[END]Omega's Instinct สัญชาตญาณดิบ[Omegaverse]#คริสเจมี่:ตย.ตอนพิเศษ[25/3/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END]Omega's Instinct สัญชาตญาณดิบ[Omegaverse]#คริสเจมี่:ตย.ตอนพิเศษ[25/3/60]  (อ่าน 124627 ครั้ง)

ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เรื่องนี้ ปวดตับปวดไตมั้ยคะ

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ทำไมสมน้ำหน้าธีโอ - -

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ปากไม่ดี มีสี(เลือด)ที่ปาก
แต่ธีโอ ไม่ใช่แค่ที่ปากแล้ว  กระดูกหัก สลบละมั้ง
แล้วคนพวกนี้ รู้ตัวหลังจากเจ็บตัวไปเรียบร้อยและ
ถ้ามีคนแย้งว่าแค่ล้อเล่น แต่พาดพิงการร่วมเพศ
แถมเอามือไปลูบไปจับอวัยะเพศอีก คิดว่าธีโอสมควรโดนนนน  :z6: :z6: :z6:
เจอโรมคิดผิดนะ เรื่องที่ให้เจเรมี่ไปสถาบัน ทั้งที่อารมณ์ไม่คงที่
ถ้าอยู่บ้าน ไม่มีใครกวนอารมณ์เจเรมี่แน่ๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
เรื่องนี้ ปวดตับปวดไตมั้ยคะ

คิดว่าไม่จ้า ดราม่าความสัมพันธ์ไม่มี ดราม่าเรื่องอื่นแทนนะ XD

ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เรื่องนี้ ปวดตับปวดไตมั้ยคะ

คิดว่าไม่จ้า ดราม่าความสัมพันธ์ไม่มี ดราม่าเรื่องอื่นแทนนะ XD


แบบว่า กลัวเจอแบบ โดนประจาน หนีหัวซุกหัวซุน โดนจับไปทารุณเหลื่อเกินค่ะ =_=;;;;

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นายเอกเราไม่ไดร้ายแต่ปาปก ไม่ได้ร้ายธรรม แต่โครตร้ายจริงๆแฮะ ชอบบบบบบบบ...

ว่าแต่ตาคริสหนิหายไปไหนนนน

ออฟไลน์ fahtallll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอยยยยย ชอบค่ะ
อยากอ่านต่อ รู้สึกค้างคา มาอัพไวๆนะคะ
 :mew1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ขอบทให้คุณคริสหน่อยค่าาา 555555555555

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ติดตามโอเมก้าเวิสมากค่าาา :katai5:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 05: แสงสะท้อนกลับ[1]

เรื่องเข้าหูเจอโรมไวปานติดจรวด เขาไม่รอช้า รีบออกหน้าไปรับผิดแทนลูกชายตัวดีถึงโรงพยาบาลที่ธีโอถูกส่งตัวไปอย่างรวดเร็ว และก็ต้องหน้าเสียหนักขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินจากแพทย์ว่าอีกฝ่ายอาการสาหัสไม่น้อย กระดูกหลายส่วนแตกหักและร้าว ร่องรอยฟกช้ำเต็มไปทั่วทั้งตัวจนแทบไม่มีที่ว่างเหลือ อวัยวะภายในก็บอบช้ำ ดีที่ไม่มีส่วนไหนมีเลือดคั่งหรือเป็นอันตรายแก่ชีวิต แต่สภาพของธีโอที่นอนไม่ได้สติอยู่ในห้องไอซียูพร้อมกับเครื่องช่วยหายใจระโยงระยางนั้นก็ทำให้เจอโรมคิดไม่ออกเลยว่าลูกชายเขาจัดการกับชายหนุ่มคนนั้นด้วยวิธีไหน

ทว่าไม่ว่าจะวิธีไหนก็ช่าง เล่นทำเอาอีกฝ่ายสะบักสะบอมหมดรูปอย่างนี้ แสดงว่าต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว

ไม่เพียงแต่เจอโรมเท่านั้นที่ต้องรีบร้อนมายังโรงพยาบาล ตัวการอย่างเจเรมีเองก็ถูกบิดาส่งคนไปพาตัวมาที่นี่เช่นเดียวกัน เจเรมีมีท่าทีสงบนิ่งเพราะรู้ดีว่าการกระทำของตนทำให้บิดาไม่พอใจเป็นอย่างมาก และเขาก็ยังไม่อยากจะเสียเวลาอธิบายอะไรใดๆ ด้วยรู้ว่าพูดไปตอนนี้ก็ไร้ความหมาย ตอนเจอโรมโกรธอย่างนี้ไม่มีทางที่จะฟังหรอกว่าที่เขาลงมือทำร้ายเป็นเพราะถูกธีโอยั่วโทสะก่อนแม้ว่ามันจะเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุไปมากก็ตาม เจอโรมเองก็ยังไม่สนใจที่จะถามไถ่อะไรลูกชายในตอนนี้ด้วย แววตาของเขามีเพียงความโกรธเกรี้ยว

เป็นความสงบนิ่งที่น่ากลัวมากเลยทีเดียว...

จะไม่โกรธก็คงจะแปลกไปหน่อย เขาอุตส่าห์ทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อให้เจเรมีอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมอัลฟ่าได้อย่างราบรื่น และระมัดระวังเป็นอย่างดีว่าคนอื่นจะล่วงรู้ความลับว่าเจเรมีเป็นโอเมก้า ทั้งที่เตือนแล้วว่าอย่าทำอะไรให้เป็นจุดสนใจเพื่อเลี่ยงปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง แต่เจ้าหนุ่มเลือดร้อนคนนี้ก็ไม่เคยฟัง ทั้งยังไม่เคยตระหนักถึงผลเสียที่จะตามมา

ความผิดเขาเอง... เป็นความผิดเขาคนเดียวที่หล่อหลอมให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกลายเป็นคนแบบนี้!

แต่ตอนนี้จะโทษตัวเองหรือโทษว่าเป็นความผิดใครก็เท่านั้น เจอโรมรู้เพียงอย่างเดียวว่าหลังจากนี้เรื่องจะต้องยุ่งยากขึ้นแน่ๆ ด้วยรู้ดีว่าธีโอเป็นลูกชายคนเดียวของ นายพล เดร็ก แฮร์ริสัน ซึ่งเป็นสมัครพรรคพวกกับตระกูลผู้นำทั้งสาม และแน่นอนว่าเป็นปฏิปักษ์กับผู้นำที่ได้ชื่อว่าเป็นฝ่ายค้านอย่างเขาเพราะมีผลประโยชน์ขัดแย้งกัน ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้นิสัยของเดร็กดีว่าเป็นคนยอมหัก ไม่ยอมงอ อีกทั้งยังไม่ยอมเสียหน้า

ศักดิ์ศรีค้ำคอขนาดนี้ ต่อให้เป็นเจเรมี ฝ่ายนั้นก็คงไม่ยอมความไปง่ายๆ แน่ไม่ว่าเจอโรมจะใช้วิธีสกปรกในการยุติเรื่องราวทั้งหมดแค่ไหนก็ตาม

และก็จริงอย่างที่เจอโรมคาด ไม่นานหลังจากเขากับเจเรมีมาถึงห้องพักของธีโอ เสียงรองเท้าบูทกระแทกพื้นกระเบื้องของโรงพยาบาลก็ดังขึ้นให้ได้ยิน ตามมาด้วยเสียงร้องปรามของใครบางคนที่บอกให้เจ้าของเสียงแรกใจเย็นลง ทว่าเสียงร้องปรามนั้นไม่ได้เข้าหูอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย และก็ยิ่งก้าวเท้าเร็วมากขึ้นไปอีกทันทีที่เห็นว่าบริเวณหน้าห้องไอซียูมีร่างของคนคุ้นตายืนอยู่

“คุณเมอร์ซี” น้ำเสียงห้าวเรียกอีกฝ่ายแข็งๆ

สองพ่อลูกตระกูลเมอร์ซีหันไปมองแทบจะพร้อมกัน ก่อนจะเห็นว่าเป็นทหารยศนายพลนายหนึ่งใบหน้าละม้ายคล้ายกับชายที่นอนไม่ได้สติอยู่ในห้องไอซียูไม่มีผิดเพี้ยน ที่ต่างกันเห็นจะเป็นสีหน้าเรียบนิ่งที่แสดงความเกรี้ยวกราดออกมาทางสายตาและมันก็ถูกส่งให้กับเจเรมีโดยตรงเมื่อดวงตาคู่นั้นเหลือบมามอง ส่วนทางด้านหลังก็เป็นผู้ติดตามที่แต่งเครื่องแบบทหารคล้ายๆ กัน
“ผมได้ยินมาว่าลูกคุณเป็นตัวการ” ผู้มาใหม่คือเดร็ก เขาไม่รอช้า เข้าเรื่องทันที

เจอโรมรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายในสถานการณ์ชวนอึดอัดอย่างนี้ และก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวว่าอะไรจึงได้แต่ตอบรับไปเสียงเรียบ

“ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วก็ต้องขอโทษแทนลูกชายด้วย แน่นอนว่าผมยินดีรับผิดชอบทั้งหมด”
คำพูดของเจอโรมทำเอาคนฟังปั้นหน้าเหี้ยมมากขึ้นไปอีก
“ถ้าหากว่าลูกผมถูกทำร้ายจนตาย คุณจะรับผิดชอบยังไงงั้นเหรอ”

คำถามท้าทายปัญญาทำให้เจอโรมนิ่งไปชั่วครู่ เขาเองก็ไม่สามารถบอกได้เหมือนกันว่าจะรับผิดชอบอย่างไรถ้าหากเจเรมีทำธีโอถึงแก่ชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าแม้แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างนี้ เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะรับผิดชอบอย่างไร หากเปลี่ยนจากธีโอเป็นลูกเขา เขาคงโกรธเกรี้ยวไม่แพ้กันกับที่เดร็กกำลังรู้สึกอยู่

หากแต่เดร็กเก็บอาการได้ดี ยืนรอฟังคนตรงหน้าตอบคำถามอย่างใจจดจ่อ
“ว่าไงล่ะท่านผู้นำเมอร์ซี ถ้าลูกผมตาย คุณจะรับผิดชอบยังไง”
ถูกถามอีกครั้ง เจอโรมพอเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามต้อนให้เขาจนมุมด้วยแรงโทสะ พลันลอบถอนหายใจก่อนตอบออกมา
“แต่ลูกคุณก็ยังอยู่ดีไม่ใช่เหรอ”
ไม่ใช่คำตอบ ทว่าเป็นการย้อนถามกลับ

เท่านั้นเดร็กก็รู้ได้แล้วว่าเจอโรมไม่ยอมให้เขาไล่ต้อนหรอก รู้นิสัยของเจอโรมดีว่าเป็นพวกหัวหมอและหยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างกับอะไร เป็นคนประเภทเดียวกันกับเขา ถึงจะเป็นความผิดของตน ปากยอมรับผิดหากแต่ไม่ยอมก้มให้ใครง่ายๆ
“ย้อนถามได้ดี คนถูกฟาดซะกระดูกหักหลายท่อนไม่ใช่ลูกคุณนี่ คุณเมอร์ซี” เดร็กแสยะยิ้ม พลันเหลือบไปมองเจ้าตัวต้นเหตุที่ยืนจ้องเขาอยู่ด้วยสายตาเรียบเฉย “อย่าคิดว่าทำอย่างนี้แล้วเรื่องจะจบง่ายๆ”

เจเรมีย่นคิ้วยู่ทันทีที่ถูกขู่ เขากับธีโอเป็นคู่กัดกันจึงพอจะรู้ว่าเดร็กเองก็ไม่ชอบหน้าพ่อเขาอยู่เช่นเดียวกับที่เขาไม่ชอบหน้าธีโอ ได้ยินบิดากับแมทธิวหารือกันบ่อยครั้งว่ามีปัญหาขัดแย้งกับตระกูลผู้นำอื่นๆ ด้วยต้นเหตุมาจากเดร็กที่มักเสนอนโยบายเข้าข้างผลประโยชน์ของพรรคพวกตัวเอง

และการที่เดร็กพูดกับลูกชายเขาอย่างนี้ทำให้เจอโรมต้องออกปาก
“ต้องการเท่าไหร่ล่ะคุณแฮร์ริสัน”
ดูท่าจะใช้วิธีเจรจาต่อรองแบบแบบธรรมดาไม่ได้แล้ว คงต้องพูดไปตามตรง ดูท่าเดร็กจะไม่ยอมง่ายๆ มัวแต่อ้อยอิ่งไม่มีข้อแลกเปลี่ยนที่ดึงดูดใจ เห็นทีอีกฝ่ายคงจะหาทางเล่นงานเจเรมีทุกวิถีทางแน่
ทว่าการโพล่งไปตามตรงทำเอาสายตาขุ่นเคืองของเดร็กตวัดไปมองยังผู้พูดทันที
“ว่าอะไรนะ”
“อย่าอ้อมค้อมเลยดีกว่า คุณก็รู้ว่าปัญหาพวกนี้มันจัดการได้ด้วยวิธีไหน อยากได้เท่าไหร่ล่ะ เรียกมาสิ” เจอโรมย้ำอีกที ทำเอาเดร็กกำมือแน่น
“ผมไม่ต้องการเงิน”
“ล่าสุดผมเพิ่งเห็นร่างโครงการของคุณยื่นมาขอให้ผมเซ็นอนุมัติงบประมาณอยู่นะ ผมว่าโครงการนี้ไม่น่าจะใช้งบประมาณเยอะขนาดนี้ แต่คิดว่าพวกของคุณคงจะหิว ผมจะเซ็นให้ก็ได้ถ้าคุณยอมจบเรื่อง”

วิธีแก้ปัญหาตามแบบฉบับของนักการเมือง...

เป็นวิธีที่สกปรก เจอโรมรู้ดีแต่ในแวดวงสังคมที่เขาอยู่ ในขั้นตอนแรกของการแก้ปัญหาทุกอย่างคือการใช้เงินเป็นตัวต่อรอง เขาก็แค่เสนอสิ่งที่ดูแล้วเดร็กน่าจะต้องการมากที่สุดไปเพื่อให้คนตรงหน้ารู้สึกว่าผลประโยชน์ที่ได้รับมันคุ้มค่าพอที่จะลืมเรื่องราวบางอย่างที่ขุ่นข้องใจกันไปได้

ทว่าไม่ใช่ในครั้งนี้ เจอโรมคงลืมไปว่านายพลคนนี้ก็รักลูกชายคนเดียวของเขามากพอๆ กับที่เจอโรมรักเจเรมี การถูกเสนอข้อเสนอนี้มันเป็นการเหยียดหยามศักดิ์ศรีของอีกฝ่ายมากทีเดียว

คิดว่าเขาจะยอมขายชีวิตลูกชายแลกกับเงินอย่างนั้นเหรอ!? สิ่งที่เขาต้องการมันไม่ใช่เงิน เขาต้องการเห็นไอ้เด็กเหลือขอตรงหน้านั่นได้รับผลจากการกระทำของมันต่างหาก!

“หรือถ้าไม่สะดวกจะบอกตอนนี้ ผมจะให้คุณติดต่อผ่านเลขา...”
“ผมไม่ต้องการเงินคุณเมอร์ซี! ผมต้องการให้ลูกคุณรับผิดชอบการกระทำนี้!”

พอได้ยินเจอโรมว่าขึ้นมาอีก เดร็กก็อดเดือดดาลไม่ได้ เจอโรมชะงักไป เดาได้รางๆ ว่าเรื่องไม่ง่ายแล้วเมื่อเห็นสีหน้ากรุ่นโกรธของนายพลที่แดงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็จริงดังคาดเมื่อเดร็กเปลี่ยนเป้าหมายไปเล่นงานเจเรมีที่ยืนอยู่ไม่ไกลแทน

“แกจะต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม เจเรมี!” แผดเสียงเรียกชื่อชายหนุ่มในตอนท้าย พลันถลาเข้ามาคว้าคอเสื้อ

เจเรมีเคลื่อนไหวไปตามแรงกระชากเล็กน้อย มองหน้าอีกฝ่ายที่ใกล้เพียงเอื้อมก็กลอกตา เขาอยากจะต่อยหน้าคนอายุรุ่นราวคราวพ่อที่มาตะคอกใส่นัก ยิ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายกับคนที่เขาเกลียดขี้หน้าด้วยแล้วก็แทบอดใจไม่ไหว หากเจอโรมไม่เข้ามาแทรกกลางเสียก่อนด้วยการเอื้อมมือมาจับข้อมือของเดร็กเป็นการห้าม เขาคงไม่รอช้า ส่งเดร็กเข้าห้องไอซียูไปอีกคนแน่

“ไปตีกับเด็กอย่างนั้นไม่สมเป็นคุณเลยนายพลแฮร์ริสัน เอาเป็นว่ามีอะไรก็มาเจรจากับผมดีกว่า”
เดร็กเหลือบมอง มือยังไม่ยอมปล่อยจากคอเสื้อของเจเรมี กระทั่งเจอโรมออกแรงบีบมากขึ้น ความเจ็บปวดที่แล่นพล่านเข้ามาจำเป็นต้องให้เดร็กปล่อยมือออก

พอเห็นว่าเดร็กปล่อยมือจากลูกชาย เจอโรมก็ยกยิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มของผู้ชนะในสายตาของเดร็ก รอยยิ้มเย็นที่อ่านไม่ออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไร รู้เพียงอย่างเดียวว่าสิ่งที่อยู่ในใจของเจอโรมไม่ใช่เรื่องที่ดีหรือซื่อตรงเท่าไหร่

คนอย่างเจอโรมน่ะ ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองที่ซื่อสัตย์และคิดถึงแต่ประโยชน์ของมวลชนเป็นส่วนใหญ่ ทว่าเขาก็ไม่ใช่คนที่ขาวสะอาดอะไรขนาดนั้น ถ้ามีอะไรที่เอื้อต่อผลประโยชน์ของพรรคพวกตัวเองก็พร้อมที่จะใช้อำนาจครอบครองสิ่งนั้นโดยไม่สนใจอะไรเหมือนกัน

เหมือนกับนักการเมืองทั่วไป เพียงแต่ไม่ได้ดำสนิทอะไรขนาดนั้น...

และนั่นก็ทำให้เดร็กเดาได้ตั้งแต่ก่อนมาเจอหน้าอยู่แล้วว่าเจอโรมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องลูกชายตัวเองแน่ ซึ่งเขาเองก็เตรียมการมาไว้แล้วเหมือนกัน

เรื่องอะไรที่จะต้องให้ธีโอเจ็บตัวฟรี เขาจะทำให้สองพ่อลูกคู่นี้พังพินาศเลยทีเดียว!

“ลูกคุณจะได้รับบทลงโทษตามกฎหมาย” เดร็กว่าอย่างนั้น
เจอโรมพยักหน้ารับน้อยๆ เขาเข้าใจ ถึงขั้นนี้แล้ว เดร็กคงไม่โง่ยอมรับข้อเสนอของเขา...แน่นอนว่าไม่เล่นตามกฎหมายอย่างที่ปากพูดด้วยเช่นกัน

หากแต่ทั้งสองไม่เผยแผนการของตัวเองหลังจากนั้น ได้แต่ยุติเรื่องเอาง่ายๆ
“เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรก็ติดต่อผ่านเลขาผมแล้วกัน ผมพร้อมรับผิดชอบเต็มที่ ส่วนเรื่องที่เหลือก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย วันนี้ผมคงต้องขอตัวก่อน วันหลังจะมาเยี่ยมลูกชายคุณใหม่ ต้องจัดการหาทนายให้เจเรมีก่อน” แล้วก็หันไปพยักหน้าเรียกเจเรมีให้เดินตามไป

เจเรมีเหลือบมองเดร็กที่จ้องเขาเขม็งเล็กน้อย พลันก้าวตามบิดาที่เดินนำหน้าไป หากแต่ขณะที่เดินผ่านเดร็ก หูทั้งสองก็ได้ยินเสียงพึมพำจากนายพลคนนั้น

“ฉันจะทำให้แกไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย ไอ้เด็กเหลือขอ”
เจเรมีทำเพียงแสยะยิ้มให้พลางหัวเราะหึในลำคอคล้ายกับท้าทายว่า ‘คิดว่าจะทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ’ ก่อนจะออกเดินต่อ ปล่อยให้เดร็กได้เข้าไปเยี่ยมลูกชายหลังจากมองสองพ่อลูกนั่นเดินหายไปจนลับสายตา






 
ความนิ่งงันของเจอโรมทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อมาถึงยังลานจอดรถของโรงพยาบาล อย่างที่บอกว่าเขารู้ว่าเดร็กคงไม่เล่นตามกฎหมายอย่างที่ปากพูดแน่ คนอย่างนั้นมาพร้อมด้วยโทสะเดือดดาลคงจะขุดคุ้ยทุกอย่างที่เกี่ยวกับเจเรมีมาเล่นงานอย่างแน่นอน คิดอย่างนี้แล้วมันทำให้เจอโรมอดหวั่นใจไม่ได้ สิ่งที่เขากลัวมากที่สุด...

...การที่เจเรมีถูกเปิดโปงว่าเป็นโอเมก้า

พลันก็รู้สึกว่าคิดผิดเหลือเกินที่พยายามให้เจเรมีใช้ชีวิตตามปกติ เขาน่าจะกักตัวเจเรมีไว้ไม่ให้ออกไปไหนสักระยะหนึ่ง หากแต่ตอนนั้นคิดเพียงอย่างเดียวว่าทุกอย่างจะต้องดำเนินไปตามปกติเพื่อไม่ให้มีพิรุธ แต่ใครมันจะรู้กันล่ะว่าลูกชายตัวดีของเขาจะไปก่อเรื่องตั้งแต่วันแรกที่โผล่หน้าไปยังสถาบันฯ อย่างนั้น

“ติดต่อหาทีมทนายที่ไว้ใจได้แล้วให้ไปรอฉันที่บ้าน” เดินมาถึงรถได้ก็ออกปากสั่งกับเลขาซึ่งรออยู่ข้างรถพร้อมกับคนขับ
เจเรมีได้ยินก็เบ้หน้า พึมพำออกมา “ไม่เห็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยน่าพ่อ ก็แค่สั่งสอนเฉยๆ”

เจอโรมหันขวับ สีหน้าเรียบนิ่งที่ควบคุมอารมณ์ตลอดเวลาดูดุดันขึ้นมาทันที
“ถ้าแค่สั่งสอน ธีโอคงไม่ไปนอนเป็นซากอย่างนั้นหรอก”
“ก็มันบอบบางเอง ช่วยไม่ได้” เจเรมียังคงไม่สำนึก พูดอย่างกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเล่นๆ

มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย เข้าข่ายอาชญากรรมเลยนะ!

“แกอย่ามาพูดดีนัก ถ้ามันเป็นเรื่องเล่นๆ ฉันคงไม่มาตามเก็บตามเช็ดให้อย่างนี้หรอก”
ฟังที่ลูกชายพูด เจอโรมก็พลันหงุดหงิดหากแต่ไม่ได้โวยวาย เป็นการพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งทว่าฟังดูน่ากลัวเหลือเกิน เลขากับคนขับรถสัมผัสได้ว่าเจอโรมเริ่มเดือดดาลเต็มทีแล้ว และก็ทวีมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อถูกเจเรมีสวนกลับ

“งั้นพ่อก็อยู่เฉยๆ นั่งจิบชา คุยเรื่องจิปาถะกับเพื่อนๆ ไป ปล่อยผมไว้อย่างนี้แหละ ไม่ต้องมาสนใจ ที่เรื่องมันยุ่งยากเป็นเพราะพ่อนั่นแหละที่มายุ่งกับชีวิตผมมากเกินไป เป็นโอเมก้าแล้วยังไง ถ้าพ่อไม่มาเจ้ากี้เจ้าการ บงการให้ผมต้องฉีดยาแถมหลอกว่าป่วยอะไรนั่น มันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก”

โทษนั่นโทษนี่ไปเรื่อย ไม่โทษตัวเองเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เจอโรมทำ ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นการปกป้องเจเรมีชัดๆ ทว่าในสายตาของเจเรมี เขากลับรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกลวงมาโดยตลอด และความจริงที่ได้รับรู้มันทำให้เขารับไม่ได้จนก่อเหตุอย่างนี้
“แกจะหาว่าทุกอย่างเป็นความผิดของฉัน?”
“ถ้าพ่อฆ่าผมให้ตายตั้งแต่ตอนเกิดหรือปล่อยขายตลาดทาส ผมคงจะไม่ต้องเป็นบ้าอยู่อย่างนี้ หึ อัลฟ่าเหรอ? อัลฟ่าบ้าบออะไร จริงๆ พ่อไม่อยากให้ศักดิ์ศรีของตระกูลที่พ่อภูมิใจนักหนาถูกพูดถึงว่ามีสมาชิกในตระกูลเป็นโอเมก้าที่มีหน้าที่แค่ถ่างขาให้อัลฟ่าเอาใช่ไหมล่ะ”

คำพูดร้ายกาจหลุดออกจากริมฝีปากหนา เจอโรมได้ยินสิ่งที่ลูกชายพูดแล้วก็บันดาลโทสะขึ้นมา ตะคอกเสียงดังลั่น
“หัดสำนึกซะบ้างเจเรมี!”

พลั่ก!

ไม่พูดอย่างเดียว มือยังพลั้งเผลอไปต่อยซีกแก้มของลูกชายเสียเต็มแรง

เจเรมีที่เพิ่งเคยถูกบิดาสั่งสอนด้วยการลงไม้ลงมือเป็นครั้งแรกในชีวิตกระเด็นลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นในสภาพอึ้งงัน มือข้างหนึ่งยกประคองซีกหน้าที่ถูกกระแทก ปลายลิ้นสัมผัสได้ถึงรสเค็มปร่าของเลือดที่หลั่งไหลอยู่ในโพรงปาก ขณะที่เลขาและคนขับรถเข้ามาห้ามปรามเจอโรมเป็นการใหญ่ ทว่าไม่ได้ผลเลย เจอโรมในตอนนี้ดูน่ากลัวและดุดันกว่าทุกครั้งที่เคยเจอ เขาคล้ายกับว่าหมดความอดทนกับพฤติกรรมร้ายๆ ของเจเรมีแล้ว

“สำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปซะว่ามันกำลังจะย้อนกลับมาเล่นงานแก แล้วก็จำใส่สมองเน่าๆ ของแกเอาไว้ด้วยว่าถ้าแกไม่ใช่ลูกฉัน ไม่มีสายเลือดของฉัน ฉันจะไม่ดูดำดูดีแกเลยแม้แต่นิดเดียว!”

อึ้งงันไปอีกระลอก บิดาไม่เคยพรั่งพรูคำพูดทำนองนี้ออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียวตลอดเวลาที่เลี้ยงดูเขามา ท่าทางตอนนี้คงจะเหลืออดจริงๆ ถึงได้แสดงท่าทางอย่างนั้น ในใจของเจเรมีตอนนี้ เขารู้สึก...

...หวั่นเกรง

ระคนเกรงกลัวชายตรงหน้าด้วย บิดาผู้ซึ่งไม่เคยตำหนิติเตียนไม่ว่าเขาจะทำเรื่องร้ายใดๆ มีแต่ตามแก้ปัญหาให้ตลอด บัดนี้ได้หมดความอดทนกับเขาแล้ว ตะคอกเสร็จก็นิ่งไปนิดก่อนจะออกคำสั่งเสียงกร้าว

“ต่อจากนี้แกต้องอยู่ใต้คำสั่งฉันตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอน แล้วก็ไสหัวมาขึ้นรถได้แล้ว ฉันมีธุระเรื่องของแกต้องทำอีกเยอะ” พูดจบก็เป็นคนแรกที่ขึ้นรถไป

เจเรมีฮึดฮัดเล็กน้อย ทำท่าจะขัดขืนแต่พอเห็นเลขาของบิดาพยักหน้าเรียกด้วยสีหน้าลำบากใจเป็นเชิงว่าให้เขาทำตามถ้าไม่อยากให้เกิดปัญหามากกว่าเดิม เจเรมีก็จำต้องยันตัวลุกขึ้นยืน เดินมาขึ้นรถแต่โดยดี ก่อนจะรู้สึกได้ว่ามีกำแพงบางอย่างค่อยๆ เข้ามากั้นขวางในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับบิดาเสียแล้ว






 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 05: แสงสะท้อนกลับ[2]


ใบหน้าบอบช้ำของเจเรมีที่หอบกลับมาบ้านสร้างความตกใจให้กับมาเรียเป็นอย่างมาก พอมารู้ว่าเป็นฝีมือของผู้เป็นสามี หล่อนก็พรั่งพรูน้ำตาออกมาราวกับว่าได้พบเจอสิ่งกระทบกระเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง เจอโรมไม่พูดอะไร ไม่แม้แต่จะปลอบโยน ปล่อยให้คู่ทุกข์คู่ยากได้พร่ำพรรณนาตัดพ้อเขาไปเรื่อยว่าทำไมต้องถึงขั้นลงมือทำร้ายลูกชายของหล่อนอย่างนั้น โดยหล่อนคงจะลืมไปแล้วว่าการถูกหมัดหลุนๆ กระแทกหน้านั้นเทียบไม่ได้เลยกับการที่เจเรมีทำกับธีโอ

ความตึงเครียดอบอวลในครอบครัวอยู่หลายวันทีเดียว แรกๆ เจเรมีก็หัวเสียกับการกระทำของบิดาอยู่เหมือนกัน ปั้นปึ่งใส่ ไม่พูดไม่จา กระนั้นก็ยอมเชื่อฟังตามคำสั่งที่ได้รับ คราวนี้ไม่ใช่เพราะเกรงกลัว แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากเห็นมารดาหลั่งน้ำตาทุกครั้งที่เขามีปากมีเสียงกับเจอโรมมากกว่า

มาเรียอ่อนไหวเกินกว่าที่จะยอมรับปัญหาอื่นๆ ได้ไหวแล้ว ในตอนนี้เพียงเรื่องเล็กๆ ก็ทำให้หล่อนร้องไห้ได้ง่ายๆ ทั้งหมดก็เป็นเพราะความกังวลที่มีต่อลูกชาย เจเรมีเองก็ไม่อยากเห็นมารดาต้องมาร้องไห้เพราะเขาอีกจึงได้แต่ทำตัวเซื่องๆ ให้บิดาได้จูงโดยไม่โต้แย้งแม้ว่าในใจเขาอยากจะอาละวาดให้สะใจสักครั้ง

ทว่าความคิดนั้นก็ต้องถูกลบเลือนไปเมื่อเห็นว่าคืนนี้เป็นอีกคืนที่บิดาไม่ได้นอน...

นับตั้งแต่วันที่เขามีเรื่องจนถึงวันนี้ก็น่าจะเกือบอาทิตย์หนึ่งแล้ว ถึงได้นอนก็เพียงไม่กี่ชั่วโมง ไม่แน่ใจนักว่าที่ไม่ได้นอนเป็นเพราะกังวลเรื่องเขาหรือยุ่งวุ่นวายจนไม่ได้นอนกันแน่

แต่คิดว่าน่าจะกังวลเรื่องเขา บางคืนก็แอบเห็นไปนั่งจิบแอลกอฮอล์ตามลำพังตอนดึกๆ ในห้องรับแขกในท่าทางกลัดกลุ้มด้วย...
บิดาคงจะเป็นห่วงเขาจากใจจริง...

จากที่ไม่รู้สึกผิด เจเรมีก็สำนึกขึ้นมาทันตาว่าการกระทำของเขามันส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างแค่ไหน อึดอัดกับสถานการณ์อย่างนี้ด้วยจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร วันนี้ก็เช่นกัน เขาอึดอัดตั้งแต่อยู่ในรถตอนถูกเจอโรมพาตัวมาที่โรงพยาบาลเพื่อดำเนินโครงการพัฒนายาระงับอาการฮีทที่มีต่อคู่แห่งโชคชะตาแล้ว

ไร้ซึ่งการพูดคุยเหมือนเช่นทุกวัน มาถึงที่หมาย เขาก็ถูกเจ้าหน้าที่พยาบาลพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปพบกับคริสในห้องสังเกตการณ์ การทดลองตัวยาเป็นไปอย่างราบรื่น เจเรมีไม่แสดงอาการก้าวร้าวใดๆ ออกมาทั้งนั้น ทำเอาทีมแพทย์โล่งใจไปตามๆ กันที่เห็นเจเรมีสงบได้ จะมีก็แต่คริสเท่านั้นที่รู้สึกแปลกๆ กับการไม่เห็นท่าทีกระด้างกระเดื่องของอีกฝ่าย หลังจากการทดลองตัวยาสิ้นสุดลงและทีมแพทย์ได้ปล่อยให้พวกเขาได้พักกันอยู่ในห้องสังเกตการณ์เพียงลำพัง บทสนทนาง่ายๆ จากปากของนักโทษหนุ่มจึงเริ่มต้นขึ้น

“หน้าไปโดนอะไรกระแทกมาล่ะ” ว่าพลางพยักเพยิดปลายคางไปยังซีกแก้มที่เป็นรอยช้ำม่วงอมเขียวเล็กน้อย
เจเรมีผินใบหน้าซีกนั้นที่อยู่ทางฝั่งซึ่งคริสมองเห็นได้พอดีมามองคนถามเล็กน้อยแล้วหันหนี ปากขยับว่าพึมพำ
“อย่ามายุ่ง”

คริสก็ไม่ได้อยากจะยุ่งอะไรนักหรอก แต่เห็นว่าวันนี้เจเรมีดูแปลก สังเกตดีๆ จะเห็นว่าเขามึนตึงกับเจอโรมมากเป็นพิเศษด้วยเลยคิดว่ารอยที่เห็นบนหน้าคงจะเป็นฝีมือของเจอโรมแน่ ก่อนที่จะมายังโรงพยาบาลแห่งนี้ เขาก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าคนตรงหน้าไปซัดลูกนายพลซึ่งนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลที่เดียวกันเสียจนได้รับบาดเจ็บสาหัส มันคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มรุ่นน้องเกิดความขัดแย้งกับบิดาก็เป็นได้

และนั่นทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าการกระทำของเจเรมีค่อนข้างจะโง่เง่าไปสักหน่อยนัก นอกเหนือจากนั้น เขายังคิดอีกด้วยว่าเจอโรมกล้าบ้าบิ่นพอดูที่ให้เขากับเจเรมีมาทำการทดลองยาสำหรับโอเมก้าในโรงพยาบาลแห่งเดียวกันอย่างนี้ถึงช่วงเวลาที่เขาถูกพาตัวมาจะเป็นกลางดึกและเป็นไปอย่างลับๆ ก็เถอะ

ทว่านั่นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือเขาคิดว่าเจเรมีค่อนข้างจะโง่ ไม่โง่ไปสักหน่อยด้วย โง่บรมเลยจะดีกว่า รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร บิดาออกหน้าปกป้องขนาดนี้ยังจะทำตัวให้เป็นปัญหาอีก นั่นมันหาเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อนชัดๆ อย่างที่เขาเคยคิดไว้เลยไม่มีผิดว่าครอบครัวของเจเรมีจะหนักใจแค่ไหนที่มีลูกพฤติกรรมแบบนี้

ใจร้อน ดื้อด้าน หยิ่งผยอง โอหัง มั่นใจในตัวเองเกินเหตุ ขวานผ่าซาก...พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ดึงปัญหามาให้ทั้งนั้น
น่าหนักใจมากจริงๆ...

ซึ่งมันทำให้คริสอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเตือน ไม่ใช่ว่าเป็นห่วง แต่แค่อยากจะแนะนำน่ะว่าควรวางตัวอย่างไรถึงจะฉลาดเวลาอยู่ในสังคมอัลฟ่า

ไม่สิ...ไม่ใช่ฉลาด ต้องบอกว่าวางตัวอย่างไรถึงจะอยู่รอดในสังคมอัลฟ่าต่างหาก

“ฉันก็ไม่ได้อยากจะยุ่งอะไรหรอกนะ แค่อยากจะเตือนว่าให้นายระวังการวางตัวของตัวเองเอาไว้”
เปล่งเสียงออกไปจนได้ ขณะที่เจเรมีได้ยินแล้วก็ย่นคิ้วยู่ หันมามองคนพูดตาขวาง
“ฉันบอกว่าอย่ามายุ่งไง”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้อยากยุ่ง แค่จะเตือน” คริสสวน “จะเตือนว่าที่นายอยู่รอดได้มาถึงทุกวันนี้ มันไม่ใช่เพราะพ่อนายหรอกเหรอที่คอยปกป้อง ถ้าไม่มีพ่อนายสักคน ไม่คิดเหรอว่านายจะเป็นยังไง มันไม่ใช่แดนสนธยานะสังคมอัลฟ่าน่ะ รู้จักคิดให้ถ้วนถี่หน่อย แค่โดนยั่วยุนิดหน่อย ไม่จำเป็นต้องเก็บไปเป็นอารมณ์หรอกน่า”
“นายจะเอาไงวะ” เจเรมีชักหัวเสีย บอกว่าอย่ามายุ่งวุ่นวายเรื่องของเขาแล้วแท้ๆ แต่คริสก็ไม่ฟังเลยแม้แต่น้อย

คริสถอนหายใจ เห็นสีหน้าต่อต้านของอีกฝ่ายก็ไม่อยากจะพูดสักเท่าไหร่ แต่ด้วยเห็นใจเจอโรมในฐานะบิดาของจอมวายร้ายคนนี้เลยต้องพูด

ความจริงแล้วก็ไม่ใช่เพราะเห็นใจเจอโรมอะไรหรอก สถานการณ์ของเจเรมีมันทำให้เขาอดคิดถึงบิดาตัวเองบ้างไม่ได้ต่างหาก เขาคงไม่มีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ถ้าบิดาไม่ปกป้องเช่นกัน คริสพูดได้เลยว่าการถูกส่งมาเป็นตัวประกันระหว่างอาณาเขตไม่ได้เป็นไปเพราะข้อเสนอของมหานครเพิร์ล หากแต่เป็นไปด้วยความคิดเห็นของบิดาเขาเอง ในตอนแรกก็ไม่เข้าใจนักหรอกว่าทำไมบิดาถึงได้ใช้เขาเป็นเครื่องมือต่อรองอย่างนั้น ภายหลังถึงได้ตระหนักว่าเพราะบิดารู้ดีอยู่แล้วว่าไม่ว่าอย่างไร อาณาเขตปกครองพิเศษดีออนก็ไม่สามารถต่อกรกับคู่ต่อสู้ได้ การรั้งเขาไว้เท่ากับเป็นการปล่อยให้เขาต้องประสบกับชะตากรรมเลวร้ายซึ่งมันได้เกิดขึ้นกับครอบครัวเขาไปแล้ว

...การฆ่าล้างตระกูล

เมื่อต่อกรไม่ได้ อย่างน้อยก็ขอให้มีทายาทสักคนรอดชีวิตก็ยังดี ไม่ใช่เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อเพื่อกอบกู้ความยุติธรรมของตระกูลคืนมา ทั้งหมดนั้นก็เพื่อปกป้องคนที่รักสุดหัวใจเท่านั้น เรียกได้ว่าการตัดสินใจของบิดาเขาเป็นวิธีที่ฉลาด มันเป็นการลดความสูญเสียให้น้อยมากที่สุด

เช่นเดียวกับที่บิดาของเจเรมีกำลังทำอยู่มาตลอดชั่วชีวิตของชายหนุ่มคนนี้...

ฉะนั้นสิ่งที่ผู้ถูกปกป้องควรกระทำคือวางตัวให้ดี อย่าให้เป็นที่เพ่งเล็งของใคร อย่าสร้างศัตรู หากมีคนที่ไม่ชอบหน้าก็ให้สวมหน้ากากเข้าใส่ เมื่อสบโอกาสถึงค่อยหาวิธีเอาคืนอย่างแยบยล ไม่ใช่ทำตามสัญชาตญาณตัวเองด้วยการทะลุกลางปล้องอย่างที่เจเรมีทำอย่างนี้

“ก็ไม่ได้จะเอายังไง แค่จะเตือนว่าโอเมก้าอย่างนายน่ะ ถ้าไม่มีคนคอยดูแล นายคงไปอยู่ในตลาดมืดไปแล้ว แต่อย่างนายดูท่าน่าจะถูกฆ่าตายมากกว่า ร้ายกาจขนาดนี้น่ะ” ว่าพลางอมยิ้มน้อยๆ

เจเรมีไม่เถียงหรอกว่าเขาร้ายกาจขนาดไหนแม้ว่ามันจะขัดหูไปสักหน่อยก็ตาม แต่ทั้งหมดที่เขาทำไปมันเป็นเพราะธีโอไม่ใช่เหรอที่ทำให้เขาต้องระเบิดอารมณ์ขั้นสุดอย่างนั้น ถ้าฝ่ายนั้นไม่ยั่วยุ มีหรือที่เขาจะตอบโต้

แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่ฟังขึ้นเลยไม่ว่ากับใครหน้าไหนก็ตาม ไม่เว้นแม้แต่คริสที่รู้อยู่แล้ว และเจเรมีเองก็ไม่ต้องการเสียเวลาที่จะอธิบายให้คนนอกอย่างอีกฝ่ายฟังด้วย จึงได้แต่หงุดหงิดใส่ไป

“ถ้านายยังไม่หุบปาก ฉันจะเลาะฟันนายออกมากระทืบให้แหลกทุกซี่”
“หยาบคายจังนะ” คริสว่า “ฉันมั่นใจว่าพ่อแม่นายคงไม่ได้สั่งสอนให้เป็นคนแบบนี้ สองคนนั้นคงจะผิดหวังในตัวนายน่าดู”
ไม่ใช่คำก่นด่า แต่ทว่าแทงใจดำคนฟังเหลือเกิน

ถูกอย่างที่คริสพูด เจอโรมและมาเรียไม่เคยสั่งสอนให้เจเรมีเป็นคนแบบนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะอิสระเสรีที่เขาได้รับจากครอบครัวในการคิดและการทำ ซึ่งนั่นทำให้เขาเตลิดไปหน่อยถึงขั้นเลยเถิดในบางครั้ง

ไม่ใช่ว่าไม่รู้ตัวนะ รู้ตัวดีเลยทีเดียวล่ะ ยิ่งครั้งนี้ด้วยแล้ว เขายิ่งตระหนักได้ว่าทำไมตัวเองถึงได้ถูกเรียกว่าจอมวายร้าย

ทำบิดาต้องกลัดกลุ้ม

ทำมารดาร้องไห้ไม่เว้นวัน

ความภาคภูมิใจในวีรกรรมอันร้ายกาจของตัวเองพังทลายหมดสิ้นเมื่อเห็นน้ำตาของมารดาหลั่งรินและความกังวลใจระคนผิดหวังของบิดาผ่านทางแววตา

เขาเป็นลูกที่ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ...

เจเรมีเงียบนิ่งไป เป็นครั้งแรกเลยที่เขาไม่แสดงสีหน้ากรุ่นโกรธใดๆ ออกมา มีเพียงความเรียบเฉย หากแต่ความเรียบเฉยกลับมีความโศกเศร้าแฝงอยู่ในแววตาคู่นั้น ในใจลึกๆ เขาอยากจะย้อนกลับไปในวันที่ถูกธีโอยั่วยุ ถ้าหากทำได้ เขาคงจะควบคุมสติให้ดีกว่านี้ ไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างที่เผลอทำไปหรอก

การนิ่งเงียบของเจเรมีทำให้คริสที่เหลือบไปมองเอ่ยขึ้นลอยๆ
“ขอโทษสิ”
เจเรมีหันขวับมาขมวดคิ้วใส่ให้คริสได้พูดอีก
“ถ้ารู้สึกผิดก็ไปขอโทษ จองหองไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก ตอนที่ทะเลาะกันคงยังไม่ได้พูดขอโทษล่ะสิ”
“นายนี่ปากดีจริงนะ พูดมาก อวดรู้ น่ารำคาญ”
คริสยิ้มออกมาเมื่อเห็นเจเรมีมุ่ยหน้า

จริงอย่างที่คริสว่า ตั้งแต่เกิดเรื่อง เขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรกับบิดาสักคำ เอาแต่รับคำสั่ง เรื่องขอโทษอะไรนั่นไม่ต้องพูดถึงเลย ไม่หลุดออกจากปากเขาเลยสักนิด และมันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาอารมณ์ไม่แจ่มใสอยู่อย่างนี้

รู้สึกผิดจนอารมณ์ขุ่นมัว ถ้าขอโทษมันพูดกันง่ายๆ สำหรับคนอย่างเขา เขาคงพูดไปนานแล้ว
“ไปขอโทษซะ อยากพูดอะไรก็พูดไป ทำก่อนที่ทุกอย่างจะสาย...เหมือนฉัน” คริสว่าออกมาอีก

พอจะรู้ประวัติของคริสมาบ้างว่าเขาถูกพรากจากครอบครัวด้วยเหตุผลอะไร นับจากตอนนั้นก็ไม่ได้เจอหน้ากันเลยแม้แต่วาระสุดท้ายของชีวิต เจเรมีจึงไม่เถียงอะไร ยอมรับคำแนะนำแต่โดยดี
“อืม”
ไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะลืมตัวหรืออะไร ครางตอบรับแล้วก็นั่งพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน

ขอโทษแค่พ่อคงไม่พอ ต้องขอโทษแม่ที่ทำให้เสียน้ำตาด้วย...

คริสเห็นท่าทางนั้นแล้วก็คิดไปว่าเจเรมีไม่ต่างอะไรจากเด็กคนหนึ่งแม้แต่น้อย เพียงแต่เจ้าเด็กคนนี้ออกจะดื้อด้านและหัวรุนแรงมากไปหน่อยจนทำพ่อแม่ลำบากใจ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็อดเอ็นดูขึ้นมาไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางจ๋อยของอีกฝ่าย ยื่นมือขวาออกไปข้างๆ เรียกให้เจเรมีหันมามอง

“อะไร” น้ำเสียงขุ่นหลุดออกจากริมฝีปากเจเรมีเมื่อถูกขัดจังหวะ
คริสยกยิ้มเล็กน้อย ว่าเนิบๆ “ต้องให้ปลอบใจไหม จับสิ จะช่วยปลอบใจให้”
“หุบปากไปไอ้สวะ”  ปัดมือใหญ่ของคริสออกเต็มแรง หากแต่ไม่ได้ตะคอก เป็นการพูดเสียงเรียบ

คริสหลุดขำ จะจ๋อยหรือหมดท่าอย่างไร เจเรมีก็ไม่ทิ้งลายของจอมวายร้ายเลยแม้แต่น้อย บอกตรงๆ ว่ามันทำให้เขาอยากแกล้งขึ้นมาไม่ได้

เหมือนกับน้องชายตัวแสบที่ก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นอะไรอย่างนั้น...น่าหยอกให้โมโหนัก

เพราะเอ็นดู ซ้ำยังอยากแกล้ง มือใหญ่เลยเลื่อนไปยีเส้นผมสีบลอนด์ของคนข้างกายเบาๆ เจเรมีผงะ ถอยห่างอย่างรวดเร็ว สีหน้าเกรี้ยวกราดปรากฏให้เห็นชัดเจนพร้อมกับคำพูดร้ายๆ

“ทำเวรอะไรของนายวะ!”

ที่ตกใจจนผงะไปอย่างนี้ไม่ใช่เพราะว่าไม่คุ้นชินกับการกระทำอย่างนั้น หากแต่กลัวว่ากลิ่นของคริสจะทำให้เขามีอาการฮีทต่างหาก ก็พวกทีมแพทย์บอกไว้นี่นะว่าตราบใดที่ยายังพัฒนาได้ไม่สมบูรณ์ เขาก็จะยังมีอาการฮีทกับคู่แห่งโชคชะตาเรื่อยๆ โดยไม่ต้องรอให้ถึงช่วงเวลาเป็นฮีทแม้ว่าจะได้รับยาระงับอาการแล้วก็ตาม ยิ่งการทดลองประสิทธิภาพยาในวันนี้ไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่นักและเขายังอยู่ในสภาพรอให้ยาระงับอาการฮีทออกฤทธิ์ตามลำพังกับคริสสองคนอย่างนี้ มันเสี่ยงมากที่เขาจะทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัวถ้าหากร่างกายมีปฏิกิริยาต่อกลิ่นฟีโรโมนของคริสขึ้นมาแบบฉับพลัน

คริสเห็นอีกฝ่ายโวยวายก็ดึงมือออก ส่งยิ้มให้ เป็นยิ้มที่ดูดีมากแต่เจเรมีไม่ชอบเอาเสียเลย
“ดื้อด้านสุดๆ ไปเลยนะนายน่ะ ขู่ฟ่อเป็นแมวเชียวเจ้าเหมียวน้อย”

เจ้าเหมียวน้อยงั้นเหรอ? สงสัยคงจะยังไม่เคยถูกแมวข่วนหน้าแหกล่ะสินะ!

“อย่ามายั่วโมโหฉัน”
เจเรมีแทบอดใจลุกขึ้นไปต่อยหน้าอีกฝ่ายที่ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาไม่ไหว แต่ก็ควบคุมตัวเองเอาไว้ได้ คริสยิ้มให้ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้พูด
“รู้จักควบคุมอารมณ์แล้ว เก่งนี่”

เมื่อกี้ที่พูดอย่างนั้นคือจงใจจะให้เจเรมียับยั้งอารมณ์ใช่ไหม!?

ใช่อย่างแน่นอน พูดประโยคนั้นจบก็ร่ายยาวออกมา

“นายต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าทุกการกระทำของนายมันมีแสงสะท้อนกลับ ตัวนายเปรียบเสมือนกระจก ส่วนการกระทำของนายคือแสงตกกระทบ ถ้าการกระทำของนายไม่ร้ายแรงมันก็เหมือนกับแสงตกกระทบอ่อนๆ ถ้ามันร้ายแรงก็ตกกระทบมากจนทำคนรอบข้างแสบตา จำไว้ว่าไม่ใช่นายคนเดียวที่เดือดร้อน ครอบครัว คนรอบข้างนายก็จะเดือดร้อนไปด้วย ถ้าจะก่อเรื่องก็ดูจังหวะจะโคนให้ดีหน่อย ไม่ใช่ตอนที่นายมีสิทธิ์ถูกขุดคุ้ยอย่างนี้”
“สวะอย่างนายอย่าเสนอหน้ามาสั่งสอนฉัน”
“ถูกขุดคุ้ยว่าเป็นโอเมก้ามันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยนะ” แทนที่จะหยุด คริสกลับย้อนคืนด้วยน้ำเสียงเริงรื่น

เจเรมีพูดได้เต็มปากเลยว่าเขาเกลียดขี้หน้าคริสพอๆ กับเกลียดขี้หน้าธีโอชะมัด ทว่าพอได้ยินประโยคถัดไปหลุดออกจากปากอีกฝ่าย ความเกลียดชังก็ลดน้อยลงไปครู่หนึ่ง

“สิ่งที่ฉันพูด นายจะฟังหรือไม่ฟังมันก็เรื่องของนาย ที่ฉันเตือน นอกจากจะเป็นเพราะสงสารครอบครัวของนายแล้ว มันเป็นเพราะนายเป็นคู่แห่งโชคชะตาของฉัน ดูแลกันสักหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง”
“เหอะ ใครจะไปนอนอ้าขาให้นายวะ หยุดอ้างเรื่องนี้ไปเลย ทุเรศ นายมันก็แค่แส่เรื่องของฉัน”

เจเรมีสบถทำเอาคริสหัวเราะ
“ถ้าไม่นอนอ้าขา จะยืนหรือยังไงก็ตามใจ ฉันไม่ถือ ได้หมด”

แทนที่จะเลิกยั่วยุ ดันเป็นการทำให้เจเรมีหงุดหงิดเสียได้ จากที่เมื่อครู่ลดความเหม็นขี้หน้าไปได้เล็กน้อยแล้ว ตอนนี้กลายเป็นว่าชิงชังผู้ชายที่มีรูปหน้าหล่อเหลาเสียจับใจ
จะนอน จะยืนหรือจะท่าไหนๆ ก็ไม่อ้าขาให้ทั้งนั้นแหละเว้ย! พูดอย่างนี้มันจงใจหาเรื่องกันนี่หว่า!

เจเรมีเกือบจะลุกมาเอาเก้าอี้ไปฟาดคริส ส่งให้ไปนอนพะงาบๆ เหมือนกับธีโอแล้ว โชคดีของคริสที่ผู้คุมเข้ามาพาตัวกลับไปยังทัณฑสถานเสียก่อนจึงรอดตายหวุดหวิด ภายในห้องสังเกจการณ์จึงเหลือแต่เจเรมีเท่านั้นที่หัวฟัดหัวเหวี่ยงตามลำพัง ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้สงบสติอารมณ์ลงได้ พลันนึกถึงคำพูดของคริสก่อนหน้า

‘ตัวนายเปรียบเสมือนกระจก ส่วนการกระทำของนายคือแสงตกกระทบ ถ้าการกระทำของนายไม่ร้ายแรงมันก็เหมือนกับแสงตกกระทบอ่อนๆ ถ้ามันร้ายแรงก็ตกกระทบมากจนทำคนรอบข้างแสบตา จำไว้ว่าไม่ใช่นายคนเดียวที่เดือดร้อน ครอบครัว คนรอบข้างนายก็จะเดือดร้อนไปด้วย…’

พูดถูกจนเถียงไม่ได้ ก่อนเจเรมีจะยกมือขึ้นปิดใบหน้า หัวเราะขื่นๆ ในลำคอ
“ทำเป็นมาสั่งสอน เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะไอ้ขี้คุก”
------------------------------------
มาแล้วจ้า หายไปหลายวัน ในที่สุดก็มาสักที
ตอนนี้บั่บ...ขุ่นคริสปากคอเราะร้าย ท่าไหนก็ได้คืออัลไลลล 555
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอาตัวอย่างมาแปะให้นะคะ
ฝากฟีดแบ็กให้กันด้วยเน้อ XD
ปล.เปลี่ยนแฮชแท็กนะคะ จาก #เจมี่คริส เป็น #คริสเจมี่ เน้อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2017 04:34:15 โดย NooDangzz »

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ก็รอดูเจเรมี่เนเมซิสฮะ จงเชื่องงงงง

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คริส โตกว่าเจเรมี่ มีประสบการณ์
เติบโตแบบรู้ด้วยตนเอง
แต่เจเรมี่ มีแต่คนปกป้องเพราะพ่อมีตำแหน่งสูง
และอยู่ในครอบครัวอัลฟ่า แต่ตัวเองเป็นโอเมก้า
ยิ่งได้รับการดูแล ประคบประหงมเกินกว่าปกติ
คำเตือนของคริส ยอดมาก
‘ตัวนายเปรียบเสมือนกระจก ส่วนการกระทำของนายคือแสงตกกระทบ
ถ้าการกระทำของนายไม่ร้ายแรง มันก็เหมือนกับแสงตกกระทบอ่อนๆ
ถ้ามันร้ายแรงก็ตกกระทบมาก จนทำคนรอบข้างแสบตา
จำไว้ว่าไม่ใช่นายคนเดียวที่เดือดร้อน ครอบครัว คนรอบข้างนายก็จะเดือดร้อนไปด้วย…’

       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ขุ่นคริสคนดี ปราบให้อยู่หมัดเลยนะคะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ฟังคริสสักหน่อยก็ดีนะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สงสารปนเอ็นดูเจมี่นะ ฟังที่พี่เค้าเตือนบ้างก็ดีนะ

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
[ตัวอย่าง]Episode 06: รส กลิ่น สัมผัส

แปะตัวอย่างไว้ก่อนค่ะ อีก 2-3 วันจะมานะ
ช่วงนี้ยุ่งๆ ค่ะ (มันยุ่งทุกช่วงแหละ 555)
ขุ่นคริสคนหล่อเริ่มมีบทเยอะแล้ว ก๊ากกก
เจิมและสครีมรอกันก่อนได้ค่ะ
ตอนหน้าบอกได้เลยว่าต้องร้อง... วรั้ยยย ขุ่นคริสจัดการมันเลยข่า 555
-----------------------------------


เจเรมีใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากลวกๆ คราบของเหลวสีขาวขุ่นยังคงเปรอะเปื้อนที่มุมปากเล็กน้อย คริสมองตามแล้วไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอาการฮีจะทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นคนขาดสติได้ถึงขนาดนี้ แต่จะไปกล่าวโทษเจเรมีก็ไม่ได้ เขาเองก็ผิดที่ไม่ออกปากห้าม จะอ้างว่าขยับไม่ได้เพราะถูกพันธนาการไว้กับเตียงทั้งตัวมันก็เป็นข้ออ้างสั่วๆ ถ้าเขาเอ่ยปากห้าม เรื่องแบบนี้คงจะไม่เกิด ถึงเจเรมีจะไม่ฟัง แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเขาได้ห้ามแล้ว

แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ใครมันจะไปต้านทานสัญชาตญาณของตัวเองได้กันล่ะ ยิ่งเจเรมีเป็นคู่แห่งโชคชะตาของเขาด้วยแล้ว แรงต้านทานต่อความเสน่หาก็ลดน้อยถอยลงจนแทบมลายสิ้นไปหมด ทั้งที่เขาเคยสาบานกับตัวเองไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่หลงใหล ไม่เผลอใจ ไม่โอนอ่อนไปกับกลิ่นฟีโรโมนของเจเรมีแม้ว่ามันจะเย้ายวนแค่ไหนก็ตาม หากแต่พอถูกรุกเร้าเข้าอย่างนี้ คำสาบานก็หลอมละลายสลายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น

กลิ่นฟีโรโมนของเจเรมีกำลังทำให้เขาคลั่ง...

และก็คลั่งมากกว่าเดิมเมื่อเจเรมีปรือตามองพลันเรียกเขาเสียงพร่า
“คริส...”

ให้ตายเถอะ... เขาตบะแตกโดยสมบูรณ์แล้ว

คริสมองใบหน้าได้รูปของเจเรมีนิ่งๆ ซีกแก้มที่มีรอยช้ำจางๆ มีสีแดงเรื่อของเลือดฝาดเล็กน้อย ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการความช่วยเหลือดเพราะมีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับการปลดปล่อย แต่เขาจะไปช่วยอะไรได้ ทั้งมือทั้งเท้าถูกมัดแน่น ซ้ำยังตรึงอยู่กับเตียงอย่างนี้ ที่ทำได้ก็มีแต่...
“เจเรมี...” เอ่ยเรียกเสียงเบา พลันออกคำสั่ง “มานี่สิ”

เจเรมีนิ่งไปเล็กน้อยคล้ายกับว่าชั่งใจให้คริสได้เอ่ยอีกครั้ง
“ขยับเข้ามาใกล้ๆ”

เท่านั้นคนได้รับคำสั่งก็เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ในท่าทางเดิม คริสผงกศีรษะขึ้นมาเล็กน้อย พอใบหน้าของเจเรมีอยู่ใกล้เพียงคืบก็ถือโอกาสประทับจุมพิตบนเรียวปากสีสวย

กลิ่นของคริสลอยเข้าจมูกฉุนกึ้ก ความร้อนรุ่นในกายของเจเรมีทวีความรุนแรงมากกว่าเดิมเสียอีก และมันกำลังทำให้เขาเป็นทรมานจนแทบทนไม่ไหว เมื่อคริสพยายามจูบ เจเรมีก็ผงะถอยออกมา ริมฝีปากของทั้งคู่หลุดออกจากกัน เรียกให้หัวคิ้วเรียวสวยของคนด้านล่างขมวดเข้าหากันเป็นปมเล็กน้อย

“อย่าหนี”
“ฉันไม่...”
“อยู่นิ่งๆ อย่าถอยหนี” คริสแทบไม่ฟังเสียงของเจเรมีเลย ออกคำสั่งพลางจ้องด้วยสายตานิ่งๆ

เจเรมีถูกสายตาคู่นั้นสะกด นิ่งค้างราวกับต้องมนตร์ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเชื่อฟังคำสั่งแล้ว คริสถึงได้ออกปากอีกครั้ง
“ขยับเข้ามาใกล้ๆ”
ราวกับสั่งได้ เจเรมีโน้มใบหน้าเข้ามาอยู่ในจุดเดิมให้คริสได้กระซิบแผ่วเบา
“จากวินาทีนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามขยับเข้าใจไหม”

ไม่มีคำตอบรับจากเจเรมี คริสเองก็ไม่สนใจที่จะรอคำตอบด้วย สิ้นเสียง เขาก็ผงกศีรษะขึ้นมาประกบปากจูบอีกครั้ง กลิ่นของคริสยังคงเข้มข้นเสียจนแทบทำเจเรมีมึนหัว กลิ่นฟีโรโมนของเจเรมีเองก็เช่นกัน ขนาดคริสถึงจุดสิ้นสุดไปแล้วเมื่อครู่ พอได้กลิ่นชัดเจนอย่างนี้ เขาก็รู้สึกร้อนวูบบริเวณช่วงล่างของตัวเองอีกครั้ง

ร้อนจนแทบทนไม่ไหว

ร้อนจนอยากจะกระชากทุกสิ่งที่พันธนาการเขาอยู่ออกและจัดการกับเจเรมีให้รู้แล้วรู้รอด

แต่คนที่ทนไม่ไหวมากกว่าคริสดูเหมือนจะเป็นเจเรมี โลกของเขาหมุนคว้างไปหมดเมื่ออีกฝ่ายดุนดันปลายลิ้นอ่อนนุ่มเข้ามาในโพรงปาก พลันกระหวัดเกี่ยวกับปลายลิ้นของเขาอย่างโหยหา

ความกระหายใคร่พวยพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว มือหนาโอเมก้าหนุ่มเลื่อนไปกำคอเสื้อของคู่แห่งโชคชะตาแน่น เขาอยากจะผละออกมา หากแต่พอเคลื่อนหนีเล็กน้อยก็ถูกตามรุกราน

จะหาว่าคริสรังแกก็ไม่ได้ เจเรมีเองก็ไม่ได้ถอยออกมาอย่างเด็ดขาดด้วยลุ่มหลงในกลิ่นหอมรัญจวนของคนตรงหน้า
อยากลิ้มรส

อยากได้กลิ่นมากกว่านี้

อยากสัมผัส

อยากครอบครอง

อยากได้ทุกอย่างที่เป็นของคริส

อยากได้อีก...

สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยให้คริสรุกล้ำอยู่อย่างนั้น หนำซ้ำเจเรมียังเป็นฝ่ายตอบรับทุกสัมผัสของใต้ร่างอีกต่างหาก พอถึงจุดหนึ่งก็กลายเป็นฝ่ายรุกรานคริสแทน รสจูบดูดดื่มของเจเรมีทำให้คริสเริ่มไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ หากแต่สัมผัสได้ว่าร่างกายของเจเรมีร้อนแทบเป็นไฟมากกว่าเดิม ก่อนที่อีกฝ่ายจะผละริมฝีปากออกไป ซุกหน้าลงบนซอกคอ ท่อนแขนทั้งสองโอบกอดศีรษะของเขาพลางส่งเสียงกระเส่าออกมา

ร่างกายที่กระตุกเล็กน้อยเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเจเรมีถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เป็นอีกครั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรเจเรมีเลยแม้แต่น้อยทว่าอีกฝ่ายกลับถึงจุดหมาย

...ไม่ ไม่ใช่ คริสพูดไม่ได้เต็มปากว่าเขาไม่ได้ทำอะไร

เขาทำไปแล้ว ทำเรื่องที่ไม่สมควรทำเสียด้วย

ได้สติสัมปชัญญะกลับมาครบถ้วนก็ในตอนนี้ ทว่าจะยับยั้งอะไรก็ไม่ทันอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เจเรมีทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงบนร่างเขา ฟุบหน้าลงบนหมอนที่คริสหนุนอยู่เป็นที่เรียบร้อย เสียงหายใจกระหืดหอบยังคงดังมาให้ได้ยินเป็นระยะ

จบแล้วสินะอาการฮีท แต่เรายังไม่จบเลยแฮะ...

คิดพลางเหลือบมองไปยังกลางลำตัวของตัวเองที่ถูกเจเรมีนั่งทับอยู่

ยังแข็งขัน...

ยังคับแน่นอยู่...

มองเห็นท่าทางของเจเรมีที่ส่อไปในทางชวนให้คิดมาก คริสก็ยิ่งรู้สึกร้อนผะผ่าวที่บริเวณส่วนอ่อนไหวนั่นมากกว่าเดิม

จะจัดการกับมันยังไงดีเนี่ย?

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สปอยได้ร้ายมากกกกกก

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
แทบจะอดใจรอไม่ไหวแล้วค่ะ รีบๆกลับมาอัพต่อนะ  o9

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อื้อหือออออถ้าจะมาหย่อแกล้งกันไว้แบบนี้ :katai1: :katai1:
รอตอนต่อไปแทบไม่ไหวแล้ววว แง้ :katai4:

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
ขอตอนต่อไปด่วนๆ :katai4:

ออฟไลน์ fahtallll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
งื้ออ ตอนต่อไปอยู่หนายยยย  ย
อยากอ่านต่อแล้วค่าาา า :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เพิ่งได้รู้จัก omegaverse ก็เรื่องนี้แหละ

พล๊อตน่าสนใจมาก

ออฟไลน์ princeofdark

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดิ้นนี้แค่ตัวอย่างนะ ขอตอนจริงเถอะ อ๊ากกกก

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 06: รส กลิ่น สัมผัส[1]

ใจก็ไม่ได้อยากจะเชื่อฟังคำแนะนำของคริสเท่าไหร่นัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าคำพูดของไอ้ขี้คุกคนนั้นเตือนสติเจเรมีได้เป็นอย่างดี วีรกรรมของเขาที่สร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวมีมากมายนับไม่ถ้วนจริงๆ และทุกครั้งบิดาก็ต้องออกโรงเป็นหนังหน้าไฟคอยแก้ปัญหาให้ตลอด ที่ผ่านมาที่บิดาไม่เคยต่อว่าเขารุนแรง มีแต่เตือนให้รู้จักยับยั้งชั่งใจและใช้หัวคิดก่อนจะทำการใดๆ ก็ตามเท่านั้น และหลังจากการตักเตือน ทุกอย่างก็จบลงประหนึ่งไม่เคยมีเรื่องราวที่เขาไปก่อวีรกรรมเกิดขึ้น

ไม่ใช่ว่าเจอโรมและมาเรียไม่ใส่ใจ ไม่รับผิดชอบการกระทำของลูกชาย หากแต่รักเจเรมีมากเกินไปต่างหาก ซึ่งเป็นการรักที่ค่อนข้างจะผิดทางไปเสียด้วยจึงทำให้ชายหนุ่มเติบโตมาเป็นคนร้ายกาจได้ขนาดนี้

ทว่าก็ใช่ว่าเจเรมีจะไร้สามัญสำนึกเลยเสียทีเดียว กับคนอื่นเขาอาจจะไม่สนใจดูดำดูดี แต่กับคนที่เขารัก เขาย่อมต้องสนใจอยู่แล้วว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้คนที่ตนรักต้องเป็นทุกข์แค่ไหน

ชายหนุ่มยืนมองบิดาที่นั่งอ่านเอกสารเกี่ยวกับการทดลองยาตัวใหม่ที่ใช้ในการระงับอาการฮีทของเขาอยู่นาน ใจอยากจะเอ่ยปากขอโทษตามที่คริสแนะนำ ทว่าก็ปากหนักจนเกินกว่าจะพูดไปได้ พอทำใจกล้าจะเอ่ยออกไป เสียงโทรศัพท์มือถือของเจอโรมก็ดังขึ้นเสียก่อน ทำให้ความตั้งใจของเจเรมีถูกพับเก็บไปชั่วคราว

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคุยกับใครและคุยอะไร แต่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดแล้วก็พอจะเดาได้ว่าเป็นเรื่องของลูกชาย
“งั้นก็ตามนั้น รีบจัดการทำลายหลักฐานทุกอย่างที่พวกมันจะสาวตัวมาถึงได้ให้เร็วที่สุด แล้วก็หาที่กบดานใหม่”

น้ำเสียงแหบห้าวหลุดออกจากริมฝีปากของเจอโรม เขาพูดอะไรบางอย่างอีกสองสามประโยคแล้วก็ตัดสายไป วางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะได้ก็ยกมือคลึงขยับเล็กน้อยคล้ายกับว่าเจอเรื่องใหญ่เข้าให้ เจเรมีเห็นก็ไม่อยากจะรบกวน ตั้งใจจะผละไปที่อื่นก่อน ไว้ค่อยหาโอกาสหน้ามาขอโทษใหม่ ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ เสียงของบิดาก็ดังขึ้น
“พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว”

ขายาวชะงักกึก หันไปมองบิดาขณะที่เจอโรมเองก็เหลียวมามองลูกชาย
“นายพลแฮร์ริสันมันเริ่มขุดคุ้ยแกแล้ว จากนี้ไปเราจะไปแอบใช้สถานที่ของโรงพยาบาลไม่ได้อีกแล้ว ต้องหาที่ใหม่และต้องเป็นความลับ ไม่อย่างนั้นเป็นเรื่องแน่”

เป็นเรื่องแน่นอนถ้าฝั่งนั้นรู้ว่าเจเรมีเป็นโอเมก้า เจเรมีก็กะไว้อยู่แล้วว่าอีกไม่นาน ฐานทัพลับสำหรับดำเนินการพัฒนายาของเขาต้องถูกโยกย้าย เพียงแต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้

“ก็แล้วแต่พ่อเถอะครับ ผมยังไงก็ได้” ไม่รู้จะพูดอะไร เจเรมีเลยว่าไปลอยๆ ทำเอาเจอโรมจ้องเขม็ง
“อย่ามาพูดเหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องของแก จากนี้เป็นต้นไป แกต้องระวังตัวให้มากเพราะพวกมันไม่ปล่อยให้แกได้ใช้ชีวิตสุขสงบเหมือนเดิมแน่ พรุ่งนี้ฉันจะส่งคนไปรับไปส่งแก ห้ามไปไหนมาไหนโดยพลการเป็นอันขาด”

ได้ยินแล้วใจก็อยากจะท้วง แต่พอเห็นสายตาหงุดหงิดของบิดาก็จำต้องปิดปากเงียบ

คงจะเป็นห่วงเขานั่นแหละถึงได้ตัดสินใจส่งคนไปดูแล ปกติเคยทำเสียที่ไหน แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่จะยอมปล่อยมือแล้วให้เรื่องจบไปง่ายๆ คนอย่างนายพลแฮร์ริสัน เขาไม่จัดการเจเรมีอย่างใสสะอาดหรอก ต้องส่งคนมาคอยสอดแนมติดตามทุกย่างก้าวอยู่แล้ว

เจเรมีพยักหน้ารับอย่างขอไปที ถามเรื่องใหม่ขึ้นมาแทน
“แล้วเรื่องพัฒนายาอะไรนี่ล่ะครับ หรือจะหยุดแค่นี้ถ้าเรื่องมันยุ่งยาก?”
“ฉันว่าฉันพูดไปแล้วว่าเราจะเปลี่ยนที่ใหม่” เจอโรมว่าเสียงขุ่น มองหน้าลูกชายด้วยความระอาที่ไม่เคยใส่ใจอะไรเลยแม้กระทั่งเรื่องของตัวเอง

ไม่ใช่เจเรมีไม่ใส่ใจหรอก เพียงแต่เขาใช้คำพูดไม่ถูกก็เท่านั้น ต้องถามว่า ‘แผนสำรองของพ่อต่อจากนี้เป็นยังไง’ ต่างหาก

“นั่นแหละ แล้วพ่อจะเอายังไง”

ถามถูกประเด็นแล้ว

เจอโรมมองนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยปาก “ฉันให้แมทธิวดำเนินการแล้ว พรุ่งนี้เดี๋ยวก็ได้รู้เองว่าที่ไหน ตอนนี้แกจะไปไหนก็ไป ฉันอยากจะใช้เวลาคิดอะไรคนเดียวสักหน่อย”

ตัดบทอย่างห้วนๆ ทำให้เจเรมีไม่อยากถามอะไรต่อ ได้แต่พยักหน้าไปตามเรื่องแล้วทุกอย่างก็จบลงแค่นั้น

ยังไม่ได้เอ่ยขอโทษ ซ้ำยังไปทำให้บิดากลัดกลุ้มมากกว่าเดิมอีก

ทุกอย่างมันชักจะเลวร้ายลงกว่าเดิมเรื่อยๆ แล้วสิ...






 
เลวร้ายลงกว่าเดิมอย่างที่เจเรมีคิด พอวันใหม่มาถึง ข่าวดีก็โผล่มาให้ได้ยินแต่เช้าว่าการพัฒนาตัวยาระงับอาการฮีทที่เกิดจากการวิเคราะห์ความข้นของเลือดและระดับฮอร์โมนของคริสที่ถูกปล่อยออกมาหลังจากได้กลิ่นฟีโรโมนของเจเรมีที่พุ่งพล่านสุดขีดถูกผลิตออกมาแล้ว แต่จะใช้ได้ผลหรือไม่นั้น จำเป็นต้องทำการทดลอง ซึ่งก็หนีไม่พ้นการที่เจเรมีต้องเผชิญหน้ากับคริสอีกครั้ง หากแต่คราวนี้ไม่ได้เป็นการเจอกันในห้องสังเกตการณ์ตามเดิม แต่เป็น ‘สถานที่ลับ’ ที่แมทธิวไปเสาะหามา

นั่นก็คือ...โรงแรมระดับสามดาวบริเวณชานเมืองของมหานครเพิร์ล

ตอนไปถึงที่หมาย เจเรมีย่นคิ้วยู่จนแทบจะยุ่งเหยิงยิ่งกว่าเชือกรองเท้า

ไอ้โรงแรมเส็งเคร็งที่เหมือนจะร้างก็ไม่ร้างอย่างนี้น่ะเหรอที่ใช้แทนห้องสังเกตการณ์น่ะ! สถาพทุเรศพอๆ กับไอ้ทุเรศที่รออยู่ด้านในเลย!

ประโยคหลังแน่นอนว่าหมายถึงคริส ยิ่งคิดว่าเขาต้องฉีดยาเพื่อกระตุ้นให้เกิดอาการฮีทแล้วค่อยฉีดยาระงับอาการซ้ำ จากนั้นก็ต้องใช้เวลาอยู่กับคริสภายในห้องเดียวกันทั้งคืนเพื่อรอให้พวกทีมแพทย์สังเกตการณ์ เขาก็เกิดอยากจะอาละวาดขึ้นมาเสียอย่างนั้น

เริ่มจากต่อยหน้าไอ้พวกคนที่ติดตามมาก่อนเลยเป็นไง? น่ารำคาญเป็นบ้า เกาะติดแจตั้งแต่เมื่อวานแล้ว!

คนติดตามพวกนั้นเป็นคนที่เจอโรมส่งมาดูแลความปลอดภัย นับรวมทีมแพทย์อีกสองคนด้วยแล้วก็มีคนติดตามมาเพียงสามชีวิตทั้งที่ปกติแล้วเวลาเขาต้องมาทำอะไรแบบนี้ จะมีทีมแพทย์มารุมทึ้งเขาเป็นสิบ แต่ที่เป็นอย่างนี้ก็ด้วยเหตุผลว่าไม่ให้เด่นสะดุดตาและไม่ให้ดูน่าสงสัย ดังนั้นเจอโรมกับแมทธิวจึงไม่ได้ตามมาด้วย ทีมแพทย์ก็ส่งแต่คนที่สำคัญในการดำเนินโครงการมาเท่านั้น หากติดตามมากันเยอะๆ นายพลแฮร์ริสันจะระแคะระคายเอาได้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรผิดกฎหมายกันอยู่

สำหรับเจเรมีแล้ว ถึงอยากจะพาล ต่อยคนอื่นระรานไปทั่วเพื่อระบายอารมณ์แค่ไหน สุดท้ายก็ทำได้แค่เดินเข้าไปในโรงแรม เช็กอินแล้วเดินไปยังห้องที่จองเอาไว้ เปิดประตูเข้ามา สีหน้าของเขาก็ดูน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีกทันทีที่เห็นว่าภายในห้องนั้นมีเตียงนอนเดี่ยวอยู่สองเตียง เตียงละมุมก็จริง หากแต่บนเตียงหนึ่งนั้นมีคริสนั่งรอการมาถึงของเขาอยู่โดยมีผู้คุมคนหนึ่งยืนขนาบข้าง

“พวกเราจะติดตั้งกล้องเอาไว้นะครับ จะสังเกตการณ์ดูอยู่ที่ห้องข้างๆ ถ้ามีอะไรฉุกเฉินก็ให้รีบโทรเข้ามาหา จะได้เข้าระงับเหตุได้ทัน แล้วถ้าคุณกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายก็ไม่ต้องกังวลไป เราจะมัดเขาไว้กับเตียง ต่อให้เขาคิดจะทำอะไรคุณ อย่างน้อยคุณก็ยังมีเวลาพอที่จะขอความช่วยเหลือ” นายแพทย์หนึ่งในนั้นพูดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับเจเรมี

เจเรมีไม่ได้ยินดียินร้ายกับคำพูดนั้นเลยนอกจากรำคาญ หันไปแผดเสียงใส่ทันควัน
“จะทำอะไรก็รีบๆ ทำ พล่ามอยู่ได้ น่ารำคาญ!”

หากเป็นช่วงแรกๆ นายแพทย์คนนั้นคงจะตกใจไม่น้อย ทว่าจากการเจอเจเรมีหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้เขาคุ้นชินกับความใจร้อนของชายหนุ่มตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว

“ขอเวลาพวกเราเตรียมการสักครู่นะครับ” นายแพทย์ตอบรับก่อนจะผละไปทำตามหน้าที่ของตน ปากก็อธิบายคร่าวๆ ไปด้วยว่าจะเริ่มฉีดยากระตุ้นอาการฮีทของเจเรมีเมื่อไหร่ ฉีดยาระงับอาการฮีทที่เพิ่งพัฒนาขึ้นมาจากการวิเคราะห์อาการตอบสนองของคริสเมื่อไหร่ และจะปล่อยให้เจเรมีได้อยู่กับคริสตามลำพังตอนไหน

บอกตรงๆ ว่าไม่เข้าหูเจเรมีเลย รู้อยู่อย่างเดียวคือเขาต้องใช้เวลาอยู่กับคริสในห้องสับปะรังเคนี่กว่าสิบชั่วโมงเพื่อให้พวกแพทย์สังเกตการณ์ แต่แค่นี้ก็เป็นเหตุผลเพียงพอจะทำให้เจเรมีทำหน้ายักษ์ ไม่พูดไม่จากับใครเพราะหัวเสียเต็มประดาได้แล้ว
แล้วก็เป็นอยู่อย่างนั้นกระทั่งคริสถูกจับใส่เสื้อมัดแขน ให้เอนตัวลงนอนบนเตียงแล้วก็ถูกเข็มขัดผ้ามารัดตัวเขาติดไว้กับเตียงเพื่อไม่ให้ลุกขึ้นได้อีก

อย่าว่าแต่ลุกเลย แค่พลิกตัวยังทำแทบไม่ได้ รัดแน่นขนาดนี้ อีกนิดเดียวเขาคงขาดอากาสหายใจไปแล้ว

แต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากคริสเพราะถูกจับสวมหน้ากากกรองกลิ่นฟีโรโมนเสียก่อน เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ภายในห้องนั้นที่ต้องสวมเหมือนกัน จากนั้นเจเรมีจึงถูกฉีดยากระตุ้นอาการฮีท เมื่อมีอาการแสดงออกมาจนถึงขีดสุด ยาตัวใหม่จึงถูกฉีดเข้าไประงับอาการ ทันทีที่เขาสงบลงและกลับมาเป็นปกติ การสังเกตการณ์และทดลองตัวยาจึงเริ่มขึ้น
“อย่าลืมนะครับ ถ้ามีอะไรก็โทรเรียกได้ทันที พวกผมจะอยู่ห้องข้างๆ”

นายแพทย์ย้ำก่อนจะออกไป ทว่ากลับถูกเจเรมีแผดเสียงใส่
“รู้แล้วน่า จะพล่ามอะไรนักหนา ไสหัวไปกันได้แล้ว!”

ทีมนายแพทย์ ผู้ติดตามและผู้คุมออกจากห้องไป เท่านั้นห้องก็กลับเข้าสู่ความเงียบงันเมื่อคู่แห่งโชคชะตาทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพัง ทว่าก็อยู่ได้ไม่นาน เสียงของคริสที่นอนอยู่นิ่งๆ ก็ดังขึ้น

“ยังทำให้พ่อแม่กลุ้มใจได้ไม่เปลี่ยนเลยสินะ”
“นายก็ยังปากดีเหมือนเดิมไอ้ขี้คุก” เจเรมีตอบกลับแทบจะในทันที

คริสสะดุดหูนิดหน่อยกับชื่อเล่นใหม่ของตัวเอง ใช่ว่าเขาจะชอบนักหรอก แต่การถูกยึดอิสรภาพไปเสียตั้งสองปีอย่างนั้นจะถูกเรียกด้วยชื่อนี้ก็ไม่แปลก

“ถึงจะขี้คุก แต่ก็เป็นคู่แห่งโชคชะตาของนายแหละน่า” ซ้ำยังย้อนกลับไปด้วยท่าทางประหนึ่งผู้มีชัย

เจเรมีถึงกับกัดฟันกรอด อยากจะพุ่งเข้าไปกระทืบนัก แต่พอใบหน้าของบิดาและคำสั่งห้ามก่อเรื่องดังแว่วเข้ามาในจิตใต้สำนึก เขาก็ทำได้แค่ทรุดตัวนั่งลงบนเตียงอีกเตียงแล้วทำเป็นหูทวนลมแทน

“โชคดีของนายที่วันนี้ฉันอารมณ์ดี จะไม่ถือสากับคำพูดของสวะอย่างนายแล้วกัน”

คริสถึงกับหัวเราะดังหึออกมา

ขนาดอารมณ์ดีนะ ถ้าอารมณ์เสียจะเป็นขนาดไหน

แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าเขายังคงสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเจเรมีดูไม่ดีเลยตั้งแต่เข้าห้องมา ไม่ใช่เป็นเพราะว่าอารมณ์เสีย แต่เป็นเพราะสิ่งที่ยังติดค้างในใจของอีกฝ่ายต่างหาก

“ยังไม่ได้ขอโทษล่ะสิ” ในที่สุดก็พูดออกไป
เจเรมีหันขวับไปมองอีกครั้ง เปล่งเสียงห้าว “แล้วมันธุระกงการอะไรของนาย”
“พูดขอโทษแค่นี้มันไม่ยากหรอกน่า”
“หุบปากไปซะ”
“รีบหาโอกาสพูดได้แล้ว ระวังจะเสียใจทีหลัง บอกแล้วไงว่านายเหมือนกับกระจก การกระทำของนายก็เหมือนแสงตกกระทบ”
“นายจะหาเรื่องกันหรือไงวะ ฉันบอกให้หุบปากไง!”

คล้ายว่ากำลังคุยคนละเรื่องเดียวกัน คริสไม่ฟังสิ่งที่เจเรมีสวนคืนเลยแม้แต่น้อย ถูกแผดเสียงใส่อย่างนั้นก็ทำหน้าตาไม่ยี่หระ เจเรมีเองก็ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงด้วยรู้ว่าเดี๋ยวคริสก็จะถือวิสาสะสั่งสอนเขาประหนึ่งว่าตัวเองเหนือกว่าอีกจึงได้แต่ตัดบทห้วนๆ

“หุบปากแล้วนอนเงียบๆ ไปเลย”
ตะวันยังโด่งอยู่เลย เขาคงจะหลับลงหรอก แต่ก็เอาเถอะ ไม่อยากจะทำให้บรรยากาศเสียไปมากกว่านี้จึงยอมทำตามแต่โดยดี

ไร้ซึ่งเสียงพูดคุยใดๆ หลุดออกมาจากปากของชายหนุ่มทั้งคู่อีกกระทั่งเข้าสู่กลางดึก เจเรมีนอนก่ายหน้าผาก สายตาชำเลืองมองคริสเป็นระยะว่าอีกฝ่ายทำอะไรอยู่ สุดท้ายก็เห็นแต่คริสนอนนิ่งๆ ไม่หือไม่อือ แต่ก็รับรู้ได้ว่าไม่ได้หลับ เพียงแต่นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น มีบางครั้งที่หันมามองเจเรมีบ้างแต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรนัก

น่าเบื่อชะมัด เมื่อไหร่ไอ้สถานการณ์บ้าๆ นี่มันจะจบๆ ไปซะที!

ประโยคนี้ดังขึ้นในหัวของเจเรมีหลายต่อหลายครั้ง แต่ถึงมันจะน่าเบื่อจนเขาแทบทนไม่ไหว หากคิดดูดีๆ แล้วมันก็ดีไม่ใช่น้อยที่เขาไม่มีอาการอะไรแสดงออกมาแม้จะอยู่กับคู่แห่งโชคชะตาในห้องแคบๆ แถมโกโรโกโสอย่างนี้สองต่อสอง

ก็ได้แต่หวังในใจว่าการทดลองตัวยาที่พัฒนาขึ้นมาจะสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกที่ทดลองใช้...

แต่สวรรค์คงจะไม่เข้าข้างจอมวายร้ายอย่างเจเรมีเท่าไหร่นัก ไม่นานนักก็เริ่มมีอาการประหลาดเกิดขึ้นกับตัวเขา จู่ๆ เขาก็รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งกาย บริเวณส่วนกลางของลำตัวคับแน่นและร้อนผะผ่าวคล้ายกับว่าจะระเบิดออกมาภายนอกให้ได้ ฟีโรโมนถูกปล่อยออกมาโดยไม่รู้ตัว คริสสัมผัสได้จึงเหลียวไปมองคนบนเตียงข้างๆ ที่นอนคดคู้อยู่ใต้ผ้าห่ม กลิ่นหอมหวานอ่อนๆ ที่ลอยโชยเข้าจมูกบ่งบอกให้รู้ว่าเจเรมีออกอาการฮีทแล้ว ยังดีที่มันไม่ได้ส่งกลิ่นรุนแรงเหมือนกับครั้งก่อนๆ ในเวลาเพียงอึดใจเดียว แสดงว่าตัวยาที่พัฒนาขึ้นมาก็พอจะใช้ได้ผลอยู่เหมือนกัน

ทว่าในความคิดของเจเรมีนั้น เขาไม่ได้รู้สึกเลยว่ามันต่างจากเดิมสักเท่าไหร่ เขารู้แต่ว่าถ้ามันระงับอาการฮีทของเขาไม่ได้ มันก็คือใช้ไม่ได้ผลเท่านั้น

ชายหนุ่มผมบลอนด์กัดฟันกรอด หงุดหงิดสุดทนที่สถานการณ์เลวร้ายต่างๆ รุมเร้าเขามากเกินไป ยิ่งได้กลิ่นหอมลอยมาจากฝั่งของคริสก็ยิ่งหัวเสีย

กลิ่นนรกนั่นมันกำลังจะทำให้ฉันเป็นบ้า!

หันขวับไปมองคริสอย่างรวดเร็วทันควัน ปากเกือบจะพูดออกไปอยู่แล้วว่าให้จัดการทำอะไรกับกลิ่นฟีโรโมนของคริสที่ถูกปล่อยออกมาโดยอัตโนมัติสักที ทว่าคริสก็ดันโพล่งขึ้นมาก่อน

“นี่ ช่วยหยิบหน้ากากกรองสารพิษมาใส่ให้ที” ว่าพลางพยักปลายคางไปที่โต๊ะปลายเตียง

เจเรมีเหลือบมองก็เห็นว่าวัตถุสีดำเป็นหน้ากากกรองสารพิษที่คริสใช้สวมก่อนหน้าตอนที่เขาปล่อยฟีโรโมนออกมาจนถึงขีดสุด การที่คริสร้องขออย่างนั้นแสดงว่าอีกฝ่ายเริ่มรับรู้ได้ถึงความอันตรายหลังจากนี้แล้ว

แต่ทำไมจะต้องเรียกว่า ‘หน้ากากกรองสารพิษ’ ด้วยนะ! กลิ่นฟีโรโมนของเขาไม่ใช่สารพิษเสียหน่อย!

เจเรมีดูจะหงุดหงิดไปทุกอย่าง แผดเสียงใส่พร้อมกับใบหน้าแดงเถือก
“ฉันไปเป็นขี้ข้านายตอนไหนไม่ทราบ!”
“ถ้านายไม่อยากให้ฉันต้องอาละวาดเพื่อจะไปปล้ำนายล่ะก็ ทำตามที่ฉันบอกเถอะ” คริสสวนมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ซีกหน้าและลำคอของเขาก็เริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาจากการที่เลือดสูบฉีดแล้วเช่นกัน เป็นสัญญาณให้รู้อย่างชัดเจนเลยทีเดียวว่า ณ วินาทีนี้ ร่างกายเขาเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อกลิ่นฟีโรโมนของเจเรมีแล้ว

เจเรมีก็ไม่อยากจะฟังนัก แต่เห็นการมัดที่ดูไม่แน่นหนาเท่าไหร่ เขาก็ไม่อยากเสี่ยงเพราะรู้ดีว่าตอนที่เขาออกอาการฮีทจนถึงขีดสุด ความสามารถในการดูแลตัวเองของเขามันลดลงมากแค่ไหน ต่อให้พวกทีมแพทย์อะไรนั่นจะบอกว่าถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้โทรตามก็เถอะ แต่ถ้าเขาตกอยู่ในภาวะอย่างนั้น ใครมันจะไปมีเวลามาคิดกันล่ะว่าจะต้องขอความช่วยเหลือ

เวลาอย่างนั้นมันอยากทำอย่างอื่นมากกว่า!

เพราะคิดอย่างนั้นจึงยอมรับคำขอร้องของคริสอย่างไม่มีทางเลือก ลุกจากเตียงเดินไปหยิบหน้ากากกรองมาสวมให้คริส ทว่ายังไม่ทันจะได้ถึงที่หมายก็ต้องหยุดเดินกลางคันเมื่อพอเข้าใกล้คริสมากขึ้น กลิ่นหอยหวนยั่วยวนนั่นก็รุนแรงมากขึ้นทุกที เจเรมีรีบยกมือขึ้นปิดจมูก กลัวว่าอาการกำหนัดของตัวเองจะพุ่งพล่านมากกว่านี้ หากแต่เหมือนการปิดจมูกจะไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่นักและการกระทำอย่างนั้นก็ดูโง่เง่าสิ้นดีเพราะมันสายไปแล้ว กลิ่นของคริสลอยอบอวลอยู่ในอากาศจนทำให้สมองของเขาเบลอไปหมดแล้ว

ร่างใหญ่ทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้น ลมหายใจติดขัดเป็นช่วงๆ เนื้อตัวร้อนผะผ่าว ใบหน้า ลำคอและใบหูแดงกลายเป็นสีแดง คริสที่นอนมองอยู่เห็นก็รู้ทันทีว่าสถานการณ์ย่ำแย่ลงเป็นที่เรียบร้อย

“รีบโทรขอความช่วยเหลือเร็วเข้า” คริสร้องบอก ปากก็พยายามตะโกนบอกกล้องเพื่อให้คนที่อยู่อีกห้องรับรู้ว่าภายในห้องนี้เกิดอะไรขึ้น “เฮ้ พวกนายได้ยินไหม! รีบมาช่วยกันเร็วเข้า! เฮ้!”

เหมือนจะไร้ประโยชน์ อีกฝ่ายซึ่งเฝ้าสังเกตการณ์เขากับเจเรมีผ่านกล้องอยู่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ กลับมา

ดึกขนาดนี้อาจจะผล็อยหลับกันไปหมดแล้วก็ได้ เป็นการสังเกตกาณ์ประสาอะไรเนี่ย!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2017 04:07:20 โดย NooDangzz »

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 06: รส กลิ่น สัมผัส[2]

คริสอดบ่นในใจไม่ได้กับการทำงานที่ไร้ความใส่ใจอย่างนี้ แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับภาพของคนตรงหน้าที่เกลือกกลิ้งกับพื้นอย่างทุรนทุราย เสียงอืออาดังหลุดออกจากปากของเจเรมี ไม่รู้ว่าเจเรมีรู้สึกอย่างไร แต่เดาได้ว่าคงจะทรมานน่าดู และเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้เสียด้วยนอกจากร้องบอก

“รีบเอาหน้ากากไปใส่ซะ”

อย่างน้อยๆ ก็น่าจะทำให้ได้กลิ่นของเขาลดลง ตัวเขาเองน่ะไม่เป็นไรหรอก ถึงตอนได้กลิ่นเจเรมีแล้วจะมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังมีสติสัมปชัญญะมากกว่าเจเรมีมากโข

ทว่าคำพูดของคริสไม่ได้เข้าหูเจเรมีเลยแม้แต่น้อย อีกฝ่ายเงยใบหน้าแดงเรื่อขึ้นมามอง ดวงตาเรียวยาวปรือลงเล็กน้อย มองคริสด้วยสายตาหยาดเยิ้มก่อนที่ริมฝีปากสวยจะขยับส่งเสียงแผ่วเบา
“ฉะ... ฉันไม่ไหวแล้ว”

ไม่ไหวเรื่องอะไรไม่ต้องให้ใครมาอธิบาย คริสก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณ

‘ไม่ไหวก็ปล่อยมันออกไป’

คริสอยากจะบอกอย่างนั้นด้วยเห็นว่าครั้งก่อนๆ เจเรมีก็ปลดปล่อยออกมาได้เองโดยไม่ต้องทำอะไร หากแต่ครั้งนี้มันแปลกออกไป เพราะความหมายของประโยคที่ว่าไม่ไหวของเจเรมีไม่ใช่แค่เรื่องนั้นอย่างเดียว แต่เป็นการอดใจไม่ไหวที่จะสัมผัสคริสด้วยซึ่งนั่นมันทำให้คนที่นอนมองอยู่ต้องเบิกตาโพลงเมื่อจู่ๆ ก็เห็นว่าคนที่ต่อสู้กับความกำหนัดตามสัญชาตญาณค่อยๆ พยายามพาร่างกายของตัวเองมาที่เตียง...

เตียงของเขา... ใช่ หมายถึงเตียงของคริส

และทำเรื่องไม่คาดฝันทันใดด้วยการเอื้อมมือสั่นระริกออกมาตรงหน้า พยายามจะปลดตะขอกางเกงของคริสอีกต่างหาก!

เฮ้ยๆ ไร้สติเกินไปแล้ว

คริสมองตามแล้วก็อดคิดอย่างนั้นไม่ได้ แต่เขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธเมื่ออวัยวะที่คับแน่นภายในถูกปลดปล่อยมาสัมผัสอากาศด้านนอก

ความชูชันและแข็งขืนของความเป็นชายปรากฏสู่สายตาของเจเรมี หากเป็นเวลาปกติ มาเห็นอะไรแบบนี้ เขาคงไม่รอช้า หาอะไรมาฟาดให้คริสเป็นหมันเป็นแน่แท้ แต่วินาทีนี้มันไม่ใช่ เขากลับไม่มีสติมากพอที่จะสำนึกได้ว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไร ก่อนจะยื่นมือข้างหนึ่งไปลูบผิวเนื้ออ่อนๆ บริเวณโคนขา

สัมผัสสากจากอุ้งมือทำให้คริสกัดฟันเล็กน้อยก่อนจะเรียกชื่อคนตรงหน้าออกมา
“เจเรมี...”
หวังจะให้เจเรมีได้สติ หากแต่ไร้เสียงตอบรับจากอีกฝ่าย มีเพียงกลิ่นหอมหวนที่ลอยมาเข้าจมูกเท่านั้นเป็นสัญญาณตอบรับ และกลิ่นก็รุนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมจนเขาต้องเบือนหน้าหนีเพื่อข่มอารมณ์พุ่งพล่านของตัวเองเอาไว้ แต่เจเรมีกลับไม่เห็นใจเลยว่าเขาต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการสะกดกลั้นไม่ให้รู้สึกอะไรแบบนี้เมื่อจู่ๆ เจเรมีมือเลื่อนมือที่ลูบไล้โคนขามากอบกุมอวัยวะกลางลำตัวอย่างเต็มไม้เต็มมือ

คริสตวัดดวงตากลับไปมองในวินาทีนั้น สายตาที่มองเจเรมีจะว่าตกอยู่ในอารามตกใจก็ไม่แปลก ในหัวคิดไม่ออกเลยว่าคนตรงหน้าคิดจะทำอะไรต่อไป หูทั้งสองข้างได้ยินแต่เสียงของเจเรมีพูดประโยคเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ไม่ไหวแล้ว...ทนไม่ไหวแล้ว...”

จากนั้นก็เคลื่อนฝ่ามือรูดรั้งแท่งเนื้ออุ่นร้อนนั่นไปมาอย่างเบามือ คริสถึงกับเกร็งตัวแข็ง ในใจตอบโต้กับประโยคที่เจเรมีพรั่งพรูเป็นพัลวัน

คนที่ทนไม่ได้เห็นจะไม่ใช่นายแล้ว แต่เป็นฉันมากกว่า...

ให้ตายเถอะ เจ้าวายร้ายนั่นคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่!?

นักโทษหนุ่มเบี่ยงตัวเล็กน้อย หมายจะให้ตัวเองหลุดจากการเกาะกุม หรืออย่างน้อยๆ ทำให้เจเรมีรู้สึกตัวสักหน่อยก็ยังดี แต่เสียแรงเปล่าเพราะทันทีที่เขาขยับสะโพกหนี เจเรมีก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้...ใกล้เสียจนริมฝีปากแทบจะสัมผัสกับส่วนปลายของบางสิ่งที่กอบกุมอยู่ในมือ คริสมองแล้วคิดอกุศลขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร ถ้าทำอย่างนั้น หายนะของโลกบังเกิดขึ้นมาเลยนะ!

มันจะบังเกิดตอนเจเรมีรู้สึกตัว ในตอนไม่รู้สึกตัว มีเพียงแต่ความต้องการสุดแรงกล้าเท่านั้นที่พวยพุ่งขึ้นมา และนั่นก็ทำให้สิ่งที่คริสคาดการณ์เอาไว้กลายเป็นความจริง

เรียวปากแตะเบาๆ ที่บริเวณส่วนปลาย วนไล้จนของเหลวสีใสเปรอะริมฝีปากสวยเป็นเส้นยาว ก่อนที่ปลายลิ้นเย็นๆ จะถูกส่งออกมาโลมเลีย และไปถึงขั้นที่ถูกโพรงปากครอบครอง

คริสกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก จากตอนแรกที่มีสติ ตอนนี้กระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทางแล้ว ริมฝีปากของเขาเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง ลมหายใจกระชั้นมากขึ้นตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเจเรมี เขารู้สึกเหมือนสูบกัญชาเข้าไปเป็นปริมาณมากจนหัวสมองมึนเบลอไปหมด ความวาบหวามจู่โจมเขาเสียจนไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ ไหนจะกลิ่นอันแสนเย้ายวนของเจเรมีอีก มันทำให้เขานอนไม่ติดเตียงเลย ขนาดถูกมัดตรึงไว้อยู่แม้ๆ ยังเผลอแอ่นสะโพกตอบรับการรุกเร้าของเจเรมีเสียได้

ไม่นานนัก คริสก็รู้สึกว่าถูกจู่โจมอย่างรุนแรง ความอัดอั้นในกายถูกปลดปล่อยออกมาประหนึ่งกระสุนปืนใหญ่ทำเอาเจเรมีสำลักเล็กน้อย เขาไม่อยากทำแบบนี้แต่มันสุดจะทนจริงๆ

“เจเรมี ฉัน...” ปากรีบจะเอ่ยขอโทษถึงจะไม่ใช่ความผิดเขาที่เริ่มก่อน ทว่าก็ต้องกลืนคำพูดทุกอย่างลงไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกลืนหลักฐานของการตอบสนองต่อฟีโรโมนของคู่แห่งโชคชะตาลงคอทุกหยาดหยด มีเพียงมุมปากที่ทิ้งคราบขาวขุ่นเล็กน้อย

เจเรมีใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากลวกๆ สีหน้ากระหายใคร่ไม่ได้ลดน้อยถอยลงไปเลย คริสมองตามแล้วไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอาการฮีทจะทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นคนขาดสติได้ถึงขนาดนี้ แต่จะไปกล่าวโทษเจเรมีก็ไม่ได้ เขาเองก็ผิดที่ไม่ออกปากห้ามตั้งแต่แรก จะอ้างว่าขยับไม่ได้เพราะถูกพันธนาการไว้กับเตียงทั้งตัวมันก็เป็นข้ออ้างสั่วๆ ถ้าเขาเอ่ยปากห้าม เรื่องแบบนี้คงจะไม่เกิด ถึงเจเรมีจะไม่ฟัง แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเขาได้ห้ามแล้ว

แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ใครมันจะไปต้านทานสัญชาตญาณของตัวเองได้กันล่ะ ยิ่งเจเรมีเป็นคู่แห่งโชคชะตาของเขาด้วยแล้ว แรงต้านทานต่อความเสน่หาก็ลดน้อยถอยลงจนแทบมลายสิ้นไปหมด ทั้งที่เขาเคยสาบานกับตัวเองไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่หลงใหล ไม่เผลอใจ ไม่โอนอ่อนไปกับกลิ่นฟีโรโมนของเจเรมีแม้ว่ามันจะเย้ายวนแค่ไหนก็ตาม หากแต่พอถูกรุกเร้าเข้ากะทันหันอย่างนี้ คำสาบานก็หลอมละลายสลายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น

กลิ่นฟีโรโมนของเจเรมีกำลังทำให้เขาคลั่ง...
และก็คลั่งมากกว่าเดิมเมื่อเจเรมีปรือตามองพลันเรียกเขาเสียงพร่า
“คริส...”

เซ็กซี่ชะมัด ให้ตายเถอะ... เขาตบะแตกโดยสมบูรณ์แล้ว

คริสมองใบหน้าได้รูปของเจเรมีนิ่งๆ ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการความช่วยเหลือดเพราะมีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับการปลดปล่อย แต่เขาจะไปช่วยอะไรได้ ทั้งมือทั้งเท้าถูกมัดแน่น ซ้ำยังตรึงอยู่กับเตียงอย่างนี้ ที่ทำได้ก็มีแต่...

“เจเรมี...” เอ่ยเรียกเสียงเบา พลันออกคำสั่ง “มานี่สิ”
ไหนๆ ก็เผลอตัวเผลอใจไปแล้ว ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเลยก็แล้วกัน

“มานี่เร็ว” ร้องเรียกอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเจเรมียังทำเฉย
เจเรมีนิ่งไปเล็กน้อยคล้ายกับว่าชั่งใจให้คริสได้เอ่ยเป็นครั้งที่สาม
“ขึ้นมานั่งแล้วขยับเข้ามาใกล้ๆ”

เท่านั้นคนได้รับคำสั่งก็ขึ้นมานั่งคร่อมร่างกายของคริสเอาไว้ ก่อนเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ คริสผงกศีรษะขึ้นมาเล็กน้อย พอใบหน้าของเจเรมีอยู่ใกล้เพียงคืบก็ถือโอกาสประทับจุมพิตบนเรียวปากที่ใช้สบถคำหยาบคายเป็นประจำ

กลิ่นของคริสลอยเข้าจมูกฉุนกึ้กยิ่งกว่าครั้งใด ความร้อนรุ่นในกายของเจเรมีทวีความรุนแรงมากกว่าเดิมเสียอีก และมันกำลังทำให้เขาเป็นทรมานจนแทบทนไม่ไหว เมื่อคริสพยายามจูบ เจเรมีก็ผงะถอยออกมา ริมฝีปากของทั้งคู่หลุดออกจากกัน เรียกให้หัวคิ้วเรียวสวยของคนด้านล่างขมวดเข้าหากันเป็นปมเล็กน้อย

“อย่าหนี”
“ฉันไม่...”
“อยู่นิ่งๆ อย่าหนี” คริสแทบไม่ฟังเสียงของเจเรมีเลย ออกคำสั่งพลางจ้องด้วยสายตาเรียบนิ่ง

เจเรมีถูกสายตาคู่นั้นสะกด นิ่งค้างราวกับต้องมนตร์ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเชื่อฟังคำสั่งแล้ว คริสถึงได้ออกปากอีกครั้ง
“ขยับเข้ามาใกล้ๆ อีกที”
ราวกับสั่งได้ เจเรมีโน้มใบหน้าเข้ามาอยู่ในจุดเดิมให้คริสได้กระซิบแผ่วเบา

“จากวินาทีนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามขยับเข้าใจไหม”
ไม่มีคำตอบรับจากเจเรมี คริสเองก็ไม่สนใจที่จะรอคำตอบด้วย สิ้นเสียง เขาก็ผงกศีรษะขึ้นมาประกบปากจูบอีกครั้ง กลิ่นของคริสยังคงเข้มข้นเสียจนแทบทำเจเรมีมึนหัว กลิ่นฟีโรโมนของเจเรมีเองก็เช่นกัน ขนาดคริสถึงจุดสิ้นสุดไปแล้วเมื่อครู่ พอได้กลิ่นชัดเจนอย่างนี้ เขาก็รู้สึกร้อนวูบบริเวณช่วงล่างของตัวเองอีกครั้ง

ร้อนจนแทบทนไม่ไหว
ร้อนจนอยากจะกระชากทุกสิ่งที่พันธนาการเขาอยู่ออกและจัดการกับเจเรมีให้รู้แล้วรู้รอด

แต่คนที่ทนไม่ไหวมากกว่าคริสดูเหมือนจะเป็นเจเรมี โลกของเขาหมุนคว้างไปหมดเมื่ออีกฝ่ายดุนดันปลายลิ้นอ่อนนุ่มเข้ามาในโพรงปาก พลันกระหวัดเกี่ยวกับปลายลิ้นของเขาอย่างโหยหา

ความกระหายใคร่พวยพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว มือหนาโอเมก้าหนุ่มเลื่อนไปกำคอเสื้อของคู่แห่งโชคชะตาแน่น เขาอยากจะผละออกมา หากแต่พอเคลื่อนหนีเล็กน้อยก็ถูกตามรุกราน

จะหาว่าคริสรังแกก็ไม่ได้ เจเรมีเองก็ไม่ได้ถอยออกมาอย่างเด็ดขาดด้วยลุ่มหลงในกลิ่นหอมรัญจวนของคนตรงหน้า

อยากลิ้มรส
อยากได้กลิ่นมากกว่านี้
อยากสัมผัส
อยากครอบครอง
อยากได้ทุกอย่างที่เป็นของคริส

อยากได้อีก...

สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยให้คริสรุกล้ำอยู่อย่างนั้น หนำซ้ำเจเรมียังเป็นฝ่ายตอบรับทุกสัมผัสของใต้ร่างอีกต่างหาก พอถึงจุดหนึ่งก็กลายเป็นฝ่ายรุกรานคริสแทน รสจูบดูดดื่มของเจเรมีทำให้คริสเริ่มไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ หากแต่สัมผัสได้ว่าร่างกายของเจเรมีร้อนแทบเป็นไฟมากกว่าเดิม ก่อนที่อีกฝ่ายจะผละริมฝีปากออกไป ซุกหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่น ท่อนแขนทั้งสองโอบกอดศีรษะของเขาพลางส่งเสียงกระเส่าออกมา

ร่างกายที่กระตุกเล็กน้อยเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเจเรมีถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เป็นอีกครั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรเจเรมีเลยแม้แต่น้อยทว่าอีกฝ่ายกลับถึงจุดหมาย

...ไม่ ไม่ใช่ คริสพูดไม่ได้เต็มปากว่าเขาไม่ได้ทำอะไร

เขาทำไปแล้ว ทำเรื่องที่ไม่สมควรทำเสียด้วย

ได้สติสัมปชัญญะกลับมาครบถ้วนก็ในตอนนี้ ทว่าจะยับยั้งอะไรก็ไม่ทันอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เจเรมีทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงบนร่างเขา ฟุบหน้าลงบนหมอนที่คริสหนุนอยู่เป็นที่เรียบร้อย เสียงหายใจกระหืดหอบยังคงดังมาให้ได้ยินเป็นระยะ

จบแล้วสินะอาการฮีท แต่เรายังไม่จบเลยแฮะ...

คิดพลางเหลือบมองไปยังกลางลำตัวของตัวเองที่ถูกเจเรมีนั่งทับอยู่

ยังแข็งขัน...
ยังคับแน่นอยู่...

มองเห็นท่าทางของเจเรมีที่ส่อไปในทางชวนให้คิดมาก คริสก็ยิ่งรู้สึกร้อนผะผ่าวที่บริเวณส่วนอ่อนไหวนั่นมากกว่าเดิม

จะจัดการกับมันยังไงดีเนี่ย?

จะให้ขอร้องเจเรมีทำแบบเดิมมันก็ใช่เรื่อง ตอนนี้กลิ่นฟีโรโมนของเจเรมีค่อยๆ เจือจางลงแล้วด้วย

แต่มันจะเจือจางเพียงแค่ครู่เดียวแล้วกลับมาเข้มข้นใหม่อีกครั้งหรือเปล่านะ?

ถ้ากลับมา จะขอให้ช่วยอีกได้หรือเปล่า? ครั้งนี้จะใช้แค่มือก็ได้ แต่อยากให้คนทำเป็นเจเรมี

พระเจ้า... มาถึงจุดที่หลงใหลกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าจนกลายเป็นคนมากราคะไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย

คิดแล้วก็อยากทึ้งหัวตัวเองนัก แต่การที่เคลื่อนไหวไม่ได้ก็ทำได้แค่เหลือบมองคนที่นอนทับอยู่บนตัวของเขาซึ่งตอนนี้เข้าสู่นิทรารมย์ด้วยความเหนื่อยอ่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเหม่อมองเพดานอย่างสิ้นหวังขณะที่อวัยวะกลางลำตัวของเขาก็ยังตื่นตัวชนิดที่ว่าไม่มีท่าทีว่าจะลดน้อยถอยลงเลย

อย่ามาหลับทิ้งกันกลางทางไปอย่างนี้นะ เจ้าโอเมก้าวายร้าย!
------------------------------------
มาแล้ววววว หายไปหลายวันในที่สุดก็มาต่อ แต่เขายังไม่ได้กันค่ะแม่ขา 555 //ยึกยักเหลือเกิน ตบสักที XD
ใจเย็นๆ นะก๊ะ สักวันก็คงจะได้กัน ก๊ากกก ตอนนี้นี่ เขียนไปก็ฟินไป สงสารขุ่นคริสด้วย ถูกทิ้งไว้กลางทางซะงั้น ฮา ไหนๆ ก็ต้องถูกเจมี่ทุบหัวแบะตอนรู้สึกตัวอยู่แล้ว น่าจะได้จัดเต็มเนอะ น่าสงสารเขานะคะ 555
ฝากฟีดแบ็กไว้ให้ด้วยค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาอัพตัวอย่างตอนต่อไปให้ เนื้อเรื่องจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แล้วก้ะ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เจเรมี อย่าตื่นมาฆ่าว่าว่าที่สามีนะ

คริสที่น่าสงสาร  :laugh:

เอ...พวกคนที่มาด้วยวางแผนหรือเปล่า? จะไม่หักหลังกันใช่ไหม?

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด