ตอนที่ 29
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปเมื่อทุกอย่างถูก
จัดการจนเรียบร้อยกานต์รักจึงกลับมาใช้ชีวิตอย่างเช่นปกติ และสิ่งแรกที่ร่างเล็กทำก็คือการเข้าร้านหลังจากที่ไม่ได้มาดูแลเป็นเวลากว่าสัปดาห์
“เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะมารับ” คนข้างตัวเอ่ยขึ้นขณะที่ท่อนแขนแกร่งยังคงรั้งเอวเล็กเอาไว้ไม่ห่างตัว
รถยนต์คันหรูจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าร้านเป็นเวลาหลายนาที คนตัวโตเอ่ยย้ำเรื่องต่างๆไม่ยอมให้กานต์รักลงจากรถราวกับเด็กที่ผู้ปกครองมาส่งเข้าโรงเรียนเป็นวันแรก
“คุณแพทย้ำมาสามรอบแล้วครับ”
“ฉันบอกให้พักอีกสักสองสามวันก็ไม่ฟัง”
เหตุผลที่แพทริกรั้งรอไม่ยอมให้อีกฝ่ายลงจากรถเพราะยังไม่อยากให้กานต์รักกลับมาทำงาน ความกลัวที่สร้างบาดแผลเอาไว้ทำให้เขาเป็นกังวลทั้งยังห่วงสารพัด และแม้ว่าจะวางแผนรังแกให้คนรักอ่อนแรงจนตื่นสายกว่าปกติแต่ก็ไม่อาจล้มล้างความตั้งใจของอีกคนได้
ถ้าไม่มีประชุมสำคัญแน่นอนว่าเขาจะมานั่งเฝ้าไม่ให้คลาดสายตา
แต่ก็เพราะทำอย่างนั้นไม่ได้จึงต้องเพิ่มกำลังการคุ้มกันมากขึ้นเป็นเท่าตัว แม้ว่าพร้อมกานต์จะอยู่ด้วยแต่ก็เพื่อความมั่นใจที่มากขึ้น
“รักทิ้งร้านมานานแล้วครับ ไม่รู้ว่าป่านนี้เป็นยังไงกันบ้าง”
“ฉันส่งคนมาดูแลตลอด ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไหนจะพี่ชายนายอีกคน”
“ให้รักได้มาดูด้วยตัวเองเถอะนะครับ” ร่างเล็กเอ่ยร้องขอ ดวงตาโตกะพริบปริบเว้าวอน
ภาพที่ทำให้คนมองถอนหายใจกับตัวก่อนจะเสไปมองทางอื่นชั่วครู่ กับกานต์รักแล้วการแข็งใจนั้นทำได้ยากเหลือเกิน
“ไม่ต้องห่วงรักนะครับ”
ฝ่ามือใหญ่บนหน้าขาแกร่งถูกเกาะกุมลูบไล้ปลอบประโลม ความรู้สึกข้างในที่แม้จะพยายามปกปิดแต่กานต์รักก็สัมผัสได้
“อย่าพูดในสิ่งที่ฉันไม่มีวันทำได้” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบนิ่ง ประกายในดวงตาคมวูบไหวไปเสี้ยววินาที
กานต์รักไม่มีวันรู้หรอกว่าวินาทีที่เขารู้ข่าวความรู้สึกมันทรมานแค่ไหน เหมือนมีคนมาบีบหัวใจก่อนจะกระชากออกไปอย่างรุนแรง เหมือนถูกพรากลมหายใจออกไปทั้งที่ยังมีชีวิต ความกลัวและความเป็นห่วงถาโถมเข้ามาจนคนที่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งดั่งหินผาล้มทั้งยืน
“รักสัญญาครับว่าจะดูแลตัวเอง การป้องกันตัวที่คุณแพทสอนรักทำได้แล้วนะ...รักอยู่ตรงนี้ แล้วเย็นนี้เราก็จะเจอกันเหมือนเดิมไงครับ”
เอ่ยกระซิบพูดด้วยรอยยิ้มปลอบโยน มือบางไล้ไปมาข้างแก้มสากหวังให้สัมผัสของตัวเองคลายความกังวลของคนรักให้หมดไป
เปลือกตาหนาปรือปิดลงแน่น ปล่อยให้ความอ่อนโยนจากคนตรงหน้าละลายความรู้สึกหนักอึ้งในใจ
“แล้วเจอกันเย็นนี้”
แพทริกลืมตาขึ้นอีกครั้งก่อนจะแนบสัมผัสลงไปบนริมฝีปากสีสด ขบเม้มแผ่วเบาแต่ย้ำซ้ำหนักแน่น ขณะที่กานต์รักเองก็ตอบรับอย่างเต็มใจ
“ตั้งใจทำงานนะครับ”
จุ๊บ
สัมผัสแผ่วๆที่กดลงบนปลายคางสากตบท้ายทำให้แพทริกถึงกับอยากสั่งคนให้เลี้ยวรถกลับบ้านในทันที กลิ่นหอมอ่อนกับสัมผัสหวานละมุนยังตรึงอยู่บนเรียวปาก
“รักไปแล้วนะครับ”
แม้อยากจะรั้งเอาไว้แต่เข็มนาฬิกาคือสิ่งย้ำเตือนว่าแพทริกไม่มีมีเวลาอีกต่อไป การถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้งก่อนสุดท้ายแล้วใบหน้าคมจำต้องกดลงรับ ยอมขยับกายผละห่าง
กระจกด้านข้างถูกหมุนลงต่ำกระทั่งเห็นร่างเล็กที่เพิ่งก้าวลงไปยืนโบกมือให้พร้อมทั้งส่งยิ้มหวาน ยามเมื่อบอร์ดี้การ์ดเปิดประตูหน้าร้านออกกานต์รักจึงทอดสายตามองมาทิ้งท้ายก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน เมื่อแผ่นหลังบางหายลับจากสายตารถคันหรูจึงเคลื่อนออก
ยามเมื่อเจ้าของร้านเดินเข้าไปพนักงานหลายคนก็ต่างเข้ามาถามไถ่ด้วยความยินดี กานต์รักพูดคุยกับทุกคนอยู่ซักพักกระทั่งเมื่อลูกค้าเข้าร้านมากขึ้นจึงผละออกมาให้ทุกคนทำงานได้อย่างเต็มที่ก่อนจะเดินเข้าไปในส่วนของห้องทำงาน
คิ้วได้รูปเลิกขึ้นเมื่อประตูห้องของพี่ชายซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเปิดแง้มเอาไว้อยู่เล็กน้อย กานต์รักเอียงหัวด้วยความสงสัยก่อนจะผลักมันเข้าไปช้าๆ
O_O
และภาพตรงหน้าที่ได้เห็นก็ทำให้ร่างเล็กถึงกับนิ่งงัน
“พะ พร้อม...”
เสียงเรียกสั่นไหวแผ่วเบาทำให้คนสองคนที่กำลังจูบกันลึกซึ้งผละออกอย่างรวดเร็ว ยามเมื่อหันมาเห็นบุคคลที่สามใบหน้าของมินก็ซีดเผือดขณะที่พร้อมกานต์ทำเพียงแค่มองผู้เป็นน้องนิ่ง
“สองคนนี้...”
“เดี๋ยวพี่อธิบายให้ฟังทีหลัง ตอนนี้ขอเคลียร์กับคนของรักก่อน”
“พี่กับมิน...ระ รักจะไปรอที่ห้อง”
กานต์รักเอ่ยได้เพียงเท่านั้นก่อนจะพาร่างกายอันเบาโหวงเดินออกจากห้องมาด้วยความเลื่อนลอย ภาพการแนบชิดเมื่อครู่ยังติดตาไม่ห่างหาย ความคิดในหัวสับสนมึนงง ร่างเล็กได้แต่ทรุดตัวนั่งลงในห้องทำงานของตัวเองอย่างไร้สติ
กระทั่งประตูห้องทำงานถูกเปิดเข้ามาหลังจากผ่านไปหลายนาทีกานต์รักจึงหลุดออกจากภวังค์
“รัก”
“เดี๋ยวนะ...รักขอตั้งสติก่อน”
คนถูกเรียกเอ่ยบอกผู้เป็นพี่ที่นั่งลงข้างตัวก่อนจะหลับตาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อเริ่มรู้สึกดีขึ้นจึงเปิดเปลือกตาขึ้น
“เล่ามาให้หมดนะพร้อม ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“ก็คุยกันมาเรื่อยๆ แต่เพิ่งตกลงกันจริงจังหลังจากที่พี่กลับมา” คนพูดยักไหล่เอ่ยตอบอย่างเป็นธรรมชาติ
“ทำไมรักไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“คนของรักไม่ให้บอกเอง เรื่องจะเปิดเผยพี่ไม่ซีเรียสอยู่แล้ว รายนั้นเขากลัวเราไม่พอใจ กลัวคนในร้านจะว่า”
“รักจะไม่พอใจอะไรกัน” คิ้วคู่สวยขมวดเข้าหากันมุ่นยามได้ยินสิ่งที่พร้อมกานต์บอก
“พี่ก็บอกไปแล้ว แต่มินก็ยังยืนยันว่าไม่อยากให้ใครรู้”
“โธ่ นี่มินคิดไปถึงไหนกันนะ...แล้วพร้อมไปหลอกล่อยังไงน้องถึงยอมตกลง”
“หลอกล่ออะไร เห็นพี่เป็นคนยังไงหืม”
“ไม่ต้องมาพูดเลย ถ้าพร้อมไม่ไปหลอกล่อมินเข้าน้องคงไม่หลวมตัวหรอก” ปากเล็กยู่น้อยๆใส่พี่ชาย ในใจนึกห่วงไปยังคนที่ตัวเองเอ็นดูเหมือนน้องอย่างอดไม่ได้
พี่ชายตัวเองทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ความใจดีอ่อนโยนคือสิ่งที่พร้อมกานต์ปฏิบัติแค่กับคนในครอบครัว อีกทั้งพฤติกรรมในแบบของผู้ชายที่ผ่านมาก็โชกโชนไม่น้อย
“เห็นพี่เป็นคนเจ้าเล่ห์ขนาดนั้นเลย”
“ก็เพราะรักรู้จักพร้อมดีไง”
“หึ พี่ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นสักหน่อย คนนี้ไม่ได้คิดเล่นๆหรอกน่าไม่ต้องห่วง”
พร้อมกานต์ไม่ใช่คนที่เจ้าชู้หรือว่าเป็นเพลย์บอย ที่ผ่านมาอาจทำตัวเสเพลบ้างแต่นั่นก็ตามประสาผู้ชายที่ยังไม่เจอความสบายใจของตัวเอง
แต่ตอนนี้เจอแล้ว
“ให้มันจริงเถอะ รักสงสารน้อง ถ้าพร้อมทำมินเสียใจรักจะโกรธจริงๆด้วย”
“บอกเด็กเราเถอะว่าอย่าดื้อกับพี่นัก”
บทจะเป็นเด็กดีก็ดีเหลือเกิน แต่บทจะดื้อขึ้นมาก็ทำเอาปวดหัวได้ไม่น้อยช่วงเวลาที่ต้องห่างกันพร้อมกานต์ต้องเคลียร์ทั้งเรื่องงานและเรื่องของมินเล่นเอาเหนื่อยกำลังสอง
“รักจะบอกให้มินดื้อกับพร้อมเยอะๆเลย”
“เอาสิ งั้นพี่ก็จะบอกคุณแพทให้ลงโทษเราหนักๆเหมือนกัน”
“พร้อม!” คำพูดนั้นทำให้กานต์รักหน้าแดงเรื่อเอ่ยเรียกชื่อพี่ชายเสียงดัง
เท่าทุกวันนี้ก็โดนลงโทษหนักแล้ว ขืนพร้อมกานต์ไปยุคนตัวโตอีกกานต์รักคงไม่มีแรงแม้แต่จะก้าวขาลงจากเตียง
“รักไม่คุยกับพร้อมแล้ว ไปหามินดีกว่า”
ปากเล็กๆเอ่ยพูดทั้งยังยื่นใส่อย่างเง้างอนก่อนที่เจ้าตัวจะหยัดกายลุกขึ้นเดินออกจากห้องเพราะไม่อยากอยู่กับผู้เป็นพี่อีกต่อไป
กานต์รักยกมือขึ้นเคาะประตูห้องทำงานของพี่ชายเพียงไม่กี่ครั้งก่อนจะเปิดเข้าไปให้คนที่นั่งกุมมือตัวเองอยู่สะดุ้งสุดตัว เด็กหนุ่มหันมามองเล็กน้อยจากนั้นก็หลบสายตาวูบอย่างไม่กล้าสบ มือทั้งสองบีบกันแน่น
“พี่รัก...” เสียงเอ่ยที่แสนจะสั่นพร่าดังขึ้นยามกานต์รักทรุดตัวนั่งลงข้างๆ
“มิน”
ร่างบางขยับเข้าหาคนที่ตัวเล็กไม่ต่างกันก่อนท่อนแขนเรียวจะค่อยๆยกขึ้นโอบคนที่คิดมากเข้ามาในอ้อมกอด สัมผัสอันอ่อนโยนนั้นทำให้มินน้ำตาซึม ความกลัวและความกังวลต่างๆถูกวางทิ้งไป
“กังวลอะไรหืมเรา พี่ไม่ได้ว่าอะไรเรื่องของมินกับพร้อมเลย”
“...”
“ดีใจซะอีกที่เป็นเรา ดีใจที่มินอดทนกับพร้อมได้”
“มิน...ขอโทษนะครับพี่รัก” คำพูดจากคนในอ้อมกอดทำให้กานต์รักผละตัวออกห่าง มองเข้าไปในดวงตาที่สั่นไหวด้วยความจริงใจ
“ขอโทษอะไรกันหืม?”
“ขอโทษที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น...ทั้งที่ไม่ควรแท้ๆ” มินเอ่ยตอบเสียงเบา
“อะไรคือไม่ควรกัน เรื่องของความรักความรู้สึกมันเป็นสิ่งที่ดีและสมควรเสมอ อย่าคิดมาก ไม่มีใครว่าอะไรทั้งนั้น”
“มิน...”
“เลิกคิดมากนะ พี่ยินดีมาก และทุกคนในร้านก็ต้องเข้าใจ”
รอยยิ้มอ่อนหวานที่ทำให้โลกนี้สดใสทำให้คนเด็กกว่าถึงกับเผลอยิ้มตาม เข้าใจได้ในทันทีเลยว่าทำไมแพทริก เบรนเนแกนถึงได้ทั้งรักทั้งหวงคนตรงหน้านัก
“ขอบคุณนะครับพี่รัก”
“ยิ้มหวานให้กันขนาดนี้พี่ชักหวั่นแล้วนะ”
เสียงนั้นเรียกสายตาจากคนทั้งสองให้หันไปมองก่อนจะพบกับร่างสูงของพร้อมกานต์ที่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ
“ทำไม หวงเหรอ” กานต์รักเลิกคิ้วใส่คนเป็นพี่ขณะที่อีกฝ่ายทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาด้านข้าง
“พี่ไม่ได้ขี้หวงเหมือนแฟนเราหรอก”
“มินไม่ได้ถูกหลอกแน่นะ พี่ว่าถอนตัวตอนนี้ยังทัน ดูสิว่าพร้อมเป็นคนยังไง”
ด้วยเพราะรู้ว่าหากต่อคำกับพี่ชายต่อไม่พ้นว่าตัวเองต้องแพ้ราบคาบจึงหันไปหาตัวช่วย มินได้แต่หลุดหัวเราะให้กับประโยคนั้นพลางอมยิ้มมองสบคนตัวโต
“นั่นสิครับ ถอนตัวตอนนี้เลยได้ไหม”
“ไม่ได้...ยังไม่ทันไรก็เข้าข้างกันซะแล้วเหรอ”
พร้อมกานต์ส่ายหัวให้กับน้องชายและคนรักที่ดูท่าว่าจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยอย่างปลงตก ก่อนหน้านั้นยังกลัวว่ากานต์รักจะรู้เรื่องความสัมพันธ์แต่คราวนี้กลับคุยเข้าขากันเป็นที่หนึ่ง
“พร้อมได้กลายเป็นหมาหัวเน่าแน่ๆ”
“ถึงว่า มินได้กลิ่นแปลกๆ”
“ฮ่ะๆๆ/ฮ่ะๆๆ” แล้วคนร่างเล็กทั้งสองก็หลุดหัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนานขณะที่คนถูกล้อได้แต่ถอนหายใจแผ่วเบา
สนุกเขาล่ะได้มีเพื่อนอย่างนี้...
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“อื้อ คุณแพทอย่าซนสิครับ”
มือใหญ่ที่ลากไล้ไปตามเรียวขาอ่อนภายใต้ผืนน้ำถูกตะครุบเอาไว้ก่อนจะเคลื่อนถึงจุดสำคัญซึ่งเปลือยเปล่าและแนบสนิทกันไปทั้งตัว
หลังจากเลิกงานที่อีกคนมารอรับอย่างตรงเวลาทั้งสองก็ไปทานข้าวกันก่อนจะกลับมาที่คฤหาสน์เบรนเนแกน และตอนนี้ก็เป็นเวลาพักผ่อนที่แพทริกทำเพียงแค่แนบชิดอยู่กับคนรักเงียบๆภายในอ่าง แม้ว่ามือจะไม่อยู่นิ่งเลยก็ตาม
“นิดเดียว”
เสียงทุ้มเอ่ยตอบขณะที่ริมฝีปากร้อนร้ายขบเม้มไปตามลำคอระหง ความเปียกชื้นตามผิวกายยิ่งทำให้ถูกสัมผัสได้อย่างลื่นไหล ใบหน้าคมซุกซบจากทางด้านหลังไล้ริมฝีปากไปทั่วไม่ให้ห่าง คลอเคลียอยู่อย่างนี้เป็นเวลามากว่าครึ่งชั่วโมง
“อ๊ะ คุณแพท”
จากเรียวขาเล็กถูกเปลี่ยนเป้าหมายไปยังสะโพกบาง กานต์รักหลุดเสียงร้องยามสัมผัสได้ว่ามือหนาฟ้อนเฟ้นเคล้นคลึงไปมาอย่างวาบหวาม
“อ้วนขึ้นหรือเปล่า”
แพทริกถามขึ้นขณะที่มือยังคงลูบไล้บริเวณนั้นแผ่วเบา ผิวกายเนียนละเอียดนุ่มลื่นทุกสัดส่วนทำให้เพลิดเพลิน และเพราะความคุ้นมือนี้เมื่อร่างเล็กเต็มไม้เต็มมือขึ้นเขาจึงรับรู้ได้อย่างง่ายดาย
“ครับ น้ำหนักรักขึ้น ทุกคนพร้อมใจกันขุนรักหมดเลย”
เพราะอาทิตย์ที่ผ่านมากานต์รักไม่ได้ออกไปไหนหรือทำอะไร ทั้งแม่และย่าจึงต่างพากันทำอาหารและหาของกินมาให้สารพัด จะมีได้ออกกำลังกายบ้างก็แค่ที่แพทริกฝึกการป้องกันตัวให้เล็กๆน้อยๆ
“ดีแล้ว ฉันชอบ”
จังหวะการฟ้อนเฟ้นนั้นเน้นหนักสลับเบาเป็นจังหวะ ใบหน้าคมที่ซุกซบอยู่ลาดไหล่เคลื่อนขึ้นมายังแก้มนุ่มก่อนจะงับเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“อื้อ เจ็บครับ” ปากเล็กร้องบอกหากแต่ไม่ได้ขยับแก้มออกปล่อยให้อีกคนทำอย่างนั้นไปกระทั่งจนพอใจ
แพทริกละใบหน้าออกจ้องมองแก้มเนียนที่แดงเรื่อจากการถูกงับก่อนจะกดจูบลงไปแผ่วเบาเป็นการไถ่โทษ สัมผัสอันอ่อนโยนทำให้กานต์รักขัดเขินใจเต้นแรง
คุณแพทขี้โกง ขี้โกงมากๆเลย
“ทำไมน่ารักขึ้น...ฉันหลงจะแย่”
ถ้อยคำนั้นทำให้ร่างกายคนฟังเห่อร้อนราวกับคนเป็นไข้ ผิวเนียนขึ้นสีตั้งแต่ใบหน้าลามไล้จนทั่วจรดปลายเท้า เกินกว่าคำว่าเขินไปจนอยากจะหายจากตรงนี้ น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าสั่นสะท้านใจดวงน้อยจนแทบทะลุออกมานอกอก
“นะ น่ารักอะไรกันครับ รัก ก็เหมือนเดิม” เพราะจังหวะหัวใจถี่รัวจึงพาให้น้ำเสียงที่เอ่ยสั่นไหวไปด้วยกัน
“นุ่มนิ่ม”
“ครับ?”
เสียงใสเอ่ยฉงนเมื่อไม่แน่ใจว่าแพทริกกำลังพูดถึงอะไร ใบหน้าหวานเอียงข้างหันไปมองคนที่ซุกไซร้จมูกอยู่กับซอกคอตัวเอง
“ฉันเรียกนาย...นุ่มนิ่มไปทั้งตัว น่ากิน”
ฟันซี่คมขบกัดผิวเนื้อเนียนราวกับจะยืนยันคำพูดนั้น กานต์รักย่นคอน้อยๆให้กับความเจ็บจี๊ดที่แล่นริ้ว
“อื้อ รักไม่ใช่ของกินสักหน่อยครับ”
“แต่ทำให้ฉันเสพติดเสียยิ่งของหวาน”
มากกว่าช็อกโกแลตที่เขาหลงใหล
ทุกๆวันที่พ้นผ่านไปความรู้สึกของแพทริกยิ่งมากขึ้นไม่มีสิ้นสุด ไม่มีแม้แต่สักวินาทีที่จะเบื่อ ความน่ารัก อ่อนโยน ใจเย็น เกาะกุมหัวใจเขาไว้ได้อย่างอยู่หมัด ความรู้สึกมากล้นที่ไม่เคยคาดคิดและตั้งตัว
บางครั้งเขายังเคยถามตัวเองว่าทำไมถึงได้รักคนตรงหน้ามากมายขนาดนี้ และคำตอบนั้นก็กระจ่างเมื่อนึกไปถึงทุกอย่างที่ผ่านมา
คำตอบง่ายๆ...เพราะกานต์รักคือกานต์รัก
“...ขาดไม่ได้เลยหรือเปล่าครับ”
ไม่รู้อะไรดลใจให้คนที่สั่นไหวไปทั้งตัวกล้าเอ่ยประโยคนั้น ยามเมื่อใบหน้าคมเงยขึ้นมองสบมากานต์รักจึงรีบหลบวูบ กัดปากตัวเองแน่น
“อืม ถ้าขาดก็คงใจขาดตาย” แพทริกยกยิ้มมองคนที่ตัวแดงราวกับกุ้งด้วยความเอ็นดู ถามเองเขินเองอย่างนี้ก็มี
“ระ รักว่าเรารีบอาบน้ำกันดีกว่าครับ”
ด้วยเพราะไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไรกานต์รักจึงรีบเอ่ยเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ตัวเองจะละลายไปกับน้ำในอ่าง ยิ่งยามรับรู้ว่าสายตาคมจับจ้องอยู่อย่างนี้ยิ่งไม่รู้จะทำอย่างไร
แพทริกได้แต่หลุดเสียงหัวเราะในลำคอก่อนจะยอมทำตามคำพูดของอีกคน คนขี้เขินจึงรีบหยัดกายขึ้นวิ่งดุ๊กด๊กไปยังใต้ฝักบัวชำระร่างกายตัวเองด้วยความรวดเร็ว ใบหน้าคมส่ายน้อยๆก่อนจะกดปล่อยน้ำให้ไหลออกแล้วตามเข้าไป
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยกานต์รักก็ขยับก้าวขึ้นเตียง ยามร่างสูงปิดไฟในห้องให้เหลือเพียงดวงเดียวแล้วทอดกายลงมาในตำแหน่งของตัวเองคนตัวเล็กจึงขยับกายเข้าหา
“ง่วงหรือยัง”
“นิดหน่อยครับ”
“ป่านนี้พ่อกับแม่นายคงกลับถึงบ้านแล้ว”
เพราะวันนี้ท่านทั้งสองมีงานดึกแพทริกจึงฉวยโอกาสฉกตัวกานต์รักมานอนที่ของบ้านตัวเอง ขณะที่พร้อมกานต์ก็ไม่ได้กลับบ้านเช่นเดียวกัน
“ครับ เมื่อกี้แม่เพิ่งไลน์มาบอก”
“อาทิตย์นี้หลังจากฉันเคลียร์งานเสร็จจะพาไปเที่ยว”
“จริงหรือครับ?” กานต์รักเอ่ยถามย้ำด้วยความตื่นเต้นก่อนจะพลิกตัวขึ้นมามองหน้าคนที่ตัวเองนอนซบอยู่อย่างรวดเร็ว
“จริงสิ อยากจะไปไหน ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน ขั้วโลกเหนือ หรือที่ไหนก็ได้หมด”
“คุณแพทว่างกี่วันครับ” น้ำเสียงนั้นเจือความดีใจและความตื่นเต้นเอาไว้มากมาย เหมือนเด็กที่พ่อแม่สัญญาว่าจะซื้อของเล่นให้อย่างไรอย่างนั้น
“แล้วแต่นาย อยากเที่ยวเท่าไหร่ฉันก็ว่างเท่านั้น”
ยอมรับว่าเพราะเหตุการณ์ฝันร้ายนั้นทำให้แพทริกตระหนักได้ว่าเขาใช้เวลากับคนรักน้อยเหลือเกิน แม้จะอยู่ด้วยกันแทบตลอดแต่กลับค่อยไม่ได้พักผ่อนอย่างจริงจัง คราวนี้จึงถือโอกาสนั้นอย่างเต็มที่
“สองอาทิตย์ได้ไหมครับ” ถามออกไปเสียงเบาอย่างไม่มั่นใจ
“เดือนนึงยังได้”
“จริงนะครับ”
ใบหน้าคมกดรับก่อนจะต้องนิ่งงันเมื่อริมฝีปากเล็กกดจูบลงมาทั้งบนริมฝีปากและปลายคางแกร่ง ใบหน้าหวานยิ้มร่าดวงตาทอประกายไปด้วยความสุข
“ขอบคุณนะครับ รักมีที่ที่อยากไปเยอะแยะเลย...กลับอังกฤษก่อนค่อยไปต่อที่อื่นๆ อืม แล้วก็อยากไปดูแสงเหนือ แต่มอสโคก็อยากไป หรือว่าจะไป...”
เสียงหวานร่ายยาวกับตัวเองขณะที่พลิกตัวกลับมานอนในอ้อมแขนแกร่งเช่นเดิม พูดไปทั้งยังพยักหน้าหงึกหงักกับตัวเองจนแพทริกได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ
แล้วดูท่าว่ากานต์รักจะพูดกับตัวเองอยู่อย่างนั้นจนต้องพลิกตัวขึ้นไปกดจูบปิดคำพูดมากมายที่พรั่งพรูให้หยุดนิ่ง
“ยังมีเวลาอีกหลายวัน พรุ่งนี้ค่อยคิด”
“รักตื่นเต้นครับ”
“งั้นฉันจะทำให้หายตื่นเต้น” ดวงตาคมที่ทอประกายวาววับทำให้กานต์รักรู้ได้ทันทีว่าวิธีนั้นคืออะไร
“ไม่ตื่นเต้นแล้วครับ...รักง่วงแล้ว งั้นนอนเลยดีกว่า ฝันดีนะครับ” พูดจบก็พลิกตัวตะแคงข้างกระชับผ้าห่มผืนหนาเข้าหาอกราวกับเป็นเกราะป้องกัน
แพทริกยกยิ้มยามมองท่าทางของคนร่างเล็กก่อนจะเอื้อมมือไปปิดโคมไฟให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด ท่อนแขนแกร่งสอดรัดรั้งเอวเล็กเข้าหาจากทางด้านหลัง วางคางไว้บนหัวแล้วกดจูบลงไปก่อนจะซบหน้าอยู่อย่างนั้น
“ฝันดี” เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบในความมืด ท่อนแขนที่พาดอยู่กับร่างกายของกานต์รักถูกโอบกระชับด้วยมือบาง คนที่ถูกโอบกอดไล้สัมผัสไปตามท่อนแขนแกร่งนั้นแผ่วเบา ขับกล่อมให้คนตัวโตหลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทราไปด้วยกัน
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“จะโทรหรือไม่โทรดีนะ” กานต์รักบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างลังเลพร้อมทั้งจ้องมองโทรศัพท์ของตัวเองที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะอย่างตัดสินใจไม่ได้
เรื่องของเรื่องก็คือหนังที่ร่างเล็กติดตามมาตั้งแต่ภาคแรกนั้นเข้าฉายภาคสองในโรงภาพยนตร์ไปเมื่อหลายวันก่อน และด้วยเพราะกานต์รักปิดร้านเร็วกกว่าปกติเนื่องจากคนเยอะกว่าทุกวันจึงอยากจะไปดู และนั่นคือปัญหา
เพราะรู้ว่าอีกคนทำงานอยู่จึงไม่อยากรบกวนแต่หากจะไปดูคนเดียวก็รู้ว่าต้องโดนแพทริกดุแน่ๆ
ฮึบ โทรก็โทร
ท้ายที่สุดแล้วจึงกลั้นใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกไปยังเบอร์ของคนรัก รอเสียงสัญญาณดังอยู่เพียงไม่กี่ทีแพทริกก็รับสาย
(ว่าไงกานต์รัก)
“คุณแพทยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ”
(นิดหน่อย มีอะไรด่วนหรือเปล่า) เพราะโดยปกติแล้วกานต์รักจะไม่โทรมาในช่วงเวลางานนัก ส่วนมากอีกคนจะไลน์มาถามก่อนแพทริกจึงอดแปลกใจไม่ได้
“ก็...เปล่าครับ รักแค่มีเรื่องจะขอ” เอ่ยออกไปเสียงอ้อมแอ้ม
(ว่ามาสิ)
“รักขอไปดูหนังได้ไหมครับ พอดีวันนี้ปิดร้านเร็วแล้วหนังที่รักอยากดูก็เข้าโรงแล้ว คือ...รักรู้ว่าคุณแพททำงาน รักไปดูคนเดียวได้นะครับ ให้คนดูแลตามไปเยอะๆก็ได้”
กานต์รักเอ่ยออกมารวดเดียวอธิบายทุกอย่างเสร็จสรรพก่อนจะกลั้นหายใจรอฟังคำตอบเมื่อปลายสายเงียบไป
(อยากไปดูหนัง?)
“คะ ครับ”
(บอกแล้วไงว่าถ้าอยากทำอะไรให้บอก ฉันมีคุยงานแล้วก็ตรวจเอกสารอีกนิดหน่อย ตอนนี้ห้าโมงครึ่ง ทุ่มหนึ่งรอไหวหรือเปล่า)
“ไหวครับ รักไม่ได้รบกวนงานคุณแพทใช่ไหม” แม้จะโล่งอกกับการที่อีกคนไม่ได้ว่าอะไรแต่ถึงอย่างนั้นกานต์รักก็ยังอดห่วงเรื่องงานของแพทริกไม่ได้
(ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านาย ยังไงเดี๋ยวฉันทำงานก่อนเสร็จแล้วจะไปรับ)
“ครับ”
แม้ประโยคก่อนหน้าจะชวนให้ใจคนฟังสั่นไหวแต่กานต์รักก็พยายามเก็บอาการแล้วตอบรับออกไปด้วยเสียงปกติ แพทริกเอ่ยร่ำลาอีกเล็กน้อยก่อนจะวางสายไปให้ร่างเล็กได้แต่อมยิ้มกับตัวเอง
คุณแพทใจดีอีกแล้ว
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“มาดูหนังบู๊แต่ทำไมร้องไห้” แพทริกพูดไปทั้งยังยิ้มขำเมื่อใบหน้าหวานแดงเรื่อ ปลายจมูกเล็กขึ้นสีดูคล้ายกับกวางเรนเดียร์
กานต์รักเป็นคนเอ่ยปากว่าอยากดูหนังเรื่องนี้และเขาเองก็ตามใจไม่ขัด เป็นหนังในกระแสที่กำลังมาแรงและคอหนังต่างให้คะแนนกันสูงลิ่ว แม้ตัวหนังจะสนุกแต่คนไม่ได้ดูหนังมากนักเช่นเขาจึงไม่รู้สึกอินอะไร ต่างจากอีกคนที่พอถึงฉากซึ้งก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น แพทริกทั้งขำทั้งเอ็นดู
“ก็มันซึ้งนี่ครับ”
เอ่ยตอบเสียงสั่นเครือเพราะอารมณ์ยังคงดำดิ่งอยู่กับฉากนั้น กานต์รักพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล
“เมื่อกี้ฉันเห็นเด็กเดินออกมาเขายังไม่ร้องเลย”
“เด็กไม่เข้าใจอารมณ์ซึ้งเท่าผู้ใหญ่หรอกครับ” แก้ตัวเสียงเบาพลางสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามตัดภาพความซาบซึ้งนั้นให้ออกไปจากหัว
“หึ แล้วนี่หิวหรือยัง”
ก่อนจะเข้าโรงด้วยเพราะมีเวลาไม่มากนักกานต์รักจึงซื้อป็อปคอร์นและน้ำเข้าไปกินรองท้องก่อน มื้อค่ำที่ควรจะถึงเวลาจึงต้องเลื่อนมาเป็นสี่ทุ่มอย่างไม่อาจเลี่ยง
“หิวแล้วครับ”
“งั้นก็แวะร้านอาหารก่อนกลับแล้วกัน จะได้ไม่ต้องรบกวนแม่บ้าน”
“ครับ” ใบหน้าหวานยิ้มรับอย่างเห็นด้วยเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาดึกพอสมควร