ทวงครั้งที่ 13
เรนย้อมผมทองมาได้สี่ปีนับตั้งแต่ลาออกจากมหา’ลัย
เขารู้ว่ามันฉูดฉาด ไม่สุภาพ แถมยังดูเป็นเด็กแว้น
แต่ก็ไม่เคยมีใครทักเรื่องไม่ย้อมคิ้วเปล่าวะ....
“อืม....” ชายหนุ่มตรงหน้ากระจกถูเส้นขนเหนือเปลือกตาไปมา สีของมันดำสนิทตัดกับเส้นผม แต่ก่อนก็ไม่เคยคิดว่าเป็นปัญหา แต่พอโดนทักเข้าดันเสียเซลฟ์สุด ๆ ลองหรี่ตามองก็เห็นมันลอยเด่นเป็นสง่า
ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาคิ้วลอยมาได้สี่ปีแล้ว แม่งไม่เห็นมีใครเตือนเลย เอ๊ะ! แต่พอลองคิดกลับกันแบบนี้แสดงว่าคนเตือนมัน ‘ไม่ปกติ’ หรือเปล่า?
จะปกติได้ยังไงเล่า อารมณ์แปรปรวนซะขนาดนั้น ไม่รู้ว่าวัยทองหรือเปล่า
ถึงแบบนั้นก็ชอบไปแล้วนี่นา.....
ถุย! ฟองยาสีฟันสีขาวพ่นลงในอ่างล้างหน้า นเรนทร์มองฟองฟ่อดไหลเอื่อยลงรูอย่างเงียบสงบ ราวกับฝึกสมาธิเพ่งการไหลของกระแสวารี และแม้ว่าจะตั้งสมาธิได้ดีเพียงใดภาพเมื่อคืนก็ยังฉายชัดอยู่ในสมอง
เฮียแสงกอดเขา...
กอดแบบที่ไม่มีความหมายซับซ้อน เอาหน้าซุกบ่าสูดกลิ่นฟุดฟิด ก่อนจะผละออกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรนก็อยากจะแปลกใจอยู่นะ แต่เฮียแกก็เชี่ยวชาญเรื่องหลอกเด็กผู้ชาย อาจจะเผลอไผลเพราะห้องมืดหรือไม่ก็หาคนมีเซ็กซ์ด้วยไม่ได้ ช่างเหอะ...
ยังไงก็กำไรกูล่ะ...
หึ หึ หึ เสียงหัวเราะในลำคอลอดออกมาหลังบ้วนปากเสร็จ พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นหมาจิ้งจอกสะท้อนบนกระจก แหม...นึกแล้วยังเสียดายที่มัวแต่ช็อก เลยไม่ได้ดมหัวเฮียแสงกลับ แต่เอ๊ะ! กลิ่นน้ำหอมฉุนขนาดนั้นไม่ดมก็ดีแล้ว
เฮียนี่ก็ประหลาดแท้ เวลาเปิดจังหวะให้ลวนลามก็ไม่ทำแถมด่าซ้ำอีก แต่พอเขาเผลอดันมาเล่นงานซะงั้น คนหน้าด้านที่ไม่ได้เตรียมใจมาก็ก่อนก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟพอดีน่ะสิ แถมยังมาจับใบหูอันเป็นจุดอ่อนไหวของเขาอีก สารภาพเลยว่าตอนนั้นเขินแทบแย่ ถึงจะจบด้วยการไล่ไปย้อมคิ้วก็เถอะ
ใจร้ายจังน้า~
ซ่า... ฝอยน้ำจากฝักบัวปลุกเด็กซ่งให้ตื่นจากฝันหวาน เรนยื่นใบหน้าเข้าหาจนเส้นผมเปียกลู่ลงข้างแก้ม เขาเป็นคนไม่พิถีพิถันกับการอาบน้ำ แม้แต่ครีมนวดผมยังไม่ค่อยใช้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นภารกิจในห้องน้ำแค่สิบนาทีก็เหลือเฟือแล้ว
ห้องนั่งเล่นเงียบสงบไม่เห็นเงาเจ้าของห้อง วันนี้เฮียแสงสลบยาวอีกเช่นเคย กว่าจะตื่นก็คงเก้าโมงสิบโมง หรือไม่ก็รอไอ้พี่ถังมายิงตะปูแถวหัวเตียงปลุก นเรนทร์เริ่มชินกับกิจวัตรประจำวันของเฮียแล้วล่ะ
คำว่า ‘ชิน’ นี่น่ากลัวชะมัด แต่นเรนทร์เชื่อว่าคนปรับตัวเก่งเยี่ยงจิ้งจกอย่างเขาพร้อมจะ ‘ชิน’ กับหลายสิ่งไปเรื่อย ๆ พอคุ้นเคยสักพักก็เปลี่ยนแปลง มนุษย์ก็แบบนี้ล่ะนะ
ดังนั้นตอนนี้ก็ช่างมันก่อนแล้วกัน
แกร๊ก...
กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ขณะยัดหัวเข้าเสื้อบานประตูกระจกก็ถูกเลื่อนออก แน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากสิ่งมีชีวิตวัยทอง
“โอ๊ะ! ทำไมเฮียตื่นเช้าจัง” นเรนทร์ทักทั้งที่ท่อนล่างมีแค่กางเกงในตัวเดียว ช่างเหอะน่า...ตอนเพิ่งตื่นเฮียจะเบลอ ๆ จนกว่าจะได้ล้างหน้าแปรงฟัน ระหว่างนี้ทำอะไรก็ได้
“อื้อ” เสียงครางตอบในลำคอแหบแห้ง สภาพแสงจัดว่ายับเยินประมาณหนึ่ง ผมเผ้ารุงรัง หน้ามีรอยผ้า แถมเปิดดวงตาได้เพียง 1 ใน 3 ไม่แน่ตอนนี้อาจเห็นเรนเป็นเงาดำเท่านั้น
คนเด็กกว่าสะบัดกางเกงขาสั้นแล้วดึงขึ้นสวม “ผมยังไม่ได้อุ่นข้าวต้มให้นะ คิดว่าเฮียจะตื่นสายกว่านี้ งั้นเดี๋ยวไปอุ่นให้นะครับ”
แสงส่ายหัวหงึก ๆ ให้เด็กมันเดาใจไม่ถูกไม่อีก “เฮียหมายถึงยังไม่กิน?”
รอบนี้ผงกหัว โอ๊ะ! เดาถูกด้วย สงสัยตื่นมาชิ้งฉ่องล่ะมั้ง “เชิญเลยครับ ผมใช้ห้องน้ำเสร็จแล้ว”
“ไม่....” ดวงตาขยับเปิด 2 ใน 3 แล้ว “ไม่ได้ปวดฉี่”
“แล้ว....”
“มานี่ซิ” ให้ตายเหอะ ขนาดเบลอยังชอบออกคำสั่งสมเป็นเฮียแสงชะมัด น้องเรนเด็กดีจึงสาวเท้าเข้าไปใกล้อย่างว่าง่าย “วันนี้ฉันมีนัดคุยงานกับเพื่อนตอนเย็น”
“เพื่อนจริงอะ” คนแซวยิ้มเผล่
“เพื่อน” เพราะสมองยังตื่นไม่เต็มที่ไอ้เรนเลยรอดปากเหยี่ยวไปได้หวุดหวิด “คืนนี้กลับดึกนะ ไม่ต้องรอ”
“เฮียตื่นเพื่อมาบอกแค่นี้อะนะ?”
“ไม่ใช่....”
ตุบ... มือใหญ่วางลงบนหัวชายหนุ่ม ขยี้เส้นผมเปียกชื้นจนยุ่งเหยิง
“ตั้งใจทำงานล่ะเรน”
ครืด....
ห้องนอนถูกปิดไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงสีแดงบนหน้าใครอีกคน
นเรนทร์ยกมือลูบใบหน้า ทั้งที่เพิ่งอาบน้ำ แต่มันกลับร้อนผ่าว
แย่แล้ว เมื่อกี้มันอะไรน่ะ.....
……………………………………
…………………………
……….
…….
“มาเก็บงานคร้าบ~”
“เข้ามา ๆ” ลุงรปภ.เชิ้ตฟ้าโบกมือเรียก “บัตรประชาชนด้วย”
ช่างส่งบัตรให้อย่างไม่มีอิดออด นเรนทร์ย้ายมาเก็บงานที่นี่ได้หลายวันแล้ว สลับกับทำงานที่คอนโดเฮียแสงบ้างเพื่อให้มีเงินหมุน เก็บงานยังไงก็ต้องใช้เงินอยู่ดี อดทนไว้! เบิกเป็นก้อนเมื่อไหร่จะได้ลืมตาอ้าปากกับเขาบ้าง
ชายหนุ่มเท้าแขนลงกับโต๊ะไม้มองลุงจดหมายเลขลงบนกระดาษก่อนจะส่งบัตรแขวนคอมาให้หนึ่งใบ “เหมือนเดิมนะ ห้ามเสียงดัง ทำได้ถึงห้าโมง”
“ครับผม”
ป้ายสีน้ำเงินแกว่งไปมาตรงหน้าท้องขณะเจ้าตัวก้าวขาเข้าไปในตรอกทางเดินแคบ ๆ สถานที่เก็บงานของวันนี้คือห้องแผนกบัญชีของบริษัทชื่อดัง ตามสัญญาพ่อเขาทำบิวด์อินให้สี่ห้อง แบ่งเป็นสามงวด สองงวดนั่นเรียบร้อยไปตั้งแต่พ่อยังอยู่ แต่ไอ้ก้อนที่สี่นี่สิ ดึงแล้วดึงอีก ดึงจนพ่อตายของแท้
แต่ก่อนเคยรุ่งเรืองเป็นผู้รับเหมาจ้างช่างมาทำงาน ตอนนี้นเรนทร์ต้องผันตัวเองมาทำงานช่างแทนแล้ว เก็บงานรอบนี้จึงมีเขาเพียงหนึ่งชีวิต หิ้วเครื่องมือเดินดุ่ม ๆ ไปเคาะประตูขออนุญาตอย่างสุภาพ
พนักงานบัญชีบึ้งตึงใส่เขาทุกคน ส่วนใหญ่เป็นสาวที่หน้าตาหงุดหงิดเหมือนเป็นวันนั้นของเดือน ยิ่งเวลาถามว่าเงินจะออกเมื่อไหร่นี่แทบจะแดกหัวเข้าไป เอาเถอะ...แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ทำเหมือนเขาเป็นธาตุอากาศไปเลยยิ่งดี
“โต๊ะพี่ขอบมันถลอกอะ เก็บสีให้ด้วยนะ” อาเจ๊ที่เรื่องเยอะที่สุดเดินมาบอกทันที เรนพยักหน้ารับแต่โดยดีแม้จะแอบค้านในใจว่างานเสร็จเป็นชาติแถมผ่านการใช้งานแล้วถลอกมันไม่ใช่หน้าที่เขาต้องเก็บเลยสักนิด รอบก่อน ๆ ที่มาห้องอื่นก็มีแต่เรื่องจุกจิก โต๊ะที่วางของหนักจนทรุด หลอดไฟขาด ขาเก้าอี้เอียงเพราะมึงนั่งโยก และนั่นกูก็ไม่ได้บิวด์ด้วย ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดจึงตอบกลับไปว่า...
“ได้เลยครับ”
มุมปากกระตุกยิก ๆ ขณะเดินตามเจ้าหล่อนไปที่โต๊ะ อดทนไว้ไอ้เรนเรื่องงี่เง่าจุกจิกยังไงลูกค้าก็คือพระเจ้า ยิ่งกับบัญชีที่มีอำนาจในมือจะดึงเรื่องเขาทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้....ทางที่ดีประจบไว้ก่อนดีกว่า
วันนี้นเรนทร์ถูกเรียกไปเก็บสีโต๊ะสิบตัว ซ่อมขอบตู้เก็บของ ยิงซีลีโคนขอบกระจก เดี๋ยวคลานเดี๋ยวยืนจนหน้ามืดไปหลายที ระหว่างกำลังมองหาที่ทางต่อไปบานประตูด้านหน้าก็ถูกผลักเข้ามา
“สวัสดีค่ะพี่ลิต”
นเรนทร์หูผึ่ง ใจเต้นโครมคราม ชื่ออันคุ้นหูทำเอาชายหนุ่มรีบเงยหน้าขึ้น เป้าหมายเป็นคนเดียวกับที่คิดไว้เลย
“สวัสดีจ้า” ผู้มาเยือนคือชายหนุ่มผู้มีดวงตาเจ้าชู้ “ส่วนของวันนี้เสร็จหรือยังเอ่ย”
“สักครู่นะคะพี่ลิต เดี๋ยวยกไปให้ที่โต๊ะเลยค่า”
“อย่าช้านะครับคนสวย” ร่างนั้นถอยหลังกลับมาก่อนจะพบว่ามีใครอีกคนยืนอยู่ด้วย ชายหนุ่มผิวแทนถือกล่องอุปกรณ์ช่างเต็มสองมือ “อ้าว! เรนมาเก็บงานเหรอ”
“สวัสดีครับพี่ลิต” แม้จะลำบากแต่ช่างก็ยอมวางของแล้วยกมือไหว้ครบสูตร หากสะดวกคลานเข่าเรนก็ยอมทำ
“พอดีเลย พี่มีเรื่องจะคุยกับเรา ออกมานี่ซิ”
นเรนทร์หางกระดิกกองข้าวของแล้วเดินตามเหมือนหมาน้อยทันที จะอะไรซะอีกก็ ‘ชลิต’ นี่ไงเล่าลายเซ็นที่เขาต้องล่าเพื่อเงินก้อนสุดท้าย มาเก็บงานหลายวันก็เจอบ้างไม่เจอบ้าง วันนี้โชคดีชะมัดเรียกมาคุยแบบนี้อาจจะบอกให้ทำเอกสารมาให้เซ็นก็ได้
ชลิตเป็นหนุ่มวัยสามสิบต้น ๆ ที่ดูดีทั้งหน้าตาและตำแหน่ง เขาเตี้ยกว่าเรนประมาณแปดเซนติเมตรแถมยังตัวเล็กกว่า ผิวขาวอย่างผู้ดีนั่งห้องแอร์ มีกลิ่นน้ำหอมติดตัวพร้อมดวงตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นคนนิสัยยังไง เดินเข้าแต่ละแผนกสาว ๆ ก็วี้ดว้ายกระตู้วู้กันใหญ่
“เก็บงานเสร็จหรือยังล่ะเรา”
“เสร็จแล้วครับ” พูดตามตรงก็เสร็จตามรายการที่ให้ทุกวัน แต่มันงอกออกมาเรื่อย ๆ ถ้าโดนเรียกไปตัดหญ้าหรือดูดส้วมเรนก็ไม่แปลกใจแล้ว “พี่ลิตเซ็นใบส่งมอบงานให้ผมได้ไหมครับ”
“อืม...” ชลิตลูบปลายคาง “คงต้องขอตรวจงานอีกทีนะครับ ไว้พี่จะนัดทีมตรวจให้ พอดีช่วงนี้เขาไม่ค่อยว่างเลย”
“พี่ลิตช่วงเร่งให้ผมหน่อยได้ไหมครับ” เมื่อถูกปัดเรื่องนเรนทร์ก็เข้าเลียแข้งเลียขา “งวดสุดท้ายมันข้ามมาเป็นปีแล้วนะครับ เซ็นให้วางบิลรอบนี้ทันได้ไหมครับ”
“พี่เข้าใจเรานะ” ทางนั้นตบบ่าเรนปุ ๆ “แต่มันก็ต้องเป็นไปตามระบบน่ะ พี่ก็ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาไม่ได้ เอาเป็นว่าจะช่วยเร่งนัดคนตรวจงานให้แล้วกันนะ”
“ขอบคุณมากครับ”
ประโยคสวยหรูนั่นทำนเรนทร์ใจชื้น ที่หมายมั่นไว้ว่าจะปิดหนี้เฮียอู๋ภายในเดือนนี้คงไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วมั้ง ดีใจจนเนื้อเต้นรีบยกมือไหว้อีกฝ่ายรัว ๆ
“เรานี่ก็ลำบากนะ พ่อดันมาเสียไปอีก”
“เนอะครับ เพราะงั้นพี่ลิตต้องช่วยผมด้วยนะ” เรนก้มหน้าส่งสายตาอ้อนวอน “ถ้าได้ภายในเดือนนี้จะดีมากเลยครับ”
“ไม่รับปากแล้วกันนะ เอาเป็นว่าจะพยายามแล้วกัน” ทางนั้นคลี่ยิ้มสุภาพ “ยังไงพี่ขอตัวก่อนนะ ถ้านัดได้จะโทรไปแล้วกัน”
“ครับ”
รองเท้าหนังขยับไปสามก้าวก่อนจะงะชัก ชลิตหันกลับมา “เออนี่เรน...”
“.......”
“พี่ชอบเที่ยวนะ”
“ครับ?” นเรนทร์ขมวดคิ้ว
“ไม่มีอะไร กระจกที่ห้องทำงานพี่เหมือนจะหลุด มายิงซีลีโคนให้หน่อย”
มันไม่ใช่งานผมสักหน่อย....
เรนกลืนคำนี้ลงคอก่อนตัดสินใจทำเรื่องนี้ให้มันจบ ๆ ไป...
“ครับผม”
…………………………………………..
………………………….
………..
…….
“แกจะถูกฟ้องล้ม?”
“หนี้บัตรเครดิตน่ะ”
แสงสบตาคนนั่งฝั่งตรงข้ามแล้วเหลือบมองหมายศาลในมือ วันที่ในเอกสารคือเมื่ออาทิตย์ก่อน “โทรไปประนอมหนี้แล้วหรือยัง”
“ยัง” คนตอบหลุกหลิก “ฉัน....ไม่กล้า”
“คุยซะ” ทนายสั่งราวกับเป็นเรื่องง่ายดาย “ฉันถามแกก่อนว่าคิดจะล้มไหม หรือจะปิดหนี้”
‘ยศ’ ไม่ตอบ เอาแต่กุมขมับก้มหน้ามองโต๊ะ แสงเองก็ขี้คร้านจะเร่งเร้าเลยปล่อยให้เพื่อนจมกับความคิดไป ยศเป็นเพื่อนที่เจอในบาร์ซันไชน์ ค่อนข้างคุยกันถูกคอประมาณหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อนยศแต่งงานจึงไม่ได้มาที่บาร์อีก เห็นว่ามีลูกคนหนึ่งด้วยมั้ง
ชีวิตเกย์ที่อายุเริ่มเยอะมันก็มีอยู่ไม่กี่แบบล่ะนะ....
เห็นมันโทรมาก็นึกว่าจะมีเรื่องอะไร ถ้าไม่ลำบากคงไม่ได้เจอกันหรอก ดูท่าจะเครียดหนักถึงได้โทรเร่งตลอดจนแสงลืมหยิบมือถือที่ชาร์จแบตมาด้วย โชคดีที่ยศตรงต่อเวลาเลยหาเจอได้ไม่ยาก
สถานที่นัดหมายคือร้านกาแฟในห้างดังเวลาสองทุ่มครึ่ง เพราะต้องรออีกฝ่ายเลิกงาน แสงนั่งจ้องป้ายนางเงือกสีเขียวที่หน้าร้านฆ่าเวลา ดูไปดูมาก็หลอนดีเหมือนกันแฮะ
“ฉัน...ไม่อยากล้ม” ในที่สุดเจ้าตัวก็สารภาพความในใจ “ถ้าล้มฉันจะเป็นยังไง ไหนจะลูก แล้วครอบครัวฝั่งเมียอีกล่ะ”
“งั้นแกจะปิดหนี้?”
“ฉันไม่มีเงิน...”
แม่งเอ๊ย ทำไมช่วงนี้ถึงมีแต่คนจนมาวนเวียนรอบตัววะ
“ไอ้ยศ” ฟังแล้วแสงได้แต่คลึงหัวคิ้ว “ฉันจะให้คำปรึกษาแกเบื้องต้นนะ ที่เหลือไปตัดสินใจเอง”
มือโยนแผ่นกระดาษลงบนโต๊ะ “มูลหนี้แกล้านสาม ฉันมีให้สองตัวเลือก ข้อแรกโทรไปประนอมหนี้แล้วก็ปิดซะ ต้นมันแปดแสน แกก็ลองต่อไปก่อน มันไม่ยอมหรอก แต่พนักงานจะไปคุยกับเจ้านายมันให้ ฉันว่าได้สักเก้าแสนก็โอเค”
“แต่เงิน...”
“ขอยืมญาติมา ไม่ก็เมียแก”
“ไอ้แสง...” ทางนั้นอึกอัก “ฉันไม่เหมือนแต่ก่อนแล้วนะเว้ย ฉันมีครอบครัว มีภาระต้องดูแล แล้วไหนจะครอบครัวฝั่งเมียอีก ถ้ารู้ว่าฉันต้องไปพึ่งพาเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“ให้ฉันเดา แกยังไม่ได้บอกเมีย”
“.......”
“ไปบอกซะ” ปลายนิ้วเคาะลงบนโต๊ะราวกับย้ำคำ “ชีวิตครอบครัวมันต้องแบ่งกัน”
“แกไม่เข้าใจ แกไม่เคยแต่งงาน”
“ก็ฉันเป็นเกย์” คนตอบยอมรับพร้อมยักไหล่ไม่ยี่หระ “แต่งงานกันแล้ว ถึงจะไม่จดทะเบียนยังไงเมียแกก็ต้องรู้อยู่ดี”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของยศเขม็งเกลียวอย่างน่ากลัว ไม่ได้เจอกันหลายปีฝ่ายนั้นดูแก่ขึ้นเยอะ แต่ก่อนเจ้าสำราญลั้นลาในบาร์เกย์ ดูตอนนี้สิ...อมทุกข์อมโรคอย่างกับโลกจะแตกบนหัวมัน ก็นะ...คนเป็นหนี้ที่ไหนจะยิ้มร่าอารมณ์ดีได้ล่ะ
แต่ก็มีนี่หว่า...
รอยยิ้มโง่ ๆ ของใครอีกคนลอยเข้ามาในหัว พอเจอคนเปรียบเทียบแบบนี้จัดว่านเรนทร์เป็นลูกหนี้ที่สุขภาพจิตดีเกินงามมาก ไม่รู้พ่อมันคลุกข้าวกับอะไรให้กิน
“หรืออีกทางก็ล้มละลายไปเลย” ทนายเอนหลังลงกับอาร์มแชร์พลางยกมือขึ้นกอดอก “หลังจากนั้นจะไม่มีใครทำอะไรแกได้อีก แค่เสียเครดิตชั่วชีวิต ระหว่างนี้ก็ถ่ายทรัพย์สินออกเรื่องนี้แกจ้างฉันดูแลได้ จะซื้ออะไรก็ใช้ชื่อเมียแทน”
“ไม่...ฉันล้มไม่ได้ เมียฉัน”
“อา กาแฟหมดแล้ว ฉันคงต้องขอตัว” จิบเครื่องดื่มมีคาเฟอีนตอนสามทุ่มนี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยแฮะ แสงขยับคอแก้เมื่อยขบ “แกจะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่ละกัน ถ้าจะขึ้นโรงขึ้นศาลอยากได้ทนายโทรเรียกฉันได้ หรือขอคำปรึกษาก็ย่อมได้ คิดให้ราคาพิเศษ”
ยศไม่ตอบอะไร แต่ดูจากสีหน้าแล้วกำลังด่าทอเขาอยู่แน่นอน แสงไหวไหล่ไม่สนใจก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยไม่ลืมหยิบถุงขนมบนโต๊ะ “ขอบคุณที่เลี้ยงล่ะ”
พื้นรองเท้าผ้าใบเสียดสีเอี๊ยดอ๊าดยามก้าวเดิน แสงยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูพลางสบถในใจว่าเสียเวลาชะมัด สามทุ่มเขาควรจะอาบน้ำนอนดูบอล ดูซีรีส์หรือฟังเพลงเพราะ ๆ แล้วก็เถียงกับเรนไปพลาง ใช้มันทำกับแกล้มมากินกับเบียร์ด้วย เห็นแบบนั้นทำของทอดอร่อยมาก กรอบนอกนุ่มในไม่อมน้ำมัน
เดี๋ยวสิ...แม่งเอ๊ย ภาพเหมือนตาเฒ่าเลี้ยงเด็กไว้ดูแลเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวนี่มันอะไรวะ แล้วนี่เขามาโผล่ซูเปอร์มาร์เก็ตได้ยังไง แถมทำท่าจะพุ่งเข้าไปหยิบตะกร้าแม่บ้านอีก
พอดึงสติกลับมาได้ก็เดินย้อนออกไปที่ลานจอดรถแทน ฟ้าด้านนอกมืดสนิท แต่ชะเง้อคอดูยังเห็นแสงไฟจากรถแออัดเต็มถนน เขาไม่มีทางเลือกยังไงก็ต้องลงไปร่วมเบียดเสียดด้วยนั่นแหละ ไปถึงคงเกือบห้าทุ่ม ไอ้เรนหลับไปแล้วมั้ง
ทว่ารถเคลื่อนตัวได้เร็วกว่าที่คาด ถ้าพ้นจากแยกนี้ไปคงถึงคอนโดสักสี่ทุ่มครึ่ง ดวงตาดุจเหยี่ยวเหลือบมองตัวเลขสีแดงที่นับถอยหลังอย่างใจเย็นพลางคิดถึงเรื่องของเพื่อน
‘หัวหน้าครอบครัว’ นี่เป็นอะไรที่หนักหนาชะมัด ไม่อยากถามหรอกนะว่าไปพลาดอีท่าไหนให้เป็นหนี้บานขนาดนั้น สมัยยังเที่ยวไอ้ยศมันก็ใช้เงินมือเติบ ไม่สิ...ทุกคนที่มาบาร์เจ๊ซันก็ทำตัวหน้าใหญ่กันทั้งนั้น แล้วพอเขาพูดเรื่องค่าจ้างทำเป็นหน้าหงิกใส่ โธ่! ใจคอจะไม่ให้ค่าวิชาชีพเลยหรือไงวะ แสงชอบโดนด่าอยู่บ่อย ๆ ว่าแค่คุยด้วยก็เสียเงินแล้ว ก็แน่สิวะ...งานเขามันคือการคุยนี่นา ไม่ได้เป็นรูปธรรมไม่ได้หมายความว่าไม่มีต้นทุนสักหน่อย
ไอ้ยศมีแต่หนี้สิน พอลองมองย้อนมาที่ตัวเองก็พบว่าโชคดีชะมัด
แสงไม่เหมาะกับการมีครอบครัวหรอก ภาระหนักอึ้งแบบนั้นเขาไม่อยากแบกให้หนักสมอง พออายุมากขึ้นเพื่อนเกย์ก็แบ่งเป็นสามประเภท 1 ใน 5 แต่งงานมีครอบครัวตามปกติ แสงคิดว่าไอ้พวกนี้เห็นแก่ตัว แต่ถ้ามันบอกฝ่ายหญิงก่อนแล้วเขาโอเคก็อีกเรื่องหนึ่ง ประเภทที่สองอยู่กับแฟน มีประมาณ 2 ใน 5 และประเภทสุดท้าย…
อยู่คนเดียวแบบเขานี่ไง
...........................................................
........................................
..............
........
แปะ!
ดวงไฟบนหัวสว่างโร่ฉาบให้ทั้งห้องเป็นสีส้มนวลตา นเรนทร์ไต่ลงจากเก้าอี้พลางกอดอกดูผลงานตัวเองอย่างพึงใจ อุตส่าห์เจียดเงินซื้อหลอดไฟมาทดแทนบุญคุณเฮียแสงเชียวนะ ชาติหน้าชีวิตได้ไม่มืดมนมีแสงนำทางเหมือนชาตินี้ คิดแล้วก็ยกมือไหว้สาธุ
จัดการกับปัญหาเสร็จแล้วคุณพ่อบ้านก็เริ่มเก็บกวาดพื้น ปกติเป็นคนสกปรก แต่มาอยู่บ้านคนอื่นมันก็ต้องปรับตัวเอาหน้ากันหน่อยจะได้ไม่ถูกเฉดหัวด้วย ไม้กวาดดอกหญ้าถูกซอกแซกไปทุกตารางนิ้วจนฝุ่นฟุ้งกระจาย พอรวบรวมมาเป็นก้อนได้ก็ปัดขึ้นที่ตักผงเป็นอันเรียบร้อย
ทำงานเหงื่อออกทั้งวันแถมเจองานบ้านเข้าไปอีก นเรนทร์ครั่นเนื้อครั่นตัวอยากอาบน้ำจะแย่ แต่ภารกิจมันค้ำคออยู่ ดวงตาตวัดฉับไปยังกองเศษผ้าซอมซ่อแล้วยกมือกุมขมับ แย่แล้ว...เสื้อตัวสุดท้ายที่เหลือก็คาอยู่ตรงคอนี่ไง ถ้าไม่ซักพรุ่งนี้ต้องใส่เสื้อซ้ำซึ่งเป็นอะไรที่นรกมาก
ผลุบ!
นเรนทร์ถอดเสื้อที่สวมอยู่รวมกับกองโสโครก แล้วตามมาด้วยกางเกง ทว่าพอเปิดกระเป๋าสตางค์ดูก็พบกับความซวย...
ไม่มีเหรียญ....
หึ.... อย่าคิดว่าแค่นี้จะทำให้เรนหยุดได้ ซักเครื่องไม่ได้ก็ซักมือไปเลยสิ คิดได้ดังนั้นก็เดินโทงเทงสวมกางเกงในตัวเดียวไปคว้าอุปกรณ์ที่ระเบียงมา เก้าอี้เตี้ยถูกดึงออกมาจากใต้อ่างล้างหน้าก่อนบั้นท้ายจะนั่งทับลงไป
ซักผ้าด้วยมือในเวลามืดค่ำเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์ปกติควรทำ แต่นเรนทร์ตรรกะผิดเพี้ยนอยู่แล้วจึงไม่แยแส ตั้งหน้าตั้งตาฟอกฟองในกะละมังจนล้นออกมาด้านนอก เขาชอบเล่นฟองมาตั้งแต่เด็กเพราะเห็นในโฆษณา มีครั้งหนึ่งเล่นจนพ่อที่จะเข้าห้องน้ำลื่นล้มเกือบตาย จัดว่าเป็นเด็กเวรอยู่ที่ไหนก็ฉิบหายไปหมดอย่างแท้จริง
ขณะฮัมเพลงตามจังหวะการกะซวกผ้า เสียงด้านนอกก็แว่วเข้าหู ชายหนุ่มชะเง้อคอดู ต้นเสียงน่าจะมาจากมือถือของเฮียแสงไม่ผิดแน่ มันวูบวาบสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่บนเคาน์เตอร์ครัว เรนส่ายหัว เฮียนะเฮีย...นัดเพื่อนไว้แล้วลืมเอามือถือไปเนี่ยนะ
ครืดดดด
เครื่องมือสื่อสารยังสั่นไม่หยุดทว่าเรนเลือกที่จะนั่งลงแล้วคว้ากางเกงมาขยี้ตรงเป้าต่อ ใครจะโทรมาก็ช่างเถอะ...ยังไงก็ไม่กล้ารับโทรศัพท์เฮียอยู่แล้ว เดี๋ยวหาว่ามายุ่งกับของส่วนตัวอีก ยิ่งถ้าคนโทรมาเป็นกิ๊กด้วยล่ะก็มีหวังทะเลาะกับบ้านแตก ถึงจะแอบชอบแต่เรนไม่มีนโยบายสร้างความร้าวฉานให้ใคร เป็นเบี้ยล่างแบบนี้ก็สนุกดี....
แค่เผลอมีอะไรกันคืนเดียวก็คุ้มแล้ว…
โอ๊ะ! เหมือนเพลงนั้นไงของพี่บอย มันร้องว่ายังไงนะ... คิดแล้วก็เปล่งเสียงราวนกการเวกเป็นหวัด
แม้จะรักเธอเท่าไหร่ ฉันต้องคอยบังคับใจฉันให้เหินห่าง
ก๊อก ๆ
ทั้งที่ใจตัวเอง อยากระบายให้เธอรู้วววว~ บ้าง
ก๊อก ๆ
และเธอสูงเกินจะใฝ่ เธอคงจะไม่สนใจในคนข้างล่า----
ผัวะ!
“พี่แสง ทำไมไม่เปิดประตูล่ะครับ โทรไปก็ไม่...”
ผู้มาเยือนอ้าปากพะงาบ “รับ....”
ฉานกำลูกบิดค้างแน่นิ่งในมือ ก่อนเด็กหญิงชายด้านหลังจะส่งเสียง ‘เย้! ห้องลุงแสง’ แล้วลอดผ่านเข้าใต้รักแร้ไปโดยไม่ทันตั้งตัว ถ้าคิดว่านั่นระยำแล้ว โปรดจับตาดูวินาทีที่หญิงชราก้าวออกมาจากด้านหลังด้วยใบหน้าบึ้งตึงที่เหมือนกับเฮียแสงไม่ผิดเพี้ยน
“มีอะ.....ไร"
ทัศนียภาพอันสวยงามของเครื่องเรือนเฟอร์นิเจอร์ไม่อาจแย่งความโดดเด่นของสิ่งมีชีวิตในห้องน้ำได้เลย ชายหนุ่มผิวแทนสวมกางเกงในตัวเดียวนั่งแหกขาอ้าซ่าอล่างฉ่างจนเธอเกือบจะก้าวกลับไปดูว่าหน้าห้องไม่ได้มีป้ายเฉพาะทางอะไรใช่ไหม
นเรนทร์กลืนน้ำลายเอื้อกค่อย ๆ หุบขาพับเพียบเพราะทนสายตาไม่ไหว ใบหน้าเขม็งเกลียวคลี่รอยยิ้มเยี่ยงพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หากร้อยไหมมาพนันได้ว่าขาดกระจุย
ชีเกือบเปลือยเหยียดตัวขึ้นยืนหลังตรง ยกมือที่ฟองฟ่อดเหมือนสวมถุงมือขึ้นประนมไว้ที่อก
“สะ...สวัสดีครับ”
ยินดีต้อนรับเรืองภพแฟมมิลี....
TBC
ให้เราภาวนาเพื่อเรนค่ะ ช่วยน้องด้วยนะคะ 55555
เริ่มอยู่กินแบบแฟนกันแล้วเห็นมั้ยคะ มีการพัฒนาที่ดี และก้าวกระโดดถึงขั้นได้ไหว้แม่ในไม่กี่ตอน ไวไฟกันเหลือเกิน
แป๊บ ๆ จะหมดก.พ.แล้ว เวลาผ่านไปเร็วมากค่ะ นี่ก็เกือบ ๆ ครึ่งเรื่องแล้วมั้งคะ พยายามคุมไม่ให้ยาวเกินไปอยู่ค่ะ ติดนิสัยชอบเวิ่นเว้อ Orz
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
เจอกันตอนหน้าค่า <3