ในสัปดาห์ถัดมา ด็อกเตอร์บอกว่าลูกของเราแข็งแรงดี เจ้าหนูน้อยจะเริ่มถีบท้องแม่และพวกเราควรสื่อสารกับลูกบ้างแล้ว พวกเรารับคำอย่างยินดี แล้วก็กลับบ้าน
ผมที่นั่งทำสแครปบุ๊กอยู่บนพื้นอย่างง่วงๆ ช่วงนี้ฝันร้ายกลับมาบ่อยๆ จึงนอนกลางวันเยอะขึ้น แม้แม๊กซ์จะพยายามปลุกขึ้นมาและโอบกอด บอกผมว่าไม่เป็นไร แต่ความรู้สึกส่วนลึกนั้นกลับต่อต้านคำหวานของเขา
ผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ อยากกลับไปเชื่อใจเขาเหมือนเมื่อก่อน แต่คำว่าบิชและความรุนแรงที่เขาเคยกระทำ ทำให้ผมหวาดผวาในยามค่ำคืน แม๊กซ์ก็จนใจ ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าใด ในความฝันนั้น เขาก็ยังคงเป็นสัตว์ร้าย ไม่ใช่เจ้าชายที่ปกป้องเจ้าหญิง แม้ในยามตื่น ในซอกลึกของใจยังคงหวาดกลัวปืนกระบอกนั้นของเขา กลัวว่าสักวันมันอาจขึ้นนกและเล็งไกมาที่ผมและลูก หากผมไม่ทำตามที่เขาสั่ง เราเริ่มคุยกันเรื่องการบำบัด ผมไม่อยากคุยเรื่องในใจให้คนแปลกหน้าฟังเท่าใดนัก แต่ตกลงกับเขาแล้วว่า หากอาการยังไม่ดีขึ้น ผมจะยอมเข้ารับการบำบัด
ขณะที่โมสาร์ทเล่นเพลงที่ฟังไม่รู้เรื่องแต่ช่วยให้จิตใจสงบ อากาศในห้องฤดูใบไม้ร่วงอบอุ่นสบายและผมก็เล่นกากเพชรวิบวับบนหน้ากระดาษสมุดนั้น แม๊กซ์ก็เข้ามาในห้อง นั่งขัดสมาธิข้างๆ
ผมเงยหน้าขึ้นมอง เขาสวมเสื้อหมิ่นเหม่
สายตาผมมีแต่คำถาม คงบอกชัดเจนว่าตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะร่วมรักใดๆ แต่แม๊กซ์กลับยิ้ม และถอดเสื้อออก
"ยังไม่แห้งดี แต่อยากให้คุณเห็นก่อนเป็นคนแรก" เขาพูด เสื้อเชิร์ตสีขาวถูกปลดออก ผมอ้าปากค้าง ตาโต
หน้าอกที่เรียบตึงแน่นสีแทนสุขภาพดีของเขา... มีรอยสักรูปตาข่ายดักฝันถักทออย่างละเอียดละออเป็นอักษรภาษาอังกฤษคำว่า Kaw แถมข้างๆ ยังเป็นเกราะอัศวินและดาบไขว้กันราวกับปกป้องตัวอักษร Kaw ที่สวมมงกุฏเจ้าหญิงอยู่
รอยแผลรอยสักยังตกสะเก็ด ไม่แห้งดี แต่เห็นชัดเจนว่างดงามจนนับได้ว่าเป็นงานศิลปะ แม๊กซ์หัวเราะเก้อๆ เมื่อผมยังอ้าปากค้าง
"ตอนแรกผมจะสักหน้าคุณ แต่มันคงเชยไป... เลยคิดว่า อย่างน้อยๆ รอยสักนี้ก็แทนสัญญาว่าผมจะไม่ทำร้ายคุณอีก... ได้ไหมครับ ? อย่างน้อยในฝัน ก็ให้ผมเป็นอัศวินปกป้องคุณเถอะนะ"
มิน่าล่ะ พักนี้เขาถึงแปะแผลตลอดเวลา ไม่ยอมให้ผมช่วยทำแผล แถมยังสวมเสื้อมีเซ็กส์ตลอด ผมคิดว่าเขาคงลงพุงหรือหุ่นเปลี่ยนไปทำนองนั้น เลยไม่ถามให้อับอาย แท้จริงแล้ว...
"เจ้าหญิง.... ?"
ความหวาดกลัว ความไม่แน่ใจ ความไม่เชื่อใจ เสียงกระซิบของนักร้องเสียงหวานยานคางได้ปลาสนาการไปจนหมดสิ้น ราวกับไม่เคยมีอยู่ ผมโผตัวเข้าหาเขา
อ้อมกอดที่เคยทำให้ผมหวาดผวา... กลับคืนมาแล้ว แค่รอยสักนั้น กลับทำให้ผมเชื่อใจเขาได้ดังเดิม ไม่สิ มากกว่าเดิมเลยหรือ ?
ผมมันโง่ ผมเป็นแบบนั้นจริงๆ
แม๊กซ์ก้มลงจูบผมที่ริมฝีปากอย่างอ่อนโยน กระซิบกับริมฝีปาก "นะครับ ?"
ผมลูบไล้รอยสักที่เป็นแผลตกสะเก็ดนั้น ประทับริมฝีปากลงไปเชื่องช้า "จะเปลี่ยนใจไม่ได้อีกแล้วนะ ?" เขารู้ว่าผมไม่ได้หมายถึงรอยสัก...
...รอยสักที่กรีดลงบนเนื้อหนังตรงอกข้างซ้าย เหนือหัวใจ จะคงอยู่ ณ ที่นั่นไปตลอดกาล ไม่มีวันลบเลือน รอยหมึกจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเลือด สูบฉีด แลกเปลี่ยนอากาศ เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ภายใต้ผิวหนัง ฝังลึกในจิตวิญญาณไปจนตาย
...จะเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว รอยสักนี้จะไม่มีวันจางหายไปแม๊กซ์ยิ้ม กุมมือผมบนหัวใจเขา "ไม่คิดจะเปลี่ยนอยู่แล้วครับ"
ผมยิ้มตอบ เขาจูบอีกครั้งก่อนค่อยๆ สวมสร้อยข้อเท้าที่ข้อเท้าอีกข้างให้ผม คราวนี้เป็นรูปดาบที่ฝังเพชรและอัญมณีเล็กๆ ร้อยเรียง เขาจับผมนั่งหันหน้าเข้าหากัน ดึงข้อเท้าทั้งสองขึ้นจูบ
"ข้างหนึ่งเป็นดวงดาวในใจผม เจ้าหญิงที่รัก" นอกจากเป็นรูปดวงดาวแล้ว ผมเพิ่งสังเกตว่าจี้เล็กๆ รูปดาวนั้นสลับกับมงกุฏเจ้าหญิงล้อมเพชร ส่วนตัวสร้อยก็เป็นรูปเถามะกอกอ่อนหวาน แม๊กซ์จูบข้อเท้าอีกข้างหนึ่ง "ส่วนข้างนี้ จะเป็นโล่และดาบคอยปกป้องคุณเอง แทนตัวผมนะครับ เจ้าหญิงของผม" ผมขยับเท้า สร้อยข้อเท้าข้างขวาเป็นรูปโล่และดาบทำจากทองคำขาวแท้ ฝังเพชรเช่นเคย ส่วนตัวสร้อยเป็นรูปโซ่ดูขึงขังเข้มแข็ง
ผมหัวเราะ วางสมุดสแครปบุ๊กใกล้ๆ ดึงหน้าว่างๆ มาให้เขา แล้วยื่นไอโฟนให้ "ถ่ายรูปเท้าทั้งสองข้างสิแด๊ดดิ๊ แล้วเอามาติดในสมุดกัน ฉันจะให้เธอเขียนนะหน้านี้"
แม๊กซ์ดูตกใจยิ่งกว่าหุ้นตกฮวบฮาบ "จริงเหรอครับ ?"
ผมพยักหน้า ยิ้มตอบ หัวเราะเบาๆ ส่ายข้อเท้าทั้งสองที่มีสร้อยข้อเท้าเพชรล้อมด้วย "จริงสิ แด๊ดดิ๊"
"ดีจัง" แม๊กซ์อ้อนวอนขอเขียนสแครปบุ๊กมานานแล้ว นานๆ ครั้งผมถึงจะให้เขาเขียน เขาถือเป็นเกียรติมาก จริงๆ แล้วไม่ใช่ผมขี้งกหรืออะไร แต่เพราะอยากให้เป็นเรื่องราวของผมกับลูกเท่านั้นมากกว่า จะว่าไปก็ขี้งกจริงๆ นั่นแหละ
แม๊กซ์รวบสองเท้าผมขึ้นมาจูบนิ้วโป้ง ขบกัดมันเบาๆ ทั้งสองข้าง "ผมรักคุณจริงๆ นั่นแหละ มามิ๊"
"ฉันก็รักเธอจริงๆ นั่นแหละนะ แด๊ดดิ๊" ผมตอบกลับ ยกขาทั้งสองขึ้นสลับกันเป็นท่วงท่าที่เขาชอบ แล้ววางลงบนข้างเอวแกร่ง แนบตัวเองกับท่อนขาแข็งแรง "เขียนสแครปบุ๊กกันนะ บอกลูกว่าเรารักกันแค่ไหน แด๊ดดิ๊กับมามิ๊รักลูกแค่ไหน นะครับ ?"
"เป็นเกียรติมากครับ" แม๊กซ์รับสมุดมา ให้ผมนั่งตัก...
...แล้วเราก็ใช้เวลาช่วยกันติดรูปเท้าผมและสร้อยข้อเท้า แม๊กซ์บรรยายไม่เก่ง จึงเขียนอะไรซ้ำไปซ้ำมาว่าผมน่ารักขนาดไหน ทำผิดต่อผมเพียงใด ขอให้ลูกเป็นเด็กดี แต่ผมก็คิดว่าเขาน่ารักมากแล้วล่ะ
แม้จะไม่มีเซ็กส์ แต่เราก็เรียนรู้ที่จะบอกรักกันในอีกรูปแบบหนึ่ง
ขอแค่อยู่ด้วยกัน
ขอแค่รักกัน
ขอแค่เขาเป็นของผม ไม่สิ เขาเป็นของผมอยู่แล้ว
John Doe เป็นอย่างไรผมเริ่มไม่สนใจแล้ว แม๊กซ์จะจัดการอย่างไรก็เรื่องของเขา ขอแค่ไม่เลวร้ายจนเป็นคดีความก็พอ ถึงผมจะรู้โดยสัญชาติญาณก็เถอะว่า John Doe ไม่ใช่คนเลวร้าย
ผมเอนไหล่เขา ไม่พูดเรื่องนี้ให้เสียบรรยากาศ แต่มั่นใจว่าเกลี้ยกล่อมเขาได้แน่นอน
การ์ดที่ John Doe ส่งมาหลังๆ เต็มไปด้วยความปรารถนาดีและปราณีต ยากที่จะคิดว่าเขาอยากทำร้ายพวกเรา
ผมอาจโง่ก็ได้ ช่างปะไร
แม๊กซ์อาจส่องกล้องวงจรปิดตลอดเวลา ดูผมขับถ่าย ทำอะไรอุบาทว์ๆ รุกล้ำความเป็นส่วนตัว ความเป็นมนุษย์ของผม ช่างปะไร
ในเมื่อเขารักผม และทุกอย่างที่เขาทำล้วนแล้วแต่มาจากความรัก
ผมจูบแก้มคนที่คร่ำเคร่งเขียนสแครปบุ๊ก "เป็นอัศวินให้ฉันนะ"
เขาจูบผมตอบ "ครับ เจ้าหญิง"
............................................................
// ตอนนี้มีประเด็นแฝง มาดูว่าใครจะโกหกได้นานกว่ากัน แม๊กซ์หรือข้าว 555 ข้าวโกหกตัวเอง แม๊กซ์ก็ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกค่ะ กลายเป็นวงจรอุบาทว์ เหมือนเดินอยู่ในนรก แต่ต้องมีสักวันที่วงจรนี้แตกสลาย ใครสักคนทนไม่ได้ เน้นอีกครั้ง เรื่องนี้ไม่มีพล็อต ไม่มีสาระ ไม่มีอัลลัยเลยนอกจากการอวดผัวของนังข้าวชริงๆ นะ
ตอนนี้ใช้เพลง Ultraviolence ของ ลานาทั้งตอนเลยค่ะ ลองฟังดูได้ หลับสบายดีค่ะ 555
https://www.youtube.com/watch?v=ZFWC4SiZBao