-19-
“โซ…”ผมเรียกคนที่กำลังทำท่าจะเดินไปอาบน้ำไว้ หลังจากที่คิดว่าถึงเวลาที่จะต้องพูดเรื่องนี้เสียที ตลอดระยะเวลาที่ขับรถกลับผมนึกถึงเรื่องนี้มาโดยตลอด ยิ่งหันไปมองคนที่ทำหน้าที่ขับรถให้ก็ยิ่งคิดเยอะ
“ครับ”
“พี่เรียนขับรถดีไหม”
จริงๆก็คิดแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ตอนแรกผมไม่มีเวลาแถมไม่มีรถเลยคิดว่าไม่จำเป็น แต่พอมาอยู่ด้วยกันแบบนี้แล้วให้โซโล่ขับรถให้ตลอดก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นอกจากนั้น…
“พี่ไม่อยากเป็นคนที่ทำอะไรไม่ได้ตอนที่โซไม่สบายอีก”
ถึงจะไม่ได้พูดแต่ภาพตอนที่โซโล่ไม่สบายครั้งก่อนยังติดอยู่ในหัวผมไม่ไปไหน ถ้าตอนนั้นไม่มีเจไดกับเก้าผมก็ไม่รู้จะทำยังไง ให้พาโซโล่ออกไปขึ้นแท็กซี่หน้ามหา’ลัยก็ดูลำบาก อดคิดไม่ได้ว่าถ้าผมขับรถเป็นมันคงจะดีกว่านี้
ผมอยากเป็นที่พึ่งพิงให้เขาได้ในทุกๆความหมาย
“ไม่เป็นไรหรอก”โซโล่หันมายิ้มน้อยๆแล้วเดินเข้ามาหาผมที่ยืนพิงโต๊ะกินข้าวอยู่ “แต่ถ้ากีตาร์อยากขับเป็นจริงๆผมจะสอนให้”
“ครับ ถ้าว่างแล้วสอนพี่หน่อยนะ”
ถึงจะไม่รู้ว่าตอนไหนจะว่างก็เถอะ…
“โซไปอาบน้ำก่อนครับ เดี๋ยวพี่หาอะไรให้ทานรองท้อง”ผมบอกแล้วผลักไหล่คนที่ยังใส่ชุดบอลให้เดินไปทางห้องน้ำ
“ไปกินที่นั่นก็ได้นี่”
“ไม่ได้ครับ”ผมปฏิเสธ ไม่ลืมขมวดคิ้วเพื่อดุคนที่ไม่ยอมเป็นห่วงสุขภาพตัวเอง “เหล้ากินแทนข้าวไม่ได้นะครับ ทำไมไม่ห่วงสุขภาพตัวเองบ้าง”
“กีตาร์…”โซโล่เรียกเสียงอ่อยแล้วเดินเข้ามาจับแขนผมไว้เหมือนจะอ้อน “ขอโทษ”
“พี่ไม่ได้โกรธ”ผมถอนหายใจแล้วส่งยิ้มให้หมาตัวโตที่กำลังทำหน้าหงอย
“แต่กีตาร์ดุ”
“ก็เราไม่ค่อยสนใจตัวเองเลยนี่ครับ…พี่เป็นห่วง เข้าใจคำว่าเป็นห่วงไหมเจ้าฮัสกี้”ผมปรับเสียงให้เป็นเหมือนเดิมแล้วยกมือลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆเพื่อให้เขารู้ว่าผมเป็นห่วงจริงๆ
ตั้งแต่แรกๆที่รู้จักกันโซโล่ก็เป็นแบบนี้มาตลอด ไม่ห่วงตัวเอง ไม่รักษาสุขภาพ หลังจากฟังเรื่องของเขามาแล้วผมถึงได้รู้ว่ามันเป็นเพราะไม่มีใครคอยห่วงหรือคอยดูแลเขา เจ้าตัวถึงได้เป็นแบบนี้
แต่ตอนนี้กับตอนนั้นมันต่างกัน
“เมื่อก่อนโซอาจจะไม่มีใครคอยห่วงคอยดูแล…แต่ตอนนี้โซมีพี่นะครับ”
“กีตาร์…”
“พี่เป็นห่วงโซ…แต่โซจะให้พี่คอยดูแลตลอดไม่ได้ โซต้องดูแลตัวเองด้วย เข้าใจไหมครับ”
คนฟังพยักหน้าหงึกหงักแต่ก็ยังขมวดคิ้วเหมือนกำลังไม่เข้าใจ
จริงๆผมคิดว่าไม่ใช่เขาไม่ค่อยดูแลตัวเองหรอก โซโล่ดูใส่ใจกับคำพูดของผมมาก ตอนนั้นผมเคยบอกเขาไปแล้วเรื่องดูแลตัวเองและเจ้าตัวก็รับปาก ผมรู้ว่าเขาจำได้ แต่คิดว่าเขาไม่รู้ว่าอะไรคือการดูแลตัวเองมากกว่า
“ถ้าโซคิดไม่ออกว่าต้องดูแลตัวเองแบบไหน งั้นโซก็คิดว่าจะดูแลพี่ยังไงดูนะครับ”พอผมพูดจบคนที่กำลังขมวดคิ้วเมื่อครู่ก็ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มทันที
“ผมจะพยายามนึกถึงตัวเองให้มากขึ้น…”โซโล่ยิ้มกว้างขึ้นแล้วแกว่งแขนผมที่เขาจับไว้เบาๆ “แต่กีตาร์ก็ต้องดูแลผมด้วยนะ”
“ครับผม”
ไม่บอกก็จะทำอยู่แล้ว…
“ผมก็จะดูแลกีตาร์เหมือนกัน”
เรายิ้มให้กัน ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น แต่แค่นั้นก็ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นไปทั้งใจ
ผมหัวเราะออกมาเมื่อคนที่ทำท่าจะเดินไปอาบน้ำออกแรงลากให้ผมเดินตามมาจนถึงห้องนอน จะดึงแขนยังไงก็ไม่ยอมปล่อย จนผมต้องตีมือเขาเบาๆแล้วผลักให้เดินเข้าไปในห้องน้ำถึงจะได้ออกมาทำอาหาร
ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่โซโล่ก็ไม่ได้กินอาหารสำเร็จรูปอีกเพราะผมคอยทำอาหารให้ทุกมื้อ ส่วนผมก็ไม่ได้นอนดึกอีกเพราะโดนลากไปเป็นหมอนข้างของหมาขี้เซาทุกคืน
ชีวิตประจำวันของเราเปลี่ยนแปลงไปช้าๆ จากตัวคนเดียวพอมีใครมาอยู่ข้างๆมันก็เริ่มไม่เหมือนเดิม แปลกที่มันไม่ได้สร้างความอึดอัดให้ผมแม้แต่น้อย แต่กลับสร้างความรู้สึกดีๆและความสุขให้มากขึ้นทุกวันจนทำให้ผมรู้สึกเหมือน…
ผมกำลังจะขาดเขาไม่ได้
“กีตาร์…”อ้อมกอดอบอุ่นที่ซ้อนมาจากด้านหลังทำให้ผมที่กำลังวางจานข้าวสะดุ้งน้อยๆ ผมส่ายหน้าเบาๆอย่างระอาใจกับคนที่ชอบทำให้ตกใจทุกที สุดท้ายก็ได้แต่ยื่นมือไปบีบจมูกหมาตัวโตด้วยความหมั่นไส้
นี่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงอีกอย่าง…เจ้าหมาเช็ดตัวทุกครั้งที่อาบน้ำ ไม่ปล่อยให้ตัวเปียกในห้องแอร์แล้ว
“พี่บอกให้เช็ดหัวด้วยไม่ใช่เหรอครับ”ผมพลิกตัวกลับมาแล้วพิงตัวกับโต๊ะกินข้าวก่อนจะดึงผ้าเช็ดหัวที่อีกคนพาดไว้ที่คอมาเช็ดหัวให้
เจ้าหมานี่ไม่ยอมเช็ดหัวเองเสียที ผมก็เคยพูดไปแล้วหลายครั้ง แต่ว่า…
“อยากให้เช็ดให้”ว่าจบก็เท้าแขนสองข้างคล่อมตัวผมไว้กับโต๊ะกินข้าวจนใบหน้าแทบจะติดกัน
ผมดึงแก้มสองข้างของเจ้าหมาขี้อ้อนแต่ก็ยอมเช็ดหัวให้เจ้าตัวต่อเพราะรู้ดีว่าถ้ายังไม่เสร็จเจ้าหมานี่ไม่มีทางยอมผละออกไปแน่นอน
“ไม่อยากไปแล้ว”
“หืม”
“ขี้เกียจไปแล้ว”
“ตอนแรกเราก็ดูอยากไปไม่ใช่เหรอครับ”ผมเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย ตอนแรกดูท่าทางอยากไปดื่มจะตาย มาตอนนี้บอกไม่อยากไปแล้วเสียอย่างนั้น
“อยากอยู่กับกีตาร์”
“พี่ก็ไปด้วยนี่ครับ”
“อยากอยู่สองคน”
“อยู่สองคนทุกวัน ยังไม่เบื่อเหรอครับ”ผมอมยิ้มเมื่อคนที่หลับตาพริ้มให้เช็ดหัวลืมตามองแล้วขมวดคิ้วฉับเหมือนไม่พอใจ
“ไม่มีทาง”
“พี่ล้อเล่นครับ…”ดูเหมือนโซโล่จะไม่ได้ฟังที่ผมบอกว่าล้อเล่นแม้แต่น้อย เพราะอีกฝ่ายเล่นจ้องกลับมานิ่งๆ แถมดวงตาคมยังฉายแววกังวลออกมาอย่างชัดเจนอีกต่างหาก
“กีตาร์พูดเพราะเบื่อผมเหรอ”
นั่นไง…
“ไม่ครับ…พี่แค่ล้อเล่นจริงๆ”ผมมองหน้าเจ้าหมาคิดมากแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่าต่อไปไม่ล้อเล่นเรื่องแบบนี้อีกจะดีกว่า…หน้าตึงไม่ยอมยิ้มเลย
“…”
“จริงๆนะครับ พี่ขอโทษนะ”ผมมองคนคิดมากแล้วยิ้มให้บางๆ มือโคลงหัวอีกคนไปมาให้รู้ว่าล้อเล่นจริงๆ โซโล่เงียบไปสักพักสุดท้ายก็ยอมพยักหน้าแล้วคลายความกังวลลง
“ไม่พูดแบบนี้แล้วนะ”
“ครับ…ไม่พูดแล้ว”ผมรับปาก เริ่มใจชื้นเมื่อเห็นว่าเขากลับมายิ้มได้เหมือนเดิมแล้ว
“เรื่องไปร้านเหล้า…”
“นานๆจะได้ไปกับเพื่อนที แล้วโซก็ไม่ได้ไปมานานแล้วด้วย ยังไงก็ไปสักหน่อยเถอะครับ”
ตั้งแต่ที่มาอยู่ด้วยกันผมก็ไม่เคยเห็นโซโล่ไปไหนเลยนอกจากมหา’ลัยกับคอนโด ผมรู้ว่าเขาก็อยากกินเหล้าอยู่เหมือนกัน แล้วก็เข้าใจดีด้วยเพราะเพื่อนตัวเองก็กินกันทุกคน ผมไม่เคยบังคับให้เขาทำหรือไม่ทำอะไร แต่ดูเหมือนโซโล่เลือกที่จะไม่ทำเอง
มันทำให้ผมรู้ว่าเจ้าหมานี่ให้ความสำคัญกับผมขนาดไหน…เพราะงั้นผมเองก็จะเข้าใจและให้ความสำคัญกับเขาเหมือนกัน
“พี่ก็จะไปดูแลเราด้วย เพราะงั้นไม่ต้องห่วงนะครับ”ผมดึงผ้าเช็ดหัวออกจากหัวหมาตัวโตที่กำลังจ้องมานิ่งๆแล้วดันอกอีกฝ่ายให้ถอยออกจะได้ทานข้าวกันเสียที
โซโล่รั้งตัวไว้ไม่ยอมถอยจนผมต้องเลิกคิ้วมองเป็นเชิงถาม เขาไม่ได้พูดอธิบายอะไรออกมา ผ่านไปสักพักถึงได้ยกยิ้มนิดๆก่อนจะกดริมฝีปากลงบนหน้าผากผมเบาๆ
“ขอบคุณครับ”
ร้านบออาบาร์
“เพื่อน!”
ผมรีบดึงคนข้างๆให้เดินตามเข้าไปด้านในร้านที่ไวน์ตะโกนเรียกอยู่ เพราะร้านนี้เป็นร้านติดมหา’ลัยลูกค้าส่วนใหญ่เลยเป็นพวกนักศึกษาทั้งนั้น ไม่แปลกเลยที่คนในร้านจะมองพวกผมกันเป็นแถบโดยเฉพาะเจ้าหมาหน้านิ่งที่โดนจ้องจนเจ้าตัวขมวดคิ้วหงุดหงิด
ตั้งแต่โซโล่เริ่มงานในฐานะเดือนมหา’ลัยและมีผลงานออกมาเขาก็มีคนตามมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงขนาดมีเพจแยกเป็นของตัวเอง ผมยังจำชื่อเพจที่ขิมส่งมาให้ดูได้อยู่เลย
โต๊ะที่พวกมันนั่งกันอยู่เป็นโต๊ะที่เอามาต่อกันจนยาวเหยียด มีคนนั่งอยู่ไม่น่าต่ำกว่าสามสิบคน ทั้งจากคณะผมแล้วจากคณะโซโล่
“ไอ้เค!เอาเหล้าให้เพื่อนกูเร็ว”
ผมยังไม่ทันปฏิเสธคำพูดไอ้โนว์ เคที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ยื่นแก้วมาให้พร้อมรอยยิ้มที่ดูจริงใจ ผมเลยยิ้มกลับไปตามมารยาท
ดูเหมือนเคจะเข้าใจแล้ว…แต่หมาฮัสกี้ข้างตัวผมไม่เข้าใจแทนเพราะเล่นแย่งแก้วมาถือเองแล้วขมวดคิ้วฉับจ้องเคนิ่งเหมือนพร้อมจะพุ่งเข้าไปหาเรื่องได้ทุกเมื่อ
“โซ…”ผมลูบมือคนข้างตัวเบาๆเป็นเชิงเตือน ซึ่งโซโล่ก็ยอมคลายความหงุดหงิดแล้วหยุดจ้องเค…แต่กลายเป็นมานั่งพิงผมกระดกเหล้าเข้าปากเงียบๆแทน
ผมรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆที่เห็นว่าเคมีท่าทางปกติไม่ได้คิดจะเข้าหาเหมือนตอนแรกแล้ว ด้วยฐานะ ‘หลานรหัส’ ของเขาผมไม่ค่อยอยากให้เรามองหน้ากันไม่ติดนัก
ตอนแรกผมก็คิดไม่ถึงว่าหลานรหัสจะออกมาเป็นเคเหมือนกัน
วันนั้นที่ทะเลผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าลืมไปสนิทเพราะน้องรหัสตัวเองไม่ได้ไปด้วย แต่กลายเป็นอาทิตย์ก่อนวินที่เป็นน้องรหัสผมโทรมาบอกว่าจะเลี้ยงสาย พอถามว่าได้ใครเข้าสายก็บอกมาว่าชื่อเค
เจ้าหมาไม่ได้โวยวายอะไรแต่ผมสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึมครึมจนตัดสินใจบอกปัดนัดเลี้ยงไป
“เพื่อนกีล์ครับ”
ผมหันไปมองหน้าไอ้ไวน์แหยงๆ รู้สึกไม่ไว้ใจคำพูดสุภาพของมันสุดๆ มันพูดแบบนี้ทีไรไม่เคยเห็นเป็นเรื่องดีสักที
“ไม่ทราบว่ามึงวิ่งหนีพวกกูทำไมครับ”
“วิ่งหนี?”ผมแสร้งถามเหมือนไม่รู้เรื่อง รู้สึกเหมือนทุกสายตาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนี้กำลังจับจ้องมาที่ตัวเองด้วยสายตาล้อเลียนที่แสนน่าถีบ
ผมหันไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมือและฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะตั้งแต่ที่ผมมาเมื่อรู้สึกเหมือนเขาเอื้อมมือมาสะกิด คนหัวยุ่งเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มให้ผมด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ก็ที่พี่ลากเพื่อนผมวิ่งหนีไง”
เก้า…ไอ้เด็กแสบ
“คือ…”
“มึงอย่าไปถามคำถามที่มันหาข้ออ้างได้เลย”เสียงหัวเราะหึหึของคนที่นั่งเงียบมานานเรียกให้ทุกสายตาหันไปมอง เบียร์มันมองโทรศัพท์ในมือก่อนจะเงยหน้ามองผมแล้วพูดเสียงเรียบ “สรุปตอนนี้มึงเป็นอะไรกัน สงเคราะห์ให้พวกผู้ช่วยทั้งหลายรู้หน่อย”
ผู้ช่วย?
ผมไล่สายตามองรอบโต๊ะ ดูเหมือนทุกคนจะหลบตากันเป็นพิเศษ ผมเลยต้องหันไปมองโซโล่ที่นั่งกระดกเหล้าไม่สนใจใครแทน
“ผมไม่ได้คิด”
ผมพยักหน้าเพราะรู้ดีว่าเจ้าหมานี่ไม่มีทางโกหก แต่รอยยิ้มมุมปากเล็กๆนั่นมันบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวรู้เรื่องแน่นอน
“ผมปวดท้องอะ”
“เก้าครับ”
ผมดึงชายเสื้อของเด็กผู้ชายหน้าแดงที่น่าจะกินเหล้าเข้าไปเยอะพอควรแล้วออกแรงดึงให้คนที่ทำท่าจะลุกนั่งลงที่เดิม
“ไหนบอกพี่มาสิ”
“ผมก็แค่ให้คำปรึกษาเพื่อนเฉยๆเอง”เก้าเบะปากแล้วทำท่าจะเลื้อยไปกับโต๊ะอีกรอบจนผมต้องดึงคอเสื้อไว้
“มึงบอกมันไปเหอะเก้า ไอ้นี่มันอยากรู้อะไรมันไม่ยอมหยุดง่ายๆหรอก”
ผมยิ้มรับคำพูดของเบียร์อย่างเต็มใจเพราะรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนแบบนั้นจริงๆ
“ผมก็แค่ช่วยเหลือเพื่อน”เก้าพูดแล้วเหลือบตามองผมก่อนจะถอนหายใจ “จำไม่ได้แล้วอะ…ที่จำได้ก็ช่วยแนะนำมันเรื่องเปลี่ยนเพลงตอนประกวด ตอนไปทะเลก็แค่ขอความร่วมมือจากพวกวิศวะกับพวกดุริยางค์นิดๆหน่อยๆเอง”
“ขอความร่วมมือ?”
“ก็เรื่องเปลี่ยนที่นั่ง เรื่องให้ลากพี่ไปหน้าเวที บอกให้คนอื่นเงียบเสียงตอนไอ้โซร้องเพลง ห้ามขำมัน ห้ามแซวจนกว่าพี่กับมันจะคุยกันจบ ชวนพวกเพื่อนพี่ไปแอบดู จำได้แค่นี้อะ”
ผมเงียบกริบพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้คนพูดไหลไปกองกับโต๊ะเหมือนเดิมท่ามกลางเสียงขำของคนอื่นๆ
เด็กบ้านี่!
“รู้แล้วก็บอกผลจากการช่วยเหลือของพวกมันได้แล้วเพื่อนกีล์”ไอ้ไนว์ว่าแล้วยักคิ้วกวน
บางทีผมน่าจะเอาเรื่องที่มีผู้หญิงยัดเบอร์โทรใส่กระเป๋าเสื้อมันไปบอกซัน
“ก็ตามที่คิด”ผมว่าเสียงเรียบ รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากคนข้างๆวูบหนึ่งก่อนพวกที่กำลังอึ้งรอบโต๊ะจะส่งเสียงโหวกเหวก
“เอาจริงดิ!”
“จริงปะพี่!”
“ดีใจด้วยไอ้โซโล่!”
“ขอชัดๆอีกที ตามที่คิดนี่หมายความว่าไงวะ”
ผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้เบียร์ที่นั่งอมยิ้มไม่แคร์โลกก่อนจะกรอกตาเมื่อเห็นสายตาของพวกอยากรู้อยากเห็นมองมาจากทั่วโต๊ะ
“คบกันแล้ว”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!”
“บอกแล้วว่าจริง!”
“ฉันบอกแกแล้วว่าแอดมินเพจไม่มั่วหรอก!”
“เต็มสองหูเลยเป็นไงยะ!”
ดูเหมือนพวกอยากรู้อยากเห็นที่ว่าจะไม่ได้มีเฉพาะโต๊ะนี้…
Admin Page Cute :
มีคนยืนยันแล้วนะพวกเธอว่าคู่นี้คบกันจริง สรุปคู่เรียลค่ะไม่ต้องชงอีกต่อไป เขารักกันแล้วววววว อะไรคือการที่โซโล่มีเตะบอลแล้วพี่กีล์ตามมาเชียร์คะ ได้ข่าวว่าแข่งกับคณะตัวเองแต่ไปนั่งฝั่งน้องคืออะไรคะพี่ คือฟิน คืองานดี คือเช็ดหน้า คือแตะแก้ม คืออะไรรรรรรร กรีดร้องหนักมากชะนีตายเรียบ
*แนบรูปภาพถ่ายด้านข้าง โซโล่ยกมือแตะแก้มกีล์ด้วยรอยยิ้ม
12.2kถูกใจ 7.3ความคิดเห็น 1026Shares
บิวตี้ เซ็กซี่ซูซ่า :
จริงปะ! คือเชียร์มานาน ถ้าจริงจะกรีดร้องหนักมาก ใครมีหลักฐานบอกที #โซโล่กีล์
595ถูกใจ 25ความคิดเห็น
สวย อินเตอร์ :
อัพเดทสถานการณ์ ณ ร้าน บออาบาร์ สดๆร้อนๆ พวกดุริยางค์กับวิศวะมากินเหล้าค่ะ คือพี่กีล์มากับโซโล่แล้วคือแบบว่าได้ยินเต็มสองหูว่าคบแล้ว พยานเป็นร้อยบอกเลย! #โซโล่กีล์
592ถูกใจ 165ความคิดเห็น
Beer Warakul :
หึหึ @Gui Jirayu
152ถูกใจ 65ความคิดเห็น
ผมถอนหายใจเมื่อได้อ่านที่เบียร์แท็กมา ไม่ได้รู้สึกโกรธหรืออะไรเพราะพวกเขาก็ไม่เคยทำอะไรให้แถมยังช่วยให้มีลูกค้ามาที่ร้านมากขึ้นด้วย ต้องบอกว่าพวกเขาไม่เคยทำให้ผมลำบากใจเลยดีกว่า อย่างมากก็แค่มองแต่ไม่เคยเข้ามารบกวนเวลาส่วนตัว ถ้าอยากถ่ายรูปหรืออะไรก็เข้ามาขอเวลาที่เห็นว่าผมว่างตลอด
ผมไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรเสียหายเลยสักนิด ยังไงทุกอย่างมันก็เรื่องจริง
“กีตาร์…”
ผมชะงักมือที่กำลังจะกดอ่านต่อแล้วหันไปมองหมาตาปรือที่เดินมาเกาะแขน ปากยังเลอะนมอยู่เลย…
“ทานยังไงให้เลอะปากครับเนี่ย”ผมหัวเราะแล้วใช้มือเช็ดปากให้หมาหน้าง่วงเบาๆ
“นอนกัน”
“พี่คิดว่านอนไปแล้วเสียอีก”
“รอกีตาร์”
“รอทำไมครับ”
“อยากนอนกอด”
ผมยิ้มให้คำตอบนั้นแล้วเดินตามไปนอนแต่โดยดี โซโล่กอดผมแล้วนอนหลับไปอย่างรวดเร็วเหมือนตุ๊กตาหมาถ่านหมด ปกติเขาไม่ได้ยอมนอนง่ายๆแบบนี้ แต่นี่คงเพราะเหนื่อยจากการเตะบอลแล้วก็เพราะเหล้าด้วยถึงทำให้รู้สึกง่วงจนหลับไปง่ายๆ
ต่างจากผมที่รู้สึกค้างคาใจจนนอนไม่หลับ
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านต่อจากที่อ่านไว้อีกครั้ง รู้สึกว่าจำนวนแท็กเพิ่มขึ้นจนต้องกดเข้าไปดู
Ray Rayray :
กีล์ ยังไงวะ พวกมึงเป็นอะไรกัน กูยังไม่รู้เลยยยยย @Gui Jirayu
149ถูกใจ 60ความคิดเห็น
ตัวประกอบ1 :
ขอโทษที่รบกวน แต่ตอบหน่อยได้ไหมคะ อยากรู้จริงๆนะฮือออ @Gui Jirayu
ตัวประกอบ2 :
พี่กีล์ หนูขอร้องด้วยคนนะคะ อยากรู้ไว้เพิ่มความฟินให้ตัวเอง สัญญาจะไม่สร้างความรำคาญเลยค่ะ @Gui Jirayu
ตัวประกอบ3 :
ผมก็อยากรู้เหมือนกัน @Gui Jirayu
ไอ้เรย์นี่มันแกนนำจริงๆ…
จะว่าไปก็นานแล้วเหมือนกันที่ผมไม่ได้อัพเดทหรือพิมพ์อะไรในเฟสบุคเลย
ผมหันไปมองคนที่นอนหายใจสม่ำเสมออยู่ข้างๆ อยากรู้ว่าถ้าเขาเห็นข้อความพวกนี้แล้วจะอยากให้ผมตอบยังไง แต่มองไปมองมาชักรู้สึกเหมือนเห็นความคาดหวังอยู่ภายใต้ดวงตาที่ปิดสนิทนั่นยังไงก็ไม่รู้
ครับๆ รู้แล้ว…
ผมละสายตาจากคนที่กำลังหลับ หันมากดโทรศัพท์ตามที่ตั้งใจไว้ หลังสำรวจความถูกต้องของตัวหนังสือเรียบร้อยก็กดโพสต์แล้วเอื้อมมือไปปิดไฟ สุดท้ายก็หันมากอดคนข้างกายหลับไปเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา
Gui Jirayu :
เป็นคนรักครับ : )------------------------------------------