「Behind the Scene」 #ข้างหลังฉาก (End.) : ตอนพิเศษ : วานเลนไทน์ปีนี้ - (2/11/60)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 「Behind the Scene」 #ข้างหลังฉาก (End.) : ตอนพิเศษ : วานเลนไทน์ปีนี้ - (2/11/60)  (อ่าน 203611 ครั้ง)

ออฟไลน์ aunszMT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
โซลเหมือนปิกมี่เลย ตามติดเจ้าของแจ เป็นหมาโซลของซีน น่ารัด

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ปรบมือใหห้กับความพยายามที่หนักมากของน้องโซล

เย้ ในที่สุดเค้าก็ได้กันแล้วจ้าาา


ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
จั๊ม พีม ต้มซีนละเปื่อยเลยนะ
ชอบที่บอกว่าใครๆ ก็ดูออก
มีแต่ซีนเท่านั้นที่ไม่รู้อะไรเลย

ออฟไลน์ xxSunShinexx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กำไรนี่ทบต้นทบดอกไหม  :-[

ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0


ตอนที่ 17





หลังจากเอาของที่ซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ตมาเก็บไว้ที่ห้องไอ้โซล พวกเราก็มาถึงบ้านผมในตอนบ่ายกว่าๆ



ผมใช้เวลาแทบทั้งบ่ายขลุกอยู่กับปิ๊กมี่ ไอ้โซลหลับอยู่โซฟาหน้าทีวี หมาผมตัวอ้วนขึ้นกว่าเดิม เดาได้เลยว่าม้าต้องตามใจเพราะทนลูกอ้อนของมันไม่ได้แน่ๆ



“มือๆ เก่งมาก” เขย่าขาหน้ามันเบาๆ ใช้การลูบหัวแทนการให้ขนม ได้ยินเสียงหัวเราะจากทางด้านหลัง หันไปก็เจอไอ้โซลยืนถือโทรศัพท์จ่อมาทางนี้



“แอบถ่ายอีกแล้วไอ้บ้านี่”



มันยิ้ม ไม่พูดอะไร หัวมันยุ่งนิดหน่อยแต่เหมือนกำลังยืนถ่ายแบบอยู่ดี กดๆ อะไรในโทรศัพท์สักแป๊บก็เดินมานั่งลงบนพื้นหญ้าข้างๆ ผม



“ตั้งแต่มาถึงก็ไม่สนใจผมเลยนะ”



“มึงก็นอนตั้งแต่มาถึงเหมือนกันนั่นแหละ”



เรากินข้าวกันมาจากข้างนอก ถึงบ้านผมก็พุ่งเข้าหาหมาตัวเอง มันก็พุ่งเข้าโซฟาหลับเป็นตายเลย ปกติทำงานก็ได้นอนน้อยแล้ว เมื่อคืนเหมือนมันจะนอนไม่ค่อยหลับด้วย คงเพราะกังวลเรื่องพีม



ตอนนี้เวลาเย็นๆ แสงแดดอ่อนลงมาก ปิ๊กมี่หยุดเล่นแล้วหมอบลงข้างๆ แทน



“ตอนนี้ไม่นอนแล้ว”



“คุยด้วยอยู่นี่ไง” ผมว่า แต่ตามองจอโทรศัพท์ไปด้วย ไอ้โซลไม่ได้ลงรูปที่ถ่ายผมเมื่อสักครู่ก็เลยโล่งไป แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าไอ้น้องกันบอกในรับแอดมันในเฟสบุ๊ค



คำขอเป็นเพื่อน

Krittin Rojjanakornkul




“นี่มึงเหรอ”



“พี่เพิ่งเข้าเหรอเนี่ย ผมขอไปเกือบปี”



“เปล่า แค่ไม่รับคนไม่รู้จัก”



“ตอนนี้ต้องรับแล้วล่ะเพราะผมเป็นมากว่าคนรู้จักแล้ว”



ผมมุ่ยหน้า...รู้แล้วเว้ย!



เมื่อกี้เลื่อนคำขอเป็นเพื่อนลงมาดูกลับเห็นไอ้โซลซะอย่างนั้น เฟสบุ๊คผมมีเพื่อนไม่ถึงห้าร้อยคน เลือกรับแต่คนที่รู้จักกันจริงๆ เพราะอย่างนั้นถึงไม่แปลกเลยที่ผมไม่ได้กดรับไอ้โซลเป็นเพื่อน แต่พอเห็นชื่อแล้วก็คิดขึ้นได้ว่า kr ก็คือชื่อกับนามสกุลมันนี่หว่า นึกว่าตั้งอย่างนั้นเพราะอยากพรีเซนความหล่อเกาหลีของตัวเอง จะว่าไปตอนนั้นก็อคติกับมันพอสมควร



ไม่ใช่แค่ไอ้โซลกับไอ้น้องกัน แต่ยังมีพวกเพื่อนมันคนอื่นอีกด้วย



คำขอเป็นเพื่อน

Kanta Gun

Peerapong S. Ball

Miki Miki

Tei Thitikorn




ผมกดรับเพื่อนมันทุกคน ไม่ถึงสองนาทีแจ้งเตือนก็เด้งขึ้น ไอ้น้องกันโพสหน้าวอลผมเลย



Kanta Gun

10 กรกฎาคม เวลา 16:58 น. YouTube

รับแอดผมแล้ว ฮือๆๆๆ

[คนน่ารักมักใจร้าย – Basketband]




ไอ้น้องกันโพสลิ้งค์เพลงที่พวกเพื่อนไอ้โซลร้องในวันนั้นที่ใต้ตึกคณะสถาปัตย์ฯ ผมกำลังจะพิมพ์ตอบแต่มีคอมเมนท์หนึ่งเด้งขึ้นมาก่อน



Krittin Rojjanakornkul  -*-



“เชี่ยกัน แม่ง” คนข้างๆ สบถออกมา “พี่ยิ้มอะไรครับ”



“เครียดอะไรเล่า นี่เพื่อนมึงนะ”



“มันกวนตีน”



ที่ไอ้น้องกันโพสผมไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก รู้ว่ามันก็เล่นไปอย่างนั้นเอง



“ฝาก” วางโทรศัพท์ตัวเองไว้บนตักมัน อีกคนหน้าติดจะบึ้งหน่อยๆ ผมเลยผลักหัวมันไปทีหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบสายจูงปิ๊กมี่อยู่หลังบ้าน



ผมจูงมันมาที่สวนสาธารณะของหมู่บ้าน มีคนอยู่ประปราย ไม่เยอะเท่าไหร่ซึ่งถือว่าดี แล้วส่วนมากก็เป็นผู้สูงอายุกับเด็กที่ออกมาเดินเล่นกัน



“อย่าให้ใกล้เด็กมากนะ จับไว้ดีๆ” ผมกำชับ ไอ้โซลอาสาจะพาปิ๊กมี่วิ่งเล่น ผมเริ่มชักจะเหนื่อย เล่นกับมันตลอดบ่ายเลยอยากนั่งอยู่เฉยๆ แทน



ปิ๊กมี่ไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน มันเลยไม่คุ้นกับคนเท่าไหร่นัก ถ้าเจอผู้ใหญ่อย่างไอ้โซลมันจะไม่เข้าใกล้ แต่ถ้าเจอเด็กตัวเล็กๆ มันจะวิ่งเข้าใส่ทันที



“คุณชายมีอะไรจะบัญชาอีกไหมครับ”



ผมถลึงตาใส่ ไอ้โซลหัวเราะร่วน กระตุกสายจูงเล็กน้อย ปิ๊กมี่หันมามองผม ดูอาลัยอาวรณ์ ผมเลยตบก้นมันไปเบาๆ “ไปกับโซลนะ อย่าดื้อ”



พอหนึ่งคนกับหนึ่งตัววิ่งออกไป ผมเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วก็เห็นว่าผมไม่ต้องตอบไอ้น้องกันแล้วแล้ว



Kanta Gun อย่ามายุ่งกับโพสนี้ กูจะคุยกับพี่ซีนโว้ย

Miki Miki ไอ้กัน 5555555

Peerapong S. Ball ขอบคุณพี่ซีนที่รับแอดครับ

Tim PK  พวกเชี่ยอะไรกับเพื่อนกูเนี่ย

Kanta Gun  @Tim PK  ผมชอบเพื่อนพี่ครับ

Scene W.  หยุดได้แล้ว เดี๋ยวกูบล็อกให้หมด

Kanta Gun  ไม่หยุด แน่จริงมึงให้พี่เขาพิมพ์เอง!!




มีเพื่อนไอ้โซลอีกหลายคนที่ส่งคำขอเป็นเพื่อนมาเพิ่ม ผมจำชื่อไม่ได้เท่าไหร่แต่จำหน้าได้เลยกดรับเอาไว้ทั้งหมด แล้วก็โทรไปบอกม้าว่าซื้อวัตถุดิบอาหารเย็นวันนี้มาแล้วก่อนจะเก็บเครื่องมือสื่อสารใส่กระเป๋า มองดูผู้คนเดินเล่น ไม่ก็พูดคุยกัน



บรรยากาศสบายๆ พาให้ใจผมนิ่งลงบ้าง แต่ละวันใช้เวลาไปกับการเร่งรีบ ตื่นเช้า ทำงานจนเช้า ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วไปหมด รวมถึงคนที่กำลังแกล้งหมาผมอยู่ไกลๆ โน่นด้วย...



แต่นั่น...ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ได้ใช้เวลาในการซึมซับความรู้สึกเหล่านั้น



ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นเมื่อไอ้โซลมองมาทางนี้ โบกมือให้ ก่อนจะเดินตามแรงกระตุกของสัตว์เลี้ยงของผม



คุณป้าที่อยู่บ้านใกล้ๆ เดินมาทัก บอกว่าดังใหญ่แล้ว ผมโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน คิดไม่ถึงว่าคุณป้าจะดูซีรีส์แนวนี้ด้วย ผมนั่งคุยไปเรื่อยเปื่อย สักพักแกก็ขอตัวกลับบ้านก่อน ผมไม่ได้ดูที่ตัวเองแสดงเลยสักตอน ที่จริงหาเวลาดูได้แต่เลือกไม่ดูมากกว่า แค่เช็คมอนิเตอร์ตอนถ่ายเสร็จก็เขินจะแย่แล้ว



 ไอ้โซลวนรอบสวนไปสามรอบเห็นจะได้ มันเดินเหงื่อซกกลับมาต่างกับปิ๊กมี่ที่ยังอเลิร์ทอยู่ อีกคนปล่อยหมาวิ่งมาหาผม ส่วนมันทรุดตัวนั่งลงข้างๆ



“อะไร แค่นี้ทำเหนื่อย”



“หมาพี่วิ่งไม่หยุด” มันหอบ ใช้หลังมือเช็ดเหงื่อที่หยดลงมา “ขาสั้นๆ แท้ๆ”



“โฮ่ง!”



“ด่ามันเลย”



“มันชมผมหรอก”



“ฟังรู้เรื่องด้วย ตัวนี้พันธุ์อะไรวะเนี่ย”



“พันธุ์ดีนะครับ อยากเลี้ยงไหมล่ะ”



“เลี้ยงไม่น่าเชื่อง เปลืองข้าวเปล่าๆ”



ไอ้โซลหัวเราะในลำคอ “ใช่ครับ พันธุ์นี้รู้สึกจะชอบคิดไม่ซื่อกับเจ้านาย”



เห็นไหม ไม่น่าเลี้ยงจริงๆ ด้วย!



“กลับบ้านดีกว่า ม้าน่าจะถึงแล้วแหละ”



ผมลุกขึ้น ไอ้โซลก็ลุกตาม มันยิ้มๆ ไม่ได้ว่าอะไร ปิ๊กมี่ขยับตัวดุ๊กดิ๊ก เหมือนอยากจะเล่นต่อไม่ก็รำคาญอะไรสักอย่างผมเลยคิดว่าเป็นปลอกคอ



“เพราะอ้วนไงเลยเป็นแบบนี้ ต้องพาไปว่ายน้ำด้วยแล้ว” พอถอดปลอกคอออกให้มันก็สะบัดหัว ดูสบายขึ้นเยอะ คึกกว่าเดิมอีก



เราเดินกลับกันแบบไม่รีบเร่งอะไร ม้าเพิ่งโทรมาบอกว่าถึงบ้านแล้วก็จะลงมือทำอาหารไว้รอ ปิ๊กมี่วิ่งอ้อมหน้าอ้อมหลัง มันไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอก ผมเลยมองตามมันตลอด



“ทำไมไม่อุ้มมันเลยล่ะครับ” ไอ้โซลพูดขึ้น มันคงรู้ว่าผมเป็นห่วง “ผมอุ้มให้ไหม”



“อย่าเลย มันหนักจะตาย”



เมื่อกี้มันก็พาหมาผมไปวิ่งเล่นแล้ว ไม่อยากให้มันเหนื่อยเพิ่ม ผมจับตามองมันอยู่ตลอดเลยคิดว่าคงไม่เป็นอะไรหรอก จนกระทั่งมันเห็นหมาตัวอื่นอยู่ฝั่งตรงข้าม อะไรไม่รู้ทำให้มันพุ่งออกไปทันที ถึงแม้มันจะอยู่ในสายตาผมตลอดก็จริง แต่ผมห้ามมันเอาไว้ไม่ทัน



“ปิ๊กมี่!” รถยนต์คนหนึ่งตรงมาทางนี้ ผมจะวิ่งออกไปแต่โดนไอ้โซลคว้าตัวเอาไว้ก่อน เสียงล้อเบียดถนนดังจนต้องยกมือปิดหู ใจผมหล่นวูบ ตั้งสติได้ก็ดันตัวไอ้โซลออก ทรุดลงกับพื้นอ้าแขนรับปิ๊กมี่ที่วิ่งหูตกเข้ามาหา



ผมเอ่ยขอโทษออกไปเสียงสั่น คนขับรถคือสามีของคุณป้าแถวบ้าน โชคดีที่เขาไม่ว่าอะไรและเบรกได้ทัน



สัตว์เลี้ยงในอ้อมกอดครางหงิง ผมกอดมันแน่น ผมแทบไม่เคยปล่อยมันออกนอกบ้าน แต่ยังกล้าเอาสายจูงออก คิดแต่ว่ามันอยู่ในสายตาคงไม่เป็นอะไร ไม่คิดเลยว่าจะจับมันเอาไว้ทันหรือเปล่า ผิดเพราะผมสะเพร่าเอง ไม่คิดให้รอบคอบ



เหตุการณ์นี้ทำเอาผมใจสั่นไม่หาย ผมกัดปาก น้ำตารื้นขึ้นมาจนได้ เมื่อกี้อีกแค่นิดเดียว...ผมก็จะได้ลิ้มรสความรู้สึกของการสูญเสียสิ่งที่รักไปแล้ว



“ไม่เป็นอะไรแล้ว” สัมผัสบางเบาวางลงบนศีรษะก่อนจะเลื่อนลงมาโอบที่หัวไหล่ ใจมันก็เต้นแรงไม่ต่างกัน “แต่อย่าพุ่งออกไปแบบนั้นอีกนะครับ”



“..ขอโทษ” ผมเอ่ยเสียงเบา



ไอ้โซลลูบหลังใหญ่ พึมพำว่าไม่เป็นอะไรแล้ว...ไม่เป็นอะไรแล้วอยู่อย่างนั้น...ปลอบทั้งคนปลอบทั้งหมา...





...





พอถึงบ้านก็ยังไม่ปล่อยมันไปไหน ป๊าม้ารู้เรื่องก็มาช่วยปลอบ ที่จริงผมก็ปลอบตัวเองไปด้วย สักพักปิ๊กมี่ก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม ผมเลยรู้สึกดีขึ้น จะเข้าไปช่วยม้าทำกับข้าวแต่โดนไล่ออกมา บอกให้อยู่เป็นเพื่อนไอ้โซล



ไอ้โซลนั่งคุยกับป๊าหน้าตาเฉย ดูจะเข้ากันได้ดี ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะป๊าม้าของผมใจดีอยู่แล้ว



“แล้วจะทำงานในวงการต่อเลยไหมจ๊ะ” ม้าถามขึ้นระหว่างกินข้าว แน่นอนว่าไม่ได้ถามผม เพราะม้าคงรู้คำตอบอยู่แล้ว



ไอ้โซลเหลือบมองผมนิดหน่อย “ก็...ดูก่อนครับ”



“หืม ตอนนี้เรียนอะไรน่ะเรา” ป๊าถาม “แล้วทำไมถึงมาแสดงล่ะ”



“ผมเรียนสถาปัตย์ฯ ครับ พอดีพี่ปุ้ยขอผมเลยลองเล่นดู”



“นึกว่าเรียนเกี่ยวกับการแสดงซะอีก” ม้าว่า ตักกับข้าวใส่จานมัน “ถ้าชอบก็ดีเลยนะ โซลขึ้นกล้องมากๆ”



“ใช่ แสดงดีกว่าซีนด้วย”



“อ้าว ป๊า”



“ก็เราไม่ชอบให้ชมไม่ใช่เหรอ” ป๊าถามหน้าตาย ตอนที่ซีรีส์ออนแอร์ไป ม้าน่ะโทรชมแต่ป๊าน่ะแซว!



“แล้วแต่ป๊าเลย” ผมมุ่ยหน้า ก้มหน้าก้มตาจัดการข้าวตรงหน้าต่อ อีกสามคนที่นั่งร่วมโต๊ะหัวเราะร่วน



“เฮียได้ทักมาหรือเปล่า ตอนที่ม้าบอกว่าซีนได้แสดงนะโมโหใหญ่ บอกว่าซีนทำไม่ได้หรอก ตอนนี้เป็นไง ลูกม้าทำดีเหมือนม้าสมัยสาวๆ ไม่มีผิด” หน้าตาม้าดูสะใจ ตอนนั้นเฮียโวยวายจริงจังว่าไม่ให้ผมแสดง แต่ผมรับปากไปแล้ว แคสก็แล้ว ก็เลยเลยตามเลย



“วิดีโอคอลมาแต่ผมไม่ได้รับ ไลน์ไปก็ไม่ยอมตอบ” ตอนแรกที่ได้แสดงเฮียก็อยากให้ถอนตัวแต่เจอม้าดราม่าใส่เข้าไปเฮียก็จอด ไม่ได้อะไรกับผมอีก จนซีรีส์ออนแอร์ไปเนี่ยก็เหมือนจะตึงๆ ใส่ผมอีกรอบ “ถ้าเฮียโกรธผม ใครจะรับผิดชอบ”



“คัทจะโกรธเราทำไม ไม่มีเหตุผล เดี๋ยวม้าจัดการเอง”



ไม่ได้ช่วยให้ผมสบายใจขึ้นเลย ส่วนมากเฮียจะแค่เป็นห่วงซะมากกว่า ไม่เคยได้โกรธจริงๆ หรอก แต่ผมก็ไม่อยากให้เฮียทำหน้าโหดอยู่ดีแม้จะชินแล้วก็เถอะ



“โซลล่ะมีพี่น้องหรือเปล่า”



“ผมลูกคนเดียวครับ”



“เหงาไหม” ม้าถามเหมือนผมเปี๊ยบ อาจเพราะขนาดผมมีเฮียคัท ตอนเด็กๆ ถ้าเฮียไม่อยู่สภาพผมยังกับเด็กถูกทิ้ง หงอยเหงาดูน่าสงสารมากจนม้ายังแอบคิดว่าจะมีน้องอีกคนเพิ่มเพื่อให้มาเล่นกับผมดีหรือเปล่า



“นิดหน่อยครับ ตอนนี้มีพี่ซีน ไม่เหงาแล้ว” ผมถลึงตามองมัน แต่มันกลับทำแค่นั่งกินข้าวต่อเหมือนไม่ได้ตอบอะไรที่ผิดสังเกต



“ดีแล้ว ดูแลกันไปเนอะ”



“ครับ” มันรับคำก่อนจะแอบหันมายักคิ้วให้ผมทีหนึ่งด้วย



กวนตีน!



“แล้วมาเล่นแนวนี้แฟนเราไม่ว่าเหรอ”



“แค่ก!”



“ซีน ม้าเคยบอกให้กินช้าๆ ไง” ม้าว่าไม่จริงจังนัก ยื่นกระดาษทิชชู่ให้



ก็ดูสิ ป๊าถามอะไรออกมาก็ไม่รู้!



“ไม่ว่าหรอกครับ” ไอ้พระเอกตอบกลั้วหัวเราะ มือยังคงลูบหลังให้ผมอยู่



“มันเป็นงาน ก็ดีแล้วที่เขาเข้าใจ”



ผมลอบถอนหายใจที่ป๊าไม่ได้ถามอะไรต่อ...แต่อยู่ๆ ก็รู้สึกเกร็งขึ้นมาทั้งที่ที่นี่คือบ้านผมแท้ๆ



สองทุ่มกว่าๆ ผมยังไม่อยากกลับเลยบอกไอ้โซลให้นอนที่นี่มันซะเลย เล่นกับปิ๊กมี่ย่อยอาหารสักพักก็ขึ้นไปอาบน้ำ จัดการตัวเองเรียบร้อยก็ไปค้นเอาเสื้อผ้าเฮียคัทวางเตรียมไว้ให้มันเพราะตัวเท่าๆ กัน



ระหว่างที่มันอาบน้ำผมก็ไปเล่นในห้องม้า กลับมาก็เห็นมันอาบน้ำเสร็จแล้ว



“นี่ชุด น่าจะใส่ได้นะ” ผมหยิบเสื้อมาสะบัดออก พยายามเมินไอ้ท่อนบนบ่อยเปลือยๆ นั่น ลองเอาเสื้อทาบที่ตัวมันดู



“ใส่ให้หน่อยสิครับ”



“ใช่เรื่องไหม” ผมยัดเสื้อให้มัน มันรับเอาไว้โยนไปที่เตียงเหมือนเดิม



“พี่ชายพี่ดุเหรอ”



ผมคิดนิดนึงก่อนจะสั่นหัว “ไม่นะ ถามทำไม”



“จะได้เตรียมตัวไว้ เผื่อไม่ยอมยกน้องชายให้” มันอมยิ้ม “มีน้องแบบนี้ไม่หวงไม่รู้จะว่ายังไง”



“กูเป็นผู้ชายนะเว้ย” มาหงมาหวงอะไรเล่า ผมเดินเลี่ยงไปอีกทาง หยิบผ้าผืนเล็กให้มัน “เช็ดหัวซะ ใส่เสื้อผ้าเร็วๆ ด้วย โชว์อยู่ได้”



“ผมพาหมาพี่วิ่งรอบสวนเลยนะ เหนื่อยจะตาย ไม่มีแรงแล้ว”



“ถ้ามึงไม่ยอมใส่เสื้อผ้ากูจะไปนอนห้องม้— เฮ้ย!” 



ผมถูกดึงเข้าไปหา ช่วงเอวถูกรัดเอาไว้แน่น



“มึงทำอะไร นี่ในบ้านกูนะ!”



“ชู่ว เบาสิครับ เดี๋ยวก็ได้ฝากตัวเป็นลูกเขยวันนี้ซะหรอก”



ผมดิ้น แต่ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด แม่งเป็นงูหลามกลับชาติมาเกิดเหรอ



“ปล่อยสิวะ—”



ฟอด



“โซล!” ผมตะโกนลั่น ดิ้นพล่านยิ่งกว่าเดิม



 “ไม่มีกลิ่นบุหรี่แล้ว พี่ไม่มีข้อแก้ตัวแล้วนะครับ”



“แต่นี่มัน...อื้อ!”



ฟอด



“ดิ้นแล้วผ้าเช็ดตัวหลุดไม่รู้ด้วยนะ”



นั่นทำให้ผมชะงัก ลืมไปว่าทั้งตัวมันมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวแล้วตอนนี้ตัวผมก็แนบไปกับตัวมันเต็มๆ



“ม...มึงก็ปล่อยสิ”



“หอมผมคืนก่อน”



“ปล่อยก่อน”



“พี่จะชิ่งแน่ๆ”



“ห...เห็นกูเป็นคนยังไง ปล่อยก่อนแล้วจะทำ” แม่งรู้ทัน! ผมพยายามทำหน้าตาให้น่าสงสารที่สุด แต่มันส่ายหน้า



“วันนี้ผมหัวใจจะวายรู้ไหม”



“ขอโทษแล้วไง!”



“ไม่ให้อภัยครับ” ไอ้โซลก้มหน้าลงมาแต่ผมเบี่ยงหน้าหลบ ใช้มือปิดปากมันเอาไว้ แต่สัมผัสหยุ่นนุ่มกลับประทบลงบนฝ่ามือแทน รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าช็อตไปทั่วร่าง ผมเลยรีบชักมือออก



ฟอด



“โซล พอแล้ว” เริ่มกลายเป็นโอดครวญ หน้าร้อนจนจะไหม้ ทำอะไรไม่ได้สักอย่างนอกจากขอร้องมันอย่างเดียว



“ผมบอกว่าให้ทำยังไง”



ใครจะไปกล้าทำวะ แค่นี้ก็จะแย่แล้ว มันก็ทำเอาผมหัวใจจะวายเหมือนกันนั่นแหละ! ผมหนีปัญหาโดยการซบลงกับไหล่มันซะเลย…แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังตามมาหอมอีกอยู่ได้



จมูกโด่งกดลงบนแก้มผมซ้ำๆ ย้ำอยู่อย่างนั้นจนต้องหดคอหนี



“อื้อออ” ผมอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ เยอะไปแล้วนะเว้ย



ก๊อกๆ



เสียงเคาะประตูทำเอาผมสะดุ้ง มองหน้าไอ้โซลเลิ่กลั่ก แต่มันทำเพียงเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ



“ซีน”



“ม...ม้า ม้ามา!” ผมว่าเสียงกระซิบ ร้อนรนจะออกจากวงแขนนี้แต่ไอ้โซลก็ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และไม่ยอมปล่อย



ก๊อกๆ



“นอนแล้วเหรอลูก”



“ยังครับ”



“ไอ้บ้าโซล!”



“งั้นม้าเข้าไปนะ”



ผมปิดปากมันเอาไว้ไม่ทัน เอี้ยวตัวไปมองที่ประตูเห็นลูกบิดหมุนกำลังจะเปิดออก ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยตัดสินใจเหยียบเท้ามันไปเต็มแรง



“โอ๊ย!”



“ทำอะไรกันอยู่ อ้าว โซลเป็นอะไรล่ะลูก”



ผมถอยห่างจากไอ้บ้านั่นห้าก้าว ส่งยิ้มให้ม้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “มันเตะขอบเตียงอะม้า โง่เนอะ”



“ว่าน้อง” ม้าดุไม่จริงจังพลางยื่นขวดน้ำให้ “เอาน้ำขึ้นมาให้ ดึกๆ จะได้ไม่ต้องลงไปข้างล่าง”



“ขอบคุณครับ”



“แล้วเราเป็นอะไร หน้าแดงคอแดง ไม่สบายหรือเปล่า”



“เปล่า!” ผมยกมือปิดหน้าตัวเอง “เมื่อกี้ผมทาครีมแล้ว...ถ...ถูหน้าแรงไปหน่อย”



“ค่อยๆ ทาสิ ไหนม้าดูซิ” ม้าเอื้อมมาลูบแก้มผมเบาๆ ผมเลยก้มตัวลงไปซบที่ไหล่ผู้หญิงตรงหน้า กอดเอวอวบๆ ไว้ ได้ยินไอ้คนที่ลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงหลุดขำก็ตวัดสายตามองมันเคืองๆ ยังมีหน้ามาขำอีก!



“อ้อนเป็นเด็ก อายน้องบ้างไหมเนี่ย”



ผมสั่นหัว อยากตะโกนออกไปว่ามันเพิ่งรังแกลูกม้า!



“ม้าจะไปนอนแล้ว นี่ก็รีบๆ นอนซะนะ” สักพักม้าก็ผละออก แต่ผมยังกอดเอาไว้แน่น



“จะไปแล้วเหรอม้า”



ผมมองตาละห้อย ม้าคิดว่าผมคงอ้อนทั่วๆ ไปเลยแค่หยิกแก้มเบาๆ แล้วออกไปจากห้อง



“ทำไมมองผมแบบนั้นล่ะ ก็พี่บอกเองว่าถ้าสูบบุหรี่ก็ไม่ต้องเข้าใกล้ นี่ผมไม่มีกลิ่นบุหรี่แล้วแสดงว่าเข้าใกล้ได้”



ผมยกมือปิดแก้มที่ร้อนขึ้นมาอีกรอบ คำพูดของผมแม่งเหมือนกฎหมายที่มีช่องโหว่ แล้วดูท่ามันจะหาทางซอกแซกเอาประโยชน์เข้าตัวเองจนได้ 



“พอเลยนะ”



“ที่จริงก็ยังไม่พอเท่าไหร่”



“กูจะไปนอนห้องม้าจริงๆ ด้วย”



มันหัวเราะ “กลัวอะไรกันครับ”



“ไม่รู้แหละ แต่มึงห้าม...ห้ามทำแบบนี้ไปอีกนานๆ เลย”



ไอ้โซลโคลงศีรษะก่อนจะพยักหน้าอย่างจำยอม “ก็ได้ครับ มานอนเถอะ ผมไม่แกล้งแล้ว”



ผมขยับเข้าไปใกล้เตียงเมื่อเห็นมันแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว สอดตัวเข้าไปใต้ผ้านวมผืนใหญ่ ไอ้โซลนั่งเช็คโทรศัพท์นิดหน่อยก่อนจะเดินไปปิดไฟ ผมยังไม่ได้ปิดตาลง ในความมืดเห็นเงาตะคุ่มๆ กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ ไม่ทันฉุกใจอะไรก็โดนมันรวบเอาไว้ทั้งตัว...อีกแล้ว!



ฟอด



“ฝันดีครับ”



“มึงรับปากไปแล้วไง!”



“ผ่านไปห้านาทีแล้ว คิดเป็นวินาทีก็สามร้อยวิเลยนะครับ ยังไม่นานพออีกเหรอ” แม้ทั้งห้องจะมืดแต่ผมกลับรู้สึกได้ว่ามันถามหน้าซื่อ พร้อมหัวเราะในลำคอแบบน่าถีบมาก



“งั้นห้ามเข้ามาใกล้หนึ่งอาทิตย์!”



“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ” มันส่ายหน้า ดวงตาผมเริ่มปรับแสงได้ เห็นมันยกยิ้มจนเห็นฟันเขี้ยว “อีกอย่างลืมไปแล้วเหรอว่าพรุ่งนี้เราต้องถ่ายฉากอะไร”



ผมอ้าปากค้าง เถียงไม่ออก



ไอ้โซลลูบหัวผมเบาๆ กดจมูกลงมาอีกรอบหนึ่ง “สุดท้ายแล้วครับ กลัวแก้มพี่ช้ำ”





แล้วนี่ยัง...ไม่ช้ำอีกเหรอวะ!?







-

คนน้องได้ไปกี่ฟอด...(10 คะแนน)

ฮี่ๆๆๆๆๆๆ  :katai5:

ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ค่ะ ^ ^

#ข้างหลังฉาก #โซลซีน

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
หอมอะไรขนาดนี้ พี่เขาช้ำหมดลูก  :z2:

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
โง้ยยยยปิ๊กมี่น่าร้ากกกกกก อยากเลี้ยงตามซีนเลยเนี่ย
เป็นแฟนกันแล้วมิ้งกันจังเลยน้าาา แหมมม อยากรู้ตอนพี่คัทกลับมาเลยจะเป็นยังไงน้อออ จะมีฉากหวงน้องมั้ย รอนะฮ้าฟฟฟ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :o8: หลายฟอดเลย

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ได้กำไรหลายอยู่นะโซล ฮาาาา

ว่าแต่ท่าทางพี่ชายจะหวงนะเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอ๊ะ......โซล หอมแก้มซีน  :o8: :-[ :impress2:
โซล มีหอมซีน ย้ำๆ ด้วย   :ling1: :ling1: :ling1:
โซล ช่างกล้า หอมลูกเขา ในบ้านที่พ่อแม่อยู่ซะด้วย
ดูท่า โซลเก็บกดนะเนี่ย แต่คนอ่านชอบบบบบ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ insunhwen

  • FREEDOM!!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2628
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
แต๊ะอั๋งตลอดอ่าาา พระเอกคนนี้ 555

ออฟไลน์ tang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ทำไมเขิน อิอิ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
หมั่นไส้55
 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
หวานไปค่ะ

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เบาหวานขึ้นตา

ออฟไลน์ kail

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ถ้าจะหอมแก้มกันขนาดนี้ กลืนพี่ซีนลงท้องไปซะเถอะน้องโซน 555

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
โซลหอมขนาดนี้ ซีนช้ำหมดแล้วมั้งงง555
หวานเหลือเกินนนนน
คบกันแล้วนี่หวานน้ำตาลขึ้นเลยย
รอฉากหน้าาค่าาา

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
แก้มพี่ซีนช้ำหมดแล้วม้างงง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เรือไม่ล่ม แถมมี service บนเรืออีกตั้งหากก

ออฟไลน์ tang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
วันนี้จะมาป่าว อิอิ

ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0

ตอนที่ 18







ผมตื่นเช้าลงมาจากห้องก็เห็นม้ากำลังเตรียมอาหารให้ ยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งรู้สึกไม่อยากไปทำงานเลย ถึงจะเป็นงานแค่ชั่วคราวก็เถอะ...แล้วก็ถึงอีกปีเดียวผมจะจบแล้วก็ตาม



“อ้อนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เป็นอะไร หื้ม” ผมเข้าไปกอดม้าจากทางด้านหลัง ได้กลับมาอยู่บ้านคืนเดียวเหมือนเติมพลังได้เยอะมาก ผมไม่เคยห่างจากบ้านไปนาน อย่างมากก็เข้าค่ายตอนเด็กๆ หรือไปเที่ยวกับเพื่อนไม่กี่วัน



“คิดถึงม้า”



“ก็กลับบ้านทุกอาทิตย์อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”



“เหมือนกันที่ไหน ปกติผมอยู่กับม้าทุกวัน”



“ถ่ายทำใกล้เสร็จแล้วนี่”



“อีกตั้งเดือนกว่าๆ”



“เริ่มงอแงแล้ว โซลดูสิ”



ม้าว่าขำๆ เดินไปไหนผมก็ติดหนึบตามไปด้วย จนม้าต้องมาแกะมือผมออก ดันให้นั่งลงกับเก้าอี้แล้วก็สั่งให้กินข้าวซะ



“เอาอีกปะ” ผมถามคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม ไอ้โซลส่ายหน้า ที่จริงมันยังกินไม่หมดหรอกแต่ผมคิดว่าแค่ข้าวต้มคงไม่อยู่ท้อง



เราจัดการอาหารกันเงียบๆ ป๊าเข้าบริษัทไปตั้งแต่เช้า ม้าพอเคลียร์งานครัวเสร็จก็พาพี่ที่มาทำความสะอาดบ้านขึ้นไปชั้นสอง ดูว่าต้องทำความสะอาดส่วนไหนเป็นพิเศษบ้าง



“อยากกลับมาอยู่บ้านไหมครับ”



จู่ๆ มันก็ถามขึ้น ผมเหลือบขึ้นมอง ไอ้โซลไม่ได้มีสีหน้าล้อเล่นแต่อย่างใด



“ให้กูขับรถแล้วเหรอ”



“ผมมารับได้ ที่จริงก็ไม่ได้ไกลอะไรมากหรอก”



ไอ้ไม่ไกลอะไรมากเนี่ยก็คือคำว่าไกลอยู่ดี บวกกับสภาพหลังจากการทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมงอีก



“ไม่เอา”



“ผมไม่อยากบังคับพี่”



“คิดว่าบังคับกูได้เหรอ”



ที่จริงแล้วมันเป็นแค่ความจำเป็นที่ผมเห็นว่าไปค้างกับมันก็ดี มีเหตุผลสนับสนุนมากพอสมควร ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ แต่ถ้าหากว่าสิ่งนี้ฝืนใจ คิดว่าผมจะทนอยู่กับมันได้มาเป็นอาทิตย์ๆ แบบนี้เหรอ



“ไม่รู้สิครับ แค่ไม่อยากให้พี่รู้สึกแย่”



“ไม่เต็มใจไม่อยู่ด้วยหรอกเว้ย” จะต้องให้พูดออกมาทำไมวะ ผมกอดอก “กูไม่ให้มารับมาส่งแบบเมื่อก่อน กูจะอยู่กับมึง เมื่อกี้แค่คิดถึงม้าเฉยๆ เข้าใจไหม!”



ไอ้โซลดูอึ้งไปนิด พยักหน้าน้อยๆ



“ไม่เปลี่ยนใจ?”



“ไม่”



“แต่ถ้าเปลี่ยนใจทีหลัง...พี่ต้องอ้อนจนกว่าผมจะพอใจ”



“ไม่มีวันนั้นหรอก!”



มันยักไหล่ “เห็นแบบนี้แล้ว ผมอยากทำให้พี่คิดถึงผมจนไม่อยากห่างเลยเหมือนกันแฮะ”



“ฝันไปเหอะ”



“คอยดูตอนเปิดเทอมเถอะครับ”



“ใครกันแน่ที่ไม่อยากห่าง”



“ก็ต้องเป็นผมสิครับ”



ไม่น่าปากไวเลยไหมล่ะ...กลายเป็นผมที่หน้าร้อนเสียเอง ยิ่งเถียงไปน่าจะยิ่งเข้าตัว ผมเลยตัดบทมันซะเลย



“รีบกิน จะสายแล้วเห็นไหม”











วันนี้เฟิร์สมีคิวถ่ายด้วย หลังจากวันนั้นที่โรงหนังผมก็ไม่ได้เจอเฟิร์ส ถึงแม้จะไลน์มาขอโทษแล้วก็ตามแต่ผมก็ยังรู้สึกเข้าหน้าไม่ติดอยู่ดี ไม่ใช่เพราะผมติดใจเรื่องนั้นแต่เป็นเพราะผมรู้แล้วว่าเฟิร์สคิดยังไงกับผมต่างหาก



‘ที่ผมไม่ชอบให้พี่อยู่กับมันก็เพราะผมหวง และเพราะผมรู้ว่ามันรู้สึกกับพี่...เหมือนที่ผมรู้สึก’



ทำไมผมไม่เคยรู้เลย แต่พอได้ทบทวนดูดีๆ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าที่เฟิร์สแสดงออกเหมือนไอ้โซลไม่มีผิด ผมแค่รู้สึกแปลกๆ แล้วก็ทำตัวไม่ถูกเฉยๆ แต่ก่อนคิดว่าเข้าหาเพราะเราอายุเท่ากัน เวลาเฟิร์สเสนอช่วยนั่น ดูแลนี่ก็คิดแค่ว่าตามประสาเพื่อนทั่วไป



“หมาเราคลอดลูกแหละ ซีนสนใจไหม”



“ไม่ไหวหรอก ตัวเดียวก็จะแย่แล้ว” ผมว่า ขณะที่สายตามองซ้ายมองขวา อยู่ๆ ก็อึดอัดขึ้นมาเสียอย่างนั้น วันนี้ทั้งวันไอ้โซลไม่ยอมให้เฟิร์สเข้าใกล้ผมเหมือนเดิม อย่างที่มันเคยทำมาโดยตลอด ยกเว้นแต่ตอนที่มันเข้าฉาก แล้วตอนนี้ถ่ายเสร็จแต่ทีมงานก็ดึงมันไปไหนก็ไม่รู้



“ถ้าเปลี่ยนใจบอกเราได้ เดี๋ยวเก็บไว้ให้”



“คงไม่อะ เฟิร์สให้คนอื่นไปเถอะ”



ผมพยายามทำตัวเป็นปกติ แต่กลับเอาแต่เลี่ยงสบสายตาที่ส่งมาแปลกๆ นั่น แสร้งก้มหน้าดูบทในมือทั้งที่ก็อ่านไม่เข้าหัวเลยสักนิด



“ซีนยังโกรธเราอยู่เหรอ”



“เปล่า” ผมหันไปมองคนข้างๆ อย่างตกใจ “บอกแล้วไงว่าเราไม่ได้โกรธ”



“แต่วันนั้นเราขอโทษจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจทำให้ซีนเสียความรู้สึก”



“ไม่เป็นไร เราแค่ไม่อยากให้ทะเลาะกัน”



“ส่วนที่ซีนถามว่ามีเรื่องอะไรกัน...”



“ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร เราไม่รู้ก็ได้”



ไม่รู้จะทำตัวยังไง เฟิร์สเหมือนเดิมทุกอย่าง ตอนไม่รู้ก็ยังคุยปกติได้ แต่พอทำไมรู้แล้วผมเป็นแบบนี้วะ



ผมเริ่มนั่งไม่นิ่ง กลัวว่าเฟิร์สจะพูดสิ่งนั้นออกมา เรานั่งอยู่ตรงนี้กันสองคน คนอื่นไม่มีใครสนใจเราด้วยซ้ำ



“เราว่า...”



“ห...หื้อ?!”



อยู่ๆ อีกคนก็พูดขึ้น ผมสะดุ้ง ปล่อยบทในมือตกลงพื้น



“ซีนดูเหมือนพักผ่อนไม่พอเลย เป็นอะไรหรือเปล่า”



“นอนดึกน่ะ” ผมก้มลงไปเก็บบทละครที่นอนอยู่บนพื้น พอดีกับเฟิร์สที่เอื้อมมือมา...แต่พอหลังมือผมโดนสัมผัสของเฟิร์สแค่นิดเดียวก็รีบชักมือออกเหมือนโดนน้ำร้อนลวก



“ท...โทษที” ผมแสร้งยิ้ม “เราตกใจน่ะ”



“..ไม่เป็นไร”



อีกฝ่ายดูอึ้งไปนิดก่อนจะยิ้มให้...แต่ในแววตากลับเหมือนจะเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น











ผมไม่มีสมาธิเลย...แม้แต่นิดก็ไม่มี



พยายามจดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำตรงหน้า แต่ทั้งตื่นเต้น ประหม่า และก็...อายจนเครียดไปหมด แล้วยังต้องมากังวลกับความรู้สึกผิดลึกๆ ในใจนี่ด้วย



ผมนั่งอยู่บนโต๊ะขนาดใหญ่ในห้องเลคเชอร์ แอร์เย็นเฉียบแต่มือผมชื้นเหงื่อ พี่โป้งพูดอะไรก็ไม่เข้าหัวผมสักนิด ได้แต่พยักหน้าไปอย่างนั้น แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ต้องพูดอะไรอยู่แล้ว นั่งนิ่งๆ ให้ไอ้พระเอกมันยื่นหน้าเข้ามาหาก็พอ...



ที่จริงก็ไม่นิ่งหรอก ผมต้องร้องไห้...ทั้งที่ตอนนี้อะไรในหัวเต็มไปหมด ธรรมดาท่ามกลางคนเยอะๆ แบบนี้ก็ร้องไม่ออกอยู่แล้ว พอยิ่งมีเรื่องให้กังวล สมาธิก็กระเจิง หางตาผมเห็นเฟิร์สนั่งอยู่กับพี่ปุ้ย มองมาทางนี้...ทำเหมือนรู้อะไรสักอย่าง



ผมร้องไห้ไม่ได้...ทำยังไงน้ำตาก็ไม่ไหล



พยายามคิดเรื่องที่เศร้าที่สุดก็คิดไม่ออก อยู่ๆ จะมาให้บีบน้ำตาผมทำไม่ได้หรอก



“มึงจะไม่มีเรื่องเศร้าเลยเหรอ”



“ไม่มีนะครับ”



“เออ ไอ้คนชีวิตดี!”



พี่โป้งกุมขมับ เรื่องเศร้าที่ผมพอนึกได้ก็คือตอนเฮียคัทไปเรียนต่อต่างประเทศ ไม่เคยห่างเฮียนานเลยน้ำตาตก ถึงแม้จะบินไปหาได้แต่ก็ไม่ค่อยมีเวลา ผมเศร้าไปพักหนึ่งแต่ตอนนี้ชินแล้ว ไม่ได้อินแบบตอนนั้นแล้วสักหน่อย



ผมเกาต้นคอ ยิ้มแห้ง ลองคิดตามความรู้สึกตัวละครแล้วนะแต่มันร้องไม่ออกจริงๆ ตอนนี้เริ่มง่วงๆ แล้ว ไม่รู้ใช้น้ำตาตอนหาวได้หรือเปล่า มันจะพอไหม



“ไอ้โซล จัดการดิ๊”



ผู้กำกับทำหน้าหน่าย ปัดความรับผิดชอบมาที่ไอ้พระเอกที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมแทน



“เป็นอะไรครับ ขมวดคิ้ว”



“เปล่า ก็ทำไม่ได้นี่ไง”



“ถ้าผมทำให้พี่เสียใจ พี่จะร้องไห้หรือเปล่า”



“กูจะต่อยมึง”



“โอย น่ากลัว”



แล้วผมก็ทุบปั้กไปตรงหน้าอกมัน



มันหัวเราะ ลูบเบาๆ  ตรงที่โดนกำปั้น ก่อนจะคิดหาวิธีอย่างจริงจัง



“เอางี้นะครับ สมมติว่าผมโดนรถชน…”



“จะแช่งตัวเองทำไมเล่า!”



“สมมติเฉยๆ ลองคิดดูสิครับ เสียใจหรือเปล่า”



เข้าใจว่ามันทำแบบนี้ไปทำไมแต่ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย “ไม่เอา เปลี่ยนเรื่องได้ไหม”



“อืม...”



ผมแกว่งขาไปมา โดนขามันบ้าง เตะอากาศบ้าง จู่ๆ มันก็เอามือมาดันคางให้ผมเงยหน้าขึ้น



“งั้นฟังผม คิดภาพตามนะครับ”



ผมพยักหน้าเล็กน้อย ตั้งใจฟังสิ่งที่มันกำลังจะพูด



“เมื่อวาน...” สีหน้าของมันจริงจัง “ถ้าลุงคนนั้นเบรกรถไม่ทันล่ะก็...”



“…”



“พี่ได้ยินเสียงล้อรถที่บดกับถนนใช่ไหม”



...ในใจผมกระตุกวูบ



“คิดดูสิ ถ้าปิ๊กมี่โดนชน...แล้วเหยียบซ้ำ”



“…”



“มันก็คงสมองไหล ไส้ทะลัก เลือดนองเต็มถนน...”



“เชี่ยโซล กูว่ามันขยะแขยงมากกว่านะ...เฮ้ย...”





“..ฮึก...ไอ้ชั่ว...”





น้ำตาแม่ง...ไหลจริง



...ไหลลงมาเหมือนเขื่อนแตก



ความรู้สึกของเมื่อวานกลับมาอีกครั้ง มันเป็นภาพที่ผมไม่อยากจะคิดถ้าลุงคนนั้นเบรกไม่ทันจริงๆ



ผมไม่เคยสูญเสียสิ่งที่รักไป...แล้วถ้าเกิดเป็นอย่างนั้น แค่คิดหัวใจก็ดิ่งลงเหวแล้ว



“ฮึก...ฮือ...”



อยากยกมือจะเช็ดน้ำตาออกแต่นึกขึ้นได้ว่าถ่ายอยู่เลยก้มหน้าปล่อยน้ำตาไหลอยู่อย่างนั้น



ไอ้โซลขยับเข้ามาใกล้ มือข้างหนึ่งแนบข้างแก้มผมเอาไว้ และเหมือนเป็นการบังคับให้เงยหน้าขึ้นมองมัน



ตาผมพร่าไปหมด กะพริบตาครั้งหนึ่ง น้ำใสใสก็กลิ้งหล่นลงมา แต่ครั้งนี้มีเรียวนิ้วของอีกคนช่วยเกลี่ยให้แผ่วเบา



“อย่าร้องไห้”



เป็นคำพูดตามบท...ที่ไม่ได้ช่วยให้ผมหยุดร้อง



“อย่าร้อง...”



จนกระทั่งตอนที่ริมฝีปากของมันทาบลงมา...ตอนที่ผมเผลอกลั้นหายใจ



ในหัวไม่หลงเหลือภาพอะไรทั้งนั้น มันว่างเปล่า ร่างกายเหมือนเลือกซึมซับแค่เพียงสัมผัสแผ่วเบาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก



เราค้างอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน จนได้ยินเสียงพี่โป้งตะโกนผ่านโทรโข่ง...





 “คัท! ไอ้โซลมึงเอียงหน้าผิดด้าน!”





เราสะดุ้ง ผละออกจากกัน ผมทำหน้าไม่ถูก ไม่กล้ามองหน้าไอ้พระเอกเลย



 “ล...แล้วทำไมพี่ไม่รีบบอกเล่า!”



“เห็นพวกมึงเคลิ้ม กูไม่อยากขัด”



พี่โป้งกระตุกยิ้ม ผมกัดปาก ก้มหน้าลงมองตักตัวเองแทน หัวใจเต้นโครมครามจนอยากจับไว้ให้อยู่นิ่งๆ กลัวไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะได้ยินเหลือเกิน



เราถ่ายกันอีกเทค...และมันก็...



“คัท! ไอ้โซลอย่าด๊วฟ เอาปากแตะเฉยๆ!”



...อีกเทค...



“คัท! ไอ้โซลเอานุ่มนวลหน่อย มึงจะขยี้ทำไม!”



…อีกเทค...



“คัท! กูบอกให้เอาปากแตะเฉยๆ ไง!”



จนเทคสุดท้าย น้ำตาผมกลับไหลลงมาเรื่อยๆ มันไม่ใช่เขื่อนแตกแบบตอนแรก และในหัวผมไม่มีเรื่องปิ๊กมี่อยู่แล้วด้วย



“ไอ้ซีนร้องไม่หยุดเลยทีนี้ พามันไปปลอบไป”



ผมก้มหน้างุด ไม่กล้ามองใคร เดินตามแรงจูงของไอ้โซล มันพาผมเข้ามาอีกห้องหนึ่ง มีแค่แสงอ่อนๆ ของพระอาทิตย์ตอนเย็นส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ก็ดีที่มันจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าผมชัดนัก



“ผมขอโทษ” มันว่าเสียงอ่อย เช็ดน้ำตาให้ผม “ปิ๊กมี่ไม่เป็นอะไร เมื่อเช้าพี่เพิ่งเล่นกับมัน”



“..อืม”



“โกรธผมเหรอ…โกรธก็ได้แต่หยุดร้องก่อนนะครับ ตาแดงหมดแล้ว”



“ไม่ได้...โกรธ” ผมจะขยี้ตาแต่มันจับมือเอาไว้ แล้วขยับเข้ามากอด



“ทำไงถึงจะหยุดร้อง” มันโยกตัวผมไปมาเหมือนปลอบเด็ก “เดี๋ยวเลิกกองพากลับบ้านดีไหม”



“ไม่เอา”



“ผมผิดไปแล้ว ปิ๊กมี่ยังอยู่กับพี่นะครับ”



“ไม่ใช่แบบนั้น” ผมสูดน้ำมูก อยากขยี้ตาอีกรอบแต่มันก็จับมือเอาไว้อีก



“แล้วเป็นอะไรครับ หืม”



ที่จริงมันก็ไม่ไหลแล้วแหละ...แต่ยังสะอื้นไม่หาย ผมกัดปาก แล้วหลุบสายตาลง “..กูอาย”



“ครับ?”



“ก็มึง...” ทุบไปที่หน้าอกมันทีหนึ่ง “ทำตั้งหลายรอบ!”



ตอนนั้นไม่เห็นรอบข้าง ไม่ค่อยมีสติก็จริงแต่สัมผัสนั่นทำใจหวิวๆ ชอบกล จะหลบก็ไม่ได้ จะบอกว่าพอก็ไม่ได้ แล้วมันก็ยังนอกบทอีก...ในบทแค่เอาปากมาแตะๆ เฉยๆ ไม่ใช่ไง!?



“คนก็ตั้งเยอะ กู...ฮือ...” ร้องฮือไปอย่างนั้น ตาแห้งหมดแล้ว ออกจากห้องนี้ผมจะกล้ามองหน้าทีมงานได้ยังไง ปกติก็ล้อจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว



“โทษผมไม่ได้นะ”



ผมเผลอเหลือบขึ้นมองมันและ อา...คิดผิดจริงๆ ที่ทำแบบนั้น



เพราะแค่เผลอสบแววตาลุ่มลึกนั่นไม่ทันไรสัมผัสนุ่มๆ ก็แนบลงมาบนริมฝีปากผมอีกครั้งก่อนจะผละไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงความอุ่นร้อนที่ลามไปทั่วทั้งใบหน้า



ผมยืนนิ่งเป็นหินทั้งที่ใจจะระเบิด แต่ก็ไม่ยอมหลบสายตาของมัน



“ฉ...ฉวยโอกาส”



เสียงผมสั่น ทั้งยังเบาหวิว ไอ้โซลยกยิ้ม นิ้วมือของมันยังคงเกลี่ยข้างแก้มผมเล่นอย่างหยอกล้อ



“ก็อย่าเปิดโอกาสสิครับ”



“..ไม่ได้เปิดโอกาส!”



“ชอบทำตัวให้ผมอดใจไม่ไหวอยู่เรื่อย”



“ก...กูทำอะไร ไม่ได้ทำสักหน่อย”



“แล้วที่ช้อนตามองผมเมื่อกี้ล่ะ”



“ก็มึงสูง!”



“ขนาดนั้นเชียว”



“ทีหลังก็นั่งคุยกับกูสิ”



“จะนั่งจะยืนก็เหมือนเดิมแหละครับ” แก้มผมถูกดึงเบาๆ “ยังไงพี่ก็น่ารักมากอยู่ดี”



“..พูดอะไรวะ”



ผมตีมือมัน สะบัดหน้าออก อยากหาอะไรมาคลุมหน้าจริงๆ



“พรุ่งนี้เหมือนจะเลิกกองเร็ว อยากไปไหนไหม”



ผมเอามือถูจมูก ส่ายหน้า “อยู่ห้องดีกว่า”



“ไม่อยากกลับบ้านเหรอครับ”



“ค่อยกลับวันที่ไม่มีถ่ายก็ได้” อีกไม่กี่วันเอง “พรุ่งนี้จะได้มีเวลาทำอาหารด้วย ซื้อไว้ยังไม่ได้ทำเลย”



ส่วนมากเลิกกองแล้วก็กลับไปนอน ตื่นเช้ามากินข้าวที่กอง ไม่ได้แตะครัวเลยถ้าไม่ได้หยุดจริงๆ แต่พอหยุดก็ไปบ้านผมอีก กลัวของจะเสียซะก่อน



“ดีเลย จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน”



“..ก็อยู่ตลอด” ทำอย่างกับเคยห่าง



“แก้มแดงๆ นี่มันน่า...”



“อย่านะเว้ย” ผมถอยหนี ประกายวิบวับในตามันทำให้ผมรู้สึกถึงอันตราย ไม่รู้ว่าอยู่กับมันไปนานๆ เข้า สักวันอาจเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า



“โทษผมไม่ได้จริงๆ พี่ทำตัวเองทั้งนั้น”



ผมปิดปากมันเอาไว้ ลมหายใจร้อนๆ ที่กระทบมือทำเอารู้สึกหวิวในอก ผมถอยจนสะโพกติดกับโต๊ะ ไอ้โซลกดหน้าลงมาทั้งที่มือผมบังอยู่



“ไม่เอา พอแล้ว”



“ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” มันว่าเสียงอู้อี้



“แต่มึงกำลังจะทำ”



ผมพยายามดันหน้ามันออกไป แต่ใครจะไปสู้แรงมันได้ เบี่ยงหลบก็ไม่ได้ติดแขนมันอีก



“ออกไปนะเว้ย” ใช้สองมือขยำหน้ามันแม่งเลย อีกคนร้องโอย ผมหัวเราะจนตาปิด



“หน้าผมยับหมดแล้ว”



“งั้นก็ออกไปยืนห่างๆ”



“ยอมหน้ายับดีกว่า”



“ไอ้บ้า จะหยุดไม่หยุ—”



ผมชะงักเมื่อเห็นบางอย่างตรงประตู



“หือ มีอะไรครับ”



“..เปล่า” ผมดึงมือกลับ “ออกไปข้างนอกกันเถอะ”



เมื่อกี้เห็นเงาคนแวบๆ ห้องนี้อยู่อีกชั้นหนึ่งตอนลงมาไม่เห็นมีใคร แต่คงจะเป็นทีมงาน มาเห็นเราในห้องนี้ไม่ดีแน่ ผมไม่อยากโดนล้อไปมากกว่านี้หรอกนะ



ไอ้โซลเลิกคิ้วเหมือนยังคงสงสัย แต่ผมบอกปัดไปว่าไม่มีอะไร







-

ทำไมสั้นลงเรื่อยๆ ฮือ

ขอบคุณทุกคอมเมนท์มากๆ ค่ะ ติชมได้น้า ^ ^

#ข้างหลังฉาก #โซลซีน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2017 21:20:00 โดย zongpei96 »

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
น่ารักขึ้นเรื่อยๆๆๆๆ

ออฟไลน์ tang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เย้ๆๆ ขอบคุณครับ น่ารักๆ

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
กลัวใจจะมีดราม่า หวาดระแวงไปหมด  :hao5:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ตอนนี้โซลได้กำไรเยอะนะ หลายเทค  :hao7:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โซล ซีน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

บางทีก็นึกสงสารเฟิร์ส รักซีน แต่ซีนรักโซล

ตอนแรกซีน เค้นน้ำตายังไงก็ไม่ไหล
พอโซล บิ้วอารมณ์ น้ำตาไหลพรากๆเลย
พอไหล ก็ไหลไม่หยุด  ที่แท้อายที่โซลจูบเอาๆ

จนพี่ป๋องต้องสั่งให้โซลไปเบรกน้ำตาซีน
คนที่มาลับๆล่อๆหน้าห้อง จะใช่เฟิร์สมั้ยนะ

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
งุ้ยยยยพระเอกจอบเนียน จูบไปหลายเทคเลยนะ พี่ซีนเปลืองตัวหมด อิ๊ ทั้งขยี้ ทั้งด๊วฟ :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด