#34 (100%)
วันต่อมา
8.00 น.
ร่างสูงสวมเสื้อช็อปสีดำเดินลงจากรถ ดีนมีแววหงุดหงิดเพราะพึ่งได้ที่จอดรถหลังจากวนหาอยู่เกือบสามสิบนาที นัยน์ตาคมหันไปมองเพื่อนที่เดินตามหลัง ฟาร์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“พวกกูมาถึงแล้ว มาถึงตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่ง วนหาที่จอดอยู่ไอ้สัส มึงอยู่ไหน? สนาม โอเคเจอกัน” เจ้าตัวกดตัดสายแล้วหันมาบอกเขา “พวกมันรออยู่สนาม”
“เออ” ดีนขานรับก่อนจะออกเดิน เขามองไปรอบๆ เสื้อช็อปหลากสีจากหลายสถาบันปะปนกันเดินว่อนไปหมด
ร่างสูงเดินมาถึงจุดหมายเป็นเวลาเดียวกันที่พิธีเปิดเริ่มพอดี
“ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานกีฬา วิศวะสัมพันธ์ปี 20xx ครั้งที่ 29 จัดให้เพื่อมีเป้าหมายสร้างความสมานฉันท์ความเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกันของชาววิศวะค่ะ เข้าร่วมทั้งหมดห้าสถาบันด้วยกัน จากทางทิศออกตกเหนือใต้และกลางซึ่งเป็นได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานวิศวะสัมพันธ์ครั้งที่ 29 ในปีนี้ค่ะ”
“ครับ จะเห็นได้ว่าเสื้อช็อปซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของวิศวะในวันนี้มีหลากสีปะปนกันเลยนะครับ แดง ดำ เขียว น้ำตาล และน้ำเงิน สีไม่ซ้ำกันเลย เพื่อเรียกให้ง่ายขึ้นดังนั้นเราจะใช้สีเสื้อแทนการเรียกชื่อมหา’ลัยนะครับ สำหรับกีฬาสุดฮอตอย่างฟุตบอล ในวันนี้ก็คงต้องมาลุ้นกันแล้วนะครับว่าสีไหน มหา’ลัยไหนจะได้เป็นที่หนึ่ง ซึ่งแชมป์ของปีก่อนได้แก่สีเขียวครับ”
“ค่ะ ภายหลังพิธีเปิดเสร็จสิ้นสนามนี้ก็จะกลายเป็นสนามแข่งเลยนะคะ จากการจับฉลาก คู่แรกสีดำแข่งกับสีน้ำตาล คู่สองสีแดงแข่งสีน้ำเงิน สีเขียวเป็นแชมป์ปีก่อนได้สิทธิ์รอบแรกไม่ต้องลงแข่ง เหลือสามทีมสุดท้ายจะเป็นการแข่งกันทั้งสามทีมสลับกันจำนวน 3 คู่เพื่อเก็บคะแนน ทีมไหนได้คะแนนมากกว่าก็เป็นผู้ชนะไปค่ะ ดังนั้นการแข่งขันฟุตบอลในวันนี้นะคะจึงจะมีทั้งหมด 5 คู่ด้วยกัน”
“ระยะเวลาการแข่งขันเพื่อความรวดเร็วนะครับ จะใช้เวลา 60 นาทีต่อหนึ่งคู่ ครึ่งละ 30 นาที พักครึ่ง 15 นาที ในการพักครึ่งรอบบ่ายช่วงเย็นๆ เห็นว่าอาจจะมีการแข่งขันผู้นำเชียร์ด้วยใช่ไหมครับ”
“ใช่แล้วค่ะ การแข่งขันผู้นำเชียร์นะคะ ก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่หลายคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่ชาววิศวะเราเท่านั้นที่สนใจ แต่นักศึกษาคณะอื่นหรือแม้แต่คนภายนอกเองก็ยังให้ความสนใจ ซึ่งถ้าอ้างอิงจากสถิตินะคะ การแข่งขันผู้นำเชียร์ สีแดงชนะมาแล้ว 3 ปีซ้อน ครั้งนี้ก็คงต้องมาลุ้นกันว่าจะชนะอีกหรือเปล่า หรือสีอื่นจะขึ้นมาแทนที่ค่ะ”
“ดูภาพจากบรรยากาศรอบด้าน แต่ละสีก็เริ่มจะเอาคนขึ้นแสตนด์เชียร์แล้วนะครับ ในตอนนี้เรากำลังรอขบวนพาเหรดซึ่งใกล้จะเดินทางมาถึงสนามกีฬาแห่งนี้”
“เฮ้ยดีน! มึงดูนั่นดิ” ดีนหันหน้าไปมองสิ่งที่คนข้างกายชี้ พอเห็นว่าเพื่อนชี้อะไรร่างสูงก็แสยะยิ้มมุมปากทันที “อริมึงไง”
ไอ้วิน
ใส่เสื้อช็อปสีแดง มันกำลังคุมงานอยู่ และยังทำหน้าเหมือนจะเครียดตลอดเวลาเหมือนเดิม ที่เขาเห็นแล้วออกจะรำคาญ ยิ่งเจอกันครั้งก่อนโดนมันท้าทายโดยการขนลูกน้องมากร่างใส่เขาถึงที่ แต่ตอนนั้นดีนวิเคราะห์เหตุผลที่มันยกพวกมากร่างแล้วพยายามเย็นใส่ เรื่องมันถึงจบไปแต่โดยดี ไม่อย่างนั้นล่ะก็ไอ้วินที่ทำตัวเหมือนอยากโดนตีนรุมขนาดนี้มันไม่ตายดีแน่
“ถามเหตุผลว่าทำไมมึงถึงไม่เล่นกลับมึงก็ไม่ยอมบอก งั้นกูถามใหม่ ตอนนั้นมันยกพวกมาหามึงเพราะอะไรวะ”
คนฟังทำหน้าไร้อารมณ์ก่อนจะตอบเสียงเรียบ “กูไม่ตอบไลน์มัน”
“...”
"..."
“จริงจังไหมมึง”
“เออ” วันนั้นพอส่งภาพตอนที่เขาอยู่กับเลไปให้แล้วดีนก็ไม่ได้ตอบอะไรอีกเพราะคิดว่ามันต้องโวยวาย แต่ดูเหมือนว่าหลังจากนั้นวินจะติดต่อกับน้องเลไม่ได้ มันถึงไม่รู้ว่าน้องแยกจากเขาไปกับฮิม เลคงไปไหนสักที่กับไอ้ฮิมโดยที่ไม่บอกวิน มันเลยขนลูกน้องมากร่างใส่เขาถึงที่เพราะคิดว่าน้องเลยังอยู่กับเขา แถมพอมาเปิดแชทดูทีหลังถึงได้รู้ว่ามันใช้ไลน์น้องเลรัวข้อความมาถามว่าเลอยู่กับเขาหรือเปล่าเกือบห้าสิบข้อความ และนั่นแหละ ถ้าเขาตอบไลน์ไอ้วินไปสักนิดว่าเลไม่ได้อยู่กับตัวเองบางทีเรื่องมันก็อาจจะไม่เกิดขึ้น
ในวันนั้นสำหรับคนในแก็งเขาแล้วทุกคนรู้สึกเหมือนถูกมันมาหยามถึงที่
เพื่อนเขาไม่พอใจ ลูกน้องเขาไม่พอใจ แก็งเขาไม่มีใครพอใจที่ดีนปล่อยมันไปโดนที่ไม่ทำอะไรเลย แต่ดีนมีเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่เล่นมันกลับ
วินเป็นห่วงน้องเล ห่วงมาก ก็ถึงขนาดที่ไม่กลัวตีนแล้วมาโวยถึงถิ่นคนอื่น น่าแปลกที่ดีนก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เขาชอบเลมากและเป็นห่วงมากเช่นกัน มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาเองโดยฉับพลันแบบที่เขาอธิบายไม่ได้ และแค่เหตุผลของมันดันมาตรงกับความคิดของเขา เขาก็เลยยอมปล่อยมันไป ถือซะว่าอย่างน้อยมันก็ทำเพื่อเล
จะเรียกได้ว่าไอ้วินไม่โดนตีนรุมเพราะน้องเลยังได้
“ขบวนมาแล้ว” เสียงของฟาทำให้เขาหันไปมองตามอีกครั้ง เมื่อขบวนพาเหรดเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาในสนามเสียงเฮก็ดังลั่น ดีนมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเฉยชา ขบวนแล้วขบวนเล่าผ่านไปจนกระทั่ง…
ตึก! ตึก! ตึก!
“เขาวิ่งกันทำไมวะ” ใครบางคนถามขึ้นเมื่อจู่ๆ ฝูงชนจำนวนหนึ่งวิ่งขึ้นหน้าขบวน พวกเสื้อช็อปสีแดงเองก็เริ่มเดินเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ตรงหน้า ไม่ได้มาเป็นกันเป็นกลุ่ม มันยืนเว้นระยะห่างกันแต่ยังเรียงเป็นวงล้อม ตั้งท่าเหมือนกำลังปกป้องใครอยู่
ใคร?
ความสงสัยของดีนคลี่คลายก็ตอนที่ได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อและเห็นภาพนั้นกับตา
น้องเล…
“อื้อหือ ใครวะนั่น โคตรสวยเลย”
“มึงๆ ดู คนชุดขาวตรงกลางอะ สวยชิบหายเลยมึง”
“คนนั้นใคร สวยมาก สวยจัง ทำไมสวยขนาดนี้”
“มองกล้องนี้หน่อยครับ”
“โอ๊ยย สวยอะ สวยชิบหายเลยเว้ย”
“ผิวใสมากเลยอะ ฮืออออ”
“เลยิ้มหน่อยครับ น้องเล เลครับ”
ร่างบางอยู่ในชุดสีขาวติดแซมไปด้วยผีเสื้อสีอ่อนอย่างชมพูและฟ้า บริเวณไหล่ทั้งสองข้างมีผ้าลากยาวลงไปถึงพื้น ส่วนหลังเสื้อเว้าโค้งจนเผยให้เห็นแผ่นหลังขาว ศีรษะติดดาวเป็นประกายแวววาวประดับเพียงเล็กน้อย ลำคอระหงใส่โชคเกอร์ที่เป็นผ้าบางๆ สีขาวติดผีเสื้อหนึ่งตัวตรงแถบข้าง มือบางถือสิ่งที่คล้ายจะแก้ว เมื่อออกเดินก็จะโรยผงบางอย่างในแก้วนั้นลงพื้นตาม มันส่องแสงระยิบระยับเมื่อต้องแสงอาทิตย์ เหมือนเป็นการเปิดทางให้กับคนด้านหลัง ใบหน้าสวยถูกแต่งเติมให้สวยขึ้นไปอีก ตากลมโตดูเฉี่ยวขึ้น ริมฝีปากเคลือบสีชมพูอ่อนรับผิวขาวสะอาดเนียนไปทั้งตัว
สวย สวยมาก สวยมากจริงๆ
“นั่นน้องเลใช่ไหม” ฟาร์ว่า ร่างสูงตะลึงค้าง “ไม่เห็นนาน สวยขึ้นเยอะมากเลย”
“...”
“ดีน” ฟาร์หันมามองเมื่อคนข้างกายไม่ตอบรับ เพื่อนสนิทเขายังมองไปที่น้องเลอยู่ “เฮ้ยดีน!”
“...”
“เฮลโหลวว” ดีนมันทำหน้า เหมือนกำลังประทับใจสุดๆ “ดีนมึงไหวไหมเนี่ย”
“ฟาร์” ในที่สุดมันก็หันมามองหน้าเขา
“มีอะไร”
“กล้อง”
“กล้องอะไร?”
“กล้อง กล้องๆ กูต้องการกล้อง!”
พิธีเปิดเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมกำลังเดินออกจากสนามพร้อมกับหลีดคนอื่นๆ เรามาช่วยเดินขบวนเฉยๆ ชุดที่ใส่อยู่นี่ไม่ใช่ชุดที่เราจะใส่แสดง ก่อนที่จะแสดงผมต้องไปแต่งหน้าเพิ่มด้วยครับเพราะตอนเช้ากับตอนเย็นชุดที่ใส่มันคนละแนวเลย ตอนเช้าใส่ชุดขาว แต่ตอนเย็นใส่ชุดดำผสมเกล็ดทองที่พอต้องแสงแล้วจะระยิบระยับแวววาวมาก คอนเซปการแสดงผู้นำเชียร์ของเราปีนี้คืออียิปต์
ผมกำลังเดินไปเปลี่ยนชุดพร้อมๆ คนอื่นแต่บังเอิญเห็นพี่วินพร้อมพี่ๆ ในบ้านกำลังยืนคุยอยู่กับกลุ่มรุ่นพี่ปีสี่ก็เลยเดินเข้าไปหา
“พี่วิน!” พี่วินหันหน้ามามองเมื่อได้ยินเสียงเรียก ผมเดินเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา “เป็นไง”
“...”
“อึ้งเลย” อีกฝ่ายเอาแต่มองผมนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไร “เลดูดีล่ะสิ”
“เออ วันนี้มึงสวย” มือหนายกขึ้นลูบหน้าเลเบาๆ “สวยมากด้วย”
“ถ่ายรูปกัน” ผมชวน ก่อนที่พี่วินจะควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า ยกขึ้นถ่ายกล้องหน้ากันแค่สองคน ได้แค่สองรูปเพราะรูปที่สามอยู่ๆ พี่ไทด์ก็ยื่นหน้าเข้ามาบังมิด
“อะไรเนี่ย”
“ถ่ายด้วยหน่อย” เสียงทุ้มว่า ผมเลยเรียกพี่ๆ ทุกคนในบ้านมาถ่ายพร้อมกันด้วยเลย
“น้องเลน่ารักมากเลยครับวันนี้” พี่ผาบอก
“ขอบคุณน้า”
“เฮ้ยฟ้า! มึงมากดถ่ายรูปให้กูหน่อย” คนเยอะเกินจะเซลฟี่คงได้ไม่ครบ พี่รพเลยเรียกเพื่อนมาช่วยถ่ายให้ เราจัดท่ากัน ให้ผมยืนอยู่ตรงกลาง พี่ๆ ในบ้านยืนล้อมรอบ มีพื้นหลังเป็นรุ่นพี่ปีสี่ที่อยากมีส่วนรูปอยู่ในรูปนิดหน่อย พี่ฟ้าที่รับหน้าที่เป็นคนถ่ายเดินไปยืนอยู่ด้านหน้า มือหนายกโทรศัพท์ขึ้นเหมือนกำลังจะกดถ่ายแต่ผมยิ้มจนฟันแห้งก็ยังไม่ได้ยินเสียงแซะ
“ไอ้ฟ้ามึงกดถ่ายยัง” พี่รพตะโกนถาม
“หือ เอ่อ น้องเลสวยมากเลยครับ”
“กูถามว่ามึงกดถ่ายหรือยัง!”
“อ้อ ยังๆ เอ้า! 1 2 3”
แซะ แซะ แซะ แซะ แซะ
“อีกรูปนะ”
แซะ แซะ
“จะไปเปลี่ยนชุดเหรอ” พี่วินถามหลังจากถ่ายเสร็จ ผมพยักหน้าขอโทรศัพท์พี่วินมาดูรูปแล้วยิ้มกับสิ่งที่เห็น ก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อผมนึกขึ้นมาได้ว่าคนไม่ครบ ขาดพี่ฮิม
“ไอ้ดีนมันมองมาทางนี้นานแล้วนะ” ได้ยินเสียงพี่เกียร์ที่กำลังพูดกับพี่ๆ ทุกคน ผมหันไปมองพี่ๆ จากนั้นก็เลื่อนสายตาไปหาคนที่พี่ๆ กำลังมองซึ่งก็คือพี่ดีน ร่างสูงยืนพิงต้นไม้อยู่ไม่ไกลจากจุดที่ผมอยู่ พี่ดีนยิ้มพร้อมกับโบกมือให้ ผมเลยตัดสินใจวิ่งไปหา
“เลจะไปไหน!” เสียงพี่วินตะโกนถามตามหลัง
“ไปหาพี่ดีน!”
“ดีน กล้องที่มึงอยากได้” ฟาร์ยื่นกล้องไปให้คนข้างกาย เพื่อนสนิทเขาเอาแต่มองไปที่น้องเลจนไม่สนเลยว่ากลุ่มที่เลกำลังยืนอยู่นะอริมึงทั้งนั้น ดีนยังเงียบเขาเลยตบบ่ามันแรงๆ “มึงจะเอาไหมกล้อง”
ไม่เอา แม่งจะซัดหมัดใส่ เขาอุตส่าห์วิ่งไปหากล้องให้มันจนเหงื่อออก
“อยากถ่ายรูปกับเล” เสียงทุ้มว่า ดีนมองคนที่ยืนอยู่ตรงกลาง ยิ้มได้น่ารักจังเลย
“มึงขอเหมือนมึงไม่ได้เป็นหัวหน้าแก็ง ลองเดินเข้าไปดิ พวกนั้นคงได้รุมมึงอะ”
“ฟาร์ น้องกำลังวิ่ง”
คนฟังได้แต่ขมวดคิ้วถาม “ไปไหน?”
“เหมือนจะ… มาหากู”
“พี่ดีน!” จบคำน้องเลก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ร่างเพรียวจับมือดีนไปเขย่าๆ แล้วบอก “ไม่เจอกันนานเลย รถของพี่ดีนตรวจเสร็จหรือยัง เลยังอยากขับอยู่นะ”
“เอาเลยไหมครับ พี่ให้”
“หือ?” ฟาร์ที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ ได้ยินปุ๊บถึงกับยิ้มแห้ง ดีนที่เป็นหัวหน้าแก็งเขาไม่ได้เป็นแบบนี้ เชื่อแล้วว่าชอบเลอย่างที่ปากว่าจริงๆ มันกำลังหลงน้อง ใจบางไปหมดแล้วล่ะมั้งนั่น “หมายความว่าให้เลขับเหรอ งงจัง?”
“ถ่ายรูปคู่กันไหมมีกล้องพอดี” ฟาร์แทรกขึ้น สองคนนั้นหันมามองก่อนจะพยักหน้า จากนั้นเขาจึงเปิดกล้องพร้อมกับรับหน้าที่เป็นคนถ่ายให้ “เอาละนะ 1 2 3”
แซะ แซะ
“ขอดูรูปหน่อย” น้องเลว่าพร้อมกับยื่นมือมาขอกล้อง “พี่ดีนหล่อจัง หล่อมากเลย”
“จีบเลยครับ พี่โสด”
“เลมีแฟนแล้ว” สิ้นเสียงนั้น ฟาร์เห็นร่างสูงหุบยิ้มลงฉับพลัน น้องเลไม่ทันสังเกตเห็นเพราะติดดูรูปอยู่
“แฟนเล? ฮิมเหรอ” เลไม่ตอบว่าใคร และดีนก็ไม่ซักไซ้ต่อ เขาหยิบเศษอะไรบางอย่างที่ติดอยู่บนผมเลออก ถามคำถามใหม่ “ดูแลน้องดีหรือเปล่า”
“ดีมาก เลคืนครับ” เลส่งกล้องคืนแล้วขยับออกห่างเล็กน้อย
“มีความสุขไหม”
“เลมีความสุขนะ”
“งั้นก็ดีแล้ว” ดีนยิ้มรับ เขาคุยกับเลอีกนิดหน่อยก่อนที่เจ้าตัวจะขอไปเปลี่ยนชุด “ถ้ายังอยากขับ เดี๋ยวพี่ไลน์ไปหานะ”
“อยากสิ! โอเค อย่าลืมมาดูเลตอนเย็นด้วยนะ น้องเป็นหลีด”
“ได้ครับ แล้วเจอกัน” ร่างสูงโบกมือลาก่อนที่ฝ่ายนั้นจะเดินออกห่างแล้วมีคนมายืนล้อมรอบ ดีนคิดว่าสามคนที่ล้อมรอบเลนั่นคงเป็นคนคุมกัน ใบหน้าคมนิ่งงันขึ้น “มันอยู่ไหน”
“ใคร”
“ไอ้ฮิม”
ฟาร์ตอบเสียงเรียบ “คนของเราบอกว่ายังไม่เห็นมัน แต่เลเป็นหลีด กูเลยคิดว่ามันอาจจะไม่อยู่ เพราะตอนนี้เหมือนไอ้เกียร์จะคุมแก็งแทน”
“แล้วไอ้วิน?”
“เป็นประธานคุมคณะ มันไม่ว่าง”
ดีนเงียบเมื่อได้ฟัง ร่างสูงทำหน้าเป็นกังวล ก่อนจะตัดสินใจสั่งอะไรบางอย่าง
“ส่งคนของเราไปดูเล” นิ้วเรียวหยิบบุหรี่ออกจากเสื้อชอป ก่อนจะปล่อยมันทิ้งลงพื้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่นี่คือมหา’ลัย “แบบห่างๆ”
“ทำไมวะ”
“กูไม่วางใจ เพราะไอ้ฮิมไม่อยู่”
“...”
“ฟาร์ มึงได้ยินที่กูบอกหรือเปล่า”
“เออ”
“อืม”
“...”
“ทำไมมองกูอย่างนั้น” ดีนถามเมื่อเห็นคนข้างกายมองเขาแปลกๆ มองเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่ ฟาร์ว่า
“ดีนมึงรู้ตัวหรือเปล่า ว่ามึงทำหน้าโกรธนิดหน่อยตอนที่รู้ว่าน้องเลมีแฟน แต่มึงกลับทำหน้าเป็นเป็นกังวลมากตอนที่รู้ว่าไอ้ฮิมไม่อยู่ แถมไอ้นั้นมันเป็นศัตรูมึง นั่นหมายความว่าถ้ามันอยู่มึงก็จะยอมให้มันดูแลน้องเล”
“มึงอยากพูดอะไร”
“มึงบอกว่ามึงชอบเลมาก แต่มึงกลับไม่เหมือนคนอยากได้น้องเลเป็นเมีย กูว่ามึงอยากเป็นพ่อน้องแทนต่างหาก”
“กูไม่ได้ยอมไอ้ฮิมขนาดนั้น” มือหนาล้วงเข้ากระเป๋า “กูชอบเล ชอบชิบหาย กูอยากได้น้องเป็นเมีย แต่ตอนนี้กูพอใจให้เลเป็นแฟนไอ้ฮิมเพราะดูน้องจะมีความสุข”
“...”
“แต่ถ้ากูไม่พอใจเมื่อไหร่ กูก็แย่งได้เหมือนกัน”
ดีนเดินออกไปทิ้งให้คนฟังต้องแสยะยิ้มมุมปากมองตามแผ่นหลังกว้าง มันจะรู้ไหมเนี่ยว่าที่ตัวเองพูดน่ะ
“นั่นแหละ โคตรพ่อเลยมึงเอ้ย”
ปากบอกว่าแย่งได้ แต่มีใครบ้างที่จะยอมให้คนอื่นได้ดูแลคนที่เราชอบข้ามหน้าข้ามตาตัวเองทั้งๆ ที่มั่นใจว่าแย่งได้ขนาดนั้นวะ
ระหว่างดีนกับเลตอนนี้มันเหมือนพ่อกับลูก อารมณ์เหมือนเห็นลูกดูมีความสุขเลยให้คบต่อ ยอมให้คนอื่นได้ดูแลน้อง แต่ถ้าคนพ่อไม่สบอารมณ์ซึ่งเหตุผลก็น่าจะเป็นเพราะน้องเลดูไม่มีความสุขก็จะแย่งลูกกลับมาดูแลเอง
พ่อชิบหาย…
ฟาร์ไม่ได้เดินตามเพื่อน เขาหันไปมองพวกช็อปสีแดงที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่เขายืนอยู่ พวกมันมองมาคงจะไม่ไว้ใจที่น้องเลเข้ามาใกล้พวกเขา และคนที่ทำหน้าหน้ากลัวที่สุดในกลุ่มนั้นก็คือไอ้วิน
ฟาร์ไม่รู้เรื่องอะไรมาก แต่วันที่มันบุกมาหาเขาถึงถิ่นขนาดนั้นทั้งๆ ที่ไม่ค่อยมีปัญญาหากันมาก่อน เขาเดาว่าสาเหตุก็น่าจะมาจากเลเหมือนกัน
น้องเลคนน่ารักบอกออกมาอย่างชัดเจนว่ามีแฟนแล้วซึ่งก็น่าจะเป็นฮิมเพราะนอกจากนั้นเขาก็คิดไม่ออกจริงๆ จะเป็นใคร ดังนั้นการที่วินทำท่าเหมือนหวงน้องเลได้ขนาดนั้นอารมณ์มันก็คงจะเหมือนดีนที่ออกแนวอยากเป็นพ่อ…
พ่อกับพ่อเหรอวะ?
“เชี่ย” ฟาร์สบถ ใบหน้าคมเผยรอยยิ้ม เขาเปลี่ยนความคิด
จากที่คิดว่างานนี้จะมีคนตายเพราะแย่งเลคงเปลี่ยน น้องเลไม่ใช่ตัวแปรต้นแต่เป็นตัวแปรหลัก สองคนที่ดูอยากจะเป็นพ่อของน้องเลต่างหากที่เป็นตัวแปรต้น สองคนที่ทำท่าเหมือนจะไม่ถูกกันแต่ดันหวังดีกับเลเหมือนกัน
คงต้องมาดูว่าเพื่อเลแล้ว พวกมันจะยอมเป็นพ่อร่วมกันหรือตีกันเพื่อแย่งกันเป็นพ่อ
“น่าสนุกชิบหาย”
“ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ”
“น้องเลถ่ายรูปกับผมหน่อย”
“พี่เลสวยมากเลยค่ะ”
“สวยอะสวย สวยชิบหาย”
“ฮืออ ตกหลุมรักขึ้นไม่ไหว”
“ขอบคุณครับ ดีใจที่มานะ ตอนเย็นอย่าลืมมาดูโชว์หลีดด้วยนะครับ” ผมพูดคำนี้เป็นสิบๆ รอบให้กับคนที่เข้ามาขอถ่ายรูป ระหว่างทางที่จะไปเปลี่ยนชุดอยู่ๆ ก็มีคนเข้ามาขอถ่ายรูป พอมีคนแรกคนคนสามสองก็ตามมา แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ที่จากสองสามคนมันกลายมาเป็นฝูงชนรุมล้อมตัวเลขนาดนี้
ดินกระซิบบอกมาว่าเริ่มไม่โอเค ซึ่งการที่เขาบอกว่าไม่โอเคคงจะเป็นเพราะสาเหตุอะไรบางอย่าง ผมพยักหน้าเข้าใจ เริ่มบอกปฏิเสธที่จะไม่ถ่ายแต่เราก็ยังออกจากฝูงชนไม่ได้
“ขอทางหน่อยครับ”
“น้องเล น้องเล น้องเลลลล”
“คนสวยยยยยยยย”
ปรี๊ดดดดด ปรี๊ดดดดด ปรี๊ดดดดด
จู่ๆ เสียงเป่านกหวีดก็ดังขึ้นติดต่อกันหลายๆ ครั้ง ในจังหวะที่คนอื่นหันไปให้ความสนใจเสียงนกหวีด เกี๊ยกก็อุ้มตัวผมขึ้นแล้วพาวิ่งทันที เลได้แต่เกาะคอของอีกฝ่ายเอาไว้และเพราะถูกอุ้มอยู่ ผมเลยมองเห็นในมุมสูงกว่าเดิมได้ว่าใครเป็นคนเป่านกหวีด
พี่ซัน
ทุกคนถอนหายใจกันเมื่อเรามาถึงหน้าห้องที่ถูกใช้เป็นสถานที่แต่งตัว (มันคือห้องเดิมที่เลมาตัดฟิวเจอร์บอร์ดเมื่อวาน) ผมเปิดประตูเข้าห้อง ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อบังเอิญจ๊ะเอ๋กับใครบางคนที่ไม่ได้พบกันนานตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อน
เดวา
ฝ่ายนั้นอยู่กับกลุ่มเพื่อน คณะนิเทศมาช่วยเรื่องขบวนพาเหรด เดวาก็คงมาอยู่ที่นี่เพราะเหตุผลอะไรสักอย่าง เขาหันมามองผมเหมือนกัน แต่มองไม่นานก็หันกลับไปคุยกับเพื่อนดังเดิม ท่าทางเหมือนไม่อยากมาตอแยอะไรกับผมแล้วซึ่งนั่นมันก็ดี เลตัดสินใจมองข้ามการมีตัวตนของอีกฝ่ายไป ผมรีบไปเปลี่ยนชุดเดินขบวนไปเป็นชุดธรรมดา อยากไปดูบอลอะ
ตอนนี้พี่นนท์นี่อนุญาตให้เราออกไปทำอะไรก็ได้ แต่พอบ่ายโมงปุ๊บต้องมาห้องนี้เหมือนเดิม เพื่อแต่งตัวสำหรับแสดงผู้นำเชียร์ หน้าก็ต้องเพิ่มเครื่องสำอางด้วยเพราะลุคตอนเช้ากับตอนเย็นมันออกจะต่างกัน
เปลี่ยนชุดเสร็จผมก็มานั่งให้พี่ที่แต่งหน้าถอดดอกไม้บนหัวให้ ซึ่งมันใกล้กับกลุ่มเดวาสุดๆ เพื่อนทางนั้นหันมามองผมด้วยสายตาที่แบบว่าถ้าอีกฝ่ายเป็นไก่เลก็พรุนเป็นที่เรียบร้อย และพอนึกถึงไก่ปุ๊บ จู่ๆ พี่ไก่ก็เดินเข้ามาถาม ฝ่ายนั้นมีกระดาษจดอะไรสักอย่างในมือ
“ข้าวเย็น น้องเลอยากกินอะไรคะ”
“หือ?” เลทำหน้างง
“ข้าวเย็นน่ะค่ะ ข้าวเย็น”
“เอ่อ อะไรก็ได้ ข้าวผัดก็ได้”
พี่ไก่ทำหน้าเหมือนโลกจะแตก “ข้าวผัดมันพื้นไปน้องเล สั่งมาเลยอะไรก็ได้ หลังจากแสดงหลีดเสร็จเราจะไม่ได้ฉลองเพราะน่าจะเหนื่อย พวกพี่ก็เลยจะไปซื้อข้าวเย็นมาให้เป็นการฉลองแบบกินคนเดียวแทน หนูอยากกินอะไรหนูบอกได้เลย”
“อะไรก็ได้เหรอครับ?”
“จ้ะ ดูรายการที่คนอื่นสั่งก็ได้” พี่ไก่ยื่นกระดาษในมือมาให้ เลอ่านเสร็จก็ได้แต่ยิ้มๆ สั่งได้ทุกอย่างจริงๆ ด้วย กุ้งล็อบเตอร์ยังมี
“งั้นเลเอาชุดข้าวปลาแซลม่อนย่างซีอิ๋ว ภัตตาคาร X ครับ” ผมสั่งเมนูภัตตาคารบนโรงแรมที่พี่ฮิมพาไปกินบ่อยๆ
“โอเคจ้า ได้เลย”
ดอกไม้บนหัวถูกเอาออกจนเสร็จ ผมเดินหาพี่ซัน เห็นแวบๆ ว่าเดินเข้ามาในห้องนี้ตอนที่เลกำลังจะไปเปลี่ยนชุด และหาไม่นานก็เจอ พี่ซันกำลังเล่นหมากรุกกับพี่เอกอยู่ ผมบอกขอบคุณแม้จะไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะช่วยผมหรือมีอารมณ์อยากเป่านกหวีดเล่นก็ตาม ฝ่ายนั้นไม่ได้ตอบอะไรมาก แค่พยักหน้าเออๆ ออๆ กลับมา ซึ่งนั่นมันทำให้ผมเริ่มมองเขาใหม่
ถึงพี่ซันจะเคยสั่งให้วิ่งรอบสนามจนเลเป็นลมไปก็เถอะ ทว่าตัวจริงพี่ซันก็ไม่ได้โหดขนาดนั้นนะ แค่หน้าดุนิดหน่อย ตอนนั้นเขาคงอยู่ในจุดที่เป็นพี่ว้ากหรืออะไรยังไงสักอย่างถึงได้สั่งแบบนั้นไป มันมีผิดพลาดกันได้ มองปัจจุบันดีกว่าและตอนนี้ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าแต่อีกฝ่ายมักจะมาถูกที่ถูกเวลาสำหรับเล
พี่ซันไม่ได้ตามผมตลอดเวลาเหมือนพิษ ดินหรือเกี๊ยก น่าแปลกที่เขาโผล่มาช่วยถูกเวลาตลอดโดยเฉพาะตอนที่ผมหาทางออกไม่เจอ อย่างเช่นเรื่องของอินหรือเหตุการณ์ล่าสุด ที่ผมไม่รู้จะออกจากฝูงชนยังไง
ถ้าไม่ติดที่ว่ามีดิน พิษ เกี๊ยกล้อมรอบตัวอยู่ เลจะคิดว่าพี่ซันเป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกส่งมาดูแลผมเลย
เสร็จจากนั้นเลก็ออกมาถ่ายรูปกับหลายคนที่เข้ามาขอถ่ายต่อ ไม่รู้ว่าพวกเขารู้จักผมได้ยังไง ยิ่งช่วงนี้แทบไม่ได้เล่นโซเชียลมีเดีย แทบจะไม่ได้อัพรูปของตัวเองด้วย กว่าจะถ่ายรูปคู่คนอื่นเสร็จ การแข่งขันคู่แรกก็จบลง ผมรีบให้เกี๊ยกพามาที่สนามเพื่อดูการแข่งฟุตบอลคู่ที่สองเพราะครั้งนี้พี่ๆ ในบ้านลงแข่ง สามสหายพาผมมาฝากไว้บริเวณหน้าอัฒจรรรย์คณะตัวเองซึ่งเป็นจุดพักของนักกีฬาและล้อมรอบไปด้วยบุคคลสวมเสื้อช็อปสีแดง
“พี่ๆ สู้ๆ นะ” ผมบอกพี่ๆ ที่ตอนนี้อยู่ในชุดนักกีฬาเป็นที่เรียบร้อย
นักกีฬาถูกเรียกลงสนาม ทันทีที่เสียงกรี๊ดกระหน่ำผมถึงได้รู้ว่าพี่ๆ ในบ้านก็ฮอตพอสมควรเหมือนกัน
ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย
ครึ่งแรกผ่านไปด้วยความเรียบง่าย ยังไม่มีใครทำประตูได้ ครึ่งสองผมเห็นพี่ไทด์ที่ออกจะเฉื่อยชาวันนี้มีแววหงุดหงุดนิดหน่อย และด้วยความหงุดหงิดนั่นเองร่างสูงก็เตะลูกฟุตบอลเข้าประตูจนนำไป 1-0
ผมตะโกนลั่น ได้แต่กระโดดโหยงเหยงไปมาด้วยความดีใจ จนในที่สุดพอหมดเวลาเราก็ชนะด้วยสกอร์ 1-0 ที่พี่ไทด์เป็นคนทำ
และหลังจากนั้นผมก็ได้หายเข้าไปอยู่ในห้องเก็บตัวของผู้นำเชียร์ และไม่สามารถออกไปไหนได้จนกว่าจะใกล้เวลาที่จะได้แสดง
#Laynipit is trending 1st Thailand on Twitter
#Laynipit is trending 9th Worldwide on Twitter
13.45 น.
ประตูห้องเปิดออก เกียร์มองคนที่เดินเข้ามาในห้อง ร่างสูงถอดเสื้อกีฬาออกเพื่อคลายความร้อนขณะถามเสียงทุ้ม
“มารายงานเหรอ”
“ครับ” ดินตอบ ร่างสูงมองไปรอบๆ ห้องนี้นอกจากพวกเฮียที่คุ้มแก็งรองจากบอสแล้วก็ไม่มีคนอื่นอีก
“ตอนเช้าเท่าไหร่ล่ะ”
“30 คนครับ”
“เลฮอตขนาดนั้นเลยเหรอวะ” รพเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยิน 30 คนที่ว่า คือจำนวนคนที่อยากเข้าใกล้เลเกินเหตุด้วยจุดประสงค์อะไรบางอย่างซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นภัยจนต้องกำจัด ในขณะเดียวกันต้นเหตุอย่างเลกลับยังไม่รู้อะไรสักอย่าง
“ตามึงบอดเหรอไอ้รพ” เกียร์เถียง
“ขนาดกูไม่เล่นโซเชียลมาก แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะเปิดแอพไหนก็เห็นแต่รูปน้องเล” ผาบอก มือหนายกโทรศัพท์ที่เปิดแอพอินสตาร์แกรมอยู่และไม่ว่าจะเลื่อนขึ้นเลื่อนลงยังไงก็เห็นแต่รูปเลเดินขบวนตอนเช้า
“ถึงจะดูเอ๋อๆ ตามคนไม่ทันหน่อย แต่ก็สวยจริงๆ นั่นแหละ” ไทด์ว่า “ถ้าฉลาดกว่านี้ กูว่ามันจะตั้งลัทธิเลยังได้เลย”
“ใน 30 คนมีกลุ่มไหนบ้าง” วินเข้าเรื่อง ร่างสูงทำหน้าเคร่งเครียด
“ส่วนใหญ่สีเขียว สีน้ำเงิน แล้วก็คนนอกครับ”
“แปลก แล้วพวกสีดำล่ะ?” เกียร์ขมวดคิ้ว
ดินเม้มปาก “ไม่ได้เข้าหาเลแต่อยู่รอบๆ ตัวเลตลอด หลายคนด้วยครับ”
“มึงหมายความว่าไง”
“เหมือนพวกมันกำลังคุมกันต่อจากเราครับ”
“...” ทุกคนเงียบ ก่อนที่เกียร์จะพึมพำขึ้นมาเสียงเบา
“ฮิมต้องไม่โอเคแน่”
“เฮียจะให้พวกผมทำยังไง” ดินถาม
“เพิ่มคน” วินสั่ง “แค่ดูรอบๆ กันเลจากพวกมันอีกที”
“...”
“กูไม่ไว้ใจ”
“ครับ” ดินพยักหน้ารับคำสั่ง แล้วเดินออกจากห้อง ปล่อยให้คนในห้องได้คุยกันต่อ เรื่องของเลไม่ได้เป็นแค่เรื่องเดียวที่เป็นปัญหา ยังมีปัญหาอื่นๆ อีกที่พวกเขาต้องแก้และออกคำสั่ง
14.15 น.
การแข่งขันระหว่างสีดำกับสีเขียวจบลง สีดำคะแนนนำด้วยสกอร์ 1-0
14.30 น.
เริ่มการแข่งขันคู่ที่สองระหว่างสีแดงกับสีเขียว
15.45 น.
การแข่งขันระหว่างสีแดงกับสีเขียวจบลง สีแดงคะแนนนำด้วยสกอร์ 2-1
16.00 น.
เริ่มการแข่งขันคู่สุดท้ายระหว่างสีดำกับสีแดง
ผู้นำเชียร์ทยอยเข้าแสตนด์
100%
เราช้าอีกแล้วเห้อ ขอโทษมากค่ะ ไม่ได้อยากให้ช้านะ ช่วงนี้เราแทบจะหอบโน้ตบุ้กไปแต่งนิยายด้วยทุกวันแล้วค่าา ;w;
ติดแท็ก #วิศวะแดนแฟนมีเกียร์