「Behind the Scene」 #ข้างหลังฉาก (End.) : ตอนพิเศษ : วานเลนไทน์ปีนี้ - (2/11/60)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 「Behind the Scene」 #ข้างหลังฉาก (End.) : ตอนพิเศษ : วานเลนไทน์ปีนี้ - (2/11/60)  (อ่าน 195623 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ซีน ไม่ชอบอ้อมค้อม
ชอบก็บอก รักก็บอก
คราวนี้ซีนรู้แล้ว
ทั้งความรู้สึกของโซลและของตัวเอง
บอกรักกันแล้ว  :ling1: :ling1: :ling1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
เขาเป็นแฟนกันแล้วววววว

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เรือออฟฟิเชียลมากกกกกกกก  :katai2-1:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao7:...น้องน่าหยิกพี่น่ารักกกก :ruready..ชอบมากๆค่ะ...มาต่อไวๆยาวๆนะค่ะ...เดี๋ยวคนอ่านอารมณ์ไม่ต่อเนื่อง.... o13

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
น่ารักมากเลยค่าาา ชอบบบบบมากกกกกห
เขิลจนตัวบิด ดีต่อใจมากๆ #โซลซีน จงเจริญ กรีสสสสส ถ้าแฟนคลับรู้คงกรี๊ดทวิตแตก

ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0

ตอนที่ 15







ผมตื่นขึ้นมาในตอนสายของวัน หลังจากพลิกไปพลิกมาอยู่นานก็ดันตัวเองขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ยกมือนวดข้างขมับเพราะอาการปวดหัวแต่ก็ไม่มากนัก ดีหน่อยที่วันนี้กองนัดบ่าย แต่จะให้ดีวันนี้ควรเป็นวันหยุด ผมอยากนอนต่อไปทั้งวันเลยให้ตายเถอะ



“ตื่นแล้วเหรอครับ”



“อืม—”



ผมนิ่งค้างไปนิด ก่อนจะตื่นเต็มตา ไอ้เจ้าของห้องเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ มีแค่ผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวกับผ้าผืนเล็กที่ใช้ขยี้หัวตัวเอง



ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันทำแบบนี้ แต่เห็นทีไรก็ไม่ชินสักที อีกอย่างพอเห็นหน้ามันเหตุการณ์เมื่อคืนก็แวบเข้ามาในหัวทันที



“ม...มองอะไร”



“ผมดีใจ”



มองรอยยิ้มมันก็รู้ ผมแบะปาก...หมั่นไส้ว่ะ



“นอนต่อก็ได้นะ เดี๋ยวผมปลุก”



ผมส่ายหน้า อยากอาบน้ำมากกว่า เมื่อคืนผมหลับบนรถ แล้วสะลึมสะลือตอนได้ยินเสียงมันเรียกเบาๆ แต่เปลือกตาหนักอึ้งเกินจะฝืน ไม่รู้ว่าถูกพาขึ้นมาบนห้องได้ยังไง จำได้แค่มันเช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ก่อนจะหลับยาวจนถึงเช้า



มองชุดนอนบนตัวก็รู้สึกกระอักกระอ่วนแปลกๆ ผมก้าวลงจากเตียง แสร้งเมินไอ้คนเปลือยท่อนบนกลบอาการร้อนผ่าวที่หน้าไปอย่างนั้น มันยังยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองทุกการกระทำของผม



อายเป็นนะโว้ย!



“วันนี้เงียบจังครับ ทีเมื่อคืนล่ะพูดเอาๆ”



“มึงนี่!” ยกมือจะฟาดมันอย่างเคยแต่ข้อมือถูกคว้าเอาไว้ได้ก่อน ไอ้โซลยกยิ้ม ผมไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกมันดึงเข้าไปกอด



“อ...อะไรของมึง”



“ผมดีใจ” มันย้ำประโยคเดิม



“รู้แล้วน่า”



“รู้ว่าชอบน่ะเหรอ”



“ปล่อยได้แล้ว จะไปอาบน้ำ!” ผมพยายามขืนตัวออก คนขี้แกล้งหัวเราะ ยังไม่ยอมปล่อยง่ายๆ



“ไอ้กันให้พี่ดื่มเหรอครับ”



“ใช่ มันบังคับ” แค่แก้วแรก...และทางสายตา



“ไอ้กันแม่ง... ทีหลังพี่ห้ามดื่มเวลาไม่มีผมอยู่ด้วยนะ” มันทำหน้าเหมือนดุ ก่อนเปลี่ยนไปคนละอารมณ์ “แต่ครั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้มัน เพราะพี่พูดออกมาซะหมดเปลือก”   



ผมจิ๊ปาก มันจะเอาให้ตัวผมระเบิดเลยใช่ไหม



“ไม่แซวแล้วก็ได้ครับ” มันว่า เมื่อเห็นผมดันตัวมันออก “เมื่อคืนยังเดินเข้ามาให้ผมกอดอยู่เลยแท้ๆ”



“ยังอีก!”



“มอมพี่อีกทีดีไหมเนี่ย”



“โซล!”



“ล้อเล่น” หัวเราะในลำคอ ก่อนจะซุกหน้าลงกับไหล่ของผม “ขออยู่แบบนี้แป๊บนึงนะครับ”



มือผมค้างอยู่ตรงไหล่มัน ดูเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะวางเอาไว้ท่าไหน ตัวไอ้โซลแผ่ไอเย็นออกมาเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จต่างจากตัวผมที่เหมือนกำลังถูกต้มให้สุก



“มึง...เป็นอะไรหรือเปล่า”



“ผมดีใจ”



มันโคลงตัวผมไปมาเบาๆ รัดผมแน่นขึ้นนิดนึงก่อนจะผละออก



“พอใจแล้ว?” พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น ทำเป็นไม่รู้สึกอะไรไปอย่างนั้น ทั้งที่เมื่อกี้ตัวผมแนบกับมันจนสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่เต้นเหมือนกับจะหลุดออกมา



ไอ้โซลเลิกคิ้ว ทำหน้าตาไม่น่าไว้ใจ “หรือพี่ยอมให้ผมทำมากกว่านี้?”



“ไปแต่งตัวซะไอ้บ้า!”



ผมเดินหนี คว้าผ้าเช็ดตัวกับหอบเสื้อผ้าเข้ามาเปลี่ยนในห้องน้ำด้วยแม่งเลย







ห้องไอ้โซลไม่มีของสดเหลือแล้ว มีแต่ข้าวกล่องแช่แข็ง เบียร์แล้วก็กาแฟ ผมกับมันกินขนมปังรองท้อง แล้วเดี๋ยวไปกินข้าวที่กองถ่ายเอา



“มะรืนค่อยไปซื้อแล้วกัน มึงไม่ได้มีนัดที่ไหนใช่ไหม”



ไอ้โซลนั่งอยู่บนโต๊ะ ยื่นขนมปังที่ทาแยมแล้วให้ผม “ไม่มีครับ อ้อ ข้าวกล่องยังเหลือนะ”



“กินแต่ของแบบนี้ มึงนี่นะ โตขนาดนี้ได้ยังไง” ผมที่โดนม้าโดฟทั้งนมทั้งผักยังสูงได้แค่พอมาตรฐาน ไม่มีความยุติธรรมในโลกนี้จริงๆ



“ก็มาทำให้ผมกินสิครับ”



“หัดทำเองสิ มือก็มี”



“ใจร้ายอีกแล้ว” มันแสร้งทำหน้าเศร้า แต่มุมปากยังประดับด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวเอาเหล้ากรอกปากซะนี่”



“มือกูอยู่ใกล้มีดนะ” ผมยืนพิงเคาน์เตอร์ เอื้อมมือไปนิดเดียวก็ถึง อีกคนยกมือยอมแพ้



“เงียบแล้วครับ”



ผมแยกเขี้ยว หน้าตามันไม่ได้สำนึกสักนิด ผมกัดขนมปังไปคำหนึ่ง ห้องไอ้โซลมีอุปกรณ์ในครัวครบเซต แต่มันไม่เคยใช้เลยนอกจากเครื่องปิ้งขนมปัง ไมโครเวฟ และกระติกน้ำร้อน มันบอกว่านอกจากแม่มันแล้วก็มีผมที่เคยใช้อุปกรณ์พวกนี้ และส่วนมากที่เพื่อนมาห้องก็ซื้อเข้ามาไม่ก็สั่งมากินกันตลอด



“เพิ่งรู้ว่ามึงเล่นกีตาร์”



“เคยจริงจังช่วงมัธยมครับ ผู้ชายเล่นกีตาร์มีแต่คนบอกว่าเท่ นี่ผมก็ห่างไปนานเหมือนกัน” มันว่า จับๆ นิ้วตัวเอง “แต่ไม่เคยเล่นจีบใครมาก่อน เมื่อคืนครั้งแรก”



ผมมองไปทางอื่น...มันจะไม่หยอดสักประโยคได้ไหม



“แล้วมึงเอาเวลาไหนไปซ้อม”



“วันที่พี่ไปดูหนังกับไอ้นั่น ผมลุกขึ้นมาซ้อมหลังจากพี่กลับ แต่พอเช็คโทรศัพท์เห็นพี่อยู่กับมันเลยตามไป ไปซ้อมอีกทีที่บ้านไอ้ต่าย”



ผมพยักหน้า น่าจะช่วงที่มันหายไป



“ผมเล่นเป็นไง”



“ก็ดี” ผมว่า จริงๆ ไมได้ฟัง สถานการณ์ตอนนั้นหลายสิ่งประดังประเดเข้ามาบวกกับสติของผมแล้วด้วย...ตอนนั้นเอาแต่มองหน้ามัน



“แล้ววันนั้น...ถ้ากูไม่กลับมากับมึงล่ะ มึงจะทำยังไง”



“ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ จริงๆ ผมไม่มีสิทธิ์ไปทำอย่างนั้นด้วยซ้ำ ตอนนั้นหน้ามืดไปหน่อย”



ไอ้โซลปิดกระปุกแยม กระโดดลงจากโต๊ะ เดินเข้ามาหาก่อนจะวางกระปุกแก้วในมือไว้ด้านหลังผม



“ถามเยอะ ผมขอถามมั่งได้ไหม”



“ไม่ได้”



คนตรงหน้าหัวเราะในลำคอ ไม่ได้เซ้าซี้อะไร ผมกำลังจะบอกให้มันถอยไป แต่ถูกเรียวนิ้วปาดเบาๆ ที่มุมปาก อุณหภูมิในร่างกายร้อนขึ้นเมื่อมันดูดนิ้วนั้นโดยที่สายตายังจ้องผมอยู่



“กินเหมือนเด็ก”



มันผละออกไปเล็กน้อยให้ผมพอหายใจสะดวกขึ้น ไอ้บ้านี่ ตั้งแต่ตื่นนอนแล้วนะ ผมหัวใจจะวายเอา



“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ”



“พี่มาอยู่ห้องผม กินกับผม นอนกับผม ผมทนได้ขนาดนี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว”



ผมเบี่ยงตัวออกมา ไม่อยากพูดอะไรแล้ว พูดแล้วมันตอบกลับมาทีก็อาการหนักเอง



อีกอย่าง...ใครว่ามันทนวะ แล้วแขนใครเอื้อมมากอดแทบทุกคืน!







“เออ ว่าบอกนานแล้ว ม้าให้ชวนมึงไปกินข้าวที่บ้าน มะรืนได้ไหม” ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ตอนกำลังกินข้าวกันอยู่ที่กองถ่าย เดือนหนึ่งแล้วที่ม้าบอกแต่ผมลืมไปเสียสนิท



“ได้ครับ แม่พี่อยากเจอผมเหรอ”



“เห็นว่าทำงานด้วยกันหรอก”



“ก็ต้องอย่างนั้นแหละครับ ไม่งั้นจะให้ผมไปในฐานะอะไรล่ะ”   

       

“เออนั่นแหละ!”



ตลบหลังซะกลายเป็นผมที่ร้อนตัว ก็แล้วใครมันยิ้มกรุ้มกริ่มเหมือนมีอะไรก่อนล่ะ!



“ไปซื้อของก่อน แล้วตอนเย็นค่อยไป”



“ทำไมไม่ไปตอนเช้าเลยล่ะครับ”



“ป๊าม้าทำงาน แล้วทำอย่างกับมึงจะตื่น” ไม่ใช่แค่มัน ผมด้วย หยุดทั้งทีก็อยากนอนยาวๆ บ้าง “งั้นไปบ่ายดีกว่า ไปเล่นกับปิ๊กมี่กัน”



ไอ้โซลพยักหน้ายิ้มๆ ผมอยากให้ถึงวันมะรืนเร็วๆ อยากกอดหมาขาสั้นจะแย่ ป่านนี้คงหงอย ป๊าม้าไม่ได้ว่างจะเล่นกับมันตลอดด้วย บางทีกลับมาจากบริษัทก็แค่ให้อาหารแล้วแยกย้ายกันพักผ่อน



“ผมต้องซื้อขนมไปล่อมันไหม”



“มันคุ้นมึงแล้วนี่ เป็นคนแรกเลยนะที่มันสนิทด้วยเร็วขนาดนี้ พวกไอ้จั๊มพ์ยังต้องมาบ้านกูติดกันตั้งหลายวันกว่ามันจะยอมเล่นด้วย” ตอนนั้นไอ้โฟร์โอดครวญแทบตาย ไอ้จั๊มพ์ท้อแล้วท้ออีกแต่มันชอบหมาเหมือนกันเลยพยายามต่อ ไอ้ทิมแทบจะวิ่งตะครุบด้วยซ้ำแต่ผมห้ามไว้ก่อน แม่ง เป็นภัยต่อหมาผมชัดๆ



“จริงดิ”



“อืม ตอนนั้นปิ๊กมี่หิวมั้ง” ผมไม่ปล่อยให้มันได้ใจนาน รีบสวนขึ้นก่อน



“มันอาจจะรู้ว่าผมคิดอะไรดีๆ กับเจ้าของมันก็ได้”



ผมยู่หน้า “ไปคราวนี้กูจะบอกให้ปิ๊กมี่กัดมึง”



“ผมก็จะกัดเจ้าของมันคืน”



ไอ้เด็กนี่!



“จะคุยกันแค่สองคนจริงดิ”



ผมสะดุ้งเล็กน้อย หันไปมองด้านข้าง หนิงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้



“อ้าว เพิ่งมาถึงเหรอ”



“นั่งหัวโด่อยู่นี่จะสิบนาทีแล้ว ไม่มีใครสนใจสักนิด สร้างโลกกันตลอด” ถอนหายใจพรืดพลางสยายผมตัวเองไปด้านหลัง



“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง”



“ดีกว่ารู้แล้วทำเป็นซื่อ”



ผมอึกอัก เถียงผู้หญิงไม่เคยชนะสักที พูดอะไรไปก็หาว่าแก้ตัวอีก สู้ไม่พูดเลยจะดีกว่า ผมลอยหน้าลอยตา พยัดเพยิดหน้าไปทางด้านหลังของเจ้าตัว



“นู่น พี่เขาเรียกไปแต่งหน้าแล้ว”



“เดี๋ยวนี้พอไปไม่เป็นก็ไล่เราเลยเหรอ พัฒนาขึ้นนะ”



“เปล่าซะหน่อย พูดจริงๆ”



“อยากอยู่กันสองต่อสองก็บอกดีๆ ก็ได้”



“เพ้อไปกันใหญ่แล้วแม่คุณ”



“ถ้าแฟนคลับมาเห็นอย่างที่เราเห็นนะ คงเพ้อจนได้นิยายเล่มนึงแล้ว กัดๆ อะไรไม่รู้ ติดเรทอะ”



“ม...หมายถึงหมา!”



หนิงทำเป็นหูทวนลม ยกกระจกขึ้นมาส่องหน้าตัวเอง ผมหันไปมองไอ้โซล มันเอาแต่ยิ้ม แม่ง ไม่เคยช่วยเลย!



“วันนี้โซลหน้าตาสดชื่นจัง นอนเยอะล่ะสิ”



มันหัวเราะเบาๆ มองมาที่ผม “ประมาณนั้นครับ”



“ไปแต่งหน้าได้แล้วน่า” ผมรีบบ่ายเบี่ยง เซ้นส์ผู้หญิงแรง มีแต่คนเขาว่ากัน



“ไล่เราอีกแล้ว”



“ก็พี่เขาเรียกจริงๆ หันไปมองดิ ใช่ไหมโซล”



“ครับ กวักมือหยอยๆ เลยนั่น”



“มีพรรคพวกแล้วทำกร่าง นี่ก็อีกคน เลิกหยอดแล้วเหรอ” หนิงเบ้ปาก ตวัดสายตาเฉี่ยวๆ ไปทางไอ้พระเอก มันอมยิ้มนิดๆ



“เปล่าครับ อยู่ในช่วงพัก เดี๋ยวพี่ซีนเดินหนี”



ผมหันไปมองค้อน สุดท้ายก็ไม่มีพรรคพวกอย่างแท้จริง หนิงหัวเราะอย่างผู้มีชัย ผลักหัวผมเบาๆ ทีหนึ่งถึงได้เดินไปหาพี่ช่างแต่งหน้า



ให้มันได้อย่างนี้สิ!







“วิ่งไปทางนั้น มองซ้ายขวาเหมือนหาใครสักคนแล้วหยุดตรงเสาต้นนั้น หันไปรอบๆ แล้วก็วิ่งไปทางหลังตึก โอเค๊”



“ครับพี่” พยักหน้ารับคำ ยืดกล้ามเนื้อเล็กน้อย พี่โป้งหันไปสั่งอะไรสักอย่างกับทีมงานแล้วหันมาหาผมอีกรอบ



“ถ้าไม่ไหวบอกทันทีเข้าใจไหม”



“พี่ให้ผ่านตั้งแต่เทคแรกสิครับ”



พี่โป้งม้วนกระดาษในมือเคาะลงบนหัวผม “เดี๋ยวเอาสิบเทคให้ไอ้โซลเป็นห่วงจนอกแตกตายไปเลย”



“เกี่ยวอะไรกับมันเล่า”



“ลองไหม จะได้รู้ว่าเกี่ยวไม่เกี่ยว”



“จะถ่ายยังครับ ไหนบอกว่ากลัวถ่ายไม่ทัน”



โบกม้วนกระดาษลงหัวผมอีกรอบ “ดีแต่เปลี่ยนเรื่องนะมึง”



ผู้กำกับกลับไปประจำที่ พอสิ้นคำสั่งผมก็เริ่มการแสดง โชคดีที่วันนี้แดดไม่แรงมาก ก่อนถ่ายทำทีมงานเอาน้ำมาฉีดๆ ที่หน้าให้เหมือนมีเหงื่อออกเยอะๆ แต่พอวิ่งมาได้แค่เทคเดียว เหงื่อจริงก็ท่วมตัวแล้ว



“คัท! ใครปล่อยหมาเข้ามา!”



เทคที่สาม หมาก็ยังหลุดเข้ามาในเฟรมด้วยอีกจนได้ มันวิ่งตามผมมาตั้งแต่เทคแรก ผมหัวเราะแม้เป็นหอบอยู่รอมร่อ พลางลูบหัวสัตว์สี่เท้าที่เงยหน้ารับสัมผัสอย่างชอบใจ



“ไอ้ซีนอย่าไปเล่นดิวะ มันยิ่งตามมึง”



ผมเดินกลับมาประจำจุดเริ่มต้น ไม่สนใจสิ่งที่พี่โป้งเอ็ด ไอ้โซลเดินเข้ามาหา ยื่นน้ำให้ผมจิบเล็กน้อย มันนั่งยองๆ ขยี้หัวหมาตัวสีน้ำตาลอ่อน ก่อนจะอุ้มมันขึ้น



“โซล ระวังมันกัด”



“กัดไม่ถึงหรอกครับถ้าอุ้มแบบนี้” มันเปลี่ยนจากโอบทั้งตัวมาเป็นช้อนตรงใต้รักแร้เจ้าตูบแทน มันเป็นหมาพันธุ์ผสมอะไรกับอะไรไม่รู้ แต่คล้ายปิ๊กมี่คือตัวค่อนข้างเตี้ย ขาสั้น คอสั้น



“แกล้งได้แม้กระทั่งหมา” ผมว่าขำๆ ลูบหัวมันอีกครั้ง



“ให้พี่ซีนทำงานก่อนนะ เดี๋ยวพี่ซีนเหนื่อย” ไอ้โซลพูดกับสัตว์หน้าขนในมือ มันแลบลิ้น หอบแฮกๆ ทำหน้าเหมือนเข้าใจไม่ก็ผมคิดไปเอง



“เอาน้ำให้มันกินด้วยนะ”



“ครับ”



“เอ้าๆ ตรงนั้นน่ะ ไม่ได้กำลังถ่ายฉากกุ๊กกิ๊กนะเว้ย!”



ผมเด้งตัวออก ตกใจกับเสียงที่ดังผ่านโทรโข่ง พี่โป้งเล่นตะโกนกลางกองถ่าย ผมมุ่ยหน้าแต่ไอ้โซลยิ้มร่า ยอมเดิมกลับไปนั่งข้างพี่ปุ้ยอย่างเก่า ปล่อยผมยืนเกาท้ายทอยแก้เก้อหลบสายตาทุกคนที่มองมา



จบลงที่เทคที่ห้า เดินมานั่งลงข้างไอ้โซล หมาบนตักมันก็ตะกุยตะกายมาหาผม



“ไม่ค่อยเลย” ไอ้โซลแกล้งจับตัวมันเอาไว้ มันร้องหงิงเสียงแหลม ผมต้องเอื้อมไปอุ้มมาเอง



“หมาในมหา’ลัยเหรอ”



“คงงั้นแหละครับ ตัวไม่ได้เล็กเลย เตี้ยเอ้ย” ไม่วายพลักหัวสัตว์บนตักผมเบาๆ ไปที มันสั่นหางเล็กน้อย นึกว่าถูกโดนลูบหัว




“ทำไมตัวสะอาดจัง ไม่มีเจ้าของจริงเหรอ”



“ถ้าไม่มี พี่จะเอามันไปเลี้ยงเหรอครับ”



ผมสั่นหน้า “ไม่เอาหรอก แค่ปิ๊กมี่ก็ไม่ค่อยมีเวลาแล้ว”



เจ้าหมาบนตักซุกหน้าเข้าที่ท้องของผม ดูออดอ้อนเหมือนอยากให้กอดแน่นๆ ดูไปแล้วก็สงสาร ไม่รู้เป็นลูกของหมาตัวไหนหรือโดนใครปล่อยทิ้งเอาไว้ ถึงมันจะเป็นสัตว์ก็ใช่ไม่มีหัวใจ มันเองก็ต้องการคนดูแลเอาใจใส่ ต้องการครอบครัวเหมือนกัน   

   

“คิดถึงปิ๊กมี่ล่ะสิ”



“ก็ไม่ได้เจอเลยอะ” ครั้งล่าสุดก็ตอนไปเก็บของที่บ้านเพื่อไปนอนค้างห้องไอ้โซล แล้วเวลากลับบ้านแต่ละทีก็มีเวลาให้มันไม่มากด้วย ยิ่งหมาบนตักรูปร่างเหมือนปิ๊กมี่ไม่พอ ยังขี้อ้อนเหมือนกันอีก



“มะรืนก็ได้เจอแล้ว”



“อยากเจอทุกวันนี่”



“เอาไว้ผมจะพากลับบ้านทุกวันที่หยุด”



“กูไม่เคยห่างจากมันนานขนาดนี้เลยนะ”



“ให้มันห่างบ้าง จะได้ชิน”



“ชินอะไร” เดี๋ยวเปิดเทอมก็ได้กลับบ้านแล้ว แต่ช่วงนี้ต้องทนคิดถึงมันไปก่อน นึกแล้วก็หน้าบึ้ง ไอ้ตัวต้นเหตุทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้



“มองแบบนี้จะบอกว่าผมผิดงั้นสิ”



“ก็ใครล่ะ” ผมบ่นอุบอิบ “เป็นห่วงอะไรนักหนาก็ไม่รู้” ธรรมดาอยู่บ้านก็ได้เล่นกับมันแค่ตอนเช้าก่อนไปกองถ่ายอยู่แล้ว แต่พอไปอยู่กับไอ้โซลก็เจอแทบนับชั่วโมงได้



“จะให้พูดตรงนี้เลยไหมว่าทำไมถึงเป็นห่วง”



ผมจิ๊ปาก “กูคิดถึงอะ แล้วปิ๊กมี่มันก็เหงานะ มึงไม่เข้าใจ มึงไม่เคยเลี้ยงหมานี่!”



“เลี้ยงพี่ก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ”



“กูไม่ใช่หมานะเว้ย”



“ไม่ได้ว่าเป็นหมา หมายถึงถ้าห่างจากพี่ผมก็คิดถึงเหมือนกัน”



“..ม..มึง...” ผมหน้าตื่น “อย่านอกเรื่องดิ!”



“ไม่ได้นอกเรื่อง ผมแค่เปรียบเทียบ”



“ก็แค่กลั...เฮ้ย!” หมาบนตักกระโดดลงไปบนพื้นแล้ววิ่งหายไปทางอื่น ผมคว้าเอาไว้ไม่ทัน มันคงรำคาญที่ผมกับไอ้คนข้างๆ เถียงกัน



“เพราะมึงเลย” ผมโอดครวญ โทษไอ้คนข้างๆ ยังไม่ได้เล่นด้วยเลย



ไอ้โซลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หัวเราะในลำคอพลางปาดเม็ดเหงื่อตรงหางคิ้วให้ผม “นั่งบ่นอยู่นี่แหละ ผมไปเข้าฉากก่อน”



ไอ้บ้าเอ๊ย...ผมกระแทกตัวกับเก้าอี้ ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าหน้าร้อนเพราะหงุดหงิดที่มันขัดใจหรือเพราะอย่างอื่นกันแน่



...



ฝนตกปรอยๆ ในตอนเย็น พวกผมยืนอยู่หน้าอาคารสีขาวอาคารหนึ่ง เป็นฉากที่ไอ้โซลทะเลาะกับเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มแล้วผมต้องมาห้าม ซักซ้อมกันเรียบร้อย ที่ผมต้องทำคือแค่พยายามแยกไอ้โซลออกมาเท่านั้นเอง



“กระชากแรงๆ เลยได้ไหม มึงโอเคปะ”



“ครับพี่ จัดมาเลยไอ้โซล ขอเจ็บทีเดียว”



เด็กแว่นรับคำพี่โป้ง มันเป็นนักแสดงสมทบอีกคน ตัวสูงเท่ากับไอ้โซล พอผมมายืนตรงกลางสองคนนี้เลยรู้สึกต่ำต้อยแปลกๆ

         

“5 4 3 2 1 แอคชั่น!”



ทั้งสองกระโจนเข้าหากันจนผมแอบชะงัก ในบทคือต้องตะโกนเรียกชื่อไอ้พระเอก และหาจังหวะเข้าไปห้าม แต่ให้ตาย...พวกมันเล่นแรงอย่างที่พูดกันจริงๆ



ไอ้โซลออกหมัดก่อน ไอ้แว่นก็สวนมา ก่อนทั้งสองจะพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายจนล้มลุกไปกับพื้น ไอ้แว่นผอมกว่าหน่อยแต่ดูท่าแรงจะไม่ใช่น้อย ไอ้โซลก็กระชากคอเสื้อจนกระดุมอีกฝ่ายหลุดแล้วเหมือนกัน



“พอได้แล้ว!” ฝนตกลงมาแรงกว่าเดิม ผมหยีตาเล็กน้อย ชั่งใจอยู่เพียงนิดก่อนจะตัดสินใจเข้าไปแทรกพวกมันทั้งคู่



“หยุด!”



ไอ้โซลเบี่ยงตัวหลบผม พวกมันไม่ได้ลดแรงกันลงเลยแม้แต่น้อย ผมพยายามใช้แรงทั้งหมดในการแยกทั้งคู่ออกจากกัน



“บอกให้หยุดไง!”



ยื้อยุดกันอยู่อย่างนั้นร่วมนาที พวกมันจะเอาเทคเดียวผ่านผมเข้าใจ แต่เบาแรงตอนกูเข้าไปแยกหน่อยได้ไหม ผมดึงไอ้โซลออกมาไม่ได้โว้ย!



“อย่าเข้ามายุ่ง!” ไอ้แว่นตะโกนใส่ผมตามบท ผมพยายามดันมันออก แกะมือมันจากปกเสื้อไอ้พระเอกที่ก็กำเสื้ออีกฝ่ายแน่นไม่แพ้กัน ถ้าไม่เห็นว่าตอนอยู่ในกองพวกมันก็คุยเล่นกันเป็นปกติ ผมจะคิดว่าพวกมันเกลียดกันมาตั้งแต่เกิดแล้วแม่ง



ผมเริ่มหอบ พวกเราเซไปเซมาเพราะไม่มีใครยอมใคร และไม่มีใครออมแรง ผมเริ่มจะทรงตัวไม่อยู่ จากที่จะไปแยกพวกมันกลายเป็นว่าเข้าไปติดแหง็กด้วยซะงั้น ผมก้าวถอยหลังตามแรงดัน รู้สึกว่าชนเข้ากับอะไรสักอย่างแล้วก็...



เพล้ง!



“พี่ซีน!”



“เฮ้ยพี่!”



กระถางต้นไม้แตกออกเป็นสองส่วน วันนี้ผมไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาเพราะตามบทตัวละครแค่นัดกันมาทำงานกันเฉยๆ เลยใส่ชุดลำลอง กางเกงยาวถึงแค่เข่า ทุกคนมีสีหน้าตกใจ เกิดความชุลมุนกันอีกครั้ง ผมถูกพยุงเข้าไปหลบใต้อาคาร ไม่ได้เจ็บอะไรมาก ขาข้างซ้ายแค่ถลอกเฉยๆ



“ผมขอโทษ เจ็บตรงไหนอีกไหม”



“ไม่เป็นไร ไม่เจ็บๆ” ผมว่า ไอ้โซลหน้าตาเป็นกังวล มันบอกทีมงานว่าจะทำแผลให้ผมเอง คนอื่นเลยได้แต่ดูอยู่ห่างๆ



“เดี๋ยวกูล้างเอง”



“ผมทำให้” ว่าก่อนจะใช้น้ำเปล่าราดลงมาตั้งแต่หัวเข่า 



“ผมขอโทษนะพี่ อินไปหน่อยว่ะ”



“นึกว่าพวกมึงจะต่อยกันจริงๆ แล้ว” หัวเราะให้ไอ้แว่นที่ยิ้มเจื่อน มันเป็นอุบัติเหตุ และถึงเจ็บกว่านี้ก็เข้าใจว่าพวกมันก็อยากแสดงให้เต็มที่



“แหม ก็อยากโชว์แมนสักหน่อย เผื่อเจ๊หนิงจะปลื้มผมมั่ง”



“ได้ข่าวว่ามีแฟนแล้ว”



“ล้อเล่นครับพี่” หัวเราะแหะๆ “อย่าบอกแฟนผมนะ”



มันยิ้มทะเล้น ผมรู้จักแฟนมันที่ไหนล่ะ



ไอ้โซลจับแขนผมไปดู ขมวดคิ้วมุ่น แล้วเอาน้ำเปล่าเทราดให้ ลูบเบาๆ ให้เศษดินออก มีรอยขูดเป็นทางยาว เลือดซึมออกมานิดหน่อย น่าจะโดนกิ่งไม้



ไอ้แว่นอาสาเดินไปเอาน้ำมาให้เพิ่ม ผมมองอีกคนที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ใช้แอลกอฮอล์เช็ดรอบๆ แผลที่ขาให้



เสียงทีมงานรอบข้างเอ่ยแซวกันใหญ่ บอกอิจฉาที่ผมมีคนคอยดูแลตลอด



ก็จริง...ปฏิเสธไม่ได้ว่าตั้งแต่รู้จักกัน ถ้ามีโอกาสมันจะคอยดูแลผมอยู่เสมอ



คำพูดไอ้น้องกันยังคงดังก้องอยู่ในหัวผมตั้งแต่เมื่อคืน หลังจากที่ได้ลองมองย้อนกลับไป...ผมก็เห็นว่ามันทำเพื่อผมมามาก



เลยก่อให้เกิดคำถามขึ้นในใจ...



“โซล”



เจ้าของชื่อกำลังทายาที่แขนให้ผมชะงักเล็กน้อย “แสบเหรอครับ”



“เหนื่อยหรือเปล่า”



“นิดหน่อยครับ ไอ้แว่นแรงดีกว่าที่คิด”



มันเป่าเบาๆ ที่แผลทั้งที่ผมไม่เคยบอกว่าแสบเลยสักนิด แล้วกุมมือข้างที่แขนเจ็บ บีบเบาๆ เหมือนจะบอกว่าขอโทษ



ผมยกยิ้มบางเบา ใช้กระดาษทิชชู่ซับไปตามใบหน้าของมัน



“ขอบคุณ”



...ก็แค่ดีใจที่เห็นมันอยู่ตรงหน้า...



“ไม่...ไม่อยากเจอปิ๊กมี่ทุกวันแล้วก็ได้” ผมเม้มปาก บีบมือมันตอบ “เจอมึงแทนก็คงเหมือนๆ กัน”



“ความรู้สึกเดียวกัน?” ไอ้โซลอมยิ้ม เลิกคิ้วเล็กน้อยเหมือนกะจะแกล้งเฉยๆ



ในใจผมสั่นไปหมด แต่ไม่อยากละสายตาจากมัน แล้วก็อยากบอกมันเหมือนกัน...



“อือ”



ไอ้โซลชะงัก ก่อนมือที่กุมกันไว้จะประสานกันแนบแน่นกว่าเดิม



“พี่ซีน”



ผมไม่ได้ตอบรับ เพียงแต่มองเข้าไปในดวงตาที่ลุ่มลึกของคนตรงหน้า



“คบกับผมนะ”



เสียงฝนเทลงมาด้านนอกกลบเสียงพูดคุยของทีมงานและนักแสดงคนอื่นไปจนหมด แต่ผมรู้ว่ามันได้ยิน...คำตอบของผม...



“อื้อ”



สีหน้าของมัน สายตาของมัน รอยยิ้มของมัน บ่งบอกออกมาทุกความรู้สึกที่อยู่ข้างในโดยที่มันไม่ต้องพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ



“อยากกอดพี่จัง”



“น...นี่ในกองถ่ายนะ” หน้าผมร้อนวูบ เมื่อสักครู่เหมือนตกอยู่ในภวังค์ เหมือนถูกดึงเข้าไปในห้วงอะไรสักอย่าง...แต่ก็ด้วยความเต็มใจ



“ที่ห้องแล้วกันเนอะ”



สายตามันทำให้ผมเผลอขบริมฝีปากเข้าหากัน “ทำอย่างกับเคยขอ”



ไอ้โซลหัวเราะ ลูบหลังมือผมเบาๆ “ผมโคตรมีความสุขเลย”



ผมหลุดยิ้มออกมา...อะไรบางอย่างในใจที่ผมไม่เคยรับรู้และคิดจะใส่ใจ ตอนนี้ได้เติบโตเป็นรูปร่างขึ้นมาชัดเจน



โทรศัพท์ที่วางไว้ข้างตัวสั่น ผมถึงสามารถละสายตาออกมาจากมันได้สักที ให้ตาย...ทำไมมันไม่ขอตั้งแต่เมื่อคืนวะ…



ผมใช้มืออีกข้างหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาดู เป็นแจ้งเตือนจากโปรแกรมแชทชื่อดังที่เด้งขึ้นมา...แต่นั่นทำให้ผมเผลอบีบมืออีกคนแน่นโดยไม่รู้ตัว...





peem : ซีน

peem : ช่วงนี้เงียบไปเลยนะ       







-

ลืมอะไรไปรึป่าวหว่า...... ฮี่ – ฮี่

ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ค่ะ ^ ^

#ข้างหลังฉาก #โซลซีน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
หูยย มีแอบเนียนหวานแหววด้วย

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
เค้า คบ กันแล้ว โซล รุก ให้หนักเข้าไปอีก ได้ใจมาแล้ว เดี๋ยวก้อได้ตัวด้วย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
มีความละมุน

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
นี่ถึงกับย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก

พีมคือใคร ? เราลืมอ่ะ ตอนนี้จำได้ละ

พีม ....แชทมาทำไมคะ  ไม่รู้เวล่ำเวลาเอาซะเลย
พี่ซีนจะทำไงต่อไปละทีนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2017 01:08:04 โดย Mura_saki »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
นี่ถึงกับย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก

พีมคือใคร ? เราลืมอ่ะ ตอนนี้จำได้ละ

พีม ....แชทมาทำไมคะ  ไม่รู้เวล่ำเวลาเอาซะเลย
พี่ซีนจะทำไงต่อไปละทีนี้

ช่าย คิดเหมือน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
โวะ! คบกันแล้วว

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
โว๊ะ. พีมมาไม. จางหายไปซะ

 :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1:

...

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

ออฟไลน์ noppnopp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :hao6: ตอนที่แล้วรู้ใจกันแล้ว ตอนนี้คบกันแล้ว ตอนหน้า..........เลยแล้วกันเนอะ ฮ่าๆๆๆ หมายถึงประกาศให้ชาวโลกและฟค รับรู้นะ 55555

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ละมุลลลลลลลลล :hao7: เขาคบกันล้าวววว อยากประกาศให้ชาวเรือในทวิตได้รับรู้55555555 ซีรี่ย์ต้องดังแน่นอน :katai2-1:
กลิ่นมาม่าจางๆลอยโชยมาตามลม หวังว่าจะไม่มีอะไรนะ :katai1:

ออฟไลน์ Legpptk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ตอนท้ายนี้อะไรรร

ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0



ตอนที่ 16







“ซีนเล่นดีมากๆ เลย แม่เราก็ดู ฝากชมด้วยแหละว่าเก่งมาก”



ผมนั่งอยู่ในร้านกาแฟชื่อดังที่ห้างใหญ่ใจกลางเมือง พีมนั่งอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มหวานสดใสเหมือนเคย ไอ้จั๊มพ์นั่งอยู่ข้างๆ มันเป็นคนบอกให้ผมนัดพีมมาเคลียร์ให้จบๆ และมันก็นั่งกดโทรศัพท์เล่นอย่างเดียวไม่สนใจผมที่ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้พีมเลยแม้แต่น้อย



ผมเล่าทุกอย่างให้มันฟังในคืนวันที่พีมไลน์มา บอกมันไปทุกอย่างรวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้โซล



อันที่จริงผมยอมรับว่าผมลืมพีมไปเสียสนิท...



ตั้งแต่ไอ้โซลเข้ามา พีมก็ยิ่งถอยห่างออกไป...ไม่ก็เป็นผมเองที่ถอยออกมา



เราคุยกันแทบทุกวัน มันเป็นสิ่งที่ผมทำจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปแล้ว แต่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามันขาดหายไปตอนไหน



“ซีนไม่ชอบเค้กชาเขียวแล้วเหรอ”



“ไม่นะ ก็ชอบอยู่”



“ไม่แตะเลยสักแอะ เป็นอะไรหรือเปล่า”



“เปล่า มองหน้าพีมเพลินน่ะ” ผมหัวเราะแห้ง ประโยคที่หลุดออกไปไม่ใช่ตัวผมเลยสักนิด ผมจีบพีมก็จริงแต่ไม่เคยพูดจาทำนองนี้ออกไปเลยสักครั้ง



“ซีนเปลี่ยนไปนะเนี่ย”



“ย...ยังไงเหรอ”



“ไม่รู้สิ แต่ดู...ไม่เหมือนเดิม” ผมเสสายตาหลบ ลอบกลืนน้ำลาย สะกิดไอ้จั๊มพ์ใต้เก้าอี้ แต่มันก็ยังนิ่ง บอกให้มาเป็นเพื่อนเฉยๆ ก็จริงแต่ก็ช่วยกันหน่อยได้ไหมเล่า!



“ทำงานหนักเหรอ เห็นจั๊มพ์บอกว่าถ่ายตั้งแต่เช้ายันเช้าของอีกวัน”



“นิดหน่อย แต่เราชินแล้วล่ะ”



“ไม่คิดว่าซีนจะนัดเราออกมา แค่จะทักไปถามเฉยๆ แต่ก็ดี ตั้งแต่ปิดเทอมไม่ได้เจอกันเลย”



“โทษที ส่วนมากหยุดก็นอนตลอด”



“ถึงว่า ซีนหายไปเลย” พีมย่นจมูก ว่าอย่างไม่จริงจังนัก “ลืมเราแล้วสิเนี่ย”



“ป...เปล่านะ ไม่ได้ลืม!”



“มึงจะเสียงดังทำไมเนี่ย”



“ก็ไม่อยากให้พีมเข้าใจผิด”



ไอ้จั๊มพ์วางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะ ดูเหนื่อยใจค่อนไปทางเอือมนิดหน่อย “มึงจะเข้าเรื่องได้หรือยัง”



“หือ มีอะไรกันเหรอ”



ผมอ้าปากค้าง เดี๋ยวสิวะ ยังไม่ได้ตั้งตัวเลย!



“มันมีเรื่องจะบอกพีม”



ผมอ้ำอึ้ง เมื่อคืนคิดบทพูดอยู่นานกว่าจะเรียบเรียงได้ แต่พอมาอยู่ต่อหน้าแล้วมันก็กระจายหายไปกันหมด ผมสูดลมหายใจเข้าลึกขณะที่พีมมองอย่างรอคำตอบ



“พีม เราก็คุยกันมานานแล้ว...”



“อือฮึ ตั้งแต่ปีหนึ่ง เราจำได้ว่าเราขอไลน์ซีนเพราะอยู่กลุ่มทำรายงานด้วยกัน”



ผมยังจำความรู้สึกในวันนั้นได้ดี...ผมดีใจมาก



“ตอนนี้พวกเรากำลังจะขึ้นปีสี่แล้ว”



“แล้ว?”



ผมเผลอกัดปาก หลากหลายคำพูดตีกันในหัวเต็มไปหมด



“ซีนจะเลิกจีบเราเหรอ” เสียงหวานเอ่ยถามทีเล่นทีจริง แต่เหมือนเห็นสีหน้าของผมที่ไม่มีแววล้อเล่น รอยยิ้มพีมก็ค่อยๆ หายไป



“จริงเหรอซีน”



“ข...ขอโทษ ด่าก็ได้ ตบก็ได้ เราผิดเอง พีมดีมากจริงๆ แต่เรา...ความรู้สึกของเรา...”



“เปลี่ยนไปแล้วอย่างนั้นเหรอ” น้ำเสียงคนตรงหน้าเรียบนิ่งอย่างที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน และพีมไม่เคยมองผมด้วยสายตาเย็นชาอย่างในตอนนี้



“ขอโทษนะพีม ขอโทษ...”



“อย่าพูดคำนั้นเลยซีน เราไม่อยากฟัง”



“พีม...” เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงแผ่ว ไม่อยากจะเชื่อเลย ผมทำลายความสัมพันธ์ดีๆ ของเราพังไปแล้ว และพีมคงไม่ให้อภัย ถ้าผมทำให้มันชัดเจนตั้งแต่แรก ตั้งแต่ที่เริ่มรู้ตัวว่ารู้สึกกับไอ้โซล หยุดความสัมพันธ์นี้ซะ มันคงไม่เลยเถิดมาถึงขนาดนี้



ผมมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเว้าวอน...ผมแค่หวังว่ามันจะจบลงด้วยดี แต่เหมือนกับคำขอจะไม่เป็นอย่างใจคิด



พีมเกลียดผมแล้ว



“เราขอโทษ—”



“บอกว่าไม่อยากฟังไงซีน!” เสียงนั้นแข็งกระด้างขึ้น ผมไม่เคยเห็นพีมเป็นแบบนี้เลย สายตาของพีมทำให้ข้างในใจผมวูบโหวง กระบอกตาร้อนผ่าว ผมแค่คิดว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้...



“เราไม่อยากได้ยินคำขอโทษ” พีมเน้นทีละคำอย่างต้องการย้ำ ผมพูดไม่ออก เหมือนมีบางอย่างจุกอยู่ตรงลำคอ ดวงตาเริ่มพร่ามัว





...ก่อนที่พีมจะเผยรอยยิ้มออกมา 





“เพราะซีนไม่ผิดสักหน่อย แฮ่”





“ฮ...ฮะ?”



“ก็ซีนไม่ได้ผิดอะไร จะขอโทษทำไมเล่า”



คนตรงหน้ายิ้มขำ พอดีกับที่ไอ้จั๊มพ์หลุดหัวเราะออกมา



ผมกะพริบตาปริบ “อ...อะไร..ทำไม..”



“จริงๆ ต้องดราม่ากว่านี้แต่เราทนไม่ไหว ดูสิตาแดงหมดแล้ว” ผมนั่งงง มองพีมหยิบกระดาษทิชชู่ เดินอ้อมมาหาแล้วซับใต้ตาให้ผม “ขอโทษนะซีน จั๊มพ์บังคับเราอะ”



“เฮ้ย โยนให้เราคนเดียวเลยเหรอ ตอนคิดแผนยังเห็นดีเห็นงามด้วยอยู่เลย”



“ก็ซีนน่าแกล้งอะ เรามันเขี้ยว”



“ด...เดี๋ยว...นี่มันอะไรกัน”



พีมเดินกลับไปนั่งที่ ยังคงมองผมขำๆ ปนสีหน้ารู้สึกผิด ไอ้จั๊มพ์หัวเราะตัวงอ



“โอ๋...” มันพยายามกลั้นหัวเราะ วางแขนพาดไว้บนไหล่ผม “แกล้งเล่น อย่าไปบอกเฮียมึงนะ”



“..แกล้ง?”



“เออ เตี๊ยมกันทั้งคืน เป็นไง เนียนไหม”



“เชี่ยจั๊มพ์”



ผมยังอึ้ง ซบหน้าลงกับมือทั้งสองข้าง ว่าแล้วเชียวทำไมพีมเปลี่ยนไปเป็นคนละคนขนาดนี้ รู้จักกันมาสามปียังไม่เคยเห็นขึ้นเสียงใส่ใครเลยด้วยซ้ำ



“ขอโทษนะซีน”



ผมหลุดหัวเราะออกมา มันเป็นความโล่งอก ทั้งในใจยังพองฟูขึ้นกว่าเดิม ผมเคยมีความรู้สึกดีๆ ให้กับพีม เราเข้ากันได้ดี เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ก่อนมาเจอกันผมหวังเอาไว้ว่าพีมคงให้อภัย แอบหวังไว้มากเพราะผมรู้จักนิสัยของพีมดี แต่เมื่อผลลัพธ์กลับกลายเป็นตรงกันข้ามเลยทำให้ผมเก็บความเสียใจไว้แทบไม่อยู่ ถ้าหากเราจะไม่หลงเหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อนให้กันเลย



“เนียนไปแล้วพีม”



ผมไม่โกรธ ดีใจเสียอีก ไอ้จั๊มพ์เขย่าตัวผมไปมา “เกือบน้ำตาแตก แผนกูเจ๋ง”



หันไปด่าคนข้างๆ ก่อนจะถูจมูกอย่างอายๆ “ก็รู้สึกผิดอะ คิดว่าพีมจะเกลียดเรา”



พีมสั่นหัว “ไม่มีทาง”



“ขอโทษนะ คือเรา...”



“รู้อะไรไหม ซีนจีบเราแค่ช่วงแรกที่รู้จักกันเท่านั้นแหละ ตอนนั้นเราก็ปลื้มซีนมากเลย” ผมมองพีมอย่างไม่เข้าใจ “หลังจากนั้นมาเราก็คุยกันมาตลอด...แต่ในฐานะเพื่อน”



พีมระบายยิ้มบาง “เพื่อนที่คุยกันได้ทุกเรื่อง”



“แต่เรา...”



“เราเข้ากันได้ดีกว่าที่คิดจนซีนอาจมองข้ามไป และไม่ทันได้สังเกตตัวเองเลย...ว่าความรู้สึกของซีนหมดไปนานแล้ว ซีนมองเราเป็นเพื่อนมาตลอด...แค่ไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง”



“เออ ซื่อบื้อกว่านี้มีอีกไหม”



“ไม่นะ...กู...”



“ทบทวนตัวเองก่อนแล้วค่อยเถียง” มันแทรกขึ้น เขกกำปั้นลงหัวผมด้วยแรงไม่เบานัก “จีบบ้าอะไรตั้งสามปี แรกๆ กูรู้สึกได้ว่ามึงชอบจริง แต่หลังจากนั้นมาเหมือนมึงแค่บอกตัวเองว่าชอบมากกว่าแต่ไม่ได้รู้สึกจริงๆ”



ไอ้จั๊มพ์ถอนหายใจ “โถ่ เด็กหนุ่มผู้ไม่ประสาในความรัก”



“เชี่ยนี่!”



ผมสะบัดแขนมันออก แต่มันก็เอามาพาดไว้ใหม่ เอาเข้าจริงพอคิดตามคำพูดของทั้งสองคนผมก็ก้มหน้ายอมรับผิด...ไม่รู้สิ ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ตอนเจอพีมมันก็รู้สึกพิเศษกว่าคนอื่น



ไม่รู้ว่าในใจลึกๆ ผมรู้อยู่แล้ว ที่ผ่านมาผมหลอกตัวเอง หรือเพราะว่าไม่อยากให้พีมเสียใจกันแน่เลยเอาแต่คิดแบบนั้นมาตลอด...ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน



ที่รู้แน่ๆ คือผมไม่เคยรู้สึกกับใครมากมายเหมือนที่รู้สึกกับไอ้โซล...แม้แต่กับพีม



ผมเอ่ยขอโทษอีกครั้ง และโดนไอ้จั๊มพ์เขกหัวอีกรอบ



“ถ้าขอโทษที่โง่ ยอมให้อภัยก็ได้”



“ไม่ได้ขอโทษมึง”



“หยุดเลยซีน พูดอีกเราโกรธจริงๆ ด้วย” พีมแกล้งขู่ แต่ผมก็ไม่พูดคำนั้นอีก



“ขอบคุณนะเว้ย” บอกคนข้างๆ ถ้าไม่มีมันผมคงอ้ำอึ้งอ้อมค้อมอยู่นานกว่านี้แน่ หรืออาจปล่อยให้คาราคาซังอยู่แบบนี้ไปเลยก็ได้



“อืม อย่างมึงมันต้องจี้ ไม่งั้นไม่รู้เชี่ยไรหรอก จีบบ้าอะไรไม่มีอะไรคืบหน้าสักนิด ต้องแบบไอ้โซลโน่น—”



“จั๊มพ์!” ผมตะครุบปากมันไว้ พูดเรื่องนี้ออกมาต่อหน้าพีมได้ยังไง!



พีมมองมาที่พวกเรา หัวเราะน้อยๆ “กว่าซีนจะรู้ใจตัวเอง โซลเหนื่อยแย่”



“พ..พีมรู้!?”



ไอ้จั๊มพ์แกะมือผมออก “พีมรู้ กิ๋งรู้ ไอ้โฟร์รู้ ไอ้ทิมก็รู้!”



“ฮะ!”



“เราดีใจด้วย มีวันนี้สักที” หัวเราะคิกคักพลางส่ายหัวไปมา “กิ๋งกรี๊ดจนหูเราแทบแตกแหนะ เดี๋ยวยัยนั่นกลับมาจากเกาหลีซีนเตรียมตัวโดนสัมภาษณ์ได้เลย”



“ไม่ต้องมองกูอย่างงั้นเลย ทุกคนเขาให้กูอัปเดตเรื่องของมึงให้ฟังตลอด เขาเป็นห่วง”



“แต่ห่วงโซลนะ คิดภาพออกเลยเวลาเข้าหาซีนแล้วซีนตีเบลอใส่เนี่ย”



ผมย่นจมูก เอาเข้าจริงผมก็ไม่ได้ปิดหรอกแต่แค่ไม่รู้จะเริ่มเล่าให้ฟังยังไงเท่านั้นเอง



“ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันจะ...”



“โอย เพื่อนกู” ไอ้จั๊มพ์เอามือกุมหัว “ทุกคนในโลกดูออกหมดยกเว้นมึง”



“มันก็จะเว่อร์ไป” ผลักหัวมันทีหนึ่ง พลางมองดูเวลาในโทรศัพท์ เกือบชั่วโมงแล้วที่นั่งอยู่นี่ ไอ้จั๊มพ์เหล่ตามอง



“ไอ้โซลรออะดิ”



“..อืม”



“ไปเถอะ เดี๋ยวกูไปส่งพีมเอง”



“กลับดีๆ นะซีน ฝากบอกน้องโซลด้วยว่าสบายใจได้”



ผมยิ้ม ร้อนที่หน้าแปลกๆ แต่ก็โล่งในอกเหมือนขจัดความขุ่นมัวออกไปได้





ถึงแม้ความรู้สึกที่มีต่อพีมมันจะจางหายไป แต่ก็หลงเหลือกลิ่นไอบางเบาที่บอกให้รู้ว่ามันเคยเกิดขึ้นจริง...ในช่วงเวลาหนึ่ง…











ผมพยายามก้าวขาให้เร็วที่สุดเพื่อไปที่ลานจอดรถ ไอ้โซลยืนยันว่าจะรออยู่ที่นั่นไม่ว่ายังไงก็ตาม โทรศัพท์ผมไม่มีการติดต่อ ไม่มีข้อความเร่งเร้า มีแต่ความว่างเปล่าตรงข้ามกับสายตาของมันในสองวันที่ผ่านมา...ที่เต็มไปด้วยความกังวลและว้าวุ่นใจ



“มึงสูบบุหรี่ด้วยเหรอ”



ผมถามปนหอบเล็กน้อย ไอ้โซลเพิ่งเห็นว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ มันพ่นควันสีเทาออกจากปากเป็นครั้งสุดท้าย ใช้เท้าขยี้บุหรี่ที่ถูกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใส่ใจ



“ก็มีบ้างครับ ไม่บ่อยหรอก”



ผมพยักหน้าน้อยๆ รู้สึกไม่ชอบใจเท่าไหร่แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาคุยกันเรื่องนี้ แต่ผมก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี



ไอ้โซลเปิดประตูเข้าไปหยิบกระเป๋าสตางค์ในรถ เสียงปิดประตูดังก้องทั่วบริเวณกลบความเงียบได้เพียงชั่วครู่เมื่อไม่มีใครคิดจะเอ่ยอะไรออกมา



สุดท้ายก็เป็นมันที่ถอนหายใจ “ไปซื้อของกันเลยไหมครับ”



เอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มฝืนๆ ที่ทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก



“..ไปสิ”



ผมมองแผ่นหลังกว้างอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก ความพองฟูในอกเริ่มฟีบลงเหมือนถูกวัตถุล่องหนเจาะให้รั่ว ผมไม่เข้าใจมันว่าทำไมไม่ถาม และไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมไม่พูดออกไป



เพราะไอ้โซลเข้าหาผมก่อนตลอด เวลานี้เลยทำเอาผมไปไม่เป็น อีกไม่กี่ก้าวจะถึงตัวลิฟท์ สมองก็สั่งให้ผมคว้าแขนมันเอาไว้ แล้วดึงเข้าไปในซอกระหว่างรถสองคัน



“เป็นอะไร”



“เปล่าครับ”



“คือกู...” ผมขบริมฝีปาก เรียบเรียงคำพูดไม่ถูก “กูคุยกับพีม แล้วเราก็เข้าใจกันแล้ว”



ผมยังคงจับข้อมือมันเอาไว้ ในขณะที่มันเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ทำท่าจะไม่ฟัง



“มองกู”



“…”



“โซล”



“…”



“อย่าเป็นแบบนี้สิ กูขอโทษ”



เพราะไอ้โซลยังคงนิ่ง แม้มันไม่สะบัดมือผมออกแต่สีหน้าของมันย่ำแย่เสียจนกลายเป็นตัวเร่งเร้าให้ผมขยับเข้าไปหาและกอดมันเอาไว้แทน



“กูกับพีมเป็นแค่เพื่อนกัน”



“…”



“เพื่อนจริงๆ”



ผมย้ำ เสียงผมอู้อี้อยู่ตรงอกของมันแต่รู้ว่าได้ยิน



“ที่กูนัดพีมมาวันนี้ไม่ใช่เพราะกูลังเลหรือไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง กูแค่อยากทำทุกอย่างให้มันชัดเจน” ถ้าหากจะปล่อยเลยตามเลยก็ยังได้ แต่ผมรู้ว่ามันกังวล “แค่อยากให้มึงสบายใจ”



ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง ได้แต่กำเสื้อด้านหลังของมันเอาไว้แน่น



ให้ตาย...อายเหมือนกันนะเว้ย           

                             

พูดออกไปจนหมดเห็นมันยังนิ่งอยู่อย่างเดิมก็ชักจะฉุน คิดมากอะไรอีกวะ ผมเลยทุบมันไปที “เข้าใจไหม”



ไอ้โซลหลุดหัวเราะ ก่อนจะยกแขนขึ้นโอบรอบตัวผมเอาไว้แน่น



“เข้าใจแล้วครับ”



“โกรธกูเหรอ บอกแล้วไงว่าไม่ได้คิดอะไรกับพีมแล้ว”



วันนั้นผมคุยกับมันเรื่องนี้เพราะไม่อยากปิดบัง มันบอกว่าไม่เป็นไร...เข้าใจ ด้วยสายตาที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง



หน้ามันฝังอยู่ตรงไหล่ของผม ได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาอีกครั้ง



“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ” มันเงยหน้าขึ้น ในแววตานั้นยังเจือความกังวลอยู่บางเบา “ผมแค่...ไม่รู้สิ พี่ชอบเขามานาน ผมขอโทษ...มันอดกลัวไม่ได้”



มือผมที่กำเสื้อมันอยู่เปลี่ยนมาลูบหลังมันเบาๆ แทน



“กลัวอะไร ห้ามกลัว”



ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอแผ่วเบา ความคิดคนเรามันห้ามไม่ได้ แต่ผมก็ไม่อยากให้มันคิด ไม่อยากให้กังวล อยากให้เชื่ออย่างสนิทใจ



มันคงไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อมัน...อาจมากกว่าที่มันคิด



“ไม่กลัวแล้วครับ”



ผมผละออกมาเล็กน้อย จ้องอีกคนที่มองมานิ่งๆ บอกให้ขึ้นไปคุยด้วยกันก็ไม่เชื่อ แต่คิดอีกทีก็ดีแล้ว...ถ้าผมน้ำตาแตกต่อหน้ามันคงขายหน้าแย่



“แล้วตอนนี้มึงคิดอะไรอยู่” หน้าตามันดูดีขึ้นมาบ้างแต่คิ้วยังขมวดเข้าหากัน



ไอ้โซลลูบแก้มผมเบาๆ “กำลังคิดว่า...อยากทำมากกว่ากอด”



“มึงนี่!”



“โอ้ย ล้อเล่นครับ”



ผมทุบหลังมันเต็มแรง ขืนตัวออกมาทันที บทจะจริงจังก็จริงจัง บทจะเล่นก็เล่น มันทำท่าจะเข้ามาใกล้ผมก็ยกมือห้าม



“พอเลย เหม็นบุหรี่”



“ได้ไงครับ เมื่อกี้ยังซุกผมตั้งนาน”



“ม...มันเป็นเหตุสุดวิสัย” ก็ใครให้มันทำท่าเหมือนโกรธผมล่ะ!



“ขออีกสองนาทีก็ยังดี”



“ไม่เอา อย่าเข้ามาใกล้นะ” ผมถอยหลังจนติดกับรถที่จอดอยู่ กลิ่นไอบุหรี่จางๆ ติดอยู่ที่เสื้อผ้าผมด้วย ไอ้โซลยกมือสองข้างขึ้นเหมือนยอม และไม่เดินเข้ามาหาอีก



“โอเคครับ...โอเค ผมจะไม่สูบอีกแล้ว”



“กูไม่ได้ห้ามนะ กูแค่ไม่ชอบกลิ่นมัน ถ้ามึงสูบก็ไปอยู่ห่างๆ” ผมยักไหล่ “ก็แค่นั้นเอง”



ไอ้โซลมองมายิ้มๆ ดูมันก็ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรกับการที่จะต้องเลิกเสพสารก่อมะเร็งนั่น



“ตามคำบัญชาครับ”         



ผมมุ่ยหน้า บัญชงบัญชาอะไร ก็บอกแค่ว่าไม่ชอบกลิ่นมันเฉยๆ ไม่ได้บังคับให้เลิกสักหน่อย ไอ้บ้านี่ L







-

แต่งม่าเป็นที่ไหนเล่า  เดี๋ยวคืนกำไรให้โซลในตอนหน้า

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ค่ะ ^ ^

#ข้างหลังฉาก #โซลซีน


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
หลังจากนี้ก็หวานๆๆๆๆได้แล้วนะ

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
น่ารักกกกกกกก :katai3: อยากดูฉากสวีทแล้ววว งุ้ยยย จัดเต็มไปเลยนะนุ้งโซลลลล :katai2-1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :เฮ้อ: โล่งเลย

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :-[ น่ารัก...ขอคืนกำไลมากๆๆๆนะค่ะ...คนอ่านโลภ....  :impress2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รอคืนกำไร  :ling1:
ไม่ใช่แค่โซล ที่ได้นะ   :hao3:
คนอ่านก็ได้  :katai2-1:
โซล ซีน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อ่านไปก็ยิ้มตามโซลไป ทำไมพี่ซีนน่าเอ็นดูงี้ล่ะลูกกกกกก

รอดูตอนคืนกำไรให้โซล โถๆๆ ก็เตาะมาตั้งนานเนอะ

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
น่าร้ากกกก

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ไม่ไดบอกให้เลิกแต่ไม่ให้เข้าใกล้นี่ก้เหมือนบังคับเลิกนะ55555
โซลจะไปทนไหวได้ไงงงงง

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
โซลนี่ทาสรักพี่ซีนอย่างแท้จริง  :hao7:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
นึกว่าจะดราม่า ....ดีแล้วววว เราชอบโซลซีนสวีทกันมากกว่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด