ตอนพิเศษ ลอยกระทง
(เขียนเมื่อปีที่แล้วค่ะ 555)
14 พฤศจิกายน
“กรี๊ดดดดดด ขอบขนมมันไม่ตั้งอ่ะ”เสียงกรีดร้องของพี่ๆ ชมรมทำอาหารกำลังโหยหวน
วันนี้คือวันลอยกระทงที่นักศึกษามหาวิทยาลัย T เฝ้ารอ เพราะหลังห้าโมงเย็นไปแล้วทางมหาวิทยาลัยจะเริ่มเปิดงานเทศกาลลอยกระทง เหล่าร้านค้าที่มาจากชมรมต่างๆ เตรียมพร้อมกันให้วุ่นวาย เพื่อป้องกันปัญหาน้ำเน่าเสียในมหาวิทยาลัยชมรมทำอาหารจึงเป็นซุ้มเดียวที่ได้รับอนุญาตทำกระทงขนมปัง ส่วนร้านอื่นๆนั้นทำเป็นกระทงใบตองที่เก็บกวาดสะดวก ทำให้ตอนนี้ทุกคนต้องนั่งปั้นหน้ามืดกว่าจะได้จำนวนกระทงขนมปังที่อบเสร็จแล้วพอขาย พวกเขาทำกระทงขนมปังง่ายๆ ไม่หรูหรา ไม่มีแป้งเยอะเกินไปจนค้างในน้ำ ด้านในโรยอาหารปลาสีสดใสแล้วเอาดอกไม้ประดับปักธูปเทียนเป็นอันเสร็จ
สำหรับชมรมนี้ไม่ได้ขายแค่กระทง แต่จับมือกับฝั่งขนมไทยทำขนมออกมาขายโดยขอเศษใบตองมาจากชมรมอื่นมาพับเป็นถ้วยใส่
ภามกำลังผสมแป้ง ใส่กะทิและกล้วยบดจัดการนวดให้มันเข้ากัน จากนั้นก็หันไปบอกพี่อีกคนที่เพิ่งคั้นน้ำใบเตยเสร็จให้ค่อยๆเทผสมกับแป้ง
“ผมอยากให้มีสีเขียว จะได้เข้ากับเทศกาล” เขาหันไปคุยกับพี่เดช ชายบึกบึนแห่งชมรมขนมไทยที่พยักหน้าแล้วเดินไปเอาสีผสมอาหารสีเขียวมาเหยาะให้ ไม่นานแป้งที่นวดก็ออกสีเขียวสวยน่ากิน
เด็กหนุ่มเอาน้ำตาลปี๊บใส่เป็นส่วนผสมสุดท้ายนวดจนแป้งเหลวข้นเหมือนนมข้นหวาน พอเห็นว่าเข้ากันดีหมดแล้วพี่สาวในชมรมก็ช่วยกันเอาผ้าขาวบางมากรองให้ได้เนื้อแป้งที่ละเอียดแล้วหมักแป้งทิ้งเอาไว้แบบนั้นอีก3ชั่วโมง
“โอเคๆ ตอนนี้ที่ซุ้มจัดเสร็จแล้วใช่ไหม อีกสองชั่วโมงจะเปิดงานแล้ว ช่วยกันขนของไปหน่อย” ท่านประธานตะโกนไล่ให้สมาชิกช่วยกันหอบหิ้วของ ด้านหน้าห้องมีรถเข็นที่มีกระทะทองเหลืองใบโต น้ำมันและอื่นๆอีกมากเตรียมพร้อมที่จะทำขนมในวันนี้
พี่เดชอุ้มแป้งที่ทำเตรียมไว้ก่อนหน้าวิ่งไปที่รถ แล้วช่วยสาวๆขนของหนักอย่างขยันขันแข็ง เห็นแบบนี้ตัวใหญ่ๆหน้าโหดๆ แต่มีแฟนสาวสวยน่ารักมากเลยล่ะ
ภามล้างมือแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู เขาอมยิ้มกับข้อความสู้ๆในไลน์ อดตื่นเต้นไม่ได้เพราะเมื่อวานพี่ดีนโทรมาถามว่าจะไปลอยกระทงไหม เขาก็ตอบตกลงทันทีพร้อมขออนุญาตพี่ที่ชมรมเรียบร้อย แน่นอนว่าโดนแซวเละเทะแต่ก็ทำหน้านิ่งไม่รู้ไม่ชี้ใส่ นี่กะว่าจะฉกกระทงขนมปังของชมรมไว้ลอยกับพี่เขาด้วยซ้ำ
เสียงสัญญาณตามตึกเป็นตัวบอกว่างานเทศกาลลอยกระทงปีนี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว ต้นไม้มากมายประดับประดาไฟไว้มากมาย พอฟ้าเริ่มมืดก็จะเปิดเป็นไลท์อัพพร้อมสร้างแสงสว่างให้กับงาน ร้านค้ามากมายเรียงกันเป็นแถว ของกินส่งกลิ่นหอมฟุ้ง นักศึกษาที่ไม่มีเรียนเริ่มแวะซื้อของรองท้องไม่นับคนนอกที่เริ่มทยอยเข้ามาในมหาวิทยาลัย
ฟู่
เสียงแป้งหยอดลงในกระทะทองเหลืองที่ท่วมไปด้วยน้ำมัน พี่กิ๊ฟฟี่เอาส้อมเขี่ยๆขอบแป้งที่กระจายตัวให้รวมกลุ่ม รอจนแป้งสุกลอยขึ้นมาเขาก็พลิกกลับด้านตักน้ำมันราดตรงกลางจนมันพองฟูถึงเอาใส่ตะแกรงพักไว้สะเด็ดน้ำมัน
“หน้าตาเหมือนยูเอฟโอ” วันนี้ชมรมว่ายน้ำไม่มีอะไร ทีมเลยเดินตัวปลิวแวะโน่นนี่ก่อนมาจบที่ซุ้มของเพื่อนซี้ เขายืนมองขนมสีเขียวใบเตยรูปร่างเป็นแผ่นกลมขอบหยักสีเข้มตรงกลางพองๆ หน้าตาแปลกไม่เคยเห็น
“เขาเรียกว่าขนมฝักบัว” ภามตักขนมฝักบัวชิ้นเล็กใส่ถ้วยใบตองให้เพื่อน
“เออแฮะ ถ้ามีเม็ดบัวด้วยนี่เหมือนเลย” เอาไม้จิ้มพลิกไปพลิกมาแล้วงับ ขนมยังอุ่นร้อนเนื้อนุ่มมีกลิ่นใบเตยหอมละมุน รสชาติหวานมันจนต้องจิ้มชิ้นต่อไป
“เชี่ยแม่ม อร่อยอีกแล้ว หอมม” ทีมหันไปทำตาปริบๆใส่เพื่อน “แกรู้ไหม ตั้งแต่รู้จักกันมาเนี่ยน้ำหนักขึ้นสองโลแล้ว ช่วงนี้ต้องออกกำลังกายลดน้ำให้ทันก่อนแข่งธันวาเนี่ย”
“ใช่ แล้วแกก็ควรงดแดกได้แล้วไอ้ทีม” ถ้วยขนมโดนยกหายส่งให้มะนาวกับเดล ส่วนคนที่กำลังขมวดคิ้วใส่ทีมคือรองประธานหัวทองใจร้าย
“พี่วิ๊นนน มันอร่อยนะ อร่อยมาก ขออีกชิ้นนะ” ทีมยิ้มแหยพยายามมองไปทางมะนาวแต่สองสาวกลับจกขนมของเขากินทำหน้าฟินกันใหญ่
“พอเลยมึง อ้อ น้องภาม ดีนบอกว่าสองทุ่มจะมารับนะ”
ฮิ้วววววววววววว
ภามหน้าร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อคนในชมรมส่งเสียงแซวเกรียวกราว แต่พยายามกลั้นเขินคอยช่วยดูน้ำมันให้เพื่อนว่าร้อนเกินไปไหม
“คนมีแฟนดีช่างน่าอิจฉา”
อ้ะ เติมน้ำมันหน่อยเดี๋ยวร้อนเกิน
“คอยรับคอยส่งคอยดูแล”
แป้งเป็นฟอง ไม่ดีๆ ต้องคนไล่อากาศ
“เตรียมมือถือไว้ถ่ายอัพเดทนะแก”
ปึ๊ด
“โอ้ยยยยยยยยย พี่อย่าแซวดิ!!” ภามหน้าแดงจัดทนไม่ไหวส่งเสียงโวยวาย เรียกเสียงหัวเราะทั้งจากเพื่อนตัวเองและสมาชิกชมรมจนลั่นซุ้ม
ท้องฟ้ามืดสนิทแสงไฟสวยงามให้บรรยากาศละมุนละไม เสียงเพลงลอยกระทงคลอตามสายยิ่งทำให้คนมางานครึกครื้น ซุ้มขนมขายดีตามคาดเรียกว่าไปควบคู่กับกระทงขนมปังเลยทีเดียว ภามปาดเหงื่อหน้ามันไปหมดไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนไปลอยกระทงกับพี่ดีนจะโทรมขนาดไหน แถมแป้งที่หมักไว้ก็หมดแล้วหมดครั้งนี้ซุ้มขนมคงต้องปิดร้านก่อนเวลาแต่ก็ทำได้เกินเป้าที่ตั้งไว้เรียบร้อย
“ภาม” เสียงเรียกจากพี่เดชทำให้เขาต้องเงยหน้าจากกระทะ ด้วยความที่อากาศร้อนเลยโดนพี่สาวแถวนี้จับมัดจุกโชว์เหม่ง เขาทำตาปริบๆ เป็นเชิงถามว่าเรียกทำไม แต่พี่เดชก็ชี้นิ้วไปอีกด้าน
ภามหันหน้าตามนิ้วสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นพี่ดีนยืนมองเขายิ้มๆ ไม่พูดอะไร ดวงตาสีสวยมองเขาด้วยสายตาแวววาวปนหยอกล้อ
“พี่ดีน!” อุทานเสียงหลง โคตรอับอายสภาพตัวเองตอนนี้ มองซ้ายมองขวาจะหาทิชชู่มาเช็ดหน้าแต่ก็เหลือแต่ห่อเปล่า ทุกคนยังดูวุ่นวายกับลูกค้าที่ต่อคิวซื้อขนมฝักบัว
ภามส่งต่องานให้พี่เดชหลบออกมายืนข้างซุ้ม เขาพยายามดึงจุกผมออกแต่ก็โดนมือใหญ่ของพี่ดีนจับล็อคใบหน้าเอาไว้เสียก่อน
“เอ๊ะ ฮื่อออ” ผ้าเย็นทำความสะอาดผิวเช็ดเข้าที่ใบหน้าสร้างความสดชื่นให้หลังจากเหนื่อยมาหลายชั่วโมง ภามหลับตาพริ้มให้พี่จัดการเช็ดทั้งใบหน้าลามไปจนถึงลำคอ
“ดีขึ้นไหม” เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ แล้วส่งยิ้มแทนคำขอบคุณ เขาหลับตาปี๋อีกครั้งเมื่อคนพี่ดึงจุกผมออกแล้วใช้มือเสยผมให้จนเรียบร้อย
“โอ้ยยยยยยยยยย ขนมฝักบัวหวานมากกก” เสียงใครบางคนในชมรมอดทนไม่ไหวร้องขึ้นมา เรียกสติสองหนุ่มจากโลกส่วนตัวให้หันมามอง
ทั้งลูกค้าทั้งคนขายมองพวกเขาเป็นตาเดียวกัน หลายคนถือโทรศัพท์ดูเหมือนจะอัดคลิปด้วยซ้ำ
“หวานๆ นี่แหละชอบค่า” หนึ่งในลูกค้าจิ้มขนมเข้าปาก ยิ้มล้อน้องที่แก้มแดงเรื่อจนเห็นได้ชัด
“อยากจะมีคนมาเช็ดเหงื่อให้บ้าง” พี่สาวที่กำลังส่งขนมให้ลูกค้าครวญคราง แต่พอเจ้าหล่อนหันไปเห็นอีกหนึ่งชายร่างบึกของชมรมที่มีสาวน้อยแสนน่ารักเช็ดเหงื่อให้ แรงอิจฉาก็พุ่งสองเท่า
“โอ๊ย ผู้ชายชมรมนี้!!!” แม่ค้ากรีดร้องเล่นเอาคนฟังขำครืนแทบสำลัก
ภามอาศัยจังหวะที่คนกำลังเปลี่ยนเป้าหมายไปหาพี่เดช คว้ากระเป๋าลากแขนพี่ดีนหลบออกไปอีกทาง ฝ่าฝูงคนมากมายที่กำลังสนุกสนานกับการซื้อของและลอยกระทง
“พี่ดีนเราจะแวะซื้อกระทงกันก่อนไหมครับ” หันมาถามอีกฝ่ายมือก็จับกันไว้ด้วยความเคยชิน
ดีนส่ายหัว เขากระตุกมือน้องให้หลบกลุ่มคนที่เดินเบียดเข้ามา
“มีกระทงแล้วอยู่บนรถ ภามไปเปลี่ยนเสื้อก่อนแล้วเดี๋ยวเอามาลอยกัน”
กว่าจะมาถึงลานจอดรถที่ตอนนี้แน่นขนัด ภามก็เหงื่อตกอีกครั้งต่างจากพี่ดีนที่ดูไม่ค่อยเหงื่อออกเท่าไหร่ คนตัวเตี้ยกว่าอดเบะปากไม่ได้ เขาหน้ามุ่ยไปเปลี่ยนเสื้อไปโดยมีคนที่เขากำลังนินทาในใจยืนพิงรถรออยู่
โชคดีที่มีเสื้อผ้าติดรถพี่ดีนเอาไว้เสมอ..โอเค ไม่ต้องถามนะว่ามีติดเอาไว้ทำไม แต่มันทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นเยอะในหลายๆ อย่าง
“เป็นอะไรคิ้วขมวด” ดีนเอานิ้วแตะกลางหน้าผากย่นยู่
ภามยืนขึ้นปัดฝุ่น แกล้งป้องปากเหมือนตะโกนด้วยเสียงเบา
“ข้างบนอากาศดีไหมคร้าบบบ” ลากเสียงยาววว..ววว
ดีนเลิกคิ้ว ครุ่นคิดสักพักก็นึกออกว่าน้องกำลังหน้าบูดเรื่องความสูง เขาหัวเราะหึหึเลยโดนน้องตีไปสองสามทีด้วยความหมั่นไส้ สุดท้ายคนพี่ก็ทนไม่ไหวตวัดอุ้มช้อนบั้นท้ายขึ้นจนน้องร้องเสียงหลง
“เดี๋ยว!! พี่ดีนทำอะไร!??” ภามรีบเกาะไหล่อีกฝ่ายไว้ มองไปรอบตัว ถึงจะมองไม่เห็นใครแต่ใช่ว่ารถบางคันจะไม่มีคนสักหน่อย
“พี่ ~” โดนอุ้มนานๆ ชักเขิน ใบหน้าร้อนจัดก้มหน้าก้มตามองอีกฝ่ายด้วยแววตาขอร้อง “ผมอายนะ หนักด้วย”
“อากาศข้างบนดีไหมครับ” ดีนยักคิ้วให้ไม่สนใจคำขอร้อง เล่นเอาคนโดนย้อนจุกสนิท
“อากาศดีมากกกกก ปล่อยนะนะนะ” ขอร้องแทบจะยกมือไหว้ แต่คนนิสัยไม่ดีย่อมทำหูทวนลมเหมือนทุกครั้ง
“ต้องทำยังไงก่อนครับ” ภามรู้สึกเหมือนตัวจะระเบิดแตกตาย ยังไงเขาก็ไม่มีทางชินแน่ๆ
“เดี๋ยวคนเห็น” อ้อมแอ้มตอบ
“งั้นก็อยู่แบบนี้ต่อไปก่อน พี่ไหว”
เสียงหัวเราะคิกคักของสาวๆ ที่เดินผ่านลานจอดรถไปยิ่งทำให้ภามเขินจนอยากจะร้องไห้ โคตรอายของโคตรโคตรอาย ทำไมพี่ดีนนิสัยเสียแบบนี้เนี่ย
“ถ้าโดนถ่ายรูปทำไง..” ปัดผมบนใบหน้าคมคายออกเผยให้เห็นแนวคิ้วเข้ม ภามไล้ปลายนิ้วที่รอยปานจางๆแผ่วเบา
“ป่านนี้คงไม่เหลือ” คนพี่ยักไหล่ตอบชิลๆ
เด็กน้อยถอนใจ เขาก้มหน้าลงประคองใบหน้าอีกฝ่ายไว้ กระซิบเสียงเบาหวิว
“คนนิสัยไม่ดี..” พร้อมแนบจูบลงบนเรียวปากนุ่มบดย้ำเอาใจ
จูบหวานเคล้าคลอ ขบเม้ม เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อลิ้นอุ่นร้อนสัมผัสซึ่งกันและกัน ก่อนจะไล้เลียเชื่องช้าเหมือนลิ้มรสขนมหวานแล้วเริ่มดุนดันเหมือนจะกลืนกิน
“อืม.....”
ร่างของภามค่อยๆ ไหลลงช้าๆจนขาแตะพื้น หากปากของพวกเขาไม่ห่างกันแม้แต่น้อย จูบหวานยังคงดำเนินต่อไปอาศัยเงามืดในลานจอดรถบดบังจากสายตาคน ภามรู้สึกได้ว่าขาตัวเองเริ่มสั่น ครางอื้ออึงเมื่อมือร้อนๆของพี่ดีนแตะสัมผัสแผ่นหลังลูบไล้ไปมา
“พี่...ผม....” เบือนริมฝีปากแดงก่ำออก พยายามรั้งใบหน้าคนพี่เอาไว้สุดกำลัง ลมหายใจทั้งคู่หอบกระชั้นตามอารมณ์
“ไปลอยกระทงไม่ไหวแล้วสิ ทำไงดี” ดีนคลอเคลียปลายจมูกกับแก้มนุ่ม สองมือคล้องเอวน้องกอดเอาไว้ไม่ปล่อย ภามเม้มปากแน่นทำตาค้อนขวับ ทุบไหล่คนพี่แล้วก้มหน้างุดซุกอยู่กับอกกว้างทั้งๆแบบนั้น เสียงเพลงเทศกาลยังคงดังแว่วผ่าน ที่ลานจอดรถดูเหมือนจะไม่มีใครแล้ว ดีนดันคางน้องขึ้นมองสบตาแทนคำถาม คนในอ้อมแขนแดงทั้งหูทั้งคอหลุบตาไปทางอื่นแล้วพยักหน้าน้อยๆ แทนคำตอบ
แล้วต่อมารถซีดานสีดำก็วิ่งออกไปจากลานจอดรถมหาวิทยาลัยอย่างเงียบงัน
วันเพ็ญเดือนสิบสอง.....
เสียงเพลงลอยกระทงดังจากทีวีที่เปิดทิ้งเอาไว้ให้เตียงยับย่นดูแทนเจ้าของห้อง ท้องฟ้าค่ำคืนนี้สว่างสดใสเพราะพระจันทร์เต็มดวงสีนวลตา ระเบียงคอนโดตอนนี้มีกะละมังใบใหญ่ใส่น้ำปริ่มพร้อมกระทงใบตองลอยอยู่ กระทงอันไม่ใหญ่มากพับเป็นกลีบผกาสวยงามด้านในมีดอกบานไม่รู้โรยสีชมพูสดอัดแน่นเต็มไปหมดและปักด้วยธูปเทียน
“พี่ซื้อมาจากไหนครับ” เด็กน้อยนั่งยองๆ เอามือกวักน้ำให้กระทงลอยวนไปวนมา
ดีนที่นั่งยองๆอยู่ข้างๆ เกาแก้มตัวเอง ดูลำบากใจที่จะตอบจนน้องเอนตัวมาพิงแล้วช้อนตามอง
“...พี่ทำเอง”
“ห๊ะ!” ภามทำตาโตเบิกกว้าง
“ก็อยู่กับคุณย่าแล้วโดนบังคับทำทุกปีตั้งแต่เด็กจนโต” คนพี่แอบเขินไม่กล้ามองสบตา
“มันสวยมากเลยนะพี่ดีน คือพับใบตองอย่างเนี้ยบ” กระตุกแขนเสื้อคนตัวโตด้วยความทึ่ง “ผมยังทำไม่ได้ขนาดนี้เลย” ภามยอมรับว่าตัวเองก็โดนแม่สอนมาเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่ามือใหญ่ๆอย่างพี่ดีนจะทำอะไรแบบนี้ได้
“ชอบไหม” ดีนหันมาหาน้อง ก้มลงจูบหน้าผากอีกฝ่ายด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ชอบครับ” ยิ้มกว้างส่งให้ “แล้วทำไมใส่ดอกบานไม่รู้โรยเพียบเลย ไม่ใส่พวกดอกบัวหรือดาวเรืองบ้างเหรอ” เขี่ยกระทงมาดูใกล้ๆ ด้วยความชื่นชม
“พี่ชอบความหมายของดอกบานไม่รู้โรย” เขาเอื้อมมือไปจับมือน้องที่เริ่มซนกับกระทงแล้วดึงขึ้นจูบปลายนิ้วชี้“ดอกบานไม่รู้โรยเป็นดอกไม้มงคลช่วยส่งเสริมความรัก” ขยับมาจูบที่ปลายนิ้วกลาง “ทำให้คู่รักผูกพันกัน” จูบปลายนิ้วนางหนักๆ “...ตราบนานแสนนาน” ตบท้ายด้วยนิ้วก้อย
ภามหายใจลึกแก้มแดงปลั่ง เขาช้อนตามองพี่ดีนด้วยแววตาฉ่ำหวาน แล้วหลับตาพริ้มเมื่อใบหน้าของอีกฝ่ายก้มลงมา ริมฝีปากร้อนแตะสัมผัสเคล้นคลึง ขบกัดกันเบาๆ ไม่ลุกล้ำมากไปกว่านั้น จนพอใจถึงได้ผละออก
“ขอขมาพระแม่คงคากัน” ดีนชักชวนแล้วจุดไฟธูปเทียนที่กระทงแล้วยกมือไหว้สวดอธิษฐานพร้อมน้อง
คืนนั้นแสงจันทร์สาดส่องสว่าง ฉายภาพกระทงงดงามลอยอ้อยอิ่งในกะละมังริมระเบียงคอนโด
แถม
