บทที่ 8
แว่วเสียงหัวเราะคิกคัก ตามด้วยเสียงพูดคุยตามประสาลูกผู้หญิงจากหลังบานประตู ดุจแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เพศชายอย่างผมไม่ควรเยื้องย่างเข้าใกล้ สองเท้าก้าวถอยห่างอัตโนมัติ ก่อนชนอะไรสักอย่างที่อยู่ด้านหลัง ผมรีบหันมอง กลัวเป็นพี่กระเทยคนนั้น แต่ความจริงดีกว่านั้นมากครับ
“ถอยทำไม?” พาร์ถามงงๆ ไม่สนใจสายตาผมที่มองใส่เสมือนเจอขอนไม้ขณะกำลังจมน้ำ
ผมรีบพลิกตัวหนีไปอยู่หลังมันทันที ถึงเคยสงสัย ด้านในห้องน้ำหญิงเป็นยังไง แต่ตอนนี้ไม่พร้อมเข้าไปพิสูจน์ครับ!
“เฮ้ย หลบไม”
“ก็นั่น…” ผมจับหน้าเกราะกำบังมีชีวิต บังคับให้เพื่อนเห็นสิ่งที่กำลังเผชิญชัดๆ “ตรงหน้ามึงเลย นั่นแหละ เหตุผลที่กูต้องหลบ”
“อะไรวะ ก็แค่ห้องน้ำ…”
“นะ น้อง น้อง…” เสียงติดอ่างฟังพิลึกหู ดึงความสนใจของเราทั้งคู่
หันไปเจอคนนำทาง…ผู้ถูกลืม คาดว่าพี่เขาคงพึ่งเห็นพาร์เดินตามเข้ามา ถึงได้เบิกตาโต อ้าปากพะงาบเป็นปลาขาดน้ำ ก่อนทำพวกผมสะดุ้งด้วยการแหกปากกรี๊ดเสียงแปดหลอดออกมาให้ปวดรูหู
ประตูห้องน้ำเปิดผัวะ!
สะดุ้งกันอีกหน พวกผมพร้อมใจถอยหลังหนีด้วยความตกใจ จนหลังชิดติดกำแพงของจริง
“อะไรๆ เมื่อกี้ใครกรี๊ด”
“เกิดอะไรขึ้น!?”
“มะ มะ แม่เจ้า!” พี่เจ้าของเสียงทรงพลังเมื่อครู่ ยกสองมือประสานกันตรงหน้าอกแบนราบที่ขยับขึ้นลงอย่างแรง อาการดุจคนพึ่งถูกประกาศชื่อเข้ารับรางวัลใหญ่
รุ่นพี่หญิงแท้เทียมนับสิบต่างพากันทำหน้างงใส่ ก่อนใครคนหนึ่งเอ่ยถาม “นี่แกเป็นอะไร?”
“นั่นไงยะ นั่นนะ บอกทีว่านีน่าไม่ได้ฝันไป!”
คนกลุ่มใหญ่เบนสายตาตามนิ้วชี้ มองตรงมาทางพวกผม บรรยากาศเงียบกริบจนผมเลิกลั่ก
หรือว่าห้ามพาคนของคณะคู่แข่งมา?
กำลังจะก้าวออกมาพูดเคลียร์ปัญหาที่ก่อโดยไม่รู้ตัว แต่ต้องเปลี่ยนเป็นอุดหูตัวเองแน่น เมื่อเหล่ารุ่นพี่พร้อมใจส่งเสียงกรีดร้องไม่พอ มีหลายคนตะโกนร้องเสียงดังอย่างคลุ้มคลั่ง
ผมเริ่มตาเหลือกยามแผ่นหลังตรงหน้าถอยอัดตัวผมติดกำแพงเรื่อยๆ สองมือที่คอยปกป้องรูหูจำต้องเปลี่ยนมาต้านกำแพงข้าศึก ออกแรงดันโต้กลับ…ดันออกไปก็เบียดกลับมาอีก ไม่มีที่สิ้นสุด ผมตะเบ็งเสียงใส่อย่างหมดความอดทน
“มึงจะถอยทำซากอะไร หลังกูติดกำแพงนานแล้ว”
พาร์หันขวับ ตวัดตามองกำแพง มองผม ก่อนมองไปข้างหน้าที่มีฝูง เอ้ย กลุ่มรุ่นพี่คืบคลานใกล้เข้ามาอย่างน่ากลัวกว่าเดิมอีก
“โอเค กูไม่ด่ามึงแล้ว”
ผมหันซ้ายขวาหาทางหนีรอด เจอปุ๊บคว้าแขนเพื่อนปั๊บ พากันวิ่งเลียบข้างกำแพง เตรียมโกยเต็มที่…
“หยุดก่อนพวกมึง!!” หยุดหมดทั้งฝ่ายผม ฝ่ายรุ่นพี่ “น้องตกใจถอยหนีไปนู้นแล้ว!”
ขอบคุณมากครับที่สังเกตเห็น
ฝูงซอมบี้ เอ้ย ฝูงรุ่นพี่…ผิดๆ หมายถึงกลุ่มรุ่นพี่พากันชะงัก แต่ละนางเหมือนดึงสติกลับมาได้ ในสายตาผม พวกเธอเริ่มดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าเดิมแล้ว แต่ก็ยังน่าระแวงอยู่ดี
“น้องพาร์มาทำอะไรแถวนี้คะ?”
“หรือว่านิติจะจองห้องน้ำชาย ไหงบอกไม่เอาแล้วไงคะ”
และอีกสารพัดคำถามด้วยท่วงทำนองเสนาะรูหูสุดๆ เพราะพูดลงหางเสียงทุกคำ
เป้าหมายของพวกเธอไม่ใช่ผม แต่เป็นพาร์ต่างหาก!
ผมได้ยินเสียงพาร์พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เลยเหล่มองไปหนหนึ่ง พร้อมกับคำถามต่างๆ เริ่มเงียบหาย ยิ่งเห็นเพื่อนผมเอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จา พี่คนที่ร้องห้ามคนอื่นๆ เลยถูกดันออกมาพร้อมรอยยิ้มแห้งๆ
“พี่ขอโทษแทนเพื่อนๆ ด้วยนะจ๊ะ แบบว่าน้องพาร์ค่อนข้างโด่งดังน่ะ”
อ้อเรอะ…
“น้องไม่ค่อยปรากฏตัวบนสื่อ ภาพก็แสนหายาก พอได้…” คุณเธอเริ่มบิดตัวขวยเขินดุจสาวน้อยวัยแรกแย้ม “แบบว่าได้เจอจังๆ ไม่ทันให้ตั้งตัว พวกพี่เลย…เลยสติหลุดกันน่ะจ๊ะ”
ผมชักเห็นใจคนหล่อขึ้นมาทันที…อ้อ จำได้ล่ะ รุ่นผม (หมายถึงปี1 ทั้งมหาลัย) มีห้าคนได้เกิดทันทีที่เจ๊ดาด้า (เจ้าแม่ข่าวของม.) อัพรูปลงเฟสเมื่อสองเดือนก่อน กลายเป็นห้าหนุ่มหล่อประจำปี1 ที่สาวๆ ทั้งม. ต่างอยากรู้จักทั้งนั้น (อันนี้ผมขอพูดถึงเฉพาะฝ่ายชายนะครับ ฝ่ายหญิงก็มี แต่ช่วงนั้นผมไม่ได้ตามข่าว เพราะวุ่นวายกับบางเรื่องอยู่)
สี่ในห้าเคยขึ้นเวทีประกวดเดือนมหาลัยมาแล้ว ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งสงสัยจะ…
ผมเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของเพื่อนที่ยืนเงียบผิดปกติ
น่าจะเป็นคนใกล้ตัวผมนี่แหละ
“แล้วสรุปว่าน้องพาร์มาทำอะไรแถวนี้คะ?”
หือ? ผมก้มลงมองข้อมือตัวเองที่ถูกเพื่อนกำไว้แน่น กำลังจะถาม ดันโดนกระชากมือชูขึ้นกลางอากาศ
“มาเป็นเพื่อนทีครับ”
ผมทำหน้าเหวอ เล่นอะไรวะ?! แต่พอได้สบตากึ่งร้องขอก็ได้แต่ปิดปากเงียบ คิดดูสักหน่อยก็เข้าใจเหตุผล พาร์เล่นจับผมทำยันต์กันผีไม่บอกกล่าว แต่จะเอาไปสู้ฝูงซอมบี้ตรงหน้าไหวเรอะ
สายตารุ่นพี่พร้อมใจกันมองข้อมือที่ถูกพันธนาการของผม ก่อนตวัดสายตาทิ่มแทงปนสงสัยใส่ตรงๆ ทำผมแอบผวาอีกรอบ
ขอเถอะครับ! อย่าใช้แววตาดุจมองศัตรูคู่อาฆาตแต่ชาติปางก่อนเลย
“ไม่รบกวนทุกคนใช่ไหมครับ?”
พวกเธอสายตาย้ายไปทางพาร์อีกหน แววตาแต่ละคนอ่อนหวานลงทันที ต่างกับเมื่อกี้ลิบลับ! รุ่นพี่ทุกคนต่างตอบว่าได้หมด แถมผายมือเชื้อเชิญเข้าห้องน้ำหญิง มีบริการเปิดประตูให้พร้อม
อื้อหือ! ระดับการปรนนิบัติต่างกันประหนึ่งเจ้านายกับผู้ติดตามสุดๆ
“ขอบคุณครับ” ไม่พูดเปล่า ยังดึงผมให้ออกเดินตาม เป้าหมายคือประตูที่เปิดรออยู่
เฮ้ยๆ ผมรีบรั้งให้หยุดเดินด่วน ยื่นหน้ากระซิบข้างหู แอบกลัวพวกรุ่นพี่ได้ยิน
“จะเข้าไปจริงดิ?!”
“แล้วมีทางเลือกอื่น?” มันกระซิบกลับมา
“มีอยู่แล้ว ชิ่งหนีไง” ผมรีบชี้ทางสว่างให้
พาร์ถอนหายใจ ดึงแขนลากมาอยู่ด้านหน้า สองมือประทับจับไหล่ผมแน่น กระซิบเสียงเครียดข้างหู “มึงไม่เห็นกระดาษแปะหน้าประตูเมื่อกี้?”
“กระดาษ?” ผมไม่ได้มองอย่างอื่นนอกจากป้ายรูปตุ๊กตาสวมกระโปรงสีดำด้วยสิ “มีด้วยเหรอ?”
“ตัวพิมพ์สีดำหนาใหญ่เรียงกันว่า ‘ห้องแต่งตัวลูกสาวอีคอน’ ชัดไหมมึง”
ชัดเจน! ผมเห็นชะตากรรมที่จะเกิดล่วงหน้าเลยล่ะ
“ทางเลือกของมึงเหลือแค่สอง จะเดินเข้าไปดีๆ หรือ จะโดนฉุดเข้าไป เป็นกู…จะเลือกอย่างแรกนะ”
…มีคำแนะนำแถมให้ด้วย แต่อย่าพึ่งดันสิโว้ย!
ผมจิกเท้ากับพื้น ฝืนต้านเต็มกำลัง “มึงคงไม่ปล่อยกูเข้าไปคนเดียวใช่ไหม?”
แรงดันหลังชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะมากขึ้นเหมือนอยากดันผมให้เข้าไปข้างในเร็วๆ
ชัดเลย! ไอ้บ้าพาร์กะผลักผมเข้าไป แล้วชิ่งหนีแน่ๆ เรื่องอะไรจะยอมวะ!
ผมหมุนตัวออกซ้ายลอดแขนเพื่อน วกกลับมาด้านข้าง ตวัดแขนขวากอดคอพาร์ เปลี่ยนเป็นฝ่ายจับล็อกเสียเอง
“เขาว่าสองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว” ผมกระซิบทิ้งท้าย ก่อนออกแรงลากมันเข้าดินแดนต้องห้าม
ขอบคุณการจราจรติดขัดเมื่อเช้าที่ทำให้ผมไม่ต้องเจอชะตากรรมนี้ตามลำพัง
ใช่ว่าพาร์จะยอมง่ายๆ กลายเป็นเกิดศึกยื้อยุดอยู่หน้าห้องน้ำให้เหล่าผู้ชมมองตาปริบๆ คนลากอาศัยจุดยุทธศาสตร์ได้เปรียบเป็นฝ่ายกำชัย แม้จะแค่คืบสั้นๆ ก็เริ่มเข้าใกล้ดินแดนต้องห้ามที่เปิดกว้างรออยู่ทีละนิด
“ปล่อยกู!”
“ไม่!”
“ที กูต้องไปเรียน”
“ยังไม่ถึงเวลา”
“ไอ้ที! ปล่อยโว้ย!!”
“ไม่มีทางงง!”
โอ๊ย…ลากผู้ชายตัวพอๆ กันเข้าห้องน้ำหญิงเนี่ย โคตรเปลืองแรงเลยครับ
-------------
การอยู่กลางดงผู้หญิงนับสิบไม่ใช่เรื่องน่าสนุก แต่เป็นเรื่องชวนผวาครับ
ผมผู้เคยมีประสบการณ์มาก่อนไม่ปล่อยให้เพื่อนร่วมชะตาหนีหายไปไหนแน่ ยิ่งไอ้คนข้างๆ สามารถสยบเพศหญิงได้ด้วยการโปรยยิ้มครั้งเดียว (แม้จะเป็นยิ้มเหือดแห้งก็ตาม) ผมยิ่งต้องเกาะติดหนึบหนับ เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและจิตใจ (พอกันกับพาร์ที่เลือกยืนข้างผมตลอด สงสัยคิดแบบเดียวกัน)
“ก่อนอื่นน้องทีต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า นี่จ๊ะ เดินเข้าไปด้านในสุดได้เลย มันเป็นห้องอาบน้ำ”
ผมรับเสื้อยืดแขนสั้นสีดำกับกางเกงเลขายาวสีส้มจี๊ดมาถือ แน่นอนไม่ลืมลากไอ้คนข้างๆ ติดมือไปด้วยกัน ทางเดินมีแค่หนึ่ง แต่แทนที่จะเจอกำแพงตัน กลับเจอประตูครับ ติดป้ายบอกชัดเจนว่าเป็นห้องอาบน้ำ
ข้างในกว้างมาก น่าจะมากกว่าฝั่งห้องน้ำชายซะอีก ดูสะอาดเรียบร้อย แบ่งพื้นที่ด้านหน้าเป็นโซนเปลี่ยนเสื้อผ้า มีกระจกเงาขนาดเต็มตัวบานเล็กติดไว้ มีชั้นวางของ…โอ้โห มีกระทั่งสบู่แชมพูขวดเล็กๆ วางเรียงเตรียมให้พร้อมสรรพ ไม่ต้องพกมาเองเลยครับ
ส่วนด้านในเป็นโซนอาบน้ำ อยู่หลังม่านพลาสติกลายน่ารัก พื้นที่ส่วนนี้ใช้แค่หนึ่งในสาม ผมมองหาฝักบัวไม่เจอ…เจอแล้วครับ อยู่ด้านบนเกือบติดเพดานนี่เอง อันใหญ่มาก เปิดปุ๊บน้ำน่าจะกระจายลงมาเป็นวงกว้าง...ผมโดนเคาะหัวเรียกสติ ลูบหัวปอยๆ ระหว่างมองคนกระทำยืนกอดอกปั้นหน้ายักษ์อยู่ไม่ห่าง
…อ้อ ต้องเปลี่ยนชุดนี่หว่า
ผมรีบพาดชุดในมือไว้ไหล่ซ้ายของคนตรงหน้า พอมือว่างก็เริ่มปลดกระดุมชุดนักศึกษาอย่างเร็ว ถอดออกก็ฝากไว้ที่ไหล่ขวาพาร์ คว้าเสื้อยืดสีดำมาสวมหัว
ผัวะ!
“อะไร” ผมร้องออกมาทันทีที่โดนมันเตะสูงถึงก้น ไม่เจ็บหรอกครับ พาร์ไม่ได้เตะแรง มองหน้าปุ๊บก็เดาออกว่า มันทำเพราะอารมณ์หมั่นไส้ล้วนๆ
“กูต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถาม”
“ถามว่า?” ผมถามไปสอดแขนเข้าเสื้อไป
“ลากกูเข้ามาทำบ้าอะไร”
ผมเริ่มปลดเข็มขัด แอบกวนประสาทมันเล็กน้อยแก้เครียด “ดูกูเปลี่ยนเสื้อผ้ามั้ง” ทั้งที่รู้ว่าถูกถามเรื่องลากมันเข้าห้องน้ำหญิงทำไม มาคิดดู พาร์ไม่มีธุระปะปังกับกลุ่มอีคอนจริงๆ นั่นแหละ
“จะให้มองอะไรอีก เห็นจนเริ่มชินแล้วเถอะ”
ผมหัวเราะทันที จริงครับ ผมก็เริ่มชินเหมือนกัน “เอาน่า อยู่เป็นเพื่อนก่อน”
พาร์ขมวดคิ้วทันที ผมไม่สนใจถอดกางเกงออก มันกระชากกางเกงผมไปถือให้ ยื่นกางเกงเลมาก็รับมาจับสวมสิ แต่พอผูกเชือกเสร็จกลับโดนพาร์ดึงออก จับผูกให้ใหม่
“ผูกแบบมึงกระโดดสองทีก็หลุดแล้ว”
“กูไม่ค่อยใช้กางเกงแบบนี้นี่หว่า” ผมว่า ก้มมองดูมือที่ผูกเชือกให้
“ใส่สบายดีออก มึงก็เห็นกูใส่นอนประจำ”
เออวะ ชุดนอนประจำตัวของพาร์คือกางเกงเลกับเสื้อกล้ามครับ น้องเบอร์ดี้ก็เห็นใส่กางเกงเลแบบขาสั้นบ่อยๆ…เดี๋ยว ผมโดนเปลี่ยนเรื่องนี่หว่า!
“สรุปมึงจะอยู่…” เสียงขาดหายกะทันหัน หลังผมเหลือบเห็นตรงช่องใต้ประตูเดี๋ยวมีแสงเดี๋ยวเป็นเงามืดชวนฉงน เพ่งดูมากเข้าก็เห็นลูกตาคู่หนึ่งกรอกไปมา
“เฮ้ย?!”
ผมกระโดดถอยหนีทันที ไหล่กระแทกชั้นวางของใกล้ๆ เสียงของหล่นยังดังน้อยกว่าเสียงหัวใจผมเต้นอีก
“อะไร!” พาร์หันขวับ ท่าทางตกใจตาม
“นั่นๆๆ”
พาร์มองตามนิ้วผมชี้ สักพักก็หันกลับมา หน้ามีแต่เครื่องหมายคำถาม
ผมทำใจสักพักค่อยหันมองใหม่ ช่องใต้ประตูไม่มีเงามืดหรือของสั่นประสาทแล้ว ใจเริ่มสงบลง ตั้งสติก็นึกได้ว่า นั่นมันประตูเข้าออกห้องอาบน้ำ ข้างนอกอยู่กันตั้งสิบกว่าคนนี่หว่า คิ้วเริ่มขมวดชักเอะใจสงสัย แต่…พวกรุ่นพี่เนี่ยนะจะเล่นพิเรนทร์ก้มส่องช่องใต้ประตูดูรุ่นน้องผู้ชายเปลี่ยนเสื้อผ้า?
ไม่หรอกมั้ง แล้วถ้าไม่ใช่รุ่นพี่ งั้นไอ้ที่ผมเห็นมันคืออะไร…
“ไอ้ที!” เสียงพาร์ทำผมสะดุ้งโหยง ใจแทบร่วงหล่น “เหม่ออะไร เก็บของแล้วออกไปกันได้แล้ว พี่เขารอมึงอยู่”
“อะ อือ”
ผมพึ่งสังเกตว่า ทำขวดสบู่แชมพูหล่นกระจายเต็มพื้น ก้าวเท้าเตรียมก้มเก็บขวดพลาสติกกลมเล็กตรงหน้า…
“ระวังเท้า!”
โครม!
ผมล้มหน้าคว่ำหลังไปเหยียบอะไรสักอย่างเข้า บอกช้าไปนะเพื่อน แต่ยังดีมีน้ำใจเข้ามาช่วยเหลือ และคงดีกว่านี้ถ้ามองพื้นให้ดีก่อนวิ่งเข้ามา ผมดันตัวเองขึ้นจากคนนอนเป็นเบาะเบื้องล่าง ถอยมานั่งบนพื้น อีกมือบีบจมูกรู้สึกเลยว่าเลือดกำเดาจะไหล
แหมะๆๆ
นั่นไง ไหลหยดลงพื้นแล้ว
“เฮ้ย! เลือดออกเลยเรอะ”
พาร์เด้งตัวขึ้นนั่งมองผม ท่าทางตกใจเกินคาด ผมโบกมือข้างที่ว่างสื่อว่าไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าเมื่อกี้ไม่ไปกระแทกโดนฟันพาร์เข้า ผมคงไม่ต้องเสียเลือดหรอก
“ขอทิชชู่” ส่งเสียงอู้อี้ เพราะบีบจมูกห้ามเลือดอยู่
พาร์รีบยันตัวขึ้นยืน ผมชำเลืองมองเห็นมันเบ้ปากนิดหน่อยระหว่างจับหลังหัว
...ก็นะ เล่นหงายหลังเพราะเหยียบขวดแชมพู ไม่ก็สบู่ หรืออาจเป็นของเหลวที่หกเลอะออกมา นึกแล้วก็อยากถอนหายใจสักที จะล้มเป็นเพื่อนก็ไม่ว่า แต่ทำไมต้องมาคว้าแขนผมที่กำลังเสียหลักอยู่แล้วด้วยเล่า จับไปก็ไม่ได้ช่วยพยุงตัว แถมยังพากันล้มเร็วกว่าเดิม เจ็บตัวไปตามๆ กัน
“หัวแตกปะ?”
ผมถามเสียงอู้อี้ หลังเห็นมันยืนคลำหัวอยู่นาน พาร์ส่ายหน้า ล้างมือหยิบทิชชู่ม้วนเป็นแท่งเตรียมให้ยัดจมูก ผมรับมาสอดทีละอัน
“ไปล้างมือก่อน”
ผมมองมือเปื้อนเลือดตัวเอง ลุกเดินไปล้างอย่างว่าง่าย หันกลับมาก็พบว่าพาร์ช่วยเก็บของหล่นตามพื้นกลับคืนที่บางส่วนแล้ว เลยตรงเข้าไปช่วยเก็บ บางส่วนที่ใช้การไม่ได้ลงไปนอนในถังขยะ จนเหลือแค่หยดเลือดกับของเหลวสีขาวที่เป็นสบู่ไม่ก็แชมพูบนพื้น ผมเลือกจัดการรอยเลือดตัวเองก่อน แบ่งพื้นที่ทำงานจะได้เสร็จเร็วๆ ทิชชูทั้งม้วนถูกพวกผมใช้ไปเกือบหมด
หลังจัดการเรียบร้อย กำลังมองหาที่นั่งพิงหลัง…
“ฟังกูอยู่ไหม?”
ผมไม่ตอบ แต่นั่งลงพื้นก่อน มีคนเสนอมผมก็ไม่ขัดหรอก พอพาร์นั่งลงตาม ผมก็ขยับตัวหันหลังพิงหลังอีกฝ่าย ทำแบบนี้สบายดีครับ
“เอานี่” ผ้าเช็ดหน้าเปียกหมาดๆ ถูกยื่นข้ามไหล่มา
“ก็รู้วิธีปฐมพยาบาลนี่กว่า แล้วไหงเมื่อกี้ดูทำอะไรไม่ถูกล่ะ” ผมถามระหว่างพับผ้าเช็ดหน้าวางแถวสันจมูก
“แค่จำได้เพราะเคยกำเดาไหลมาก่อน แต่เป็นเองกับเห็นคนอื่นเป็น ความรู้สึกต่างกันนี่ กูตกใจก่อนนึกได้ว่าต้องช่วยก็ไม่เห็นแปลก”
“นึกว่าชินจากน้องซะอีก” อย่างผมไง
“เบอร์ดี้ไม่ค่อยซนหรอก”
หือ? ทวนความจำที่มีก็เผลอย่นคิ้ว ทำไมผมเป็นคนทำแผลให้สองสาวประจำล่ะ ดีหน่อยตั้งแต่เข้า ม.1 น้องทั้งสองยังไม่มีแผลกลับมาให้เห็น
ก๊อกๆๆ
พวกผมหันมองประตู ได้ยินเสียงรุ่นพี่กระแอมไอ เอ่ยขออนุญาตเข้ามา ประตูเปิดออกทันทีเพราะไม่ได้ล็อก เห็นบรรดาไทยมุงออกันอยู่ด้านหน้า สายตาแต่ละคนประหลาดอย่างยิ่ง หลากหลายความรู้สึกจนผมอ่านไม่ออก
“ขอโทษที่รบกวน แต่พี่ช่างทำผมมาแล้ว กำลังรอน้องทีอยู่ข้างนอกค่ะ เอ่อ แล้วน้องทีไหวไหม”
ผมยันตัวลุกขึ้นยืน ลองดึงทิชชู่ออกมา ก้มหน้าแล้วรอสักพัก
“หยุดยัง?” พาร์ถาม ผมพยักหน้า ดึงทิชชู่อีกข้าง โยนทิ้งถังขยะ
“เสื้อผ้าน้องทีใส่ถุงนี่เลยค่ะ จะเอาไปเก็บที่รถก่อนก็ได้”
รุ่นพี่ยื่นถุงพลาสติกใสใบใหญ่ให้พาร์ พึ่งเห็นว่าระหว่างผมนั่งรอกำเดาหยุดไหล มันเอาเสื้อผ้าผมมาพับเล่นฆ่าเวลาล่ะมั้งถึงได้อยู่ในสภาพเรียบร้อยพร้อมลงถุงทันที
“ได้ครับ งั้นผมขอเอาไปเก็บก่อน...”
“เดี๋ยวค่อยไปก็ได้” ผมแย้งทันที
พาร์เลิกคิ้วให้ผม ก่อนยิ้มขำ “เดี๋ยวมา”
มันทิ้งท้ายอย่างนี้ ผมค่อยสบายใจหน่อย
-------------