รวมเรื่องสั้น||I am Zombie:: ตอนพิเศษ จะกลับหรือไม่กลับ ||23/11/62|| P.4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รวมเรื่องสั้น||I am Zombie:: ตอนพิเศษ จะกลับหรือไม่กลับ ||23/11/62|| P.4  (อ่าน 19485 ครั้ง)

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
น้ำตาจะไหล (ว่าแล้วไง ที่ระแวงไว้ไม่เกินไปเลย)

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

ออฟไลน์ joyey6217

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ความรักไม่มีเสียง
ลุ้นมากให้เตฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ดีใจ และแล้วก็กลับมา

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
หน่วง....งงงงงง ได้อีก  o22

ออฟไลน์ Onlylyn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบมากๆเลยค่ะ มาปักรอเผื่อมีต่อ อยากติดตามความรักของทั้งคู่ งือออ :monkeysad:

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
ลงท่ายอ๋องตอนพิเศษที่หน้าสองนะคะ><

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
เสียน้ำตาให้กับทั้งสองเรื่องเลยค่ะ



 :L2: :L2:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ถ้าในฝันมันแสนเศร้า...ก้อตื่นขึ้นมาดีกว่า  เฮ้อ..ออออออออออ   :sad11:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
 :pig4: ท่านอ๋องมีต่อไหมคะ อยากอ่าน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
สงสารท่านอ๋องจัง  ตายเพราะถูกคนที่รักมาทำลาย

ออฟไลน์ มาม่าหมูสับ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :a5: สงสารชินอ๋อง

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
I  am  Zombie 
ปฐมบท 0.0



ในสมัยที่นิยายทะลุมิติกำลังเฟื่องฟู ผมถึงขั้นฝันว่าหากตัวเองย้อนอดีตหรือทะลุมิติไปได้ ผมจะไปเป็นเจ้าจอมยุทธ ไปช่วยเหลือคนตกยาก สร้างคุณงามความดีจนพบกับหญิงงาม ฝ่าฟันอุปสรรคจนพบรักแท้

มาครั้งนี้ผมพลาดตกเขาเพราะช่วยเหลือช้างป่าตัวหนึ่ง ก่อนตาย ผมอธิฐาน ไหนๆ ผมก็ทำดีจนตัวตาย  เป็นสัตวแพทย์ประจำอุทยานรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามาตั้งแต่ตอนเรียนจบ  สวรรค์คงไม่ใจร้ายปล่อยผมไปอยู่อยู่ในขุมนรกหรอกมั้ง  ดังนั้นหากไม่เป็นการขอมากจนเกินไป  ผมขอกลับไปเกิดใหม่ หรือไม่ก็ขอย้อนยุคไปเป็นคนในยุทธจักรหน่อยก็ดี  จะเอี้ยกล้วยหรือจิ้นซีฮ่องเต้(?) ก็ได้ เฒ่าทารกหรือเยวี่ยปุ๊ฉวิน*ก็ไม่ขอเรื่องมาก  หรืออย่างน้อยๆ หากไม่ได้เป็นตัวเอกในนิยายกำลังภายใน  ผมขอแค่เป็นตัวประกอบมีวรยุทธธรรมดาๆ ก็ยังดี เอาแค่พอให้ได้สัมผัสความเป็นชาวยุทธ


แต่สงสัยผมคงจะขอมากไปหน่อย  สวรรค์เลยเกลียดขี้หน้า  ให้ผมทะลุมิติได้จริง  แต่ดันพาผมทะลุมิติมาอยู่อนาคต  ยุคสมัยที่ประชากรสามส่วนสี่ของโลกตายไปเพราะโรคระบาด  ผู้คนติดเชื้อไวรัสกลายเป็น "ซอมบี้"

ผมที่กลับเกิดใหม่ สวมวิญญาณคนตายในชาตินี้ อยากจะตะโกนกู่ร้องกับสวรรค์เหลือเกินว่า

คุณสวรรค์จะส่งผมเกิดมาให้ลำบากทำไม  แล้วไหนๆ ก็ส่งผมมาเกิดแล้ว  ทำไมไม่ให้ผมเกิดเป็นผู้รอดชีวิต  ประชากรหนึ่งส่วนสี่ที่เหลือในโลกน่ะมีอีกตั้งหลายล้าน  ให้ผมไปเกิดใหม่เป็นผู้กอบกู้โลกหรือไม่ก็คนทำนาก็ยังได้  ทำไมท่านต้องส่งผมมาเป็น "ซอมบี้"  ผมแม่งไปแย่งข้าวแกงท่านถึงบนสวรรค์หรือไงวะ  ทำไมท่านถึงทำกับคนดีศรีสังคมกับผมอย่างนี้!!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2017 23:00:19 โดย teatimes »

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
I  am  Zombie  0.1


เฮ้อ~ แล้วก็นั่นแหละ  คนดีศรีสังคมอย่างผม  ตอนนี้จึงอยู่ในสถานะ  ซอมบี้  สิ่งมีชีวิตกึ่งคนเป็นกึ่งคนตาย  นอกจาก "กิน" อันเป็นปัจจัยพื้นฐาน  ร่างกายผมก็ไม่ต้องการอย่างอื่น  ไม่มีความต้องการทางเพศ  ไม่ต้องหลับนอน  เสื้อผ้าจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้เพราะผมไม่รู้สึกร้อนหรือหนาว  ยุงกัดก็แค่ตุ่มแดงนิดๆ โดนกิ่งไม้เกี่ยวก็แค่เป็นแผลถลอก  ไม่มีทางเป็นหวัดหรือมีไข้  ถูกยิงก็ไม่ตายแถมไม่ต้องกลัวแผลติดเชื้อ  ส่วนเรื่องอาหารการกิน...  ถึงผมจะกินอาหารสดๆ ผมก็ไม่ต้องกลัวท้องเสียเพราะผมไม่ต้องเข้าห้องน้ำ  วันๆ เอาแต่เดินๆๆๆ ไปเรื่อยๆ  เจอซุปเปอร์มาเก็ตตอนผ่านทางก็ค่อยแวะ


จากนาฬิกาในแฟมมิลี่มาร์ทที่ผมเพิ่งแวะครั้งล่าสุด   ผมเลยรู้ว่า  ตอนนี้ผมอยู่ในปีค.ศ.  2122  หรือก็คืออีก 106 ปีข้างหน้า  และจากหนังสือพิมพ์ฉบับล่าสุด(ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นฉบับสุดท้ายก่อนปิดโรงพิมพ์) ได้สรุปเรื่องโรคติดเชื้อไวรัส  จนคนกลายเป็นซอมบี้ไว้ว่า  ผู้ติดเชื้อไวรัสคนแรก  คาดว่าเป็นพวกหาของป่าที่ประเทศกัวเตมาลา (รายงานผู้ติดเชื้อครั้งแรกคือปี 2102)   และบังเอิญที่ตอนนั้นมีกลุ่มคนที่กำลังถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับสัตว์โลกแถวๆ นั้นพอดี   นักผญภัย  นักเดินป่า  และผู้ที่เกี่ยวข้อง(ทีมงาน) ต่างพากันติดเชื้อ  ทุกคนถูกกัดจากคนสู่คน  กลายเป็นซอมบี้ภายในระยะเวลา 3 วันหลังจากรับเชื้อ  อาการเริ่มแรกของคนที่ติดเชื้อคือมีอาการหนาวสั่นและเป็นไข้   ต่อมาจะเริ่มมีอาการเกร็งและชัก  พอเชื้อแพร่กระจายเต็มที่  ทุกคนจะมีอาการขากรรไกรค้าง  พอเจอคนก็อ้าปากงับ  เชื้อสามารถแพร่ผ่านได้ทางน้ำลายและสารคัดหลั่งทุกชนิด

การแพร่ระบาดของโรคเกิดขึ้นและแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว  เพราะตอนแรกหมอและนักวิทยาศาสตร์สันนิฐานว่าผู้คนติดเชื้อพิษสุนัขบ้า  และผลการเพาะเชื้อในห้องแล็ปเองก็มีการตรวจพบว่าเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรค  คือเชื้อกลุ่ม rabies virus (ไวรัสก่อเชื้อพิษสุนัขบ้า)  เพียงแต่รหัสพันธุกรรมของเชื้อนี้มีการวิวัฒนาการต่างไปไกลแตกต่างจากเชื้อพิษสุนัขบ้าแบบดั้งเดิม  ติดต่อได้เฉพาะจากคนสู่คนและพวกสัตว์สายพันธุ์ใกล้เคียงกับมนุษย์(ลิงใหญ่)  วัคซีนป้องกันที่มีมาแต่เดิมก็ใช้ไม่ได้  ต่อให้มีการกักกันโรคหรือเร่งพัฒนาวัคซีน  แต่การแพร่ระบาดของโรคก็เกิดขึ้นได้เร็วเร็วกว่าที่จะควบคุม

ปีที่มีการติดเชื้อคือปี 2102  หรือก็คืออีก  86  ปีข้างหน้า  ซึ่งตอนนั้นการคมนาคมระหว่างประเทศมีการเปลี่ยนแปลงไปไกล  นอกจากเครื่องบินและเรือโดยสาร  การขนส่งมวลชนระหว่างประเทศหลักๆ จะเป็นการเดินทางด้วยรถไฟระบบไฟฟ้า  อาศัยทฤษฎีสนามแม่เหล็กในการขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง  บ้านเรือนต่างๆ อาศัยพลังงานจากแสงอาทิตย์และลมเพื่อผลิตไฟฟ้า(ไม่พึ่งน้ำมันกับถ่านหินแล้วนั่นเอง)

ดังนั้นเมื่อการขนส่งมวลชนก้าวไปไกล  การกักโรคก็ทำได้ลำบากขึ้น  อุโมงค์ทุกอุโมงค์หรือทุกรางรถไฟ เชื่อมต่อถึงกันประเทศต่อประเทศ  สะพานข้ามแม่น้ำที่ปิดไม่ทันก็เป็นอีกหนทางที่ทำให้เกิดการแพร่เชื้อ

เชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่นี้ได้แพร่กระจายออกจากกัวเตมาลาในระยะเวลาแค่หนึ่งเดือน  ครอบคลุมทั่วสหรัฐและแอฟริกาภายในหนึ่งปี  ก่อนขยายวงกว้างไปสู่ยุโรปและเอเชียเป็นอันดับสุดท้าย


ผมซึ่งเป็นคนไทย..  ตอนที่เกิดหรือจุติใหม่ในร่างซอมบี้   ผมใช้เวลาสามปีในการปรับตัว  จากที่มึนๆ เบลอๆ กินศพคน(อี๋)  พอเริ่มมีสติสัมปชัญญะ  (จากวิญญาณประทับทรง)  ผมก็เข็ดขยาดจากการกินเนื้อ  หันมากินถั่วและเห็ดเพื่อเพิ่มโปรตีนแทน   แต่ในตอนสองปีแรกที่ผมยังควบคุมความอยากไม่ค่อยได้  ผมจะเลือกกินเนื้อปลากระป๋องที่มีหลากหลายยี่ห้อในซุปเปอร์มาเก็ต   ผมเริ่มเดินทางจากเขตประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ขนาดเกิดใหม่ผมยังเกิดเป็นคนไทย  โคตรเซ็ง) ค่อยๆ ใช้สามัญที่มีเพิ่มขึ้นมาทีละน้อย "เดิน" ทางไปยุโรป  เพราะจากประสบการณ์การเป็นซอมบี้ในช่วงสองปีแรก  ผมขอบอกเลยว่า  การเป็นซอมบี้ในเขตร้อนชื้นนี่เป็นสิ่งที่โคตรของโคตรของโคตรยี้  เพราะซอมบี้คือสิ่งไม่มีชีวิต  พวกเราเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ  ไม่ต้องกินเป็นปีๆ ก็มีชีวิตอยู่ได้  เพียงแต่เมื่อไม่มีอาหารร่างกายเราจะเน่าเปื่อยเพราะขาดสารอาหาร  ไม่ก็ขาดโปรตีนมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ(สุขศิกษา101)  แล้วในเขตร้อนชื้นนี่นะ...  คุณลองนึกภาพศพเนื้อเน่าๆ  ที่ถูกจับตากกลางแดดแต่ยังไม่แห้งดี  ตกกลางคืนเจอความชื้น  พอกลางวันตะวันเนื้อยังไม่ทันแห้งอีกรอบก็มาเจอฝน   

แหยะๆๆ  แค่คิดผมก็อยากจะอ้วก

ดังนั้นตลอดเวลาที่ผมเดินทางแสวงหาความเย็น(และแห้ง)  ผมเห็นศพซอมบี้ที่ขาดอาหารค่อยๆ เปื่อยยุ่ยจนแทบจะเห็นสัจธรรมแห่งชีวิต  กิน  อยู่  หลับ  นอน  นี่ไม่ใช่แน่ๆ   แต่เกิด  ดำรงอยู่  ไม่แก่  และเปื่อยตาย  นี่ใช่เลย   แถมพวกซอมบี้กว่าจะตายจริงๆ  ก็เป็นตอนที่ถูกเจาะกะโหลกสมองทะลุแล้วเท่านั้น  แค่สมองตาย..  เชื้อไวรัสที่มีอยู่ในร่างกายเราจะเป็นตัวควบคุมระบบประสาทให้หาทางแพร่เชื้อ  เพราะงั้นหากไม่ "ตายจริง"  ต่อให้มีแต่หัว  มือขาด  ขาหาย  คุณจะเห็นซอมบี้เอาฟันกระดึ๊บๆ เพื่อเคลื่อนที่ต่อไปข้างหน้า  ซึ่งก็นะ  ผมเองก็ไม่อยากให้ตัวเองมีสภาพแบบเพื่อนซอมบี้ร่วมโลก   ดังนั้นผมจึงเริ่มออกเดินทางไปยังที่เย็นๆ และอากาศค่อนข้างแห้ง  เพื่อรักษาสภาพร่างกายให้คงอยู่ต่อไปนานๆ  ไหนๆ ก็เกิดใหม่แล้วยังไงมันก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปให้คุ้ม

ผมใช้เวลาเดินทางจากไทย  ไปพักแถวลิเวอร์พูลอยู่สองปี (ความจริงคือเดินผ่าน)  แต่ใครๆก็รู้ว่าอังกฤษมันโคตรชื้น   ฝนตกปรอยๆ แบบวันสลับวัน  ถึงอากาศจะไม่ร้อน  แต่ก็ไม่ค่อยเหมาะกับคนเป็นซอมบี้  ผมเลยเลือกเดินทางต่อไปแถบแมนฮัตตัน  ที่นั่นค่อนข้างเย็นและแห้ง  เป็นเมืองใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเป็นศูนย์กลางของเศษฐกิจโลก 

ผมใช้เวลาเดินกระดึ๊บๆ  จากลิเวอร์พูลข้ามไปอเมริกา...  น่าจะใช้เวลาราวๆ ซักสามปี   แล้วคำกิริยาที่ว่า "เดิน" นี่  คือผมเดินจริงๆ  ไม่ใช่แค่คำเปรียบเทียบ  เพราะถึงผมจะมีสติปัญญา(มีสมอง)  แต่ร่างกายของผมตอนนี้ก็เป็นซอมบี้  ผมไม่สามารถขี่จักยานหรือขับรถได้  (แค่อ่านแผนที่ออกผมก็ขอบคุณสวรรค์)  ส่วนการขนส่งมวลชนก็หยุดการทำงานไปแล้วเพราะไม่มี "คนเป็น" คอยขับเคลื่อน  ดังนั้นผมจึงต้องใช้วิธีเดินจับกลุ่มร่วมกับพวกเพื่อนซอมบี้แทน   ระหว่างทาง  ผมเห็นคนเป็นอยู่บ้างประปราย  แต่ผมจะยังไม่ขอเล่ารายละเอียดในตอนนี้ 


เกริ่นมาเยอะแล้ว  มารู้จักตัวผมกันบ้าง  ผมชื่ออัฐ...  นั่นเป็นชื่อก่อนที่ผมจะตายน่ะนะ   ผมเป็นสัตวแพทย์ในเขตอุทยานรักษาพันธุ์สัตว์ป่า  มีความรู้ทางด้านการรักษาสัตว์ป่าแบบเอาตัวรอด  แต่หลังจากที่ผมตายแล้วเกิดใหม่กลายเป็นซอมบี้  เจ้าของร่างนี้... เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนว่าคนที่ผมสิงอยู่นี่ชื่ออะไร  ความทรงจำที่ชัดเจนมากที่สุดหลังจากที่ได้สติมาก็คือ...  อะแฮ่ม เชื่อเถอะว่าคุณไม่อยากรู้

ตอนที่ผมตายผมเพิ่งอายุ 25  ปีเรียกว่าเบญจเพสปุ๊บผมก็ตกผาตายปั๊บ  พอเกิดใหม่ร่างนี้  ผมก็ใช้เวลาประมาณ  1 ปีในการปรับตัว  อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า  ช่วงแรกๆ ผมไม่ค่อยมีสติมากนัก  ถ้าคุณนึกภาพไม่ออก  ให้นึกถึงพระเอกเรื่องเอ็ดเวิร์ด คัลเลน  เอ๊ย  เรื่องทไวไลท์*  ที่พอพระเอกถูกแวมไพร์กัดก็ใช้ช่วงเวลาหนึ่งปีแรกในการปรับตัว  ไม่ให้อยากกินเลือดหรือตกเป็นทาสสัญชาตญาณดิบมากเกินไปนัก

พอปีที่สองมาผมเริ่มมีสติมากขึ้น  ถึงจะเดินเอื่อยๆ เฉื่อยๆ  ไม่ได้มีพลังเหนือโลก  แต่ผมก็ค่อนข้างพอใจที่ไม่ต้องกินเนื้อ  อาศัยความมานะพยายามและความอดทน  ข่มความอยากของตัวเองให้กินแต่ถั่ว  เห็ด  และปลา(กระป๋อง) เป็นแหล่งโปรตีนเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อไม่ให้เปื่อยและเป็นแหล่งพลังงาน

และพอผมเริ่มปรับตัวได้อย่างเต็มที่  ผมก็เริ่มมีแก่ใจอยากไปอาบน้ำ  ซึ่งความจริงการอาบน้ำนี่ถือว่าเป็นสิ่งที่โคตรสิ้นเปลืองพลังงานและโคตรจะไร้ศักดิ์ศรีของการเป็นซอมบี้  เพราะซอมบี้ต้องใช้จมูกในการดมกลิ่นเหยื่อ  และใช้ "กลิ่นตัว" ในการบอกเพื่อนรวมโลกซอมบี้ว่า  ข่อยเป็นซอมบี้เหมือนกันนะ  อย่าเผลอมากัดพวกเดียวกันล่ะ  ข่อยติดเชื้อแล้ว  เนื้อเน่าแล้ว  อย่ามาแพร่เชื้อซ้ำสองนะ  ถึงตรูจะไม่เจ็บเวลาถูกกัดแต่ตรูก็รำคาญนะเฮ้ย

นั่นแหละ... "กลิ่นตัว"  จึงมีความสำคัญต่อการดำรงชีพในฐานะซอมบี้  และสัญชาตญาณก็ร้องเตือนผมอยู่ตลอดว่า  มึงอย่าอาบน้ำเลยนะ   อยู่สกปรกๆ แบบนี้แหละดีแล้ว  แต่ในตอนที่ผมมีสติและได้เห็นสภาพตัวเอกที่(โคตร)ซกมก  ฟันเป็นคราบดำมีเศษเนื้อเกาะกรัง  ผิวขาวซีด  ซอกเล็บมีเศษสมองเป็นชิ้นๆ  อี๋  ผมแทบจะอ้วก   ดีนะที่ร่างซอมบี้ไม่มีระบบคายอาหารที่กินเข้าไปแล้ว   ถั่วกระป๋องกับเห็ดทรัฟเฟิลกระป๋องที่ผมแกะออกมาอย่างยากลำบากเลยไม่เล็ดลอดออกมาให้เป็นที่น่าเสียดาย  (ได้กินเห็ดทรัฟเฟิล   ผมไฮโซใช่ไหมล่ะ)

ผมใช้เวลาในการอาบน้ำและทำความสะอาดร่างกายอยู่สองวันจนร่างกายสะอาดใสปิ๊ง  อาจจะมีกลิ่นตุๆ จากเนื้อเน่าที่อยู่ในร่างกายบ้าง  แต่นั่นไม่สำคัญ  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวผมสะอาดแล้ว  ฟันก็แปรงจนฟันขาวแล้ว   เล็บมือเล็บเท้าสะอาดปราศจากเศษเนื้อ

ส่วนน้ำที่ใช้อาบผมก็ใช้วิธีแกะขวดน้ำจากแผนกขายน้ำนั่นแหละ   เพราะพอไม่มีคนเป็นอยู่  สาธารณูปโภคก็หยุดชะงัก   น้ำปะปาไม่มีใช้  (ไฟยังโชคดีที่พอจะมีแผงโซล่าเซลล์)  ผมเลยต้องอาศัยแกะน้ำขวดที่พอหาได้มาอาบแทน  อาบสดมันตรงนั้นแบบไม่กลัวอายสายตาเพื่อนซอมบี้   สบู่ยาสระผม  แปรงสีฟันก็เดินๆ หาๆ เอาแถมนั้น  เน่ามากๆ ก็เปลี่ยนอันใหม่  แกะทิ้งๆ  อย่างสบายใจไม่ต้องเสียเงิน  ไม่ต้องกลัวถูกจับ

แต่คุณเชื่อเถอะว่า  ถึงผมจะเล่าแบบชิวๆ  แต่ตอนอาบน้ำครั้งแรก  ผมไม่ได้ชิวอย่างที่เล่า  เพราะต่อให้คุณมีสติปัญญา  แต่พอร่างกายเป็นซอมบี้  ช่วงเวลาที่ไม่ได้หาอาหาร  มือคุณจะสั่นอย่างกับคนเป็นพาร์กินสัน  ไม่ก็พวกที่พี้ยามาเยอะๆ  แล้วร่างกายคุณก็ค่อนข้างที่จะแข็งแกร่ง  เอ็น  ข้อต่อ  กล้ามเนื้อต่างๆ ก็ขยับไม่ได้เยอะ   ดังนั้นการอาบน้ำคือสิ่งที่สิ้นเปลืองพลังงานมากยิ่งกว่าการเดิน  ผมต้องบังคับตัวเองไม่ให้สั่นและใช้มือแข็งๆ  กำแปรงสีฟันแล้วค่อยอาบน้ำ  ดังนั้นสองวันที่ว่ามาคือสองวันต่อเนื่องจริงๆ  ไม่ได้มุก

แถมร่างกายของคุณ  ตลอดเวลาอาบน้ำ  ร่างกายของคุณ  มันก็จะเอาแค่กระตุ้นคุณว่า  ให้ไปหาอาหารได้แล้ว  ไปแพร่เชื้อโรคระบาดได้แล้ว  เอ็งจะรักษาความสะอาด  ขัดซอกเล็บหาพระแสงอะไร  เอ็งเป็นซอมบี้นะโว้ย  เอ็งจะหล่อ  สะอาด  ส่งกลิ่นหอมไปให้สาวซอมบี้กรี๊ดเหรอ  ไสหัวเน่าๆ  เหม็นๆ  มีเหาของเอ็งออกไปหาอาหารได้แล้ว

และนอกจากสัญชาตญาณในการล่าหาอาหาร  แพร่เชื้อ  และการรักษากลิ่น 

สิ่งที่ทำให้คุณหนักใจอีกอย่าง คือคุณต้องคอยต่อต้านสัญชาตญาณในการรวมกลุ่มด้วย  เพราะซอมบี้ที่เดินเดี่ยวๆ  มีสิทธิ์ที่จะถูกคนเป็นเป่าสมอง  ไม่ก็ถูกสัตว์ป่าลากไปแทะ  คุณอย่าลืมว่าปีที่มีการระบาดคือปี 2102 (ย้ำ)  และตอนนี้คือปี  2122  ซึ่งก็ผ่านมา 20 ปีแล้ว  ประชากรมนุษย์(คนเป็น)  ที่เหลือเพียงหนึ่งในสี่  ย่อมไม่เพียงพอที่จะชนะธรรมชาติ  หรืออยู่เป็นจุดสูงสุดในห่วงโซ่อาหารอีกต่อไป

โลก... เริ่มปรับสมดุล  ป่าเริ่มทวงคืนพื้นที่  สัตว์ป่าที่เกือบจะสูญพันธุ์เริ่มขยายพันธ์ุและกลับมาทวงคืนแผ่นดินอีกครั้ง  แน่นอนว่าสัตว์จำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเฉพาะพวกสัตว์เลี้ยง  เมื่อขาดมนุษย์ไป  มันก็ไม่สามารถอยู่รอดได้  สัตว์เลี้ยงที่อ่อนแอหรือสัตว์กินพืชจึงกลายเป็นสารอาหารให้แก่สัตว์ป่ากลุ่มแรกๆ ที่เข้าครอบครองยึดพื้นที่  แน่นอนว่ามีพวกเลี้ยงบางส่วนที่สามารถปรับตัวได้เหมือนกันแต่นั่นก็เป็นส่วนน้อย  ซึ่งผมก็บอกได้เลยว่า  ตอนนี้พวกมันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงน่ารักอีกต่อไป

ผมเคยเห็นแมวเปอร์เซียขนยาวหางยาวตัวหนึ่งไล่ตะปบหนูท่อตัวอย่างยักษ์  ถ้าเป็นเมื่อก่อน... สมัยชาติที่แล้ว  ผมคงไม่มีทางนึกภาพออกว่าแมวขี้เกียจสันหลังยาว  วันๆ เอาแต่นอน  ตอนนี้จะกลายมาเป็นสัตว์ดุร้ายที่กินไม่เลือก  ประโยคยอดฮิตที่คนสมัยผมเคยพูดเล่นกันว่า  "ซักวันแมวจะครองโลก" มาตอนนี้มันก็ไม่ใช่แค่มุก   พวกมันกลับไปเป็นสัตว์นักล่าเต็มตัว  แถมบางที...  เอิ่ม  พวกมันยังฟัดแขนศพซอมบี้เล่น  คงประมาณว่าเล่นฟัดหางจิ้งจกนั่นแหละ   เพราะแขนของซอมบี้จะยังมีพลังงานอยู่เล็กน้อยก่อนหมดสภาพ  ดังนั้นการเดินคนเดียว(ซอมบี้ตัวเดียว) จึงสุ่มเสี่ยงที่จะตายของจริงมากกว่าการเผชิญหน้ากับมนุษย์

ส่วนพวกสุนัข... เฮอะๆ  เอาเป็นว่า  ถ้าคุณอยากมีชีวิตรอดในฐานะซอมบี้  อยู่รวมฝูงไว้จะเป็นการดี  เพราะถึงเราจะจะต่อสู้ป้องกันตัวตามสัญชาตญาณได้(กัดไม่เลือกหน้า)  แต่เวลาเจอฝูงหมาป่า(ที่เคยเป็นหมาบ้าน)  ถ้าคุณมีสมองคุณคงไม่อยากเอาฟันไปกัดสัตว์มีขน  แถมบางตัวเป็นขี้เรื้อนใช่ไหมล่ะ  เพราะงั้นอยู่รวมกลุ่มแล้วจะสะดวกสบาย  แถมปลอดภัยในชีวิต


เอ่อ... นอกเรื่องออกไปเยอะ  กลับมาเรื่องหนังหน้าหรือมนุษย์ที่ผมสิ่งร่างต่อดีกว่า  หลังจากที่ผมอาบน้ำและแต่งตัว(อย่างยากลำบาก)  ผมยังอุตส่าห์มีแก่ใจส่องกระจกดูหนังหน้าของตัวเองในชาตินี้  ร่างของเด็กหนุ่มที่วิญญาณของผมอาศัยอยู่   น้องแก... เออ หล่อใช้ได้เลยเว้ย  ตัวสูง  ผมดำ ขายาว  แขนยาว  มีกล้ามเนื้อ(แต่ไม่มาก)  ตามตัว... นอกจากรอยกัดซอมบี้ที่คอสามสี่แผล  ก็ไม่มีตำหนิอื่นๆ ที่พอเห็นได้บนร่างกาย

ถ้าให้ผมเดาจากการดูหนังซอมบี้มาเยอะ   เด็กนี่ต้องอยู่ในกองกำลังหน่วยกล้าตายหาอาหาร  ไม่ก็ขยายอาณาเขตแบบในหนังแน่นอน  เพราะเด็กคนนี้อายุประมาณ  20  นิดๆ  ถึงตัวจะผอมและผิวขาวซีดเพราะตอนนี้เป็นซอมบี้  แต่จากโครงร่าง  ดูรู้ว่าเด็กคนนี้เคยมีกล้ามเนื้อ  เสื้อผ้าเน่าๆ ก่อนที่ผมจะถอดทิ้งก็เป็นเสื้อเนื้อหนาแบบคนเดินป่ากับรองเท้าคอมแบต  น้องแกคงเคยเป็นประชากรคนเป็นที่มีอยู่อย่างน้อยนิด  น่าเสียดายที่เด็กคนนี้ต้องมาเกิดในยุคนี้  ถ้าเกิดในยุคเดียวกับผมนะ  เด็กคนนี้ต้องได้เป็นดาราดังระดับประเทศแน่นอน  และถ้าพระเจ้าไม่กลั่นแกล้ง  ผมคงได้เกิดใหม่เป็นซุปเปอร์สตาร์ไปแล้ว!


เฮ้อ  คิดแล้วมันก็เศร้าชะมัด  เอาเป็นว่าหลังจากที่ผมอาบน้ำ(และสลดใจในการเกิดผิดที่ของตัวเอง)   ผมก็กลับมาเดินรวมกลุ่มกับพวกซอมบี้ต่อ  เรื่องกลิ่นสะอาดที่เคยคาดว่าจะเป็นปัญหา  ผมก็ไม่ต้องกังวลใจมาก  เพราะร่างกายผมยังมีกลิ่นเนื้อเน่า  คือร่างกายซอมบี้น่ะ   ถึงเราจะยังเดินได้  หายใจได้(กินอาหารได้)  แต่ความเน่าของสภาพร่างกายก็คือสิ่งที่ปิดไปมิด   เพราะงั้นถึงร่างกายผมจะสะอาด  พวกเพื่อนๆ ก็แค่มาดมๆ นิดๆ  พอได้กลิ่นเนื้อเน่าข้างในก็เดินผ่านไป  แถมพอเวลาผ่านไป  ความเน่าจากกลิ่นของเพื่อนๆ มันก็จะติดมาเองนั่นแหละ   ดังนั้นถึงตัวจะสะอาด  แต่คุณหนีก็ไม่พ้นที่จะต้องมีกลิ่นติดตามผ้า เพราะงั้นผมเข้ากลุ่มไปกับเพื่อนๆ ได้อย่างแนบเนียน 

เอออ ไหนก็พูดถึงเพื่อนๆซอมบี้แล้ว   ผมขออธิบายลักษณะทางกายภาพของเพื่อนๆ ให้ฟังบ้าง  เพื่อนซอมบี้ของผม... ถ้าคุณจิตนาการไม่ออกให้ลองนึกภาพซอมบี้อย่างในหนังเรื่อง Walking Dead  (ที่ตอนผมตายซีรี่ย์นี้ก็ยังไม่จบซักที) World War Z (แบรดพิตแก่แล้ว แต่ยังโคตรหล่อ) I am Legen (วิล สมิท แม่ง อย่างเท่)  แต่ถ้าให้มุ้งมิ้งขึ้นมาอีกนิดก็ต้องเป็นเรื่อง Warm  Bodies  ที่พระเอกแม่งหล่อ  จนน้องสาวผมแปะรูปไว้เต็มฝาบ้าน

ซอมบี้เพื่อนผมก็จะคล้ายๆ แนวนี้นั่นแหละ  คือเนื้อเน่าๆ แต่ยังมีรูปร่าง(กายหยาบ)  เดินเอื่อยๆ เฉื่อยๆ เปื่อยๆ ไปเรื่อยๆ พอเจอคนเป็นก็ค่อยมีแรงออกวิ่งไล่งับ  เจอสัตว์ป่าที่จะเข้ามาทำร้าย(หรือลากไปกิน)  ก็มีอารมณ์รุนแรงตามสัญชาตญาณเอาตัวรอด  ซึ่งตรงนี้ผมขอขอบคุณสวรรค์จริงๆ ที่ไม่ได้ทำให้สัตว์ป่ากลายเป็นซอมบี้  หรือมีซอมบี้กินซอมบี้  ไม่งั้นถ้าเกิดมีซอมบี้ล่าซอมบี้ด้วยกันเอง  ถึงจะเกิดใหม่  ผมก็จะยิงตัวเองตายอีกรอบ  เพราะถ้าโลกมันจะอยู่ยากขนาดนั้นผมขอตายดีกว่า   


ส่วนการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม  พวกเราเหล่าประชากรซอมบี้จะรวมกลุ่มทีละร้อยถึงสองร้อยคน ตามแต่จำนวนประชากรที่ตายไปหรือพวกที่เข้ามาสมทบ (ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเดี่ยวๆ จากข้างทาง พวกนั้นก็จะอาศัยสัญชาตญาณมารวมกลุ่มด้วย)  อัตราความเร็วโดยเฉลี่ยของการเดินเวลาไม่มีสิ่งเร้าจะอยู่ที่ 8-10 km/hr.  ถ้ามีสิ่งเร้าก็ให้คิดถึงพวกวิ่งสี่คูณร้อย  เรียกได้ว่าเจอเหยื่อทีก็วิ่งหน้าตั้งที(คนเป็นก็วิ่งหนีหน้าตั้งเหมือนกัน) 

ผมที่มีสมองและไม่อยากกินมนุษย์  ส่วนใหญ่เลยจะอยู่รั้งท้ายเวลาในการรวมกลุ่ม   เวลามีอันตรายค่อยเขยิบไปอยู่ตรงกลาง  ยับยั้งสัญชาตญาณตัวเองไม่ให้ออกวิ่ง   แต่อีกเหตุผลหนึ่งซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผมอยู่รั้งท้ายก็คือ  ผมก็ไม่อยากถูกซอมบี้ที่วิ่งเร็วๆ เหยียบเอาน่ะสิ  ถึงผมจะไม่เจ็บแต่ผมก็ไม่อยากถูกเหยียบจนตัวคลุกดินคลุกโคลนหรอกนะ  แถมตอนที่เคยถูกเหยียบหนแรก เนื้อของผมนี่หลุดเป็นชึ้นๆ กว่าจะมีผิวหนังกลับมาเกิดใหม่ได้ก็ต้องอาศัยเวลาตั้งนาน

ดังนั้นแล้วชีวิตซอมบี้ของผมในช่วงสอง-สามปีแรกผมเลยค่อนข้างจะชิวๆ   ค่อยๆ ปรับตัว (และทำใจ) ไปตามสภาพแวดล้อม  ถึงจะมีอี๋แหวะและเวทนาทั้งคนเป็นคนตายบ้าง  แต่นั่นก็เป็นสัจธรรมแห่งชีวิต  อีกอย่างช่วงสองปีแรก   ผมยอมรับเลยว่านอกจากเรื่องอาบน้ำและอดทนไม่กินเนื้อคน  ผมก็ไม่ค่อยใส่ใจอย่างอื่น  เพราะแค่ใช้เวลาในการปรับตัว  กับเอาชีวิตรอด  ชีวิตผมก็ลำบากแล้ว

เฮ้อ  มาถึงตอนนี้ผมยังสงสัยอยู่เลยว่าสวรรค์จะส่งผมมาเกิดเป็นศพตายซากทำไมวะ   จะมองโลกในแง่ดี...  ว่าสวรรค์ส่งผมมาเป็นผู้กอบกู้โลก   ประมาณว่าเอาเชื้อแอนตี้บอดี้หรือแอนติเจนในตัว  ไปผลิตเป็นวัคซีนเพื่อช่วยเหลือคนรอดชีวิต  แบบในเรื่อง I  am legend  ก็ไม่น่าจะใช่  เพราะตั้งแต่ที่ผมมีสติมา  ผมไม่เคยคุยกับคนเป็นเลยซักครั้ง  แค่จะเปิดปากบอกคนเป็นที่รอดชีวิตว่า "ผมเป็นคนกลับมาเกิดนะ" หรือ " ผมมีสติปัญญา ไม่ได้กินดะแบบซอมบี้นะ"  ผมยังทำไม่ได้ 

ระบบประสาทและปลายลิ้นบังคับให้ผมเอาแต่ส่งเสียงขู่คำราม  เจอใครก็อยากจะกระโดดงับ  เพราะงั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องการสื่อสารเลย  แต่อ้าปากบังคับลิ้นหรือโบกมือผมยังทำไม่ได้  แถมกลุ่มคนที่รอดชีวิตพอเจอซอมบี้  อย่าว่าแต่จะคุยเลย  แค่พวกนั้นไม่เอาปืนเป่าสมอง  หรือเอามีดฟัน  ผมก็ถือว่าบุญหัวแล้ว

ดังนั้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา  อย่าว่าแต่กอบกู้โลกเลย  แค่เอาตัวเองให้รอดยังถือว่าอยู่ยาก  ศัตรูของเรามีอยู่รอบกาย  ทั้งพวกสัตว์ป่าและพวกมนุษย์  แถมดีไม่ดีกลุ่มผมก็ดันเดินหลงป่า  กว่าจะเจอเมืองให้ผมอาบน้ำ  และหาถั่วกิน  ผมก็แทบอยากร้องไห้  ถึงผมจะวิวัฒนาการ...  พัฒนาสมองให้สามารถพกถั่วกับปลากระป๋องใส่เป้   แต่พวกถั่วก็ใช้พลังงานน้อยแถมเกลือเยอะ (ร่างกายซอมบี้ไม่ต้องการคาร์โบไฮเดรต ผมลองแทะมันฝรั่งมาแล้ว  ไม่ช่วยให้อิ่มท้อง...)

ช่วงแรกที่ผมไม่รู้ เผลอกินถั่วอบเกลือเยอะ ตอนนั้นร่างซอมบี้ของผมแห้งเหี่ยวจนเกือบตายเพราะเซลล์ขาดน้ำ  ไวรัสในร่างกายผมเลยสั่งให้ผมออกล่าหาอาหารเพื่อกรอกเลือดแทนน้ำ

ตอนนั้น... เอาเป็นว่ามันเป็นความทรงจำที่ไม่น่าพิสมัยก็แล้วกัน เพราะสัญชาตญาณบวกกับความมึนงงที่เกิดจากเซลล์ขาดน้ำ  ทำให้ผมต้องขาดสติ  ฆ่าคนเป็นหลายสิบคนเพื่อหาเลือดมาเติมน้ำให้กับร่างกาย  ร่างของผมอาบไปด้วยเลือดสดๆ กับสมองเละๆ  กว่าจะรู้ตัวมีสติอีกที  มันก็สายไปแล้ว

หลังจากนั้นมาผมเลยหันไปกินถั่วดิบที่ยังไม่ผ่านการแปรรูปกับพวกปลากระป๋องแทน  ส่วนพวกเห็ดสดที่ให้พลังงานมาก  พวกนี้หาได้น้อยและผมก็ไม่มีเวลาจะหาด้วย  จะให้ออกไปตามล่าหาเห็ดที่หายไปตามป่าคนเดียว(หรือผมควรใช้สรรพนามว่าตน?) ก็เสี่ยงต่อการถูกสัตว์ป่าลากไปแทะ   และเอาเห็ดแห้งตามห้างมาแช่น้ำ...     แบบนั้นมันออกจะล้ำเกินความเป็นซ่อมบี้ไปหน่อยไหน  แล้วผมก็ดื่มน้ำเปล่าไม่ได้(อันนี้กินแล้วอ้วก)  จะให้ขนน้ำใส่เป้เพื่อแช่เห็ดก็ยังไงอยู่   เพราะงั้นถ้าหากอาหารสำรองหมดจริงๆ  ผมจะเลือกอดอาหารและกดสัญชาตญาณไม่ให้งับหัวมนุษย์  อดทนจนกว่าจะเจอมินิมาร์ทหรือห้างเพื่ออาบน้ำและกักตุนอาหารอีกครั้ง

เกิดใหม่เป็นซอมบี้นี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ  ทำไมสวรรค์ต้องส่งผมมาเกิด  และแกล้งผมแบบนี้ด้วย!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2021 22:46:01 โดย teatimes »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
โว้ว..ววว เนื้อเรื่องน่าสนใจมาก แปลกดี รอตอนต่อไปครัช   o13

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
I  am  Zombie  0.2



หลังจากมาถึงแมนฮัตตัน ผมใช้เวลาอีกสามปีในการสร้างแหล่งพักพิงให้ตนเอง แมนฮัตตันเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่เคยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) และตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก(Nasdaq) รวมถึงแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก( Bank of New York) ก็ตั้งอยู่ที่นี่ และเพราะที่นี่เป็นแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญนี่เอง การแพร่ระบาดของเชื้อจึงเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก ประชากรบนเกาะแห่งนี้มีอัตราการติดเชื้อสูงถึง 90%

ส่วนหนึ่ง... นอกจากจำนวนประชากรที่มีอยู่อย่างหนาแน่น* การอพยพที่เป็นไปอย่างล่าช้า เส้นทางที่ใช้ออกจากเกาะที่มีอย่างจำกัดก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ผู้คนติดเชื้อ ถ้าหากคุณไม่ได้เป็นเจ้าของเครื่องบินส่วนตัว มีเฮลิคอปเตอร์เป็นของตนเอง หรือมีเรือโดยสารที่ใช้ออกจากเกาะได้ ก็อย่าหวังเลยว่าคุณจะรอดชีวิต เพราะเส้นทางเข้าออกหลักๆ ของเกาะมีแค่สิบกว่าทาง โดนทางการปิดหรือพังเสียหาย ก็หมดไปเสียเจ็ดแปดทางแล้ว ดังนั้นแมนฮัตตันในตอนนั้นจึงถือว่าเป็นนรกบนดินของจริง ผู้คนติดเชื้อซอมบี้ คนเป็นหนีออกไม่ได้ คนตายเข้าครอบครองเมือง คนเป็น... คือแหล่งอาหารของพวกซอมบี้ ก่อนที่พวกซอมบี้บางส่วนจะอพยพออกไปเพื่อไปหาแหล่งอาหารแห่งใหม่

ตอนที่ผมมาถึงเมืองแมนฮัตตันแห่งนี้ ผมแทบจะไม่เคยเห็นคนเป็นมีชีวิตอยู่ เท่าที่เห็นก็มีแค่เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศสามสี่ลำ บินผ่านไปผ่านมาแบบนานๆ ครั้ง นอกจากนั้นถ้าไม่ใช่ซอมบี้รุ่นใหม่ ก็เป็นซอมบี้ยุคบุกเบิก ผมสามารถเห็นวัฒนธรรมการแต่งกายอันหลากหลายได้จากที่นี่ ตอนที่ผมเดินผ่านมหาลัยแคนซัส* พวกซอมบี้วัยรุ่นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีเจ็บแสบยิ่งกว่าสมัยซะอีก ความล้ำสมัยไม่ต้องพูดถึง แทบหาเสื้อผ้าปกติธรรมดาไม่ได้ ดีนะระหว่างที่ผมเดินทางเสื้อผ้าที่หาได้ ไม่ได้แหวกแนวขนาดนั้น ไม่งั้นสาบานเลยว่าผมยอมแก้ผ้าเดินดีกว่า

และในตอนที่ผมเดินผ่านเซนทรัล ปาร์คมาถึงเขตอัพเปอร์อีสต์ไซด์ ผมกับพวกเพื่อนๆ ได้บังเอิญผ่านไปเจอบ้านหลังหนึ่ง บ้านพักนั่น... แค่ดูก็รู้ว่าเคยเป็นที่พักของพวกเศรษฐีไม่ก็พวกดาราฮอลลีวูด ตัวบ้านกว้างใหญ่โอ่โถง มีสนามเทนนิส สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกายส่วนตัวและฟิตเนส มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์สองลาน มีพื้นที่เปิดโลง มีสนามหญ้าขนาดใหญ่ไว้สำหรับพาหมาออกมาเดินเล่น ตัวกำแพงก็มีการก่อเอาไว้ซะสูงเพื่อป้องกันนักข่าวกับพวกปาปารัสซี่ และที่สำคัญที่สุดคือ มีโรงรถ...

ภายในโรงรถมีรถมาเซราติจอดให้ฝุ่นจับอยู่สามคัน เมอร์ซิเดส-มายบัค (Mercedes-Maybach ) หนึ่งคัน แอสตันมาตินและเฟอร์รารีสีแดงเพลิงจอดเด่นเป็นสง่าอยู่ในโรงรถ

ผมตัดสินใจลงหลักปักฐานสร้างอยู่ที่บ้านหลังทันที ต่อให้ผมขับรถไม่เป็น(ไม่มีปัญญาขับ) ผมก็ไม่ทางปล่อยสุดยอดนวัตกรรมความเร็วแห่งโลกอนาคตให้กลายเป็นเศษเหล็กไปได้ ผมเริ่มปฏิเสธสัญชาตญาณการรวมกลุ่มเพราะความโลภ... เอ่อ รักรถ ไล่เพื่อนๆ ซอมบี้ที่สำรวจบ้านเสร็จแล้ว ด้วยการค่อยๆ ลากเพื่อนพูดยาก(แหงล่ะ) ให้ออกจากรั้วบ้าน ทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดเช็ดถูโรงรถ (อะแฮ่ม) เลือกห้องๆ หนึ่งมาทำเป็นห้องพักและห้องอาบน้ำส่วนตัว

อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าในอีกร้อยปีข้างหน้า บ้านเรือนส่วนใหญ่เริ่มหันมาใช้พลังงานสะอาดอย่างพลังงานจากแสงอาทิตย์ ดังนั้นเรื่องไฟฟ้าจึงไม่ใช่เรื่องที่ซอมบี้อย่างผมจะต้องมาเป็นกังวลมากนัก สิ่งที่ทำให้ผมเป็นกังวล ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับน้ำ เพราะถึงบ้านหลังนี้จะมีการปั่นน้ำสำรองมาเข้าถังพักน้ำไว้ แต่พอระบบปะปาหยุดซะงัก น้ำที่ปั่นได้จึงไม่สะอาดเท่าที่ควร นอกจากโคลนเลน บางทีมีกลิ่นเนื้อ(อี๋)

ผมเลยตัดสินใจตัดระบบปะปาของบ้านออกจากแหล่งน้ำภายนอก ใช้วิธีโบราณอย่างกักเก็บน้ำฝน เอาน้ำฝนลงบ่อแล้วเอามาใช้อาบน้ำ ส่วนวิธีการ... เอาเป็นว่าถ้าคุณเป็นซอมบี้ ต่อให้คุณโดดไฟดูด คุณก็ไม่มีทางตาย ดังนั้นการลองผิดลองถูก ตัดสายไฟแล้วต่อใหม่ ถูกไฟช็อตไปซักสามสี่... เอ่อ มากกว่าสิบครั้ง ในที่สุดคุณก็จะพอจับจุดได้เอง แล้วพอจับจุดได้ที่นี้ก็ง่าย คุณจะมีทั้งระบบไฟฟ้าและระบบประปาหมุนเวียนอยู่ภายในบ้าน

ผมเริ่มเปลี่ยนวิถีชีวิตจากซอมบี้ธรรมดามาเป็นซอมบี้ไฮโซนับตั้งแต่ตอนนั้น เวลาที่นอกเหนือไปจากการทำความสะอาดและปัดกวาดโรงรถ (อะแฮ่ม) ผมก็ออกไปหาอาหารควบคู่กับการออกกำลังกาย ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นซอมบี้ปื่อยเน่ารอวันเปื่อยยุ่ยแบบเพื่อนๆ อีกต่อไป ร่างกายผมฟิตแอนด์เฟิร์ม ถึงจะไม่ได้ขนาดมีกล้ามเนื้อ แต่การออกกำลังกายเป็นประจำก็ทำให้กล้ามเนื้อที่เคยฟ่อลีบ กลับมาฟื้นตัวและแข็งแรงขึ้นมาอีกครั้ง

ผมไม่ได้แน่ใจว่าเป็นเพราะการออกกำลังกายอย่างเดียวหรือเป็นเพราะการกินมังสวิรัติร่วมด้วย(ไม่กินเนื้อเน่า) ถ้าเป็นแต่ก่อน... ตอนที่ร่างกายผมยังไม่ได้แข็งแรงแบบนี้ เวลามีแผล ผมก็จะปล่อยแผลให้มันเป็นเน่าแผลเหวอะหวะอยู่อย่างนั้น แต่มาตอนนี้... ผมแทบจะมองไม่เห็นรอยแผลที่เป็นเคยอนุสรน์แห่งความทรงจำเหล่านั้นเลย

ผมเคยทดสอบทฤษฎีสมานแผลอยู่หนหนึ่งด้วย คือผมไม่เจ็บไม่คันถูกไหม ดังนั้นตอนที่ผมกับลิงในสวนสัตว์เปิดศึกแย่งชิงถั่วกระป๋องกัน ผมชนะสอง... ที่เหลือแพ้รวด ลิงพวกนั้นมากันเป็นฝูง แล้วอยู่ๆ ก็มาแย่งของกินจากผมไป มันคงจำได้ว่าเมื่อยี่สิบก่อน มนุษย์เคยเป็นผู้ให้ แต่มาตอนนี้คนเป็นต่างหายไปหมดแล้ว ดังนั้นมันจึงเข้าใจผิด คิดว่าซอมบี้เป็นสิ่งมีที่ชีวิตที่ใจดี...

แต่มันใช่ที่ไหนกันเล่า!

ถั่วนั่นเป็นถั่วอบกรอบชนิดไม่เกลือ ไม่เนยนะ หายากจะตาย แถมแกะลำบากด้วย ดังนั้นเพื่อแย่งชิงอาหารคืน ผมเลยต้องลดตัวไปกัดกับลิง

แล้วก็แหละ ผมแพ้... ชนะแค่สองครั้ง เหลือแต่กระป๋องเปล่าๆ ไว้ดูต่างหน้ากับกระป๋องที่ยังไม่แกะอยู่อีกสามสี่กระป๋อง ตอนนั้นผมได้แผลแหวอะหวะและแผลถูกข่วนเยอะมาก ในตอนที่แผลเริ่มสมานตัว ผมเห็นเส้นใยขาวๆ ที่ร่างกายผลิตออกเองมาเพื่อรักษารอยแผลพวกนั้น เส้นใยขาวๆ นั่น มันค่อยๆ คลอบคลุมแผลและเชื่อมต่อเซลล์เนื้อเยื่อ พอแผลหายสนิทมันก็หยุดทำงาน เหลือแต่รอยแผลเป็นจางๆ ที่สีเข้ากับสีเนื้อ

แต่ถึงอย่างนั้น... เวลาออกไปหาอาหารผมก็ยังคงรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ อยู่ดี ไม่ใช่เพราะเข็ดกับลิงหรือค่าง แต่เป็นเพราะแมนฮัตตันแห่งนี้ ที่นี่มีสัตว์ป่ามากมายหลายสามพันธุ์ยิ่งกว่าตอนที่ผมเคยอยู่ลอนดอนซะอีก สวนสัตว์ในสมัยก่อน.. มาตอนนี้กลายเป็นสวนสัตว์เปิดไปแล้ว ทั้งสิงโต เสือชีต้า ม้าลาย หรือยีราฟ แม้กระทั่งฮิปโปแม่ลูกอ่อน หรือแรด ก็สามารถพบได้อย่างง่ายดายในแมนฮัตตันแห่งนี้

ดังนั้นเวลาออกหาอาหาร ผมจึงพยายามรวมกลุ่มและจัดหาเสบียงทีเดียวให้ได้มากพอ เสียดายที่ผมขับรถไม่ได้ ถ้าไม่นับเรื่องเส้นเอ็นกระตุกหรือเส้นยึด แต่นวัตกรรมแห่งโลกอนาคตเหล่านั้น... รถผู้ดีนั่นก็มีระบบรักษาความปลอดภัยเกินกว่าที่อดีตสัตวแพพย์อย่างผมจะต่อเชื่อมระบบได้ แค่มีกุญแจยังไม่พอ ต้องมีระบบสแกนนิ้วลายมือ การออกคำสั่งด้วยเสียง... แล้วผมออกเสียงได้ที่ไหนกันเล่า มีแต่เสียง กรรรร กับ แฮ่

ทำไมก่อนตาย ผมถึงไม่เลือกเรียนวิศวะนะ ถ้ารู้ว่าตายไปแล้วต้องมาเกิดใหม่เป็นซอมบี้ ผมขอเลือกเรียนวิศวะหลักสูตรนวัตกรรมดีกว่า กลับชาติมาเกิดจะได้ซ่อมท่อปะปากับสายไฟที่ถูกหนูกัดได้ (เกี่ยวไหม?)

นั่นแหละ เพราะผมขับรถไม่ได้ และร่างซอมบี้ก็ไม่แข็งแรงพอที่จะขนอาหารจำนวนมากในคราวเดียว ดังนั้นผมเลยต้องอาศัยรถเข็นในห้างสรรพสินค้า อาศัยความพยายาม... กับขอร้องให้เพื่อนผมช่วยลาก(หลอกให้ลาก) แต่หลังๆ มาพวกเพื่อนๆ ของผมนี่เดินช้าเหลือเกิน อาจเป็นเพราะเกาะแห่งนี้ไม่ค่อยเหลือมนุษย์ พวกคนเป็นถูกจับกินไปหมดแล้ว เพื่อนๆ ของผมจึงไร้แหล่งพลังงาน เดินเอื่อยเฉื่อยเชื่องช้า หาเช้ากินค่ำไปแบบมื้อต่อมื้อ

ผมเองก็เคยลองเสนอให้เพื่อนกินเห็ดกระป๋องกับถั่วเป็นแหล่งพลังงานเหมือนกันนะ แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ถ้าจะให้บรรยายในรูปแบบของการ์ตูน อารมณ์ของเพื่อนผมก็คงประมาณว่า " มึงเอาอะไรมาให้กูแ-กวะ" จากนั้นผมก็เป็นฝ่ายแ-กจุดแทนเพราะถูกเพื่อนซอมบี้เมิน เดินหนีไปดื้อๆ

เฮ้อ~ ชีวิตซอมบี้ผมก็มีแต่เรื่องแบบนี้แหละ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ลองผิดลองถูกไปเรื่อย หลังจากลองเสนอถั่วกับเห็ดกระป๋องแล้วถูกเพื่อนเมิน ต่อมาผมก็ลองเสนออาหารแช่แข็งต่อ ปลากระป๋องหรือปลาแช่แข็งถือเป็นอาหารพิเศษไฮโซของซอมบี้มังสวิรัติ(ซึ่งมีผมเป็นสมาชิกแค่คนเดียว) ดังนั้นในเมื่อเพื่อนๆ ผมยังกินเนื้อได้ ผมเลยเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นเนื้อแช่แข็งแทน แต่ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมูแช่แข็ง หรือเนื้อเนื้อ(?) เพื่อนร่วมโลกของผมก็ดูไม่ค่อยอยากกินเท่าไหร่ มีแต่เจค(ผมตั้งชื่อเอง) ที่ยอมกินสามสี่คำก่อนโยนทิ้ง เจคนี่ก่อนตายคงมีอาชีพเป็นนายแบบมั้ง ผมพบเขาตอนอยู่ที่แมนฮัตตันนี่แหละ เจคนิสัยดี หล่อ... ตามแบบของมาตราฐานของซอมบี้ เขาตัวใหญ่และก็มักเป็นผู้นำของฝูง เวลาเจอสัตว์ป่าเขาก็เป็นคนแรกที่เข้าต่อสู้ แต่เวลาเจอฮิปโปหรือแรด เ ขาจะเบี่ยงออกข้างทาง ไม่ปะทะกับฝูงสัตว์ใหญ่พวกนี้โดยตรง

แต่คุณก็ไม่ต้องใส่ใจกับเจคมากหรอก เขาไม่ใช่พระเอกของเรื่องนี้ และหลังจากนั้นอีกไม่นาน เขาก็ทิ้งผมไว้ที่แมนฮัตตัน เพราะพออาหารหมดพวกเขาก็ต้องอพยพ เจคเคยทัดทานและชวน(เดินตาม) ผมอยู่สามสี่วัน แต่พอเห็นผมกินมังสวิรัติ คราวนี้เจคไม่แดกจุดแล้ว แต่จะขย้ำผมเลยต่างหาก เจคดูไม่พอใจที่เห็นผมกินเห็ดกับปลาเอามากๆ เขาคำรามเสียงดังจนผมตื่นกลัว พวกเราเหล่าซอมบี้ออกล่ากันฝูงและอยู่กันอย่างเป็นฝูง ถ้าหัวหน้าบอกว่า "ไม่"

ตอนนั้นผมกลัวจริงๆ ว่าถ้าผมยังขัดขืนกินเนื้อปลาต่อ ผมคงเป็นซอมบี้ในประวัติศาสตร์ตนแรกที่ถูกเพื่อนซอมบี้กระโดดงับหัวเข้าให้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของตนเอง ผมจึงยอมวางเนื้อปลาแช่แข็งลง เดินตามเจคและอดอาหารอยู่สามสี่มื้อ พอเจคเผลอ ผมก็หนีกลับมาที่โรงรถ เอ่อ ที่บ้าน และหลังจากนั้นมา ผมก็ไม่กล้าเสนอให้เพื่อนๆ กินมังสวิรัติอีกเลย

แต่พอกลุ่มของเจคออกไปไม่นาน ซอมบี้กลุ่มอื่นก็เริ่มย้ายถิ่นฐานตามไปด้วย จากสัญชาตญาณของซอมบี้ที่มีอยู่ในตัว ผมรู้ว่าพวกเขาจะขึ้นเหนือ... หมายถึงเหนือกว่านี้ ไปในที่ๆ อากาศเย็นอาจเป็นอิลลินอยส์หรือไอโอวา เพราะในที่ๆ อากาศเย็นคนเป็นอาจจะรอดชีวิต

มาถึงตรงนี้ผมจะขออธิบายลักษณะทางกายภาพหรือนิสัยที่นอกเหนือจากเรื่องกินของซอมบี้หน่อย คือพวกเราเป็นคนตายถูกไหม ดังนั้นนอกจากสัญชาตญาณ ในการแพร่เชื้อ ป้องกันตัว หรือออกล่า อีกปัจจัยหนึ่งที่จำกัดความเร็วในการเดินของพวกเราเวลาไม่มีสิ่งเร้าก็คือ "อุณหภูมิ"

ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ เวลาที่อากาศเย็น ถ้าไม่นับช่วงฝนตก พวกเราก็จะเดินกันอย่างอืดฉึ่ง เชื่องช้า ชมนกชมไม้ แวะดูวิวสวยๆ ตามข้างทางไปเรื่อยๆ (ตามหลักทฤษฎีพลังงานจลย์และกฏเทอร์โมไดนามิกส์) แต่ในเวลาที่อากาศร้อนจัด อุนหภูมิเกิน 30 องศา ความร้อนในอากาศจะกระตุ้นโมเมกุลในร่างกายทำให้พวกเราอยากออกวิ่ง ยิ่งพอเวลาเห็นอาหาร พวกเราจะทำสถิติการวิ่งได้เร็วพอๆ กับยูเซน โบลต์*

ดังนั้นในเขตที่มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อย่างประเทศแคนนาดาหรือกรีนแลนด์ ที่นั่นถือว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อน้อยมาก เพราะถึงพวกเราจะทนร้อนทนหนาว ไม่ป่วยไม่ตาย แค่ลักษณะทางกายภาพของพวกเรา แปดสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ในร่างกายของเราก็ยังประกอบไปด้วยน้ำ(ผสมเชื้อไวรัส) พอเจออากาศหนาวหรือซวยหน่อยเจอหิมะ ไข่ซอมบี้จะแข็ง.. เอ๊ย ผมหมายถึงนอกจากเชื้อซอมบี้จะอยู่ในภาวะพักตัว ร่างกายของพวกเราที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ ก็แทบจะเป็นน้ำแข็งไปเลย เดินได้แบบโคตรช้า ไม่มีความกระตือรือร้น เจอเหยื่อยังไม่ค่อยอยากจะวิ่งงับ และนอกจากเส้นเอ็นจะกระตุกในบางโอกาศแล้ว บางทีก็ยังต้องเดินแบบติดๆ ขัดๆ เพราะน้ำแข็งเกาะตามร่างกาย หากซวยกว่านั้นก็อาจเกิดสภาวะน้ำแข็งกัดหรือฟรอสไบท์ (Frostbite) พวกเราอาจจะไม่เจ็บไม่ปวดก็จริง แต่เนื้อเยื่อที่ถูกน้ำกัดแล้วหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ นี่เรียกได้ว่าอนาถสุดๆ อนาถพอๆ กับซอมบี้ในเขตร้อนชื้น (แค่อนาถกันคนละแบบ)

แถมพอน้ำแข็งละลาย ซอมบี้บางตัวก็จะกลายเป็นซอมบี้แช่แข็งแบบครึ่งๆ กลางๆ เกิดภาวะน้ำแข็งกัด เนื้อหลุดยังไม่พอ แต่หากยังซ่าอยากเดินต่อไปกับเพื่อนๆ ผมเคยเห็นซอมบี้ตัวหนึ่ง ขาท่อนล่างติดกับพื้นที่เป็นน้ำแข็ง แต่ท่อนบนที่อยากไปกับเพื่อนๆ ซอมบี้ตัวนั้นก็ดิ้นรนจนตัวขาด เอามือไต่กระดึ๊บๆ เพื่อรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ แล้วมือกับร่างกายที่ไม่มีเสื้อปกปิด ต่างถูกน้ำแข็งกัดเป็นทางยาว เวลาไต่เดินแต่ละทีนึกว่าศพถูกลากเลื่อน เปื่อยแดงแต่ไม่แห้ง เห็นแต่ชิ้นเนื้อกับมีคราบเลือด ลากยาวไปตามทางนั่นแหละใช่เลย

โอย พูดแล้วก็ขนหัวลุก ผมเคยเห็นสภาพเพื่อนเป็นแบบนั้นจริงๆ ตอนเดินทางผ่านยุโรป เทือกเขาอันไต(?) รัสเซีย ซีเรีย... ไม่ใช่! เนปาล ประเทศทางแถบเหนือพวกนี้ ส่วนใหญ่จะมีอาหารหรือคนเป็นเหลืออยู่เยอะ แต่ที่นั่นพวกเราก็ต้องเลือกเอาว่าระหว่างอาหารกับอัตราการรอดชีวิต พวกเราจะเลือกอย่างไหนเป็นอันดับแรก

เพราะอย่างที่บอกในเขตหนาว พวกเราจะค่อนข้างช้า ถึงจะมีอาการอุมดมสมบูณ์ แต่สามในสิบของพวกเราจะถูกคนเป็นเด็ดหัวเอาที่นั่น ยิ่งในเขตที่มีหิมะนะ อัตราการรอดชีวิตของพวกเราแทบจะเป็นศูนย์ อย่าว่าแต่แพร่เชื้อเลย แค่เดินให้ชนะคนเป็นที่ใส่เสื้อคลุมจนตัวอบอุ่นยังทำได้ยาก ดังนั้นอัตราการรอดชีวิตในเขตหนาวของพวกเรา ถ้าเจอคนเป็น ก็เท่ากับศูนย์

ดังนั้นพวกเรา(ผม) จึงเลือกเดินทางและอพยพมาอยู่ที่อเมริกา ดินแดนสี่ฤดู สปริง ซัมเมอร์ ออทั่ม และวินเทอร์ ช่วงสองฤดูแรกพวกเราซอมบี้จะค่อนข้างร่าเริง อากาศไม่เย็นไม่ร้อน (ไม่ชื้น) มีคนเป็นก็ออกล่า ไม่มีคนเป็น พวกเราก็อดอาหารรอได้ ไม่ก็อพยพ หาของกินแหล่งใหม่ไปเรื่อยๆ

แต่ในช่วงออทั่มตอนปลาย หรือช่วงวินเทอร์ พวกเราเหล่าซอมบี้ ถ้าไม่กลายเป็นซอมบี้เก็บตัว ก็จะย้ายไปอยู่แถบฟลอริดาหรือแอลเอที่อากาศอบอุ่นมากกว่า

การอยู่แต่ในตึกตลอดช่วงฤดูหนาว ค่อนข้างที่จะปลอดภัยสำหรับซอมบี้ที่ขี้เกียจอพยพ เพราะพวกเราจะได้รับความอบอุ่นจากแผงพลังงานแสงอาทิตย์ หรือถ้าตึกไหนไม่มี ระบบไฟฟ้าผุพัง พวกเราก็จะเปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนจากซอมบี้เก็บตัวมาเป็นซอมบี้เพนกวิ้นชั่วคราว เอาตัวเบียดกันแลกเปลี่ยนความร้อน สลับตำแหน่งวงนอกวงในถ่ายเทพลังงาน เบียดเสียดแลกความร้อน เบียดกันไปเบียดกันมากันจนเกือบได้เสียเป็นผัวเมีย...

แต่ก็ด้วยสภาพหรือภาวะการณ์ที่คนตายมีนิสัยเแบบนี้ คนเป็นบางส่วนจึงยังรอดชีวิต พวกเขาจะย้ายขึ้นไปอาศัยอยู่ในเขตหนาว ช่วงสปริงกับซัมเมอร์ พวกเขาจะเลี้ยงสัตว์ปลูกผักไปตามเรื่อง ไม่ก็ก่อตั้งกำแพงสูงที่เพื่อป้องกันการจู่โจม มีออกมาหาอาหารนอกอาณาเขตบ้าง แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่นัก

ช่วงหน้าหนาว ถึงจะเป็นช่วงที่พวกเขาออกมาหาปัจจัยสี่ในเมืองกันอย่างกันคึกคัก เพราะสหรัฐอเมริกาแทบไม่มีพื้นที่ไหนเลยที่หิมะไม่ตก ปัจจัยสี่ที่ไม่สามารถหาได้ในเมืองที่เพิ่งเกิด พวกเขาก็จะออกมาหาในช่วงนี้ เขตที่พักอาศัย ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล หรือแหล่งผลิตยา จะเป็นเขตพื้นที่หลักๆ ที่พวกเขาจะออกมาตรวจตราหาปัจจัยสี่เป็นลำดับแรกๆ ถึงจะเสี่ยงเจอกับฝูงซอมบี้ แต่พวกเขาก็จะไม่เจอซอมบี้สี่คูณร้อย ไม่เจอฝูงซอมบี้เดินเร่ร่อน หรือหากโชคดีเจอซอมบี้แช่แข็งที่หนีเข้าตึกไม่ทัน พวกเขาก็ฟันหัวดะตามด้วยจุดไฟเผาซ้ำ เพื่อระบายความเครียด

ดังนั้นช่วงหน้าหนาวพวกคนเป็นจึงขยายอำนาจและอาณาเขตเป็นพิเศษ พวกเขาจะกวาดล้างซอมบี้ตามตึกที่ละตึก ทำเครื่องหมายทิ้งไว้ว่าตึกไหนตรวจค้นไปแล้ว พอกลับมาขนของช่วงฤดูหนาวคราวหน้า พวกเขาก็จะไม่กลับมาขนของที่ตึกเดิมให้เสียเวลา

ยี่สิบปีที่ผ่านไป.... ธรรมชาติสอนให้คนเป็นอยู่รอดได้ฉันท์ใด สัญชาตญาณก็สอนให้เราปรับตัวได้ฉันท์นั้น ช่วงซัมเมอร์กับสปริง จึงเป็นช่วงเวลาที่เราอดทนรอคอย ออกหาอาหารตามเขตชายแดนระหว่างพื้นที่ที่มีสภาพอากาศเย็นกับอากาศร้อน ถ้าโชคดีเราอาจได้แพร่เชื้อ ได้คนเป็นมาเป็นอาหาร ช่วงหน้าหนาวหรือช่วงเก็บตัว พวกเราจะรวมกลุ่มกันอยู่ภายในตึกที่อบอุ่น อาศัยสัญชาตญาณ ดูว่าตึกไหนน่าจะมีคนเป็นออกมาหาปัจจัยสี่บ้าง จากนั้นพวกเราก็จะรรวมกลุ่ม เข้าตะลุมบอนกับคนเป็นที่หลงเข้ามา ตายเป็นตาย ไม่ตายก็เป็นซอมบี้ (ตายแล้วตายอีกประมาณนั้น)

ซึ่งนั่นก็... เป็นลักษณะนิสัยของเพื่อนๆ ผมน่ะนะ ผมน่ะอยู่อย่างสบายๆ หาอาหารมาตุนจากในห้างมาตั้งแต่ตอนซัมเมอร์ พอหน้าหนาวก็ขดตัวอยู่ในห้องนอนที่อบอุ่น ถึงจะไม่หลับไม่นอน แต่ก็ดีกว่าออกไปต่อสู้กับคนเป็นเยอะ ผมยังอุตส่าห์เอาสัญลักษณ์การถูกบุกค้นมาพ่นใส่กำแพงบ้านด้วย ตอนที่พ่นไป... ผมนี่แทบอยากจะร้องไห้ ผมเป็นคนรักสะอาดนะ ชอบความเป็นระเบียบ แต่พอต้องมาเห็นกำแพงบ้านเป็นด่างๆ ดวงๆ ผมก็ช้ำใจจนอยากจะร้องไห้

แต่ก็ช่างเถอะ เพื่อความปลอดภัยในชีวิต ผมยอมให้บ้านสกปรกเล็กน้อยดีกว่ามีคนเป็นบุกเข้ามาตรวจค้น อาณาเขตที่พักส่วนใหญ่แถวนี้ ผมทำสัญลักญณ์ไว้เกือบหมด บ้านผมเป็นจุดศูนย์กลาง... เป็นฐาน เป็นอาณาเขตของผม ซอมบี้ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้.....

ตูม!!!!

ชิบหาย...

ฮอร์ตก.....

ผมตกใจตาเกือบถลนตอนได้ยินเสียงระเบิดดังอยู่นอกอาณาเขตบ้าน ขอบคุณสวรรค์จริงๆ ที่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ฮอร์ของกองทัพอากาศตกลงในสระน้ำ สระว่ายน้ำของที่บ้าน ผมเปลี่ยนมาทำเป็นสระเลี้ยงปลาเทราซ์ไปแล้ว (โปรดอย่าถามว่าผมไปจับปลามาจากไหน คุณคงไม่อยากรู้) ถึงผมจะยังไม่มีปัญญาจับปลาที่กำลังขยายพันธุ์อย่างเริงร่าในสระมากิน (ลงไปแล้วตอด ปลาเทราต์เป็นปลากินเนื้อ เผื่อคุณไม่รู้) แต่ผมก็หวงของผมนะ

ดังนั้นตอนที่ฮอร์ตก ผมรู้โดยสัญชาตญาณ.... จากประสบการณ์ที่เคยอ่านนิยายย้อนมิติมานานปี สวรรค์ต้องส่งภารกิจมาให้ผมแล้วแน่ๆ มาเป็นระเบิดลูกใหญ่ เสียงดังขนาดนี้ ตอนนี้ผมมีบ้านหลังใหญ่พร้อม มีที่ดินปลูกผัก(ยังไม่ได้ปลูก) มีบ่อเลี้ยงปลาเทราซ์ มีแหล่งน้ำสะอาด และเสื้อผ้า แค่คนเป็นไม่กี่คน ผมสามารถเลี้ยงดูให้กินอิ่มได้

ถ้าให้ดีขอเป็นนางเอกสาวๆ แบบดาราฮอลลิวูด พอผมช่วยชีวิตเธอได้ เราสองคนก็ตบมือกันลั้นลา จูงมือเตรียมตัวออกไปกอบกู้โลก ผมเดาว่าตัวเองค่อนข้างพัฒนาไปไกลจากซอมบี้เพื่อนร่วมโลก อดทนต่อความอยากอาหาร ไม่ออกตามล่าคนเป็นที่ยังมีชีวิต

ดังนั้นนางเอกของเรื่องนี้... ในชีวิตจริงของผมในตอนนี้ พอเธอเห็นหน้าผม เธอต้องเอะใจในความแตกต่างของผมแน่นอน และผมในร่างนี้ก็ค่อนข้างหล่อ... (หลงตัวเอง) ถ้าเธอได้เห็นเธอต้องตกหลุมรักผมแน่ๆ อาจจะมีอุปสรรค์เพื่อพิสูจน์ความรักเล็กน้อยแต่ไม่เป็นไร ผมพร้อมยอมสู้ ผมกับเธอจะร่วมกันฝ่าฟัน สร้างสรรค์โลก ไม่ก็ผลิตยาฆ่าเชื้อหรือเอาตัวเองเป็นหนูทดลอง เปลี่ยนซอมบี้ให้กลับมาเป็นมนุยษ์หรืออะไรทำนองนั้น

เพราะงั้น... ผมขอตัวไปเจ้าสาวก่อนดีกว่า ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่มีความต้องทางเพศ แต่ต่อไปใครจะรู้ อยู่เป็นโสดมา 25 ปีก่อนตาย มาเกิดใหม่ใช้เวลาอีก 6 ปีปรับวิถีชิวิต คราวนี้ผมต้องหาเจ้าสาวก่อนตายอีกรอบให้ได้

ดังนั้นคนสวยจ๋า รอพี่อีกนิด พี่จะไปช่วยเดี๋ยวนี้ แล้วเราสอง จะช่วยกันกอบกู้โลก!




ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ซอมบี้ขี้เหงา(รึป่าว) จะเจอเนื้อคู่แล้ว แต่จะเป็นนางเอกเหมือนที่คิดหรือไม่..ถามใจไรต์ดู 555  :hao3:

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
I  am  Zombie  0.3
(จบภาคนายเอก)
[/b]



ระหว่างวิ่งหน้าตั้งสี่คูณร้อย ผมได้ยินเสียงปืน M4 สลับกับปืนลูกซองและเสียงปืนพกอย่าง Beretta ดังสลับกันไปมาอยู่หลายนัด  จากเสียงและกลิ่นที่ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ   คาดว่าผู้ประสบภัยคราวนี้คงมีอย่างน้อยสามชีวิต  และคงมีทั้งแบบคนเป็นและแบบคนตายที่ถูกย่างเกรียมแล้ว   ตอนนี้เป็นช่วงออทั่มตอนกลาง(?)  อากาศที่แมนฮัตตันยังไม่เย็นมาก  จุดที่ฮอร์ตกก็อยู่ห่างจากบ้านผมแค่ 2 กิโล   ที่นั่นเคยเป็นสวนสาธารณะ  แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนมาเป็นป่าขนาดย่อมๆ   ยังดีที่สวนนี้มีแต่พวกสัตว์เล็กกับนกเป็ดน้ำ  ถ้ามีสัตว์ใหญ่อย่างสิงโตหรือฮิปโป ต่อให้คนเป็นสวยขนาดไหนผมก็คงต้องขอบาย



ผมวิ่งหน้าตั้งเข้าป่าแบบเดียวกับพวกเพื่อนๆ   อาศัยความแข็งแรงของของร่างกายทิ้งห่างเป็นระยะช่วงตัว   เสียงระเบิดสมองดังโพล๊ะๆ  ดังมาจากที่ไกลๆ  บ่งบอกว่าคงมีซอมบี้หลงป่ากลายเป็นอาหารลูกปืนไปหลายศพแล้ว  เดี๋ยวนี้ของกินหายาก ยิ่งในแมนฮัสตันที่ไม่ค่อยมีคนเป็นโผล่เข้ามา   ถึงอากาศจะเริ่มเย็น   แต่พวกเพื่อนๆ  ผมก็ยังทำสถิติความเร็วแบบเดียวกับซอมบี้ในหนังของแบรด   พิตท์  ผมใช้ความความเร็วของตนเองบวกกับความขี้โกง  ดึงหลังคอเสื้อเพื่อนที่วิ่งนำอยู่ด้านหน้า   ดึงพวกเขาออกจากทางจนพวกเขาหกล้ม  ดีนะที่ซอมบี้ไม่ใช่พวกเจ้าคิดเจ้าแค้น   พอล้มพวกเขาก็ลุกขึ้น กลับมามาวิ่งใหม่   ก่อนถูกเพื่อนๆ ที่เพิ่งวิ่งสมทบเหยียบซ้ำอีกรอบ

อโหสิกรรมเถิดเพื่อน   เพื่อการสละโสดของข้าพเจ้า  โปรดอย่าจองเวรต่อกันเลยนะ

ผมใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็วิ่งมาถึงทางเข้าสวนสาธารณะ   จุดที่ฮอร์ตกอยู่บริเวณใกล้กับสระน้ำพอดี  พวกนกเป็ดน้ำกับสัตว์ป่าคงหนีไปหมดแล้ว  เหลือแต่ซอมบี้หลายสิบตัวที่กำลังห้อมล้อมคนเป็น

คนเป็นที่รอดจากเหตุเครื่องบินตกมีอยู่สามคน ทุกคนยังพอถือปืนได้   พวกเขาอยู่ห่างจากจุดที่เฮลิคอปเตอร์ตกแค่หนึ่งถึงสองร้อยเมตร  คงกะเอาเฮลิคอปเตอร์เป็นที่กำบัง ไม่ให้ซอมบี้แอบเข้ามาในระยะประชิด   ตัวเฮลิคอปเตอร์ถึงถูกไฟไหม้บางส่วนแต่ก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะระเบิดเอาง่ายๆ

แหม่  หนังระเบิดถ้ำถล่มภูเขาของฮอลลีวูดก็ช่วยประเทืองปัญญาซอมบี้อย่างผมได้เหมือนกันนะเนี่ย

ผมวิ่งหน้าตั้งเข้าไปหากลุ่มคนเป็นอย่างเริงร่า

แต่...

ปัง!

แต่ยังไม่ทันได้วิ่งนำกลุ่มเพื่อนๆ ไปทักทายกับเหล่าคนเป็น   เสียงปืนลูกซองวิถึทำลายล้างกว้างก็ดังขึ้นพร้อมกับเม็ดลูกปรายที่ฝังอยู่ในผิวหนังผมกับเพื่อนหลายเม็ด   ผมหยุดวิ่งทำตาโต...

กูจะมาช่วยมึงนะโว๊ย  ไอ้มนุษย์!

อ๊ากๆๆๆๆๆ

ผมวิ่งหนีออกจากฝูงเพื่อนๆ  และวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ (กันซอมบี้เหยียบ)   ผมละโคตรเกลียดเลยที่เวลาร่างกายเป็นแผลแบบนี้   ตอนนี้ผมเป็นซอมบี้รักสะอาดนะ   ถึงผมจะไม่เจ็บไม่ตาย   แต่คราบน้ำเหลืองที่ไหลออกมาจากแผล   กับเสื้อผ้าที่เขาดเป็นรู...

อ๊ากๆๆๆๆ   ผมถลึงตา   คำรามใส่มนุษย์   คนเป็นสามคนที่รอดชีวิตหันหลังชนกัน   ทั้งสามคนอยู่ในท่ามาตรฐาน  เตรียมต่อสู้ในระยะประชิด  ทุกคนใส่ชุดทหารคู่กับรองเท้าบูท   หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว  ผมสีทอง   หน้าตาสมปรกมอมแมม   มีแผลเปิดอยู่เล็กน้อย   ผมเหลือบตามองนิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มโดยอัตโนมัติ

"................"

แต่งงานแล้ว....

_๊าคคคคคคมาก!!!!

ผมยืนห่อเหี่ยว   มองดูเพื่อนๆ  กรุ้มรุมคนเป็นที่หลงเข้ามา  หกปีที่ผ่านจะบอกว่าต่อมมนุษยธรรมของผมตายด้านไปหมดแล้วก็ว่าได้  คนเป็นฆ่าคนตาย  คนตายกินคนเป็นเพื่อแพร่เชื้อ   ผมเห็นเรื่องพวกนี้จนเห็นสัจธรรมแห่งชีวิต   ผมไม่สามารถช่วยเหลือคนเป็นทุกคนที่หลงเข้ามาเป็นอาหารของซอมบี้ได้ และคนเป็นเองก็คงไม่มีเวลาแยกซอมบี้เหมือนกันว่ามีซอมบี้ตัวไหนแตกต่างบ้าง

ในตอนที่ผมวิ่งออกมาจากบ้าน  ผมคิดง่ายไปเอง  กะว่าถ้ามีผู้หญิงหรือคนเป็นรอดชีวิตแค่คนเดียว   ผมจะวิ่งเข้าชาร์ต   อาศัยความเร็วกับโมเมนตัมที่มีอยู่ในตัวแบกคนเป็นคนนั้นๆ  ขึ้นบ่า   จากนั้นก็พากลับมาที่บ้าน  ทิ้งระยะห่างจากเพื่อนๆ  จนปลอดภัย  แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากัน

แต่คนเป็นสามคนที่เหลือรอดจากเหตุฮอร์ตกในครั้งนี้...  ทั้งสามคนเป็นทหาร   และเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว คนที่ถือ  M4   ดูจะเป็นหัวหน้า   เขายิงหัวซอมบี้แม่นแบบนัดต่อนัด   ส่วนคนที่ถือปืนลูกซองจะกระหน่ำยิงซอมบี้เป็นฝูงที่บุกเข้ามาเพื่อชะรอความเร็ว   สาวสวยผมทองแต่งงานแล้ว (ฮึก)  เพียงคนเดียวกำลังยิงซอมบี้ด้วยปืน  UZI  ปืน Beretta  เปล่าที่ไม่มีกระสุนแล้วถูกโยนทิ้งอยู่ตรงพื้น

ตอนนี้ซอมบี้ที่หลงทางอยู่ในป่าและเขตใกล้เคียงยังไม่มีไม่มาก (หลายสิบตัวคือจำนวนไม่มาก  ผมบอกได้เลย)  แต่อีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมง  ซอมบี้ที่เหลืออยู่ทั้งหมดในแมนฮัตตันจะกรูกันเข้ามาที่นี่   คนเป็นสามคนนี้... ดูยังไงก็ไม่มีทางรอดชีวิต

" จอห์น แมคเคลน!"

นายปืนลูกซองตะโกนเรียกเพื่อนเสียงดังเพื่อขอกระสุนสำรอง  ผมหันขวับไปมองผู้ชายที่ถูกเรียกว่า "จอห์น แมคเคลน" ทันที  ในฐานะแฟนพันธุ์แท้รุ่นเดอะของหนัง Die Hard  ผมรีบกวาดตามองรูปร่างหน้าตาผู้ชายคนนั้น

โอเค...

หน้าตาไม่เหมือนบรูส  วิลลิส  แต่หน้าผู้ชายคนนั้นเหมือน ไจ คอร์ตนีย์   คนที่รับบทเป็นลูกชายของจอห์น แมคเคลน

"แจ็ค แมคแคลน จูเนียร์"

กรรรรร!!!!

....สาบานได้เลยนั่นเสียงผมคำรามไม่ใช่เสียงหมาบ้า

ผมคำราม ประกาศตนเป็นหัวหน้า  ประสบการณ์นี้ผมการเรียนรู้มาจากเจค  เจคเป็นผู้นำฝูง  เขาสามารถชี้นำและขึ้นเป็นจ่าฝูงได้   ผมคำราม   กดเสียงต่ำในลำคอ บอกเป็นนัยๆ  ให้พวกเพื่อนๆ รู้ว่า สามคนนี้  ผมจองแล้ว ผมไม่ทางปล่อยให้ลูกของจอห์น  แมคเคลนตายเด็ดขาด!    (ไม่ได้บ้าหนังเลยจริงๆ สาบานได้!)

สิ้นสุดเสียงคำราม พวกเพื่อนๆ  ที่กำลังรุมล้อมคนเป็นต่างหยุดมือ  พวกเขารู้ดีว่าต่อให้ผมเข้าไปก่อน ผมก็จะแบ่งชิ้นเนื้อ  นั่น... หมายถึงถ้าผมเป็นจ่าฝูงตามปกติน่ะนะ   เพราะไม่ว่าใครจะได้กัดคนเป็นก่อน มาตอนหลังเนื้อคนเป็นยังคงมีมากพอให้พวกเขากินอยู่ดี   พวกเราเหล่าซอมบี้ออกจะเป็นพวกกินน้อย แค่กัดคนละสามสี่คำเราก็อิ่มท้อง  พวกเราเหมือนกินแค่ประทั่งชีวิต   หลักๆ ที่เรากัด   ทั้งหมดก็แค่อยากแพร่เชื้อ  เราไม่กินสมอง  เพราะถ้าสมองหยุดทำงาน คนตายก็จะกลายเป็นคนตายของจริง

ดังนั้นพอผมแสดงตัวเป็นจ่าฝูงเก๊   พวกเขาจึงหยุดมือ  ให้ผมเป็นผู้นำ   แหวกทางเดินออก ปล่อยให้ผมเป็นผู้นำทัพ  (ทำไมพวกเขาไม่คิดบ้างว่าผมอาจถูกยิงสมองกระจุย....)

"จอห์น แมคเคลน" กระชับปืนในมือ   พวกเขาหยุดยิงเมื่อพฤติกรรมของผมกับเพื่อนเปลี่ยนไป  ผมค่อยๆ ยกมือขึ้นสองข้างเหมือนจะบอกว่าเรายอมแพ้

แต่...

ปัง!

พี่จอห์นเอาปืน M4 ยิงอัดพุงผมหนึ่งนัดจนพุงทะลุ   เขาเห็นท่าทาง.... เห็นกูไม่เหมือนซอมบี้ตัวอื่นก็ตะโกนถามสิวะ จะมายิงอัดพุงทำไม!

" อย่าเข้ามา!" พี่แกตะโกนแล้วกระชับปืนเพื่อเตรียมอักพุงผมอีกรอบ

ผมกรอกตายอมหยุดยืนอยู่กับที่

ทั้งหมดนี่... กูทำเพื่อลูกชายของ "จอห์น แมคเคลน"  นักบู้ผู้ฆ่าไม่ตายห้าภาครวดอย่างเดียวเลยนะ  ขอบอก

กรรรร....

ผมคำรามเบาๆ

โอเค...

เรื่องโกหก_อแหลในหนังบางเรื่องไม่สามารถเชื่อถือได้  ผมนึกว่าพอตัวเองจะพูดได้เหมือนพระเอกในหนังเรื่อง  Warm bodies  เรื่องนั้นพระเอกใจเต้นและยังพอพูดคุยกับนางเอกได้   แต่ของผมนี่... หัวใจเงียบสนิท หยุดเต้นอยู่แบบไหน   ก็ยังนอนสงบอยู่ในอกแบบนั้น

ผมกรอกตาเริ่มคิดหาวิธี   ตอนนี้เพื่อนๆ  ซอมบี้ผมเริ่มกระสับกระส่ายกันแล้ว  เราอยู่กันเป็นฝูง   พอจ่าฝูงถูกทำร้ายพวกเขาเองก็อยู่ไม่สุข   พวกเขาอาจจะไม่ได้อยากปกป้องเพื่อน  แต่พอเห็นภัยคุกคามพวกเขาก็พร้อมที่จะรวมกลุ่มกันเพื่อปกป้องตัวเอง

กรรรร....

ผมครางเบาๆ อีกครั้ง   เดินตัวตรงจ้องตาจอห์น    แมคเคลน   เพื่อนของจอห์น  แมคเคลนดันผู้หญิงคนเดียวให้ไปอยู่หลังสุด   ผมเจ็บหน้าอก... เหลือบตามองนิ้วมือของจอห์น    แมคเคลน กับ  ตัวประกอบคนนั้น

โอเค  ไม่มีแหวนแต่งงาน



กรรรร....

....ช่างเป็นการสนทนาที่โคตรอนาจ

ผมเดินตรงเข้าไปหาพระเอกของเรื่อง   จอห์นที่เห็นผมแตกต่างไปจากซอมบี้ตัวอื่น   ปล่อยให้ผมใช้จมูกดมกลิ่นเขาจนดังฟุดฟิด

เอาจริงๆ  เลยนะ   ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าเขาคือ "พระเอก"  ของเรื่อง   ถ้ารู้... ผมกัดหัวเขาขาดไปแล้ว

ผมดมกลิ่นเขา   ปาดน้ำเหลืองที่พุงของตัวเองลงไปบนหน้าของจอห์นบริเวณที่ไม่บาดแผล   หญิงสาวคนเดียวหวีดเสียงอยู่ในคอ   เพื่อนอีกคนของเขาตื่นตัวเต็มที่

จอห์นยอมยืนอยู่นิ่งๆ จ้องมองผมไม่วางตา   ปล่อยให้ผมปาดน้ำเหลืองที่ไหลออกมาจากร่างทั่วตัวเขา ผมดมกลิ่นตัวเขาซ้ำอีกครั้ง   พอคิดว่าน่าจะพอกลบกลิ่นคนเป็นจากตัวเขาได้   ผมก็ลากเอาศพของเพื่อนที่เพิ่งถูกยิงกะโหลกไปเข้ามา   ส่งสายตากลับไปหาจอห์น เหมือนจะถามว่า "มึงฉลาดพอที่จะเข้าใจสิ่งที่กูสื่อใช่ไหม มนุษย์ "

ความจริงผมก็อยากใช้ภาษาสุภาพอย่างนายหรือคุณอยู่หรอกนะ   แต่เอ็ง... เพิ่งยิงพุงข้าโว้ย!

" แกเป็นตัวอะไรวะ"

เสียงนั่น...ไม่ใช่เสียงของนายจอห์น    แมคเคลนแต่อย่างใด  แต่เป็นเสียงเพื่อนร่วมทีมอีกคนที่ชื่อบรูซ

บรรพบุรุษของคนเป็นสองคนนี่   ถ้าไม่เป็นผู้กำกับเรื่อง die Hard  ก็ต้องเป็นคนแต่งบทแน่นอน  ผมเอาสมองซอมบี้ของผมวางเป็นเดิมพันเลย!

แฮร่... แฮร่...

......ผมละโคตรอนาถใจในทักษะการสื่อสารของตัวเอง    พยักพเยิดให้จอห์นเอามือป้ายเศษเนื้อใส่เพื่อน   แต่ปัญหาทางการสื่อสารก็เกิดขึ้นตอนนี้  จอห์นเข้าใจ... แต่เขาดันย่อลง   เอาส่วนเละๆ อย่างไส้ (อี๋) ของเพื่อนผมมาแปะตามตัวกับใบหน้าเพิ่ม   พอแปะเสร็จก็เรียกเพื่อนเข้ามาให้ลองทำตาม

ผมยืนทำหน้าพะอืดพะอม .....ไส้เนี่ยนะ!

พระเจ้า!

" จอห์น..." หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มตั้งท่าจะร้องไห้   ตอนที่ยิงซอมบี้สีหน้าเธอยังไม่ดูน่ารันทดขนาดนี้ ผมมองเธอด้วยความเห็นใจ  คิดแต่ว่าพอกลับบ้านผมค่อยพาเธอไปอาบน้ำ  พอเห็นเธอเอาคราบจากลำไส้เล็ก (อี๋) มาแปะบนใบหน้าตัวเอง   ผมก็ยืนมือออกกันบริเวณที่ใกล้กับปากแผลเอาไว้ หญิงสาวฉลาดพอที่จะเข้าใจ   เลยหลบเลี่ยง   ส่วนเพื่อนจอห์นอีกคนดันเลือกเอาคราบจากลำไส้ใหญ่....

โอยย  เอ็งห้ามเข้าใกล้ข้าเด็ดขาดมนุษย์  ต่อให้เอ็งเป็นบรูซ  วิลลิส   กูก็ไม่กรี๊ด!

ผมกระถดตัวห่างจากนายบรูซ   เดินเข้าไปหานายจอห์นกับสาวสวยที่เพิ่งทาหน้าทาตัวเสร็จ   ดมกลิ่นผ่านๆ  เรียกเพื่อนๆ  ที่ยืนกระสับกระส่ายให้เดินเข้ามา   คำรามใส่เพื่อนเบาๆ   ก่อนพยักพเยิดดมกลิ่นเป็นตัวอย่างและหันหน้าออก   สื่อความหมายประมาณว่า  พวกเราถูกหลอกแล้ว  นี่คนตาย ไม่ใช่มนุษย์  คนเป็นกลุ่มนี้ติดเชื้อแล้ว

กรรรร....

ผมคำรามเบาๆ ใส่จอห์น   สร้างความมั่นใจให้เขากับเพื่อนๆ สาวสวยคนเดียวดูตื่นกลัว(ปนขยะแขยง)  จอห์นกับนายบรูซเองก็กระชับปืนพร้อมเตรียมยิง   ผมกดมือจอห์นลงเหมือนห้ามไว้   ยืนรวมกลุ่มกับพวกของจอห์น  ปล่อยให้เพื่อนดอมดม...

ความจริง...ผมก็ไม่รู้หรอกว่าแผนนี้มันจะได้ผลไหม   ผมแค่เดาบวกกับอาศัยประสบการณ์ที่ได้จากการดูหนังมาที่รวมกับโชคอีกนิด  ตั้งแต่เป็นซอมบี้มา   ผมก็พวกลองผิดลองถูกมาตลอด  ถ้ากลุ่มของจอห์น  แมคเคลนตายก็ถือว่าผมช่วยพวกเขาสุดฝีมือแล้ว   พวกเขาดันซวยเองที่ไม่ใช่พระเอกของเรื่อง  ส่วนผมเองก็จะจำประสบการณ์ว่าเพื่อนๆ ผมก็ฉลาดนะ   แค่กลบกลิ่นยังไม่พอ   อาจต้องพาวิ่งหนีแบบสี่คูณร้อยด้วย

ฮรื่อออ...

เสียงซอมบี้ตนใดคราง... ไม่มีใครรู้   แต่พวกเขายอมเดินออกจากกลุ่มของจอห์น   สูดกลิ่นในอากาศหากลิ่นเนื้อ  กลุ่มของจอห์นกับผมผ่อนคลายลง  แต่ตอนนี้กลิ่นดืนปืนกับกลิ่นคนเป็นในอากาศยังคงลอยคลุ้ง  ซอมบี้บางตัวที่หิวจัดจนงุ่นง่านอยากกัดเนื้อจอห์นรองท้อง  ผมก็ลากพวกเขาให้ไปหาของกินในเฮลิคอปเตอร์

ศพคนเป็นที่เพิ่งตาย.. ต่อให้ถูกย่างแต่ก็ถือว่ายังพอกินได้   บนเครื่องมีศพคนตายอยู่สามคน   คนหนึ่งไหม้เกรียมแล้ว   ผมขออโหสิกรรมอยู่ในใจ   ไหนๆ  ก็ตายไปแล้วอุทิศตเป็นอาหารให้เพื่อนร่วมโลกเถอะนะ  เนื้อหนังมังสาก็แค่ของนอกกาย  ตายไปก็เอาไปไม่ได้   ผมมองเพื่อนตัวเองกินเนื้อคนตายด้วยความเฉยชา   แต่บรูซ  เพื่อนของจอห์น ดันถือปืนเตรียมเป่าหัวผมซะงั้น   เขาคำรามเหมือนจะกล่าวหาว่าผมไม่เคารพศพเพื่อนเขา

" อย่า บรูซ" จอห์นสั่งเพื่อนให้วางปืนลง  เขาเอาตัวเองมาเป็นเกราะกำบัง

ฉลาดดีนี่   ถ้าใครในกลุ่มยิงปืนใส่ผมอีกนัด  ผมกระโดดกัดหัวมันทั้งกลุ่มแน่

" ไปเถอะ"  นายจอห์นหันกลับมาบอก  กระตุ้นให้ผมออกเดิน  สาวสวยคนเดียวที่ผมมารู้ทีหลังว่าชื่อเจน (ขอบคุณสวรรค์ที่เธอไม่ได้ชื่อลูซี่) เรียกสติตัวเอง   ก่อนวิ่งกลับเข้าไปเฮลิคอปเตอร์   เธอขนเอาของจำพวกกล่องยากับอาหารแห้งบางส่วนออกมา   จอห์นกับนายบรูซที่เพิ่งตั้งสติได้ก็ขนของในฮอร์ที่พอจะใช้ได้ออกมาด้วย   

ผมรอยืนกระดิกขารอพวกเขาอยู่นอกเฮลิคอปเตอร์

คนเป็นนี่เรื่องมากชะมัด  แถมเดินช้าด้วย!

ขามาผมวิ่งสี่คูณร้อย ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็วิ่งมาถึงสวนสาธารณะ   แต่ขากลับผมดันต้องเดินเอื่อยๆ มิน่าล่ะพวกเขาถึงค่อยรอดชีวิต!   ขนาดมีผมเดินนำ  พวกเขายังเอาแต่ระวังนั่นระวังนี่   กึ่งวิ่งกึ่งเดินจนผมรำคาญเต็มที  ผมเร่งความเร็ว  บ่นกระปอดประแปดปนคำรามไปตลอดทาง   เจอเพื่อนซอมบี้เข้ามาขวางผมก็ผลักเขาออกไปซะ  พอเดินถึงเขตบ้านพัก  ผมเปิดประตูรั้ว จอห์นกับพวกก็ยืนนิ่งอึ้ง



Zomie(s) is Friend.



ป้ายบิลบอร์ดขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กหน้าบ้านทำเอาผมหน้าร้อนฉ่า   ถ้าผมหน้าแดงได้ผมคงหน้าแดงไปแล้ว  ตอนทำป้ายนี่ ผมลืมไปว่ามันอาจตีความได้สองแง่

ซอมบี้(ตัวนี้)  เป็นเพื่อนนะอย่ายิงผมเลย   กับ   ผมเป็นพวกลัทธินิยมบ้าคลั่งบูชาซอมบี้

ผมเดินไปดึงป้ายออก  เดินนำคนเป็นสามคนตรงเข้าบ้าน   ชี้แนะนำสถานที่ภายในบ้านแบบคราวๆ  แล้วเชิญผู้หญิงคนเดียวเข้าไปอาบน้ำ  จอห์นมองผมด้วยสายตาหวาดระแวง   ผมถลึงตากลับ   ถึงผมจะเป็นซอมบี้แต่ผมก็มีความเป็นสุภาพบุรุษนะ!

" ฮะ "

จอห์นหลุดหัวเราะออกมา เขายิ้ม...  ยิ่งยิ้ม  เขายิ่งเหมือน ไจ คอร์ตนีย์ มากจริงๆ   ผมเหม่อมองจอห์น เหมือนเด็กเห็นดาราในดวงใจ  แต่ก่อนจะได้ขอลายเซ็น  หางตาผมดันเหลือบไปเห็นอะไรแวบๆ

กรรรร!!!

ผมคำรามใส่นายบรูซที่กำลังจะหย่อนก้นลงบนโซฟา  ตัวเอ็งเลอะลำไส้ใหญ่ซอมบี้  อย่าริอาจนั่งบนโซฟาหลังแท้เชียว!

" อะไรวะ"

นายบรูซผลุงขึ้นมาด้วยตกใจ  จอห์นเองก็กระชับปืนแน่น  ผมไม่สนใจจอห์น  จ้องมองแต่นายบรูซ   พอเห็นเขาเดิมเลี่ยงไปยืนระวังตัวอยู่บนพื้นปาร์เก้ไม่ทำผนังห้องกับโซฟาเละ   ผมถึงยอมผ่อนคลายลง เดินเฉียดตัวจอห์น  ให้เดินตามกันออกมายังสวนด้านนอก

จอห์นมองผมอย่างหวาดระแวง   มือยังถือปืน   แต่ก็ยอมเดินตามออกมา

ผมพาจอห์นมาจนถึงบริเวณสระว่ายน้ำที่เลี้ยงปลาเทราต์ ชี้ไปที่กระชอน(?)ตักปลา  แล้วชี้ไปที่สระน้ำ

" ...ปลาพวกนี้กินอะไรเป็นอาหาร" จอห์นขมวดคิ้วเมื่อเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการสื่อ  เขาดูปรับตัวและทำใจยอมรับได้ง่ายมากกับการต้องอยู่ร่วมกับซอมบี้   ผมยักไหล่ใส่จอห์น  เตะปุๆ  บนถุงอาหารปลาหมดอายุ  จอห์นคลายคิ้วที่ขมวดลง  ยอมวางปืนแล้วจับปลาให้ผมแต่โดยดี

ผมมองจอห์นจับปลาอย่างใจจดใจจ่อ   ปลาพวกนี้ผมกะจับกินมานานแล้ว   แต่มือของซอมบี้ไม่ได้แข็งแรงและสร้างมาเพื่อให้จับกระชอนได้มั่นคงขนาดนั้น  ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเลยได้แต่ปล่อยให้มันขยายพันธุ์และให้อาหารมันต่อไปเรื่อยๆ  ผมเคยลองสูบน้ำออกเพื่อที่จะได้ลงไปจับปลา แต่มันกลับตอดและสะบัดครีบใส่ผมซะเนื้อเละ

เอ่อ อันนี้นอย่าไปบอกจอห์นนะ  เดี๋ยวเขาไม่กล้ากินเนื้อปลา   เพราะดันเคยตอดเนื้อซอมบี้

" เราจะปลอดภัยไหม" จอห์นถามเหมือนไม่ใส่ใจหลังจากตักปลาได้สามสี่ตัว   ผมเลื่อนถังเปล่าให้จอห์นใส่ปลาลงในนั้น  ตบหน้าตบตัวจอห์นเบาๆ สลับกับดมกลิ่นจอห์น

โปรดอย่าหาว่าผมลวนลามหรือผมให้ท่า...

ผมแค่อยากบอกว่า   ผมไม่รู้  ถ้ามี "กลิ่น" ก็คงปลอดภัย  ไม่มีกลิ่นก็คงม้วย   พวกเราแยกคนเป็นกับคนตายโดยอาศัยกลิ่นที่อยู่ภายใน   จอห์นพยักหน้ากึ่งยอมรับ  ตักปลาใส่กะละมัง(?)  แล้วชวนผมพูดคุยต่อ

" มีซอมบี้แบบคุณอีกเยอะไหม"

ผมส่ายหน้า  พยายามแสดงออกเท่าที่หน้าแข็งๆ ของตัวเองจะทำได้    พอจอห์นจับปลามาได้มากพอ ผมก็จ้องพวกมันอย่างอาฆาตแค้น  (ไม่ได้อาฆาตเพราะเคยถูกพวกมันเคยตอดผมแต่อย่างใด อย่าเข้าใจผิด)   ผมยังคงมีความอยากกินคนเป็น    อยากแพร่เชื้อ    เพียงแต่ผมยังพอข่มสัญชาตญาณความอยากของตัวเองลงได้   กลิ่นเนื้อของจอห์นกับเพื่อนก็ทำเอาผมอยากพอควร  แต่พอคิดถึงซากลำไส้ใหญ่บนตัวบรูซ... ผมกินปลาสดๆ ดับความอยากดีกว่า

ผมไล่จอห์น ให้ออกไปจากที่แถวนั้น   จับปลาสดๆ  ที่เพิ่งถูกจับมาขึ้นมากิน   ความจริงผมอยากต้ม... แต่มันดูล้ำไปหน่อยไหม  ถึงครัวผมจะมีอุปกรณ์อยู่ครบก็เถอะแต่น่าจะเสียเวลา   แถมตอนนี้ผมก็เพิ่งถูกยิงมาด้วย   ร่างกายต้องการโปรตีนจำนวนมากมาซ่อมแซมเนื้อเยื่อ  ผมกินปลาสดๆ  อย่างตะกรุมตระกรามจนนึกว่าตัวเองเป็นกอลั่ม  กินปลาหมดไปสี่ตัว  พอข่มความอยากได้ก็เช็ดปาก   เช็ดคราบเลือด สะบัดเกล็ดปลาออกจากมือ เปิดก็อกน้ำที่อยู่ใกล้ๆ สระมาบ้วนปากและล้างมือ

ดีนะที่ลิ้นผมไม่ค่อยรู้รส  ไม่งั้นผมคงอ้วกแตกเพราะเหม็นคาวปลากับคาวเลือดแน่



" คุณเป็น... ตัวอะไรกันแน่"  จอห์อนตะลึง  มือเขายังถือปืน แต่ไม่ได้อยู่ในท่าตั้งการ์ดเตรียมพร้อม   เขาคงไม่ไว้ใจให้ผมอยู่คนอยู่เดียว  และคงอยากแอบดูพฤติกรรมของผมด้วย

ผมกรอกตาใส่จอห์น  ปิดก็อกน้ำ แล้วถลึงตากลับ

หล่อ ฉลาด สะอาด แถมหน้าตาดีขนาดนี้ก็ต้องเป็นซอมบี้สิวะ  เห็นเป็นบี้ สุกฤษฏิ์หรือไง  ถามอยู่ได้!


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
รอภาคต่อ...ใช่จอห์นรึเปล่า??   :m28:

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
รอภาคต่อ...ใช่จอห์นรึเปล่า??   :m28:

ใช่ค่ะ  เปลี่ยนแนวมาให้พระเอกบรรยายบ้าง>//<  ให้มาเจอความหน้ามึนของซอมบี้ :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
เป็นซอมบี้ขั้นเทพ ฮิฮิ รออ่านภาคพระเอก

ออฟไลน์ noonit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบเรื่องซอมบี้ที่สุดแล้ว หลังจากดราม่าน้ำตานองจากเรื่องก่อนๆ รอภาคพระเอกนะคะ ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3

ออฟไลน์ Persephone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอคร้ามาต่อเร็วๆนะ เรื่องนี้น่าจะดีที่สุดจากที่ผ่านมามาม่าเต็มหม้อ5555555 ขอเถอะเรื่องนี้อย่ามาม่าเลย :mew2:

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
 :ling1: :ling1:
My  Boyfriend  is  a  Zombie  1




อัฐเป็นซอมบี้ที่แปลกมาก ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ซอมบี้เข้าครองเมือง ผมเพิ่งเคยได้เจอซอมบี้แบบอัฐเป็นครั้งแรก



ผมอายุ 28 ปีเป็นประชากรรุ่นแรกที่เจอเหตุการณ์ผู้คนติดเชื้อเลยก็ว่าได้  ครอบครัวผมเป็นทหาร  เพิ่งมีน้องชายพ่อที่ออกจากการรับราชการทหารมาเป็นคนรักของนักการทูต  พ่อของผมเป็นนายพล  ในวันที่โรคระบาดยากเกินกว่าจะควบคุม  ผมกับแม่อาศัยอยู่ที่บ้านพักตากอากาศกับน้าสาวและเจนลูกสาวของเธอ  ตอนนั้นผมเพิ่งอายุแปดขวบ  พวกเราถูกฝูงซอมบี้ที่เพิ่งติดเชื้อห้อมล้อมเอาไว้  พวกมันต่างวิ่งกรูกันเข้ามาเพื่อแพร่เชื้อ  พ่อของผมส่งเฮลิคอปเตอร์ของทัพอากาศมารับได้ทันในวินาทีสุดท้าย  ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป  น้าถูกกัดและถูกทิ้งให้อยู่ที่นั่น

ผมกับแม่และเจน... เราสามคนพร้อมกับผู้รอดชีวิตถูกพามายังฐานทัพเรือที่ลอยลำอยู่นอกเขตลองไอแลนด์  ที่นั่นเป็นเขตปลอดเชื้อ เป็นหนึ่งในฐานบัญชาการทางน้ำที่ทางการจัดเตรียมเอาไว้หากเกิดภาวะฉุกเฉิน

รัฐบาลได้เตรียมแผนรับมือสำหรับเหตุไม่คาดฝันมานานแล้ว  และครอบครัวผมที่มีเส้นสายทั้งในและนอกรัฐสภา  ต่างก็เตรียมตัวกันพร้อม  รอจนถึงวันที่โรคระบาดไม่อาจควบคุมได้จริงๆ  พ่อของผมจึงส่งคนมารับ



ผมละทิ้งฐานะคุณชาย  เริ่มจับปืนตั้งแต่ตอนนั้น  เจนเองก็เรียนหนังสืออยู่บนเรือนั่น  บนฐานทัพเรือ  เด็กทุกคนต้องทำงาน  ไม่เรียนหนังสือก็ต้องฝึกการต่อสู้  ผมจับมีดถือปืนมาตั้งแต่อายุแปดขวบ  ฝึกต่อสู้ทุกรูปแบบเพื่อป้องกันตัวทั้งจากคนเป็นและจากฝูงซอมบี้  เรียนหนังสือ ฝึกขับเครื่องบิน  ขัดพื้น  แม่ซึ่งเป็นลูกสาวนักธุรกิจก็เริ่มหันมาจับมีดทำอาหารเพื่อแบ่งเบาภาระบนเรือ

ความร่ำรวยและอภิสิทธิ์ในอดีตไม่มีค่าบนเรือแห่งนี้  ทุกๆ ปีทหารบนเรือจะผลัดกันออกไปช่วยเหลือคนเป็นและหาเสบียงอาหารที่ยังพอหาได้  พอคนกลุ่มใหม่เข้ามาพวกเขาจะถูกย้ายไปอยู่บนเกาะปลอดเชื้อเพื่อฝึกซ้อม  คนเป็นบางกลุ่มที่ไม่สามารถออกไปหาอาหารหรือต่อสู้ร่วมกับทหารได้  พวกเขาจะต้องเลี้ยงสัตว์  ปลูกผัก  นำวัตถุดิบที่ได้เหล่านั้นส่งกลับมายังฐานทัพเรือ  แลกกับพวกเสื้อผ้า  นมผม  ยา  ผ้าอ้อม  หรือแม้แต่ผ้าอนามัย

พวกเราใช้ชีวิตอยู่บนเรือแคบๆ สลับกับกลับขึ้นเกาะแบบนานๆ ครั้ง  ในตอนที่ประชากรคนเป็นบนเกาะเริ่มมีมากขึ้นจนแออัด  รัฐบาลจึงเริ่มแผนการกวาดล้างซอมบี้  ยารักษาซอมบี้  ไม่ใช่คำตอบของปัญหาในขณะนั้น  พวกเราต้องเร่งฉกชิงพื้นที่ทางการเกษตรกลับมา  ต้องสร้างที่พักอาศัย  ต้องหาแหล่งผลิตอาหารให้กับมนุษย์  ดังนั้นการรักษาคนที่ติดเชื้อจึงเป็นเรื่องรอง



ผมถือปืนลงไปกวาดล้างซอมบี้ร่วมกับเพื่อนๆ บนเรือตั้งแต่อายุสิบสี่ปี  ยิงหัวซอมบี้ตัวแรกก็ตอนนั้น  พวกซอมบี้อาจดูเหมือนฝูงสัตว์ป่าที่น่ากลัว  แต่ไม่ว่ายังไง พวกมันก็ไม่ใช่มนุษย์  พวกมันไม่มีสติปัญญา  ไม่มีการวางแผนการ  ดังนั้นเมื่อพวกมันกรูกันเข้ามาเราก็แค่ตั้งรับ  ยิงหัวซอมบี้ทุกตัวที่กล้าดาหน้าเข้ามา  กลิ่นพวกมันน่าขยะแขยงและชวนอ้วก  กลิ่นเนื้อเน่าของพวกมันมักลอยมากับสายลมจนผมไม่อยากอาหารไปหลายวัน  แต่พอนานวันเข้าผมก็ปรับตัวได้  ฆ่าฝูงซอมบี้ที่เคลื่อนตัวเข้ามาทีละร้อยถึงสองร้อยตน

ยังดีก่อนเชื้อร้ายจะแพร่ลุกลาม  รัฐบาลกักตุนยากับอาวุธเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว  พวกเราจึงสามารถมีกระสุนไว้เด็ดหัวซอมบี้อย่างเหลือเฟือ  ซอมบี้กลุ่มไหนโง่หน่อย  เราก็จะหลอกล่อให้ตกลงมาในหลุม  แล้วใช้ไฟเผาพวกมันทั้งอย่างนั้น  เมื่อทำการเก็บกวาดซอมบี้ออกจากอาณาเขตที่เราต้องการหมดแล้ว  ที่เหลือเราก็สร้างกำแพง



พื้นที่เขตมอนทอคถือเป็นพื้นที่ถัดมาที่เราทำการกวาดล้าง  ที่นั่นมีลักษณะเป็นแหลม  มีช่วงคอดที่ง่ายต่อการสร้างกำแพง  เส้นทางไฮเวย์ที่มีอยู่สายเดียวระหว่างเกาะกับแหลมเราก็ทำการระเบิดทิ้ง  ซอมบี้ว่ายน้ำไม่เป็น  เพื่อพวกมันตกน้ำ  นอกจากออกซิเจนในน้ำจะไม่มากพอ ร่างกายของซอมบี้ก็ไม่ทนกับความเค็มของน้ำทะเลด้วย

ดังนั้นเมื่อไม่มีทางให้พวกมันเดิน  พวกมันก็ไม่ทางผ่ากำแพงเข้ามาในเขตเมืองเพื่อเข้ามาทำอันตรายส่วนการเดินทางเข้าออกนอกเขต  พวกเราก็จะใช้วิธีการโดยสารด้วยเรือ  หรือไม่ก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของฐานทัพ



สำหรับเมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา  ผ่านมายี่สิบปี  ตอนนี้เมืองหลวงถูกย้ายไปอยู่ที่มอนทาน่าแล้ว  ที่นั่นอากาศหนาวเย็น  ประชากรน้อย  จำนวนผู้คนที่ติดเชื้อมาแต่ดั้งเดิมก็มีน้อยกว่าพื้นที่อื่น  รัฐบาลจึงส่งทหารกล้าตายอีกหนึ่งกลุ่มเข้าไปบุกยึดพื้นที่คืน  ที่นั่นรัฐบาลออกแบบและวางแผนสร้างกำแพงเมืองให้แบ่งออกเป็นสองชั้น  เขตเมืองหลวงชั้นนอก  เป็นเขตพื้นที่ที่ใช้การเฝ้าระวังภัย  ทำการเกษตรและการปศุสัตว์ ส่วนเมืองเมืองหลวงชั้นในจะเป็นเขตที่พักอาศัย โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย ที่ว่าการฯ และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ก็มีอยู่ครบ

ส่วนเขตพื้นที่รอบๆ อุทยานแห่งชาติ Yellow stone  ที่นั่นรัฐบาลสร้างกำแพงหนาสูงเท่ากับตึกสี่ชั้นเพื่อใช้ที่นั่นเป็นฐานปฏิบัติการณ์หลักของกองทัพภาคพื้นดิน  แยกส่วนหนึ่งออกมาให้เป็นเอกเทศออกจากฐานทัพ  เพื่อจัดตั้วเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีน

ส่วนฐานทัพทางน้ำ  เรายึดพื้นที่บริเวณปากอ่าวซีแอดเติลให้เป็นที่ตั้งฐานทัพเรือหลักแทนฐานทัพใหญ่ในVirginia



คนในครอบครัวของผม รวมถึงน้องชายของพ่อกับคนรักก็อาศัยอยู่ที่เมืองหลวงแห่งใหม่แห่งนั้น  พวกเราย้ายเข้าไปอยู่ในเขตพื้นที่ปลอดภัยแทนที่จะอยู่บนเรือ  ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกมาเพื่อช่วยเหลือคนเป็นและหาของจำเป็นกลับเข้ามาสู่ฐานทัพ

ผม เจน และบรูซ เราสามคนมักอยู่กลุ่มเดียวกันในเวลาออกลาดลาดตระเวน  เจนเป็นหมอทหารประจำกลุ่ม  ส่วนบรูซ... เขาเป็นลูกชายของอดีตนาวาอากาศโทที่เสียไปแล้ว  บรูซเป็นคนเก่ง  แต่เขาค่อนข้างหัวรุนแรงอยู่พอควร  ดังนั้นตอนที่เห็นอัฐวิ่งปนเข้ามากับซอมบี้ตัวอื่น บรูซจึงกระหน่ำไม่ยั่ง

ผมคบและรู้จักกันมาตั้งแต่ตอนอยู่บนฐานทัพเรือ  แต่จะเรียกว่าสนิทกันก็คงไม่ได้  บรูซเป็นคนหัวฝ่ายขวาเต็มตัว  ผิดกับผมที่เป็นฝ่ายซ้าย

บรูซยึดถือคำสั่งของหัวหน้าปฏิบัติการเป็นที่ตั้งทุกครั้ง  ดังนั้นเมื่อมีคำสั่งลงมา  ต่อให้ต้องฆ่าคนเป็นเพื่อปกป้องความปลอดภัยของเขต  เขาก็สามารถปฏิบัติการได้ทันทีโดยไม่มีลังเล



แต่เรื่องนี้... จะมาโทษบรูซเพียงฝ่ายเดียวก็ไม่ได้  เพราะสมัยที่เพิ่งมีการเริ่มเปิดเมือง  ผมเคยประจำการอยู่ที่หน้าด่านบริเวณกำลังแพงอยู่สองสามปี  ตอนนั้นคนเป็นบางกลุ่มที่พากันอพยพเข้ามาสู่เมืองหลวงแห่งใหม่  บางคนมีการลักลอบพาคนรักหรือคนในครอบครัวที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อผ่านเข้ามาในเขตปลอดภัยด้วย  พวกเขาเหล่านั้นไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองอาจทำคนอื่นเดือดร้อน  ความผูกพันธ์  ความอาลัยอาวรณ์เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกคนเหล่านี้สิ้นคิด

พวกเขาพาคนตัวเองที่ถูกกัดมาแล้วปะปนมากับเสบียงหรือสัมภาระกองโต  การติดเชื้อซอมบี้จะต้องใช้เวลาสามวัน  คนที่ถูกกัดจะติดเชื้อโดยสมบูรณ์  ดังนั้นขอแค่มัดผู้ติดเชื้อให้ดี  ทำให้ผู้ยอมนอนอยู่นิ่งๆ  แค่นั้นผู้ติดเชื้อก็อาจเล็ดลอดสายตาของหน่วยทหารตรวจตรา

แต่เหตุการณ์ในวันนั้น  ผมจำได้ติดตา  เด็กสาวผมบลอนด์อายุ 12 ปี  เธอกระโดดออกมาจากลังสินค้า  ตอนนั้นเธอติดเธอโดยสมบูรณ์แล้ว  และเริ่มกัดกลุ่มคนเป็นที่กำลังทยอยเดินผ่านเข้าแพง

เราสั่งปิดกำแพงทันที  และผมกับเพื่อนๆ  ที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องยิงเธอและคนที่เธอกัดทิ้ง  ตอนนี้ยังไม่มีวัคซีน  ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย  คนที่ถูกกัดจึงมีแต่ต้องตาย  แต่พ่อของเด็กสาวที่ลักลอบพาเธอเข้ามากลับหันปืนพกมายิงใส่พวกเรา  ปลุกระดมกลุ่มคนอพยพที่มีปืนให้ฆ่าพวกเราตอบกลับ เขากล่าวหาพวกเราว่าเป็นฆาตกรที่ฆ่าคนบริสุทธิ์ซึ่งไม่ยังไม่ติดเชื้อ 



ตอนนั้นบรูซโกรธจนเลือดขึ้นหน้า  เขายิงเด็กสาวติดเชื้อคนนั้นและฆ่าเจาะกะโหลกคนเป็นพ่อตาม  กว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายในบริเวณหน้าด่านจะจบลง  ก็มีคนถูกกัดไปแล้วสามคนและถูกพวกเรากำจัดแล้ว  มีเจ้าหน้าที่อยู่ในเหตุการณ์ถูกกระสุนจากฝูงชนยิงใส่จนบาดเจ็บและเสียชีวิตไปอีกนับสิบราย  และในจำนวนนี้ก็ยังไม่นับรวมกับศพคนเป็นที่ถือปืนยิงทหารในระยะประชิด  คนพวกนั้นถูกสไนเปอร์ที่ซุ่มอยู่บนแพงยิงทิ้งเพื่อปกป้องความปลอดภัยของคนส่วนใหญ่และพวกพพ้อง

ความเสียหายในเหตุการณ์ตอนนั้น มีผู้บริสุทธิ์จริงๆ ต้องจบชีวิตลงในจำนวนที่เกินกว่าที่รัฐบาลจะรับได้

บรูซและทหารที่สังหารคนเป็นถูกจับขึ้นศาลทหารในข้อหากระทำเกินกว่าเหตุ  แต่ตอนหลังข้อกล่าวนั้นก็ถูกปัดไป  เพราะถือว่าเป็นการป้องกันตัวและทำไปเพื่อปกป้องประโยชน์ของคนส่วนรวม

และเพื่อปกป้องเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นซ้ำสอง  รัฐบาลจึงออกคำสั่งให้ตรวจตราคนทุกคนและของทุกชิ้นอย่างเข้มงวด  กล่องทุกกล่องต้องถูกสแกน  คนที่มีไข้  แม้จะไม่มีร่องรอยการถูกกัดหรือตัดเชื้อก็ต้องถูกกันไว้ในศูนย์ควบคุมโรคที่อยู่นอกกำแพง  ถ้าไม่มีการติดเชื้อ  พวกเขาจึงได้รับอนุญาติให้กลับเข้ามาในเขตกำแพงกหลังจากนั้น

สำหรับคนที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม  รัฐบาลอนุญาตให้เราสังหารคนที่ความเสี่ยงกลุ่มนี้ได้ทันทีเพื่อปกป้องคนส่วนรวม  ดังนั้นทุกปีๆ ผมต้องฆ่าคนเป็นที่พยายามฝ่าเข้ามาไม่ต่ำกว่าร้อยชีวิต  พ่อบอกผมว่า  เราจำเป็นต้องทำ  เจนบอกผมว่าเราไม่มีทางเลือก  ส่วนบรูซ... เขายึดถือคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างไม่มีอิดออด  ใครกล้าผิดกฏเขาก็กล้ายิงทิ้ว



ผมทนทำงานอยู่ที่กำแพงสามปี  ก่อนขอย้ายไปอยู่เข้าสู่หน่วยลาดตระเวน  เจนกับบรูซก็ย้ายตามผมมาในตอนนั้น  บรูซหลงรักเจนข้างเดียวมานานแต่เขาก็ไม่เคยบอกให้ใครรู้  ส่วนเจนเองก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว  พวกเขาพบกันหลังจากที่เขามาอยู่ในเขตกำแพง  ผมที่ตรงกลางระหว่างคนสามคน  นอกจากจากเป็นเพื่อนและญาติที่ดี  ผมก็ไม่เคยยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของพวกเขามากนัก  เพียงแค่เมื่อตอนที่บรูซเมาหลังจากเจนประกาศหมั้น  ผมเป็นคนพาบรูซกลับที่พัก และนั่นถึงได้รู้ว่าบรูซแอบหลงรักเจนมานาน



ดังนั้นในตอนที่การปฏิบัติการลาดตระเวนครั้งนี้เกิดการผิดพลาด  แม้จะต้องตาย  ผมกับบรูซก็ยังเลือกที่จะปกป้องเจน ยังดีที่อัฐโผล่มาช่วยพวกเราก่อน พวกเราถึงได้รอดชีวิต

และหลังจากที่อัฐล้างมือล้างปากเสร็จหลังกินปลาสดๆ เสร็จ  อัฐก็เดินมาทางผม  ชี้ไปสระปลาเพื่อสั่งให้ผมตักปลาขึ้นมาอีกรอบ ตอนแรกผมนึกว่าเขาอยากกินปลาอีกแต่ไม่มีปัญญาจับเอง  แต่ปรากฏว่า  เขาสั่งให้ผมหิ้วถังปลามาฝากเจนกับบรูซ

อัฐดูกระตือรือร้นมากเวลาที่ได้สนทนากับเจน  เขาแนะนำตัวเองกับเจนโดยการใช้นิ้วเขียนตัวอักษรบนโต๊ะในห้องครัวทีตัว

A U T

เขาแนะนำตัวเองว่าอย่างนั้น 

ผมไม่รู้ว่ามันเป็นภาษาของชาติใด  แต่ก็พอจะเดาออกว่าน่าจะเป็นหนึ่งในภาษาเอเชีย  เพราะอัฐเหมือนคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาก

เมื่อได้รับการแนะนำตัว   เจนจึงแนะนำตัวเองกลับ เขาแนะนำชื่อผมกับกับบรูซที่ละคน  แล้วเริ่มลงมือทำความสะอาดปลา 

เจนเองก็ดูทำใจได้ที่ต้องอยู่ร่วมบ้านกับซอมบี้ แต่นั่นอาจเป็นเพราะอัฐไม่ดูคุกคาม  แถมยังใจดีแบ่งปลาที่เลี้ยงมาให้



“อัฐ  คุณมีพวกเครื่องเทศไหม ฉันจะเอามาใส่ปลา” เจนถามหลังจากที่ขอดเกล็ดปลาเสร็จแล้ว   ห้องครัวอัฐสะอาดเหมือนกับตัวบ้าน  ภายในห้องครัวของอัฐมีอุปกรณ์ทำครัวครบทุกอย่าง  ไม่ว่าจะเป็นมีด  ช้อน  จามชาม  เครื่องปั่น  ไปจนถึงที่ปิ้งขนมปัง

อัฐส่ายหัวแทนคำตอบก่อนเปลี่ยนเป็นพยักหน้า  เขาเดินไปที่ด้านหนึ่งของครัว  เปิดประตูชั้นวางของออกแล้วหยิบเกลือออกมา เกลือเป็นของที่ไม่มีวันหมดอายุ  และเจนเองก็พอใจที่อย่างน้อยก็มีเกลือเป็นส่วนประกอบในการปรุงรส  เจนจัดการแล่ปลา  โรยเกลือเล็กน้อยก่อนส่งเข้าเตาอบที่อุ่นรอเอาไว้  ส่วนผมกับบรูซที่ว่างงาน อัฐก็เดินเฉียดตัวผมอีกครั้ง ส่งสัญญาณให้ผมกับบรูซที่ยังไม่ได้ล้างตัว  หาศพซอมบี้มาแขวนตามที่กำแพง

การกระทำแบบนี้มันอาจจะดูโหดร้ายและไม่เคารพคนตายไปนิด  แต่คนตายคงไม่คิดเล็กน้อยเท่ากับคนเป็น  และการมีคนเป็นสามคนอยู่ในบ้านถึงคน  การกลบกลิ่นเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าการยืนยามมาก

อัฐยืนชี้นิ้วสั่งการเราสองคนให้ไปลอบยิงซอมบี้ที่วนๆ เวียนๆ อยู่แถวนี้  พอได้ศพมา  เขาก็ยืนอยู่ใต้ลม  สั่งให้ผมแขวนศพ  ส่วนตัวเองดมกลิ่นว่าศพ  ดูว่าซอมบี้ถูกเอามาแขวนจะพอจะกลบกลิ่นคนเป็นได้ไหม

บรูซหงุดหงิดหัวเสียที่ถูกอัฐใช้งาน  แต่เพื่อความปลอดภัย  เขาจึงทำได้ทำตามสลับกับสบถเบาๆ



รอจนเราแขวนศพซอมบี้เสร็จเรียบร้อย  อัฐก็ไล่ผมกับบรูซที่ตอนนี้ตัวสกปรกมากกว่าไปอาบน้ำฟอกสบู่ตรงที่สนามหญ้า  เขาให้เหตุผล (เท่าที่เราจะสื่อสารกันได้) ว่า ผมกับบรูซเป็นผู้ชาย  ดังนั้นต่อให้อาบน้ำข้างนอกก็ไม่เห็นต้องอาย  แถมอาบน้ำข้างนอก  ห้องน้ำในบ้านก็จะได้ไม่สกปรกเลอะเทอะ

ผมเงียบไปหนึ่งอึดใจในความรักสะอาด(และความลำเอียง) ของอัฐ ส่วนบรูซสบถหยาบคายด่าอัฐไปเรียบร้อยแล้ว  น้ำในสายยางข้างสนามหญ้า ป่านนี้เย็นจัดจนเกือบจะเป็นน้ำแข็งเพราะใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว  แต่พอผมเห็นอัฐถอดเสื้อเหลือกางเกงบ็อกเซอร์  และเริ่มเปิดก๊อกน้ำอาบแบบที่ไม่แคร์สายตาใคร  ในฐานะผู้มาขอพักอาศัย  ผมก็ได้แต่ถอดเสื้อออกและอาบน้ำตาม

ในระหว่างที่อาบน้ำ  ผมเองก็แอบสำรวจดูรูปร่างและร่างกายของอัฐไปด้วย  ไม่ใช่ว่าผมอยากจะลวนลามซอมบี้  แต่อัฐก็เป็นซอมบี้ที่แปลกเกินไปจริงๆ  ถ้าไม่มีรอยกระสุนปืนที่เพิ่งถูกผมยิงมา ผมคงเชื่อว่าอัฐเป็นมนุษย์  เขาตัวขาวซีด รูปร่างสมส่วน  มีกล้ามเนื้อ  มีเส้นเลือดสีน้ำเงินโผล่ออกมาพอให้เห็นประปรายภายใต้ผิวขาวเนียน  และนอกจากรอยแผลที่ถูกกัดจนเป็นรอยนูนเด่นชัดสามสี่รอย  นอกนั้นผมก็แทบไม่เห็นริ้วรอยอื่นๆ ไม่มีบาดแผลหรือเนื้อเน่าที่พร้อมจะหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ  อย่างพวกซอมบี้ตนอื่นที่ผมเคยเห็นจนชินตา  และถ้าให้วิเคราะห์จากรูปร่างหน้าตา  อัฐคงอายุแค่ยี่สิบปีเท่านั้น  ก่อนจะกลายมาเป็นมาซอมบี้



ผมกับบรูซอาบน้ำ  ฟอกสบู่และสระผมเร็วๆ เพื่อลดความหนาว  ส่วนอัฐที่ไม่สะทกสะท้านกับน้ำเย็นก็ค่อยๆ อาบ ค่อยๆ ถูสบู่ไปเรื่อยๆ  รอจนผมกับบรูซอาบน้ำเสร็จแล้ว  อัฐก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการถูตัว  เขาชี้ไปทางชั้นวางของที่อยู่ไม่ห่างจนผมเห็นผ้าขนหนูซักกับเสื้อผ้าที่ผ่านการซักมาแล้ว  ผมกับบรูซเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว  ใส่เสื้อผ้าและเตรียมเดินเข้าบ้าน  เสื้อที่อัฐเตรียมไว้ให้เล็กไปหน่อย  แต่ก็ไม่ถึงขั้นอึดอัดเพราะเป็นเสื้อผ้าขนาดฟรีไซด์

ผมหันกลับไปมองอัฐที่อยู่ตรงสนามหญ้าอีกครั้ง  เพื่อตรวจดูว่าอัฐอาบน้ำเสร็จหรือยัง  แต่พอหันไปเห็น  ผมถึงได้รู้ว่าที่อัฐอาบน้ำช้าไม่เป็นเพราะเขารักสะอาด  แต่น่าจะเป็นเพราะมือของซอมบี้  คงทำให้อัฐไม่สะดวกในการให้อาบน้ำหรือล้างตัวเท่าไหร่นัก

ผมถอนหายใจ เดินกลับไปหาอัฐตอนที่เห็นเขาทำท่าจะขูดหัว(สระผม)ตัวเอง  อัฐสามารถควบคุมและสั่งงานกล้ามเนื้อได้ก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้ไม่ดีเท่ากับมนุษย์  ผมเทยาสระผมที่หมดอายุแล้วลงบนฝ่ามือ  ขยี้จนเกิดฟองและลงมือช่วยสระผมให้  อัฐสะดุ้งด้วยความตกใจเล็กน้อย  แต่พอเข้าใจว่าผมจะช่วยสระผมให้ เขาก็นั่งลงกับพื้น แล้วปล่อยให้ผมสระผมได้ตามสบาย

ดีที่สมัยก่อน ผมเคยเลี้ยงหมาโกลเด้นรีทีฟเวอร์และเคยอาบน้ำให้มันมาแล้ว  ดังนั้นการอาบน้ำให้ซอมบี้ (หรืออัฐ)  จึงไม่ใช่เรื่องที่ลำบากมาก  ผมหลีกเลี่ยงการสระผมบริเวณหน้าผากที่มีบาดแผลซึ่งกำลังสมานตัว  เก็บความสงสัยไว้ในใจ  แล้วล้างน้ำเปล่าในอัฐหลังจากใส่ครีมนวดผมแล้ว

และไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว  ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว  บริเวณแผ่นหลังที่อัฐเอื้อมมือมาทำความสะอาดไม่ถึง ผมก็ช่วยฟอกสบู่และขัดหลังให้อัฐอีกรอบ

ผิวของอัฐที่ผมสัมผัสได้ในตอนนี้เย็นจัดจากน้ำเย็นแต่ก็เรียบลื่น มันไม่ได้นุ่มลื่นเหมือนอย่างผิวของผู้หญิง  หรือนุ่มนิ่มเหมือนกับผิวของมนุษย์  มันคล้ายๆ ผิวของตุ๊กตาพอซ์เลน(PORCELAIN)  แต่นุ่มกว่านั้น  ผมลูบ...  เอ่ย  ถูสบู่ให้อัฐจนทั่วตัว  ก่อนจะล้างน้ำเปล่าและชช่วยอัฐเช็ดตัว  เมื่อตัวแห้งอัฐก็เอาผ้าผันแผลมาพันแผลเพื่อป้องกันเสื้อผ้าเลอะ

แผลจากกระสุนของอัฐที่ถูกผมยิง  ผิวบริเวณนั้นไม่ได้มีเลือดออกหรือคราบน้ำเหลืองไหลออกมาอีกแล้ว  มันมีแต่มัดกล้ามเนื้อสีแดงๆ และใยขาวๆ ที่เริ่มเข้ามาปกคลุมแผลเอาไว้ทั้งหมด 

ผมช่วยอัฐแต่งตัวในขั้นตอนสุดท้าย โกยเสื้อผ้าที่เลอะคราบซอมบี้ไปวางไว้แถวๆ กำแพงเพื่อเพิ่มกลิ่น  และเพื่อว่าต้องเก็บไว้ใช้

พอล้างมือทำความสะอาดมือเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ผมก็เดินกลับบ้าน  ก่อนรวมวงเข้าไปทานอาหารที่เจนตัดแบ่งปลา  และเตรียมจานให้ผมเสร็จเรียบร้อย

 เนื้อปลาเทราต์จับสดใหม่โรยเกลือถือเป็นอาหารชั้นดีภายในอาณาบริเวณที่เต็มไปด้วยซอมบี้  เนื้อปลาเทราต์นุ่มฉ่ำและมีมันกำลังดีกำลังดี ผมกินทีเดียวจนหมดจานก่อนจะขอปลาเพิ่ม 

ในส่วนของอัฐ อัฐออกตัวแต่แรกแล้วว่าเขาไม่ค่อยหิวเท่าไหร่  อัฐเพิ่งกินเนื้อปลาสดๆ ไปสี่ตัว แถมปลาแต่ละตัวก็ไม่ใช่ปลาตัวเล็กๆ ถ้าอัฐกินปลาไปขนาดนั้นแล้วยังไม่อิ่ม  ตกกลางคืนผมคงต้องกังวลว่าอัฐจะมากินพวกผมแทนอาหารว่างไหม





และหลังจากมื้ออาหารจบลง  ก็ได้เวลาที่เราสามคนต้องมานั่งคุยวางแผนต่อไปเป็นทางการเสียที  พวกเรานั่งล้อมวงกันอยู่บนพื้นแถวๆ โซฟาภายในห้องรับแขก  ไฟจากเตาพิงถูกจุดจดลุกโชนเพื่อให้ความอบอุ่นแทนการใช้เครื่องทำความร้อน  อัฐขอตัวไปเดินเล่น  ด้วยเหตุผลที่ว่ามีของที่ต้องออกไปออกเอา ผมเดาว่าเขาอยากให้พวกเราอยู่กันอย่างเป็นส่วนตัว แต่บรูซกลับกลัวว่าอัฐจะไปเพื่อนมา  เขาเสนอว่าเราควรเด็ดหัวอัฐทิ้งแล้วเอาศพของเขาไปแขวนไว้ที่กำแพงรวมกับพวกซอมบี้

"บรูซ!"  เจนเหวเสียงดังทันที และผมเองก็ไม่เห็นด้วย  เรารอดจากเหตุการณ์เฉียดตายมาได้เพราะมีอัฐคอยช่วยเหลือ  อาหารการกินหรือแม้แต่เสื้อผ้า  อัฐก็ช่วยจัดหาให้ 

ดังนั้นต่อให้อัฐเป็นซอมบี้  ไม่ว่าเขาจะอันตรายกับมนุษย์หรือไม่ก็ตาม  ถ้าหากเขาไม่คิดทำร้ายเราก่อน  ผมก็ไม่เคยมีความคิดฆ่าคนที่ช่วยตัวเองไว้

“ฉันก็แค่เสนอ” บรูซยักไหล่

ผมไม่พอใจกับท่าทีขอไปทีของบรูซ  แต่จะให้มาผิดใจกันในสถานการณ์แบบนี้ก็เห็นจะไม่มีประโยชน์อะไร   ผมหันกลับไปคุยเจน ถามเจนว่า  เธอคิดว่าอัฐเป็นยังไงบ้าง

“ไม่รู้สิ ฉันว่าเขาก็ดูเป็นเป็นซอมบี้ที่ดี เหมือนมนุษย์มาก  แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นซอมบี้แบบเขามาก่อน เลยไม่แน่ใจว่าเขาจะปลอดภัยจริงไหม”

“เธอแจ้งไปยังฐานหรือยัง ว่าพวกเรารอดชีวิต”

“แจ้งแล้ว  ฉันแอบแจ้งฐานตอนที่อัฐพาพวกนายออกไปข้างนอก  ฐานบอกว่าจะเร่งส่งคนมาช่วยพวกเราทันที  เขาถามว่าพวกเราถูกเรากัดไหม  ฉันตอบว่าไม่  ฐานถามเราว่า  มีคนรอดชีวิตกี่คน  ฉันบอกไปแค่เราสามคนเท่านั้น  ส่วนควิน… ฉันไม่ได้พูดถึงเขา”

ควินคือผู้รอดชีวิตอีกคนจากเหตุเครื่องตก และเขาเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดฮอร์ตกในครั้งนี้

“ฐานถามหรือเปล่าว่าทำไมฮอร์ถึงตก”

“ถาม แต่ฉันตอบไปว่าเป็นอุบัติเหตุ ฉันไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้น  เพราะไม่รู้ว่ามีใครมีเป็นยังเป็นสายอีกบ้าง  ปฏิบัติการณ์ครั้งนี้ของเราควรเป็นแค่ภารกิจลาดตระเวนและเอาของมาเท่านั้น  ฉันไม่คิดว่าเลยว่าควินจะทรยศ”

เจนพูดเสียงเศร้าจนผมต้องดึงเธอมากอด  ทุกคนที่ออกปฏิบัติภารกิจด้วยกันในครั้งนี้  ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมตาย  เราทำภารกิจอยู่ด้วยกันบ่อยครั้ง  และไม่เคยมีครั้งไหนที่พลาด  มีแต่ครั้งนี้เท่านั้นที่ทุกอย่างควรจะเป็นไปได้ด้วยดี  แต่มันความผิดพลาดก็เกิดขึ้นเมื่อควินบังคับให้พวกเราบินออกนอกเส้นทาง

“แล้วแปลน….”

“ควินเอาไป แต่ฉันว่าเขาคงไม่รอด  ซอมบี้ในแมนฮัตตันมีเยอะมาก  ถ้าเขาไม่มีคนช่วยเหมือนกับอัฐที่ช่วยเรา  ฉันคิดว่ายังไงเขาก็ไม่รอด  ป่านนี้เขาคงถูกกัดและอยู่ในภาวะติดเชื้อแล้ว  ไว้พรุ่งนี้…  พวกเราค่อยให้อัฐช่วยพาพวกเรากลับไปที่ป่าดีไหม”

ผมสบสายตากับบรูซ  ก่อนถูกบรูซปฏิเสธอย่างไม่ลังเล อัฐเป็นคนนอก บรูซไม่ไว้ใจให้อัฐรู้เรื่องราวของคนในฐานทัพ

“พรุ่งนี้เธอยื้ออัฐไว้ที่บ้าน  ฉันกับบรูซจะกลับเข้าเอง  เสื้อที่เราใส่พรางกลิ่นฉันยังไม่ทิ้ง มันคงเอากลับมาใส่ได้”

“อืม”





เมื่อไม่มีเรื่องอะไรให้พูดคุยเพิ่ม  เราสามคนก็ผลัดก็ผลัดกันนอน เจนเป็นผู้หญิง  ผมจึงให้เธอนอนใกล้ๆ ตัวภายในห้องรับแขกนี่  ส่วนตัวผมกับบรูซ  เราสองคนสลับกันนอนช่วงสั้นๆ ครั้งละสองชั่วโมง และให้เจนอยู่กะสุดท้าย 

รอจนถึงเวลาเที่ยงคืนและตีสอง  อัฐก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมา  ภายในบ้านก็เงียบกริบไม่มีแม้แต่เสียงหนูเดิน มีแต่เสียงลมกระทบหน้าต่างเบาๆ นั้น 

ผมเติมฟืนเพิ่มในเตาผิงอีกเล็กน้อย  ก่อนจะเปลี่ยนกับบรูซอีกรอบก่อนจะหลับมาลง

เราหลับๆ ตื่นๆ กันถึงรุ่งสาง  ก่อนจะได้เสียงกรอกแกรกดังขึ้นที่หน้าประตูบ้าน เราสามคนตื่นกันเต็มตา  มือถือปืน  และเตรียมพร้อมจะยิงทุกอย่างที่กล้าเข้ามาในห้องนั่งเล่นแห่งนี้

แต่พอเห็นหน้าอัฐเดินเข้ามาพร้อมกับ "สิ่งของ"เต็มมือ  เจนก็ตกใจจนอุทานเสียง



“อัฐ! คุณเอาอะไรกลับมาคะ!”















>>>ตอนหน้าซอมบี้จีบสาว  55555

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2017 14:20:18 โดย teatimes »

ออฟไลน์ noonit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พระเอกมาแล้ว ~~~~ รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น่ารัก..กกกก รอตอนหน้า  :katai2-1:

ออฟไลน์ kittvara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เรื่องนี้สนุกอ่ะ ซอมบี้ ชอบๆ
แต่เรื่องคุณชาย เราก็คิดถึงนะ อยากให้
จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งอ่ะ
แวะมาดูอยู่นะว่าจะมาตอนไหน
ถ้าเปลี่ยนจากเรื่องสั้นซอมบี้เป็นเรื่องยาวได้ก็คงดีนะ จะติดตามเลย แอดเป็น favourite

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
มาต่อเร็วๆนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด