-22-
ผมเคยคิดว่าลิฟต์ของที่นี่มันดูใหญ่โตเกินความจำเป็น โดยเฉพาะลิฟต์วีไอพีที่โซโล่พาผมขึ้นอยู่ทุกวัน แต่มาวันนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันคับแคบสุดๆ โดยเฉพาะบรรยากาศที่อึดอัดเกินคำบรรยาย
โซโล่ยืนอยู่มุมด้านในสุดของลิฟต์ข้างๆผม ใบหน้ายังคงเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง แถมยังแผ่บรรยากาศกดดันออกมาจนผมรู้สึกได้ อีกฝั่งของลิฟต์คือคุณเจย์ที่ยืนชิดกำแพงอีกด้านเงียบๆ ส่วนผมที่เป็นคนกลางก็ยืนอยู่ระหว่างทั้งคู่
เป็นความอึดอัดใจที่ทำให้พูดไม่ออกจริงๆ…
“คุณพักอยู่ชั้นไหนเหรอครับ”ผมหันไปถามคุณเจย์ทำลายความเงียบ จะบอกว่าชั้นเดียวกับผมก็ไม่น่าใช่ เพราะเจ้าหมานี่ดูจะคลองพื้นที่ทั้งหมด ส่วนห้องที่อยู่ตรงข้ามซึ่งมีแค่ห้องเดียวก็ไม่เคยเห็นใครเข้าพักมาก่อน
“ผมพักอยู่ชั้นล่างคุณครับ”เขาหันมาแล้วยิ้มจางให้ผม พอดีกับที่ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นของเขา “ไว้เจอ…”
“มาที่นี่ทำไม”
ไม่ใช่แค่ผมที่ชะงัก ดูเหมือนคุณเจย์ที่กำลังจะก้าวออกจากลิฟต์ก็นิ่งไปเช่นกัน เขาหันหน้ากลับมา จ้องตากับโซโล่ที่ยืนอยู่ข้างผม
“ผมกลับมาตามคำสั่งครับ”เขาพูดเสียงเรียบ ผมหันไปมองโซโล่ เห็นว่าเจ้าตัวกำลังกัดฟันแน่นเหมือนต้องการระงับอารมณ์ ผมดูออกว่าเขากำลังโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ “ผมไม่ได้จะ…”
“ไสหัวไป”
“โซ…”ผมเรียก แตะมือที่กำแน่นเบาๆแล้วหันไปหาคุณเจย์ เขาพยักหน้า ยิ้มจางให้ผมก่อนจะเดินออกไป
ผมจูงมือคนที่ยังคงเงียบกริบให้เดินตาม จนกระทั่งมาถึงห้องแล้วอีกคนก็ยังเงียบอยู่
“ทานอะไรดีครับ”ผมถามทันทีที่วางของลง พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
“อะไรก็ได้”โซโล่ตอบเสียงเรียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผมรู้ดีว่ามันมีอะไรสุดๆ ถ้าเป็นปกติเข้าห้องมา อย่างแรกที่เจ้าหมาทำคงเป็นการเดินมากอดผมหรืออ้อนให้ทำนั่นทำนี่ แต่นี่เข้ามาแล้วเดินไปริมกระจก จะบอกว่าปกติก็คงไม่ใช่
ผมเดินเข้าไปหาคนที่ยืนนิ่งอยู่ริมกระจก มองใบหน้าที่พยายามทำเป็นไม่รู้สึกอะไรจากด้านข้างแล้วก็ต้องถอนหายใจ ไม่ว่าเขาจะรู้สึกอะไรหรือคิดอะไรอยู่ก็ตาม แต่ความไม่ปกติของเขาทำให้ผมปวดใจตามไปด้วย
ผมเดินไปยืนอยู่ด้านหน้าโซโล่ เจ้าตัวไม่ได้ว่าอะไรนอกจากขยับสายตาจากนอกกระจกมาหา ดวงตาเรียบสนิทดูอ่อนแสงลงเมื่อมองหน้าผม
“กีตาร์…”
ผมโน้มคอคนที่สูงกว่าลงมา ใช้มือข้างหนึ่งกดศีรษะนั้นให้ซุกอยู่ที่ไหล่ ส่วนมืออีกข้างก็ใช้ลูบหลังปลอบ
ผมไม่ได้พูดอะไรนอกจากรอ…รอให้เขาพูดออกมาเอง
โซโล่ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง สักพักเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ ซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอผมจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆ และโอบเอวผมให้เข้าไปแนบชิดมากขึ้น
“ไม่เคยสู้กีตาร์ได้เลย…”
“สู้ได้พี่ก็แย่สิครับ”ผมหัวเราะ ผละตัวออกแล้วจูงอีกคนไปนั่งด้วยกันที่โซฟาตัวโปรด หมาตัวโตที่คลายอารมณ์ผิดปกติไปหมดแล้วเอนตัวลงนอนตักผมทันทีที่ผมนั่งลง
เจ้าหมานี่ทำเหมือนตักแข็งๆของผมเป็นหมอนนุ่มๆ ไม่เข้าใจจริงๆว่าติดใจอะไรนัก
“ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง”
“เล่าเรื่องโซกับคุณเจย์ให้พี่ฟังสิครับ”
“กีตาร์อยากฟังเหรอ”
“พี่อยากฟังทุกเรื่องที่เกี่ยวกับโซ”
ทุกเรื่องที่จะทำให้เขาสบายใจเมื่อได้พูดออกมา…
“ผมจำไม่ได้ว่าเจย์มาจากไหน…”โซโล่เริ่มพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย “รู้แค่ว่าเวลามองหาใครไม่เจอ นอกจากแม่แล้วก็มีแค่เจย์ ผมรักเจย์เหมือนคนในครอบครัว แม่เองก็รักเจย์มาก”
“คุณเจย์นี่อายุเท่าไหร่เหรอครับ”
“มากกว่าผมสิบปี”
ผมเบิกตากว้าง ไม่น่าเชื่อว่าคนๆนั้นจะอายุเกือบสามสิบแล้ว ดูภายนอกเหมือนแก่กว่าผมแค่สองสามปีเท่านั้นเอง
“ถ้ากีตาร์เห็นพ่อคงตกใจกว่านี้”โซโล่ยกยิ้ม ยื่นมือมาจิ้มมุมปากผมเบาๆ
“แล้วที่โซบอกว่าคุณเจย์กลับไปหาคุณพ่อ…”ผมลูบหัวคนที่นอนตักอยู่ เจ้าหมาดูผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ พอเห็นท่าทางสบายใจของเขาแล้วก็ได้แต่คิดว่าเจ้าตัวแลดูเหมือนหมามากขึ้นทุกวัน
“ตอนที่แม่เสียผมติดเจย์มาก…เจย์มักจะกอดผมไว้แล้วบอกว่าไม่เป็นไร เขาอยู่ตรงนี้”โซโล่ยิ้มน้อยๆ แล้วก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเหยียดในชั่วพริบตา “ผ่านไปสองปีเขาก็ทิ้งผมไป กลับไปหาพ่อ ต่อให้ผมอ้อนวอนและพยายามติดต่อไปเขาก็ไม่เคยเหลียวแล”
“เป็นคำสั่งคุณพ่อหรือเปล่าครับ”
“ผมก็คิดแบบนั้น…ผมพยายามแล้ว บอกเขาว่าอย่าไป บอกว่าผมจะไม่ยอมให้พ่อทำอะไร แต่เจย์ก็ไม่ตอบรับ”โซโล่กัดฟัน ดวงตาแข็งกร้าวขึ้น “ถึงจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ที่เขาเข้ามาหาผมก็คงเพราะคำสั่งพ่อนั่นล่ะ ผม…”
“โซ”ผมตัดบท ยิ้มบางให้คนที่กำลังทำหน้าตาเย็นชา โซโล่เงยหน้ามองผม ใบหน้าแข็งกร้าวของเขาดูอ่อนลงเล็กน้อย “พี่ถามอะไรหน่อยนะครับ”
“ครับ”
“โซรู้จักคุณเจย์มากี่ปีแล้ว”
“ตั้งแต่จำความได้ก็มีเจย์อยู่ข้างๆมาตลอด น่าจะตั้งแต่สี่ขวบ”
“แล้วเขาทิ้งโซไปกี่ปีครับ”
“สอง…”
“เขาบอกเหตุผลโซไหม”
“ไม่…”
“แล้วตอนคุณแม่เสียไปเขาเป็นคนที่กอดโซไว้แล้วบอกว่าไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
“…”
“เขาเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างๆโซมาตลอดสองปีหลังคุณแม่เสียไปใช่ไหม”
“…”
ผมคลี่ยิ้ม มองคนที่ค่อยๆเงียบไปด้วยสายตาอ่อนโยน ใบหน้าของคนที่เคยเย็นชาฉายแววสับสนและไม่มั่นใจ
“แล้วทำไมโซถึงเอาระยะเวลาแค่สองปีมาตัดสินคนที่รู้จักกันมามากกว่าสิบปีล่ะครับ”ผมใช้มือข้างหนึ่งดันใบหน้าเจ้าหมาให้เงยขึ้นมอง “เขาไม่ได้บอกเหตุผล ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเหตุผล เขาหายไป ไม่ได้หมายความว่าเขาทิ้ง พี่พูดถูกหรือเปล่าครับ”
โซโล่เงียบไป ไม่ได้พูดอะไรนอกจากมองผมด้วยสายตาสับสน…และโทษตัวเอง
“คุณเจย์บอกว่าโซเป็นน้องชายคนสำคัญ…เขาขอร้องให้พี่อยู่ข้างโซไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ตาม”ผมมองคนที่เบิกตาน้อยๆด้วยความตกใจนิ่งๆ ค่อยๆพูดต่อช้าๆ “พี่รู้จักเขาวันนี้เป็นวันแรก แต่กลับรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดี…แล้วโซรู้จักเขามาเป็นสิบปี โซไม่รู้เลยเหรอครับว่าเขาเป็นคนยังไง”
ผมปล่อยให้โซโล่คิด ให้เขาอยู่กับตัวเอง ไม่ได้ทำอะไรนอกจากมองหน้าเขาเหมือนต้องการส่งกำลังใจไปให้
“เจย์เป็นคนยิ้มเก่ง…”โซโล่พูดช้าๆแล้วค่อยๆหลับตาลง “แม่บอกว่าอยากให้ผมโตมาเป็นคนดีเหมือนเจย์ แม่มักจะมองเจย์ด้วยสายตารู้สึกผิดเสมอ…แม่บอกว่าทำผิดต่อเจย์ไว้”
“ครับ”
“เจย์ชอบทำอาหาร แม่ชอบบอกว่าเจย์ทำอาหารอร่อยกว่าแม่”คนที่หลับตาหัวเราะเบาๆ “จริงๆผมก็คิดว่างั้น แต่ไม่อยากให้แม่เสียกำลังใจเลยไม่พูดไป”
“หืม…พูดแบบนี้พี่ชักอยากทานฝีมือคุณเจย์แล้วสิ”
“ผมจะบอกให้เจย์ทำให้”
“ครับ”ผมยิ้มเมื่อเริ่มมองเห็นความเปลี่ยนแปลง
“นอกจากนั้นเจย์ยังเรียนเก่งสุดๆ…แม่ชอบให้เจย์มาสอนการบ้านผม”โซโล่ทำหน้ามุ่ยทั้งที่ยังหลับตา “ปกติก็ใจดี แต่พอเป็นครูดุอย่างกับหมา”
“ว่าคนอื่นได้เหรอเรา”ผมหยิกแก้มขาวๆด้วยความหมั่นไส้ ส่วนคนที่กล้าว่าคนอื่นเป็นหมาก็หน้าหงิกไปตามระเบียบ แต่ผ่านไปแค่แวบเดียวเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา
“เจ็บนะ”
“ก็หยิกให้เจ็บครับ”ผมหัวเราะ เปลี่ยนเป็นลูบแก้มที่โดนหยิกให้แทน
“นอกจากนั้น…”โซโล่หุบยิ้มช้าๆ ลืมตามองผมด้วยดวงตาสั่นไหว “เจย์ไม่เคยบอกใครเลยว่ารู้สึกอะไรอยู่ แม่บอกว่าเจย์ชอบเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเอง”
“แล้วโซรู้เหตุผลที่โกรธคุณเจย์หรือยังครับ”
“ผมโกรธที่เจย์ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว โกรธที่เจย์เลือกพ่อ…”
“…”
“แต่ผมไม่เคยเกลียดเจย์”
“แล้วโซคิดว่าควรทำยังไงดีครับ”
“ผม…”โซโล่หลุบตาลงต่ำ ผมมองเห็นความรู้สึกผิดอยู่ในดวงตาคู่นั้น
“โซจำที่พี่บอกว่าเราจะช่วยกันแก้ปัญหาทีละปมได้ไหมครับ”ผมยิ้มบางเมื่อเขาพยักหน้า “พี่หมายความถึงทุกเรื่อง…รวมถึงเรื่องนี้ด้วย”
เริ่มจากการแก้ปัญหาความไม่เข้าใจของพี่น้องสองคนนี้ที่ดูรักกันจะตาย แต่กลับไม่มีใครยอมพูดอธิบายอะไรออกมา
“…”
“โซจะไม่มีวันรู้ความจริงถ้ายังไม่ยอมเปิดใจ จะไม่มีทางรู้เหตุผลถ้ายังไม่ยอมถาม โซรู้จักคุณเจย์ดีที่สุด รู้ว่าเขาเป็นคนที่ชอบเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเอง ถ้าอย่างนั้นลองคุยกับเขาดีไหมครับ ต่อให้เขาบอกเหตุผลเราไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าการคิดไปเอง”
ผมพูดไว้แค่นั้นแล้วก็เงียบไป ปล่อยให้เขาได้คิดเอง ผมรู้ดีว่าโซโล่เป็นคนแบบไหน เจออะไรมาบ้าง ต่อให้ฉลาดแค่ไหนแต่เรื่องของความรู้สึกมันเป็นอะไรที่เปราะบาง ถ้าเขาไม่ใช่คนชอบถาม ในขณะที่คุณเจย์ก็ไม่ใช่คนชอบอธิบาย มันคงเป็นอะไรที่ง่ายดายถ้าจะเข้าใจผิดกัน
โซโล่ยังเด็ก ยิ่งตอนนั้นเขายิ่งเด็กเข้าไปใหญ่ ไม่แปลกถ้าจะใช้ความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้ง พอไม่มีคนเตือนมันถึงได้เลยเถิดมาไกลขนาดนี้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่…
“โซมีพี่นะครับ”
“กีตาร์…”
“เราจะแก้ปัญหาไปด้วยกัน…”ผมเกลี่ยแก้มเขาเบาๆ “ถ้าอยากคุยกับคุณเจย์ พี่จะอยู่ข้างๆโซเอง จะคอยเตือน คอยเข้าใจ…ถ้าโซต้องการ”
“กีตาร์…”โซโล่มองผมด้วยสายตาอ่อนโยน ริมฝีปากขยับยกเป็นรอยยิ้มช้าๆ “ผมจะคุยกับเจย์…”
“…”
“กีตาร์อยู่ข้างๆผมนะ”
“ครับผม!”ผมพยักหน้าแข็งขัน จริงจังเสียจนเจ้าหมาหัวเราะออกมา พอเห็นเขายิ้มได้ผมก็เริ่มคลายความเครียดลง กลายเป็นเสียงหัวเราะของเราทั้งคู่
ผมก้มหน้าลงไปตามแรงชักจูงของคนที่ยื่นมือมากดหัวเบาๆ ริมฝีปากของเราสัมผัสกันช้าๆทั้งที่ยังยิ้มอยู่ ความอบอุ่นนุ่มนวลที่ถ่ายทอดความรู้สึกมากมายผ่านมาให้ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจ ผมผละออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่ากำลังจะหมดลมหายใจ ปลายจมูกแตะอยู่ที่ปลายจมูกโด่งของคนที่มองมาด้วยสายตาเป็นประกาย
“ผมโชคดีจริงๆที่มีกีตาร์”
ผมขยับตัวด้วยความอึดอัด ความเงียบที่ปกคลุมไปทั่วห้องมากว่าสิบนาทีทำให้บรรยากาศดูเย็นยะเยือกแปลกๆ มองไปทางซ้ายเจอหมาหน้านิ่งที่นั่งเงียบกริบ มองไปทางขวาเจอชาวต่างชาติหน้าเด็กที่แม้จะยิ้มน้อยๆแต่ก็เงียบสนิทไม่ต่างกัน
แล้วทำไมผมต้องเป็นคนที่นั่งตรงกลาง…
ผมได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ขยับมือสะกิดขาหมาหน้านิ่งเป็นการเตือน โซโล่เหลือบมองก่อนจะขมวดคิ้วน้อยๆ แต่สุดท้ายก็ยอมพูดออกมา
“ทำไมถึงหายไป”
“ผมจำเป็นครับ”คุณเจย์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว ผมแอบอมยิ้มเมื่อเห็นว่าเขาดูกระตือรือร้นมากจนผิดปกติ
“เพราะพ่อใช่ไหม”
“ไม่ใช่ครับ…ไม่ใช่คุณท่าน”คุณเจย์ปฏิเสธ ส่ายหน้ารัวจนผมแอบแปลกใจกับท่าทีนั้น
“แล้วที่นายมาอยู่กับผมเพราะอะไรกันแน่”โซโล่หันมาจ้องหน้าคู่สนทนาด้วยความจริงจัง
“นั่นเพราะ…คุณท่านบอกให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนคุณชาย”
“หึ..”
ผมลูบมือโซโล่เบาๆ ส่ายหน้าเป็นเชิงเตือนให้เขาฟังต่อ
“…แต่ผมรักคุณชายเหมือนน้องชายจริงๆ ไม่ใช่ด้วยคำสั่งอะไรทั้งนั้น”สายตาของคุณเจย์ดูจริงจังและมั่นคง โซโล่คลายมือที่กำแน่นช้าๆ สายตาแข็งกร้าวดูอ่อนลง
“ทำไมไม่บอกอะไรสักคำ…ทำไมไม่ติดต่อมา”
“ผม…”เขาหลุบตาลง ท่าทางดูไม่มั่นใจ
“ถ้าเห็นผมเป็นน้องก็บอกมา”โซโล่พูดเสียงแข็ง ท่าทางจริงจังแต่ไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนตอนแรก กลับกันมันดูเหมือน…กำลังขอร้อง
“คุณชาย”คุณเจย์ยืดตัวตรง ความไม่มั่นใจในดวงตาของเขาหายไป “ที่ผมมาอยู่กับคุณชายเป็นความต้องการของคุณท่าน และที่ผมไปจากคุณชาย…เป็นความต้องการของคุณหญิง”
ผมมองโซโล่ด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นท่าทีตกใจของเขา พยายามบีบมือให้กำลังใจแต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ตอบสนองสักนิด
“หมายความ…ว่ายังไง”
“ก่อนคุณหญิงจะจากไป ท่านบอกให้ผมกลับไปหาคุณท่านตอนที่คุณชายทำใจได้แล้ว…คุณชายอาจจะไม่รู้ตัว แต่จริงๆนอกจากผมกับคุณหญิง ยังมีคนมากมายอยู่รอบตัวคุณ”คุณเจย์ถอนหายใจแล้วยิ้มบาง “เพราะปิดใจมาตลอดเลยไม่เคยเห็น”
“…”
“แต่คุณท่านไม่มีใคร…ทำงานคนเดียว ไว้ใจใครไม่ได้”คุณเจย์พูดเสียงสั่น ใบหน้าเศร้าหมอง “คุณหญิง…ขอร้องให้ผมกลับไปอยู่กับคุณท่าน”
“แม่จะห่วงพ่ออีกทำไม…ในเมื่อพ่อไม่เคยสนใจผมกับแม่เลย!”โซโล่ตวาด ใบหน้าดูโกรธจัด ถ้าผมไม่ได้ดึงตัวไว้เขาคงลุกขึ้นทุบโต๊ะไปแล้ว
พอเห็นใบหน้าโกรธเคืองที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของคนข้างๆผมก็รู้สึกหน่วงๆตามไปด้วย ความเศร้ามากมายกระจายออกมาทางน้ำเสียงทั้งที่เจ้าตัวกำลังโกรธ
โกรธเพื่อปิดกั้นความเสียใจไว้
“ผมไม่รู้จริงๆ…ผมบอกได้แค่ว่าผมไม่เคยอยากทิ้งคุณชายเลย”
“แล้วทำไมถึงไม่บอกอะไรผมเลย…ทำไมไม่บอกตั้งแต่ตอนนั้น”โซโล่กำมือผมแน่น จ้องมองคุณเจย์ด้วยสายตาเจ็บปวด
“เพราะผมรู้สึกผิด…ทั้งต่อคุณและต่อคุณหญิง”เขาหลับตาลง ดูเจ็บปวดไม่ต่างกัน “ถึงผมจะไม่เคยอยากทิ้ง แต่ผม…ก็ยินดีกลับไปหาคุณท่านเอง”
“หมายความว่ายังไง”
“ผมไม่อยากให้คุณท่านโดดเดี่ยวอีกแล้ว…”
“…”
“ผมรักคุณซี”
“!!”
“ผมรักพ่อคุณ…รักมานานแล้ว”
ไม่ใช่แค่โซโล่ที่ชะงักไป เพราะแม้แต่ผมเองที่เพิ่งรู้เรื่องไม่นานก็ตกใจไม่แพ้กัน ผมไม่รู้ว่าโซโล่รู้สึกแบบไหนเพราะเขานิ่งสนิทไปแล้ว ไม่มีความรู้สึกใดๆปรากฏออกมานอกจากความว่างเปล่า
“เพราะรู้สึกผิดผมถึงไม่ติดต่อไป คิดว่าให้คุณเกลียดไปเลยอาจจะดีกว่า แต่ก็อดไม่ได้…สุดท้ายก็ต้องแอบไปดูทุกวัน ให้แมรี่ที่เป็นแม่บ้านคอยโทรบอก คอยดูแลคุณแทน”
“พอ…”
“ผมไม่เคยคิดบอกความจริง แต่พอคุณมาถามก็ทนไม่ได้ ไม่อยากโกหก ไม่อยากให้เข้าใจผิดอีกแล้ว…”
“พอ…”
“ผม…”
“บอกให้พอไง!”
“โซ!”ผมตะโกนด้วยความตกใจเมื่อคนข้างๆลุกขึ้นแล้วเดินไปกระชากคอเสื้อคุณเจย์ขึ้นมา
“จะทำอะไรผมกะ…”
หมับ!
คุณเจย์เบิกตากว้าง ตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของโซโล่ที่กอดเขาไว้
“ขอโทษ”เสียงของคนที่กำลังหันหลังให้ผมสั่นเทา “ขอโทษที่เข้าใจผิด”
“ทำไม…”คุณเจย์พึมพำเสียงแผ่ว ไม่นานนักใบหน้าไม่เข้าใจนั้นก็เปลี่ยนไปช้าๆ น้ำตามากมายไหลออกมาจากดวงตาสีฟ้าคู่สวย “คุณชาย…”
“ผมโง่เองที่ไม่เคยเข้าใจเจย์เลย”
“ไม่…ไม่เป็นไรครับ”คุณเจย์ผละออก ยกมือเช็ดน้ำตาแล้วส่ายหน้าปฏิเสธทั้งรอยยิ้ม “แค่ไม่รังเกียจผมก็พอแล้ว”
“ผมคงเข้าใจทุกอย่างไม่หมด…ถ้ายังไม่ได้คุยกับพ่อใช่ไหม”โซโล่ถามเสียงสั่นไหว เขาเดินกลับมายืนข้างๆแล้วจับมือผมไว้
“เรื่องบางเรื่อง…มันมีอะไรมากกว่าที่คิด”คุณเจย์ยิ้มบาง มองมาที่ผมด้วยสายตาขอบคุณ “บางทีคุณน่าจะลองคุยกับท่านตอนที่ท่านมาที่นี่”
“ผมจะพยายาม”
สถานการณ์ดูดีขึ้นเรื่อยๆ โซโล่ดูคุยกับคุณเจย์ได้เป็นปกติ ถึงเจ้าตัวจะทำท่าทางนิ่งเฉยแค่ไหนแต่ผมรู้ดีว่าเขากำลังมีความสุข ไม่ต่างจากคุณเจย์ที่ยิ้มอย่างจริงใจมากขึ้น…ไม่เหมือนตอนแรกที่ยิ้มเศร้าๆ
ผมเองก็นั่งยิ้มไม่ต่างกัน รู้สึกดีที่พวกเขาเข้าใจกันแม้จะยังกังวลกับเรื่องพ่อของโซโล่ไม่น้อย
“คุณท่านกำลังจะมาที่นี่ใช่ไหมครับ”ผมถามคุณเจย์ที่นั่งอยู่ข้างๆ มีหมาตัวโตนั่งพิงไหล่เล่นเกมส์ในโทรศัพท์เงียบๆ
“น่าจะอีกสักพักครับ…ที่ผมมาก่อนก็เพราะท่านสั่งให้มาจัดการเรื่องคุณชาย”
“จัดการ…”
คุณเจย์ยิ้มน้อยๆก่อนจะพยักหน้า
“ครับ…เรื่องคุณชายกับคุณกีล์ ท่านอยากให้พวกคุณเลิกติดต่อกัน…แต่ผมคงทำไม่ลง”
“แล้วอย่างนี้คุณจะไม่เป็นไรเหรอครับ”ผมถามอย่างอดห่วงไม่ได้ ดูท่าทางแล้วคุณท่านคงน่ากลัวน่าดู ไม่รู้ว่าถ้าคุณเจย์ทำไม่สำเร็จจะเป็นอะไรไหม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ท่านไม่ทำร้ายร่างกายผมหรอก…”ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ดวงตาของคุณเจย์กลับดูสั่นเทาราวกับเขากำลังเจ็บปวด “ท่านคงมาจัดการเองมากกว่า”
“งั้นเหรอครับ”ผมถอนหายใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอก…”เสียงเรียบๆมาพร้อมสัมผัสเบาๆที่แก้ม ผมหันไปหา สบตากับเจ้าหมาที่ดูแตกต่างไปจากทุกที “ผมจะไม่ยอมให้เขาทำอะไรกีตาร์”
สายตาของโซโล่ดูจริงจังและหนักแน่น เขาไม่ยอมละสายตาไปไหนเหมือนจะบอกให้ผมมั่นใจ และสัมผัสอบอุ่นที่แก้มก็ทำให้ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นมากจริงๆ
“พี่ไม่ได้กลัวว่าคุณท่านจะทำอะไรพี่หรอกครับ”ผมอมยิ้ม ดึงมือโซโล่มากุมไว้แล้วบีบเบาๆ “พี่แค่กลัวว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน”
“ผมไม่ยอมแน่ๆ”
“ครับ…”ผมรับคำด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าหงุดหงิดของเจ้าหมา
“…”
“พี่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน”
-------------------------------------
ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์
Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04