แฟนวิศวะ // ตอนที่ 33 (100%)
เลสะดุ้งตื่น เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้นมอง เขายังอยู่ที่ห้องเดิม แตกต่างแค่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้อง นอกจากเขาและพี่ฮิมที่ยังคงเอาตักตัวเองเป็นหมอนยอมให้หนุน มือหนาที่ลูบศีรษะก็ยังคงลูบอยู่อย่างนั้น เลตั้งใจจะลุก ถ้าไม่มีบุคคลปริศนาเป็นชายสามสี่คนเดินเข้ามาในห้องซะก่อน ดวงตากลมมองคนมาใหม่เงียบๆ พี่ฮิมยังไม่รู้ว่าเขาตื่นแล้ว
“มีอะไร” เจ้าของตักที่เขาใช้หนุนแทนหมอนว่า มือที่ลูบศีรษะหยุดแล้วเปลี่ยนมาเป็นการเกาคางแทน
“บอส ไอ้นี่มีเรื่องจะมาสารภาพครับ”
“อะไร” เลมองร่างสูงโปร่งที่ถูกคนอื่นผลักออกมาด้านหน้า มองไปมองมาก็ดูหน้าคุ้นๆ นะ “รีบพูด เมียกูจะตื่น”
ตื่นแล้วครับ
“บอสคือ…”
“กูให้เวลามึงสิบวิ” เลกำลังคิด
“คือผมซุ่มซ่าม!”
“...” ทำไมคุ้นจังอะ คุ้นมากเลย
“เผลอทำไวท์ที่พึ่งสั่งเข้ามาใหม่แตกไปสองลังครับ!”
“...” คิดออกแล้ว! พี่บอม!
ในจังหวะที่คิดออก พี่บอมเองก็บังเอิญหันมาสบตากับเขา อีกฝ่ายกะพริบตาเหมือนกำลังจะขออะไรสักอย่างที่เลไม่เข้าใจ
อะไร? ให้ช่วย?
“เสียหายเท่าไหร่” พี่ฮิมถามเสียงเรียบ ฟังดูจากน้ำเสียงแล้วไม่น่าจะอารมณ์ดีนัก
“สามแสนครับบอส”
เงียบกันไปทั้งห้อง
ถ้าเทียบกับธุรกิจหมื่นล้านของพี่ฮิม แค่สามแสนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในเมื่อมันคือธุรกิจ เงินหนึ่งบาทก็เป็นเงินเหมือนกัน ไม่มีนักธุรกิจคนไหนอยากสูญเสียเงินตัวเองไปโดยเปล่าประโยชน์หรอก
เลยังเงียบ ส่วนพี่บอมหน้าซีดไปแล้ว
“ตั้งแต่ที่มึงมาอยู่คลับกูนี่มึงมีประโยชน์อะไรบ้าง” เจ็บแทน
“บอส...”
“แล้วมึงสอนอะไรเลไว้ เรื่องนั้นกูก็ไม่ได้ลืม” คราวนี้คนแกล้งหลับได้ทำหน้าตื่นๆ บ้าง เหมือนพี่ฮิมจะยังไม่ลืมเรื่องที่พี่บอมเป็นคนสอนเขาให้รู้เรื่องเพศสัมพันธ์ จนเริ่มออกนอกลู่นอกทางเป็นครั้งแรก “เสนอหน้าเข้ามาสอนเมียกู”
“จะให้ทำยังไงกับมันครับบอส”
ไม่ได้ ทำพี่บอมไม่ได้นะ นั่นครูคนแรกของเลเลยนะ!
“อื้อ พี่ฮิม” ฮิมยังไม่ทันตอบทางนั้น ผมจึงใช้จังหวะนั้นขยับศีรษะไปมาให้เจ้าของตักรับรู้ว่าเลตื่นแล้ว มันได้ผล เพราะพี่ฮิมหันมาสนใจผมทันควัน
“ตื่นแล้วเหรอ” ผมยันตัวขึ้น เลื่อนจากหนุนตักไปซบไหล่แกร่งแแล้วหันไปมองสามร่างที่ยังยืนอยู่ ทำทีว่าไม่ได้สนใจขณะที่ฮิมเลื่อนมือมาโอบไหล่พร้อมจูบที่หน้าผาก “ยังง่วงไหมครับ นอนต่อไหม”
“อืม เลอยากกลับแล้ว” ผมโอบเข้ากอดพี่ฮิม เงยหน้าขึ้นจ้องเขา “กลับบ้านไปนอนกอดกัน”
จากนั้นก็คลอเคลียที่ปลายคาง ครั้นตั้งใจจะเลื่อนริมฝีปากขึ้นไป จังหวะนั้นเองที่พี่ฮิมทำสัญญาณบางอย่างให้กับคนที่ยืนมองอยู่ด้านหลัง ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกไปแบบเงียบๆ โดยที่พี่ฮิมยังไม่ได้สั่งให้คนอื่นทำอะไรพี่บอม พ้นเสียงประตูปิดผมจึงทิ้งหัวซบไหล่ฮิมตามเดิม
มือหนาลูบแผ่นหลังผมเบาๆ ฮิมถาม “จะกลับเลยไหม”
“อื้อ” ผมตอบก่อนจะยืนขึ้น ฮิมลุกขึ้นตาม จากนั้นก็โอบไหล่บางเดินออกจากห้องไป
บ้าน
ผมเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องโดยมีพี่ฮิมต่อท้ายพร้อมกับเสียงล็อกประตูตามหลัง หันไปไม่ทันมองไม่ทันก็โดนร่างสูงโอบเข้ากอดด้านหลัง ใบหน้าหล่อเหลาไซร้ไปตามคอ ไล้จูบเบาๆ จนรู้สึกจั๊กจี้
“อื้อ พี่ฮิมอย่าทำรอยนะ” ผมเตือน เพราะถ้าฮิมทำแล้วล่ะก็มันหายไม่ทันวิศวะสัมพันธ์แน่นอน
“คนดี”
“หืม” เสียงทุ้มกระซิบอยู่ข้างหูแต่พอขานรับก็กลับไม่ตอบ
คนตัวสูงเลิกไซร้คอพร้อมกับผลักเลนอนราบลงบนเตียง ฮิมคร่อมทับ มือหนาเลิกเสื้อขึ้นมาเกินอกแล้วไล้จูบที่จุดไวต่อสัมผัส พอพี่ฮิมเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งและกำลังจะโน้มลงมาจูบ ผมเลยยกมือขึ้นปิดปากเขาเอาไว้ซะก่อน
มองตาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
“น้องยังไม่ได้อาบน้ำ” คนฟังนิ่ง แต่หลังจากนั้นนิ้วที่ผมยื่นไปปิดก็ถูกงับเข้าปาก ถูกลิ้นร้อนเลียจนมันชุ่มฉ่ำ จากนั้นจึงค่อยๆ เลียลากขึ้นตั้งแต่ปลายนิ้วจนถึงต้นแขน ลำคอ ก่อนจะมาถึงริมฝีปากภายในที่สุด
การกระทำของอีกฝ่ายตอบคำถามผมว่าไม่เป็นไร
และใช่ เลตกเป็นของพี่ฮิมอีกครั้ง
ตีสาม
ศึกรักพึ่งจบลง ทิ้งกลิ่นกามอบอวลเอาไว้ทั่วห้อง เลนอนหอบหายใจนิ่ง ขณะเดียวกันที่ร่างสูงกำลังเกยคางวางบนไหล่บาง มือหนาลูบแผ่นหลังเนียนขาวด้วยความใคร่รัก
“น้องเล” ฮิมเรียก เหมือนเขาจะเริ่มติดสรรพนามนี้ไปแล้ว
“อืม” คนกึ่งหลับกึ่งตื่นขานรับ
“พี่มีเรื่องจะบอก” เหตุผลที่ทำให้ฮิมต้องไปคลับถึงสามวัน ไม่ได้ไปดูแลแต่ไปคุยเรื่องวิศวะสัมพันธ์กับพวกนั้น งานที่ใกล้จะถึงนี้มีเรื่องน่าหงุดหงิดเกิดขึ้นสำหรับฮิม
“ไว้พรุ่งนี้น้า” ว่าจบเลก็เงียบไป ฮิมผละออกจากไหล่เนียน แล้วล้มตัวลงนอนตะแคงมองหน้าคนที่เงียบไปก่อนจะพบว่าน้องหลับไปแล้ว เขายื่นมือไปบีบแก้มนุ่มเล่น ก่อนจะลามไปลูบตามเนื้อตัวเปลือยเปล่าจนถึงเอว เขาดึงเลเข้ามากอด ใบหน้าหล่อเหลาแนบเข้ากับกลุ่มผมหอมก่อนจะหลับตาลงบ้าง
ครืด ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ทำให้เปลือกตาที่พึ่งจะปิดต้องเปิดขึ้น ร่างสูงสบถในใจ ใครมันกล้าโทรมาตอนตีสาม ฮิมตั้งใจจะปล่อยให้มันดังต่อไป จนกระทั่งคนที่เขากอดอยู่เริ่มทำท่าว่าจะตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ ร่างสูงจึงยอมผละอ้อมกอดแล้วลุกออกจากเตียงเดินไปหยิบโทรศัพท์ตั้งใจว่าจะกดตัดสายแล้วปิดเครื่องทิ้ง แต่พอเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาแล้ว สิ่งที่อยากทำดันทำไม่ได้ ฮิมขมวดคิ้ว ขายาวเดินไปหยิบชุดคลุมในตู้เสื้อผ้ามาใส่ หยิบบุหรี่เพราะคุยกับคนนี้ทีไรได้เครียดทุกที จากนั้นจึงเดินไปที่ระเบียง
สายมันตัดไปแล้ว เขาจึงโทรกลับไปใหม่ ปลายทางรับภายในไม่กี่วินาที
(ทำอะไรอยู่)
ฮิมจุดไฟแช็กเข้ากับบุหรี่แล้วคีบมันเข้าปาก พ่นควันพิษออกมาเมื่อได้ยินคำถาม “พ่อ ตอนนี้ตีสาม”
(แต่อังกฤษพึ่งสามทุ่ม ทำไมรับช้า)
“เลหลับอยู่ก็เลยเดินออกมาคุยด้านนอก”
พ่อเขาเงียบไปสักพัก ก่อนจะตอบกลับมาพร้อมประโยคที่ทำให้ฮิมชะงัก (ยังนอนอยู่ด้วยกันอยู่เหรอ)
เขายังไม่ได้บอกพ่อกับแม่ เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับเล
“ครับ”
(ตัวติดกันขนาดนี้ ตอนฮิมเรียนจบแล้วกลับมาอังกฤษ แต่น้องเลนั่นต้องเรียนต่อที่ไทยอีกสามปี จะไม่มีปัญหาหรือไง)
“ฮิมคิดว่าจะอยู่ที่ไทยจนน้องเรียนจบ”
(เราล้อเล่นใช่ไหม ฮิมจะไม่มาต่อโทบริหารที่อังกฤษหรือไง แล้วยังต้องมาเรียนรู้ระบบการทำงานของบริษัทใหญ่อีก ถ้าอยู่ไทยต่ออีกสามปีมันเปลืองเวลานะ จำได้ใช่ไหมว่าพ่อจะวางมือยกบริษัททั้งหมดให้ตอนที่ฮิมอายุ 30 เพราะแค่นี้คุณนายของบ้านก็เริ่มบ่นแล้วว่าอยากเที่ยวรอบโลก)
“จำได้ครับ” ควันพิษถูกพ่นออกอีกครั้ง คุยกับพ่อทีไรเครียดจริงๆ “เอาไว้ถึงเวลานั้นฮิมจะคิดดูอีกที”
(หัดแยกกันได้แล้ว) พ่ออ้างอิงไปถึงอีกคน ไม่ใช่น้องหรอกที่แยกไม่ได้ เลทำให้เห็นชัดแล้วว่าหลังจากเซ็นสัญญาตัดขาดกันเต็มตัว น้องยังพออยู่ได้ เป็นเขาต่างหากที่รู้สึกจะตายๆๆ ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน
“ครับ”
(อืม มาอังกฤษรอบหน้าจองตั๋วเครื่องบินหรือยังล่ะ)
“จองทำไมบินเครื่องบินส่วนตัว” ฮิมนั่งเก้าอี้ มือหนากุมขมับ ได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสาย
(พ่อลืม แล้วจะมาวันไหน)
“อีกสองวันครับ” เรื่องที่จะบอกเลก็คือเรื่องนี้…
วิศวะสัมพันธ์ที่ฮิมควรจะได้เฝ้าน้อง ดันต้องกลับอังกฤษเพราะพ่อเรียกให้กลับ
(ยังช้า)
“เร็วสุดเท่าที่ฮิมให้ได้ ต้องไปจริงๆ เหรอ พ่อไม่ยอมบอกว่ามีเรื่องอะไรเอาแต่บังคับให้ไป”
(เรื่องใหญ่) ทางนั้นว่า (ไม่ใหญ่พ่อไม่เรียกหรอก จากไทยมาอังกฤษก็ตั้งหลายชั่วโมง ให้ไปกลับบ่อยๆ เหนื่อยแย่)
“ครับ” ได้แต่ตอบเสียงเบา
(คราวนี้อิดออดนะ ดูไม่อยากมา)
“อืม”
(ทำไม)
“เปล่าครับ” ฮิมปฏิเสธ จะบอกว่าแค่เป็นห่วงน้องเฉยๆ เหตุผลมันก็ดูจะเทียบกับบริษัทที่ทำเงินกว่าหมื่นล้านยูโรไม่ได้ ยิ่งพ่อบอกว่าครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยแล้ว… พ่อเขาไม่พูดเล่น
(หึ) เงียบไปอีกครั้งหนึ่ง (มีอะไรจะเล่าไหมล่ะ)
“ให้เล่าอะไร”
(เรื่องราวชีวิต เป็นพ่อต้องรับฟังลูก)
“ตอนนี้ตีสาม” ฮิมย้ำอีกครั้ง “ถ้าพ่อไม่มีอะไรฮิมจะวางสายแล้วไปนอน” กอดเล
(เอาจริงๆ ก็มี แต่ไม่รู้ว่าจะพูดดีไหม)
“พูดมาเถอะครับ เรื่องอะไร”
(เรื่องของเรานั่นแหละ)
“...” บรรยากาศเงียบลง เขารู้สึกใจหวิวแบบแปลกๆ และทันทีที่ทางนั้นพูดขึ้นมาจากหวิวมันก็กลายเป็นนิ่ง
(พ่อคงจะไม่ได้หลานแล้วใช่ไหม)
!!!!!!!!!!!
ม้วนบุหรี่ในมือหล่นตกพื้น คนฟังเงียบไปนานจนทางนั้นพูดก่อน
(เงียบเลย อึ้งอยู่สิ)
“พ่อ…” ฮิมขมวดคิ้ว เขามั่นใจครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “รู้เหรอ?”
(อืม)
“ตั้งแต่เมื่อไหร่” คนฟังตาสว่าง เขาตื่นเต็มตัวจริงๆ
(ถ้าเป็นเรื่องของเรากับเลรู้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว)
“...”
(แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นก็รู้ตั้งแต่ที่ฮิมเริ่มทำ)
“เรื่องอื่น? หมายความว่ายังไงครับ”
(ก็รู้หมดทุกอย่างว่าเราทำอะไร ทั้งคลับทั้งสนาม เรื่องที่ฮิมบอกแต่ไม่ได้บอกจนหมดก็รู้) ฮิมเงียบไป
เขาเคยบอกพ่อว่าที่ไทยตัวเองได้ทำอะไรบ้าง แต่ก็บอกไม่หมดอย่างที่ว่า โดยเฉพาะเรื่องที่ต้องใช้ความรุนแรง แล้วพ่อดันบอกว่ารู้ แต่เจ้าตัวไม่ได้อยู่ที่ไทย คิดได้อย่างเดียวคือ
“พ่อจ้างคนตามผม?”
(ก็ใช่ พ่อมีลูกคนเดียวนะฮิม แล้วลูกอยู่ไกลซะขนาดนั้นมันก็ต้องให้มีคนตามบ้าง เผื่อเกิดปัญหาอะไร)
“พ่อรู้แต่ไม่ห้าม?” ธุรกิจหลักของบ้านเขามันถูกกฏหมาย แต่ธุรกิจลับของฮิมมันออกจะไม่ถูกสักเท่าไหร่ อยู่ตรงกลาง ถูกก็มีแต่ผิดก็มีเช่นกัน
(ฮิมเป็นลูกคนเดียว พอฮิมเกิดมา ไม่รู้ว่าลูกชอบไม่ชอบ แต่ฮิมก็เลือกอาชีพอื่นไม่ได้เพราะต้องรับบริษัทของพ่อต่อไป พ่อเลยตามใจ ให้ทำถ้ามันเป็นสิ่งที่ฮิมคิดว่าสนุก เพราะถ้าไม่ชอบหลังจากที่เรารับช่วงต่อมันอาจจะไม่สนุกอีก)
“ฮิมโอเค” เขารู้จักตัวเอง ถ้ารู้สึกว่าไม่โอเค ต่อให้ยัดเยียดสิ่งนั้นมาให้ยังไงเขาก็ไม่เอา
(นั่นก็ดี โชคดีที่ลูกชอบนะ)
“แต่มันมีผิดกฏหมาย” ถึงจะบอกว่าตามใจ แต่การที่มันผิดกฏหมายก็ยังเป็นปัญหาใหญ่ พ่อยอมรับได้ยังไง
(อืม ธุรกิจของเรามันก็ไม่ได้ถูกกฏหมายทั้งหมดหรอก)
“...”
(นั่นแหละ…)
“พ่อหมายความว่ายังไง”
(ก็ถึงบอกว่าเรียนจบแล้วให้กลับอังกฤษ อยู่ไทยมันเปลืองเวลา มีหลายอย่างที่ฮิมต้องรู้อีกเยอะ)
“...”
(ไม่ต้องห่วง ไอ้ที่ไม่ดีน่ะส่วนใหญ่เราทำเพื่อป้องกันบริษัท ไม่ได้ไปทำให้คนอื่นตายเล่นหรอกนะ)
“...”
(นี่เราไม่เคยรู้เลยจริงเหรอ ดูเอกสารพ่อออกจะบ่อย)
“เปล่าครับ พอรู้บ้าง” เขาเคยคิดเอาไว้ บริษัทใหญ่ขนาดนี้ยังไงก็ต้องมีเรื่องพวกนี้อยู่บ้าง คู่แข่งเราเยอะ ศัตรูเลยพลอยเยอะไปด้วย “ฮิมเรียนจบจะเลิกทำ”
(ไม่ต้องเลิกก็ได้ เก็บเป็นที่ระลึกเอาไว้ว่าตอนสมัยมหา’ลัยตัวเองเคยทำอะไร แค่จ้างคนเก่งทำแทนแล้วกินกำไรพอ) ให้ตาย พ่อเขาหัวนักธุรกิจจริงๆ
“แล้วพ่อรู้เรื่องของเลได้ยังไง” บุหรี่ม้วนที่สองถูกจุดขึ้นสูบ
(ตะหงิดใจมานานแล้ว แต่แม่ที่น่าจะรู้ทุกเรื่องดันไม่พูดอะไรก็เลยคิดว่าไม่มีอะไร พึ่งมาถามจริงจังก็ตอนสองปีก่อน คุณนายก็เลยเอาอะไรมาให้ดู)
“อะไรครับ”
(อัลบั้ม)
“อัลบั้ม?”
(อัลบั้มลับของใครก็ไม่รู้ที่แอบถ่ายแต่ใต้กระโปรงน้องเลในชุดคอสเพลย์)
“พ่อ!!!!” ร่างสูงถึงกับต้องลุกขึ้นยืน บุหรี่หล่นตกพื้นเป็นครั้งที่สอง
(ร้ายมากลูกชาย! ถ่ายแต่ช่วงต้นขาซะด้วย มีทุกชุดที่เลใส่ ไปได้ใครมา แอบถ่ายใต้กระโปรงลูกชาวบ้านเนี่ยพ่อไม่เคยทำนะโว้ย)
“หามันเจอได้ยังไง ก็เก็บ…” ดีแล้ว
อัลบั้มลับของน้องเลสมัยยังเด็กฮิมเก็บมันเอาไว้ในที่ที่คิดว่าคนอื่นจะหามันไม่เจอ
(คิดว่าจะรอดพ้นมือคุณนายของบ้านหรือไง มีอะไรบ้างที่แม่เราหาไม่เจอ นี่ยังไม่ได้พูดถึงไดอารี่เลยนะ) อย่า… อย่าเป็นไดอารี่อย่างที่คิดนะ (ปกแข็ง เล่มแดง ผ้ากำมะหยี่ เขียนบรรยายเอาไว้ซะอย่างดีว่ารักยังไง คิดยังไง อยากทำอะไรด้วย)
“...”
หมด หมด ไปหมดแล้วความลับของเขา
(ไม่ต้องอายหรอกน่า แม่เราน่ะรู้มานานแล้ว น่าจะแอบอ่านตั้งแต่ที่ฮิมเริ่มเขียน)
“...” ไม่มีอะไรจะพูด
(เงียบเลย ก็มีแค่นี้แหละที่จะพูด หมดแล้วครับ ไปนอนได้แล้ว)
“เดี๋ยวพ่อ…”
(หือ อะไรอีก)
“พ่อกับแม่… โอเคใช่ไหมครับ” ฮิมเป็นลูกคนเดียว และถ้าเลเป็นคนรักแล้วล่ะก็นั่นหมายความว่า พ่อกับแม่จะไม่มีหลาน
(โอเคไม่โอเคก็ทำใจได้สองปีแล้วที่จะไม่มีหลาน แต่น่าจะรู้เร็วกว่านี้จะได้มีน้องให้ฮิม)
“สู้ๆ นะพ่อ” ถึงจะเป็นน้องหลงก็มาเถอะ ฮิมรู้ว่าพ่อแม่ยอมรับแต่ทั้งสองก็คงอดเสียใจไม่ได้หรอกที่จะไม่มีหลานน่ะ
(พยายามอยู่แต่คุณนายเขาไม่ค่อยให้ความร่วมน่ะสิ มีอะไรอีกไหม)
“เลบอกว่าพ่อเกลียดน้อง จริงหรือเปล่า”
(หือ? ว่าอะไรนะ)
“เลบอกว่าพ่อเกลียดเล” น้องชอบพูดว่าพ่อเขาเกลียด แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้บอกเหตุผลเช่นกันว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น
(จะกลียดไปทำไม)
“แต่เลบอกแบบนั้น”
(คิดไปเอง)
“เหรอครับ” ฮิมคิด แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับอีก ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมเลถึงคิดแบบนั้น แต่เรื่องที่เลกับพ่อเขาชอบทะเลาะกันน่ะเป็นเรื่องจริง แต่มันก็ไม่เชิงทะเลาะหรอกก็แค่แบบ… กัดกัน?
(ไม่มีอะไรแล้วก็ไปนอน)
“ขอบคุณนะครับ ฝากบอกแม่ด้วย” ฮิมดีใจ ปฏิเสธไม่ได้ว่าดีใจ ถึงเรื่องเพศจะเปิดกว้าง แต่มันก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายที่ครอบครัวจะยอมรับ เขาเคยคิดหลายครั้งว่าถ้าพ่อกับแม่ไม่ยอมรับเรื่องนี้แล้วจะทำยังไงต่อไป แต่ก็ยังคิดไม่ออกจริงๆ
(ทำซึ้งน้ำตาจะไหล เอาเถอะ ขอแค่อย่าทำบริษัทของพ่อล่มจมก็แล้วกัน)
“ครับ”
(ไปนอนไป)
“Dad…”
(What?)
“Please tell mother that I love her and I love you, too”
ติ๊ด!
เขาไม่ได้ยินพ่อว่าอะไรต่อจากนั้นเพราะกดตัดสาย ร่างสูงเดินกลับเข้าห้อง ถอดชุดคลุมออกเปลือยตัวไปนอนกอดน้องอีกครั้ง
“ฮิมไปไหนมา” เสียงอู้อี้ถาม ร่างบางขยับตัวเข้ามากอด น้องถูไถใบหน้าเข้ากับอกเขาหลายๆ ที ขณะที่ร่างสูงแนบริมฝีปากเข้าข้างหู กระซิบใส่เสียงเบา
“ไปคุยเรื่องของเราครับ”
วันต่อมา
เคร้ง!
ช้อนในมือหล่นกระทบจาน ผมทำหน้าอึ้ง ตาเบิกกว้างขั้นสุดพร้อมกับหันไปมองพี่วินในเชิงคำถามว่าจริงจังไหม? และพี่วินพยักหน้า
“พี่ฮิมจะไม่ได้อยู่งานวิศวะสัมพันธ์? พี่ฮิมจะไปไหน” ผมขึ้นเสียงสูงใส่พี่ฮิมที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างๆ มือหนาหันมาจับช้อนที่หล่นหยิบใส่มือเลเป็นการบอกใบ้ให้ผมกินต่อ
“พี่ต้องกลับอังกฤษครับ ถูกเรียกประชุม” ฮิมว่า
“ไปเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้” ผมเบะปาก รู้เลยว่าตัวเองกำลังทำหน้าเบะเพราะรู้สึกอยากร้องไห้
“กลับมาทันดูน้องไหม” เหลืออีกสามวันจะถึงวิศวะสัมพันธ์ ระยะเวลางานคือสองวัน และผมแข่งหลีดในวันที่ 2 ตอนเย็นเกือบค่ำ แทบจะเป็นรายการสุดท้ายเลยมั้ง
พี่ฮิมส่ายหน้า“น้องซ้อมมาเกือบหนึ่งเทอมเลยนะ ไม่ไปไม่ได้เหรอ”
ร่างสูงทำหน้าหนักใจ แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าอีก
“ไม่ได้ครับ พี่ขอโทษนะ”
“แต่น้องอยากให้พี่ฮิมดู พี่ฮิมไม่อยู่แล้วใครจะดูเลล่ะ!”
“นั่งหัวโด่อยู่นี่ แต่ไม่เห็นหัวกูเลยครับ”
“เฮ้ยไทด์ เราออกจากบ้านกันไหมมึง”
“เอาดิ ปะ! เก็บเสื้อผ้า”
“พวกกูก็อยู่” วินพูดจริงจังพร้อมกับมองผม
“แต่ไม่อยู่ตอนเลแสดง!”
“หลีดแสดงข้างสนามบอล นี่มึงรู้หรือเปล่าว่าพวกกูลงแข่งฟุตบอล”
“หือ จริงเหรอ” ผมทำตาโต ได้ข่าวจากพี่นนท์นี่อยู่ว่าจะมีแข่งกีฬา แต่ไม่รู้ว่าพวกพี่ๆ ก็เป็นนักกีฬาด้วย พึ่งรู้เลยนะเนี่ย “ทุกคนเลยเหรอ?”
ผมมองไปรอบๆ วันนี้ทุกคนในบ้านตื่นขึ้นมากินข้าวเช้าพร้อมหน้ากันหมด
“เออ”
“ฮื่อออ เลจะเชียร์ๆ ชนะให้ได้นะ ห้ามแพ้!”
“ใครจะแพ้อีกวะ” พี่รพว่า “ปีก่อนไปแข่งในถิ่นไอ้ใหญ่มันเฉยๆ โกงชิบหาย”
“เออ ไอ้เหี้ยขออย่าให้กูเจอพวกมันอีก ให้แข่งกับพวกไอ้ดีนยังดีกว่ามันอะ อย่างน้อยก็สู้ซึ่งๆ หน้าไม่ใช่หมาลอบกัด”
“ไอ้ดีนก็ใช่ย่อย แต่มันเป็นพวกอย่าให้กัดเพราะกัดแล้วแม่งจะกัดไม่ปล่อย”
“มึงพึ่งไปมีเรื่องกับมันมาหนิวิน”
“เออ” พี่วินขานรับหน้าเซ็งๆ
“มึงกัดมันหรือมึงถูกกัด”
“กูไม่ใช่หมา”
“งั้นมึงก็ถูกกัด”
“กัดพ่อมึงสิไอ้เหี้ยรพ” ผมฟังแล้วทำหน้างง พวกพี่เขาคุยอะไรกันก็ไม่รู้ เลฟังไม่รู้เรื่องอะ พี่ฮิมลุกออกจากโต๊ะไปคนแรก ผมรีบกินให้อิ่มจากนั้นจึงเดินขึ้นห้องตาม
เปิดประตูห้องออก ร่างสูงที่กำลังใส่นาฬิกาข้อมืออยู่หันมามอง ผมเดินไปกอดกายหนา แนบหน้าเข้ากับอกแกร่ง
“อ้อนจัง” เสียงทุ้มว่า กอดตอบแล้วหอมผมเลเล่น
“ก็ไม่อยากให้ไป เลอยากให้พี่ฮิมดูเลตอนเป็นหลีด”
“ขอโทษนะครับ” มือหนาลูบหน้าเบาๆ เรามองตากันแล้วเงียบ แต่หลังจากนั้นไม่รู้พายุอะไรโหมเข้าใส่เพราะจู่ๆ ทั้งผมกับพี่ฮิมก็ฟาดเข้าหากันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย ริมฝีปากเราแนบเข้าด้วยกัน ลิ้นร้อนตวัดไล่ไปมาในโพรงปาก ผมเขย่งตัวขึ้น มือโอบรอบลำคอหนา ขณะเดียวกันที่อีกฝ่ายเริ่มล้วงมือสากเข้ามาในเสื้อเชิ้ต หมุนวนและบดขยี้ตุ่มไวต่อสัมผัสทั้งเบาสลับแรง
ผลัก!
ร่างกายถูกผลักให้นอนราบลงบนเตียงแล้ว แต่หลังจากนั้นพี่ฮิมก็หยุด
ค้างมาก!
“ฮิม”
“คนดีอย่ามองพี่แบบนั้นสิ”
“ฮื่อออ”
“เดี๋ยวได้มีลายเต็มตัวนะ” พี่ฮิมผละตัวขึ้น ร่างสูงเดินไปเดินมาในห้องขณะเดียวกันผมก็นอนทำใจให้สงบพร้อมกับบ่นอยู่บนเตียง
“ครั้งนี้สำคัญมากเลยเหรอ”
“คุณพ่อว่าสำคัญครับ”
“สำหรับคุณลุงก็สำคัญทุกงานนั่นแหละ! ใช้งานพี่ฮิมหนัก ใจร้าย!”
“พูดเข้า นั่นพ่อแฟนเลนะ” พี่ฮิมหัวเราะ ร่างสูงเดินมาดึงผมลุกขึ้นนั่ง “วันนี้น้องมีเรียน ไม่รีบไปครับ?”
“หมดอารมณ์จะเรียน” ผมตอบ กอดสะโพกพี่ฮิมเอาไว้แน่น “อยากให้ฮิมได้ดูน้องจริงๆ นะ”
คนตัวสูงเงียบไป ก่อนที่เขาจะเชยคางผมขึ้น จ้องเข้ากับนัยน์ตาคมที่มองนิ่ง
“อันที่จริงพี่ดีใจนิดหน่อย ที่จะไม่ได้เห็นเลในวันนั้น” มือหนาไล้ไปตามโครงหน้า ลูบวนเบาๆ ตรงแก้มนุ่ม“น้องต้องสวย… มากแน่ๆ”
ผมยิ้มรับ “ไม่ดีเหรอ”
“ไม่ครับ” เขาโน้มกายลงคร่อมทับให้ผมนอนราบลงเตียงอีกครั้ง ใบหน้าเข้าไซร้ที่ลำคอแรงๆ จนรู้สึกจั๊กจี้ “พี่ก็จะคลั่งไง”
“ฮ่าๆ พี่ฮิม”
“ถ้าเลสวยกว่านี้ พี่ต้องจับน้องขังเอาไว้ไม่ให้ใครได้เห็น”
“ฮิมพอก่อนน” เขาหยุด ฮิมจ้องหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเบา
“เพราะแค่นี้พี่ก็หลงน้องจนไม่รู้จะว่ายังไงแล้วครับ”
“เหรอ” ผมลากเสียงยาวจนพี่ฮิมหัวเราะ เขาก้มลงจุ๊บปากเลเบาๆ ก่อนเราจะเงียบอีกครั้ง ผมเลื่อนมือขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง แทรกไปตามเส้นผมแล้วนวดคลึงกลุ่มผมสีดำสนิทจากทางด้านหลังให้อีกฝ่ายรู้สึกผ่อนคลาย “พี่ฮิมของน้อง”
“อืม”
“เสียดายจังเนาะคราวนี้” ว่าอย่างปลงตก “เลซ้อมหนักเพราะอยากให้ฮิมเห็น แต่พี่ฮิมไม่อยู่ดูอย่างนี้ก็แย่เลยสิ”
“ค่อยมาโชว์ให้พี่ดูคนเดียวก็ได้”
“แสดงหลีดมันต้องทำเป็นทีมมันถึงจะสวย”
“บนเตียง” ผมชะงัก ดูจากรูปประโยคแล้วเนี่ยเหมือนพี่ฮิมจะพูดคนละโชว์กับเลนะ “นั่งอยู่บนตักพี่ แล้วก็ขยับสะโพกเล”
นัยน์ตาคมไล่มองจนผมต้องกัดปาก เขามองเหมือนเลกำลังเปลือยทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงเสื้อผ้าก็ยังอยู่ครบ และแค่ใช้สายตา ผมก็รู้สึก… ร้อนแล้ว
“ได้” เผลอตอบรับไปโดยไม่รู้ตัว
ฮิมบอกว่าหลงผมแต่ไม่รู้เลยว่าผมก็หลงเขาเหมือนกัน
พี่ฮิมเหมือนสารเสพติด พอได้เสพก็เริ่มที่จะขาดไม่ได้ ขาดแล้วต้องลงแดงจะเป็นจะตาย
ริมฝีปากบางกำลังขบยอดอกผ่านเนื้อผ้า ผมกัดริมฝีปาก เผลอขย้ำกลุ่มผมนุ่มด้วยความไม่รู้ตัว
“ต่ำกว่านี้อีกเลว่าดีไหม” เสียงแหบพร่าถาม ริมฝีปากค่อยๆเคลื่อนตัวลงต่ำไปถึงช่วงหน้าท้อง
“อื้อดี ดีจัง”
แต่หลังจากนั้นก็…
พรึบ!
“งั้นเอาไว้พี่กลับมาจากอังกฤษก่อน” และพี่ฮิมก็ผละไปแบบเฉยๆ เป็นครั้งที่สอง ส่วนผมดิ้นพล่าน ตีมือลงบนแขนแกร่งสะเปะสะปะ รู้สึกจะลงแดงตายแล้วจริงๆ
“พี่ฮิมบ้า!” มาทำให้อยากแล้วก็เอาไว้ให้ค้างน่ะ โรคจิต!
“หึ” เขาหัวเราะในลำคอ ร่างสูงนั่งลงบนเตียง ก่อนเริ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คนดี วิศวะสัมพันธ์พี่จะให้คนคอยดูน้องนะครับ”
ผมเลิกดิ้น แม้จะยังนอนหอบหายใจพร่าอยู่ที่เดิม ฮิมว่าต่อ “มันอาจจะอึดอัด แต่เข้าใจพี่หน่อยนะครับ พี่ไม่ได้อยู่ด้วย...”
“...”
“เป็นห่วงนะ”
เลเม้มปาก ยันตัวขึ้นมานั่งดีๆ แล้วพยักหน้าตอบรับ เรื่องนี้แค่ฟังเสียงก็รู้แล้วว่าพี่ฮิมจริงจัง
คนตัวสูงยังทำหน้าเหมือนเป็นห่วงอยู่ พี่ฮิมเข้ามากอดผมเอาไว้แน่น เสียงหัวใจฮิมเต้นแรงจนสัมผัสได้เลย
“อือ เลจะพยายามอยู่ใกล้ๆ พวกพี่ๆ นะ”
“ดีแล้ว” ทางนั้นถอนหายใจ จากนั้นเราก็มองหน้ากัน ผมเป็นฝ่ายขยับเข้าให้ก่อน แนบริมฝีปากบางเบาเข้ากับของอีกคน แค่ทาบพร้อมกับดูดดันเป็นการส่งผ่านความรู้สึกแล้วถอยออก ก่อนจะยิ้มให้ มือหนาขยี้ศีรษะผมเบาๆ “วันนี้เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่เอา ฮิมจะไปไหนก็ไป”ปฏิเสธพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋าที่ต้องเอาไปมหา’ลัยด้วย วันนี้มีเรียนแค่ 2 ชั่วโมง แต่ซ้อมน่ะเกือบทั้งวัน
“ไล่เลย”
“ก็ทำน้องอะ” ค้างตั้ง 2 รอบ
“ไม่ต้องห่วง รอพี่กลับจากอังกฤษ”
“เหรอ”
“ทบต้นทบดอกเลยดีไหม”
“จ้ะๆ” เลพยักหน้ารับ แต่เหมือนพีฮิมจะไม่ยอมเพราะในขณะที่ผมจะเดินออกไป ร่างสูงก็ตามเข้ามากอดจากทางด้านหลัง
“อย่าแสดงให้คนอื่นจนแรงหมดนะครับ เพราะถ้าพี่กลับมาเมื่อไหร่น้องคงจะไม่ได้นอน”
“พี่ฮิม” ผมหันหน้าไปมองอีกฝ่ายอย่างหวาดๆ ก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดมาถึงอย่างนั้นก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะตามหลัง จนพี่รพ พี่ไทด์ พี่วินที่ดูจะยังกินข้าวไม่เสร็จถึงกับหันมาถาม
“เล่นอะไรกัน”
“ไม่รู้!”
ไม่คุยด้วยแล้ว!!
หลังจากนั้นผมก็ขับรถไปมหา’ลัย เรียนแค่สองชั่วโมง ต่อจากนั้นทั้งหมดคือซ้อมหลีด ซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อม
วันต่อมาพี่ฮิมก็ขึ้นเครื่องไปอังกฤษ เลไม่ได้ไปส่งที่สนามบินเพราะยุ่ง ร่างสูงดูเหมือนจะเป็นกังวล เขากำชับให้ผมถือโทรศัพท์และพยายามรับสายของอีกฝ่าย
คณะวิศวกรรมศาสตร์ของเราดูเหมือนจะเริ่มคึกคักขึ้นกว่าเดิมตั้งแต่อาทิตย์ก่อน เพราะตอนค่ำไม่ได้มีแค่หลีดที่อยู่ซ้อมใต้ตึกอีกต่อไป ยังมีพี่ๆ คนอื่นมานั่งทำงานกันอยู่เต็มไปหมด ส่วนใหญ่ทำพวกอุปกรณ์ที่เอาไว้เดินขบวนพาเหรดและอื่นๆ นักกีฬาก็ซ้อมกันจนถึงดึกดื่น ถึงเที่ยงคืน ตีหนึ่ง ตีสอง ยามไล่ มหา’ลัยปิดแต่คนที่ยังไม่กลับก็มี ผมเห็นพี่และเพื่อนบางคนนอนที่ใต้ตึกวิศวะเลยด้วยซ้ำ ทำงานหนักข้ามวันข้ามคืนกันจริงๆ
ส่วนผู้นำเชียร์เราไม่จำเป็นต้องช่วยอะไรในส่วนนั้น พี่นนท์นี่บอกว่าการเป็นหลีดมันเป็นงานใหญ่และหนักอยู่แล้ว อีกทั้งทุกคนก็เข้าใจ ผมจึงไม่ได้ไปมีส่วนร่วมในการทำอย่างทำอื่นนอกจากซ้อมและซ้อม แต่ถึงอยากไปช่วยคนอื่นทำอย่างอื่นก็หาเวลาปลีกตัวไม่ได้อยู่ดี เราซ้อมหนักกว่าเดิมมาก พี่คุมผู้นำเชียร์รวมถึงพี่รหัสของผมเข้าสู่โหมดโหดอย่างจริงจัง ชนิดที่ว่าใครทำท่าผิด ก็ให้เริ่มใหม่หมด
อ้อ! คณะอื่นก็มาช่วยทำนะครับ ถึงจะบอกว่าเป็นงานของวิศวะเท่านั้น แต่งานนี้ก็ถือว่าเป็นงานใหญ่ซึ่งสามารถเป็นหน้าเป็นตาให้กับมหา’ลัย ดังนั้นเราจะด้อยกว่ามหา’ลัยอื่นไม่ได้ จึงมีคนจากคณะอื่นเข้ามาช่วยบ้าง เลได้รู้จักคนอื่นเยอะขึ้น มีคนเข้ามาขอถ่ายรูปเยอะขึ้นด้วย พี่ๆ ในบ้านที่ช่วงนี้เริ่มมาซ้อมบอลทุกวันเหมือนจะรู้ ก็เลยเรียกสามสหาย เกี๊ยก ดิน พิษ มาคอยดูผมตั้งแต่วันนั้นเลย
รู้สึกเหมือนแต่ละวันผ่านไปเร็วมาก ยิ่งใกล้ถึงวันก็ยิ่งตื่นเต้น ผมนอนแทบไม่หลับ ไปนอนกับพี่วินก็ไม่หลับ ต้องให้พี่ฮิมโทรคุยกล่อมถึงจะหลับลง กลางวันผ่านกลางคืนพ้นไป จากเหลือสามวัน ลดไปเป็นสอง จนเหลือแค่หนึ่ง และในที่สุด วันที่ผมรู้สึกตื่นเต้นที่สุดในชีวิตก็มาถึง
วิศวะสัมพันธ์
เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
(100%)
เปิดศักราชใหม่สักที เรารอคอยวันนี้มานานมากค่ะ 555555555

ติดแท็ก
#วิศวะแดนแฟนมีเกียร์ ในทวิตเตอร์
คอมเม้นท์หรือบวกเป็ดให้จะขอบคุณมากค่ะ