「Behind the Scene」 #ข้างหลังฉาก (End.) : ตอนพิเศษ : วานเลนไทน์ปีนี้ - (2/11/60)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 「Behind the Scene」 #ข้างหลังฉาก (End.) : ตอนพิเศษ : วานเลนไทน์ปีนี้ - (2/11/60)  (อ่าน 195601 ครั้ง)

ออฟไลน์ dellyamin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อยากตามไปหวีดในทวิต >< พี่ซีนน่ารักน้องโซลก็น่ารักกกก

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
ทวิตจริงจังมากกกกก เราชอบ

โซลก้าวหน้าไปเรื่อยๆ หวังว่าพี่ซีนจะรู้ใจตัวเองและเป็นแฟนกันเร็วๆนี้นะคะ


ออฟไลน์ alien.aiiwz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
นี่สิของจริง
คนพี่ใจเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ
แต่ปากยังแข็งอยู่เลยนะ
น้องมันคงต้องหาอะไรมางัดละอ่ะ
 :-[ :-[
หวีดหวานตลอด
อิจค่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โซล ไม่ยอมปล่อยซีนให้คลาดสายจาจริงๆ
ซีน ก็ใจอ่อนกับโซล แล้วนะ
แต่ก็ยังปากแข็ง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ gimini

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักมากๆๆๆๆๆๆ อ่านละเขิน5555555

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
เราจะตีเรือผีให้แตกค่ะ โฮ๊ะๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
หมั่นไส้ 5555555555555555555555

ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0

ตอนที่ 13







ตอนนี้เราเข้ามาถ่ายทำที่ห้องเลคเชอร์ อาจารย์หน้าห้องกำลังสอนอะไรสักอย่างที่ผมฟังไม่รู้เรื่อง ครั้งนี้ผมกับไอ้โซลนั่งอยู่แถวกลางๆ ผมทำท่าเป็นจดตามสไลด์ ขีดๆ เขียนๆ อะไรมั่วๆ ลงไปในสมุด สักพักไอ้โซลก็มาแย่งปากกาในมือไป เวลาพี่โป้งบอกให้เล่นยังไงก็ได้ผมชักระแวง กลัวว่ามันจะทำอย่างวันนั้นอีก ผมจิ๊ปากแล้วหยิบปากกาอีกแท่งในกระเป๋ามาใช้แทน แล้วก็ถูกมันแย่งไปอีก ปากกาหมดกระเป๋าแล้วนะเว้ย ทำไมทีมงานใส่ให้มาน้อยจัง!



อย่างนั้นผมเลยต้องพยายามเอาปากกากลับคืนมาให้ได้ พอผมเอื้อมมือจะไปแย่งคืนมันก็ชูขึ้นสุดแขน เบี่ยงตัวหลบจนผมแทบล้มใส่ตัวมัน ผมเลยหยุดมันโดยการกระชากหัวแม่งเลย



พอได้ปากกาคืนมาครบผมก็นั่งเขียนชื่อตัวเองลงในสมุดต่อไปเพราะผมไม่รู้จะเขียนอะไร หลังจากไอ้พระเอกที่ลูบหัวตัวเองป้อยๆ ให้หายเจ็บแล้วก็เขยิบเข้ามาใกล้ ผมมองมือที่หยิบปากกาอีกด้ามขึ้นมาอย่างไม่ได้สนใจอะไร ไอ้โซลเขียนอะไรสักอย่างลงไปบนสมุดอีกด้านหนึ่งที่มีชื่อผมอยู่เต็มไปหมดแต่ผมมองไม่เห็นเพราะมือมันบัง เขียนเสร็จมันก็เอามือออกแล้วเท้าแขนลงกับโต๊ะมองผมยิ้มๆ เหมือนรอให้ชื่นชมผลงานของมัน



ผมมองข้อความใหม่ที่ปรากฏอยู่บนกระดาษแล้วชะงักไป สิ่งที่ไอ้โซลเขียนคือชื่อของมันตามด้วยรูปหัวใจ...อยู่ด้านหน้าชื่อของผม...



ไอ้บ้าเอ๊ย…อย่ามาทำแบบนี้เวลาเข้าฉากสิวะ!



ขอบคุณที่ฉากนี้ไม่มีบทพูดอะไร เพราะตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกเลย พูดไม่ออก ทำตัวไม่ถูก ถึงจะละสายตาออกมาจากประโยคนั้นแต่มันกลับฝังเข้ามาในหัวผมแล้ว และเสียงจอกแจกจอแจของนักศึกษาคนอื่นไม่สามารถกลบเสียงหัวใจของผมได้เลย











“ได้ดูตอนแรกกันไปแล้วเป็นยังไงบ้างเอ่ย ใครเห็นหนิงเดินผ่านตอนฉากโรงอาหารมั่ง”



ผมดื่มน้ำพลางมองหญิงสาวที่พูดกับโทรศัพท์ในมือ หนิงกำลังพูดถึงซีรีส์ที่ออนแอร์ตอนแรกไปเมื่อคืน โดยที่มีเจ้าตัวโผล่มาแว๊บเดียว



“ถึงจะออกน้อยแต่ดูไปเรื่อยๆ ทุกคนต้องไม่ชอบหนิงแน่ๆ” คุณเธอย่นจมูกเล็กน้อยก่อนจะทำตาวาว “แต่นอกจอหนิงไม่เคยขัดสองคนนั้นนะ”



“แค่ก!”



“ซีนสำลักทำไมอ่ะ”



ผมเช็ดน้ำที่ไหลเปื้อนคาง “ดูดผิดท่า”



“บ้านซีนเถอะ” หนิงง้างเล็บ ทำท่าจะข่วนแต่พอเห็นลวดลายบนเล็บตัวเองที่เพิ่งไปทำมาใหม่ก็เปลี่ยนใจ “เดี๋ยวนี้ชักกวน อยู่กับโซลเยอะก็แบบเนี้ย”



ผมที่กำลังยิ้มขำกลายเป็นขำไม่ออก อะไรกัน ผมเป็นของผมแบบนี้มาตั้งนานแล้วเถอะ



“อยากเห็นซีน...ซีน ซีน ซีนเต็มไปหมด” หนิงอ่านที่แฟนคลับพิมพ์เข้ามาก่อนจะแสร้งทำหน้าเศร้า “เผื่อทุกคนจะลืมว่านี่ไอจีหนิง ไม่ได้จะเข้ามาดูกันตั้งแต่แรกถูกไหม”



“ซีนนั่งอยู่ข้างๆ แต่ไม่ให้เห็นหรอก แบร่” พี่ปุ้ยที่เดินผ่านมองหน้าผมเหมือนจะถามว่าหนิงเป็นอะไร ผมก็ได้แต่ส่ายหน้าขำๆ หนิงแกล้งหันโทรศัพท์มาทางผมเร็วๆ หลายครั้ง สลับกับอ่านที่แฟนๆ พิมพ์มาอย่างสนุกสนาน



“โอเคๆ ไม่เล่นแล้ว อย่าเพิ่งด่านะคะ” ว่าพลางหัวเราะแล้วยัดโทรศัพท์เครื่องบางใส่มือผม “เอ้า แฟนๆ อยากเห็น ซีนไลฟ์แทนเราเลย”



ผมหน้าตื่น ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ แล้วก็ไม่ใช่คนพูดเก่งแบบหนิงเสียหน่อย



“ทักทายหน่อย เราไม่ว่าง จะแต่งหน้าทำผม” คุณเธอว่า พอดีกับพี่ทีมงานเดินเข้ามา ผมหันเลยโทรศัพท์เข้าหาตัว ทักทายไปเล็กน้อย คนดูเพิ่มขึ้นมาเกือบพันทำเอาผมประหม่า มองไปเห็นไอ้พระเอกของเรื่องก็เลยรีบกวักมือเรียกมันพลางลากเก้าอี้อีกตัวมาไว้ข้างๆ



“ต้องพูดอะไรบ้างอ่ะ” ยื่นโทรศัพท์ให้มันถือแทน ไอ้โซลรับไปแล้วกล่าวสวัสดีพร้อมโปรยยิ้มไปแบบไม่เคอะเขินอะไร



“ไปเปลี่ยนชุดมาครับ” ไอ้โซลอ่านคอมเม้นท์แล้วยิ้มน้อยๆ “ได้ครับ ต่อไปจะไม่ปล่อยให้พี่ซีนอยู่คนเดียวอีกแล้ว”



ผมได้ยินเสียงหนิงหัวเราะหึๆ เบาๆ “หาตัวช่วยได้ถูกคนจริงๆ”



ผมก็ว่างั้น แต่ก็ดีกว่าพูดคนเดียว พอมีคนมานั่งด้วยแล้วค่อยยังชั่ว คอมเม้นท์ขึ้นเร็วมาก เป็นคำถามบ้าง หวีดร้องกันบ้าง บางคนก็ชื่นชมซีรีส์ตอนแรกที่ฉายไป



“ขอบคุณที่ชอบนะครับ” อดยิ้มนิดๆ ไม่ได้ เมื่อคืนหลังซีรีส์จบม้าก็โทรมา บอกว่าสำหรับมือใหม่ถือว่าแสดงได้ดีมากแล้ว ผมไม่ได้ดูที่ตัวเองแสดงเพราะรู้สึกเขินแปลกๆ ไอ้โซลเลยไม่ได้ดูไปด้วย ตอนแรกผมกังวลไม่ใช่น้อยว่ามันจะออกมาแย่ แต่พอลองเช็คในทวิตเตอร์แฟนนิยายชอบกันผมก็เบาใจ



“กับโซลรู้จักกันอยู่แล้วครับ เป็นรุ่นน้องที่มหา’ลัย” ผมตอบคำถามที่มีคนเม้นท์ถามมาเรื่อยๆ “วันนี้เฟิร์สไม่มีคิวถ่ายครับ”



ผมไม่ได้มองหน้าตัวเองหรือไอ้คนข้างๆ ในจอเพราะมัวแต่มองตัวหนังสือที่พิมพ์เข้ามา จนมาสะดุดที่ข้อความหนึ่ง





// ทำไมพูดถึงเฟิร์สแล้วโซลหน้าบูดจังคะ //





ไอ้โซลก็เห็นข้อความนั้นเหมือนกัน มันเลิกคิ้ว ทำหน้านิ่งอย่างกวนๆ แล้วพาดแขนมาวางไว้บนพนักเก้าอี้ของผมอย่างที่มันเคยทำ “เปล่าครับ อากาศมันร้อน”



จริงๆ ผมว่ามันไม่ได้หน้าตาดูอารมณ์เสียอะไรหรอก แฟนคลับก็ชงไปอย่างนั้นเอง แล้วเหมือนได้ยินที่ไอ้โซลพูด พี่บัวที่มาเยี่ยมกองถ่ายวันนี้เลยยื่นพัดลมอันเล็กให้ มือข้างหนึ่งของไอ้โซลถือโทรศัพท์อยู่ผมเลยรับมาไว้แทน จ่อตัวเองบ้าง จ่อไปทางมันบ้างสลับไปมา





// เมื่อวานพี่ซีนไปดูหนังกับพี่เฟิร์สมาเหรอคะ //





“ใช่ครับ ไปดูหนังกับเฟิร์สมา”





// แต่มีคนเห็นพี่ซีนอยู่กับโซลด้วย //

// หรือไปกันสามคนเหรอคะ //

// เพื่อนหนูเห็นพี่ซีนกับโซลแค่สองคน พี่ซีนตอบหน่อยยยย //

// อ่านของหนูด้วยยยยย อย่าเพิ่งเม้นท์เยอะให้พี่ซีนตอบก๊อนน //

// เฟิร์สหรือโซลลลลลล //





“ตอนเย็นไปทำธุระกับโซลครับ เมื่อวานเจอทั้งสองคนนั่นแหละ” บอกแบบนี้ไปแล้วกัน ถ้าบอกว่ามันมารับไปเก็บเสื้อผ้าเพื่อไปค้างห้องมันเดี๋ยวโทรศัพท์จะค้างเอา แค่นี้ก็พิมพ์รัวมาแบบไม่ได้ศัพท์กันหมดแล้ว





// พี่ซีนน่ารักกกก //

// ทำไงจะเซฟความน่ารักไว้ได้หมด //

// พี่ซีนชอบชาเขียวเหรอค้า //

// โซลหล่อมากก หล่อเบอร์แรง //

// อยากเจอพี่ซีนเจอได้ที่ไหนอ่า //

// เหมาะกันมากอ่ะ //

// ต้องกินชาเขียวเหรอคะถึงจะน่ารักได้ขนาดนี้ //

// ซีนพูดเยอะๆ หน่อย อยากได้ยินเสียงงงง //






“เจอได้ที่ไหนเหรอ...อืม ผมไม่ค่อยได้ออกไปไหนนะ”





// กรี้ดดดดดด เห็นนะะะะ //

// แหมมมมมมมมมมมมมมมม //

// น่ารักกกมากกกคู่นี้ //

// โซลอยู่ปีไหนอ่า //

// หมาพี่ซีนชื่ออะไรคะ //





“ผมขึ้นปี 3 ครับ ส่วนหมาพี่ซีนชื่อปิ๊กมี่”





// ถามพี่ซีนนนนนนนนนนนนนนน //

// เปงแฟนอ่อมาตอบแทน //

// ชื่อซีนเหรอ555555555 //

// ระหว่างปิ๊กมี่กับชาเขียวพี่ซีนเลือกอะไรคะ //





“เลือกปิ๊กมี่ครับ”





// แล้วปิ๊กมี่กับพี่โซลล่ะคะ //





“อย่าทำร้ายผมสิ”



“รู้เหรอจะตอบอะไร”



“ขอข้ามข้อนี้นะครับทุกคน ตอบมาเดี๋ยวผมปวดใจ”



เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไรด้วยซ้ำ ได้แต่เบ้ปากใส่ไอ้คนที่ทำท่าทางปวดใจจริงๆ อย่างเจ้าตัวว่า ดูเหมือนไอ้โซลจะรู้จักพูดคุยกับแฟนๆ ได้อย่างลื่นไหลและยังถูกใจพวกเธอมากอีกด้วย





// สองคนนี้จีบกันอยู่ป่ะ //

// ถึงไหนกันแล้วคู่นี้ //

// โซลกับพี่ซีนถึงขั้นไหนกันแล้ว //






“ขั้นไหนเหรอ…” ไอ้คนข้างๆ พึมพำ หันมาถามผมหน้าซื่อ “ว่าไงครับ”



 “ข...ขั้นอะไร”



“นั่นน่ะสิ ขั้นอะไร”





// หยั่มมาาาาาาาา //

// พี่ซีนไม่รู้แต่โซลน่ะหยั่มมาาาาา //

// พี่โซลอย่าอุบไว้คนเดียวสิ! //

// เราว่าขั้นสูงแล้วแน่นวลลล //

// พี่ซีนไม่รู้จริงเหรอ ทำไมหน้าแดงงง //

// กรี้ดดดด ผิวขาวมันเห็นง่ายนะคะคนน่ารักก //

// หน้าตามีพิรุธทั้งสองคน //

// โอ้ยยยยยยย ไม่เนียนไปฝึกมาใหม่ //






“มั่วแล้วหน้าแดงอะไร” ผมยกมือจับหน้าตัวเอง ในกล้องมันจะเห็นได้ยังไง!



“ปฏิเสธอยู่ได้ นี่อย่าคิดว่าไม่รู้นะว่าเขียนอะไรลงในสมุดน่ะ” หนิงพูดลอยๆ แต่ผมหันขวับไปมองแทบไม่ทัน หนิงเพิ่งมาถึงกองตอนบ่ายจะรู้ได้ยังไง แต่สมุดเล่มนั้นทีมงานเก็บไป ผมว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่ปุ้ยแล้วล่ะ จะต้องรายงานกันทุกเรื่องเลยใช่ไหม!





// แดงถึงหูแล้วพี่ซีนเอ๊ยยยย //





ตอนนี้คนที่เข้ามาดูเกือบสามพัน ผมขบริมฝีปากแน่น แต่ละเม้นท์ก็ใช่ย่อย ไอ้โซลก็ไม่ช่วยอะไร ซ้ำยังทำให้ดูมีลับลมคมในเข้าไปอีก





// เขินก็บอกกกก //





“เปล่าครับ อากาศมันร้อน”



ไอ้โซลขำพรืด ไม่ต่างจากคอมเม้นท์ที่มีแต่เลขห้า สักพักพี่ทีมงานก็เดินมาบอกให้ไอ้โซลกับหนิงเตรียมตัวเข้าฉากได้แล้ว เราเลยบอกลาแล้วคืนโทรศัพท์ให้เจ้าของ



“พี่ลอกคำตอบผมนะ” ไอ้โซลยิ้มล้อ ผมจิ๊ปาก เถียงไม่ออกว่าจริงๆ แล้วก็เลี่ยงตอบความจริงแบบที่มันทำ



“อ้าว งั้นแสดงว่ามึงหน้าบูดจริง ไหนรับปากว่าจะไม่อะไรเฟิร์สแล้วไง นี่ต่อหน้าแฟนคลับด้วย”



“ผมทำเล่นเฉยๆ น่า” มันทำหน้าไม่ยี่หระอะไร ก่อนจะเลิกคิ้วมองผมแบบจับผิด “งั้นที่หน้าแดงก็ไม่ใช่เพราะร้อนเหมือนกันน่ะสิ”



ส่งเสียงหัวเราะในลำคออย่างคนรู้ทัน ผมยู่หน้า รู้อยู่แล้วยังจะมาคาดคั้นเอาคำตอบอะไรกับผมอีก



“ตกลงเราขั้นไหนกันแล้ว”



“ยังไม่เลิกเล่นอีก”



“ได้กอดได้หอมแล้ว ต่อไปก็จูบ”



“ไอ้บ้านี่!”



“เอ้า ในบทมันมีนะครับ”



“รู้แล้วน่า ย้ำจริง!”



ไอ้โซลหัวเราะน้อยๆ “จริงๆ ก็ไม่ได้อยากทำแค่ในบทหรอก”



“ไปเข้าฉากได้แล้ว ยืนพูดอะไรไม่รู้อยู่ได้!”



แล้วพูดอย่างกับตัวมันเองไม่เคยนอกบทอย่างนั้นแหละ แล้วอีกอย่าง อยู่ในห้องมันก็ไม่มีกล้องตัวไหนมาถ่าย บทก็ไม่ได้ซ้อมกันด้วย แต่สิ่งที่มันทำกับผมเหมือนอยู่ในซีรีส์ไม่มีผิด!



“หน้าตาเหมือนนินทาผมในใจนะเนี่ย”



“รู้ตัวก็ดีแล้ว”



“อ่ะๆ ไถ่โทษ” มันล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบบางอย่างออกมายัดใส่มือผมไว้ “ไปขอจากพี่ปุ้ยมาให้ ผมกลัวคนอื่นมาเห็นแล้วพี่จะโดนล้อไปมากกว่านี้ เก็บไว้กับพี่แล้วกันนะ”



เมื่อคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกผมก็แทบล้มทั้งยืน รู้สึกถึงความร้อนที่ลามไปถึงหูจริงๆ อย่างที่แฟนคลับคนหนึ่งว่า มันเป็นกระดาษที่ถูกฉีกออกมาจากสมุดเล่มนั้นและมันเป็นหน้าที่มีประโยคนั้นอยู่



“ผมไม่ได้กลัวคนอื่นจะรู้หรอก แต่เวลาพี่เขินผมอยากเห็นคนเดียวมากกว่า”



คนตรงหน้ายกยิ้ม ลูบหัวผมเบาๆ แล้วเดินจากไป



แล้วมันจะคิดบ้างไหมว่าก็ไอ้อาการที่มันพูดถึง ที่ผมเป็นอย่างนั้น...ก็เพราะใคร







ระหว่างรอสองคนนั้นเข้าฉาก ผมก็กดเข้าไปอ่านฟีดแบคของตอนแรกที่ออนแอร์ไปอีกครั้ง มีคนตัดเอาคลิปมาลงด้วยแต่ผมไม่กล้ากดเขาไปดู แค่เห็นรูปก็ตลกตัวเองจะแย่ พอเข้าแท็กนิยายแล้วก็อดกดเข้าไปอีกแท็กหนึ่งไม่ได้ พอเข้าไปดูก็เห็นรูปที่แคปจากที่ไลฟ์ไปเมื่อสักครู่เต็มไปหมด ผมยิ้มออกมานิดๆ พวกเธอจับตาแทบจะทุกการกระทำจริงๆ แต่ก็ยังมีบางอย่างที่พวกเธอไม่รู้ และบางอย่างที่ผมเพิ่งจะรู้เหมือนกัน





@oohhoo

จริงๆ แอบใจแป้ว ไม่เห็นพี่โซลมารับพี่ซีนเลยอุตส่าห์ตื่นมาวิ่งตอนเช้าทุกวัน แต่ไลฟ์วันนี้เห็นยังรักกันดีเราก็สุขใจจจ #โซลซีน



@w_antina

ไม่ต้องมารับกันก็ได้แค่รักกันหนูก็พอใจแล้วว #โซลซีน



@micodde

ตอนมีคนถามถึงพี่เฟิร์ส โซลมีความออกอาการนะจ๊าาา #โซลซีน



@nongwaii

พอถามถึงพระรอง พี่พระเอกเขาก็หน้าตึงเลยค่ะ ออกตัวแสดงความเป็นเจ้าของทันที #โซลซีน



@fxxfullp

จะในจอหรือนอกจอ พระเอกก็คือพระเอกอ่ะเนาะ โฮะๆๆๆ #โซลซีน



@kungpeuak

ที่บอกอากาศร้อนกันคือคนหนึ่งหัวร้อน อีกคนหน้าร้อนถูกมะ? #โซลซีน



@ishipyounaokay

ถึงเรือผีจะฆ่าไม่ตาย แต่เรืออฟฟิเชียลมันเรียลค่ะ เรียลโดยธรรมชาติ วงในเขาก็ชงกัน เสียงแก้วนี่โพล้งเพล้ง #ทีมพระเอก #โซลซีน



@tingjating

มองมาจากดาวเสาร์ก็รู้ว่าจีบกัน #โซลซีน



@fanclubpbua

สายตาโซลเวลามองพี่ทั้งในจอนอกจอไม่ต่างกันเลย รักมากไหมถามใจ #โซลซีน



@iammeoww

ตอนพี่ซีนยิ้มเขินคือแคปรัวๆ โอยยย เป็นพี่โซลจะจับมาฟัดแรงๆ >_< #โซลซีน



@nefdb91

โซลทนได้ยังไง พี่ซีนนนนนนน ฮือออๆๆๆๆๆๆ น่ารักมันทุกท่วงท่า จะพูด จะยิ้ม จะหายใจก็น่ารัก ยกนิ้วกลางให้ยังไม่โกรธเลยคนดี ฮืออออออออ #โซลซีน



@tttt007

ตอนพี่ซีนบอกไปธุระต่อกับพี่โซล คนข้างๆ กระตุกยิ้มคือรายยยยยยย ไปทำไรมากันแน่ ฮื่ออออ อย่าปล่อยให้ชุ้นมโนเองเลย ในหัวมีแต่เรื่องดีๆ ทั้งน้านน #โซลซีน



@Dreem_ij3

พี่ซีนเบ้ปากแบบน่าบีบแก้มมากกกกก #โซลซีน



@munBL17

ท่าปวดใจโซลนี่เอาไปใช้ได้อีกนาน 555555555 #โซลซีน



@jYsookpx

วันนี้ได้มีมเบ้ปากกับปวดใจ 55555555 #โซลซีน



@admiiee

ใครได้กลับไปดูไลฟ์ใหม่บ้าง เหมือนได้ยินพี่หนิงพูดว่าเขียนๆ อะไรสักอย่างในสมุดอ่า เราฟังไม่ชัด แต่พี่ซีนหน้าอึ้งมาก พี่หนิงรู้อะไรใช่ไหมมมมมมม #โซลซีน



@wangjeajao

พี่ซีนเขินไม่กล้าคุยเลยเรียกโซลมานั่งไลฟ์ด้วย เอ็นดูตอนกวักมือเรียกแบบ ‘เร็วๆ มานี่ๆ’ ณ จุดนี้กราบแทบเท้าพี่หนิงด้วยค่ะ มองตาพี่ก็รู้ว่าเราพวกเดียวกัน #โซลซีน



@kewiiz_

มีคนถามว่าเจอพี่ซีนได้ที่ไหน ตอนพี่กำลังตอบ น้องแอบชี้ที่หัวใจตัวเอง วรั้ยยยยยยย หักไม้พาย!!! #โซลซีน






รูปที่แคปมาเป็นอย่างที่พวกแฟนคลับพูดกันจริงๆ ผมละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ มองคนในรูปที่กำลังยืนต่อบทกับหนิงอยู่ไม่ไกลออกไป เผลอเอื้อมมือไปสัมผัสกับกระดาษแผ่นบางที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง...แล้วก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไม่เคยหยุดเคลื่อนไหวในหัวใจแม้แต่เสี้ยววินาที












-

คนหนึ่งเริ่มแสดงออกชัดเจน ความรู้สึกอีกคนก็จะเริ่มชัดเจนไม่ต่างกัน

//อะไรนะ...น้องแสดงชัดมานานแล้ว  แง้ะ555555

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ค่ะ เป็นกำลังใจให้มากๆ เลย ^ ^

ติดแท็กได้น้าาาา #ข้างหลังฉาก #โซลซีน

ออฟไลน์ aunszMT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
อะไร ในนั้นเขียนว่าอะไรฮรือออ #ทีมพระเอก #โซลซีน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ดูท่าแฟนคลับคู่นี้คงทำหมอนขาดไปหลายใบ ฮา

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ฮือออออออ นี่อ่านไปจิกหมอนไป คนพี่เริ่มรู้สึกแล้วใช่ไหมคะ คนน้องชัดเจนขนาดนี้

โอยยยย หัวใจ

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
โอยยยยยฟินนนน
ทำไมน่ารักกก ทำไมต้องน่ารักขนาดนี้
โยนไม่พายทิ้ง กับตันเรือเราแข็งแกร่งค่ะ
ทำไมเห็นภาพคู่ LeoLucus ซ้อนนมา งืออออ
รอค่าาา

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
  :o8:  :-[  :impress2: คนอ่านเขินตายไปแล้วค่ะ.... น่ารัก....รีบมาต่อนะค่ะ...กำลังเขินแทนได้ที่ :ruready  :heaven

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
หน้าฉาก หลังฉาก เหมือนกัน  :katai2-1:
เสมอต้น เสมอปลาย ฮู้เร้......  :mc4:
#โซลซีน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
แฟนคลับอยู่ใกล้ๆ แน่เลย เห็นหมด
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ไม่ต้องหลังฉากแล้ววว ชัดเจนขนาดนี้ กรี๊ดดดด

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
ชัดเจนค่ะลูก  #โซลซีน

กัปตันทำดีค่ะ ยอมใจมากกกกกกกก

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ทำตาม FC เถอะ เขาคิดมาดีแล้ว  :ruready

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
อีกนิด..พี่ซีน อีกนิด..... :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
เจิน เอ้ย เงิน เอ้ย เขิน
โยนไม้พายละ ขนาดนี้

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
โอ้ยยยยโซลลลลลลน่ารักมากกกกก พี่ซีนก็รับรักน้องเถอะค่าาา  :hao7:

ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0



ตอนที่ 14







ผมจิบเครื่องดื่มที่ไอ้โซลยื่นให้เล็กน้อย มองไปรอบๆ งานที่ดูจะครื้นเครงกันขึ้นเรื่อยๆ เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อสังสรรค์กันจริงๆ การแต่งกายก็แล้วแต่ว่าอยากจะแต่งมาแบบไหน ผมเห็นตั้งแต่ชุดนอนยันทักซิโด้ ส่วนผมกับไอ้โซลแค่ใส่เสื้อเชิ้ตเรียบๆ มาเท่านั้น ผมก็ไม่ได้เซต



“โอ๊ะ! พี่ซีน สวัสดีครับ”



“หวัดดีต่าย” ผมยิ้มรับ ไอ้โซลพยักหน้าให้เพื่อนตัวเองเล็กน้อย “บ้านสวยดีนะ”



เพราะไม่ใช่งานวันเกิด งานขึ้นบ้านใหม่ หรืองานแต่ง ผมไม่รู้จะอวยพรอะไรเลยได้แต่ชมบ้านโมเดิร์นหลังใหญ่แทน สวนหน้าบ้านถูกตกแต่งและประดับประดาไปด้วยไฟดวงเล็กๆ ซุ้มดอกไม้และลูกโป่ง ดูไปดูมาก็เหมือนงานวันเกิดใครสักคน แต่คงเป็นเกิดอยากกินเสียมากกว่า



“อยากมาอยู่ไหมล่ะครับ”



“ลามปามแล้วมึง”



“แหม เล่นนิดเล่นหน่อยก็ไม่ได้” เจ้าของบ้านว่าหากแต่ยกยิ้มอย่างอารมณ์ดี “ผมดีใจนะครับที่พี่มาวันนี้ เชิญตามสบายเลย งานนี้แก้เครียดกันเฉยๆ”



ผมพยักหน้าน้อยๆ  ขยับผ้าที่ถูกผูกไว้บนข้อมือเมื่อรู้สึกว่ามันแน่นเกินไป ต่ายเหลือบมองการกระทำนั้น เลิกคิ้ว และสบตากับไอ้โซล



“ไอ้แม็คเขียน?”



“อือ เอาแค่นี้ไปก่อนก็ได้”



แล้วปิดท้ายบทสนทนาด้วยรอยยิ้มที่รู้กันอยู่สองคน...



ผมคลายผ้าที่ผูกบนข้อมือออกเล็กน้อย มันถูกเขียนว่า ‘คู่จิ้น’ เช่นเดียวกับผ้าบนข้อมือของไอ้โซล



“เห็นโซลบอกว่าพรุ่งนี้เป็นวันครบรอบด้วย ยังไงก็รักกับแฟนนานๆ นะ”



“ขอบคุณครับ พี่ซีนกับไอ้โซลก็เหมือนกันนะ”



“เฮ้ย..ค...คือเราไม่ได้...”



“เออ ขอบใจ”



“มึงนี่!”



คนโดนฟาดหัวเราะ ก่อนจะโบกมือไล่เจ้าของงานหน้าตาเฉย ผมกำลังจะบอกว่าไม่ใช่ ต่ายก็ทำเพียงโคลงศีรษะยิ้มๆ แล้วเดินไปหาแฟนตัวเอง เอาเข้าไปเถอะ อย่าบอกนะว่าชงเก่งกันทั้งกลุ่ม วันนี้ผมจะรอดไหม อยู่ในดงพวกเพื่อนไอ้โซลแบบนี้



“นั่งนี่ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปตักอาหารมาให้” มันว่าก่อนจะผละไป ผมนั่งโต๊ะที่ห่างออกจากเวทีมาไม่มาก เป็นเวทีไม่ใหญ่อะไร ผมว่าก็เหมาะดีกับการจัดงานที่มีแต่เพื่อนกันแบบนี้ ในงานมีคนเพิ่มมากขึ้นและดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันหมดทั้งงานเลยด้วย สักพักก็มีคนเข้ามาขอถ่ายรูป ผมเลยยิ้มเกร็งๆ ไปเพราะเพิ่งเคยเจออย่างนี้ครั้งแรก และไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเหมือนดาราสักนิด



“อ้าว พี่ซีน มาถึงนานแล้วเหรอครับ” คนในชุดนอนลายเต่าทองทัก บนหัวโพกผ้าสีแดงเหมือนกับชุด มีตัวหนังสือสีดำเขียนไว้ว่า คู่กัน



“อื้ม สักพักแล้วล่ะ”



“ไอ้โซลกล้าปล่อยให้พี่อยู่คนเดียวด้วยเหรอเนี่ย”



“ทำไมล่ะ งานนี้มีอะไรเหรอ” ผมมองไปรอบๆ อย่างสงสัย หรือมีกฎอะไรเล่นกันอีก ไอ้โซลก็ไม่ได้บอกอะไรเพิ่มเติมนะ



“ก็เห็นมันไม่ให้ใครเข้าใกล้พี่เลย”



ไอ้น้องกันยิ้มกริ่ม นั่งลงข้างผม นัยน์ตามีเลศนัย ลืมไปเลย ตรงหน้าผมคือตัวพ่อในกลุ่มไอ้โซล ผมทำท่าหูทวนลมก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง 



“ไอ้ทิมกับไอ้โฟร์ล่ะ ไม่ได้มาเหรอ” จริงๆ ก็เพิ่งนึกได้ว่ามีเพื่อนอยู่คณะนี้เหมือนกัน ตอนพวกมันทักมาเรื่องซีรีส์ที่ฉายไปก็ด่าที่พวกมันแซวจนลืมบอกไปเลยว่าผมถูกชวนมางานนี้



“ไม่ครับ บอกไม่มากันทั้งคู่ สงสัยหาคนควงไม่ได้”



“อย่างพวกมันน่ะนะจะหาไม่ได้”



เด็กข้างๆ ยักไหล่ “ที่จริงจับคู่กันเองก็ได้ครับ ไม่ต้องลำบากไปหาคู่ที่ไหนไกลหรอก”



“อ้าว แล้วทำไมโซลไม่จับคู่กับเพื่อนล่ะ”



“มันอยากคู่กับพวกผมที่ไหนกัน ไอ้นั่นเล็งจะชวนพี่มาตั้งแต่ไอ้ต่ายบอกกฎของงานแล้ว นี่ผมต้องไปชวนเพื่อนคณะอื่นมานะเนี่ย” ว่าพลางทำหน้าเหม็นเบื่อ “แต่ลีลาทำอะไรอยู่ไม่รู้ตั้งนาน ถ้าผมไม่ถามวันนั้นก็ไม่รู้มันจะชวนพี่ตอนไหน”



“ตั้งแต่รู้กฎ...เหรอ”



“ครับ ก็วันที่พี่ไปหาไอ้โซลที่คณะพวกผมไง มันบอกจะชวนพี่”



วันนั้นยังไม่ได้เริ่มถ่ายทำซีรีส์ด้วยซ้ำ แล้วผมเจอกับไอ้โซลก็ไม่บ่อย แค่ไปซ้อมที่ห้องมันเฉยๆ ...



“นินทาผมอยู่เหรอ”



คนที่เป็นหัวข้อสนทนาเดินเข้ามาวางจานอาหารลงบนโต๊ะ มันนั่งลงอีกข้างหนึ่งของผม มองผมที มองไอ้น้องกันที



“บ้า มึงน่ะคิดมาก”



“ไอ้กันต้องพูดอะไรให้พี่ฟังแน่ๆ เลย”



“เปล๊า...กูเปล๊า”



“เงียบไปเลย กูถามพี่ซีน”



ไอ้น้องกันถลึงตาใส่เพื่อน ใจจริงมันคงอยากจะยกนิ้วกลางใส่แต่ยังเกรงใจผมอยู่ เลยยอมหันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าตัวเองแทน



“หน้าตาเหมือนมีคำถามนะครับ”



ผมแอบย่นจมูก มันรู้ทันผมทุกเรื่องหรือเพราะหน้าตาผมแสดงความสงสัยออกไปมากกันแน่ก็ไม่รู้ ผมเขี่ยแซลมอนโรลในจานเล่น คิดว่าจะถามดีหรือเปล่า แต่พอมองเด็กอีกคนที่นั่งอยู่อีกข้างหนึ่งก็เลือกที่จะเก็บข้อสงสัยเอาไว้ ซึ่งไอ้โซลก็ไม่ได้ติดใจอะไร



“กินเยอะๆ หน่อยสิครับ”



“ไม่ค่อยหิวอ่ะ มึงกินช่วยหน่อยสิ”



“เพราะกินแบบนี้ไง ใส่ชุดผมแล้วกางเกงถึงจะหลุดเอาน่ะ”



“มันก็อยู่ในผ้าห่ม ไม่เห็นจะเป็นไร” ผมย้อนคำที่มันเคยพูด แต่มันกลับยกยิ้ม หรี่ตาไม่น่าไว้ใจ



“ใต้ผ้าห่มไม่ได้มีแค่พี่คนเดียวนะครับ เผื่อจะลืม” ว่าไม่พอ มันยังเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางไต่ขึ้นมาตามแขนผมอีกด้วย ผมเลยฟาดมันไปเป็นรอบที่สองของวัน



“ทะลึ่ง!”



ไอ้โซลหัวเราะชอบใจ แค่วันแรกที่ไปนอนค้างเท่านั้นแหละที่ผมต้องใส่ชุดมัน ตอนนี้ทั้งเสื้อผ้า ของใช้ของผมมีครบอยู่ที่ห้องของมัน



“กินหน่อยน่า ผมป้อน”



“ไม่ใช่เด็กนะเว้ย”



“ไม่ได้ว่าเป็นเด็กสักหน่อย เร็วครับ อ้าปาก” มันคะยั้นคะยอ ผมหน้าแหย ดันมือมันออกไป



“ไม่เอา ไม่ชอบทูน่า”



ไอ้โซลเอาคำนั้นเข้าปากตัวเอง เลือกแซลมอนโรลขึ้นมาให้แทน แล้วผมก็ดันอ้าปากรับอย่างลืมตัว



“เก่งมากกก” ลากเสียงยาวอย่างยียวน ถ้าปรบมือแปะๆ หน่อยก็เหมือนผมเป็นลูกมันแล้ว ไอ้บ้านี่



“คือตอนนี้ตากูร้อนจนจะยิงเลเซอร์ได้แล้ว”



น้ำเสียงติดจะเอือมโพล่งขึ้น ไอ้โซลมองเลยไปอีกด้านหนึ่งของผม หุบยิ้มฉับ ผมหันขวับไปมองอย่างตกใจ ...ลืมไปเลยว่าไอ้น้องกันนั่งอยู่ด้วย!



“มึงยังนั่งอยู่อีกเหรอวะ”



“อ้าว นี่กูล่องหนได้เหรอ กูเพิ่งรู้นะเนี่ย”



“เออ กูมองเห็นแต่พี่ซีนอ่ะ มึงลุกไปเหอะ ไปเดินเล่นก่อนก็ได้ค่อยกลับมา”



“เชี่ย มึงคนจริงมากและเหี้ยมากด้วย”



“มึงจะไล่เพื่อนทำไม” ผมรีบเอ่ยห้าม ไอ้โซลหน้าหงิก ลับหลังผมยังแอบเห็นสะบัดมือไล่ไอ้น้องกันอีกต่างหาก



“ดูมันสิครับพี่ซีน จะให้ผมไปอยู่ไหนล่ะ ผมยังกินไม่เสร็จเลยด้วย”



“ทั้งงานก็เพื่อนกันหมด ยกไปกินบนเวทียังไม่มีใครว่า พี่อย่าไปฟังมันมาก เรียกร้องความสนใจไปงั้น”



“ที่กูนั่งคุยกับพี่ซีนกูช่วยมึงนะโว้ย”



“ขอบคุณมาก แต่ตอนนี้ช่วยอะไรกูอีกอย่างได้ไหม”



“ให้กูช่วยลุกออกไป?”



“เออ”



“สำนึกบุญคุณกูจริงไหมเนี่ยไอ้เหี้ย”



“มึงอย่าพูดคำหยาบคายข้ามหัวพี่ซีนดิวะ”



“ก็มึงทำตัวน่าหมั่นไส้จนต้องด่า!”



“พวกเชี่ย เดินหาตั้งนาน โทรก็ไม่รับสักคน”



ก่อนที่เพื่อนรักทั้งสองจะเปิดศึกข้ามหัวผมจริงๆ บอลกับไมค์ก็เข้ามาร่วมโต๊ะด้วย บอลอยู่ในชุดบอลสมชื่อ ส่วนไมค์ใส่เสื้อยืดบางๆ สีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีด



“โทรศัพท์กูอยู่ในบ้านไอ้ต่าย ชุดแม่งไม่มีกระเป๋า ส่วนไอ้นี่ต่อให้มึงโทรอีกร้อยสายมันก็ไม่สนใจหรอก” ไอ้น้องกันพยัดเพยิดไปทางไอ้โซล แต่บอลกับไมค์กลับมองมาที่ผมแล้วพยักหน้ากันอย่างเข้าใจในทันที



“พี่ซีนอยู่ดึกได้ไหมครับวันนี้”



“ยังไงก็ได้ แล้วแต่โซลน่ะ”



“งั้นรอดูผมเล่นก่อนนะครับ” 



ผมหันไปมองไอ้โซลเพื่อถามความเห็น มันพยักหน้าน้อยๆ “ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”



“ดีเลยครับ พี่จะได้เห็นผมร้องเพลงจริงๆ จังๆ ไม่เหมือนวันนั้น พวกเชี่ยนั่นแหกปากแข่งกันอย่างกับควายออกลูก”



“ไอ้สัด วันนั้นกูก็ร้องด้วยนะโว้ย”



“ช่างสิ ในนั้นกูร้องเพราะคนเดียว”



“ร้องเล่นๆ ใครเขาร้องตรงคีย์กัน!”



ผมส่ายหัวขำๆ ให้กับเพื่อนอีกคู่ที่เถียงกันเหมือนเด็กๆ ก่อนที่จะสงบลงเพราะไมค์สำลักอาหารที่ยังกลืนไม่หมด ร้อนเจ้าตัวต้องรีบกระดกน้ำจนหมดแก้ว



“สม” บอลว่า ก่อนจะเลิกคิ้วนิดๆ เมื่อมองมาทางไอ้โซล “ทำไมหน้าไอ้โซลมันดูเซ็งๆ วะ”



“ไม่รู้ อาหารไม่อร่อยมั้ง”



“อือ ก้างติดคอ” คำตอบนั้นทำไอ้น้องกันหันขวับ สบถคำหยาบออกมาสองสามคำ เท่านั้นหน้าคนถามก็กระจ่างในคำตอบ หัวเราะหึๆ ในลำคอ



ไม่นานเสียงเพลงแปลกๆ ก็ดังขึ้น บนเวทีมีผู้ชายสองสามคนใส่ชุดนอนขึ้นไปเล่นมายากล ด้านล่างมีหนึ่งในเพื่อนไอ้โซลคอยตะโกนเชียร์และสั่งให้ทำอะไรแปลกๆ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี ไอ้โซลบอกว่าเป็นรุ่นน้องที่คณะ ผมไม่รู้จะสงสารหรืออะไรดีเพราะดูน้องคนนั้นก็เต็มใจทำตามซะเหลือเกิน



“อยากกินน้ำเปล่า” ผมสะกิดมันเบาๆ หลังจากดูโชว์ไปสักพัก อีกฝ่ายหันไปพูดอะไรสักอย่างกับบอลที่นั่งอยู่ใกล้ที่สุดก่อนจะคว้าข้อมือผมให้ลุกออกมา



เดินตามแรงจูงเข้ามาในตัวบ้าน ตลอดทางมีแต่คนทักไอ้โซล ได้ยินเสียงเรียกชื่อผมอยู่แผ่วๆ ที่เป็นเหมือนคำอุทานเสียมากกว่าผมเลยไม่ได้หันไป มีคนที่เดินมาเข้าห้องน้ำไม่กี่คนแล้วออกไป ทั้งบ้านเลยเหลือแค่ผมกับไอ้โซล มันเปิดตู้เย็นรินน้ำเปล่าให้ผมแก้วหนึ่ง



“ไปอยู่กับเพื่อนก็ได้นะ มันเป็นงานของพวกมึงอ่ะ”



“ไม่ต้องสนเรื่องนั้นหรอกครับ ผมเจอพวกมันบ่อยจนเบื่อแล้ว อีกอย่างผมเป็นคนพาพี่มานะ”



ผมโคลงศีรษะ แค่คิดว่ามันไม่จำเป็นต้องมาตัวติดกับผมหรือคอยบริการผมก็ได้ แล้วตั้งแต่มาถึงงานมันไม่เดินไปทักทายเพื่อนคนไหนเลยด้วยนอกจากจะเดินสวนกันหรือคนอื่นเดินเข้ามาทัก



“แล้วจะกลับเข้างานเลยไหม”



“ผมอยากอยู่กับพี่”



“ท...ทำอย่างกับทุกวันนี้ไม่ได้อยู่!” ผมจิ๊ปาก ตั้งตัวไม่ทันกับไอ้เจ้าของประโยคที่พูดออกมาหน้านิ่ง “เจอกันทุกวัน เดี๋ยวสักวันมึงก็เบื่อกูเหมือนกันน่ะสิ” 



เด็กตัวสูงกอดอก เอนตัวพิงกับเคาน์เตอร์ ผมล่ะเกลียดเวลามันยกยิ้มแค่ตรงมุมปากจริงๆ “อย่างพี่น่ะ เจอทั้งชีวิตก็ไม่เบื่อ”



...พูดซะแม่ค้าขนมครกยังอาย…



สิ่งหนึ่งที่มันไม่รู้หรืออาจรู้อยู่แล้วคือผมไม่เคยชินเวลามันทำหรือพูดอะไรแบบนี้ใส่ ก็ใช่ที่มันหล่อมาก แล้วเสน่ห์ก็น้อยเสียที่ไหน แต่อาการที่ผมเป็นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะสิ่งเหล่านั้นเสียหน่อย และแน่นอนว่าผมรู้...ว่ามันเป็นเพราะความรู้สึกที่ก่อมวลขึ้นในใจต่างหาก



“ไอ้กันบอกอะไรพี่ ทำไมถึงทำหน้าสงสัยขนาดนี้” มันวางมือบนศีรษะของผม โคลงไปมาเบาๆ “อยากรู้อะไรก็ถามผม”



“ก็แค่คุยกันเรื่อยเปื่อย”



“ถามได้ทุกเรื่อง ผมจะตอบให้ตรงนี้”



“คนข้างบ้านกูชื่ออะไร”



“ไม่เอาแบบนั้นสิครับ ผมหมายถึงเรื่องของเรา”



ให้มันได้อย่างนี้สิ บทจะพูดก็พูดออกมา... ที่จริงก็ไม่ได้อยากหลบเลี่ยงหรือบ่ายเบี่ยงอะไร ผมเกาแก้มตัวเอง ตอบออกไปเสียงเบา “ไม่ได้อยากถามสักหน่อย”



...แต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่อยากรู้...ไม่อยากไขข้อข้องใจที่มี...





“แต่ถ้าพูดมาก็จะฟัง”





ผมเม้มปากขณะมองมันยิ้ม ดื่มน้ำอึกสุดท้าย เฉไฉสายตาไปเรื่อย มองนาฬิกาตรงผนังเห็นว่าห้าทุ่มกว่าๆ และผมเพิ่งสังเกตว่าบนเพดานมีลูกโป่งเต็มไปหมด



“ไอ้ต่ายใช้เพื่อนตั้งหลายคนกันไม่ให้มิ้นท์เข้ามาในบ้าน”



“เพื่อนมึงโรแมนติกเนอะ”



“มันไม่ใช่คนแบบนี้หรอก ตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำ”



ผมเจอต่ายไม่กี่ครั้ง ภายนอกดูเหมือนไม่ใช่คนชอบทำเรื่องพวกนี้จริงๆ แหละ ยิ่งมองลูกโป่งสีพาสเทลบนเพดานยิ่งไม่เข้ากับเจ้าตัวไปกันใหญ่



“ผมเคยสงสัยว่าทำไมความรักทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ทำให้เราเป็นในแบบที่เราไม่เคยเป็น และทำในแบบที่เราไม่คิดจะทำ”



เสียงหัวเราะจากผู้คนข้างนอกดังเข้ามาถึงในตัวบ้านแต่เสียงกลับดังอื้ออึงเหมือนอยู่ไกลออกไป...



“แล้วผมก็เพิ่งรู้ ว่าความรู้สึกที่ว่ามันมีแรงผลักดันมหาศาล...”



ผมเผลอกลั้นหายใจในตอนที่มันจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของผม แล้วไม่รู้เป็นเพราะในนี้มีแค่ผมกับมัน หรือเพราะอะไรบางอย่างที่ตัดขาดเราสองคนจากโลกภายนอกนั่นกันแน่ 



“ทำให้ผม...”





“เข้ามาทำอะไรกันตั้งนานสองนาน!”





ไอ้โซลที่กำลังอ้าปากพูดอะไรบางอย่างชะงัก ผมเด้งตัวออกไปยืนข้างตู้เย็น เด็กตัวสูงยืนนิ่ง ข่มตาลงแน่นขณะไอ้น้องกันยิ้มร่าเดินเข้ามากอดคอ



“จะถึงเวลาแล้ว ดูเวลาซะมั่ง”



“โทษทีที่ขัดนะเพื่อน แต่ของมึงคิวหลังว่ะ”



เจ้าของบ้านกลั้นหัวเราะ ดูไม่แปลกใจสักนิดกับท่าทางตื่นตกใจของผม ต่ายตบบ่าไอ้โซลเบาๆ หันมาขยิบตาให้ผมก่อนจะเดินจากไป



หลังจากนั้นไม่นานคนอื่นๆ ในกลุ่มก็ตามเข้ามา ไอ้โซลโดนลากไปไหนไม่รู้ ผมยืนอยู่วงรอบนอกกับไอ้น้องกัน มีคนพามิ้นท์เดินเข้ามาในบ้าน ต่ายยื่นดอกไม้ให้ ด้านหลังต่ายคือเพื่อนสี่ห้าคนชูป้ายกระดาษเขียนข้อความสำคัญ



ใบหน้าของทั้งสองอิ่มเอม ขนาดมองจากสายตาคนนอกยังรู้สึกได้ถึงความสุขที่ทั้งสองมีกันและกัน ผมยังรู้สึกตกอยู่ในภวังค์ ไม่ค่อยรับรู้อะไรเท่าไหร่จนกระทั่งได้ยินเสียงพลุกระดาษที่ดังอยู่ข้างๆ ตัวถึงได้สะดุ้งหลุดออกมาสู่โลกตรงหน้า



เพิ่งเห็นว่ามีแชมเปญทาวเวอร์ด้วย บวกกับคู่รักที่ยืนกระหนุงกระหนิงกันก็ยิ่งรู้สึกเหมือนอยู่ในงานแต่งเข้าไปใหญ่ พอต่ายเปิดจุกไม้ก๊อก เสียงเฮก็ดังขึ้นพร้อมกับฟองที่พวยพุ่งออกมา น้ำสีเหลืองทองถูกรินตั้งแต่แก้วที่อยู่ยอดบนสุดไหลลงมาถึงแก้วล่างสุด หลังจากต่ายกับมิ้นท์ควงแขนกันดื่มแล้ว แก้วก็ถูกแจกจ่ายให้กับทุกคนที่อยู่ในนั้นรวมถึงผมด้วย



ผมมองแก้วในมืออย่างชั่งใจ นานพอสมควรที่ไม่ได้แตะต้องของพวกนี้ ก่อนมาผมบอกไอ้โซลไม่ให้ดื่มเยอะแต่ตอนนี้ตัวผมเองก็เลี่ยงไม่ได้เช่นกัน



“ฉลองให้คู่บ่าวสาว ไชโย!!”



“ไชโยยยยยยยยยยยย!!!!”



สิ้นเสียงไอ้คนข้างตัว เสียงทุกคนก็ร้องขึ้น เด็กผู้ชายเกือบสิบคนกระดกแก้วรวดเดียวอย่างพร้อมเพรียง เชี่ย...จิบก็พอมั้ง ผมยืนนิ่ง มองน้ำสีเหลืองทองที่ถูกรินจนเต็มแก้วทรงดอกทิวลิป บรรยายกาศรอบตัวเต็มไปด้วยความปิติยินดีแม้จะไม่ใช่งานแต่งจริงๆ ก็เถอะ จะให้ผมยกจิบเฉยๆ ก็ยังไงอยู่ รอบตัวแก้วเปล่ากันหมดแล้ว ยิ่งรอยยิ้มของไอ้น้องกันและสายตาเร่งเร้าให้ผมรีบดื่มทำให้ผมจำใจต้องกระดกรวดเดียวจนหมดแบบที่พวกมันทำ



แค่แก้วเดียวเท่านั้นแหละ...เพราะผมรู้ว่ารสชาติหวานเปรี้ยวฝาดเฝื่อนนี่สามารถลิดรอนสติผมได้ง่ายดายเหลือเกิน



จบชั่วโมงหวานแหวว คู่บ่าวสาวอย่างที่ไอ้น้องกันเรียกเดินหายไปสวีทกันต่อหลังบ้าน ส่วนคนที่เหลือก็กระจายตัวออกไปที่สวนหน้าบ้านอย่างเก่า ได้ยินเสียงซาวน์เช็คเครื่องดนตรีทำให้รู้ว่าอีกเดี๋ยวไมค์จะขึ้นร้องเพลงแล้ว



“ให้มันอุ่นเครื่องไปก่อน เราค่อยออกไป”



ผมโดนลากมานั่งที่โซฟา ผนังกระจกทำให้มองเห็นผู้คนข้างนอกที่เริ่มเคลื่อนตัวไปรวมกันอยู่หน้าเวที



“ไอ้ไมค์จีบรุ่นน้องคนหนึ่งอยู่” ไอ้น้องกันพูดขึ้นทำลายความเงียบ น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยเหมือนหาเรื่องมาพูดทั่วไป พลางรินแชมเปญให้ผมอีกแก้ว “มันเลยชวนน้องมางานนี้ด้วย”



ผมโบกมือปฏิเสธ ที่จริงบอกไปแล้วว่าพรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เด็กตรงหน้าไม่ฟังผมสักนิด





“ถ้าไอ้โซลไม่ชวนพี่ ก็ไม่รู้จะให้มันไปชวนใคร...เนอะ”





เนอะโพ่ง...



ผมหลบสายตาที่พยายามจะมองผมให้ทะลุปรุโปร่ง ไม่คิดว่าจู่ๆ มันจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก เหมือนคิดผิดที่ยอมนั่งอยู่ในตัวบ้านกับเพื่อนไอ้โซลคนนี้ ไอ้น้องกันเอนหลังพิงกับเบาะ ท่าทางสบายๆ ต่างกับผมที่นั่งเกร็งอย่างคนทำอะไรไม่ถูก



สายตาที่จับจ้องอยู่เหมือนเฝ้าดูการแสดงออกของผม คาดคั้นให้ผมเผยบางอย่างออกมา ผมขบริมฝีปาก คว้าแก้วทรงสูงตรงหน้าขึ้นดื่มรวดเดียว เผื่อว่ามันจะช่วยให้หลุดพ้นจากอาการร้อนผ่าวบนใบหน้าที่ไม่ใช่ฤทธิ์แอลกอฮอล์เวลาพูดถึงเรื่องนั้นได้บ้าง



เพราะบางอย่างยังไม่กระจ่าง...ผมเลยยังไม่แน่ใจ



ได้ยินเสียงหลุดหัวเราะของไอ้เด็กแสบ ผมไม่ใช่คนคอแข็ง ไม่รู้ว่าเพราะทำให้ผมดื่มได้สำเร็จหรือเพราะอะไรที่ทำให้มันยกยิ้มได้ใจขนาดนั้น



แม่ง เหมือนเพื่อนมันไม่มีผิด



“พี่ซีนรู้ไหม ผมไม่เคยจีบใครไม่ติดเลยนะ”



“อืม พ่อคนหล่อ” ผมว่า เริ่มกุมศีรษะ รู้สึกมึนๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ผสมปนเปไปกับเพลียคนตรงหน้านิดหน่อย



ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วก่อนมันจะเริ่มเล่าอีกครั้ง



“ผมไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของไอ้ต่าย ผมรู้แค่ชอบกับชอบมาก โดนกับไม่โดน” ไอ้น้องกันแค่นยิ้ม มองลูกโป่งที่อัดแน่นเต็มเพดาน “ผมบอกรักทุกคนที่คบ แต่ตอนโดนบอกเลิกกลับไม่รู้สึกเจ็บสักนิด ในขณะที่ไอ้ต่ายแค่ทะเลาะกับมิ้นท์ก็เมาหัวทิ่มแล้ว”



เสียงเพลงด้านนอกเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมเพียงเท้าคาง มองนัยน์ตาที่ยังคงแววขี้เล่นเอาไว้ไม่เปลี่ยน





“ไอ้โซลเคยเป็นเหมือนผม”





“…”



“นั่งนิ่งๆ ให้คนวิ่งเข้าหา และไม่เคยขี้ขลาดให้กับเรื่องแบบนี้”



“…”



“แต่ในตอนที่มันได้เจอกับคนคนหนึ่ง แค่จะเฉียดเข้าไปใกล้...มันยังไม่กล้าเลย”



“…”



“ผมยุมันสารพัด มันก็ยังนิ่ง ไม่ได้ใจเย็นแต่มันกลัวโดนเกลียด สุดท้ายมันก็ยอมทำตามแผนการโง่ๆ เพื่อทำให้เขาคนนั้นประทับใจ แต่กลายเป็นโดนอารมณ์เสียใส่ซะงั้น”



ผมหลุมสายตาลง เม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง เหมือนจะรับรู้ความจริงที่อยู่ตรงหน้าแต่ก็ถูกความพร่ามัวเข้าบดบัง กลายเป็นความรู้สึกอึดอัดในใจเมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการเสียที



“พรุ่งนี้ต้องทำงานไม่ใช่เหรอครับ” อีกฝ่ายถามกลั้วหัวเราะหลังจากผมยกแก้วทรงสูงขึ้นดื่มจนหมดอีกครั้ง



“กองนัดบ่าย”   



การควบคุมตัวเองลดลงแต่ยังไม่ถึงศูนย์ ผมกุมศีรษะอีกครั้ง แอบเห็นว่าไอ้น้องกันอมยิ้มบาง



“ผมขออะไรพี่อย่างได้ไหม”



ผมส่งเสียงอืออาตอบรับ ดูไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่แต่ในใจผมกลับรู้สึกจดจ่อกับประโยคต่อไปของมันเหลือเกิน





“รับแอดเฟสบุ๊กผมหน่อยได้ไหม คือผมขอไปนานมากแล้ว”





“…”



ผมชะงัก สติกลับมานิดนึง ไม่ถึงกับสร่างแต่อยากฟาดมันมาก



“ล้อเล่นครับ เฮ้ย ไม่สิ พูดจริง จริงทั้งหมดเลย เฟสบุ๊กก็รับผมด้วย” มันหัวเราะร่วน ผมจะจำเอาไว้ว่าไม่ควรไปคาดหวังความจริงจังจากไอ้เด็กตรงหน้าอีก   



“อืมๆ โทษทีไม่ค่อยได้เข้า” ตัดบทด้วยน้ำเสียงเอือมๆ ถอนหายใจไปเฮือกหนึ่ง หน้าตาไอ้น้องกันดูไร้พิษสง รอยยิ้มดูใสซื่อแต่นิสัยแสบทรวง แต่ถึงยังไงก็ด่าไม่ลงอยู่ดี



“เราออกไปข้างนอกกันเถอะครับ”



ไม่รู้จบไปเพลงที่เท่าไหร่ เสียงไมค์พูดเข้าเพลงใหม่ก่อนดนตรีจะบรรเลงขึ้น ผมลุกพรวดทันทีที่มันว่า และเซถลาไปข้างหน้าทันทีเช่นกัน ไอ้น้องกันร้องเสียงหลง รับตัวผมเอาไว้ได้ทันก่อนหน้าผมจะจุ่มลงกับพื้น



“ถ้าไอ้โซลมาเห็นเราอยู่ในท่านี้ไม่ดีแน่ๆ เลยครับ”



แวบหนึ่งที่ในหัวผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน...



ผมดันตัวเองออกแต่มือยังเกาะไหล่เด็กตรงหน้าไว้เพื่อพยุงตัว มืออีกฝ่ายประคองช่วงเอวผมเอาไว้หลวมๆ



“เอ...จะแก้ตัวว่าอะไรดีน้า” ไอ้น้องกันอมยิ้มกรุ้มกริ่ม “บอกว่าเรากำลังเต้นรำกันดีไหม”



“เพื่อนโซลเป็นอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่า”



เพราะถ้าเจอแบบนี้อีกเกือบสิบคน ผมปวดหัวตาย



คู่สนทนาหัวเราะ ดูสุขใจที่ได้กวนคนอื่นเล่น “ผมโคตรชอบพี่เลย แบบพี่มีอีกคนไหมครับ”           



ผมไม่ตอบ ดึงมือออกจากตัวอีกคน เมื่อเห็นว่าผมทรงตัวได้ไอ้น้องกันก็ปล่อยมือจากตัวผมเช่นกัน






(ต่อด้านล่างค่ะ)

ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0


.

.

.




“ไหวนะครับ”



“ไม่เป็นไร ไปสนุกกับเพื่อนเถอะ” ผมว่า มองหลายคนที่กระโดดโลดเต้นกันอยู่หน้าเวที ไมค์เสียงเพราะจริงอย่างที่เจ้าตัวว่า มือกลองคือบอล ส่วนเบสกับกีตาร์ผมไม่รู้จัก



ไอ้น้องกันส่ายหน้าหวือ “อยู่กับพี่สนุกกว่าอีก”



ว่าพลางวางถังแช่แชมเปญลงกับโต๊ะ เรายืนเฉียงออกห่างจากเวทีไม่มาก แต่ก็ไม่ได้ใกล้กับกลุ่มคนที่เต้นกันอย่างเมามันส์ ไม่ใช่ทุกคนที่อยู่หน้าเวที มีคนประปรายอยู่รอบตัวงาน นั่งร้องเพลงตาม หรือนั่งคุยเล่นกันบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของไอ้โซลอยู่ดี



“พักจังหวะมันส์ๆ มาฟังแบบเบาๆ ดีกว่านะพวกมึง”



“กัน โซลล่ะ” เพราะเสียงเพลงที่จบลงทำให้ผมไม่ต้องพูดเสียงดังมาก คนถูกถามกระตุกยิ้ม ชี้นิ้วไปทางเวทีพร้อมกับเสียงกรี๊ดที่ดังขึ้น



“เพลงต่อไปเพื่อนผมคนนี้ อ้อ เพื่อนมึง มึง แล้วก็มึงด้วย อยากเล่นให้ใครคนหนึ่ง”



จากคนที่ผมไม่คุ้นหน้า ในตอนนี้คนที่สะพายกีตาร์บนเวทีคือคนที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี



“กูไม่รู้จะพูดอะไร ให้เขาไปพูดกันเองแล้วกัน กูมีหน้าที่ร้องอย่างเดียว เอ้า เพลงมา!”



ไอ้โซลมองมาทางนี้ ยกยิ้มขณะดีดสายแข็งๆ ขึ้นเป็นทำนองเพลง





*มีใครที่เขาเฝ้าคอยแต่เธอตรงนี้ รู้ยัง

ไม่ใช่ความบังเอิญก็ตั้งใจเดินมาให้เจอ

มีใครที่เขาเฝ้ามองแต่เธอตรงนี้ รู้ยัง

ไม่ใช่แค่คิดถึง แต่ห่วงใยเธอเสมอ


           



ได้แต่พูดลอยๆ อย่างนั้นเรื่อยไป

เปิดเพลงรักบ่อยๆ แต่ไม่ได้บอกให้ใคร

บอกว่ารักเบาๆ ในใจเท่านั้น

ไม่ใช่พรหมลิขิตที่ขีดเอาไว้

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นความตั้งใจ

ก็อยากให้เธอเข้าใจสักครั้ง





ผมเพิ่งเคยไอ้โซลในมุมนี้ ไม่รู้ว่ามันเล่นกีตาร์ได้ และไม่รู้ว่ามันเอาเวลาไปซ้อมตอนไหน… เรื่องราวที่ไอ้น้องกันเล่า คำพูดเหล่านั้นดังซ้ำไปซ้ำมาในหัวของผม





เธอคงยังไม่รู้ ว่ามีหนึ่งคนแอบรักเธอ

แอบดูแลแต่เธอทำอะไรเพื่อเธอเหมือนไม่ตั้งใจ

ถ้าเธอได้ฟังเพลงนี้ ก็อาจจะพอได้รู้ใจ

กับความจริงข้างในที่มันทำยังไงก็ไม่กล้าพูดออกไปสักที

ว่าใครที่อยู่ตรงนี้ รู้ยัง






ผมเผลอจิกมือเข้ากับกางเกงโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากมันเลย...





พยายามเฝ้าดูเพื่อจะได้รู้ว่าเธอชอบอะไร

พยายามเข้าใจจะได้มีเรื่องคุยกับเธอ

ที่เขานั้นคอยเฝ้ามองแต่เธอตรงนี้ รู้ยัง

แค่ต้องการดูแลและอยู่ข้างเธอเสมอ






ท่อนที่ร้องว่า ‘เขา’ ไมค์มองมาทางนี้ ชี้ไปทางไอ้โซลเหมือนต้องการจะสื่อสารกับผม



ไอ้โซลไม่มองเพื่อนที่อยู่หน้าเวทีเลยด้วยซ้ำ สายตานั้นสะกดให้ผมนิ่งงัน เหมือนถูกสาปให้ขยับเคลื่อนไหวไม่ได้แม้กะพริบตา รับรู้ได้เพียงจังหวะหัวใจที่เต้นถี่เร็วและหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ



“ท่อนสุดท้าย ช่วยกัน!”



ดนตรีหยุด ทุกคนใช้การปรบมือเหนือหัวเป็นท่วงทำนอง และเปล่งเสียงร้องออกมาพร้อมกัน นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าไอ้โซล...กำลังพูดกับผม





เธอคงยังไม่รู้ ว่ามีหนึ่งคนแอบรักเธอ

แอบดูแลแต่เธอทำอะไรเพื่อเธอเหมือนไม่ตั้งใจ

ถ้าเธอได้ฟังเพลงนี้ ก็อาจจะพอได้รู้ใจ

กับความจริงข้างในที่มันทำยังไงก็ไม่กล้าพูดออกไปสักที

ว่าใครที่อยู่ตรงนี้ รู้ยัง





ผมดื่มสิ่งที่คนข้างๆ ยื่นมาให้ผมอีกครั้ง ความรู้สึกในอกตีตื้นขึ้นมาจนยากที่จะควบคุม



ไมค์เริ่มเพลงใหม่ และไอ้โซลไม่อยู่บนเวทีแล้ว วินาทีนั้นผมอยากให้มันมาอยู่ตรงหน้า...ตอนนี้ และเดี๋ยวนี้



ผ่านไปไม่รู้กี่นาที ผมยังยืนอยู่ที่เดิม ไอ้น้องกันก็ยังไม่ไปไหนและไม่ได้พูดอะไร จิตใจผมไม่ได้สงบลงสักนิด และสุดท้ายผมก็ตัดสินใจโทรหามัน



“มึงอยู่ไหน”



(...ทายสิครับ)



“กลับไปแล้ว?”



เสียงหัวเราะดังมาตามสาย (ผมจะทิ้งพี่ได้ไง)



แล้วมันอยู่ไหนกันล่ะ...



(หันหลังมาสิครับ)



ผมทำตามที่มันบอก ไอ้น้องกันหายไปแล้ว...คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือคนที่ผมตามหา



(ผมยืนอยู่ตรงนี้นานแล้ว)



ไอ้โซลลดโทรศัพท์ลง เช่นเดียวกับผม



“…ยืนข้างหลัง ใครจะไปรู้ล่ะ”



“แล้วตอนนี้...รู้ยัง”



พอมันมาอยู่ตรงหน้าทุกอย่างยิ่งรวนไปหมด แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีสิ่งหนึ่งที่หยุดนิ่ง...ชัดเจน





“…รู้แล้ว...”





...รู้มาสักพักแล้ว…





“ทำขนาดนี้จะไม่รู้ได้ไง”





...ผมไม่ได้โกหก...





 “แต่มึงเคยปรึกษากูว่า...ช...ชอบคนคนหนึ่ง...”





...ก็แค่ยังไม่มั่นใจ...





“ผมหมายถึงพี่นั่นแหละ สุดท้ายก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิม” ไอ้โซลยิ้มขำ บีบจมูกผมเบาๆ



“ก...ก็จะไปรู้ได้ไง อ้อมค้อมอยู่ได้ พูดมาตั้งแต่แรกก็จบ!”



อดแหวขึ้นตามใจคิดไม่ได้ ผมไม่ชอบอะไรค้างคา สิ่งที่มันทำไม่ใช่ไม่ชัดเจน แต่เป็นตัวผมเองที่รอคำพูดเพื่อยืนยัน...แค่ไม่อยากถลำลึกในสิ่งที่ยังไม่แน่ใจ



“ผมเคยบอกพี่ไปแล้วต่างหาก” คนตรงหน้ายิ้มบาง “แต่พี่เหมือนไม่อยากยอมรับ ผมเลยคิดว่าไม่ควรบอกตรงๆ ออกไปแบบนั้น...กลัวโดนพี่เกลียด”



ผมสั่นหัว เผลอเป็นฝ่ายขยับเข้าหามันเอง ความรู้สึกตรงข้ามกับคำว่าเกลียดสิ้นเชิง แต่เมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงเวลานั้นที่เราเพิ่งรู้จักกัน...ถ้ามันพูดออกมาจริงๆ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน



“กัน...กันบอกแล้ว...” ผมพยายามร้อยเรียงเหตุการณ์ สติที่เหลือน้อยทำหน้าที่ได้ดีกว่าที่คิด แต่ก็ยังเหมือนจิ๊กซอว์ที่ยังต่อไม่เสร็จ “แต่กูไม่เข้าใจ...ตอนที่กูเกือบชนมึง...”



“ทุกครั้งที่พี่เจอผม ไม่มีครั้งไหนที่เป็นความบังเอิญ”



“แต่เราเพิ่งเจอกัน...ไม่ใช่เหรอ” ผมพยายามนึก แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอมันที่ไหนอีกหรือเปล่า



“พี่ไม่เคยเห็นผมมากกว่า”



ไอ้โซลอยู่คณะสถาปัตย์ฯ ...เหมือนกับเพื่อนอีกสองคนของผม และผมไปหาพวกมันแทบนับครั้งได้



“..ตั้งแต่ตอนไหน..”



“เกือบปีแล้วครับ”



“…”



นั่นหมายความ...ทุกสิ่งที่มันทำคือความตั้งใจมาโดยตลอด



...และไม่มีครั้งไหนที่เป็นการสร้างกระแส





“วันนั้นแค่รอยยิ้มเดียว ทำให้หัวใจของผม...ไม่ใช่ของผมอีกต่อไป”





คำสารภาพทำให้ความพร่ามัวจางหายไป ความรู้สึกจึงเด่นชัดขึ้นมาแทนที่ เหตุการณ์ตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอมันฉายซ้ำอีกครั้ง และบางสิ่งในอกก็บานสะพรั่งจนกักเก็บรอยยิ้มเอาไว้ไม่ไหว



“ไอ้บ้า”



ผมโขกหัวลงกับไหล่แข็งๆ พึมพำคำว่าไอ้บ้าอยู่อย่างนั้น ด่าทั้งมันด่าทั้งตัวเอง...ผมจะยิ้มทำไมวะ



ไอ้โซลเคลื่อนมือมาโอบรอบตัวผมเอาไว้ทั้งหน้าผากผมยังซบลงกับไหล่มันอยู่อย่างนั้น



อย่ามองผมแบบนั้น...ผมก็แค่มึนหัวเฉยๆ หรอก...



“ทีนี้ถ้าแฟนคลับถามจะบอกว่าเราถึงขั้นไหนกันดี”



เสียงทุ้มกระซิบอยู่ข้างหู ในแง่ความสัมพันธ์มันเป็นสิ่งที่เราทั้งสองต้องกำหนดร่วมกัน



“รู้สึกกับผมบ้างหรือเปล่า”



“แสดงออกขนาดนี้ยังไม่ชัดอีกเหรอ!” ผมว่าสวนขึ้นทันที...ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ยากที่จะระงับความในใจ



คนที่รู้ทันไปทุกอย่าง แค่นี้มันจะไม่รู้ได้ยังไง ผมนึกถึงเฟิร์ส หมอนั่นปฏิบัติกับผมเหมือนที่ไอ้โซลทำ แต่ผมเคยบอกมันไปแล้วไม่ใช่หรือไง... “...กับคนอื่นกูไม่เคยเป็นแบบนี้สักหน่อย อยู่ด้วยกันตลอดยังไม่เห็นอีกหรือไง”



ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่พอหันกลับมามองตัวเองถึงเพิ่งรู้ว่าผมแทบปฏิเสธมันไม่ได้เลยสักนิด



...ผมจะบ้าตาย...





“หึหึ เมาแล้วปากตรงกับใจเชียว”





ทุบหน้าอกจนมันร้องโอย ดึงตัวเองออกมาแต่ก็ยังถูกประคองเอาไว้หลวมๆ เพิ่งรู้สึกถึงรอบข้างที่มีเสียงพูดคุยบางเบา และสายตานับสิบคู่จากกลุ่มเพื่อนไอ้โซลที่มองมาทางนี้ แต่ในนาทีนั้นผมไม่ได้สนใจ ไม่รู้จะขอบคุณแอลกอฮอล์ดีหรือเปล่าที่ทำให้ผมไม่รู้สึกอยากมุดดินหนีทั้งที่ใบหน้าร้อนผ่าวขนาดนี้



เหมือนแก้วสุดท้ายเริ่มออกฤทธิ์ซ้ำของเดิม น้ำเสียงผมอ้อแอ้พิกล



“ง่วงแล้ว”



ไอ้โซลเพียงหันไปมองเพื่อนมันที่มองมาอยู่ไกลๆ แล้วพาผมเดินออกมา ผมพยายามประคองตัวเองให้ได้มากที่สุดแม้แทบจะลงไปกองกับพื้นแล้วก็ตาม



สติผมเริ่มจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขึ้นมาบนรถไอ้โซลก็เอาเสื้อกันหนาวมันมาห่มให้ ผมพยายามที่จะไม่หลับเพราะเวลาโดนฤทธิ์แอลกอฮอล์ไปแบบนี้ กลัวมันปลุกตอนถึงคอนโดแล้วจะไม่ตื่น

 

ผมตะแคงข้าง มองหน้าอีกคนที่จ้องตอบกลับมาเหมือนกัน มันเอื้อมมือมาลูบแก้มผมเบาๆ



“ยังหนาวอยู่ไหม”



ผมส่ายหน้า เพราะมือมันอุ่นมาก...



ดวงตาผมปรือปรอย ขณะคนตรงหน้ายกยิ้มบาง เรียวนิ้วที่เกลี่ยแก้มผมเบาๆ เปลี่ยนมาไล้ไปตามริมฝีปากของผมแทน



“เรามาซ้อมกันไหมครับ...”



ทั้งที่ห้องโดยสารมีแค่เราสองคน แต่ผมกลับได้ยินเสียงนั้นแผ่วเบา





“...ก่อนที่ผมจะไม่ใช่แค่รุ่นน้อง ไม่ใช่แค่คนขับรถของพี่อีกต่อไป...”





เห็นลางๆ ว่าอีกฝ่ายเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้...รับรู้ถึงลมหายใจที่เข้ามาประชิด...



...ก่อนที่ผมจะฝืนเปลือกตาเอาไว้ไม่ไหว ถูกดึงลงสู่ห้วงความฝัน...ที่มีมันอยู่ในนั้นด้วยเหมือนกัน











-

ถ้ารู้ว่าเมาจะเป็นงี้ จับกรอกปากตั้งนานแล้ว! โถ่ววว /โดนตรบบ

น้องกันจะเรียกว่า กันซีน ....หรือเรียกตัวขัดดี ถถถถถ

หลังมีคนชมว่ามาอัพทุกอาทิตย์เลย นี่ก็เบี้ยวตลอด /พนมมือ

ใครที่อยู่ในช่วงไฟนอล........ขอให้ทำข้อสอบได้ทุกคนนะคะ

เราจะผ่านมันไปด้วยกัน ผ่านไปด้วยเอ!

…………….พร่ำเพ้ออะไรฟะ 5555

ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะ

เจอกันตอนหน้าน้า ^ ^

#ข้างหลังฉาก #โซลซีน


*เพลง รู้ยัง - ต้น ธนษิต

ออฟไลน์ cocoagx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ีฮื่อออออออออออออออออ หวานมาก เขินมาก
พี่ซีนน่ารักออลเวย์ออลไทม์ เพิ่มเติมคือเหล้าเข้าปากแล้วน่ารักแบบใส่ไข่สองฟอง
พี่เฟิร์สคะ กลับจากงานวันนี้ทีมพระรองเรือจะล่มแล้วนะคะ

ออฟไลน์ PrInceZz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เย้ เค้าบอกรักกันแล้ว

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
โอ้ยยยยย น้องซีนลูกกกกกก หนูจะน่ารักเรี่ยราดแบบนี้ไม่ได้นะลูกกกก

เมานิดๆยิ่งน่ารักเนอะโซลเนอะ

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
พี่ซีนเมาแล้วดี๊ดีอะะะ
//จับเหล้ากรอกปากกก

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
เป็นแฟนกันซะทีนะ พี่ซีน น้องโซล

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
เรือตัวจริงก็มา!!!!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด