทางมาเยี่ยม หิมะตกหนักขึ้น อมลินพูดคุยกับลูกพี่ลูกน้องของอีพที่เป็นเด็กตัวน้อยอายุเก้ากับแปดขวบ คนพี่ชื่อเอริค คนน้องชื่อเอวา ทั้งสองมาจากแคลิฟอเนีย ส่วนเรื่องความช่างพูดช่างคุยนั้นไม่ต้องบรรยายถึง เรื่องซนนี่ก็ขนาดที่ว่าเด็กไทยยังต้องอาย เพราะแกทั้งวิ่งเล่นส่งเสียงเจี้ยวจ้าวตลอดงานเลี้ยง เป็นสีสันให้กับทุกคน ทว่าบางครั้งอมลินฟังสำเนียงของเด็กที่พูดรัวเร็วไม่ค่อยรู้เรื่อง จึงได้แต่คอยดูแล และพูดคุยกับญาติคนอื่นๆที่โตขึ้นมาหน่อย
บางเวลาอมลินรู้สึกคิดถึงบ้าน เขามองภาพบรรยากาศคึกครื้นภายในงานเลี้ยง และจดจำไว้ว่าสักวัน…เขาต้องคิดถึงช่วงเวลาเหล่านี้มากๆเป็นแน่
แขกเริ่มถยอยกันขึ้นไปนอนยังห้องรับแขกที่ชั้นสาม บางคนกลับบ้านของญาติคนอื่นๆที่อยู่ละแวกใกล้เคียง สังคมของที่นี่คล้ายๆกับคนไทย นั่นคือมีบ้านของญาติอยู่ละแวกเดียวกัน เพียงแต่คนหนุ่มสาวเท่านั้นที่ต้องออกไปหาที่อยู่ทำงานในเมืองใหญ่ตามลำพัง เลยดูเหมือนไม่ค่อยสนิทกัน ซึ่งความจริงนั้นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
เด็กหนุ่มเริ่มเหนื่อยล้าและง่วงนอน เขาช่วยนางลิซ่าเก็บจานอาหาร จนในที่สุดเขาก็ยกชามสลัดมันฝรั่งเข้ามาในครัวเป็นใบสุดท้าย พอดีกับที่เบนจามินก้าวเข้ามา
“ไงอเล็กซ์ สนุกมั้ยงานปาร์ตี้ของพวกเรา”
อมลินทำหน้าเหนื่อยๆ แต่ยิ้มกว้าง
“สนุกครับ แต่เหนื่อยจัง พวกคุณใช้ผมเป็นทาสยกชามใบเบ่อเร้อ”
เจ้าบ้านทำตาโต
“จริงหรือ? ผมขอโทษด้วยนะอเล็กซ์ ไม่นึกว่าคุณจะเหนื่อยขนาดนี้ คุณไม่ต้องทำก็ได้ เดี๋ยวผมจัดการต่อเอง…”
แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะใส
“เปล่า ผมล้อเล่นน่ะเบน คุณคิดว่าผมจะบ่นแบบนั้นทั้งๆที่กินอาหารฝีมือแม่คุณมาก็ตั้งหลายเดือนยังงั้นน่ะเหรอ?”
เบนจามินกับอมลินหัวเราะกันเรื่องขำขันภายในงานต่อสักพัก ก่อนจะแยกย้ายกันขึ้นไปนอน
จู่ๆบ้านทั้งหลังก็ไฟดับพรึ่บ!
ร่างโปร่งสะดุ้ง มือหนาอุ่นของร่างสูงที่อยู่ข้างหลังจับที่ต้นแขนแผ่วเบา…แสงไฟจากต้นคริสต์มาสเล็กๆในครัวส่องแสงกระพริบพอให้เห็นอะไรได้บ้างในเงาลาง อมลินงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เอาอีกแล้วนะแม่”
เสียงเบนจามินบ่นเบาๆ อมลินควานหาจุดยืน แล้วสบตาเขาที่ส่องประการในความมืดอย่างสงสัย
“ลิซ่าทำอะไร?”
“ก็ ตอนเที่ยงคืนของทุกคริสต์มาสแม่จะดับไฟ…คุณมองบนหัวพวกเราซิ”
อมลินมองตามนิ้วที่ชี้ บนศรีษะของทั้งคู่มีช่อใบไม้สีเขียวห้อยอยู่
“เขาเรียกว่ามิสเซิลโทว์ เป็นช่อดอกไม้ที่ถ้าอยู่เหนือหัวของใครแล้ว…สองคนนั้นต้องจูบกัน”
แค่ได้ยินอมลินก็หน้าแดงวาบ เปลี่ยนสายตามาเป็นจับจ้องที่คู่กรณีทันที
“เอ่อ…”
“คุณ…คุณอยากลองหน่อยมั้ยอเล็กซ์?”
น้ำเสียงที่ถามสั่นเล็กน้อย…อมลินไม่ทันตอบ ร่างทั้งร่างก็ถูกดึงเข้าไปใกล้เบาๆ ท่าทีที่เบนจามินกำลังสัมผัสเขาอยู่นั้นถึงจะแปลกใหม่ แต่ก็สุภาพจนต้านทานไม่ถูก
ใบหน้าเข้มขรึมโฉบเข้ามาใกล้…ใกล้อีกนิด…อีกนิด…จนในที่สุดจมูกโด่งก็แตะลงบนแก้มเนียน เพียงเท่านั้นไฟก็สว่างขึ้นพร้อมๆกับที่อมลินผละกายออก และขายาวๆของใครคนหนึ่งหยุดลงที่หน้าประตูห้องครัว เห็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดนี้พอดิบพอดี
“เจ้าชายน้อย!”
เสียงของแอรอนกดเข้มและแหบพร่า เขามองอย่างอึ้งๆตรงมาที่ทั้งคู่ อมลินใจกระตุบวาบ
เขาเห็น?
เขาเห็นแล้ว…
น้องชายตามสายเลือดจ้องพี่ชายอย่างโกรธเคือง ส่วนพี่ชายนั้นมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่เอ่ยอะไร
“เอ่อ…แอรอน ผมอธิบายได้…”
ทว่าขานั้นวิ่งกลับขึ้นไปข้างบนแล้ว อมลินวิ่งตาม…มีเพียงสายตาของเบนจามินที่มองตามอย่างไม่รู้ร้อน เขาเดินเลี่ยงไปสมทบกับคนอื่นๆในห้องโถง
ประตูห้องนอนไม่ได้ล็อค อมลินเปิดเข้าไปพบกับร่างสูงที่เดินงุ่นง่านไปมาอยู่คนเดียว พอรู้ว่าใครเข้ามาเขาก็มองด้วยสายตาไม่ต้อนรับ
“คุณจูบกับเบน?”
จู่โจมด้วยคำถามที่กล่าวหาร้ายกาจ อมลินก็ตอบตามความเป็นจริง
“เปล่านะ! มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด เบนแค่…เขาแค่ช่วยประคองผมในความมืด แล้วหน้าเขาก็มาโดนแก้มผม เราสองคนแค่ยืนอยู่ใกล้กันเท่านั้นเอง”
อมลินโกหก…
เขารู้อยู่เต็มหัวอก แต่ไม่อยากจะเชื่อ…ว่าเบนจามินคิดอย่างไรกับเขาในตอนนั้น
“ไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอ นั่นมันใต้มิสเซิลโทว์นะ!”
แอรอนกล่าวเสียงดัง ร้อนด้วยแรงอารมณ์ ทว่ายังไม่ถึงกับเอะอะจนดังไปยังข้างล่าง
“ผมจะบอกอะไรให้นะ เบนน่ะเขาชอบทำเจ้าชู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เฮอะ! ทำเป็นพ่อพระดูดีทุกอย่าง ที่ไหนได้…ก็ชอบเจ้าชู้ทำใครหลายคนอกหักมานับไม่ถ้วนแล้ว รู้มั้ยเขาเคยแย่งแฟนผมไปด้วย! แล้วดูซิ…ตอนนี้ไม่รู้เปลี่ยนมาชอบ…แบบนี้ได้ยังไง”
สีหน้าที่ดูถูกพี่ชาย และการกวาดสายตามองอมลินนั้น…อมลินไม่อยากเชื่อตาตัวเองว่าเป็นการกระทำของแอรอน ใบหน้าแดงก่ำบัดนี้พร้อมที่จะทำทุกอย่างตามความโมโห
แต่อมลินเจ็บ…เจ็บที่โดนเขาว่าแบบนั้น
เจ็บที่…คิดกับเขา หวังในตัวเขา…แต่เขากลับมองอย่างดูถูก
“ถ้าคุณคิดว่าผมกับเบนทำแบบนั้น…ก็ตามใจ”
แอรอนสะอึก กับเสียงเย็นชาของอมลิน เขาดูพอจะได้สติขึ้นมาบ้าง แต่ไม่วายคัดค้าน
“แล้วให้ผมคิดยังไง”
“ก็แล้วแต่ ว่าแต่คุณก็เถอะ…ไปว่าพี่ชายโดยที่ไม่ดูตัวเอง ทีคุณ…ทีคุณแย่งแฟนของผม ผมยังไม่ว่าอะไรสักคำ”
ร่างบางสาวเท้าก้าวออกมา กำลังจะบิดลูกบิดเปิดประตูห้องตัวเอง มือใหญ่ก็ทาบลงบนประตูและล็อคอมลินเอาไว้ไม่ให้หนี
“ผมจะเข้าห้อง”
เยือกเย็น แต่แววตาแข็งกร้าว
“นั่น…นั่นคุณหมายถึงยูมิโกะเหรอ?”
“ไม่รู้ซิ…ถ้าคุณไม่ได้เจ้าชู้จนลืมชื่อเขาไปแล้ว คงจำได้!”
อมลินยังไปไหนไม่ได้ แอรอนซักต่อ
“ก็ไหนคุณบอกแล้วไง…ว่าระหว่างเธอเป็นแค่เพื่อน”
อมลินสบตากับแอรอน เป็นครั้งสุดท้ายและครั้งเดียว…ที่อมลินโกหกเขา และตัวเองได้แนบเนียนจนกระทั่งพบว่า หัวใจของตัวเองต่างหากที่ปวดร้าวยากเกินอธิบาย…
“ใช่…ผมคิดกับเธอมากกว่าเพื่อน ถ้าผมเปลี่ยนใจแล้วทำไม? ในเมื่อคุณแย่งเธอไปจากผมแล้วเรียบร้อย”
จังหวะทีเผลอ อมลินรีบหลบตัวเองเข้ามาในห้อง ยืนนิ่งอยู่หน้าเตียง จับลมหายใจให้ปกติ ใจเต้นด้วยความเจ้บจิ๊ด…ตาแดงร้อนผ่าว เขาตัดริมฝีปากตัวเองเพื่อเก็บกั้นความอัดอั้นตันใจนั้นไว้…ทำไมเขาขี้ขลาด ทำไมเขาถึงต้องโกหกตัวเอง หลอกลวงตัวเอง ทำไม?
ทำไม?!
TBC.
ปล.อาจหายไปหลายวันนะครับ