「Behind the Scene」 #ข้างหลังฉาก (End.) : ตอนพิเศษ : วานเลนไทน์ปีนี้ - (2/11/60)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 「Behind the Scene」 #ข้างหลังฉาก (End.) : ตอนพิเศษ : วานเลนไทน์ปีนี้ - (2/11/60)  (อ่าน 195244 ครั้ง)

ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0



ตอนที่ 8







ในใจสั่นรัวไม่หยุดเพราะความตื่นเต้นและความประหม่า แต่ผมก็ต้องเก็บมันเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่พยายามทำให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด



สถานที่ถ่ายทำคือมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ทีมงานเดินกันให้ควัก อุปกรณ์เยอะแยะ นักแสดงและตัวประกอบก็ละลานตาไปหมด



เมื่อเช้าไอ้โซลมาหาที่บ้านทั้งๆ ที่ผมบอกไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าไม่ต้อง แต่มันก็ให้เหตุผลมาว่าผมคงไม่อยากไปถึงที่นั่นก่อนคนเดียวและกลัวว่าผมจะหลงทาง...



...แสนรู้…



ตัวผมเองก็ปฏิเสธไปไม่เต็มเสียงเท่าไหร่ด้วย...ก็คนมันไม่ค่อยได้ขับไปไหนนี่หว่า เกรงใจนะแต่เป็นวันแรกของการถ่ายทำ มีเพื่อนอยู่ด้วยตั้งแต่ขับรถออกจากบ้านก็พอช่วยลดความเกร็งลงไปได้บ้าง



ทุกคนอยู่ในชุดนักศึกษา ผู้ชายสี่ห้าคนนั่งล้อมวงคุยสัพเพเหระกันทั่วไป บางคนก็ก้มหน้าก้มตาทำการบ้าน รอบกายคือนักศึกษาที่นั่งจับกลุ่มคุยกันอย่างพวกผม



ขนาดคนเยอะขนาดนี้ ไอ้โซลก็นั่งอยู่ข้างๆ ยังอดประหม่าไม่ได้ มือผมเย็นเฉียบขณะพยักหน้าเออออ หัวเราะร่วนไปกับนักแสดงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม



แล้วเฟิร์สก็เดินเข้ามา...พร้อมกับวางแก้วน้ำอัดลมไว้ตรงหน้าผม



“เผื่อคอแห้ง”



คุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินมาจากไอ้คนที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ตอนนี้ มันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบขวดน้ำเปล่าขึ้นมาวางไว้ตรงหน้าผมแทน



“อย่ากินของไม่มีประโยชน์เลย” ว่าไม่พอมันยังโยนแก้วน้ำนั่นทิ้งอย่างไม่ใยดีอีกด้วย!



ผมเบิกตากว้าง ลุกขึ้นยืนคั่นกลางระหว่างผู้ชายสองคนที่พุ่งเข้าหากันอย่างเอาเรื่อง ทุกคนที่นั่งอยู่แถวนั้นก็หันมามองอย่างสนอกสนใจ ผมดันอกไอ้โซลเอาไว้ ส่ายหน้าใส่มันเพื่อบอกให้รู้ว่าอย่ามีเรื่องกัน



เด็กตัวสูงถอนหายใจฮึดฮัดก่อนดึงมือผมให้เดินตามมันออกไปจากตรงนั้น





“คัท!”





สิ้นเสียงเหล่านักแสดงหน้าใหม่ก็ไหล่ลู่ตกลงทันที แน่นอนว่าแอบเกร็งกันบ้างอยู่แล้วแม้จะผ่านมาหลายฉากแล้วก็เถอะ



การถ่ายทำสนุกดีจากที่ตอนแรกผมเครียดมาก ดีที่มีตัวโจ๊กในกลุ่มเพื่อนคอยสร้างสีสันจนบางทีก็หลุดหัวเราะและได้ถ่ายใหม่กันหลายครั้ง



หรือที่ยังไม่ค่อยกดดันมากอาจเพราะเป็นแค่พวกฉากที่อยู่กับเพื่อนเฉยๆ ก็ได้ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าพอต้องเล่นฉากที่พีคๆ ผมจะทำได้ไหม แค่ฉากนั่งคุยหัวเราะกับเพื่อนในกลุ่มยังรู้สึกแปลกๆ ชอบกลที่มีทั้งกล้องและสายตาหลายสิบคู่จับจ้องอยู่แบบนี้



“มือพี่เย็นมากเลย ให้ผมจับต่อไหม” ผมตีมือมันที่ยื่นออกมาตรงหน้า ไอ้โซลหัวเราะพลางก้มตัวลงให้ทีมงานที่เข้ามาซับเหงื่อให้



“เป็นไงบ้างคะน้องซีน”



ผมยิ้มให้พี่ปุ้ยกับพี่บัวที่เดินเข้ามาหา ลมเย็นๆ จากพัดลมตัวจิ๋วของพี่บัวช่วยคลายร้อนให้ผมได้บ้างเล็กน้อย



“ก็ยังเกร็งๆ อยู่ครับ”



“แต่ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ คุณแม่ติวมาดีใช่ม้า” ผมพยักหน้ายิ้มๆ แล้วเอ่ยขอบคุณพี่ทั้งสอง



จริงๆ แล้วหลังจากเรียนการแสดงมาม้าก็บังคับให้ผมแสดงให้ดู ตอนนั้นอายเลยแค่พูดๆ ไปตามบทแต่การแสดงออกอย่างกับหุ่นยนต์...ไม่ถูกใจคุณนายเขาอย่างแรง



ม้าบอกว่ารับไม่ได้มากถ้าคนอื่นมารู้ว่านี่คือลูกนางเอก(ที่เกือบจะ)ดังสมัยก่อน เลยจับผมอบรบไปหลายชั่วโมง ซ้ำยังให้แสดงให้ดูด้วยทั้งๆ ที่ผมเพิ่งไปซ้อมกับไอ้โซลมาทั้งวันแล้วเชียว แบบนี้จะไม่ให้ผมพัฒนาเลยก็กระไรอยู่ อีกอย่างคือกลัวเสียชื่อม้าด้วยแหละ...



“น้องโซลก็ด้วยนะคะ ฉากเมื่อกี้เหมือนหึงจริงเลย” พี่บัวใช้นิ้วชี้จิ้มๆ ไปที่แขนของไอ้พระเอก



คนถูกชมอมยิ้มกรุ้มกริ่ม “ขอบคุณครับ”



“แหมๆ ไม่ใช่ว่า...” พี่ปุ้ยไม่ได้พูดต่อ แต่สายตาที่มองผมที มองไอ้โซลที สลับไปมาอย่างนี้ก็ตีความได้ไม่อยากว่าหมายความว่าอะไร



ไอ้โซลยังคงยิ้มอยู่อย่างเดิม...ไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้น



แม่ง...ทำให้กลุ่มสาวๆ ที่ตั้งตัวเป็นแฟนคลับคิดไม่พอ ยังต้องให้พวกพี่ๆ เขาคิดว่าพวกเรามีซัมติงกันอีกเหรอ!?







-







“เดี๋ยวเอาเสื้อมาคืนพรุ่งนี้นะ” ผมพูดขึ้นตอนที่เรานั่งพักกินข้าวกันในเวลาบ่ายกว่าๆ ว่าจะเอามาคืนวันนี้เลยแต่เมื่อเช้าดันลืม



“ยังไงก็ได้ผมไม่รีบ ไม่คืนเลยยังได้”



“จริงดิ งั้นเอาไปปูรองให้ปิ๊กมี่นอนดีกว่า”



“ไหงงั้นอ่ะพี่ซีน”



“อ้าว ก็มึงไม่อยากได้คืนแล้วนี่”



ผมถามตาใส ไอ้คนนั่งฝั่งตรงข้ามหน้ามุ่ย อะไรกัน...มันรังเกียจหมาผมเหรอ วันก่อนก็ยังเห็นเล่นกันอยู่ดีๆ แท้ๆ สร้างภาพนี่หว่า



“ของปิ๊กมี่เดี๋ยวผมซื้อให้ใหม่ ส่วนตัวนั้นถ้าพี่ไม่เก็บไว้ใส่เองก็เอามาคืนผมเถอะ” รู้สึกหวั่นใจแปลกๆ เมื่อใบหน้าหล่อๆ นั่นกลับมาเปื้อนรอยยิ้มอีกครั้ง “ผมจะได้คอยห่มให้เวลาพี่หนาวไง”



“ใครหนาว! ประเทศไทยร้อนจะตายชัก!”



“วันนั้นก็นอนขดตัวจนเกือบตกโซฟา เวลามาห้องผมก็พกเสื้อกันหนาวมาด้วยตลอด สรุปคือร้อน?”



ทำไมมันกลับตาลปัตรกลายเป็นผมที่หน้ามุ่ยแทนวะ!?



“ว...วันนั้นตื่นมาเหงื่อแตกเต็มเลยเหอะ!”



มันพยักหน้าหงึกหงัก “อ่า...งั้นผมจะจำไว้ว่าพี่เป็นคนขี้ร้อน” ว่าพลางใช้นิ้วชี้จิ้มจึกๆ ไปที่ขมับอีกด้วย



กวนตีน!



“แล้วใครสอนให้แอบถ่ายคนอื่นตอนหลับ”



กวนตีนมา ผมก็เปลี่ยนเรื่องได้เหมือนกัน มันชอบพูดอะไรแปลกๆ ไม่เข้าท่า แล้วยังเถียงเก่งอีก ผมไม่ได้แถเลยสักนิดนะ แต่มันก็ไม่ได้หนาวขนาดนั้นหรือเปล่า...หรือถ้าหนาวจริงมันจะมาคอยห่มให้ทำไมเล่า!



ผมยกส้อมชี้หน้ามันที่กำลังอ้าปากจะตอบ “ไม่ต้องมาบอกว่าถ่ายหมานะ ติดกูมาครึ่งเฟรมขนาดนั้น”



“ไม่ได้จะแก้ตัวนี่ครับ” มันยักไหล่ “พี่ยังแอบถ่ายผมเลย”



“รูปมึงไม่ได้ดูแย่นี่!”



ถ่ายแชะเดียว ย้อนแสงนิดหน่อยด้วย แต่กลับดูดีจนน่าหมั่นไส้



“รู้ครับรู้” มีใครให้มากกว่านี้อีกไหม มันจะไม่ถ่อมตัวหน่อยเหรอ “แล้วรูปพี่มันยังไงครับ”



“น่าเกลียด” ผมว่าเสียงขุ่น รูปตอนหลับใครจะดูดีบ้างล่ะ ถ้ามันจะแกล้งผมก็ไม่เอาที่ขายหน้าคนหลายพันคนแบบนั้นได้หรือเปล่า



ไอ้โซลส่ายหัวน้อยๆ ไม่มีสีหน้าสำนึกผิดสักนิด “ไม่ได้อ่านแคปชั่นเลยเหรอเนี่ย”



น้ำในปากแทบพุ่ง...





น่ารัก





“ส...สร้างกระแสว่ะ”



ผมพูดเสียงเบา อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าอาหารตรงหน้าน่าสนใจเหลือเกินเลยก้มหน้าก้มตานับเม็ดข้าวในจานเล่น



ไม่น่าต่อปากต่อคำกับมันเลย...ใครสอนให้ชมผู้ชายด้วยคำนั้นวะ…



ในกรอบสายตาผมเห็นเพียงมือหนาที่ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ไม่รู้ว่าทำสีหน้ายังไง แต่น้ำเสียงมันจริงจังจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง



“เปล่าครับ ผมไม่ได้สร้างกระแส”



แล้วบทสนทนาก็จบลงตรงนั้นโดยที่ผมไม่พูดอะไรต่อ...และไม่อยากจะพูดด้วย ไอ้โซลที่เหมือนจะเอ่ยอะไรออกมาเลยปิดปากเงียบไปอีกคน



เป็นอีกครั้งที่ผมพยายามเมินจุดเล็กๆ ในอกที่ขยับยุกยิกไปมา...



...รู้สึกราวกับมีมือดีมาแอบหย่อนเมล็ดพันธุ์เอาไว้ แล้วไอ้เมล็ดพันธุ์นั่นเมื่อโดนรดน้ำลงไปทีละนิด ซ้ำๆ เข้ามันก็ย่อมเติบโต...แต่ก็เพียงนิดเท่านั้น...และรากเล็กๆ นั่นก็ยังไม่หนักแน่นพอที่จะทำให้พื้นดินผืนใหญ่หันมาใส่ใจถึงการมีอยู่ของมัน...



แต่ถึงอย่างนั้น...พอเงยหน้าขึ้นพบว่าคนฝั่งตรงข้ามนั่งจ้องอยู่ก่อนแล้ว…



แม่ง...แดดประเทศไทยในตอนบ่ายแรงซะจนหน้าผมร้อนไปหมดเลย...







-







“โอเค คัท!”



ผมลอบถอนหายใจ ถ่ายฉากเดี่ยวเป็นอะไรที่ยากจริงๆ ต้องเล่นคนเดียว แสดงอารมณ์อยู่คนเดียว ถ้าไม่มีกล้องจับอยู่ก็เหมือนคนบ้าดีๆ นี่เอง แต่มันก็ไม่ได้ยากอะไรมาก เพราะยังไม่ถึงซีนอารมณ์ที่ต้องดราม่า แค่เริ่มสับสนนิดๆ รู้สึกหน่อยๆ เท่านั้นเอง



ทีมงานเข้ามาซับหน้าให้ พี่ปุ้ยก็เอาพัดอันใหญ่มาพัดให้ผม ในบรรดานักแสดงพี่ปุ้ยดูแลผมดีกว่าใครเขา ทำให้ผมดูเป็นลูกรักของผู้จัดไปซะอย่างนั้น พี่ปุ้ยบอกว่านอกจากม้าจะฝากฝังให้ดูแลผมแล้ว พี่ปุ้ยก็ยังดูแลผมในฐานะหลานด้วย เพราะพี่ปุ้ยเคารพม้าเหมือนพี่สาวคนนึง



“นั่งพักก่อนค่ะ เดี๋ยวพี่เอาน้ำให้”



แต่รู้สึกจะประคบประหงมผมไปนิด... สายตานักแสดงอื่นๆ ก็มองผมแปลกๆ บ้าง แต่ผมพยายามไม่สนใจ



สักพักก็มีคนยื่นน้ำมาให้ตรงหน้า ผมผงะไปเล็กน้อยเพราะมันมี...สองขวด



“น้ำครับ / น้ำ”



หลังจากมื้อกลางวันผมก็เลี่ยงที่จะสบตากับไอ้โซล



...ก็แค่...รู้สึกแปลกๆ



...อากาศมันร้อนแปลกๆ...



“เอ่อ...”



ผมมองขวดน้ำสองขวดสลับไปมา แล้วก็เงยหน้ามองทั้งสองคนอย่างช่วยไม่ได้...ขยันทำให้ผมลำบากใจจริงๆ หน้าที่ก็ไม่ใช่




หน้าพวกมันเหมือนพร้อมเปิดศึกกันได้ทุกเมื่อ รอยยิ้มทั้งคู่ที่ส่งมาให้ผมแผ่ไอเย็นบางอย่างออกมา



อย่ามากดดันได้ไหมวะ!



ถ้าเลือกรับแค่ของใครคนหนึ่งก็คงไม่ดี ผมเลยรับมาทั้งสองขวด พวกมันเลยได้ฤกษ์ไปเตรียมตัวเข้าฉากต่อไปกันสักที แต่ก่อนจะผละไปผมแอบเห็นนะว่าพวกมันมองกันอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่



ผมว่าผมควรจะคืนน้ำกลับไปให้พวกนั้นนะ...จะได้เอาไว้ดับอารมณ์กรุ่นๆ ของตัวเองกันซะมั่ง



สุดท้ายแล้วน้ำบนตักผมก็มีด้วยกันสามขวดถ้วน อีกขวดนึงเพิ่งรับมาจากพี่ปุ้ยเมื่อตะกี้ แอบเห็นพี่แกอมยิ้มนิดนึงด้วย...หรือเพราะตอนนี้ผมเหมือนตัวแดกน้ำ?







ส่วนใหญ่ฉากที่ไอ้โซลและเฟิร์สต้องปะทะคารมกันมักจะเทคเดียวผ่านตลอด



ทั้งสองเก็บอาการได้ดีกันพอสมควรเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนเยอะๆ แบบนี้ ไม่เชิงว่าพวกนี้ไม่เอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องงานหรอก...ไม่งั้นจะได้เทคเดียวผ่านเหรอ…



แต่ถือว่าพวกมันเอาเรื่องไม่ถูกกันในชีวิตจริงมาใช้ให้เป็นประโยชน์มากกว่า...ไม่รู้ว่าแบบนี้จะเรียกว่าน่าชื่นชมได้หรือเปล่า



ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบข้างพี่ปุ้ย มองพี่โป้งที่กำลังบรีฟนักแสดงสองคนก่อนที่พี่แกจะกลับมานั่งประจำตำแหน่งอย่างเดิม



จอมอนิเตอร์ฉายภาพผู้ชายสองคนที่ยืนประจันหน้ากัน คนนึงท่าทางหาเรื่องแต่อีกคนกลับดูสบายๆ ติดจะกวนด้วยเล็กน้อย



“ถ้ามึงไม่เลิกยุ่งมึงเจอดีแน่!”



“ทำไมกูต้องทำตามที่มึงบอกด้วย มึงเป็นแค่เพื่อนสนิท มีสิทธิ์อะไรมาหวง?



“แม่งฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอวะ!?” ไอ้โซลกระชากคอเสื้อเฟิร์สเข้าหาอย่างแรง แต่อีกคนทำเพียงยิ้มเยาะ



“ขึ้นง่ายจังนะ” เฟิร์สแกะมือมันออกก่อนจะขยับปกเสื้อตัวเองด้วยท่าทีน่าหมั่นไส้ “นี่มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง



คนที่รับบทพระเอกนิ่งงัน แม้ในมือจะกำหมัดแน่นเตรียมเสยหน้าพระรองของเรื่องแล้วก็ตาม



“ไม่เกี่ยวว่าใครมาก่อนได้ก่อนหรอกนะเว้ย...มันอยู่ที่ว่าเขาจะรักใครต่างหาก”



ผมมองพวกมันสองคนที่ยืนอยู่ห่างออกไป สลับกับมองที่หน้าจอ…แล้วผมก็เผลอบีบมือเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว...



ไอ้โซลจ้องคนตรงหน้าเขม็ง ในสายตานั้นเต็มไปด้วยความโกรธและความกลัว...ว่าจะต้องสูญเสียบางสิ่งไป



กลับกัน...รอยยิ้มของเฟิร์สเหมือนรอยยิ้มไอ้โซลในวันนั้น



...เหยียดยิ้มเย้ยอย่างคนที่เหนือกว่า



“ใกล้ตัว...ไม่แปลว่าใกล้ใจ”





เสียงพี่โป้งสั่งคัทดึงผมออกจากภวังค์ ถ้าไม่ติดว่ายังเห็นกล้องจ่อไปที่สองคนนั้นอยู่ผมคงคิดว่าพวกมันมีเรื่องแย่งคนที่ชอบกันจริงๆ แล้ว...ไม่เหมือนกำลังแสดงอยู่เลย เพราะงั้นหน้าตาพี่โป้งเลยดูพอใจมากถึงมากที่สุด



หลังจากเช็คมอนิเตอร์ ไอ้โซลเดินมานั่งลงที่เก้าอี้อีกข้างนึงของผม สีหน้ามันยังเหมือนตอนที่เข้าฉากเป๊ะ...



ทุกครั้งที่เข้าฉากกับเฟิร์สมันจะเป็นแบบนี้เสมอ แต่ถึงยังไงมันจะยังกวนผมเหมือนเดิม...ไม่เหมือนตอนนี้



มันดูเหมือนคนมีเรื่องให้คิดตั้งแต่ที่เข้าฉากกับเฟิร์สไปเมื่อสักครู่ จะว่ามันไปแอบมีเรื่องกันนอกรอบก็ไม่ใช่เพราะมันก็อยู่กับผมตลอด แล้วมันคิดเรื่องอะไร?



“ถามจริง มีปัญหาอะไรกับเฟิร์สนอกเหนือจากตอนที่แคสไหม” ผมถามมันเสียงเบาเพราะแถวนี้ทีมงานเต็มไปหมด



“ทำไมเหรอครับ”



“ก็พวกมึงดู...เหมือนมีเรื่องอะไรมากกว่านั้น”



“ที่ผมไม่ชอบขี้หน้ามันก็มีอยู่เรื่องเดียวนั่นแหละ”



ถ้าเป็นเรื่องแย่งบท...จนตอนนี้เริ่มถ่ายกันแล้วนะเว้ย มันควรจบได้แล้ว



“น้ำอีกขวดนี่ของใคร” มันเปลี่ยนเรื่อง คิ้วขมวดมองขวดน้ำบนตักผม



“ของพี่ปุ้ย”



“แล้วพี่กินขวดของใคร”



“จะไปรู้เหรอ” ขวดน้ำมันก็เหมือนกันหมด ยี่ห้อเดียวกัน สีเหมือนกัน ผมรู้แค่ว่าไม่ใช่ขวดที่พี่ปุ้ยให้เพราะได้มันมาทีหลังสุด...กับอีแค่น้ำมันจะจริงจังทำไมเนี่ย



“แต่ว่ามึงก็ได้เป็นพระเอกแล้วนี่” ผมวกเข้าเรื่องเดิม มันกับเฟิร์สแย่งบทพระเอกกัน และไอ้โซลได้บทนั้นมาแล้ว หรือว่ามันมีอย่างอื่นที่กำลังแย่งกันอยู่...



มันถอนหายใจ พูดเสียงเบาเหมือนกับพึมพำกับตัวเองซะมากกว่า “เพราะบางอย่างอาจยังไม่ชัดเจนพอ”



ผมมองใบหน้าด้านข้างของมันด้วยความงงสุดฤทธิ์ เราพูดเรื่องเดียวกันอยู่หรือเปล่าวะ?



แล้วมันก็หันหน้ากลับมา เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบอะไรสักอย่างบนหัวผมออก น่าจะเป็นกระดาษทิชชู่ที่ผมใช้เช็ดเหงื่อ



แขนก็ยาว แต่มันจะยื่นหน้าเข้ามาด้วยทำไม! ผมเลยเอนตัวหนี ปัดๆ เอาเองบนหัวจนผมยุ่งไปหมด บ้าเอ๊ย...ไม่อยากมองหน้ามันเลยให้ตายสิ



“พี่ยังไม่เข้าใจ...”



ไอ้เด็กข้างๆ เลิกขมวดคิ้ว มองผมยิ้มๆ แทน



“แต่เดี๋ยวผมจะทำให้เข้าใจเอง”



คำตอบแม่งไม่เคลียร์... แต่แค่เห็นยิ้มกวนๆ กลับมาเหมือนเดิมก็โล่งใจแปลกๆ ไหนจะยังแววตามุ่งมั่นของมันที่ทำเอาผมต้องเสสายตาหลบอีกครั้ง



“เอานี่ไปเลย!” ผมเอาผ้าเย็นแปะตามันไว้แล้วยัดขวดน้ำใส่มือมันไปด้วย “เอาไปดับไฟบนหัว!”



มันหัวเราะ “ได้อยู่กับพี่ก็อารมณ์ดีแล้วครับ ส่วนนี่ผมว่าพี่ใช้เองดีกว่า”



มันหยิบผ้าเย็นที่หล่นลงบนตักมันมาแกะซองออก แล้วสัมผัสนุ่มๆ เย็นๆ นั่นก็แปะลงมาบนหน้าผมแทน





“หน้าแดงมากเลย แดดก็ไม่มีแล้วนะ...หรือว่าพี่ขี้ร้อนจริงๆ เหรอเนี่ย?”







 

****

“ผมอยากเป็นพระเอกในชีวิตพี่!!”

คันมืออยากพิมพ์แบบนี้มาก5555

ฝากคอมเม้นท์ติชมเป็นกำลังใจให้ด้วยนะค้า แท็กก็ด้าย #ข้างหลังฉาก ^ ^/

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
น่ารักดีนะ

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
น่ารักมากกก :pig4:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
น่ารักกกกก เชียร์โซลสุดใจจจ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โซล ซีน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
โซล ยังไม่แน่ใจ ก็สารภาพรักไปเลย
คราวนี้จะได้แน่ใจซักที
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พี่ซีนเริ่มมีอาการแล้วนะ น้องโซลต้องขยันหยอดให้มากอีกนะ

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ความชัดเจนของน้องโซลทำพี่ซีนไปไม่เป็นเลย :haun5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-02-2017 22:03:53 โดย utamon »

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
โอ้ยยยย น้องโซล เอาชัดๆแบบค่อยๆ(?)ไปเลย ซีนมันซึนลูก

ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0


ตอนที่ 9







ผมลงมาจากบ้านตอนเช้าก็เห็นไอ้โซลกำลังเล่นกับปิ๊กมี่...



เกือบอาทิตย์แล้วที่มันทำแบบนี้ และผมก็บอกมันจนเมื่อยปากแล้วว่าให้มันไปที่กองถ่ายเลย ไม่ต้องมาหาผมก่อน!



เราถ่ายกันตั้งแต่เช้าไปจนถึงเช้าของอีกวัน ดีหน่อยก็เที่ยงคืน...มันไม่เหนื่อยเลยหรือไง



พอปิ๊กมี่เห็นผมก็วิ่งเข้ามาหา เจ้าหมาจอมตะกละเดินตามผมเข้าไปในห้องครัวและนั่งรออย่างรู้งาน ผมเทอาหารให้ รอจนมันกินจนหมดถึงได้ผละออกมา



“ไม่ได้อยู่เล่นด้วยนะ” ขยี้หัวมันเป็นครั้งสุดท้าย ปกติปิดเทอมผมจะมีเวลาเล่นกับมันมากขึ้นแต่พอมาถ่ายซีรีส์ผมกลับมีเวลาให้มันน้อยลงกว่าตอนเปิดเทอมอีก



“พี่ดูรักมันมาก”



“อือ ก็เป็นเหมือนครอบครัว” สายตาหงอยๆ ที่มองตามทำเอาใจผมยวบ



“อิจฉาหมาจัง”



“ทำไม หิวข้าว?”



มันส่ายหน้า “อยากได้รับความรักมั่ง”



มือที่กำลังล็อคกุญแจสะดุดกึกไม่ต่างจากลมหายใจ แต่พอหันไปมองเจ้าของประโยคที่ยกยิ้มกวนๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจ



มันเอาแต่เช้าเลยนะ



ผมปิดปากหาวออกมาทีนึง ท้องฟ้ายังไม่มีแดด อากาศก็เย็นจนผมต้องสวมเสื้อกันหนาวทับ ...ไม่ใช่เสื้อกันหนาวของมันนะ ตัวนั้นผมคืนมันไปแล้ว



“ไม่กินอะไรก่อนเหรอครับ”



“เอาไปกินบนรถ เดี๋ยวสาย” วันนี้ผมตื่นช้ากว่าปกติ ถ่ายซีรีส์ไม่ง่ายเลยจริงๆ อาชีพนักแสดงต้องใจรักขนาดไหน ถ่ายติดกันแทบทุกวันไม่พอ เวลาได้พักในแต่ละวันก็ไม่ถึงสี่ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ...ยิ่งกว่าตอนไฟนอลอีก นั่นยังแค่เดือนเดียว แต่ผมต้องเป็นอย่างนี้ไปอีกสามเดือน



“งั้นมารถผม”



ผมดึงกล่องทัพเพอร์แวร์ที่มันฉวยไปคืนมา ไอ้เด็กนี่ก็ถึกเกิน ผมที่ตื่นเช้าแค่นี้ยังเหนื่อย แต่มันต้องตื่นเช้ากว่าเพื่อมาหาผมที่บ้านแล้วถึงออกไปกองถ่ายพร้อมกัน



“มึงเป็นยอดมนุษย์เหรอ”



ถ้าผมไปกับมัน ถ่ายกันเสร็จตีหนึ่งตีสอง แทนที่มันจะได้กลับคอนโดเลยแต่ต้องมาส่งผมก่อน ระยะทางก็ไม่ได้ใกล้ๆ ขับรถนะเว้ย ไม่ใช่เหาะแป๊บเดียวถึง



“ไปขึ้นรถได้แล้ว” ผมขัดขึ้นเมื่อมันจะอ้าปากจะพูดอะไรออกมาอีก มันละล้าละลังนิดหน่อยก่อนจะเดินไปขึ้นรถตัวเอง



ไม่รู้ว่าเพราะมันเห็นฝีมือการขับรถของผมที่มันไม่ได้ดีมากมายนัก หรือเพราะผมเป็นเพื่อนกับรุ่นพี่คณะมัน หรือเพราะเราต้องทำงานด้วยกัน มันถึงต้องเป็นห่วงขนาดนี้ทั้งที่เราก็เหนื่อยมากเหมือนกัน ฉะนั้นผมแค่อยากให้มันห่วงตัวเองบ้างเท่านั้นเอง…



อีกอย่าง...ผมดูแลตัวเองได้น่า!







-






“มึงเคยโกรธใครไหม”



พี่โป้งเท้าสะเอวขณะกำลังบรีฟพวกผม ไอ้โกรธน่ะมันก็เคย แต่ความโกรธของผมมันไม่ถูกใจพี่แกแค่นั้นเอง



“นี่ผมโกรธสุดๆ แล้ว จะให้ถือมีดไล่ฟันมันเลยไหม” ผมว่าพลางกระพือคอเสื้อ พอพระอาทิตย์โผล่ อากาศเย็นๆ ในตอนเช้ากับตอนกลางคืนก็หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นจริง แม้พี่ปุ้ยจะคอยพัดให้ก็เอาไม่อยู่แล้วตอนนี้...ก็เล่นถ่ายกันกลางสนาม!



“มึงต้องโกรธแบบอยากต่อยอ่ะ ไอ้นี่มันทำร้ายความรู้สึกมึงนะเว้ย” ม้วนกระดาษในมือแล้วชี้ไปที่ไอ้โซล “มันบอกว่ารักมึง แต่แม่งไปเอากับผู้หญิงคนอื่น”



พระเอกในเรื่องไม่ได้เลวร้ายอย่างนั้นหรอก...เป็นแค่ความเข้าใจผิดกันเฉยๆ แต่ผมก็ต้องทำท่าทีเป็นโกรธและเกือบจะต่อยมันเข้าจริงๆ



เราซ้อมคิวกันว่าผมต้องเหวี่ยงหมัดขวาก่อน แล้วถึงเหวี่ยงหมัดซ้าย ซึ่งไอ้โซลจะรับได้ทุกหมัด พอลองออกแรงกันจริงๆ แค่มันบีบข้อมือผมเอาไว้ผมก็ทำอะไรมันไม่ได้แล้ว...นั่นทำให้ผมรู้สึกอยากไปฟิตเนสขึ้นมาทันที



แรงจะเยอะไปไหน!



“ไอ้โซลมึงทำยังไงก็ได้ให้มันอยากต่อยมึง”



เจ้าของชื่อชี้นิ้วไปที่ตัวเองงงๆ พี่โป้งคงจนปัญญาที่จะให้ผมบิ้วอารมณ์ตัวเองจนต้องหาตัวช่วยอื่น



ไอ้พระเอกนิ่งคิดไปพักนึง อย่างมากมันก็แค่กวนตีนและทำตัวน่าหมั่นไส้ ไม่มีอะไรทำให้ผมโกรธได้หรอก...





“เมื่อเช้าผมเหยียบหางหมาพี่!”





พูดจบก็ถอยหลังไปก้าวนึง ผมอึ้งไปนิด เมื่อกี้มันว่าอะไรนะ...





“อย่าอยู่เลยมึง!!”





ก็ว่าแล้วเชียวทำไมปิ๊กมี่ดูหงอยๆ มันโดนคนไอ้ใจโฉดทำร้ายนี่เอง!



“เฮ้ยๆ พอก่อน รอกูสั่งก่อน!” พี่โป้งเข้ามาแยกผมที่กำลังล็อคคอไอ้โซลเอาไว้ “ดีมาก เอาแบบนี้แหละ มายืนนี่ๆ” จับพวกผมกลับไปยืนตำแหน่งเดิม ส่วนตัวเองก็กลับไปประจำที่



“5 4 3 2 1 แอคชั่น!”



ผมกระโจนเข้าไปกระชากคอเสื้อมัน พูดตามบท ขึ้นเสียงใส่มันในขณะที่มันพยายามจะอธิบายอย่างใจเย็น แต่ผมไม่ฟัง(มันเหยียบหางหมาผม!) เหวี่ยงหวัดออกไปทันที มันจับข้อมือทั้งสองข้างของผมเอาไว้ ผมดิ้นสุดแรงแล้วผลักมันออก ฟัดกันอยู่อย่างนั้นจนมันล้มลงไปกับพื้นหญ้าโดยมีผมคร่อมมันอยู่และง้างมือจะต่อย แต่ตามบทแล้วก็ทำไม่ลง



พี่โป้งสั่งคัทแล้วให้เอาใหม่อีกรอบเพราะมีผิดคิวเล็กน้อย



แต่เทคต่อไปก็ยังไม่ถูกใจพี่แกอีก...ผมตะโกนจนเจ็บคอ ต้องออกแรงกับไอ้ผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าทั้งที่ธรรมดาผมก็ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอยู่แล้ว เหงื่อท่วมตัวเหมือนโดนเอาน้ำราด ไอ้โซลก็ไม่ต่างกันแต่มันยังดูไม่เหนื่อยมากเท่าผม...นี่หอบจะขึ้นแล้วนะเว้ย



“ตอนล้มลงไป พอมึงพูดเสร็จก็มองไอ้ซีนแบบตัดพ้อๆ หน่อย” เสียงพี่โป้งตะโกนผ่านโทรโข่ง พวกผมพยักหน้ารับเตรียมเล่นใหม่อีกครั้ง



“พี่ไหวไหม”



“ไหว” …มั้ง



“ผมว่าบอกพี่โป้งพักก่อนดีกว่า พี่ดูไม่โอเคเลย”



“ไม่เป็นไร แค่แดดร้อน” …มั้งนะ



พอได้ยินคำสั่งการแสดงก็เริ่มขึ้น ถึงแม้จะเหนื่อยแต่ผมก็ใส่แรงไปเต็มที่เพื่อให้เทคนี้มันผ่านสักที



“คัท! เยี่ยม!”



ไม่เยี่ยมไม่ได้แล้วครับเพราะที่บอกว่าไหวเมื่อกี้...ผมโกหก



ผมไม่ได้ลุกออกจากตัวไอ้โซล มือทั้งสองข้างค้ำพื้นหญ้าพยุงตัวเองเอาไว้ เห็นหน้าคนใต้ร่างแค่ลางๆ ผมได้ยินมันเรียกชื่อผมแล้วก็พูดอะไรไม่รู้...



รู้แค่ว่าตอนนี้...โลกมันมืดไปหมดเลย…



“พี่ซีน!”



ไม่ได้สลบไปซะทีเดียว...ก็แค่เป็นลม



ผมล้มใส่ไอ้โซลที่รับผมเอาไว้พอดีแล้วก็น่าจะเป็นมันนั่นแหละที่อุ้มผมขึ้น



เสียงทีมงานโหวกเหวกกันใหญ่ ผมถูกวางให้นอนราบไปกับเบาะนุ่ม มีคนปลดกระดุมเสื้อและกางเกงของผมออก ทั้งพัดทั้งยาดมถูกประเคนใส่ผมกันใหญ่



ผมลองลืมตาขึ้น ยังคงเห็นไอ้โซลหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่อย่างเดิม ผมปิดตาลงไปพักใหญ่ให้อาการวิงเวียนนี่มันหายไปแล้วถึงลืมตาขึ้นมาใหม่ เลยเห็นเจ้าของสัมผัสเย็นๆ ที่ไล้ไปตามใบหน้า ลำคอ และแขนทั้งสองข้างของผม



“พี่ซีนเป็นไงบ้างครับ! / ซีนเป็นไงบ้าง!”



ไม่ใช่แค่ไอ้โซล แต่ยังมีเฟิร์สที่มาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ด้วย



“อย่าเพิ่งลุกครับ!” เด็กนั่นว่าเสียงเข้ม ดันผมที่ทำท่าจะลุกขึ้นให้นอนลงอย่างเดิม มันใช้ผ้าชุบน้ำมาเช็ดไปตามใบหน้าผมอีกครั้ง ส่วนเฟิร์สถือยาดมให้ผมดมอยู่...ทำไมผมรู้สึกเหมือนเป็นคนแก่เลยวะ



“ดีขึ้นไหมครับ”



“อื้อ โอเคแล้ว”



หลังจากให้ผมนอนอยู่อย่างนั้นสักพัก มันก็ค่อยๆ ประคองให้ผมลุกขึ้นนั่ง คนที่พัดอยู่ให้ผมคือพี่ปุ้ยนั่นเอง



“โอย พี่ตกใจแทบแย่ ดื่มน้ำก่อนนะคะ” ผมได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้ เอ่ยขอโทษพี่ๆ ทีมงานที่ทำให้ลำบากและต้องมาหยุดชะงักเพราะตัวเอง



...สัญญาว่าจะออกกำลังกายให้มากขึ้น...



“ไม่เป็นไรๆ มึงพักไปก่อน” พี่โป้งมีสีหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อย ถ่ายกลางแดดเปรี้ยงขนาดนั้น ทั้งยังต้องออกแรงวิ่งฟัดกันไปมาอยู่หลายรอบ ไม่ใช่แค่คนออกกำลังกายน้อยอย่างผมหรอก แต่ถ้าอยู่กลางสนามต่ออีกนิด คนแข็งแรงอย่างไอ้โซลก็อาจเป็นลมแดดได้เหมือนกัน



กลายเป็นว่าพักกลางวันกันไปเลย พี่ปุ้ยเอาข้าวมาให้แล้วก็เรียกเฟิร์สไปคุยเลยเหลือแค่ผมกับไอ้โซล...พอสติกลับมาความอายก็ตามมาด้วย...นอกจากจะเป็นลมแล้ว ยังโดนไอ้โซลอุ้มอีก...ผมจะบ้าตาย...



ลองนึกย้อนไปแล้วความร้อนก็มากระจุกอยู่ที่หน้า...



“หน้ากลับมามีเลือดฝาดแล้ว” ...ก็เพราะใครล่ะ แต่ถึงจะว่าอย่างนั้นมันก็ยังคงเอาผ้าเย็นมาแปะไว้บนหน้าผากของผม



“รู้ไหมว่าพี่หน้าซีดตั้งแต่เทคที่สามแล้ว”



ผมสั่นหัว ไม่รู้...รู้แค่เหนื่อยมาก เหงื่อท่วม เทคสุดท้ายใจมันหวิวๆ แล้วทุกอย่างก็ดับไปเลย



ไม่รู้ตัวจริงๆ ก็แค่อยากทำให้มันดีที่สุด ไม่คิดว่าจะเป็นลมซะหน่อย...



ผมนั่งก้มหน้าอยู่บนเบาะ ไอ้โซลคุกเข่าข้างนึงอยู่ตรงหน้า มันถอนหายใจแล้ววางมือลงบนหัวผมหน้าตาเฉย... “แล้วรู้ใช่ไหมว่าผมเป็นห่วง”





...ไอ้นี่มันเป็นตัวการที่ทำให้โลกร้อนดีๆ นี่เอง...





ที่พลาดคือผมเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยิน...เลยสบตากับมันเข้าอย่างจัง...



และที่พลาดไปมากกว่านั้นคือผมถอนสายตาออกมาไม่ได้...



อะไรที่ทำให้ผมเป็นอย่างนั้น



อะไรที่ทำให้ผมไม่ปัดมือมันออก



และอะไร...ที่มันกำลังงอกเงย...ข้างในใจของผม...ตอนนี้กัน…?





“ร..รู้”





ในตอนที่สติเลือนลาง สายตาของผมกลับเห็นใบหน้าเป็นกังวลของมันอย่างชัดเจน



“...ไปกินข้าวได้แล้ว” ผมละสายตาออกมา ใช้ขวดน้ำที่ดื่มหมดแล้วตีลงไปบนแขนมันเบาๆ สองสามที มันหลุดยิ้ม ลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะชักมือกลับไป



ไอ้โซลดึงผมให้ลุกขึ้น สายตามันไม่ละไปจากผมเลย...แต่ครั้งนี้ไม่ยอมหรอกเว้ย ผมเลยจ้องมันกลับไปทั้งที่หน้าร้อนอยู่อย่างนั้น “ยิ้มอะไร เรื่องเหยียบหางปิ๊กมี่ยังไม่เคลียร์นะ!”



“นั่นผมล้อเล่นครับ หางก็สั้นๆ จะไปเหยียบได้ไง”



“อ้าว…” เออว่ะ...ลืมคิดไปเลย



“เห็นพี่รักมันมากเลยลองพูดดูเฉยๆ แต่ได้ผลแฮะ”



“ก็ลองเหยียบจริงๆ ดูสิ” ฟาดขวดน้ำกลวงๆ ไปที่แขนมันแบบไม่ออมแรง



เพราะต้องการแก้แค้นให้หมาตัวเองด้วย ผมเลยใส่แรงไปเยอะมากตอนเข้าฉาก...ถึงแม้จะไม่กระเทือนไอ้โซลสักนิดก็เถอะ ฉะนั้นก็มันนี่แหละที่เป็นต้นเหตุทำให้ผมเป็นลม!



“ผมไม่กล้าทำร้ายลูกรักของพี่หรอก” ไอ้คนถูกใส่ความหัวเราะพลางจับข้อมือผมเอาไว้ให้หยุดตีมัน “อย่าเพิ่งใช้แรงเยอะสิครับ เดี๋ยวได้ล้มพับไปอีกหรอก”



“หายแล้วโว้ย” ผมจิ๊ปาก ดึงมือตัวเองออกมาซึ่งมันก็ยอมปล่อยแต่โดยดี



“ตอนนั้นก็บอกว่าไหว แล้วเป็นไงครับ”



 จะย้ำเพื่อ...รู้แล้วเว้ยว่าผิด “อ..เออๆ ก็ยังเหนื่อยอยู่ แต่แค่นิดเดียว...นิดเดียวจริงๆ!”



มันพยักหน้ายิ้มๆ เป็นรอยยิ้มตอแหลชัดๆ โอเค...ผมพูดความจริงก็ได้ “แต่ถ้ายังยืนคุยกันตรงนี้ต่อ กูจะเป็นลมรอบสองแล้ว ไปกินข้าวได้ยัง?”







ผมมีเวลาพักต่ออีกนิดเพราะไอ้โซลกำลังถ่ายฉากเดี่ยวอยู่ ระหว่างนั้นเฟิร์สก็เข้ามานั่งคุยด้วย บริการผมสารพัดอย่างจนผมเหมือนคนป่วย และก็แทบจะเอาผ้าเย็นมาถมตัวผมอยู่แล้ว จนไอ้โซลถ่ายเสร็จแล้วผมก็ต้องเตรียมตัวเข้าฉากต่อไปกับมันนั่นแหละ เฟิร์สถึงได้ขอตัวกลับไปเพราะไม่มีคิวแล้ว



วันนี้สองคนนั้นไม่พูดประชดกันหรือส่งสายตาชวนตีไปที่อีกฝ่ายเลย พอไอ้โซลมา เฟิร์สก็เดินหนี...ถึงจะรู้สึกว่ามันแปลกแต่คิดว่าก็ดีแล้ว เพราะวันนี้ผมขอแค่เหนื่อยกายพอ อย่าให้ต้องมาเหนื่อยใจกับสงครามของพวกนั้นเลย



แดดล่มลมตก แต่ละฉากในวันนี้ส่วนใหญ่ถ่ายกลางแจ้ง และมีฉากรับน้องซึ่งเป็นตอนที่พวกตัวเอกเจอกันใหม่ๆ ต้องทำกิจกรรมหลายๆ อย่างด้วยกัน มีตอนโดนว้าก มีตอนโดนทำโทษ...พี่โป้งไม่ได้ปราณีผมเลยสักนิด



สี่ทุ่มกว่าๆ เราอยู่ในห้องเลกเชอร์ขนาดใหญ่ นักศึกษานั่งกันเกือบเต็ม ผมกับไอ้โซลนั่งอยู่แถวหลังสุด



“…แอคชั่น”



สิ้นคำสั่งของผู้กำกับ หลายคนก้มหน้าก้มตาจดสไลด์บนกระดาน อาจารย์ที่สอนอยู่หน้าห้องก็สอนไปตามบทเรียน ส่วนบทผมทำแค่นั่งเท้าคางมองไปข้างหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า มีบิดขี้เกียจบ้าง ฟุบหน้าลงกับโต๊ะบ้าง ทำปากกาตกแล้วไอ้พระเอกเก็บให้บ้าง ผมต้องแสดงออกว่าเบื่อกับการเรียนนี้ ยุกยิกๆ ไปมาแบบไม่มีสมาธิ ส่วนไอ้โซลแค่นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือเฉยๆ แล้วก็หันมามองผมเป็นพักๆ



แสดงไม่ยากเย็นเลย ผมเชื่อว่านักศึกษาหลายคนก็ต้องเคยเป็นอย่างนี้



นั่งไปสักพักดวงตาก็เริ่มปรือปรอย ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ ผมที่ใส่แค่เสื้อนักศึกษาหนาวจนมือม่วงไปหมด



ผมสัปหงกขณะกำลังนั่งเท้าคางไปหลายครั้งก่อนจะเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ ส่ายหัวไล่ความง่วงงุนแล้วหันไปเขย่าแขนไอ้พระเอกเพื่อก่อกวนแต่มันก็ทำเพียงส่งเสียงอืออาเหมือนจะถามว่ามีอะไรแค่นั้น



เมื่อไม่มีคนคุยด้วย ศีรษะก็เริ่มโงนเงน ผมกำลังจะไม่สามารถฝืนหนังตาตัวเองได้อีก สุดท้ายแล้วผมก็เอนหัวไปซบไหล่คนข้างๆ ตามบท…



ไอ้โซลนิ่งไปนิดก่อนจะวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะ ลมหายใจที่เป่ารดปลอยผมของผมทำให้รู้ว่ามันหันหน้ามามองผมอยู่ และกำลังเล่นไปตามบทของมัน



สัมผัสบางเบาเกลี่ยปลอยผมที่ปรกตาออกไปเล็กน้อย จากนั้นมันก็ไล้มือไปตามกรอบหน้าของผมก่อนจะผละออกไป



...แล้วจู่ๆ มือที่ผมวางพาดไว้บนขาของมันก็ถูกความอบอุ่นเข้ากอบกุม



นี่มันไม่มีในบท...



แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันช่วยลดความหนาวลงไปบ้าง ยิ่งผมซบมันอย่างนี้...ไออุ่นในตัวมัน...กำลังทำให้ผมเคลิ้ม...



...โทษไอ้โซลเลยนะที่ทำให้ผมหลับไปจริงๆ ...







-







แต่ละฉากในวันนี้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนออกกำลังกายมาทั้งวัน



กองเลิกตอนเที่ยงคืนกว่าๆ ผมแทบจะเดินหลับตาไปยังที่จอดรถ



“กลับกับผมเถอะ วันนี้พี่ดูไม่ไหวจริงๆ นะ”



ไอ้โซลยังคงบอกให้ผมกลับกับมันอย่างเดิม...มันทำแบบนี้ตั้งแต่วันแรก และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมปฏิเสธมันไป



“ไม่เอาน่า มึงรีบกลับไปได้แล้ว”



มันก้าวขายาวๆ มาขวางผมที่กำลังจะเปิดประตูรถ



“ถอยไปนะเว้ย”



“ถึงจะมีผมห่วงอยู่แล้วแต่พี่ก็ต้องห่วงตัวเองบ้าง”



...ยอมรับว่าหน้าผมร้อนวูบขึ้นมานิดหน่อย แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะสนใจอะไรทั้งนั้นเพราะผมเหนื่อยมากจริงๆ …และผมคิดว่าประโยคนี้มันควรใช้บอกตัวมันเองมากกว่า



“เดี๋ยวถึงบ้านแล้วบอก”



...ผมรู้สึกเหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่กำลังเล่านิทานหลอกเด็กให้เด็กกลัวอยู่ซ้ำๆ ต่างกันตรงที่ผมพยายามบอกให้มันวางใจ เลิกเป็นกังวลกับผมซะที...ก็แค่ขับรถกลับบ้านเอง



ประโยคเดียวกันนี้ที่ผมเคยบอกมันไปในวันที่สอบไฟนอลวันสุดท้าย แต่ครั้งนี้มันกลับไม่ยิ้มอย่างวันนั้น...



เมื่อรู้ว่าถึงยังไงผมก็ไม่ยอม...มันเลยต้องยอมเอง



ถนนค่อนข้างโล่งทำให้ผมเหยียบได้ตามที่ใจต้องการ อยากกลับไปนอนจะแย่ ผมไม่เคยทำงานหนักขนาดนี้มาก่อนเลย ตามเนื้อตัวก็เมื่อยไปหมด



ตอนถ่ายฉากสุดท้ายของวันนี้ ได้อยู่ในห้องแอร์เย็นๆ กับได้พิงไอ้คนข้างๆ ผมก็หลับไปเลย ไม่รู้ด้วยว่าพี่โป้งสั่งคัท จนไอ้โซลปลุกนั่นแหละ ทั้งกองเลยหัวเราะปนสงสารนิดๆ ...เฮ้อ อายซ้ำอายซ้อน



ผมกดปิดวิทยุเมื่อไม่มีคลื่นไหนที่เปิดเพลงสนุกๆ เลย เพราะเพลงช้าๆ จะทำให้ผมง่วงมากกว่าเดิม จะให้โทรคุยกับพวกเพื่อนก็ยังไงอยู่ เวลานี้ใครจะไปรับ หรือจะโทรหาไอ้โซล...แล้วผมจะบอกมันว่ายังไง ทั้งที่แสดงออกว่าไหว แต่กลับโทรไปชวนคุยเพื่อให้ตัวเองไม่ง่วงนี่นะ?



ผมตัดสินใจขับรถไปเงียบๆ แบบนั้น เร่งความเร็วขึ้นทั้งๆ ที่หนังตาจะปิดอยู่รอมร่อ...และแค่เพียงเสี้ยววินาทีที่ผมวูบ มันก็...





ปัง!





...ตาสว่าง...



เป็นครั้งแรกที่เกิดอุบัติเหตุ ผมเลยนั่งนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น...จะเรียกว่าช็อคได้ไหมนะ



แล้วผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงเคาะกระจก พร้อมกับเสียงตะโกนเรียกชื่อผม





...ไอ้โซล…





ผมมีสติพอแค่ให้ตัวเองเอื้อมมือไปปลดล็อค ไอ้โซลกระชากประตูออก ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วประคองตัวผมออกมาจากรถ



“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ!?” มันถามด้วยสีหน้าร้อนรน จับตัวผมอย่างระมัดระวังเพื่อสำรวจดูว่ามีร่องรอยหรือบาดแผลหรือเปล่า



“หรือหัวกระแทก!?”



ผมส่ายหน้า ยอมให้มันจับนู่นดูนี่ไปตามตัวโดยไม่คัดค้านอะไร ถึงแม้จะเห็นว่าผมไม่เป็นอะไรแล้ว แต่คนตรงหน้าก็ไม่ได้คลายคิ้วที่ขมวดแน่นเลยสักนิด



ผมค่อยๆ หายจากอาการตกใจ สภาพรถไม่แย่มากแค่ด้านหน้าบุบเพราะชนเสาไฟฟ้า...ดีหน่อยตอนที่รถเสียหลักผมเหยียบเบรกได้พอดี



ไอ้โซลยกมือขึ้นลูบหน้า ถอนหายใจเหมือนโล่งอกทั้งๆ ที่สีหน้าของมันดูแย่มาก...



...และนั่นผมรู้สึกผิดมากด้วย...ไม่รู้ทำไม...



...อาจเพราะรู้ว่ามันเป็นห่วงมากแท้ๆ และทั้งที่พยายามทำให้มันวางใจ...แต่ผมกลับยิ่งทำให้มันเป็นกังวลมากกว่าเดิมซะอีก



“เมื่อกี้...กูแค่ตกใจ”



“…”



“ไม่ได้เจ็บตรงไหน”



“...”



“ไม่เจ็บเลยจริงๆ ...อ๊ะ”





ผมเซตามแรงดึง...เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคนตรงหน้า...



อาจเพราะตกใจ...หรือไม่ก็อย่างอื่น...หัวใจเลยเต้นเร็วผิดปกติอีกครั้ง



ในเวลานั้นสมองผมประมวลผลอะไรไม่ได้สักอย่าง เลยไม่ได้คิดอะไรให้มากมาย



รู้แค่ว่าตัวเองยกมือขึ้นกอดมันตอบ...ลูบเบาๆ เหมือนปลอบเด็กน้อยที่ขวัญเสีย และนั่นยิ่งทำให้มันกอดผมแน่นขึ้น



มีหลายอย่างที่ผมไม่เข้าใจ...อย่างเช่นในใจตอนนี้ที่มันทำให้ผมอยากเอ่ยคำว่าขอโทษออกไป...แต่ก็ไม่รู้ว่าจะขอโทษทำไม...



เวลาที่มันนิ่งเงียบไปแบบนี้...ผมเคยเดาความคิดมันถูก...





“พรุ่งนี้มารับหน่อยดิ” 





เลยคิดว่าประโยคนี้น่าจะได้...





“...นะโซล”





เพราะเราแนบชิดกันมาก ผมเลยสัมผัสได้ว่ามันชะงักไปก่อนจะค่อยๆ ผละออก สีหน้ามันดูดีขึ้นมานิดนึง...





“ทุกวัน?”



“อ..อือ ทุกวัน..ก็ได้”





เท่านี้น่ะเหรอ...



เท่านี้น่ะเหรอ...ที่มันต้องการ



มันแค่ยิ้มบางๆ แต่ดูรู้ว่าโล่งใจกว่าตอนที่ผมบอกว่าไม่เป็นอะไรซะอีก



คนเรานี่ก็แปลกว่ะ



...หรือมันจะมีอะไรแปลกอย่างที่ไอ้จั๊มพ์กับกิ๋งบอกจริงๆ ...





ว่าแต่ลืมสงสัยไปเลยว่ามันมาอยู่แถวนี้ได้ไง...คอนโดอยู่คนละทางไม่ใช่เหรอวะ?

 

----

ไปค่ะ ไปอยู่ในความดูแลของน้อง โฮะๆๆๆ

อยากคืนกำไรให้โซลม่างงง ให้กอดกับเรียกชื่อนี่พอมั้ย5555

อยากถามผู้อ่านว่าเราดำเนินเรื่องช้าไปมั้ยคะ ; - ;;

ติชมกันได้น้าา #ข้างหลังฉาก เด้อออ

เราสมัครแอคใหม่ไว้อัพเดตนิยายค่ะ @zongpei96 มาคุยกันได้น้า  :z13:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2017 22:53:41 โดย zongpei96 »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ถ้ากลัวโซลเหนื่อยเพราะเทียวรับส่งก็ย้ายไปอยู่ด้วยกันก่อนก็ได้นี่นา (นี่ไม่ได้แซวนะยะ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
คุณพี่ซีนก็นะ ชอบทำให้คุณน้องโซลเขาเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย
ปล่อยๆตัวก็ได้บ้าง ให้คุณน้องเขาดูแลคุณพี่ให้สมใจหน่อย
แหมมมมมมมม ก็เขารักของเขามานานอ่ะนะ /ยิ้มอ่อน

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
โอ้ยยย คนแบบโซลนี่หาซื้อได้ที่ไหน ฮือออออ

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
พี่ซีนหวั่นไหวแล้ววววว

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ไอ้ที่มันกำลังงอกเงยยุกยิกอยู่ในใจคือต้นรักค่ะพี่ซีน
น้องโซลมาถูกทางแล้วค่อยๆเอาตัวเองเจ้าไปอยู่ในชีวิตเค้าไม่รุกมากไปไม่น้อยไปกำลังดี
เรื่องดำเนินเรื่องไม่ช้าเกินไปค่ะก็เหมือนเรากำลังนั่งดูซีรี่ย์ของเค้าสองคนนี่ล่ะค่ะ ตอนนี้มายาวมากได้เห็นความสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้นไปทีละนิดดีจังค่ะ
นอกจากชอบคู่นี้แล้วก็ชอบความสม่ำเสมอของคุณนักเขียนค่ะมาตรงเวลาตลอด รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดอกรักบานในใจซีน และ

ออฟไลน์ alien.aiiwz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โซลมาถูกทาง จังหวะนางดีมาก
ค่อยๆเนียนๆ แต่ใจพี่สั่นเต็มๆ
คนพี่เริ่มเปิดใจให้น้อง มีแคร์กันด้วย เขินเลยค่ะ
 :-[
เอาใจช่วยโซลซีนปลูกต้นรัก
:L2: :katai2-1: :กอด1:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
พี่ซีนอ้อนนี่โซลฟินเลยมั้ยยย
ตอนนี้ได้ทั้งกอด ทั้งอุ้ม แถมโดนอ้อนอีก
กำไรสุดๆแล้ววว

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พี่ซีนย้ายไปอยู่คอนโดน้องดีไหมคะ จะได้ไม่เสียเวลามารับไปส่ง  :hao7:

ออฟไลน์ aunszMT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
กลัวน้องเหนื่อยก็ไปอยู่กับน้องเลยยย น้องเทียวไปรับส่งเดี่ยวน้องไม่ได้พักนะซีนนน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dellyamin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่ซีนควรอยู่คอนโดเดียวกับน้องโซลได้แล้ว >< อยากส่องไอจีพี่ซีนนนนนน

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
โซลงานดีมาก  พี่ซีนอย่าคิดเยอะทำตามใจสั่งเลยค่ะ   
ขอร้องนะคะ  ได้โปรดอย่าดราม่าเลยนะคะ   ไม่อยากเสียน้ำตา

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
พี่ซีนดื้อมาก
โซลเอารางวัลหลัวแห่งชาติไปเลยค่ะ งานดีมาก

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
โอยยย มันดีต่อใจละเกิน น้องโซลของป้า

เอาพี่ซีนไปอยู่ด้วยเลยค่ะ จะได้ดูแลอย่างดีเนอะ

ออฟไลน์ Orange151987

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ BlackCatty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฮืออออ ชอบนิยายเรื่องนี้คือมันดีต่อใจ อ่านแล้วมีความสุขขขข 55555 :o8:

ออฟไลน์ zongpei96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0


ตอนที่ 10 - l







@eelkang

มาร้งมารับกันคือร่ะะ #โซลซีน



@ishipyounaokay

รอเปิดเทอมไม่ไหวแล้ววว จะรอส่องว่าอะไรยังไงคู่นี้!! #โซลซีน



@tingjating

ทางผ่านล่ะม้างงงงงงงงง คิดไรม้ากกกกกก #โซลซีน



@kungpeuak

จะเป็นตุ๊กตาหน้ารถบนถนนแห่งความร้ากกกก *ร้องเพลงบนเรือเล่นเฉยๆ* #โซลซีน



@nongwaii

อยากให้มีรายการตามติดชีวิตของสองคนนี้จังเลยค่ะ เราเชื่อว่าต้องมีเบื้องลึกแน่นวลล #โซลซีน






ระหว่างช่วงพัก ผมเลยกดเข้าทวิตเตอร์ไปดูเล่นๆ ...แต่สิ่งที่ผมกำลังอ่านอยู่นี่คืออะไร…



พวกเธอรู้ได้ยังไงกัน!!



แต่พอเลื่อนมาเจอทวิตนึงผมก็ถึงบางอ้อ...





@oohhoo

เมื่อเช้าเห็นพี่ซีนขึ้นรถไปกับพี่โซลด้วยค่ะ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ตื่นมาวิ่งตอนเช้า แต่เสียดายไม่ได้แชะภาพเอาไว้เพราะเราไม่ได้เอามือถือออกมาด้วย ฮือออออ แต่ฟินจนวิ่งรอบหมู่บ้านได้สิบรอบเลยข่า T////T #โซลซีน





น้องอู้วหูวคนเดิมนั่นเองครับ แต่เพิ่มเติมคือตื่นมาวิ่งตอนเช้าแล้วเห็นผมขึ้นรถไอ้โซลพอดี



ตอนนี้ผมก็ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่กับการถูกจับตามอง...แต่ไม่ถึงกับรู้สึกแย่เพราะผมไม่คิดว่ามันจะเสียหายอะไร...



การแจ้งเตือนของผมเยอะมากทั้งๆ ที่ผมไม่ได้อัพมานานแล้ว ล่าสุดคือรีทวิตที่คอนเฟิร์มนักแสดงซีรีส์เรื่องนี้ แต่ที่แจ้งเตือนเยอะเพราะพวกเธอไม่ได้แค่ติดแท็กอย่างเดียวแต่ยังเมนชั่นมาหาผมกับไอ้โซลด้วย





@ahhhhaaaa

กองเลิกดึกไรเงี้ย พี่น้องก็เป็นห่วงกันธรรมดาเนอะ  @soul_kr @sscene




@ppero_o

@sscene พี่ซีนสนใจมานั่งรถหนูไหมคะ บริการรับส่งฟรีไม่คิดค่าน้ำมัน แต่ขอค่าจ้างเป็นความรักแทน ขออนุญาต @soul_kr นะคะ






ก่อนที่พวกเธอจะคิดไปต่างๆ นานา ผมเลยทวิตข้อความลงไปสั้นๆ





@sscene

รถเสีย...






แล้วผมก็ได้ยินเสียงไอ้คนที่นั่งข้างๆ ขำพรืด



“หัวเราะอะไร”



“เปล่าครับ” มันมองหน้าจอโทรศัพท์ยิ้มๆ “แฟนคลับคุยกันน่ารักดี” แล้วมันก็จิ้มๆ อะไรสักอย่างลงไป



ไอ้โซลดูสนุก มันเล่นบ่อยกว่าผม ส่วนผมแค่เข้ามาดูเฉยๆ ไม่ค่อยทวิตอะไร แต่มันจะอัพรูปบ้าง ทวิตข้อความบ้าง บางทีก็ตอบแฟนคลับด้วย…ครั้งนี้ก็เช่นกัน...





@soul_kr

@ppero_o ไม่อนุญาตครับ ;p






ส่วนใหญ่ที่ผมเคยเห็นมันตอบแฟนคลับจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวมันเอง ไม่ใช่เรื่องผม...ฉะนั้นพอมันตอบออกไปแบบนั้น ไม่ต้องเดาเลย...ว่าแจ้งเตือนของผมที่เด้งขึ้นรัวๆ ตอนนี้มีเรื่องอะไรกัน



ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ว่ายังไงดี



ก็แปลกๆ อยู่เหมือนกันที่ถูกจับคู่ และการพูดคุยของเหล่าแฟนคลับที่ชอบพูดเหมือนผมกับไอ้โซลกำลังคบกัน ไม่ก็กำลังจีบๆ กันอยู่...แล้วยิ่งถ้าพวกผมเล่นด้วยกระแสก็จะยิ่งแรง



ผมที่ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้มาก่อนเลยไปปรึกษาม้า...เคยเห็นแต่ดาราถูกจับคู่ พอมาเจอกับตัวเองเลยไม่รู้จะทำตัวยังไง...และรู้สึกผิดหน่อยๆ ด้วย



ม้าบอกมันเป็นเรื่องธรรมดามากถึงมากที่สุด ก็เหมือนกับการที่เราเห็นใครสักคนเหมาะสมกันและอยากให้เขาคู่กัน ซึ่งแฟนคลับจะรู้อยู่แล้วว่าพวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันหรอก เพียงแต่พวกเขาหวังและคอยจับผิดโมเม้นท์เล็กๆ น้อยๆ เพื่อความสุขของพวกเขาและเผื่อว่าพวกเราจะคบกันจริงๆ เท่านั้นเอง



...ถ้าอย่างนั้นผมก็สบายใจขึ้นมาหน่อย



ผมเหลือบมองดูไอ้คนข้างๆ ...ดูมันจะชอบใจกับการที่แฟนคลับพูดคุยเรื่องของผมกับมันซะเหลือเกิน แต่เอาเถอะ...ถ้าพวกเขามีความสุขก็ทำไป เพราะผมก็ไม่ได้อึดอัดอะไรนี่นะ...



“จะไม่ตอบน้องเขาหน่อยเหรอ”



“ตอบอะไร”



มันชี้ไปที่โทรศัพท์ ผมเลยดูที่แจ้งเตือน





@ppero_o

@sscene พี่โซลเป็นใครคะ ทำไมไม่อนุญาตให้พี่มากับหนู มีสิทธิ์อะไรมาหวงพี่ซีน ตอบหน่อยนะคะ ไม่งั้นคืนนี้หนูนอนไม่หลับแน่เลยค่ะ!






“มึงก็บ้าจี้เล่นกับน้องเขาเนอะ”



“ตอบหน่อยนะครับ เดี๋ยวคืนนี้ไม่ได้หลับได้นอนกันพอดี”



เขาก็แค่พูดเล่นๆ เปล่าวะ...



แต่ถึงอย่างนั้นผมก็กด reply ไปแล้ว...จะลองตอบสักครั้งก็แล้วกัน



“แล้วต้องตอบว่าอะไร” ผมหันไปถามไอ้โซล ถ้าตอบไปแค่ ‘รุ่นน้อง’ เฉยๆ เขาจะผิดหวังกันไหม ผมต้องตอบจริงจังหรือเล่นๆ





“บอกว่าผมจีบอยู่ดีไหมครับ”





ผมเบ้ปาก เบือนหน้าหนีไอ้ตัวการโลกร้อน “ทามไลน์แตกพอดี”



จ้องแป้นพิมพ์อย่างครุ่นคิด คำว่ารุ่นน้องสะกิดใจผมอย่างนึง...พี่รหัสหรือน้องรหัสที่ผมสนิทด้วยมากๆ ยังไม่เคยเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องผมเท่ามันเลย



ยิ่งเรื่องที่ผมขับรถชน... มันเพิ่งสารภาพว่ามันขับตามผมมา สีหน้าและแววตาของไอ้โซลในตอนนั้นยังติดอยู่ในหัวของผมอยู่เลย...ทำไมมันถึงต้องเป็นห่วงผมมากมายขนาดนั้น



ผมรู้สึกว่ามันแปลกอย่างที่ไอ้จั๊มพ์กับกิ๋งว่านั่นแหละ เพียงแต่ผมเลือกที่จะปล่อยให้มันแปลกต่อไป...เหมือนกับการที่ปล่อยให้อะไรบางอย่างฝังรากลงไปในหัวใจโดยไม่คิดห้ามปราม



ผมเผลอเหลือบมองมันอีกครั้ง...เจ้าของรอยยิ้มกวนๆ ที่ชอบใช้ความนิ่งเงียบทำให้ผมคล้อยตามมันทุกครั้งไป...



และสุดท้ายผมก็ต้องยอมให้มันมารับมาส่งทุกวันนับจากนี้



งั้นไอ้โซลก็ไม่ใช่แค่รุ่นน้องแล้ว...





@sscene

@ppero_o เป็นคนขับรถครับ






ตำแหน่งนี้น่าจะเหมาะสมที่สุดในตอนนี้แล้วล่ะนะ J















“มึงก็กวนๆ มันแล้วก็หยอกกัน ให้เหมือนหยอกกับแฟนเลย เอาแบบแมนๆ นี่แหละแต่เล่นยังไงก็ได้เอาให้น่ารักที่สุด”



เป็นโจทย์ที่ยากที่สุดตั้งแต่เริ่มถ่ายมาก็ว่าได้...เพราะแค่คำสั่งก็งงแล้ว



“สรุปพี่จะเอาแมนๆ หรือน่ารัก”



“เอาแบบแมนๆ แต่ให้มันมีความน่ารัก”



ผมทำหน้าไม่เข้าใจ หยอกกันแบบผู้ชายทำคืออะไร ตบเกรียน? แล้วมันจะเอาตรงไหนมาน่ารักวะครับ



“เล่นๆ ไปเหอะ” พี่โป้งตัดบท เฮ้ย...ผู้กำกับทำงี้ได้ด้วยเหรอ “เอาแบบเวลาพวกมึงอยู่ด้วยกันนั่นแหละ”



หมายความว่ายังไง...



ผมหันไปมองไอ้โซล มันยักไหล่ยิ้มๆ ฉากนี้มีอุปกรณ์ประกอบคือเค้กหนึ่งก้อน เป็นฉากที่เอาเค้กมาเซอร์ไพรส์เพื่อนคนนึงในกลุ่ม แต่ก่อนจะไปถึงตอนนั้น ผมกับไอ้โซลจะนั่งอยู่ข้างกันในโต๊ะที่มีเพื่อนในกลุ่มอยู่กันครบ แต่พวกผมจะเอาแต่คุยแล้วก็เล่นกันอยู่สองคนโดยไม่เห็นหัวเพื่อนที่นั่งอยู่เลยสักนิด



“…แอคชั่น”



ผมจ้องหนังสือเรียนที่กางอยู่ตรงหน้า ไล่สายตาผ่านๆ ไปอย่างนั้น ไอ้โซลพูดคุยกับเพื่อนคนอื่นไปเรื่อย สักพักมันก็เขยิบเข้ามาใกล้ เท้าแขนลงกับโต๊ะมองผมยิ้มๆ



“คนขับรถพี่หล่อดีนะครับ” มันว่าเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน ฉากนี้ไม่มีบทพูด พี่โป้งบอกให้เล่นเหมือนเวลาผมอยู่กับมัน ฉะนั้นผมก็แค่รอมันมากวนเท่านั้นเอง



ผมปรายตามองมันนิดๆ แล้วถอนหายใจใส่



“แล้วพี่จ้างด้วยอะไร เขาถึงหวงพี่ขนาดนี้”



ผมเม้มปาก จะเอาคำพูดน้องคนนั้นมาใช้ทำไม น้องเขาก็พูดไปงั้น!



“กูรวย”



ไอ้โซลขำออกมา “คนขับรถคนนี้เขาไม่ชอบเงินหร๊อก เงินซื้อเขาไม่ได้”



“มึงรู้ได้ไง เป็นญาติกันเหรอ”



“ไม่ใช่ญาติแต่ก็ค่อนข้างสนิท” มันทำท่าคิด “อืม...จ้างด้วยอะไรน้า” ผมเอียงตัวออกเล็กน้อยเมื่อไอ้คนข้างตัวขยับเข้ามาใกล้จนเรียกได้ว่าชิด



“มึงจะเล่นสมบทบาทไปแล้ว” ผมว่าเสียงกระซิบ ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ไหม เดี๋ยวมีเค้กอีก ถ้ามาเยอะใส่ตรงนี้แล้วเค้กนั่นจะเล่นยังไง!



แต่มันกลับทำหูทวนลม “ผมอยากรู้จัง งั้นขอสมัครเป็นคนขับรถของพี่อีกคนได้ไหมครับ”



“ตำแหน่งนี้มีได้คนเดียวเว้ย”



ไอ้โซลทำท่าทางเสียดาย “น่าอิจฉาคนขับรถคนนั้นจัง เจ้านายดูท่าจะถูกใจไม่เบานะเนี่ย” แต่หน้าแม่งชอบใจสุดๆ และผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคนขับรถที่มันพูดถึงก็คือตัวมันเองนี่หว่า!



“ขับก็งั้นๆ แหละ มีดีแค่เบาะนุ่ม”



“หือ…” มันเลิกคิ้ว ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “คนขับก็มีดีนะครับ อยากลองหรือเปล่า”



ผมเบี่ยงตัวหลบแล้วดันหน้ามันออกไป “ม...ไม่ลอง”



ไอ้โซลหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ ผมแสร้งพลิกหนังสืออ่านไปเรื่อยแต่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว...นี่ผมเป็นอะไรเนี่ย



“กลัวติดใจเหรอครับ”



มันไม่ต้องเล่นขนาดนี้ก็ได้ไหม!?



“พอแล้ว”



“อะไรนะครับ อยากลองแล้ว?”



ผมปิดหนังสือเสียงดัง “ไม่ลอง จะไล่ออกแล้ว เลิกจ้าง!”



“เฮ้ยได้ไง! พี่บอกให้ผมไปรับทุกวันแล้วนะ หลังจากที่เรากอดกัน...อื้อ!” แทบตะครุบปากไอ้พระเอกเอาไว้ไม่ทัน จากที่มันพูดกับผมแค่เบาๆ แต่นี่อยู่ๆ มันก็โพล่งขึ้นเสียงดังจนทั้งโต๊ะหันมามอง



ผมนึกว่าพี่โป้งจะสั่งคัท...แต่เปล่าเลย



ไม่ปล่อยให้เกิดความเงียบนาน ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนึงที่รับบทเป็นแฟนของเพื่อนในกลุ่มก็เดินถือเค้กเข้ามา...กลับกลายเป็นว่าเหมือนเป็นแผนเซอร์ไพรส์ที่ผมและไอ้โซลดึงความสนใจเจ้าของวันเกิดเอาไว้ซะอย่างนั้น



ก็ดี จะได้ไม่ต้องเล่นหลายรอบ



ผมปล่อยมือออกจากปากไอ้โซล หันไปร้องเพลงวันเกิดให้กับเพื่อนคนนั้น เสร็จแล้วก็มีคนแจกช้อนให้แล้วก็จ้วงเค้กกันแบบไม่เห็นใจคนซื้อมาเลย



ผมตักกินนิดหน่อย...ไม่ชอบเค้กรสอื่นนอกจากชาเขียว ไอ้ตัวโจ๊กของกลุ่มสะกิดผมให้ตักให้มันกินหน่อยเพราะช้อนมีไม่ครบ ผมเลยป้อนให้ แล้วผมก็ถูกสะกิดจากอีกด้าน...



“ป้อนผมมั่งสิ” ไอ้พระเอกของเรื่องก้มหน้าลงมาให้อยู่ในระดับเดียวกันทำให้ผมต้องเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย



ผมยื่นช้อนให้มัน แต่ไอ้โซลส่ายหน้า



“ไม่ให้ผมไปรับ แล้วยังไม่ป้อนผมอีกเหรอ” น้ำเสียงติดจะน้อยใจนิดๆ แบบแสร้งทำ แม้ผมจะรู้ว่ามันถามไปอย่างนั้นแต่ถึงยังไงก็อยากให้มันมั่นใจ...ว่าผมไม่ผิดคำพูดหรอก



“กูพูดเล่น ก็ใครให้มึงกวนก่อนล่ะ”



เท่านั้นมันก็ยิ้มออกมา “ไม่เลิกจ้างแน่นะ”



“เออออ”



“แล้ว...” มันเว้นช่วงไปเกือบครึ่งนาที “จ้างตลอดชีวิตเลยได้ไหมครับ”



คิดผิดจริงๆ ที่รอฟังมันอย่างตั้งใจ...



อากาศร้อนๆ มักจะมาพร้อมกับรอยยิ้มและสายตาแปลกๆ ของมันเสมอ



...ครั้งนี้ก็เช่นกัน



“กินเข้าไปเลย!”



ผมตักเค้กคำใหญ่...เอาจริงๆ ผมปาดแต่ครีมมามากกว่า...ปากมันเลยเลอะครีมเป็นปื้นใหญ่



ผมหลุดขำ “เหมือนหนวดซานต้าเลยว่ะ” แล้วหัวเราะอย่างสะใจ



กวนกูดีนัก



พอเห็นผมเล่น เพื่อนคนอื่นเลยเอามั่ง...กลายเป็นการไล่เอาเค้กป้ายหน้ากันไปแล้ว



ผมลอยหน้าลอยตา ไม่สนไอ้โซลที่มองอย่างคาดโทษ ทุกคนเนื้อตัวเลอะครีมเค้กยกเว้นผม พี่โป้งเลยตะโกนแทรกเข้ามา “ทำไอ้ซีนเลอะด้วยดิ!”



เหมือนทุกคนจะส่งสัญญาณให้ไอ้โซลเป็นคนทำ มันมองเค้กที่เละตุ้มเป๊ะไปแล้วสลับกับมองหน้าผม สายตามันโคตรไม่น่าไว้ใจ...ไม่เอาทั้งถาดนะเว้ย



ผมกลืนน้ำลาย ก้าวถอยไปไหนไม่ได้ มันเดินเข้ามาใกล้แล้วเอื้อมมือไปทางด้านหลังของผม คงจะหยิบถาดเค้กที่วางอยู่บนโต๊ะ...



แต่ก่อนที่ผมจะได้ทันเตรียมตัวเตรียมใจ มันก็โน้มตัวลงมา...แล้วกดริมฝีปากที่เปื้อนเนื้อครีมลงบนแก้มของผมอย่างรวดเร็ว



ผมเบิกตากว้าง นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ร่างกายขยับไม่ได้...ต่างกับก้อนเนื้อในอกที่เต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมา



ไอ้โซลทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พลางเลียริมฝีปาก “อร่อย”



เอาเค้กทั้งถาดมาปาใส่หน้าผมยังดีกว่า!



อะไรบางอย่างตีตื้นขึ้นมาจนตัวผมแทบระเบิด แต่ผมไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ ได้แต่ยืนกะพริบตาจ้องไอ้คนตรงหน้าที่มองผมยิ้มๆ “อีกข้างได้ไหมครับ”



“บ...บ้าสิ!” กว่าจะหาลิ้นตัวเองเจอก็ได้ยินเสียงพี่โป้งสั่งคัทแว่วๆ “ช…ใช้มือก็ได้นี่”



ไม่รู้สีหน้าตัวเองตอนนี้เป็นแบบไหน...ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองโกรธหรือเปล่า...หน้ามันร้อนไปหมด



ผมอาจโกรธ...ถึงแม้ผมเคยนอกบทแบบนี้ก็จริง แต่นั่นมันในห้องมันนะเว้ย ไม่ใช่กลางกองถ่ายแบบนี้!



หรือผมอาจไม่ได้โกรธ...เพราะหน้ามันไม่ได้สะทกสะท้านเลยสักนิด ซ้ำยังมองด้วยสายตาที่ผม...ต้องเป็นฝ่ายละออกมา



“ใช้อะไรได้หมดแหละครับ...แต่ผมไม่อยากใช้”



ผมอยากหายไปจากตรงนี้แต่แค่ก้าวขายังก้าวไม่ออก...



มันเป็นการแสดง...มันเป็นการแสดง



ผมพยายามบอกตัวเองแบบนั้น แต่ความรู้สึกบางอย่างก็ยังไม่หยุดดิ้นพล่านสักที



“อะแฮ่ม!” ผมสะดุ้ง มองพี่ปุ้ยที่ทำท่าถอนหายใจ “พี่ก็ไม่อยากขัดหรอกนะคะ แต่ไปล้างหน้าล้างตาได้แล้วค่ะ ปล่อยไว้นานเดี๋ยวสิวก็ขึ้นหรอก”



“ค...ครับ” เสียงผมยังไม่หายสั่น ตั้งใจจะรีบผละออกไปแต่ผมดันเผลอเหลือบขึ้นมองคนตรงหน้าอีกครั้ง และนั่นเป็นสิ่งที่ผิดพลาด...



ไอ้โซลยกหลังมือปาดเค้กที่เลอะริมฝีปากมันออกทั้งที่สายตายังจับจ้องมาที่ผม...ผมเริ่มจะหงุดหงิดตัวเองที่ทำอะไรไม่ถูก รู้สึกเงอะงะไปหมด แล้วก็หงุดหงิดมันที่สุดที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้!



ผมกัดปาก มองมันอย่างไม่สบอารมณ์พลางยกมือเช็ดแก้มตัวเองแรงๆ แล้วรีบเดินตามพี่ปุ้ยไปติดๆ โดยพยายามไม่สนใจไอ้ตัวต้นเหตุอีก



แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ตามมา...



แม่ง ขอให้สิวขึ้นหน้ามันตามจำนวนการเต้นของหัวใจผมเลย!





-

พระเอกของเรื่องนี่ชักจะเหิมเกริม555555

ขออัพครึ่งแรกก่อนนะคะ เดี๋ยวครึ่งหลังตามมา

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ด้วยนะคะ ^ - ^

#ข้างหลังฉาก

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น้องโซลร้่ายจริงๆนะคะ ใช้การแสดงเป็นประโยชน์มากกกกก เป็นครึ่งแรกที่ยิ้มแก้มจะแตกกก
รออีกครึ่งนะคะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รุกเข้าไป ๆ นะโซล พี่ซีนเริ่มใจเต้นแรงบ้างแล้ว

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด