Chapter 30
ยอมทุกอย่าง เพื่อเมียคนเดียว...
ตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าบ้านไอ้ธามโดยที่ลังเลอยู่ว่าจะเข้าไปดีมั้ย หลังจากที่รู้ว่าวันนี้มันไม่ไปมหา’ลัย ซึ่งเหตุผลก็ไม่ต้องถามถึง เพราะหลังจากที่มันลงไปในบ่อขี้โคลน ใครจะรู้ว่าในนั้นมันมีเศษแก้วอยู่เต็มไปหมด เพราะมีพวกเด็กจังไรบางส่วนที่เห็นว่าเป็นบ่อถูกลืม เลยเอาของพวกนี้ไปทิ้งไว้ และคนที่เป็นผู้โชคร้ายก็ไม่ใช่ใคร ดันเป็นไอ้ธามที่ผมสั่งให้ลงไปในนั้นโดยไม่ได้คิดไตร่ตรองอะไรก่อน
ใช่ เรื่องนี้ผมผิดเอง แม้ว่าอีกคนมันจะโง่ไม่ต่างกันก็เถอะ...
“อ้าว พ่อหนุ่ม” ผมหันไปทางเสียงเรียกเสียงหวานของสาวมีอายุที่ตอนนี้ยืนถือถุงกับข้าวมาอยู่ยืนข้างๆ ผม ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน
“สวัสดีครับ”
ผมยกมือไหว้ป้านวล ซึ่งแกก็ไหว้ตอบ พลางถามขึ้นเสียงใส “มาหาคุณธามเหรอคะ ?”
“อ่า...”
“งั้นพอดีเลย งั้นป้าฝากเอากับข้าวเข้าไปด้วยได้มั้ย แล้วอย่าลืมบอกให้กินยาด้วยนะคะ เพราะเจ้าตัวไม่ชอบกินยาเม็ด ถ้าดื้อจริงๆ ก็บดแล้วแอบใส่ลงไปในข้าวเลยค่ะ”
“เอ๊ะ แต่ผม...”
“ปกติเวลานี้ป้าต้องรีบไปรับหลานพอดีด้วย...” สีหน้าเธอสลดลงทันทีที่เห็นว่าผมเหมือนจะปฏิเสธ จนตัวเองเลยได้แต่ตกลงตามน้ำไป
“งั้นเดี๋ยวผมจัดการให้ครับ” ผมรับถุงกับข้าวมา ก่อนที่ป้านวลแกจะทำหน้าซึ้งใจ ผมจึงไหว้แกครั้งสุดท้าย ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกไป และไม่ลืมที่จะขอบคุณผม
“ขอบคุณนะจ๊ะ เดี๋ยวป้าจะรีบกลับมาพร้อมขนมเยอะๆ เลย”
สรุปเห็นว่าผมทำงานแลกขนมสินะ...
ผมมองของในมือก่อนจะตัดสินใจผลักรั้วประตูบ้านแล้วเข้าไปข้างในทันที ซึ่งข้างในเงียบสนิท ราวกับไม่มีใครอยู่ ก่อนที่ตัวเองจะเลือกเดินเข้าไปในครัวเพื่อที่จะเตรียมอาหารใหไอ้ธาม นั่นก็คือข้าวต้มที่ป้านวลซื้อมา ก่อนจะถือมันเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง และตรงไปห้องของเจ้าของบ้านอย่างคุ้นเคย ซึ่งประตูห้องของมันก็ไม่ได้ปิดสนิท ผมจึงผลักเข้าไปทันที ก็เห็นว่ามีเพียงเตียงใหญ่ๆ ยกชุดที่ไม่คุ้นตานัก คาดว่าไอ้ธามน่าจะเปลี่ยนเตียงในห้องตัวเอง และบนนั้นก็มีร่างที่คลุมผ้านวมผืนหนาโดยมีใบหน้าซีดๆ ที่ยังคงหลับตาอยู่เท่านั้นที่โผล่พ้นออกมา พร้อมกับเสียงหายใจที่ดังชัดกว่าปกติ
“ไอ้บ้าเอ๊ย...”
ผมบ่นออกมาเบาๆ พลางมองร่างที่นอนซมเพราะพิษไข้อยู่บนเตียง ก่อนจะวางถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะวางของเล็กๆ พลางทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คนที่นอนอยู่และเอื้อมมือไปอังหน้าผากของคนป่วยเบาๆ ซึ่งความร้อนจากร่างกายของมันมีมากอยู่พอสมควร ก่อนที่คนที่โดนสัมผัสจะทำหน้ามุ่ยนิดๆ แล้วพลิกตัวหนีมือของผมไปอีกทาง พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอู้อี้
“ผมยังไม่หิว ป้าไปรับหลานเลย...”
“...”
“ขอนอนพักแปป...”
“โอเค งั้นกูไม่กวน...”
พรึ่บ !
อยู่ๆ ร่างที่เพิ่งบอกว่าจะนอนพักก็รีบพลิกตัวหันกลับมาทางเดิมทันทีที่ผมพูดขึ้น พลางถ่างตาแดงๆ ของตัวเองเพื่อมองหน้าผม ก่อนที่ร่างนั้นจะออกแรงที่ไม่น่าจะมีอยู่ของตัวเองพยุงตัวขึ้นและคว้าร่างของผมที่นั่งอยู่ข้างๆ เข้าไปกอด “เป็นอะไร ?”
“คิดถึง”
“...”
“คิดถึงมึง ไอ้แทน”
“อย่าปัญญาอ่อน เมื่อวานก็เจอกัน วันก่อนก็เจอกัน วันก่อนนู้นก็เจอกัน จะมาคิดถงคิดถึงอะไรห๊ะ ?!”
“เอ้า ก็เขาบอกว่าถ้าคนเราใกล้จะตายจะคิดถึงคนที่ตัวเองรักที่สุด...”
“มึงยังไม่ใกล้ตายไอ้เหี้ยธาม อย่ามาทำสำออย”
ผมแกะมือมันออกหลังจากฟังคำพูดกวนประสาทของมัน ซึ่งแรงที่ไม่ค่อยมีอยู่แล้วเลยทำให้ผมออกจากอ้อมกอดนั่นได้อย่างง่ายๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วยืนมองหน้าคนป่วยตรงหน้า มันเลยได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วพูดขึ้นมาใหม่ “เออ กูลืมไป ต่อให้ไม่ใกล้ตายกูก็คิดถึงมึงอยู่ดี”
“แล้วอยากตายเร็วๆ มั้ย เดี๋ยวกูจัดให้”
“ไม่ดีกว่า”
“เหอะ...” ผมเค้นเสียงก่อนจะสำรวจร่างที่นั่งอยู่ โดยโผล่พ้นผ้าห่มออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปเลิกผ้าขึ้นตรงช่วงเท้า ก็เห็นว่าตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงช่วงตาตุ่มของไอ้ธาม โดนพันไว้ด้วยผ้าก็อตสีขาวทั้งสองข้าง ซึ่งก็ไม่แปลกนัก เพราะค่อนข้างเป็นแผลฉกรรน์พอสมควร “เป็นไงบ้างวะ...”
“ก็สดชื่น แจ่มใสดี J”
“อย่ามากวนประสาท”
“กูพูดจริง”
“งั้นถ้ามึงไม่เป็นอะไรงั้นกูกลับ !”
“เดี๋ยว !” ผมที่กำลังจะกลับหลังหันเดินหนีร่างที่ทำให้ตัวเองหงุดหงิด คนตรงหน้าก็รีบคว้าแขนไว้ทันที พลางเปลี่ยนคำพูดใหม่ “เออ จริงๆ กูเจ็บก็ได้ แล้วก็เซ็งมาก เพราะกูคงเดินไม่ได้หลายวัน แผลก็ห้ามโดนน้ำ ยาก็โดนฉีดหลายเข็ม เดี๋ยวก็ต้องไปฉีดอีก ทั้งยากันบาดทะยัก ยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ และไหนจะยาเม็ดมากมายที่ต้องกินทุกวันหลังอาหารอีก...”
“...”
“เพราะงั้นกูทรมานมาก มึงอย่าเพิ่งไปไหนเลยนะ อยู่กับกูก่อน...”
“...”
“นะ ไอ้แทน...”
“แล้วใครสั่งให้มึงโง่ลงไปในนั้นห๊ะ !?”
“...”
“เออ กูสั่งเอง แล้วใครให้มึงเชื่อคำพูดกูวะ มีสมองหัดคิดบ้างดิ ถ้ากูสั่งให้มึงไปตายมึงจะไปมั้ย !”
“ไม่”
“...”
“ถ้ากูตายแล้วมึงจะรักกับผีอย่างกูมั้ยล่ะ ?”
“ไอ้ธาม มึงมันบ้า” ผมพูดออกมาเสียงเบา กับร่างที่ไม่สะทกสะท้านกับคำด่าของผม แถมยังพูดจาติดตลกไร้สาระอีกต่างหาก ซึ่งผมไม่ได้ตลกด้วยซักนิด ก่อนที่มันจะดึงร่างผมให้ไปนั่งลงข้างๆ ซึ่งผมเองก็ขยับตาแรงมันแบบไม่ขัดขืนอะไร ก่อนที่เจ้าตัวจะสวมกอดเข้าที่ร่างผมไว้แน่น
“มึงจะคิดมากทำไมวะ ?” ไอ้ธามมันถามพลางทำน้ำเสียงแบบไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่ได้โกรธผมที่ทำให้มันเจ็บ แต่ผมนี่สิ รู้สึกผิดจนจะไม่รู้จะทำยังไงแล้ว “ที่กูลงไปไม่ใช่เพราะมึงสั่ง แต่เพราะหัวใจมึงอยู่ในนั้นต่างหาก กูเลยเลือกที่จะลงไปเอง”
“...”
“เพราะฉะนั้นไม่ใช่ความผิดมึง จบนะ”
“หัวใจกูจะไปอยู่ในนั้นได้ไง หัวใจกูก็ต้องอยู่ตรงกูดิ...”
“อ้าว งั้นกูก็ไม่ต้องไปหาแล้วดิ เพราะกำลังคิดเลยว่าถ้าหายจะลงไปหาใหม่ซักหน่อย J”
“เหอะ...” ผมเค้นเสียงพลางหยิกแขนไอ้ธามแรงๆ กับคำพูดทีเล่นทีจริงนั้น ซึ่งมันก็ร้องเสียงหลง แต่ก็ไม่ได้คลายกอดลงแต่อย่างใด ก่อนที่ใบหน้านั่นจะเกยขึ้นบนคางของผม ตามด้วยคำพูดเบาๆ ที่ดังออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความจริงจัง
“กูขอโทษไอ้แทน กูขอโทษจริงๆ”
“กูก็บอกว่าไม่ได้โกรธมึงแล้ว”
“แต่มึงเกลียดกู...”
“...” ผมไม่ได้ตอบกับคำพูดที่แสดงออกมาในเชิงคำถามนั่น เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองเกลียดมันจริงๆ หรือเปล่า แต่ทิฐิภายในใจก็ยังคงมีอยู่ เพราะผมบอกแล้วว่าผมยอมให้มันทุกอย่างแบบไม่เคยยอมให้ใครมาก่อน แต่การไปมีอะไรกับคนอื่นทั้งๆ ที่คบกับผมอยู่ มันเลยเป็นบ่อเกิดว่าผมควรจะจริงจังกับความรักระหว่างผมกับมันที่เป็นผู้ชายทั้งคู่แบบนี้ได้แค่ไหน บางทีวันหนึ่งผมอาจจะเบื่อมันแล้วกลับไปสนใจผู้หญิงเหมือนเดิมก็ได้ เพราะยังไงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ขึ้นชื่อว่าชอบผู้ชาย แต่แค่ไอ้ธามเป็นกรณียกเว้นที่ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับใจผมเท่านั้น
ก็แค่ผู้ชายอย่างมันคนเดียว...
“มึงไม่จำเป็นต้องรีบหายเกลียดกูก็ได้ แต่กูแค่ขอโอกาสให้กูเริ่มใหม่ ขอแค่มึงเปิดใจให้กูอีกซักครั้ง และกูก็จะไม่สัญญว่ามันจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นอีก แต่กูจะแสดงให้มึงเห็นในการเริ่มต้นใหม่ครั้งนี้”
“...”
“นะ ไอ้แทน”
“เฮ้อ...ไอ้ธาม...” ผมเอนหัวพิงซบกับแผงอกของมัน ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นลูบหัวคนข้างหลังเบาๆ กับท่าทีที่เหมือนเด็กๆ แต่ความหนักแน่นในคำพูดนั้นเกินกว่าที่เด็กคนนึงจะพูดได้ ซึ่งไอ้ธามเองมันก็กำชับอ้อมแขนช่วงเอวของผมจนแน่น “กูไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียดมึงแล้ว แต่แค่การกระทำของมึงเท่านั้น ที่ทำให้กูเริ่มลังเล ว่าระหว่างกูกับมึงมันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อทั้งมึงและกูก็เป็นผู้ชาย แล้วก็มีผู้หญิงไม่น้อยที่ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเราแบบนี้ ใจมึงจะไม่คิดกลับไปชอบแบบเดิมเหรอ ?”
“...”
“ตอนนี้กูพูดได้เต็มปากเต็มคำนะว่ากูรักมึงมาก แต่ในอนาคตกูไม่รู้หรอก อาจจะเป็นกูก็ได้ที่เป็นฝ่ายเปลี่ยนใจก่อน มึงจะยอมรับกับความรักที่แม่งมีแต่ความลังเล ไม่มั่นใจแบบนี้ได้หรือไง ?”
“เออ ต่อให้ในอนาคตมึงจะเปลี่ยนใจหรืออะไร กูก็ไม่โทษว่าเป็นความผิดมึงหรอก เพราะวันนี้กูเป็นฝ่ายที่ทำให้มึงลังเล มันก็ไม่แปลกอะไรที่ผลจะออกมาเป็นแบบนั้น แต่กูก็ยังขอยืนยันคำเดิม...”
“...”
“ยังไงกูก็ปล่อยมึงไปไม่ได้จริงๆ”
“ต่อให้วันนั้นกูหมดใจแล้วอ่านะ ?”
“เออ ไม่รู้หรือไง ว่ากูมันคนเห็นแก่ตัว”
“เหอะ ก็รู้อยู่หรอก” ผมจิกหัวมันด้วยความมั่นไส้ ก่อนจะเอามือตัวเองลงมาไว้ที่เดิมโดยประสานกับมืออีกข้างไว้แน่น พลางถามคำถามที่ทำให้หัวใจตัวเองเต้นแรงขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะคิดว่าเป็นอะไรที่น่ากลัวที่สุด “แล้วถ้าวันหนึ่งมึงหมดใจก่อนกูล่ะ ?”
“มึงก็รั้งกูไว้สิ” คำตอบของมันที่ดังขึ้นทันทีที่คำถามจบลง ไม่ได้ทำให้ผมคลายกังวลลงแม้แต่น้อย ได้แค่เพียงพยายามแสดงออกว่าไม่ได้รู้สึกอะไร
“แต่กูไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว กูไม่ชอบรั้งคนที่ไม่มีใจไว้หรอก”
“งั้นมึงก็หัดเห็นแก่ตัวได้แล้ว...” ไอ้ธามมันกำชับอ้อมแขนของตัวเองอีกครั้ง คางที่เกยอยู่บนไหล่ก็กดลงมาจนรู้สึกหนัก ก่อนที่คำพูดของมันจะทำให้ผมรู้สึก ‘หายกลัว’ ขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็แอบเจ็บใจกับคำพูดนั่น “หึงกูบ้าง หวงกูบ้าง ห้ามกูบ้าง ไม่มีใครเขาว่ามึงจุ้นจ้านหรอก”
“ก็มันไม่ใช่นิสัยกู”
“หึ...ปกติมันก็เป็นนิสัยของคนที่มีแฟนไม่ใช่หรือไง ?”
“กูอาจจะไม่แสดงออกก็ได้”
“งั้นก็หัดแสดงออกได้แล้ว...” ไอ้ธามมันปล่อยตัวผมออกก่อนจะจับผมให้พลิกกลับไปเผชิญกับหน้าซีดๆ ของมัน ซึ่งอาจจะเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดเรื่องเลยก็ได้ที่ผมได้มองหน้ามันชัดๆ และใกล้ๆ แบบนี้ ทำให้รู้ได้ทันทีว่าตัวคิดถึงมันมากพอๆ กับคำพูดที่ออกมาบ่อยๆ จากปากของไอ้ธาม ก่อนที่คนตรงหน้าจะยกมือขึ้นลูบใบหน้าผมเบาๆ ก่อนจะเหมือนจะมีแรงดึงดูบางอย่างที่ทำให้ใบหน้าของผมและมันขยับเข้าหากันเรื่อยๆ จนในที่สุดริมฝีปากของเราสองคนก็สมผัสกัน เพียงเท่านั้นก็รู้แล้วว่าผมโหยหาร่างนี้แค่ไหน ก่อนจะยกมือขึ้นคล้องคอไอ้ธามและขยับตัวลุกขึ้นเล็กน้อย และเป็นฝ่ายรุกล้ำริมฝีปากของคนตรงหน้าเอง ลิ้นร้อนระอุของไอ้ธามเกี่ยวหวัดกับลิ้นของผมจนรับรู้รสและไอร้อนของฝ่ายตรงข้าม ตามด้วยคนตรงหน้าที่ทำเหมือนว่าจะพยายามดันร่างของผมออก แต่ตัวเองก็ยังดึงดันที่จะอยู่แบบนี้ และจับใบหน้าของมันไว้แน่นเพื่อให้ตอบรับจูบของตัวเอง ก่อนที่ไอ้ธามมันจะใช้แรงทั้งหมดผลักตัวผม จนตัวเองได้แต่มองหน้ามันอย่างไม่พอใจ กับการถูกขัดจังหวะครั้งนี้ พร้อมกับเสียงของไอ้ธามที่เป็นฝ่ายเหนื่อยหอบซะเอง อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ไข้ด้วย “พอแล้ว...แฮ่ก...”
“มึงพูดคำว่าพอเป็นด้วยหรือไง”
“จริงๆ กูก็ยังไม่พอหรอก แต่กลัวมึงติดไข้มากกว่า”
“หึ...”
“ไอ้แทน”
“ว่า ?”
“เป็นแฟนกันมั้ย ?”
ผมมองหน้าไอ้ธามที่อยู่ๆ ก็ถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง พลางคิดทบทวนทุกอย่าง ก่อนจะเบือนหน้าหนีสายตานั่น “อีกสองอาทิตย์ทั้งกูและมึงจะออกฝึกงาน”
“จะให้คำตอบตอนนั้น ?”
“เร็วไปมั้ง” ผมหันกลับมองหน้ามันที่ทำหน้าไม่เข้าใจ ก่อนจะพูดต่อทำให้คนตรงหน้าทำหน้าตาตื่นเล็กน้อย “หลังจากกลับฝึกงาน”
“นาน !”
“หัดรอบ้างดิ บางทีระยะห่างของเราอาจจะทำให้กูกับมึงเข้าใจตัวเองมากขึ้นก็ได้”
“ก่อนจะถึงวันนั้นกูคงทรมานตายแล้วมั้ง !”
“มึงมีสิทธิ์ท้วงด้วยหรือไง ?”
“ไม่”
“เออ” ผมมองหน้ามันที่หน้าจ๋อยเล็กน้อย ในใจก็แอบหัวเราะกับท่าทีของมัน ก่อนจะปรับน้ำเสียงลงแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ลองดู ห้ามติดต่อ ห้ามเจอหน้า จนกว่าจะฝึกงานจบ ถ้าผ่านมันไปได้แล้วความรู้สึกของมึงกับกูยังเหมือนเดิมค่อยมาเริ่มกันใหม่”
“ก็พอรับข้อเสนอได้อยู่ แต่ห้ามติดต่อห้ามเจอหน้านี้หมายความว่าไง ?”
“ตามนั้น เพราะกูรู้ว่าความดื้อด้านของมึง คงไม่ยอมอยู่ห่างเฉยๆ ใช่มั้ยล่ะ” ผมตบใบหน้านั่นเบาๆ พลางมองอย่างรู้ทัน “แล้วมันก็ไม่ใช่ข้อเสนอ เพราะทุกอย่างอยู่ที่มึง กูไม่ได้บังคับ”
“...”
“กูเองก็ต้องทรมานเหมือนกันแหละหน่า” ผมพูดเบาๆ พลางทาบริมฝีปาลงบนหน้าผากของคนป่วยที่ตอนนี้ทำหน้าไม่ชอบใจนัก แต่ก็ไม่ได้ออกปากท้วงอะไร “แต่กูยังไม่หายโกรธมึงหรอกนะ”
“ไหนว่าไม่โกรธ”
“ก็บอกให้แสดงออกไม่ใช่หรือไง ?”
“...”
“จริงๆ แล้วกูอยากฆ่ามึงมากกว่า” ผมว่าก่อนจะยกมือขึ้นบีบคางมันโดยออมแรงไว้เล็กน้อยเพราะเห็นแก่คนป่วย ก่อนจะนึกได้ว่าผมเอาข้าวมาให้มันกินนี่หว่า “แดกข้าวแดกยาได้แล้วมึงอ่ะ !”
ฟรุ่บ !
“เดี๋ยวดิ แม่งยังไม่หายคิดถึงเลย” คนตรงหน้าโน้มตัวเข้ามากอดเอวผมอีกครั้ง ด้วยความที่ท่านั่งของผมสูงกว่ามัน เลยทำให้เจ้าตัวซบใบหน้าร้อนๆ นั่น เข้าที่แผงอกของผมพอดี ผมเลยได้แต่พยายามดันหน้ามันออกโดยไม่สนใจกับสีหน้าอ้อนๆ นั่น
แม่งแอบไปฝึกมาจากที่ไหนวะ !
“อย่ามาดื้อ กินข้าวกินยาแล้วนอนพักได้แล้ว !”
“...”
“ถ้ามึงไม่ฟังกู กูจะหนีมึงเดี๋ยวนี้แหละ !”
“อย่า...” เสียงของไอ้ธามดังขึ้นเบาๆ และแทนที่จะปล่อยผม มันกลับกำชับแขนของตัวเองให้แน่นขึ้น ราวกับว่าผมจะหนีหายไปจากมัน “มึงก็รู้ว่ากูยอมมึงได้ทุกอย่าง”
“...”
“กูรักมึงมากนะไอ้เหี้ยมืด กว่ากูจะรู้จักมึงได้ขนาดนี้ รู้มั้ยว่ากูต้องพยายามขนาดไหน...”
“ห๊ะ ?”
“แต่เรื่องกินข้าวกินยาขอพักก่อน กูเพิ่งกินข้าวกลางวันไปเอง ยัดไม่ไหวแล้วว่ะ”
“หึ...”
ไหนว่ายอมทุกอย่าง
ยอมทุกอย่าง...
ผมมองใบหน้าที่ซบอยู่บนอกตัวเองด้วยสายตาที่เผยแววชั่วร้ายออกมา ก่อนที่หัวใจก็เต้นแรงขึ้นด้วยความนึกสนุก แล้วค่อยๆ พยายามปรับน้ำเสียงให้นิ่งๆ สวนทางกับสิ่งที่คิดอยู่ภายในใจ พลางใช้มือเชยคางคนตรงหน้าขึ้น “ยอมทุกอย่างจริง ?”
“อื้ม...”
หึ...
“งั้นช่วย...”
“ยอมนอนเฉยๆ ให้กูเอาได้มั้ยล่ะ J”
“...”
“J”
“หะ...”
“ว่าไง ยอมได้ทุกอย่างจริงหรือเปล่า ไม่งั้นกูหนีนะ”
“พูดจริงพูดเล่น ?”
“หืมมม ?”
“ไอ้เหี้ยมืด !”
พรึ่บ !
ผมผลักร่างของไอ้ธามนอนหงายราบไปบนเตียงทันที พลางย้ายตัวเองขึ้นค่อมร่างนั่น มือของคนที่โดนกระทำก็โดนกดไว้เหนือหัว ซึ่งแรงที่ไม่ค่อยมีของไอ้ธามเลยทำให้ผมจัดการมันได้ง่ายกว่าที่คิด “ว่าไง จะยอมหรือไม่ยอม”
“...”
“ถ้าไม่ งั้นกูกลับ...”
“มึงจะให้กูตอบว่าไง กูมีสิทธิ์ปฏิเสธ ?”
“มีดิ แค่มึงบอกว่าไม่” ผมมองหน้าไอ้ธามที่สีหน้าตกใจตอนแรกที่ค่อยๆ ปรับลง โดยไม่รู้ว่าเจ้าตัวพยายามแค่ไหนกับท่าทีนิ่งๆ นี่ แต่สิ่งเดียวที่ยังคงไม่เปลี่ยนไป คือตอนนี้มันขัดขืนผมไม่ได้ ตัวเองเลยได้แต่ใช้มือลูบใบหน้าของมันเบาๆ แล้วกดจูบลงไปบนริมฝีปากนั่น “ว่าไง...”
“กูบอกเลยว่าหน้าเซ็กซี่อย่างมึงมันเหมาะกับตำแหน่งเมียมากกว่าว่ะ...”
“งั้นกูกลับ !” ผมแสร้างทำหน้าไม่พอใจ ก่อนจะถอยตัวออกมา และย้ายลงจากตัวคนตรงหน้าเมื่อเห็นว่ามันทำท่าจะปฏิเสธ จนไอ้ธามต้องรีบลุกขึ้นแล้วคว้าแขนผมไว้ ผมเลยหันไปมองมันด้วยความไม่พอใจ “เหอะ ปากก็บอกรักกู ยอมได้ทุกอย่าง แม่งดีแต่ปากว่ะ !”
“เดี๋ยวดิ !” ไอ้ธามมันท้วงขึ้นเมื่อผมทำท่าจะสะบัดแขนตัวเองออก ผมเองก็ไม่ยอมง่ายๆ มันเลยค่อยๆ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มีความลังเลอย่างชัดเจน “กูกลัวมึงติดไข้...”
“กูแดกผักทุกวัน เพราะฉะนั้นกูแข็งแรง”
“สรุปมึงจะทำจริงๆ ใช่มั้ย ?”
“เออ”
“...” อยู่ๆ ไอ้ธามมันก็นิ่งไป พลางมองผมไม่ละสายตากับท่าทางเอาแต่ใจของผม จนในที่สุดเจ้าตัวก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมาเสียงเบา ทำให้ผมที่เป็นคนฟังแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “เออ อยากทำอะไรก็ทำ”
“หะ...”
“กูรักมึงมากจริงๆ ไอ้แทน...”
“...”
“วันไหนมึงเชื่อใจกูแล้วค่อยกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ได้”
“มึงยอมกูจริงดิ...” ผมถามมันด้วยความรู้สึกที่ยังไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่ ก่อนที่ไอ้ธามมันจะยิ้มเล็กน้อย พลางดึงใบหน้าผมเข้าไปแล้วทาบริมฝีปากลงมาเบาๆ ตามด้วยคำพูดของคนตรงหน้าที่ทำเอาหัวใจของผมเต้นแรงขึ้นมาทันที
“เมียขอแค่นี้ ทำไมจะยอมไม่ได้วะ J”
“ไอ้บ้า...”
“แต่ครั้งเดียวนะ จะไม่มีมีครั้งที่สอง” มันหุบยิ้มลง ก่อนจะปรับเป็นน้ำเสียงแข็งอย่างดื้อๆ ดูแล้วเจ้าตัวก็คงจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ ผมเลยได้แต่หัวเราะออกมา
“ทำพูดดี อย่ามาติดใจแล้วขอให้กูทำให้บ่อยๆ แล้วกัน !”
“นั่นสิ ไอ้ของแบบนี้ มึงก็เคยติดใจมาแล้วนี่เนอะ J”
“ชิส์ !” ผมจิ๊ปากออกมา ก่อนจะผลักร่างนั้นให้ลงนอนด้วยความรวดเร็ว ซึ่งไอ้ธามมันก็ได้ได้ขัดขืนอะไร ก่อนที่คนตรงหน้าจะสะดุ้งเฮือกเมื่อผมดึงกางเกงนอนพร้อมกับกางเกงในของเจ้าตัวลงมาในทีเดียว
เอาวะ ตอนแรกก็ว่าจะขอเล่นๆ พอได้จริงก็ถือว่ากำไรแล้วกัน J
“ดะ...เดี๋ยวดิ มึงใจเย็น” ไอ้ธามมันว่าโดยมือนึงก็พยายามดึงกางเกงของตัวเองไว้ ผมเลยมองมันนิ่งๆ โดยไม่สนใจกับคำพูดนั่น ก่อนจะค่อยๆ ปลดกางเกงยีนส์ของตัวเองออก พลางจัดการกระตุ้นอารมณ์โดยการสาวแก่นกายของตัวเองเบาๆ ทำให้คนที่มองการกระทำของผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ สายตาก็จับจ้องมาที่ใบหน้าของผมไม่วางตา
“อ่าส์...”
“มึงแม่งเหมาะกับการเป็นเมียจริงๆ ด้วย...”
“โทษที แต่วันนี้กูได้เป็นผัวว่ะ...”
พรึ่บ !
ผมดึงกางเกงไอ้ธามลงมาใหม่ ซึ่งเจ้าตัวก็ทำหน้าตาตื่นอีกครั้งเพราะคว้าไว้ไม่ทัน “เห้ย ใจเย็น !”
“นอกคว่ำดิ”
“ไอ้เหี้ยมืด เอาจริงดิ ?”
“กูบอกให้นอนคว่ำ”
“...” ไอ้ธามมันมองผมด้วยสายตาหวั่นๆ ก่อนจะยอมนอนคว่ำตามคำสั่งแต่โดยดี โดยที่ตอนนี้ท่อนล่างของมันเปลือยเปล่าเรียบร้อยแล้ว มีเพียงท่องบนของผมและมันเท่านั้นที่ยังคงสภาพเดิม ผมจึงไม่รอช้าขึ้นค่อมระหว่างช่วงขาของร่างที่นอนอยู่ทันที ก่อนจะกดกลางกายของตัวเองที่เต็มไปด้วยอารมณ์เข้าไปทางช่องทางแคบๆ ของไอ้ธาม ซึ่งเจ้าตัวถึงกลับเกร็งกร้ามเนื้อแน่น “อั๊ก...!”
“อ่าส์...”
ผมครางออกมาเบาๆ เมื่อค่อยๆ พยายามยัดส่วนปลายเข้าไป โดยได้ยินหอบหายใจของคนตรงหน้าอย่างชัดเจน จนตัวเองคิดว่าจะเลวเกินไปหรือเปล่าที่ทำกับคนป่วยแบบนี้ แต่ตอนนี้อารมณ์ของผมก็มากเกินที่จะหยุดได้แล้วเหมือนกัน...
ขอล่ะนะ...
แอ๊ดดด ~
“ธาม...”
เสียงเปิดประตูห้องพร้อมกับเสียงหวานๆ ของผู้หญิงทำให้ทั้งผมและมันตกใจตามๆ กัน ก่อนที่ใบหน้าสวยๆ ของใครคนหนึ่งจะมองมาทางพวกเราด้วยสีหน้าตกใจกับสภาพ ณ ตอนนี้ ซึ่งทางพวกเราก็ไม่ต่างนัก ตัวแข็งทื่อหัวใจตกไปที่ตาตุ่มเป็นที่เรียบร้อย
ผะ...ผู้หญิงที่ไหนมาหาไอ้ธาม !
“...”
“...!”
...
คนตรงหน้าประตูที่มองมาที่พวกผมไม่วางตา ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบ “ถ้าทำธุระเสร็จแล้ว ลงมาคุยกันหน่อยนะ”
“มะ...”
สีหน้าของผู้หญิงตรงหน้าค่อยๆ ปรับลงเป็นปกติ พลางมามาที่คนที่นอนอยู่ใต้ร่างผมโดยตอนนี้มันนิ่งไปอย่างผิดสังเกตจนหน้าเป็นห่วง ก่อนที่คำพูดสุดท้ายของคนที่ยืนอยู่จะทำให้ผมหัวใจแทบจะวายตายลงตรงนี้และคิดออกมาได้เพียงอย่างเดียว...
...
“แม่มีเรื่องจะคุยด้วย”
สถานการณ์เหี้ยสุดๆ !!
- ธาม –
มึงไม่จำเป็นต้องรีบหายเกลียดกูก็ได้ แต่กูแค่ขอโอกาสให้กูเริ่มใหม่ ขอแค่มึงเปิดใจให้กูอีกซักครั้ง และกูก็จะไม่สัญญว่ามันจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นอีก แต่กูจะแสดงให้มึงเห็นในการเริ่มต้นใหม่ครั้งนี้
Thank You !