ฌ.๓
“สวัสดีครับพระจันทร์ เมื่อวานข้าวมันไก่อร่อยมาก”
เงยหน้ามองคนที่เข้ามาทักยิ้มๆในเวลาเที่ยงค่อนไปเกือบจะบ่าย
“มาไวนะครับวันนี้”
“ผมอาจจะมาใช้เวลาอยู่ค่อนข้างนานน่ะครับ เลยรีบมา”
ท่าทางลูบท้ายทอยเขินๆ เป็นธรรมชาติน่ามอง จริงๆช็อคโกแลตไม่ได้มีเรื่องให้เขิน แต่พอมาทำท่าเขินๆ…ก็น่าเอ็นดูเหมือนกันจนแอบยิ้มตาม
“หรอ ทำอะไรล่ะ?”
“ก็…เอาสมุดสเก็ตภาพมาด้วย จะขอสเก็ตภาพหอมหมื่นลี้น่ะ ได้ไหม?”
“อือ ได้ แล้วกาแฟเหมือนเดิมนะ?”
“ครับ…”
“นี่ เขินอะไรครับคุณ?”
“ก็… วันนี้…”
ท่าทางจะพูดก็ไม่ยอมพูด อ้ำๆอึ้งๆเหมือนมีลับลมคมไหน ทำให้บาริสต้าผิวซีดหรี่ตาลงมอง คนมีความลับก็ดูจะรู้ตัวว่าถูกจับได้เลยหัวเราะเบาๆเป็นการยอมรับความผิด
“วันนี้คุณน่ารักกว่าเมื่อวานอีกครับ”
“ห้ะ… ไอ้บ้า”
ความร้อนผ่าวแล่นสู่ใบหน้า… แต่หน้าไม่แดงหรอกมั้ง ปกติเขาไม่ใช่คนที่เขินแล้วหน้าจะแดงซะหน่อย แค่ร้อนผ่าวๆ อาจจะทำหน้าพิลึกๆซะมากกว่า
“ก็…มีโบว์ด้วย”
นิ้วชี้แตะที่ปกคอเสื้อยืดตัวเอง คนถูกทักเลยร้องอ้อแล้วจับหูกระต่ายใต้ปกคอเสื้อเชิ้ต ยูนิฟอร์มของร้านกาแฟที่พี่เมย์แกล้งซื้อมาบังคับให้ใส่ซึ่งเขาก็ใส่บ้างไม่ใส่บ้าง ช่วงนี้ก็ไม่ได้หยิบมาใส่จนเมื่อเช้านึกยังไงติดมาด้วยก็ไม่รู้
“ก็ยูนิฟอร์มปกติ”
“แกะได้ไหม? หรือเป็นโบว์แบบแกะไม่ได้”
“ตรงโบว์ผูกนี่แกะได้ มันทำได้หลายแบบ แต่สายติดรอบนี่ทำสำเร็จมาแล้ว แก้ไซส์ไม่ได้”
“ขอลองดูได้ไหม”
“ได้สิ”
งงๆว่าอีกฝ่ายสนใจโบว์หูกระต่ายแบบนี้ทำไม อาจจะแปลกตาเพราะมันเป็นลวดลายเฉียงดำสลับขาว ที่มีฟังชั่นฟับมุมได้หลายแบบ ทำให้เป็นทั้งโบว์เหลี่ยม โบว์ไขว้ หรือจะโบว์กลมๆแบบมิกกี้เมาส์ก็ทำได้
ร่างสูงโปร่งโน้มตัวไปหาคนที่อยู่อีกฝั่งของเคาน์เตอร์เล็กน้อย พอๆกับมือหนาที่เอื้อมผ่านเข้ามา
“ต้องแกะตรงไหน?”
“กระดุมข้างๆมั้ง ผมหยิบได้ก็ใส่เลยไม่เคยลองแกะด้วย”
ใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อยให้อีกฝ่ายจัดการโบว์ได้สะดวก แต่พอสายตาหันมามองก็ต้องกลั้นหายใจเมื่ออีกฝ่ายโน้มหน้าเข้ามาใกล้
ทั้งๆที่เคาน์เตอร์กั้นแต่เพราะสูงกันทั้งคู่ทำให้เหมือนมีรั้วเตี้ยๆกั้นมากกว่า
“เจอแล้ว…”
เสียงกระซิบเบาๆกับสายตาคมที่จ้องมองมา รอยยิ้มที่แตะมุมปากนั่น…มันทำให้ต้องกลั้นหายใจ
“อ่ะ ได้ล่ะ”
มองจีบโบว์หูกระต่ายที่ทิ้งตัวลงเป็นสองสายเหมือนริบบิ้นที่ถูกคลายออก จังหวะการหายใจกลับมาเป็นปกติ แต่ตาคมก็ยังจับจ้องอยู่ที่ปลายริบบิ้น…มือที่มีรอยบาดก็ยังจับอยู่ไม่ยอมปล่อย
“ชอบโบว์นี่หรอ?”
“ชอบความรู้สึกครับ”
“รู้สึกอะไร?”
“ตอนแกะโบว์… มันเหมือนผมได้แกะของขวัญ”
ตาคมละจากมือตัวเองขึ้นมาสบตา
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก…. เจ้าก้อนเนื้อที่อกซ้ายมันทำงานหนักขึ้นมาแบบไร้สาเหตุ
“เหมือนว่าพระจันทร์เป็นของขวัญของผมเลย… ”
“โมเมแล้วคุณ ปล่อยเลยผมจะติดมันกลับเข้าไปใหม่”
“เดี๋ยวติดให้”
คราวนี้ไม่ยอมแล้วเพราะยังจำได้ว่าตัวเองแทบจะหายใจไม่ออกเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ มันเหมือนมีอะไรพองๆในอก จังหวะการเต้นของหัวใจก็ไม่ปกติ
“ผมทำเองได้น่า…”
“ผมอยากมองคุณใกล้ๆแบบเมื่อกี๊นี้อีกอ่ะ”
โอย…แต่ละคำพูด จะเอาให้หัวใจวายไปเลยรึไง?
“ไม่ขำ พอเลย เลิกแหย่ผมได้แล้ว”
“ฮะๆ… ก็ผิวของคุณสวย…น่ามอง แก้มก็นิ่ม”
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก …..
“รู้ได้ไงว่านิ่ม”
มือกำแน่นจนปลายเล็บจิกเข้าไปในผิวเนื้อ
“คืนนั้นผมหอมไปตั้งหลายที… จำไม่ได้หรือครับ?”
Knock out!
กรุ๊งกริ๊ง…
“ขอโทษนะคะมีพวกขนมเค้กไหมคะ?”
“อ้ะ มีครับ เชิญเลือกที่ตู้เลยครับ”
ขายาวรีบพาตัวเองไปรับลูกค้าอีกคน ทิ้งนักชกที่เพิ่งใช้หมัดอัปเปอร์คัตสอยเขาจนร่วงให้อยู่ที่เดิม… อันตราย อันตรายมาก ทำไมช่างเป็นคนที่อันตรายแบบนี้
หลังจากผ่านช่วงเวลากระอักกระอ่วนก็มีลูกค้าหลายคนเข้าร้านทำให้ความสนใจและความรู้สึกแปลกๆจางหายไป เงยหน้ามาอีกทีนาฬิกาวนมาแตะเลขสองในยามบ่ายเข้าไปแล้ว
ร้านกาแฟขนาดเล็กซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของอาคารให้เช่าสำนักงานขนาดกลาง ทำเลหัวมุมทำให้เหลือพื้นที่แต่งสวนนิดหน่อยนอกเหนือจากกำแพงกระจก วันนี้โต๊ะกลมด้านนอกที่ลูกค้าไม่ค่อยนิยมนั่งเพราะอากาศร้อนมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่พร้อมสมุดสเก็ตภาพ
จากมุมนี้ทำให้สังเกตอีกฝ่ายได้ถนัด…ช็อคโกแลตไม่ได้ใส่เสื้อแขนยาวหลังจากเหงื่อโชกในร้านข้าวมันไก่ เขาใส่เสื้อคอวีสีเทากับกางเกงยีนส์และรองเท้าแตะหนังดีไซน์แปลกตาเหมาะสำหรับผู้ชาย
เรื่องของกาแฟมันค่อนข้างละเอียดอ่อน โชคดีที่ร้านนี้ไม่ได้มีเมนูเยอะเหมือนร้านกาแฟแบรนด์ใหญ่ ทำให้พอจะใช้อุปกรณ์ชงได้ตามออเดอร์ เอสเปรสโซ่ มอคค่า ลาเต้ คาปูชิโน่ และ มัชชะลาเต้หรือชาเขียวนม สี่เมนูง่ายๆ…กับขนมเค้กที่แพคเป็นกล่องมาพร้อมขายแล้ว
เช็ดแก้วจนเสร็จก็มองร่างคนตั้งใจสเก็ตภาพดอกหอมหมื่นลี้อีกครั้ง แก้วกาแฟพร่องไปจนเหลือแต่น้ำแข็งละลาย ขายาวพาตัวเองไปรินน้ำเย็นแก้วใหม่และเดินเอาออกไปให้คนด้านนอก
“น้ำครับ”
“หือ ขอบคุณนะ”
“ถึงไหนแล้วครับ?”
“เลยครึ่งทางมาหน่อย”
ช็อคโกแลตยื่นสมุดสเก็ตภาพให้ดู
“สวย…”
ภาพสเก็ตที่บอกว่าเกินครึ่งทาง มันไม่ใช่แค่ภาพร่างเหมือนที่เข้าใจ แต่เป็นการวาดภาพเหมือนซะมากกว่า เขาไม่ได้วาดทั้งต้น แต่ตั้งใจวาดแค่ช่อดอกหอมหมื่นลี้มีใบไม้ประดับข้างๆ รายละเอียด แสงเงาจากดินสอ…มีฝีมือ
“ได้ลบบ้างหรือเปล่าครับ?”
“ไม่ มันแค่สเก็ต ไม่มีอะไรต้องลบหรอก”
“คุณจะลงสีไหม?”
“คิดว่าไม่ เพราะ…ผมแค่สเก็ต ชอบหรอ?”
ยิ้มแตะมุมปากเมื่อพระจันทร์หน้านิ่งดูจะตื่นตาตื่นใจกับเจ้าดอกหอมหมื่นลี้ฉบับกระดาษที่ถูกแรเงาไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์นี่ แรเงาซะสวยนี่นะแค่สเก็ต?
“ปกติคุณถนัดลงสีแบบไหน?”
“ผมได้ทุกแบบ ผมจบศิลปะ… แต่ถ้าส่วนตัวจริงๆ ชอบสีน้ำ แต่เป็นอันที่ทำได้แย่สุด”
“ปกติสถาปนิกจะมีแค่พื้นฐานดรออิ้ง แต่ไม่ขนาดวาดมาทางจิตรกรรมแบบนี้ได้ ผมก็พูดไม่ค่อยถูก แต่ผมเข้าใจถูกไหม? เหมือนแบบ…สายจิตรกรรมก็วาดพวกแบบบ้านไรไม่ได้ดีเท่า คนละสาย”
“ก็ใช่ครับ จะเรียนตัวพื้นฐานคล้ายกัน แต่ไปต่อยอดไม่เหมือนกัน…แต่ผมทำได้ทั้งสองแบบเพราะผมเรียนทั้งสองอย่าง ผมจบจิตรกรรมมาก่อน เคยได้ลองทำภาพวาดปูนเปียกแบบไมเคิล แองเจโลด้วย”
“วาดโบสถ์หรือเปล่าครับ?”
“ไม่ใช่โบสถ์ใหญ่ครับ เป็นโบสถ์ของมหาลัยที่ฟลอเรนซ์ ทำกันทุกปีให้นักศึกษาได้ลองวาดลองฝีมือ วิชาศิลปะกับศาสนาน่ะ”
แววตาคมฉายความสุขที่ได้พูดถึงสิ่งที่รัก…มองก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้รักในศิลปะ รักการวาดรูป ลงสี การได้เรียน ได้อยู่กับสิ่งที่รักก็มีความสุขเช่นนี้เอง
“คุณโชคดี”
“หือ?”
“ได้ทำในสิ่งที่รัก”
“คนเรา…ได้อย่างเสียอย่าง ข้อเสียที่ผมมีคือ…ผมไม่มีเพื่อนที่ประเทศไทยเลยทั้งๆที่ผมอยากจะกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดตัวเอง แต่มันไม่มีสังคมของผมเลย”
“เสียใจไหม?”
“ไม่… แค่เสียดาย ที่อดใช้ชีวิตวัยรุ่นเหมือนคนอื่น วัยรุ่นไทยต้องเดินสยามใช่ไหม? ผมนี่เคยไปครั้งเดียวกับคุณแม่ มาเองก็คงจะหลง ชีวิตผมทำแต่งาน ครั้งนี้คงเป็นครั้งแรก…ที่ผมได้พักผ่อน คุณล่ะ ชอบที่ตัวเองเรียนหมอหรือเปล่า?”
“ชอบครับ”
ดวงตาเรียวฉายความสุข
“เป็นสิ่งที่ผมได้เลือกด้วยตัวเอง…ผมชอบตัวเองเวลานั่งอ่านหนังสือแล้วคิดว่าจบไปจะได้ไปเป็นแพทย์อาสาตามชนบท”
“หืม? คุณไม่ชอบกรุงเทพหรอ”
“ผมเกลียดมันเข้าไส้เลยล่ะ”
เสียงหัวเราะทุ้มๆ ฟังนุ่มหูดังขึ้น
“ผมก็เกลียดเหมือนกัน…ผมคงได้มีโอกาสไปเยี่ยมคุณที่ชนบท”
“ถึงเวลานั้นก็อย่าลืมซื้อพิซซ่ามาฝากผมด้วย”
คนฟังทำหน้าสงสัยเล็กน้อย คนพูดเลยหัวเราะเบาๆก่อนเฉลย
“ถึงจะอยากไปอยู่ชนบท…แต่ผมก็ชอบกินพิซซ่ากับอาหารญี่ปุ่นที่สุดอยู่ดีจนคิดว่าอาจจะต้องไปหักดิบในโรงพยาบาล”
“คุณชอบกินพิซซ่าร้านไหน?”
บทสนทนาไหลลื่นไปเรื่อย คงจะจริงที่ว่าถ้าพูดถูกคอก็คุยได้ไม่รู้เบื่อ จากที่แค่เดินเอาน้ำมาให้ก็นั่งลงโต๊ะเดียวกัน ภาพสเก็ตหอมหมื่นลี้ถูกลืมเพราะความสนใจได้เปลี่ยนไปเรื่องอื่น
“ก็ชอบของทุกที่ครับ กินได้หมด มันคล้ายๆกันนะ ร้านใหญ่ๆที่มีหลายสาขาก็มีไม่กี่เจ้า”
“พิซซ่าเป็นอาหารอิตาเลียน”
“อันนั้นใครๆก็รู้”
“ไม่อยากลองชิมพิซซ่าสูตรต้นตำรับหรอครับ?”
คนฟังชะงักก่อนสบตาคนพูดเชิญชวนด้วยท่าทางสบายๆ
“จะพาไปกิน?”
“จะทำให้กิน…รับรองอร่อยจนต้องอ้อนวอนให้ผมทำอีก”
“โห โม้ปะเนี่ย ใส่กัญชาหรือเปล่าถ้าจะต้องขนาดนั้น?”
“กัญชา? กัญชาคืออะไรครับ”
“มาลีฮวนน่า”
“อ๋อ…เปล่าหรอกครับ…ผมใส่ยาเสน่ห์ กินแล้วหลงพิซซ่าจนเผื่อแผ่มาถึงพ่อครัวเลยล่ะ”
ตึก ตึก ตึก…
บริบทใช่ บรรยากาศได้… น้ำเสียงได้ แววตาก็ยิ่งใช่…
นี่กำลังอยู่ในการทดลองจริงๆใช่ไหม? ตัวแปรนิ่งหรือยัง?
นิ่งพอจะตั้งสมมุติฐานได้หรือยัง?
“ตกลง…นัดแล้วนะ?”
รอยยิ้ม…
“ยังไม่ได้รับปากเลย”
“ก็รับสิครับ… ผมรออยู่นะ”
หางเสียงติดจะอ้อนยิ่งเพิ่มบีทหนักๆ ตึก ตึก ตึก… ถ้าไม่ติดว่าไม่เคยมีผลงานด้านวิชาการไหนบอกว่าการเต้นของหัวใจสามารถดังออกมาจากอกได้ เขาคงนั่งสู้หน้าอีกฝ่ายแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ
“ถ้าผมปฏิเสธ”
“คุณหักอกผมได้ลงจริงๆหรอครับ?”
“นี่ แค่ปฏิเสธนัดไม่ได้ปฏิเสธรัก ใช้คำว่าอกหักไม่ได้”
“งั้น…ผมไม่ได้อกหักหรอ?”
“อือ ไม่ได้อกหัก”
“งั้น… คุณก็รับรักผมใช่ไหม?”
ใช้คำพูดวกกลับมาตีเนียนดื้อๆ คนฟังชะงักก่อนจะหรี่ตาลงในทำนองรู้ทัน ส่วนคนเนียนยังคงยิ้มมุมปาก แต่นัยน์ตาวิบวับเย้าแหย่
“ตลกหรอคุณ”
“แหย่เล่นนิดเดียว… ตกลงนะ?”
“มีใครบอกไหมว่าคุณนี่มันเอาแต่ใจ”
“หืม… อย่างผมไม่เรียกเอาแต่ใจหรอกครับ เขาเรียกพยายามสูง”
คิ้วเรียวขมวดอีกรอบกับการใช้ภาษาไทยของอีกฝ่าย ก็พูดชัดแต่มันมีจังหวะบางอย่างในบางครั้งที่ไม่เหมือนคนไทยพูดกัน และการทำหน้าฉงนเวลาพูดคำบางคำที่ใช้ไม่ค่อยถูกหรือไม่มั่นใจ
“พยายามสูง นั่นแหละคำนี้ล่ะ”
“อธิบายที ผมไม่เข้าใจ”
“ก็… พยายามจะชวนพระจันทร์นี่ครับ อยู่บนฟ้ามันสูงนะ… ลดตัวลงมากินพิซซ่าของช็อคโกแลตหน่อยสิ รับรองติดใจไม่อยากกลับไปบนฟ้าเลย”
มุกจีบตื้นๆ ไม่ได้มีความซับซ้อนติดจะแป้กด้วยซ้ำกลับให้ความรู้สึกนุ่มนวล เมื่อคนพูดยิ้มน้อยๆ ทอดเสียงนุ่มลึก… นั่นล่ะ…
เพราะกลิ่นเจ้าหอมหมื่นลี้ที่พัดเข้ามาล่ะมั้ง… เขาถึงตอบตกลง
“อืม…”
ตอบตกลงไปแบบเบลอๆ…
เบลอว่ารักแถบ แบบว่ารักเธอ? เฮ้ย… อย่าไปติดมุกเด็กประถมแบบนั้นมาสิวะ… เล่นไปได้ไงโคตรเห่ยอ่ะ
===================================
ช็อคโกแลตขี้อ่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยย