ผมนั่งคิดแทบตายว่าควรเอาอะไรไปขอขมาพิชกับป้าเพ็ญดี แต่คนต้นเรื่องยังลอยหน้าลอยตาไปทำงาน กลับมากินข้าว ค่ำมาก็มาอ้อนขอมีอะไรด้วยตามปกติ ผมรู้สึกเหนื่อยใจ
ถ้าที่นี่มีกระเช้าแบรนด์ก็ดีสินะ ง่ายดี สมัยอยู่ไทยแค่หิ้วกระเช้าแบรนด์ไปก็จบแล้ว ดูดีมีราคา ถูกกาละเทศะ
พอเปิดปากถามเรื่องนี้กับสามี เขาก็ยักไหล่ ตอบง่ายๆ ว่า "ไวน์ไง"
"แต่พิชท้องอยู่นะ" ผมตีกล้ามซิกส์แพ็กดังเพี๊ยะ ไม่ค่อยถนัด เพราะเขานั่งซ้อนหลังอยู่ เราสองคนเปลือยเปล่า เหงื่อชุ่มตัว เพิ่งเสร็จจากการประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะมาหมาดๆ แถมยังเอาท่อนลำเปียกชื้นมานาบไว้ที่ต้นขาผมอีก
"แต่สามีเขาไม่ได้ท้องอยู่นี่"
ก็จริง... ฝรั่งดื่มแอลกลอฮอล์เป็นเรื่องปกติ ไม่ดื่มให้เมาหรอกนะ คนที่เมาจนคลานกลับบ้านน่ะจะถูกมองอย่างดูถูก แม๊กซ์ก็ดื่มวิสกี้ ประมาณว่านอนคิดอะไรเพลินๆ ก็จิบเหล้าอะไรแบบนี้ แต่ตั้งแต่ผมท้องเขาก็งดดื่ม
แม๊กซ์บอกปีที่ผลิตไวน์กับผม คิดว่าราคาคงแพงมากแน่ๆ ถึงแม๊กซ์จะใจร้อนแต่เขาก็เป็นนักธุรกิจ อย่างน้อยก็คงรู้ว่าอะไรควรไม่ควร
สามีผมหอมแก้มเบาๆ "คิดอะไรยุ่งยากจังเจ้าหญิง"
ผมบิดแก้มเขา "เธอนั่นแหละที่คิดน้อย ไม่รู้จักกาละเทศะเลย"
แม๊กซ์ไม่สนใจ ลูบหน้าท้องป่องเหมือนลงพุงของผมอย่างมีความสุข "เอาน่า ทางนั้นบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ อย่าคิดมากเลย"
ผมแก่กว่าเขา ผมเป็นคนไทย ผมคิดมากกว่าเขา แต่ถ้าผมไม่คิด ก็คงไม่มีใครคิด ผมถอนหายใจ เอนหลังพิงอกแกร่งให้เขากอด
"งั้นเหรอ... เอาอย่างที่เธอว่าก็ได้ ตื่นเต้นจังเลยเนอะ ฉันยังไม่เคยไปปาร์ตี้คนไทยเลย"
แม๊กซ์จูบแก้มผม "เรารีบไปขอโทษแล้วรีบกลับนะ ?"
"น่าเกลียดตาย เกรงใจเขา"
"อยู่นานยิ่งรบกวน ไม่ใช่ว่าเขาอยากปาร์ตี้กันในหมู่เพื่อนฝูงเหรอ ?" แม๊กซ์กล่อม ผมชักคล้อยตาม แต่เอ๊ะ...
"ถ้าเค้าไม่อยากให้พวกเราไป แล้วจะเชิญทำไมล่ะ ?"
"ก็พวกคนไทยขี้เกรงใจไม่ใช่เหรอไง"
หรือจะจริง... แม๊กซ์จูบต้นคอ ผมจั๊กจี้หัวเราะออกมา เขายิ้มกว้าง "อย่าเครียดเลยครับข้าว มาต่ออีกรอบดีกว่า"
คืนก่อนวันปาร์ตี้ พิชโทรมาเพื่อยืนยันนัดและอธิบายที่อยู่ เขายังถามอีกด้วยว่า "ข้าวว่าอะไรที่หากินยากที่นี่ ?" น้ำเสียงเขาชวนคุย เป็นมิตรมากจนผมเกรงใจ
"เอ่อ... ผมไม่ค่อยทราบครับ แต่ผมอยากกินสาคูเผือกน่ะครับ พิชจะทำร้านอาหารเหรอ ?"
พิชหัวเราะเบาๆ "ยังหรอกครับ... แค่ร้านนวดก็งานล้นมือแล้ว เอาเป็นว่าแล้วเจอกันนะครับ"
"ครับ ขอบคุณครับ" ผมวางสาย
หรือพิชจะบอกว่าอยากกินสาคู ? แต่ผมไม่มีเม็ดสาคู... ผมนอนก่ายหน้าผาก ไม่รู้ทำยังไงดี จะไปมือเปล่าเอาไปแต่ไวน์อย่างที่แม๊กซ์บอกก็น่าเกลียด
เอาเป็นว่า... อบคุกกี้ก็แล้วกัน...
ผมคิดอย่างจนแต้ม...
ผมเกร็ง... แม๊กซ์ชิว ชิวไปไหน... เขาจอดรถที่หน้าบ้านตามที่อยู่ที่พิชให้มา ผมรีบตีแขนสามีให้ดูบ้านพิช
สวยมาก... สวยแบบขนาดอยู่เมืองไทยยังแพง
บ้านสองชั้นขนาดกลางๆ ก่อด้วยอิฐ มีหน้าต่างรอบบ้าน ปล่องไฟเล็กๆ บนหลังคาชวนให้รู้สึกน่ารักแบบบ้านขนมปังขิง ส่วนด้านหน้าบ้านเป็นสวนสวยสไตล์อังกฤษที่ตอนนี้ค่อนข้างเงียบเหงา เราเดินผ่านตู้จดหมายที่ทำจากไม้แกะสลักลายไทยเข้าไปกดกริ่ง ผมสังเกตว่าในสวนมีข้าวของตกแต่งแบบไทยๆ หลายอย่าง เช่นอ่างน้ำล้นที่ไม่รู้คิดยังไงมาวางในประเทศที่มีหิมะตก แถมยังมีรูปปั้นหินสาวน้อยห่มสไบมัดจุกถือคนโฑอยู่ใกล้ๆ รอบๆ ประดับด้วยหินแกะสลักลายปลามังกร... เอาเข้าไป กะจะกวักทรัพย์เต็มที่ ที่น่าแปลกคือ ของไทยๆ เรียกเงินเข้าบ้านแบบนี้ดันเข้ากับสวนสไตล์อังกฤษด้วยสิ ผมนึกทึ่งคนออกแบบสวน
พิชเปิดประตูออกมารับพวกเรา เขาเห็นสายตาผมที่จ้องสวนของเขาแล้วหัวเราะ พวกเราทักทายกันสักครู่ พิชช่วยเอาโค้ตไปเก็บแล้วพาเดินเข้าไปในตัวบ้าน
ในบ้านก็ยังสวย ตกแต่งด้วยสีโทนอุ่น มีรูปวาดและผ้าไทยใส่กรอบติดกำแพงให้ความรู้สึกหรูหรา พวกเราถอดรองเท้าตามคำเชิญของเจ้าของบ้านแล้วใส่สลิปเปอร์ผ้าฝ้าย ผมรู้สึกประหม่าจนต้องเกาะแขนแม๊กซ์
พิชเดินนำไปยังห้องรับแขก มีเตาผิงทำจากหินก้อนใหญ่เด่นสง่าอยู่ใต้โทรทัศน์จอกว้าง เจ้าของบ้านดึงผมและแม๊กซ์ไปแนะนำตัว
"ข้าว แม๊กซ์ นี่สามีผม แบรต กิลด์" พิชแนะนำผู้ชายร่างใหญ่ สูงพอฟัดพอเหวี่ยงกับแม๊กซ์ ผมเคยเห็นในพาสปอร์ตแม๊กซ์ เขาสูง 1.97 เมตร ผู้ชายคนนี้สูงกว่านิดหน่อย ลำตัวล่ำหนา ลงพุงและขนดก ผมทองและดวงตาสีฟ้า จมูกงุ้ม ตาลึก ใบหน้าค่อนข้างยาว ถึงจะมีพุงแต่ก็ยังดูดี แบบที่พวกเกย์เรียกว่า 'หุ่นหมี'
แบรตยื่นมือออกมาจับมือพวกเรา ผมเงยหน้าขึ้นมองแม๊กซ์เชิงเตือนให้เขาทำตัวมีมารยาท สามีผมหน้าตาเฉยเมย ยังดีที่พยักหน้ารับบ้าง
"ขอบคุณที่เชิญพวกเรามานะครับ" ผมพูด สะกิดให้แม๊กซ์ยื่นของไถ่โทษ "นี่แทนคำขอโทษ... และคำขอบคุณจากพวกเรา"
แม๊กซ์ยื่นไวน์ออกไปตามมารยาท แบรตรับไปและหัวเราะเบาๆ "ขอบคุณครับ... คุณข้าวกับคุณแม๊กซ์ที่ไปอาละวาดที่ร้านพิชใช่ไหม ?"
ผมหน้าชา รู้สึกอยากมุดดินหนี ส่วนแม๊กซ์เริ่มขมวดคิ้ว ตาวาวอย่างไม่พอใจ หรือพิชจะเชิญพวกเรามากลั่นแกล้ง ?
แต่มันเด็กเกินไป... ทั้งผมและพิชต่างก็โตๆ กันแล้ว... แถมที่ผมคิดนั่นยังเป็นฉากในหนังวัยรุ่นฝรั่งอีกด้วย
พิชเห็นท่าไม่ดี รีบพูดแทรก "ผมเล่าให้สามีฟังเอง... ข้าวอย่าคิดมากนะ ผมไม่ได้โกรธอะไร เพียงแต่แบรตฟังเรื่องนี้แล้วรู้สึกชอบน่ะ"
"ชอบ ?"
แบรตหัวเราะจนพุงกระเพื่อม "ผมกับพิชเคยคุยกันเล่นๆ เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เขาจะทำร้านน่ะ ว่าจะมีคู่รักคู่ไหนหึงกระทั่งมานวดไหม ไม่นึกว่าจะมีจริงๆ พวกคุณเพิ่งแต่งงานเหรอครับ ?"
ผมกระแอม หน้าแดงเถือก พวกผมนี่แหละเหนือความคาดหมาย ไม่อยากคิดว่าต่อไปมีลูกจะกลายเป็นครอบครัวแบบไหน
ครอบครัววุ่นวาย ครอบครัวนี้ผียังกลัว..."เปล่าครับ แต่งได้สองปีแล้ว" แม๊กซ์ตอบแทน ท่าทางผ่อนคลายลงมาก แบรตยิ้มจริงใจให้ จนผมรู้สึกผิดที่พวกเขามาคบกับพวกเรา
"โอ้ แต่งได้สองปีแล้วยังรักกันขนาดนี้ เราต้องเอาอย่างบ้างแล้วล่ะพิช" แบรตโอบพุงกลมๆ ของพิชอย่างรักใคร่
"ขอบคุณครับคุณกิลด์"
"เรียกว่าปาป้า แบร์ก็ได้ครับ... พิชกับเพื่อนๆ เค้าก็เรียกผมแบบนี้" แบรตว่า ชวนพวกเราไปที่ห้องทานอาหาร
ปาป้า แบร์... พิชก็ช่างตั้งชื่อ ได้สามีหุ่นหมีเลยเรียกว่าพ่อหมีไปเลย น่ารักเหมือนกัน
ผมสะกิดสามี "เรามีชื่อเล่นกันบ้างไหม ?"
"เจ้าหญิงครับ... คุณเป็นเจ้าหญิงอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีชื่อเล่น" แม๊กซ์ไม่รับมุก ตอบเสียงอ่อนโยนแล้วจูบหน้าผากผม พิชหันมามองพวกเราพร้อมรอยยิ้ม
พิชกับสามีนิสัยดีมาก แนะนำพวกเราให้รู้จักคนอื่นๆ ที่ห้องอาหาร ทุกคนเป็นคนไทยและเป็นผู้หญิงล้วน พวกเขาเป็นลูกน้องที่ร้านพิชทั้งหมด มีทั้งอายุน้อยและวัยป้า ทุกคนเป็นมิตรมาก ส่งเสียงทักพวกเรากันอย่างดี ชวนพวกเรากินอาหารไทยทำเอง ผมน้ำลายสอ ลาบ ส้มตำ แกงกะทิ ของเผ็ดๆ แซ่บนัวทั้งนั้น ทำให้ผมมองกล่องในมือแม๊กซ์อย่างเก้อเขิน
ผมอบคุกกี้มา... สงสัยจะไม่มีใครกิน
พิชสังเกตกล่องในมือ ผมจึงดึงมาจากแม๊กซ์เพื่อยื่นให้ "คือ... ผมไม่รู้ว่าควรทำอะไรมาดี เลยอบคุกกี้มา..." ผมอาย ประหม่าสุดๆ
นี่เป็นปาร์ตี้คนไทยครั้งแรกของผม
ที่ผ่านมาเคยไปปาร์ตี้กับแม๊กซ์บ้าง แต่นั่นเป็นแบบหรูๆ ผมแค่ใส่สูท ถือแชมเปญ ยืนคุยเรื่องลมฝนไปตามเรื่อง หัวเราะให้ถูกจังหวะก็พอ
แต่นี่เป็นปาร์ตี้เฉพาะคนสนิท มีแต่คนไทยอีกต่างหาก...
ขณะที่ผมยืนเก้กังก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นบ้างเมื่อแม๊กซ์มายืนด้านหลัง คล้ายจะเป็นกำลังเสริมให้ผม และบอกผมว่าไม่เป็นไร...
แล้วใครหนึ่งในกลุ่มก็เดินมารับกล่องคุกกี้ไป
...ป้านวล
เธอยิ้ม "ดีจังนะคะคุณ ดูน่าอร่อย"
ผมน้ำตาแทบไหล ดีใจที่ป้าไม่มีท่าทางโกรธ รีบหยิกให้แม๊กซ์พูดขอโทษ เขาค้อมตัวนิดๆ อย่างเป็นธรรมชาติ
"เรื่องวันก่อนต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมกับภรรยามีเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย"
ป้านวลหัวเราะ มือตีกล้ามแม๊กซ์ "แหม ป้าไม่โกรธหรอกค่ะ หล่อขนาดนี้ ตกใจมากกว่า คุณแม๊กซ์มีภรรยาน่ารักแบบนี้คงตามหึงแย่"
น่ารัก... ผู้ชายวัยสามสิบเนี่ยนะ ป้านวลไม่มีท่าทางพูดเล่น หล่อนวางกล่องคุกกี้ลงบนโต๊ะแล้วกวักมือเรียกพวกเราไปนั่งล้อมวง
"กินน้ำตกค่ะคุณ คุณแม๊กซ์ทานเผ็ดได้ไหมคะ ?"
แม๊กซ์ส่ายหน้า ป้าอีกคนที่นั่งตรงข้าม ผมจำได้ว่าชื่อป้าสายหัวเราะร่วน มือปั้นข้าวเหนียวอย่างเมามัน "แหม เขยฝรั่งมีภรรยาไทยก็ต้องหัดกินเผ็ดสิคะพ่อคุณ มาๆ"
แล้วทั้งกลุ่มก็เฮลั่น พากันเชียร์สามีผมให้กินน้ำตก แม๊กซ์ทำหน้าเหยเก ดูเป็นที่รื่นเริงของสาวๆ เขาทนแรงยุไม่ไหว จึงยอมตักเข้าปากเสียคำหนึ่ง
ผมมองอย่างลุ้นๆ...
"ฮ้าาาาา เผ็ด!!" เสียงทุ้มร้องลั่น คว้าแก้วน้ำมาดื่มจนหมดแก้ว แต่ก็ยังไม่พอ เดือดร้อนพิชต้องมาช่วยเติม
พวกเราพากันหัวเราะฝรั่งกินเผ็ดไม่ได้ ปาป้า แบร์เลยโชว์เทพ ควักน้ำตกกินคำใหญ่ ปั้นข้าวเหนียวจิ้มกับตำขนมจีนใส่ปลาร้าให้แม๊กซ์ดูเป็นขวัญตา
ผมรีบห้ามผู้ชายที่ไม่ยอมใคร "แม๊กซ์ เธอกินไม่ไหวหรอก"
แม๊กซ์อ้าปากค้าง ดูเด็กและตลกมาก ป้านวลหัวเราะจนน้ำตาไหล ยกมือยอมแพ้ "พอเถอะ อย่าแกล้งคนหล่อเลย พวกเราทำแยกไว้ต่างหากแล้ว คิดแล้วว่าแม๊กซ์น่าจะกินไม่ได้"
พิชและสาวๆ ช่วยกันยกอาหารอย่างอื่นที่เผ็ดน้อยมาหลายจาน ผมขอบคุณพวกเขาไม่ขาดปาก แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกเขายังเอาใจใส่ มีน้ำใจจริงๆ
ผมช่วยคัดอาหารที่ไม่น่าจะเผ็ดใส่จานแม๊กซ์ เวลานี้เขาดูเป็นเด็กน้อยเกาะผมแจ ให้ผมเขี่ยพริกออกให้ ดูท่าทางขยาดไม่น้อย
"อันนี้กินได้" ผมชิมน้ำจิ้มคอหมูย่างแล้วบอก "เผ็ดนิดๆ เปรี้ยวๆ หวานๆ อร่อยมาก"
แม๊กซ์เชื่อฟังอย่างดี ผมล่ะอยากให้เขาเป็นเด็กดีแบบนี้ไปตลอดจริงๆ
อาหารอร่อย ทุกคนใจดีกินคุกกี้ผมจนหมด ชมด้วยว่าอร่อยมาก แม๊กซ์หน้าบาน โม้ใหญ่ว่าผมทำอาหารอร่อย ทุกคนพากันขำที่เขาเห่อผมขนาดนี้ หน้าผมงี้แดงไปถึงหู
แล้วปาป้า แบร์ก็เปิดไวน์ที่แม๊กซ์ให้ รินแจกทุกคนยกเว้นผมและพิช ป้านวลชวน 'คุณแม๊กซ์สุดหล่อ' คุยน้ำไหลไฟดับ ส่วนปาป้า แบร์ขอตัวไปทำงาน เขานั่งอยู่หน้าคอมใกล้ๆ ห้องอาหาร
ผมและพิชมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันเหมือนกับรู้จักกันมานาน
"ปกติข้าวดื่มไหม ?" พิชเอ่ยขึ้นก่อนเป็นภาษาไทย ผมส่ายหน้า
"ไม่ค่อยนะ แค่เวลาไปปาร์ตี้กับแม๊กซ์น่ะ"
"พิชก็เหมือนกัน" จากคุณและผมกลายเป็นข้าวและพิช ผมดีใจที่มีเพื่อนคนไทยเสียที "แต่ตอนอยู่ไทยนี่ดื่มตลอด วันหยุดต้องไปกินเหล้าอ่ะ จนกระทั่งแต่งกับปาป้าถึงรู้สึกว่า แต่งงานแล้ว มีครอบครัวแล้ว จะทำตัวเหมือนยังโสดไม่ได้"
ผมพยักหน้า เห็นด้วย "อืม นั่นสินะ มีหลายอย่างที่เลิกไปเหมือนกัน" นอนกับคนแปลกหน้า... คือสิ่งแรกที่ปูนแดงหมายหัวไว้ว่าต้องเลิกเด็ดขาด
"ตอนอยู่ไทยข้าวทำงานอะไรเหรอ ?"
"มนุษย์เงินเดือนทั่วไปน่ะ พิชล่ะ ?"
"ฮื่อ เหมือนกัน" ดวงตาใต้เลนส์มองไปยังปาป้า แบร์เป็นประกาย ผมเห็นแต่ความรักบรรจุอยู่ในนั้น
"ดูท่าพิชคงรักปาป้ามากสินะ" ตาคู่นั้นยังไม่ละสายตาจากปาป้าเลย พิชสะดุ้ง หน้าแดงไปถึงหู
"อะ... อื้อ... รักมาก..." แม้จะเขิน แต่สายตากลับยังจ้องอยู่ที่ร่างหมีหลังคอมที่ปลีกตัวจากทุกคน ปาป้านั่งคนเดียว แต่ก็ยังอยู่ในระยะสายตาพิช
"ปาป้าแคร์พิชมากเลยนะเนี่ย" ผมประทับใจ ปาป้าคงรู้ตัว เงยหน้าขึ้นมาสบตากับพิชแล้วยิ้มให้ หนุ่มไทยหน้ายิ่งแดง
พิชพยักหน้า "ฮื่อ... เพราะ... เพราะ... แบบนี้ยังไงล่ะ พิชถึงยอมย้ายมาอยู่ที่นี่กับปาป้า... ปาป้าก็กังวลนะ เพราะปาป้าอายุมากแล้วจะไม่เหมาะกับพิช"
"หืม ? ปาป้าอายุเท่าไหร่แล้ว ?"
"...ปีนี้ก็สี่สิบสองแล้วล่ะ" ดูแล้วก็ตามวัย ฝรั่งแก่ไวอยู่แล้ว บางคนอายุแค่สี่สิบแต่หน้าไปไกลกว่ามาก สำหรับปาป้า ต้องถือว่าดูแลตัวเองดี ถึงจะร่างใหญ่หนา มีพุงแต่ก็แข็งแรง
"พิชล่ะ ?"
"สามสิบ" พิชก้มหน้าลงจ้องมือตัวเอง "พิชก็แก่แล้วล่ะ...จนกลัวว่าจะมีลูกไม่ได้ เลยต้องยอมเสียเงินไปหาหมอกาเบรียล เพราะทั้งพิชและปาป้าอยากมีลูกมาก ถ้าเทคโนโลยีมาเร็วกว่านี้ก็ดีสิ... พวกเราจะได้มีลูกตั้งแต่ยังหนุ่มๆ เหมือนข้าว"
ผมฟังแล้วชะงัก "พิช... คิดว่าข้าวกับแม๊กซ์อายุเท่าไหร่ ?"
"แม๊กซ์น่าจะสามสิบล่ะมั้ง ข้าว..." พิชเอียงคอมองผม "น่าจะยี่สิบสาม... ยี่สิบห้า ?"
ผมหัวเราะ "พิชชมข้าวใช่ป้ะ ปีนี้ข้าวก็สามสิบเหมือนกัน แม๊กซ์ยี่สิบหก"
"เฮ้ย จริงดิ" พิชร้อง "ข้าวเหมือนเด็กจบใหม่เลย"
"แม๊กซ์ก็กังวลเรื่องอายุข้าวเหมือนกัน ถึงได้เลือกหมอกาเบรียลไง" ผมเสริม "แต่ก็ดีนะ เราเลยได้รู้จักกัน"
"นั่นสิ" พิชยิ้มกว้าง "ดีจังที่เจอข้าว... พิชอยู่ย่านควีนส์ คนไทยเยอะก็จริง แต่คนที่เป็นเกย์แถมยังท้องเหมือนพิชน่ะหายากมาก... เพื่อนๆ พี่ๆ ที่ร้านก็เป็นคนดีนะ แต่พวกเค้าก็เป็นผู้หญิง..."
ผมพยักหน้ารับ "ข้าวเข้าใจ"
"พิชเหงา" พิชพูดเบาๆ "เหงามาก... ปาป้าก็บอกว่าพิชเป็นคนขี้เหงาถึงเปิดร้านนวดให้ อย่างน้อยจะได้คุยกับคนในร้านหรือเจอลูกค้าบ้าง ข้าวล่ะ ? มาอยู่นิวยอร์กได้กี่ปีแล้ว เหงาบ้างไหม ?"
ผมนึก จะว่าไปก็เหงาเหมือนกันตอนที่แต่งมาใหม่ๆ แต่ก็รีบหางานทำทันที "สองปีแล้วล่ะ เหงามากๆ เมื่อก่อนยังไปทำงานในฮาร์เลมเลย เงินเดือนนิดเดียวเอง ค่าน้ำมันที่แม๊กซ์ขับไปส่งยังแพงกว่าอีก แต่อย่างน้อยก็เป็นเงินของเรา อยากใช้จ่ายอะไรก็ไม่ต้องเกรงใจแม๊กซ์"
"แม๊กซ์คงตามใจข้าวน่าดูเลย"
ผมหน้าแดง "...ก็ตามใจอยู่"
"พวกเราโชคดีเนอะ" พิชยกแก้วน้ำส้มในมือขึ้น ผมยื่นแก้วในมือออกไปชนแก้วเบาๆ
เสียงกริ๊กกังวานใส เหมือนมิตรภาพของพวกเรา
"ฮื่อ พวกเราโชคดีมากๆ ที่ได้เจอคนดีๆ แล้วพวกเรายังได้มาเจอกันอีก"
ผมยิ้มให้พิช และได้รอยยิ้มกว้างตอบกลับมา
ผมมีเพื่อนคนไทยคนแรกที่นิวยอร์กแล้ว...
"สนุกดีเนอะ" เรากลับบ้านเมื่อค่ำ อาหารที่บ้านพิชอร่อยและแซ่บมาก พิชเซอร์ไพร์สผมด้วยสาคูเผือกที่เขาถามเมื่อวันก่อน
ผมกินไปอย่างตื้นตัน ไม่นึกว่าจะมีคนเอาใจใส่ขนาดนี้
ส่วนเรื่องค่าเสียหายนั้น ตอนแรกทั้งพิชและปาป้าจะไม่ยอมท่าเดียว ผมทั้งตื๊อทั้งอ้อนวอน ในที่สุดเขาก็ยอมรับเงินก้อนนั้นไป
แม๊กซ์บอกว่า ถ้าเจอฝรั่งด้วยกัน คงไม่ใช่เงินแค่นั้นแน่ ผมเห็นด้วย
"คนไทยใจดี" ผมชมคนไทยด้วยกันเอง ถึงอยู่เมืองไทยจะตีกันขนาดไหน แต่พอมาอยู่แปลกบ้านแปลกเมือง พวกเราก็รวมกลุ่มกันโดยอัตโนมัติ
"ข้าวน่ารัก" แม๊กซ์ชมบ้าง แต่ไม่เกี่ยวอะไรกันเลย ผมหัวเราะ เหมือนผมจะหัวเราะเยอะมากวันนี้
"วันนี้ข้าวยิ้มบ่อย หัวเราะตลอด... ดีจัง"
"เธอก็เหมือนกัน... คุยอะไรกับปาป้า ท่าทางสนุกเชียว"
แม๊กซ์เดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้ รอยยิ้มบนใบหน้าเขาทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงมาก "ปาป้าเป็นสถาปนิกน่ะ ผมสนใจบ้านเขา ปาป้าเลยชวนคุยเรื่องอสังหาฯ"
"จะเป็นทรัมป์รึไง" ผมแซว ก้าวเข้าไปในรถ แม๊กซ์ปิดประตูและมานั่งที่คนขับ
"ให้ตายก็ไม่เอา... ข้าว... พวกเขาเป็นคนดี" ท้ายประโยคแม๊กซ์พูดเบาๆ ผมฟังแล้วยินดี เด็กน้อยของผมในที่สุดก็โตเสียที เพื่อนของแม๊กซ์น้อยมาก เท่าที่รู้จักคืออดัม เลขาของเขากับเจนน่า สาวเลสเบี้ยนที่ทำงานเป็นโปรเจก แมเนเจอร์ให้เขา
สรุปว่าเพื่อนทั้งสองของแม๊กซ์เป็นกึ่งๆ ลูกน้องด้วย
"พวกเราโชคดีที่เจอพวกเขานะ"
"นั่นสิ..."
"พิชชวนมาอีกอาทิตย์หน้าน่ะ"
แม๊กซ์เข้าเกียร์ "ตกลง"
ผมเลื่อนมือไปกุมมือใหญ่บนกระปุกเกียร์
...ทีละเล็ก ทีละน้อย โลกของพวกเราค่อยๆ กว้างขึ้น
พวกเราจะค่อยๆ เดินไปด้วยกัน... ช้าๆ แต่มั่นคง
"ขอบคุณมากนะที่พาฉันมา... ฉันรักเธอนะ แด๊ดดี๊"
ผมเห็นรอยยิ้มบริสุทธิ์บนใบหน้าหล่อเหลาของเขา แม๊กซ์หันมาตอบ "ผมก็เหมือนกัน... แด๊ดรักมามี๊ที่สุดเลย"
ผมโชคดี... โชคดีที่มีคนรักแสนดีและรักผมมากเหลือเกิน
โชคดีที่ได้เจอคนดีๆ
เหมือนโลกจะเหวี่ยงแต่ความโชคดีมาให้ผม... ไม่แปลกหรอกที่จะมีคนอิจฉา
คนนิรนามในโลกออนไลน์ก้าวเข้ามาสู่ความคิดอีกครั้ง ผมถ่ายรูปมือทั้งสองของผมและแม๊กซ์กุมกันบนกระปุกเกียร์ ปลดบล็อกคนคนนั้น
กดส่งรูปไปให้
'jealous ?'
มือใหญ่ทับมือน้อยในความมืด มีเพียงดนตรีบรรเลงสำหรับพัฒนาการลูกในท้องเท่านั้นที่ดังคลอเบาๆ เราสองคนดื่มด่ำกับความเงียบและบรรยากาศหวานๆ เพียงเราสอง
อิจฉาล่ะสิ ?..................
// หมั่นนังข้าวข่ะ มีการถามตลอดว่าอิจฉาป้ะๆๆ แหมๆๆๆ
ตอบคุณ aeecd เรื่องนี้ไม่มีต่อค่า มีเท่านี้จริงๆ 55
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ดีใจมากๆ มีคนใช้พาสาเทพเมนต์ด้วย เปงชาญาแห่งกาแลกซี่สีกุหราบก้อม่บอก คริ! ขอบคุณทุกเมนต์ ทุกแรงหมั่นที่มีต่อนังข้าวค่ะ อ่านทุกเมนต์เลย เยิฟฟฟฟฟฟฟฟฟ <3 <3 <3 ด่านังข้าวกันเยอะๆ เลยนะคะ นุ้งนกเชียร์ให้พี่ตาทุกคนหมั่นมันค่าาา