ใจยักษ์ 29.1
กริ่งงงง กริ่งงงง
สมิธสะดุ้งตื่นเพราะเสียงกริ่งหน้าห้อง สายตาเหลือมองนาฬิกาพบว่าตอนนี้คือเวลา9 โมงเช้า หลังจากเคลียร์กับทศกัณฐ์แล้ว สมิธจึงลงมาเปิดทีวีดูฆ่าเวลาแต่ไม่คิดว่าตัวเองจะผล็อยหลับไป เขาลุกขึ้นจากโซฟาเดินมึนๆไปเปิดประตู ขยี้ตาเบาๆให้คลายความง่วง
“หืม สายขนาดนี้ยังง่วงอยู่หรอ?สมิธ” เสียงทุ้มพร้อมภาษาอังกฤษสำเนียงเมืองผู้ดีเอ่ยเนิบๆ สมิธลืมตาขึ้นมองอีกคนเต็มตา ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างก่อนจะกระโดดกอดคนที่อยู่หน้าประตูเต็มแรง
“โอ๊ะ! เบาๆ” เกรย์ แอนเดอร์สัน จิตแพทย์หนุ่มนัยน์ตาน้ำข้าวตบหลังสมิธเบาๆพร้อมหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู
“ก็มันคิดถึงนี่หว่า มาไม่เห็นบอก” สมิธผละออกแล้วบ่นงึมงำใส่เกรย์ เขาเบี่ยงตัวเปิดทางให้เกรย์เข้ามาในห้อง เกรย์เดินเข้าห้องพร้อมเอามือพาดบ่าสมิธเข้าไปด้วยกัน
“คิดถึงแล้วทำไมไม่ไปหา...นี่ยังไม่ชำระความเรื่องนอนไม่หลับแล้วไม่ยอมบอกพี่เลยนะ” เกรย์ดุสมิธออกไปเล็กน้อย “แล้วนี่ทศกัณฐ์ไปไหนซะล่ะ” เกรย์ถามหาเจ้าของห้องตัวจริง
“นอนกับเมียอยู่บนห้องนู่น มันทะเลาะกันด้วย” เขาได้ทีก็รีบฟ้องคนเป็นพี่
“อ่า ทศกัณฐ์โทรบอกให้พี่มาดูอาการเขาอยู่...ชื่ออะไรนะ?” เกรย์พยายามนึก
“รันต์...เหรันต์” สมิธตอบพลางนึกหน้าไอ้น้องรันต์ที่ตอนนี้หลับสนิทอยู่ข้างบน
“เออ ใช่ๆ ท่าทางจะหนักน่าดู ทศกัณฐ์ถึงตามพี่มาดูให้ก่อน”
“อืม ไอ้ทศมันบ้า แต่จริงๆก็เป็นผลมาจากยานั่นด้วยที่ทำให้มันควบคุมตัวเองไม่ได้” สีหน้าสมิธบ่งบอกถึงความกังวล เขาเป็นห่วงเพื่อนยิ่งกว่าตัวเองเสียอีก เพราะทศกัณฐ์เป็นทั้งเพื่อนและผู้มีพระคุณที่ให้ชีวิตใหม่แก่เขา
“อืม ร่างกายใกล้จึงขีดจำกัดแล้วล่ะนะ” เกรย์ไม่ใช่หมอที่ดูแลทศกัณฐ์โดยตรง แต่เขาก็พอรู้อาการคร่าวๆบ้าง แต่ไอ้เด็กข้างๆเขานี่แหละที่เขาเป็นหมอประจำตัว
“ถ้าอย่างนั้นระหว่างที่พวกเขาหลับอยู่ เรามาคุยเรื่องของสมิธกันหน่อยดีไหม” เกรย์กระตุกยิ้ม สมิธหน้าซีดเฉหลบสายตา การรักษาของเกรย์ไม่เหมือนจิตแพทย์คนอื่น ค่อนข้างจะหน้ากลัวสำหรับสมิธอยู่มากทีเดียว
เกรย์กดไหล่สมิธให้นั่งลงที่โซฟาตัวเดี่ยว ส่วนเขาเดินไปลากเก้าอี้แล้วนั่งไขว่ห้างมือประสานกันไว้ที่ตักเผชิญหน้ากับสมิธ
“กินข้าวหรือยัง?” จิตแพทย์หนุ่มเอ่ยถามเนิบๆ สบายๆ
“ยัง เดี๋ยวค่อยกิน”
“ทำไมไม่กิน มันสายแล้วไม่ใช่หรอ” น้ำเสียงของเกรย์ยังคงสบายๆ
“ก็...ก็ยังไม่หิวเท่าไหร่” สมิธสายตาล่อกแล่ก แต่เขาก็ตอบทุกอย่างไปตามความจริง
“อ่อ...แล้วเรียนเป็นยังไงบ้าง เครียดรึเปล่า?”
“ก็เรื่อยๆ ไม่เครียดอ่ะ โง่อยู่แล้ว บางทีก็ลอกไอ้ทศ ถูไถให้เกรดมันผ่านโปรฯ”
“อือฮึ...นอนกับผู้หญิงครั้งล่าสุดตอนไหน”
“เมื่อคืน” สมิธตอบ สบตากับนัยน์ตาสีอ่อนของเกรย์ตรงๆ
“ผู้ชายล่ะ?”
“เกรย์!!! ผมไม่ใช่เกย์เว้ย!” สมิธสวนกลับอย่างหัวเสีย แต่จิตแพทย์หนุ่มกับยิ้มให้บางๆ แล้วถามเรื่องราวในชีวิตประจำวันของสมิธไปเรื่อยๆ
“...มีอะไรอยากเล่าให้พี่ฟังไหม?” เกรย์พูดเสียงนุ่ม มือลูบผมสีเข้มของสมิธอย่างอ่อนโยน แต่ก่อนคนตรงหน้าเขาตัวเล็กกว่านี้ ผิวขาวจัด และดูหวาดกลัวคนอื่นจนน่าสงสาร ดูตอนนี้สิ เด็กชายสมิธที่เขาเคยเจอในตอนแรกแทบไม่เหลือเค้าเดิม ร่างกายสูงสมส่วนตามพันธุกรรมของเชื้อชาติ มีแววตาที่สดใสและเข้มแข็งขึ้น เขาดีใจที่สมิธมีความเปลี่ยนแปลง
“ผม...เจอมัน” สมิธกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะตอบ เขาก้มหน้ามองพื้น มือทั้งสองบีบเข้าหาตัวเองจนแน่น
“อาการตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง” จิตแพทย์หนุ่มถามเสียงเรียบ ไร้คำปลอบโยนใดๆจากปากเขา
“มันคลื่นไส้ ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมดและผม...กลัว” สมิธกัดปากตัวเอง ตัวสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อนึกถึงความรู้สึกตอนนั้น
“ใจเย็นๆ มันทำอะไรสมิธไม่ได้หรอก” เกรย์นวดหลังมือสมิธให้ผ่อนคลาย สมิธผ่อนคลายขึ้นตัวหยุดสั่นแล้วเกรย์จึงพูดต่อ
“รู้อะไรไหม จริงๆสมิธก็ปกติเหมือนคนทั่วไป เพียงแต่ยังติดอยู่แค่นิดเดียว” เกรย์เริ่มตะล่อมเด็กน้อยให้เข้าสู้กระบวนการรักษา เกรย์ไม่ได้หลอก สมิธมีอาการดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนสมิธไม่สามารถเข้าสังคมร่วมกับผู้อื่นได้เลย ยิ่งเรื่องแตะเนื้อต้องตัวยิ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้เขาจับสมิธได้ ไม่มีอาการสะดุ้งหรือตื่นกลัวให้เห็น ดีขึ้นเกิน70% ด้วยซ้ำ
“อะไรหรอ” สมิธเมื่ออยู่ต่อหน้าเกรย์ก็เหมือนเด็กน้อย ตามีแววประกายด้วยความหวังว่าเขาจะสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ไม่สะดุ้งตื่นในบางคืน หรือหวาดระแวงผู้ชายที่แตะตัวเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
“สมิธ คุณกำลังยึดติดอะไรไว้อยู่รึเปล่า?” เกรย์พูดยิ้มๆพร้อมนวดมือให้คนอายุน้อยกว่า สมิธกำมือแน่นแววตาฉายชัดถึงความเจ็บปวดเมื่อนึกถึง
“ผมกลัว กลัวมัน...แค่ได้ยินเสียงก็สั่นไปหมดแล้ว” เขากลัวไอ้ผู้ชายสารเลวคนนั้นมาก แค่ได้ยินชื่อร่างกายก็ชาดิกไปทั้งตัว
“แล้วไม่อยากหายกลัวเหรอ” เกรย์เอ่ยเสียงทุ้มฉีกยิ้มให้สมิธด้วยความอ่อนโยน
“อยากดิ!” สมิธรีบโพล่ง ทำไมเขาจะไม่อยากลืมคนเลวๆพรรค์นั้น มันทำให้เขาต้องตกนรกทั้งเป็น อยากตาย...ก็ตายไม่ได้
“อย่างนั้นก็เผชิญหน้ากับความกลัวแล้วเอาชนะมันซะ”
“ไม่เอา!”สมิธปฏิเสธทันใด เขาชักมือกลับ สายตามองเกรย์อย่างหวาดหวั่น ถ้าให้เขาต้องไปเผชิญหน้ากับมันอีก ฆ่าเขาให้ตายซะยังจะดีกว่า
“งั้นก็หนีมันไปตลอดชีวิตนั่นแหละ”เกรย์ไหวไหล่พูดเรียบๆ เขามันโหดเหี้ยมก็ตรงนี้ชอบบังคับให้สมิธทำในสิ่งที่ฝืนใจสุดๆ
“เกรย์...ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วหรอ”สมิธเสียงหงอยจนเกรย์เกือบจะใจอ่อน แต่เขาก็ยังดึงดันทำตามวิธีของเขาต่อไป เชื่อสิว่าจะเป็นผลดีต่อสมิธในอนาคต และเป็นบทลงโทษให้ใครบางคนรู้สึกตัวสักที
“ไม่มี...ฟังนะสมิธ ผมไม่ได้บอกให้คุณเผชิญหน้ากับมันคนเดียวสักหน่อย ตอนนี้คุณมีคนที่พร้อมจะอยู่ข้างคุณมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พี่ หรือรุ่นน้อง ใช่ไหม?” สมิธพยักหน้ารับ “เจ็ดปีมานี้มันได้ก้าวล้ำมาหาคุณรึเปล่า?ได้เดินเข้ามาเฉียดใกล้ให้คุณรู้สึกอะไรไหม? คุณสามารถนอนกลับใครก็ได้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนคนอื่นมีสิทธ์มองได้แค่ปลายเท้าคุณเท่านั้น จะแตะเนื้อต้องตัวยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย ถูกไหม?” สมิธเงียบ ถูกอย่างที่เกรย์บอกทุกอย่าง ผู้ชายคนนั้นรักษาสัญญา ไม่เคยย่างกรายเข้ามาใกล้เขาอีกเลย แต่ถึงอย่างนั้นสมิธก็รู้ว่าตัวเขาเองอยู่ในสายตาผู้ชายคนนั้นตลอด อยู่ในกรงเหมือนเดิมเพียงแต่มันขยายใหญ่ขึ้น หลอกให้เขาตายใจว่าได้อิสระกลับคืนมา แม้จะรู้แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าต้องอยู่แบบเดิม ชีวิตที่เป็นได้เพียงทาสอารมณ์ของอีกคน
“คุณไม่ได้พูดเพื่อช่วยเพื่อนตัวเองหรอกใช่ไหม” เกรย์กระตุกยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมายังทำให้คุณเชื่อใจผมไม่ได้อีกหรอ ถึงแม้มันจะเป็นเพื่อนสนิทแต่สิ่งที่มันทำกับคุณก็ค่อนข้างจะเลวร้ายเกินไป ผมไม่อยากพูดเพื่อให้คุณให้อภัยมัน แต่การที่คุณโกรธเกลียดมันไปก็เท่านั้น คุณจะไม่สามารถลืมมันได้เลย” เพื่อนสนิทเขาฉลาดอย่างร้ายกาจ ไม่ทำให้รักแต่เลือกที่จะทำให้เกลียดจนลืมไม่ลง เป็นคนที่มีตรรกะในการใช้ชีวิตแปลกๆ ก็อย่างว่า ครอบครัวนี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อจะได้ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป
“แล้วผม...ต้องทำอย่างไรบ้าง” แม้สีหน้าและแววตาจะมีความลังเลใจ แต่สมิธก็อยากที่จะเข้มแข็งขึ้น ไม่อยากที่จะแพ้ให้คนสารเลวแบบนั้นอีกแล้ว
“เริ่มจากดูรูปก่อนเป็นไง?” เกรย์ฉีกยิ้มอย่างกระตือรือร้น หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเสิร์ชหารูปเพื่อน มันหาไม่อยากหรอก ในเมื่อ ลูคัส ฮาลน์ คือนักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งรัสเซีย-อังกฤษ วัย27 ปี เขาเป็นทายาทคนโตของ แคสเซียส ฮาลน์ เจ้าของกิจการ God Casino บ่อนการพนันครบวงจรถูกกฎหมาย ที่นี่เป็นบ่อนระดับไฮคลาสสำหรับคนมีเงินและชนชั้นสูงเท่านั้น มีสาขาอยู่ทุกทวีปในโลก รวยชนิดที่ว่าสามารถซื้อเครื่องบินเจ็ทได้วันละลำเลยทีเดียว ลูคัสทำหน้าที่เป็นผู้บริหารคาสิโนช่วยพ่อตั้งแต่อายุ17ปี เขาไม่ได้มีชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป นั่นก็คงเป็นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เพื่อนของเขามีนิสัยและรสนิยมที่ผิดแปลกไปจากคนอื่น ตอนนี้ลูคัสนั่งบริหารดูแลอยู่สามทวีป คือ อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และเอเชีย ซึ่งส่วนใหญ่จะประจำอยู่ที่ลาสเวกัส มหานครแห่งแสงสีและแหล่งคาสิโนที่มากที่สุดในโลก แต่ช่วง2-3 ปีหลังดูเหมือนไอ้เพื่อนสนิทเขาจะมาประจำอยู่มาเก๊าบ่อยผิดปกติ ก็อย่างว่าล่ะนะ หึๆ
ถามว่ามารู้จักกันได้ยังไงน่ะหรอ...เรื่องมันยาว ข้ามไปเถอะ!
เกรย์ยื่นรูปผู้ชายตัวสูง ผมยาวสลวยสีทองถูกมัดรวบตึงไว้ด้านหลัง ดวงตาคมกริบสีเขียวมรกต พร้อมร้อยยิ้มที่มุมปากอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว กรอบหน้าเรียวออกคม ดูยังไงมันก็แค่ไอ้ผู้ชายหน้าหวานท่าทางใจดี ใครจะคิดว่ามันคือปีศาจในคราบมนุษย์ สมิธเบ้ปากใส่รูปที่เห็นเหยียดๆ
“เฮ้ยๆ โทรศัพท์พี่” เกรย์รีบห้ามเมื่อสมิธคว้าโทรศัพท์เขาไปแล้วทำท่าจะขว้างทิ้ง สมิธทำท่าโก่งคออ้วกใส่โทรศัพท์แล้วคืนให้เกรย์ที่หัวเราะลั่นห้อง
“ขำอะไรเล่า” สมิธหน้ายุ่งชกไหล่หมอประจำตัวเบาๆ
“ฮ่าๆๆ โอเคๆ ด่านแรกผ่าน มาขั้นตอนต่อไปกัน” กว่าเกรย์จะหยุดหัวเราะได้ก็กินเวลาร่วมสิบนาทีแล้วเข้าสู่โหมดจริงจัง
“อะไรอีก” สมิธมองอย่างหวาดระแวง จริงอยู่ที่เห็นรูปแล้วเขาไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวชัดเจนอะไร แม้ในใจเขาจะกระตุกนิดๆแต่ความขยะแขยงเมื่อครั้นเห็นหน้าก็ยังมากมายไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเป็นรูปภาพสมิธจึงกล้าต่างหาก
“ฟังเสียง”
“ไม่เอา!” สมิธแย้งรีบลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อจะหนีไปแต่ก็โดนเกรย์จับแขนเอาไว้ก่อน
“จะหนีหรือ? เข้มแข็งหน่อยสิ ไหนทศกัณฐ์บอกว่าไม่เหมือนเดิมแล้วไง” เกรย์พูดเรียบๆ แววตาเขามีแต่ความเย็นชา สมิธไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาเป็นเพื่อนกัน ที่ยังกล้าคุยกับเกรย์ทุกวันนี้ก็เพราะเกรย์ช่วยเหลือเขาหลายอย่าง ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนทั่วๆไป สมิธกำหมัดแน่น ยอมกลับไปนั่งลงที่เดิม
“เก่งมากเด็กดี” เกรย์ลูบหัวพร้อมยิ้มให้สมิธบางๆ มือแกร่งกดหมายเลขต่อสายถึงอีกคน เกรย์จัดการเปิดลำโพงโทรศัพท์ รอสายนานจนเกือบจะตัด แต่ก็มีสัญญาณกดรับพร้อมเสียงทุ้มที่เปล่งออกมาเป็นภาษาอังกฤษ
“ว่าไง” เสียงทุ้มโทนต่ำ ทำลมหายใจสมิธติดขัดขึ้น เกรย์ลูบมือคนไข้เขาเบาๆก่อนจะกรอกเสียงคุยกับปลายสาย
“ทำอะไรอยู่วะ” ปลายสายเงียบไปนิดก่อนจะเอ่ยตอบ
“...ทำงาน ถามแปลกนะมึง” น้ำเสียงลูคัสมีความแคลงใจเล็กน้อย
“ฮ่าๆๆ กูก็ถามไปงั้นแหละ” เกรย์พูดสบายๆ
“เหรอ แล้วมึงล่ะ ทำอะไรอยู่”
“กูก็พักผ่อนอ่ะ ไม่ได้ทำงานจนเงินทับตายเหมือนมึง” เกรย์เหน็บเพื่อนตามนิสัยบ้างานของมัน
“มึงอยู่กับมิทตี้ใช่ไหม” ปลายสายโพล่งออกมาโดยที่คนฟังไม่ทันตั้งตัว สมิธตาเบิกกว้างอย่างตกใจมือกำเข้าหากันแน่นยิ่งกว่าเดิม
“…”
“อยู่จริงๆสินะ ไงมิทตี้” ลูคัสพูดย้ำความคิดตัวเองน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอีกโทน สมิธที่ได้ยินแทบจะอ้วกออกมา ดวงตาแดงก่ำด้วยความกลัว เขาเกลียดผู้ชายคนนี้ที่สุดก็ตรงที่มันรู้ทันคนอื่นไปเสียทุกเรื่อง ฉลาดมากจนน่ากลัว ที่สามารถอยู่ในระดับผู้บริหารได้ตั้งแต่อายุสิบเจ็ดไม่ใช่เพราะเส้นพ่อ แต่เพราะความสามารถของลูคัสที่ไม่มีใครกล้าค้านสักคนว่าเขาไม่เหมาะสม
“เชี่ยไรของมึง กูไม่ได้อยู่กับน้อง” เกรย์ทำเป็นแก้ตัวกลบเกลื่อน จริงๆเขาก็ชั่ว จะพูดให้มันจับไม่ได้ก็ทำได้แต่เขาก็ไม่ทำ ใช่! เขาตั้งใจให้ลูคัสรู้ ไม่ใช่เพื่อเอาใจเพื่อน แต่เพื่อให้สมิธเข้มแข็งขึ้นต่างหาก
“หึๆ ให้มันโทรหาพี่ คิดถึงกันหรือไง?” ลูคัสไม่สนใจเสียงท้วงจากเกรย์ ยังคงกระเซ้าแหย่อีกคนที่เขารู้ว่าฟังอยู่แน่ๆ เกรย์อ้าปากพูดไม่ออกเสียงว่า ‘อดทนไว้’ สมิธกัดฟันแน่นอย่างอดทน นิสัยเขาเป็นที่รู้ดีว่าใจร้อนและโผงผาง มีอะไรก็จะพูกออกไปตรงๆทันที ชอบก็บอกว่าชอบ เกลียดก็บอกว่าเกลียด
“…”
“เอ...หรือจะให้พี่ไปหาดี พี่ก็เริ่มคิดถึงมิทตี้แล้วแฮะ” ลูคัสยังคงยั่วยุอีกคนไม่เลิก เกรย์เห็นสมิธท่าไม่ดีก็เตรียมจะตัดสายแต่คนเด็กกว่ากลับคว้าโทรศัพท์จากเขาไปจ่อปากแล้วตะคอกสุดเสียง
“มึงจะไปตายที่ไหนก็ไป!!! ไม่ต้องมาเสือกคิดถึงกู! กูขยะแขยง...มึงได้ยินไหมว่ากูเกลียดและขยะแขยงมึง!!” สมิธหอบแฮ่ก เขาใส่อารณ์ไปมากจนเหนื่อย
“หึๆ ปากดีจริงๆ อย่างนี้มันน่าจับจูบให้หายซ่า” แม้ลูคัสจะยังมีเสียงหัวเราะติดอยู่ แต่น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปก็เรียบเย็นจนน่าขนลุก
“มึงอย่าคิดว่ากูจะกลัว กูไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว” สมิธพูดเสียงเข้มลอดไรฟัน เขาพยายามจะไม่ใช้อารมณ์จะไม่บ้าหลงเดิมตามเกมส์มันอีก แม้ในใจเขาจะหวาดหวั่นเพียงใดแต่สมิธจะไม่มีทางเผยออกมาให้มันได้เห็นความอ่อนแอของเขาอีก
“แล้วพี่จะคอยดูว่านายจะเปลี่ยนไปสักแค่ไหน...แต่รู้อะไรไหมสมิธต่อให้นายเปลี่ยนไปสักแค่ไหนนายก็ไม่มีทางหนีพี่พ้น...ดูจากชื่อนายเป็นตัวอย่างสิ ติ๊ด!” ลูคัสพูดยังไม่ทันจบประโยคดีสมิธก็รีบชิงตัดสายทันที เขาส่งโทรศัพท์ให้เกรย์ เดินลิ่วไปห้องน้ำเปิดก็อกแล้วกวักน้ำสาดใส่หน้าตัวเองหลายๆทีเพื่อเรียกสติ สมิธเงยหน้าขึ้นมองเงาตัวเองในกระจกแล้วเหยียดยิ้มออกมาอย่างสมเพชในโชคขะตาตัวเอง
นั่นสินะ...เขาจะหนีจากมันได้ยังไงกัน เพราะเขาคือ สมิธ ฮาล์น บุคคลที่ตกอยู่ใต้อาณัติ ลูคัส ฮาล์น โดยสมบูรณ์แบบ...
+++++++++++++++
แฮร่ เปรมมาแย้วหลังจากตรอมใจไปพักใหญ่ กว่าจะจูนตัวเองกลับมาได้ ขอโทษนักอ่านทุกคนจริงๆ ขอมาทีละครึ่งให้หายคิดถึงกันไปก่อน เรื่องชื่อสมิธจะมีเฉลยในตอนต่อๆไป เชิญเดากันไปก่อนเลย ฮี่ๆ ส่วนเฮียลุคคือพระเอกที่เปรมจะปั้นให้คนด่ามากที่สุด อิอิ จุ๊ฟ