บทที่21
จบรายการแต่งหน้า ก็เป็นรายการแต่งตัวที่น่าปวดหัว
“แม่ไม่ใจร้ายบังคับลูกหรอก เลยมีสามทางให้ทีเลือก”
แค่เกริ่น ผมก็ไม่อยากฟังแล้ว แต่คุณนายแบมือออก ปล่อยน้ำ (ผู้เสนอตัวเป็นลูกมือ) หยิบของในถุงส่งถึงมือทีละชิ้น “เลกกิ้ง ถุงน่อง…” แม่พูดต่ออย่างลื่นไหล ไม่ชายตาแลสิ่งของ
ผมหรี่ตาลง คู่นี้เตี้ยมกันมาแน่ๆ
“หรือลูกอยากโกนขนหน้าแข้ง แม่ไม่ขัด แถมสนับสนุนด้วย”
ผมผงะกับตัวเลือกสุดท้าย รีบตอบแบบไม่ต้องคิด “เลกกิ้งครับ!”
“แหม น่าเสียดายจัง แต่ว่าเป็นหมาป่าทั้งทีต้องมีโชว์นิดๆ หน่อยๆ ดังนั้นแม่ขอเสนอนี่จ๊ะ”
ผมอ้าปากเหวอเมื่อได้เห็นเลกกิ้งในมือแม่ ช่วงต้นขาด้านหน้าโดนกรีดเป็นริ้วๆ แถมรอยกรีดทั้งสองขายังไม่เท่ากันอีก คือมันก็สวยดีหรอก แต่พอคิดว่าต้องมาอยู่บนขาตัวเองแทนที่จะได้เห็นจากสาวๆ ผมก็เผลอกลืนน้ำลายลงคอ
“สีดำช่วยอำพลางให้ขาลูกดูเล็กลง แถมหน้าขาทีไม่ค่อยมีขนอยู่แล้ว แม่ว่าแบบนี้เหมาะกับลูกที่สุด แต่ถ้าไม่ชอบ แม่แนะนำใส่ถุงน่องสีเนื้อกับขาสั้นแทนก็ได้นะลูก”
ผมแทบผงะกับขาสั้นของแม่ คือมันจะสั้นไปไหน!
“ถ้าลูกไม่ชอบถุงน่อง จะโกนขนหน้าแข้งออก แม่ยิ่งยินดีเข้าไปใหญ่”
“เป็นเลกกิ้งดีแล้วครับ!”
“โอเค ต่อไปเรื่องท่อนบน…”
ผมลุ้นระทึกยามแม่คลี่เสื้อตัวแรกให้ดู เป็นเสื้อกล้ามชายสายเดี่ยวสีดำครับ ค่อนข้างรัดรูป เห็นแล้วผมพ่นลมโล่งอกออกจากปากทันที อย่างน้อยแม่ก็ยังปรานีผมบ้าง
“ไปใส่ในห้องน้ำเลยจ๊ะ?”
ผมทำตามอย่างว่าง่าย แต่พอเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา กลับต้องผงะ เพราะแม่เล่นกางเสื้อคลุมผ้าถักสีขาว คอกว้าง แขนเสื้อก็กกว้างยาวเลยข้อศอกนิดหน่อย ชายเสื้อเป็นพู่ๆ ห้อยลงมา
เอ่อ แบบนี้เรียกว่านำเสนอถึงหน้าห้องน้ำ…ก็คงไม่ผิด
“แม่ครับ…คือ…” ผมชี้ไปที่เสื้อในมือแม่แบบหวั่นๆ
“แม่ชอบตัวนี้ที่สุดเลยลูก ดังนั้นลูกต้องใส่!”
ว่าแล้ว!
ผมจำใจรับเสื้อคลุมมาสวมทางหัว เรียบร้อยก็ปล่อยแม่จัดการจัดทรงผม หูหาง เสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง แถมยังจับเสื้อคลุมให้เปิดไหล่ผมโชว์แค่ด้านเดียวอีก
“อืม…แม่ว่าเปลี่ยนวิกดีกว่า ทรงนี้ไม่ค่อยเข้ายังไงไม่รู้…รอตรงนี้นะลูก เดี๋ยวแม่เอามาให้ลอง”
“เดี๋ยวครับ!”
ไม่ทันแล้ว ไม่ถึงสองนาที แม่เล่นยกมาทั้งกล่อง ผมรีบระบุความต้องการก่อนเลย
“ไม่เอายาวมาก มัดได้ยิ่งดี!”
แม่กระพริบตา “งั้นเอายาวประมาณอก ผมหน้าม้า สไลด์ข้างนิดหน่อย เป็นลอนอ่อนๆ นี่ก็แล้วกัน…ย่อเลยลูก เร็วๆ อย่าอิดออด”
ผมพ่นลมหายใจ ย่อตัวให้แม่วางวิกที่ว่าใส่ คราวนี้เป็นสีน้ำตาลอ่อน ก่อนโดนลากเข้าห้องน้ำไปอยู่หน้ากระจก แบ่งเส้นผมเป็นสองส่วนจับตวัดมาข้างหน้าส่วนละฝั่ง แค่เริ่มต้นก็รู้เลยว่าแม่กะจับมัดสองข้าง
“อยากได้มัดสูงหรือต่ำดี?”
ผมนึกภาพตามแล้วเบ้ปากทันที “เอ่อ ทีว่าไม่ต้องมัดดีกว่า”
“แม่ตามใจลูกเลย ก้มมาให้แม่ติดหูก่อน”
แม่จัดเส้นผมให้เข้าที่เข้าทางอีกรอบ เรียบร้อยก็โดนดึงตัวไปโชว์ให้คนในครอบครัวที่นั่งรออยู่ตรงโซฟาเห็น ยัยน้ำเสียงเสียงร้องชอบใจทันที
“ว้าว! พี่น่ารัก แอบเซ็กซี่นิดๆ ด้วยอ่ะ”
“ใช่ไหมล่ะ” แม่พูดยิ้มๆ “แบบนี้เขาเรียกว่าอ่อนหวานปนเซ็กซี่จ๊ะ”
พ่อหัวเราะใหญ่ “เยี่ยมเลย!”
น้องอันมองคนนู้นคนนี้ ก่อนพูดบ้าง “น่ารัก”
เชื่อผมเถอะ เจ้าตัวเล็กแค่พูดตามพี่สาว
“ส่วนรองเท้า ใช้บู้ทนะลูก แม่วางไว้ให้อยู่หน้าบ้านแล้ว”
“อย่าบอกนะว่าส้นสูง!”
“ส้นเรียบจ๊ะ แม่ไม่อยากให้ลูกไปเดินสะดุดล้มที่ไหนอีก อ้อ ยาวประมาณหน้าแข้งแบบที่ลูกชอบด้วย”
ผมขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล แถมแม่ยังแปลกๆ คือยังไงดีแบบว่า กึ่งบังคับกึ่งตามใจ ทั้งที่ทุกทีผมต้องตามใจแม่ตลอด
“ตามพาร์ลงมาเร็ว แม่จะได้จับแต่งตัวต่อ”
ฮะ? พาร์ก็โดน?
“น้ำไลน์บอกเบอร์แล้วค่ะ น่าจะกำลังลงมา”
“ที พ่อขอถ่ายรูปหน่อย”
ยังไม่ทันตอบ เจ้าตัวเล็กก็โผมากอดขา พ่อเลยรัวชัตเตอร์ใหญ่
“สองหมาป่ามองกล้องหน่อยเร็ว ยิ้มหวานๆ ด้วย”
ร่างกายผมทำตามอัตโนมัติ พอตั้งสติได้พ่อก็กดถ่ายรูปไปแล้ว
…ความเคยชินนี่น่ากลัวจริงๆ
“ทีมองกล้อง คลี่ยิ้มด้วย นั่นแหละ”
แชะ
“อ้ายยย! พี่ทีน่ารัก!!”
ผมที่ยังคลี่ยิ้มค้าง หันมองตามเสียงร้องเบอร์ดี้ เจอสองพี่น้องตระกูลกอล์ฟกำลังเดินลงบันไดมาพอดี
อ่ะ เฮ้ย!
โครม!
เสียงหนักๆ กระแทกพื้นไม้ดังสนั่น น่าจะเรียกทุกคนในบ้านหันมองเป็นตาเดียว เจ้าของเสียงโครมครามเมื่อครู่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนตรงที่พักเท้ากลางบันได
“เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะพาร์?”
แม่ร้องถามด้วยความเป็นห่วงคนตกบันได คนเจ็บได้น้องสาวช่วยประคองตัวลุกขึ้นยืน
“ผมไม่เป็นอะไร เอ่อ แค่…”
สายตาพวกผมประสานกันแค่ครู่เดียว พาร์ก็หลบสายตาหนีกันดื้อๆ
“พี่เขาแค่เหยียบบันไดพลาด เลยลื่นไถลลงมาค่ะ”
เบอร์ดี้ต่อให้ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ แว่วเสียงยัยน้ำหัวเราะคิกคักเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรแน่นะ?” แม่ถามย้ำ
พาร์พยักหน้ายืนยัน
“ถ้าไม่เป็นไรก็ลงมาถ่ายรูปกันเร็ว” พ่อเอ่ยชวน
“เดี๋ยวค่ะ จับพาร์แต่งตัวก่อน”
…โชคดีนะเพื่อน แล้วจะรอดูว่าจะออกมาสวยแบบไหน
เวลาผ่านไปสิบห้านาที
แม่ลำเอียง!!
ผมทำหน้าบูดใส่คนพึ่งแต่งตัวเสร็จ
บนตัวพาร์ตอนนี้สวมเสื้อแขนกุดสีดำกับกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ โดนจับใส่วิกผมสีดำตัดสั้นทรงอย่างเท่ ใส่หางหมาป่ากับหูหมาป่าสีดำ แต่งหน้านิดหน่อยให้ขึ้นกล้อง ออกมาดูดีมากในแบบที่สาวๆ เห็นเป็นต้องร้องกรี๊ด ไม่ต้องมองหาตัวอย่างที่ไหนไกล นู้น สองสาวขอถ่ายรูปพี่พาร์ลงมือถือรัวๆ อยู่นั่นไง
ผมก็ลูกชายนะ ทำไมไม่จับผมแต่งตัวเท่ๆ แบบนั้นบ้าง!
“หมาป่าดำถือกำเนิด พาร์นี่หล่อจริงๆ แต่น้าว่าโล่งไปหน่อย จับใส่เครื่องประดับสักหน่อยก็ดีนะแม่”
“อ้อ แม่เตรียมให้แล้ว วางอยู่บนโต๊ะกระจก สองสาวเอาไปใส่ให้พี่เขาหน่อย”
น้องทั้งสองตอบรับ ยัยน้ำเดินมาใส่ให้ผมถึงที่ เบอร์ดี้เอาไปใส่ให้พาร์
แม้แต่เครื่องประดับยังต่าง!
“พี่เก็บอาการหน่อย แบบว่าแววตาพี่อิจฉาตาร้อนมาก”
ผมไม่เถียง เพราะมันคือความจริง!
“เอาล่ะ กลุ่มหมาป่าออกเดินทางไปก่อนเลย ส่วนลูกแมวน้อยรอไปพร้อมพวกพ่อ”
“ไป? ไปไหนครับ?” ผมรีบถามด้วยความมึน
“บ้านของการันต์”
มันเป็นชื่อร้านอาหารสไตล์ครอบครัวครับ แค่ได้ยินผมก็นึกถึงเพื่อนสนิทลุงนิกทันที ผมกำลังจะอ้าปากถาม แต่เหลือบไปเห็นปฏิทินแขวนเข้าก่อน
วันนี้มันสิ้นเดือนนี่หว่า บ้านของการันต์มีจัดกิจกรรมครับ ให้ลูกค้าแต่งคอสเพลย์ไปเซอร์ไพส์ลูกค้าคนอื่นได้ (จำกัดเดือนละครอบครัว) จะถูกเรียกว่า ‘ลูกค้าพิเศษ’ ของรางวัลคือได้กินฟรี ใครสนใจทางร้านจะให้ลงชื่อกับเบอร์โทรสำหรับติดต่อไว้ในกล่อง แล้วจะจับฉลากในวันที่หนึ่งของทุกเดือน เพื่อให้มีเวลาเตรียมตัว และอีกกิจกรรมหนึ่งจะมีหมอมาตรวจสุขภาพฟรีด้วยครับ ซึ่งทั้งสองกิจกรรมไม่มีใครรู้ว่าจะเริ่มตอนไหน จะได้เจอไหมอยู่ที่ดวงล้วนๆ ครับ
“พวกพ่อไปสมัครกิจกรรมตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“พ่อเปล่า”
“แม่ก็เปล่า”
“อ้าว แล้ว…”
“พี่รันต์โทรมาขอความช่วยเหลือเมื่อเย็นเองลูก บอกว่าครอบครัวที่นัดแต่งคอสเพลย์วันนี้โทรมายกเลิกตอนเที่ยง จะโทรติดต่อลูกค้าคนอื่นก็ไม่แน่ใจว่าจะมีใครเตรียมตัวทัน เลยโทรมาหาพ่อ เพราะนึกได้ว่าทีชอบแต่งคอสฯ บ่อยๆ”
ผมแยกเขี้ยวใส่พ่อทันที “ใครชอบแต่งคอสฯ กัน!”
“โอเค” พ่อรีบชูสองมืออย่างยอมแพ้ “พ่อใช้คำผิดเอง สรุปคือบ้านเราอุปกรณ์พร้อม น่าจะช่วยได้ พอดีแม่กำลังจับน้องอันแต่งตัวอยู่ พ่อเลยตอบตกลงไป”
ผมพ่นลมหายใจ “ผมไม่ได้ว่าเรื่องช่วยลุงรันต์นะครับ แต่ทำไมไม่บอกกันก่อนเล่า! จู่ๆ ก็จับแต่งตัว นึกว่าแค่ถ่ายรูปเล่นซะอีก”
“ก็ว่าจะถ่ายเล่นนะ แต่จะเอาไปถ่ายที่บ้านของการันต์ อีกอย่างสิทธิ์ลูกค้าพิเศษไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ ต้องใช้ให้คุ้ม”
ผมเบ้ปาก “ปกติก็ได้ลดราคาอยู่แล้วนี่ครับ”
“แต่คราวนี้ฟรีทุกรายการ แม้แต่เมนูพิเศษ อีกอย่างพ่อว่าจะให้กระจายเป็นสามกลุ่ม กลุ่มหมาป่าไปโซนสนามหญ้า กลุ่มแมวเหมียวอยู่โซนห้องนั่งเล่น ส่วนพวกพ่อจะอยู่โซนระเบียงเอง”
ผมขมวดคิ้วรู้สึกเอะใจเล็กๆ “อย่าบอกนะว่าพวกพ่อก็จะแต่งคอสฯ ด้วย?”
พ่อยิ้ม “พี่รันต์บอกว่าเห็นแต่เด็กๆ แต่งคอสฯ ไม่ตรงกับจุดประสงค์ที่อยากให้ทั้งครอบครัวคอสเพลย์ เลยอยากให้พวกพ่อไปสร้างกระแสหน่อย”
“แล้วโซนดาดฟ้า?”
“อ้อ นั่นก็ของพ่อ ไว้ดึกๆ จะแวะขึ้นไปสร้างสีสัน งานนี้ร้านไม่ปิด เราไม่กลับ เพราะงั้นกลุ่มหมาป่าไปเป็นทัพหน้าให้พวกพ่อหน่อย”
ผมยกมือเบรกพ่อ “ผมขอจับน้องอันเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ไปที่นั่นน้องต้องไปเล่นเครื่องเล่นสนามแน่ ชุดที่ใส่อยู่ตอนนี้ไม่เหมาะครับ”
“เอ่อ แต่น้องต้องติดหูกับหางนะลูก แม่เลยว่าจะงด”
ผมส่ายหน้าไม่เห็นด้วยทันที ได้แต่จ้องคนอื่นเล่น น่าสงสารแย่
“ถ้าแม่จะให้น้องใส่ชุดนี้ไปโชว์คนอื่นก็ได้ แต่ทีขอเอาชุดพละไปเปลี่ยนให้น้องที่นู้นนะครับ”
พ่อยกมือห้ามไม่ให้แม่พูด “ตามใจลูกเลย งานนี้พ่อยกให้ทีกับพาร์ดูแลน้องอัน”
“อ้าว พวกน้ำล่ะ?”
“พวกลูกโตพอแก้ไขสถานการณ์เองได้แล้ว แต่ถ้ามีปัญหาขึ้นมาจริงๆ บอกพี่พนักงาน หรือวิ่งมาหาพ่อแม่หรือไปหาพี่ๆ ก็ได้ ยังไงก็อยู่ใกล้กัน อีกอย่างพวกพ่อหรือพี่ๆ ก็คอยสังเกตอยู่เรื่อยๆ ไม่ต้องกลัว…มีใครจะถามอะไรพ่ออีกไหม?”
พวกผมเงียบ
“ถ้าไม่มีก็แยกย้าย ใครจะเตรียมเอาอะไรไปก็หยิบกันเลย พวกพ่อขอแวบไปแต่งตัวก่อนล่ะ กลุ่มหมาป่าพร้อมแล้วก็ออกกันไปเลย”
“ครับ”
ผมรับคำ ทิ้งเจ้าตัวเล็กไว้ข้างล่าง ดึงพาร์ไปชั้นบนด้วยกัน
“เอากูขึ้นมาด้วยทำไม”
“เดี๋ยวกูไปเตรียมของให้น้องอัน ส่วนมึงเข้าไปเอากุญแจรถ กระเป๋าเงิน กับมือถือให้กูหน่อย อยู่ในเป้ทั้งหมดนั่นแหละ แล้วมึงจะเอาอะไรไปก็พกออกมาเลย”
แยกกันทำงาน เสร็จเร็วดีครับ
ผมเปิดประตูห้องน้องอันทิ้งไว้ ไม่ได้เปิดไฟ ให้แสงจากทางเดินสาดเข้ามาในห้องแทน เดินหลบหลีกกองของเล่นกับพวกหนังสืออย่างเคยชิน สงสัยต้องบังคับเจ้าตัวเล็กเก็บของในห้องอีกแล้ว บางชิ้นถ้าโดนเหยียบคงพัง ผมก็ก้มเก็บให้ก่อน
พาร์หยิบของเร็วกว่า แปบเดียวก็แวะมาหาผม พร้อมกับเจอสิ่งขีดขวางบนพื้น
“ไม่ต้องเก็บ เดี๋ยวน้องอันเคยตัว มึงมานั่งนี่ ช่วยพับชุดพละดีกว่า”
ผมโยนชุดพละน้องลงเตียง ปล่อยพาร์พับไปครับ ผมจำได้ว่าน้องมีเป้ผ้าอยู่ ค้นหาสักพักก็เจอ โยนไปทางเตียงให้พาร์เอาไปใส่ ผมปิดตู้เสื้อผ้า เดินเข้าไปหา
“ของกูใส่ไว้ในเป้น้อง…เฮ้ย!”
ผมเหยียบโดนอะไรบางอย่าง ขาไถลพรืดไปด้านหลัง ตัวพุ่งไปข้างหน้า วิดได้เอาหน้าฟาดขอบเตียงน้อง ดีที่พาร์กระชากตัวผมให้ล้มที่เตียงทันเวลา
โคมไฟหัวเตียงกระพริบครั้งหนึ่ง ก่อนจะปล่อยแสงสีส้มกระจายไปทั่วห้อง
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“เกือบ” ผมพลิกตัวนอนหงาย เสยผมยาวยุ่งๆ ออกจากหน้า “ขอบใจ”
“มึงเหยียบรถน้อง”
พาร์ชูของเล่นที่เกือบทำผมหน้าแหก มันเป็นรถของเล่นแบบที่ให้เด็กใช้มือจับไถเอาครับ
“วางหัวเตียงเลย” ผมชี้สถานที่สถิตของในมือพาร์ มีพรรคพวกจอดรออยู่หลายคัน
พาร์ยันมือข้างหัวผม โน้มตัวข้ามผ่าน เอาของไปวางคืนที่เรียบร้อย ก่อนก้มมองผมที่อยู่ด้านล่างตัวมัน แล้วก็มองค้างอยู่อย่างนั้น นานจนผมขมวดคิ้วสงสัย
“พาร์?”
พาร์หลุดจากภวังค์ แต่แทนที่จะลุกออกไป กลับไล่สายตากวาดมองสำรวจผมช้าๆ แววตาค่อยๆ แปรเปลี่ยน ดูกระหายหิวแปลกๆ
มันกำลังทำอะไร? สวมบทหมาป่า…อืม เหมือน ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนเป็นเหยื่อที่โดนหมาป่าตัวร้ายตะครุบได้เลยล่ะ ด้วยความอยากรู้ว่าเพื่อนจะเล่นอะไร ผมเลยนอนดูนิ่งๆ
พาร์หายใจแรงขึ้น ค่อยๆ โน้มหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนผมเป็นฝ่ายหันหน้าหลบซะเอง สู้ไม่ไหวครับ อย่างกับจะโดนจูบ แต่ทำไมมันไม่หยุด ใกล้จนต้นคอผมสัมผัสถึงลมหายใจร้อนรินรด
มากไปแล้วมั้ง!
วูบหนึ่งผมเผลอคิดเลยว่ามันโดนวิญญาณหมาป่าเข้าสิงหรือเปล่า ถึงคิดจะขย้ำต้นคอเหยื่อ…
“เฮ้ย!”
ที่ตกใจไม่ใช่อะไร แต่พอมันขยับแนบชิดมากเข้า ต้นขาผมเหมือนสัมผัสถึงบางอย่างที่ทำให้ผมตาสว่างทันใด
นี่ผมกำลังโดนคุกคามทางเพศนี่หว่า!
“พาร์ หยุดๆ…”
ผมรีบดันอกพาร์ออกห่าง อีกมือจัดการปิดปากดันหน้ามันออกด้วย แม่งเอ้ย โดนปลุกสัญชาตญาณหมาป่าตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย! นี่ถ้าผมรู้สึกตัวช้ากว่านี้อีกนิดจะเกิดอะไรขึ้น ไม่อยากนึกเลยครับ
ผมสะดุ้งโหยง มันเลียฝ่ามือผมอ่ะ
“พาร์! ไอ้พาร์โว้ย! มึงตั้งสติหน่อย อย่าให้รูปลักษณ์ผู้หญิงหลอกมึงสิ!”
เตือนสติไปแล้ว ถ้าไม่ได้ผลอีก มันได้เจ็บตัวแน่!
ผมจ้องคนด้านบนนิ่ง ในใจเริ่มนับถอยหลัง แต่เหมือนคำพูดเตือนสติของผมจะสื่อไปถึง พาร์ดูจะได้สติกลับมา แถมยังทำหน้าตกใจ รีบผละอย่างไวไม่พอ ยังลุกพรวดเดินดุ่มๆ ไปไหนไม่รู้ ผมดันตัวขึ้นนั่งก็พบว่าพาร์กระแทกประตูห้องน้ำปิดไปแล้ว
เฮ้อ…
ผมลูบหน้าปลอบขวัญตัวเอง สงสัยหลังจากนี้ผมคงประมาทไม่ได้อีกแล้ว
หลังพาร์หายเข้าไปในห้องน้ำสิบกว่านาที คนในบ้านก็แห่กันขึ้นมาเมียงมองอยู่หน้าประตูห้องน้องอัน
“…ทำอะไรกัน?”
“เอ่อ พาร์ล่ะลูก?”
ผมชี้ห้องน้ำโดยไม่ละสายตาจากพ่อแม่…เสือดำกับเสือดาวครับ
ฝ่ายพ่อ เสื้อคอเต่าสีดำ (ขอเดาว่ามันต้องบาง ไม่งั้นพ่อคงไม่ใส่หรอก) ถลกแขนเสื้อยาวขึ้นมาถึงศอกเพิ่มความเท่ กางเกงยีนส์สีดำ ผมยุ่งๆ เหมือนผ่านการขยี้มาหมาดๆ อื้อหือ…ดูเด็กกว่าเดิมโข
ส่วนแม่ เสื้อตัวในเอวลอยนิดๆ สีดำ ใส่สูทลายเสือดาวทับ กางเกงขาสั้นได้ใจสีดำ แถมบู้ทเลยเข่าลายเสือดาวอีก หูย สวยครับ…พ่อยอมให้แม่แต่งแบบนี้ได้ไงเนี่ย
“แอ่ม เอ่อ ที จะทำอะไร ปิดประตูไว้หน่อยก็ดีนะลูก”
“ฮะ?”
“คือเสียงมันลงไปถึงชั้นล่างเลยลูก เสียดายแม่ฟังไม่ถนัด เลยรู้แค่ลูกกำลังร้องห้ามพาร์เสียงหลงเท่านั้นเอง”
ผมอ้าปากเหวอ แค่มองตาพ่อแม่ เลยไปถึงสองสาวก็รู้แล้วว่าโดนเข้าใจผิดไปไกลโข ไม่ทันได้แก้ต่าง ประตูห้องน้ำที่ปิดตายมานานก็เปิดออก พาร์ชะงักกึกหยุดอยู่กับที่
“พาร์ออกมาแล้ว งั้นพวกพ่อลงไปก่อนนะ เดี๋ยวพ่อเอาอันไปด้วย เจอกันที่ร้านอาหารนะลูก”
ปึง
ปิดประตูแถมให้ด้วยครับ แต่เชื่อผมไหม ยังแนบหูแอบฟังกันอยู่ด้านนอกแหงๆ
“มีอะไรไปคุยกันที่รถ”
ผมบอกแค่นั้น หยิบเป้น้อง เดินไปเปิดประตู ตามคาดครับ กองกันอยู่หน้าห้องครบองค์ประชุม
“แหะๆ ไปกันจริงๆ แล้วเนอะพ่อ”
“ไปกันเถอะลูกๆ”
“อันจะไปกับพี่”
“เดี๋ยวค่อยไปเจอพี่ที่ร้านอาหาร ตอนนี้ไปกับแม่ก่อน”
ผมกำลังจะก้าวตามหลังทั้งคณะลงไปข้างล่าง แต่กลับโดนดึงแขนไม่ให้ลง เรายืนมองหน้ากันเงียบๆ จนได้ยินเสียงประตูข้างล่างเปิดปิด
“กูขอโทษ”
พูดแล้วยกมือปิดหน้านี่คืออะไร
“กูก็ไม่คิดว่าการที่ได้เห็นคนที่ชอบนอนแผ่ไร้การระวังตัวอยู่ข้างใต้มันจะ…”
พาร์พูดอึกๆ อักๆ ก่อนจะเงียบไปดื้อๆ
ผมมองแก้มแดงๆ ที่ลอดนิ้วมือให้เห็น หูตั้งๆ พวงหางที่สะบัดไปมาเร็วๆ
…น่ารักแฮะ
สะดุ้งเฮือกกับความคิดเมื่อครู่ เดี๋ยวๆๆ มันมาได้ยังไง! ผมขมวดคิ้ว ครุ่นคิดหาคำตอบอย่างจริงจัง
ต่างคนต่างเงียบนานแค่ไหนไม่รู้ ผมรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงพาร์อีกครั้ง
“กูขอโทษ”
ผมกระพริบตามองคนพูดที่ตอนนี้ลดมือลงไปแล้ว ทำหน้าเสียใส่กันอีกต่างหาก แถมหางยังตก…อารมณ์เปลี่ยนไวจนผมตามไม่ทัน
“เอ่อ…กูไม่โกรธมึงหรอก”
“จริงเหรอ?”
ผมมองหางที่เริ่มแกว่งไปมา
“อือ”
หางกลับมาสะบัดแรงๆ อีกรอบ แถมสีหน้าเจ้าของหางยังแช่มชื่น ส่งยิ้มให้อีกต่างหาก
…ให้ตายเถอะ
เป็นผมที่ยกมือปิดหน้าบ้าง ตอนแรกก็นึกว่าคิดไปเอง แต่มาตอนนี้ยิ่งกว่าแน่ใจ พาร์มีบรรยากาศเหมือนหมาตัวแรกในชีวิตของผมมาก มิน่าอยู่ด้วยแล้วถึงได้ผ่อนคลายสบายใจสุดๆ ยิ่งมีออฟชั่นหูกับหางเพิ่มเข้ามา
ขอสารภาพตามตรง ผมแพ้ทางครับ...อย่างแรงด้วย
“เป็นอะไร?”
“เปล่า” ผมรีบลดมือลง รีบปั้นหน้าปกติใส่ “ป่านนี้ออกไปกันหมดแล้วมั้ง เราก็รีบไปกันเถอะ”
ผมดึงมือข้อมือตัวเองออก รีบหมุนตัวเดินนำลงบันได ปล่อยพาร์ตามหลังมา
ก็หวังว่ามันจะไม่ทันสังเกตเห็นจุดอ่อนของผมเข้า
-------------
เนื่องจากต้องทำเวลา ผมเลยให้พาร์ขับ (เพราะมันขับเร็วกว่าผม) คอยบอกทางเรื่อยๆ จนเรามาถึงเวลาไล่เลี่ยกับพ่อ
บ้านของการันต์ มีสองชั้นครับ ชั้นแรกเป็นลานจอดรถทั้งหมด ร้านอาหารจริงๆ อยู่ชั้นสอง ขึ้นไปจะเจอห้องเมนหลัก หรือที่เรียกว่า โซนนั่งเล่นบ้าง ห้องนั่งเล่นบ้าง ทั้งที่ความเป็นจริงควรเรียกว่าโซนห้องอาหารมากกว่า ภายในตกแต่งโทนอบอุ่นและสบายๆ เหมือนนั่งกินข้าวในบ้าน ที่สำคัญเป็นห้องเดียวที่มีแอร์
โซนที่เหลือเป็นแบบโอเพ่นแอร์ (open air) หมดครับ ทางฝั่งซ้ายมีประตูกระจกเลื่อนเปิดออกไปเป็นระเบียงไม้ มีโต๊ะไม้แค่หกตัว ส่วนฝั่งขวาของห้องเมนหลักมีประตูกระจกเช่นกัน เชื่อมโซนสนามหญ้าเทียมเขียวขจี ไม่มีโต๊ะบริการสักตัวเดียว และเหนือห้องเมนหลักคือโซนดาดฟ้าครับ เป็นโซนที่มีโต๊ะบริการเยอะที่สุด
จอดรถเสร็จ กลุ่มหมาป่า เสือ แมวก็รวมตัวกัน ดูความเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นไปพร้อมกัน พอพวกผมเข้าไปในร้านปุ๊บ สุดยอดเป็นจุดเด่นครับ คนหันมองกันให้พรึบ
“ครอบครัวผมขอนั่งแยกโซนตามที่แจ้งไว้ครับ”
“ทางร้านทราบแล้วครับ โซนระเบียงที่โต๊ะมีป้ายจองตั้งไว้ สามารถเข้าไปได้เลยครับ พนักงานในโซนจะดูแลให้เองครับ โซนห้องนั่งเล่นก็เช่นกัน โต๊ะอยู่ทางนั้นครับ ส่วนโซนสนามหญ้าช่วยมาทางนี้ก่อนนะครับ”
“ไม่เห็นมีโต๊ะเลยกินข้าวยังไง”
พาร์กระซิบถาม หลังมองผ่านกระจกออกไปโซนที่ว่า
“นั่งกินกับพื้น”
“ฮะ?”
“คอนเซปของโซนสนามหญ้าคือปิกนิก”
“ปิกนิกเนี่ยนะ?”
พนักงานพาพวกผมออกมาโซนสนามหญ้าพอดี ผมเลยพยักเพยิบให้พาร์ดูเหล่าคนปูเสื่อนั่งคุยหรือทานอาหารอย่างผ่อนคลาย ส่วนด้านซ้ายมือมีเครื่องเล่นสนามชุดใหญ่วางอยู่ครับ น้องอันมองตาเป็นประกายเชียว
“ทางเราปูเสื่อปิกนิกจองที่ให้แล้วครับ ตามผมมาเลยครับ”
อันที่จริงทางร้านจะมีรูปเสื่อให้เลือกลายได้ ขนาดของเสื่อก็ขึ้นกับครอบครัวลูกค้าที่มาใช้บริการโซนนี้ แล้วถ้าใครนั่งพื้นไม่ได้ ทางร้านมีเก้าอี้สนามแบบพับได้คอยบริการครับ…สงสัยเห็นเป็นพวกผมมั้งครับ ลุงรันต์เลยสั่งพนักงานให้ปูเสื่อรอเลย แต่พอมาเห็นเสื่อลายการ์ตูนเรื่องโปรดของน้อง ผมก็เข้าใจ
ลุงรันต์เอาใจน้องอันสุดๆ
“เมนูวางอยู่บนเสื่อครับ อีกสักพักจะมีพนักงานมาจดรายการอาหาร ขาดเหลืออะไร หรือต้องการเรียกพนักงานยกมือค้างไว้นะครับ จะมีพนักงานที่ดูแลโซนนี้แวะมาหา”
“ครับ”
เจ้าตัวเล็กกระตุกชายเสื้อผม จิ้มที่หลังมือ “ปั๊มของอันล่ะ?”
“เดี๋ยวครับพี่” ผมเรียกพี่พนักงานที่กำลังจะเดินจากไป “ต้องปั๊มหลังมือเด็กก่อนหรือเปล่าครับ”
พนักงานเดินกลับมา “อ้อ ไม่ต้องครับ เพราะไม่จำกัดเวลาเล่น แต่ถ้าอยากได้ก็ปั๊มให้ได้ครับ”
เจ้าตัวเล็กคว่ำหลังมืออย่างรู้งาน เลยได้ตัวปั๊มหลากสีมา น้องยิ้มดีใจใหญ่ เพราะทุกทีได้แค่สีเดียว (เพื่อแบ่งแยกเวลาเล่นของเด็กๆ ไม่ให้จำนวนเด็กที่ใช้เครื่องเล่นสนามเยอะเกินไป ถ้าเป็นเด็กจากโซนอื่นเล่นได้แค่ชั่วโมงเดียว เด็กจากโซนสนามเล่นได้สองชั่วโมงครับ)
พวกผมถอดรองเท้าไว้ด้านนอก ค่อยไปนั่งบนเสื่อ หยิบเมนูอาหารออกมากาง ถึงตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว แต่โซนสนามหญ้าสว่างมากครับ เหมือนตอนกลางวันเลยล่ะ
“อันอยากเล่น”
น้องอันกระตุกแขนเสื้อผม ชี้นิ้วไปทางเครื่องเล่นสนามที่วางกินพื้นที่หนึ่งในสาม
“กินข้าวก่อน แล้วต้องเก็บหูหาง เปลี่ยนเป็นชุดพละด้วย ไม่งั้นพี่ไม่ให้ไปเล่น”
หงอยเลยครับ
ผมกางเมนูไว้ตรงกลาง ใครบังแสงก็เบี่ยงตัวหลบ ในฐานะที่เคยมาหลายครั้ง ผมเลยอธิบายให้คนมาครั้งแรกอย่างพาร์ฟัง
“โซนนี้ขายอาหารเป็นเซต ดูจากเมนูแล้วเลือกเซต A เซต B เป็นต้น เซตหนึ่งมีตั้งแต่ของกินเล่น อาหารจานหลัก ยันของหวานหรือผลไม้ แบ่งเป็นสามแบบให้เลือก ได้แก่
อาหารแบบฝรั่ง จะมาในรูปแบบตะกร้าหวายทรงสี่เหลี่ยมแบบที่เห็นใช้กันในต่างประเทศบ่อยๆ
อาหารแบบญี่ปุ่น จะมาในรูปแบบกล่องข้าวน่ารักๆ เด็กๆ ชอบมาก
อาหารแบบไทย จะมาในรูปแบบปิ่นโตสีพาสเทลสวย ต้องมาลุ้นกันอีกทีว่าจะได้ชั้นปิ่นโตสีอะไรมาบ้าง เพราะมีกิจกรรม ถ้าได้สีครบตามที่กำหนดไว้ เช่น สองสี สามสี สี่สี จะได้ของรางวัลเล็กใหญ่ตามแต่โชค”
ผมเว้นจังหวะ แล้วถาม
“ใครอยากกินอาหารแบบไหน?”
“อะไรอร่อย” พาร์ถาม
“ก็แล้วแต่คนชอบ”
“อันขอแบบที่กินง่ายๆ หมดเร็วๆ” ส่วนคนนี้จุดประสงค์ชัดมาก
“งั้นเอาอาหารญี่ปุ่นแล้วกัน”
ผมพลิกไปหน้าอาหารญี่ปุ่น “อยากได้เซตแบบไหนก็จิ้มเอา”
“ไม่มีแบบเลือกเซตเองเหรอ”
“มี แต่ราคาแพงกว่า ถ้าจะทำอย่างนั้น เลือกเซต แล้วสั่งของที่อยากกินเพิ่มยังถูกกว่าอีก”
“…แต่วันนี้เรากินฟรีนี่”
“เออใช่”
ผมรีบพลิกไปหน้าอาหารรายการเดี่ยวๆ ทันที “อยากกินอาหารแบบไหนสั่งมาได้เลย”
ระหว่างให้พาร์กับน้องอันเลือกรายการอาหาร ผมขอเพิ่มเติมรายละเอียดของโซนสนามหญ้าสักหน่อยนะครับ
ขอบนอกสุดทั้งสามด้านของโซนหญ้าติดรั้วลูกกรงสูงเกือบสองเมตร ขึงด้วยเชือกลวดเหล็กแสตนเลสไขว้กันเป็นตาข่าย ป้องกันเด็กๆ ผลัดตกจากชั้นสอง พื้นที่หนึ่งในสามปูด้วยบล็อกยางสีเขียวเข้ม (สีเดียวกับพื้นหญ้า) ที่เหลือเกือบสองในสามปูด้วยหญ้าเทียมสีเขียวเข้มทั้งหมด (นุ่มเท้าดีครับ) ด้านบนเป็นหลังคาโค้ง (ป้องกันแดดฝน เวลาฝนตกจะมีกันสาดแนวดิ่งปิดรั้วทั้งสามด้านด้วย) ยิ่งตอนกลางคืนลมแถวนี้ดีมาก
ส่วนเครื่องเล่นสนามชุดใหญ่ มีทั้งให้ปีนป่าย ลอดอุโมงค์แบบต่างๆ สไลเดอร์ทั้งแบบวนแบบตรง บันไดขึ้นลง สะพานข้อต่อ สะพานแขวน คือเห็นแล้วอย่างกับฐานทัพของเด็กๆ (น้องอันถึงชอบมาก)
“อันเอาอันนี้”
เจ้าตัวเล็กตัดสินใจได้แล้ว เหลือพาร์ ส่วนผมมีเมนูประจำอยู่แล้ว หลังพาร์ตัดสินใจได้ พวกผมก็รอพนักงานมาเยือน แต่ดูเหมือนทางร้านจะวุ่นๆ ผมมาเข้าใจก็ตอนเห็นพนักงานมาตะโกนบอกว่า หมอมาถึงแล้ว
กลายเป็นว่ากิจกรรมสิ้นเดือนนี้ ทั้งหมอทั้งคอสเพลย์เลือกมาตอนกลางคืนทั้งคู่
“หมอ?” พาร์ทวนคำงงๆ
“หมอตรวจสุขภาพทั่วไปนี่แหละ จะมาทุกสิ้นเดือน ส่วนใหญ่เป็นหมอเด็ก ก็คงเลือกมาโซนสนามหญ้าล่ะมั้ง”
ดังที่ผมคาดเดา พนักงานถือเสื่อพับในรูปกระเป๋า พร้อมโต๊ะญี่ปุ่นพับได้เดินนำเข้ามา แน่นอนว่าพวกผมเด่นสะดุดตาแบบนี้ย่อมตกเป็นเป้าสายตาของหมอก่อนใครเพื่อน แต่หมอก็ตกเป็นเป้าสายตาพวกผมเหมือนกัน
ต่างคนต่างมองกันนิ่ง
ผมขมวดคิ้ว อีกฝ่ายขมวดคิ้ว แม้แต่พาร์ยังขมวดคิ้ว ส่วนน้องอันหนีมาหลบหลังผมแล้ว
คนมาใหม่ ไม่ใช่ใครอื่น นายแพทย์พีรพัฒน์ครับ
“คุณพนักงาน ผมไม่เอาเสื่อแล้ว ผมเจอญาติตัวเองน่ะ ขอไปนั่งกับพวกเขานะครับ”
แว่วเสียงพี่พีทบอกพนักงาน ผมไม่เถียงหรอก ถึงไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดก็เหมือนเป็นญาติกันจริงๆ นั่นแหละ
“เอ๊ะ จะดีเหรอครับ เดี๋ยวลูกค้าคนอื่นจะแวะมาหาคุณหมอเรื่อยๆ จะไปรบกวนญาติคุณหมอหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรครับ ญาติผมมากันแค่สาม…เอ่อ ไม่สิ อยู่โซนหญ้าแค่สามคนครับ”
พี่พีทไม่รอพนักงานพูดอะไรอีก หิ้วกระเป๋าประจำตัว เดินตรงดิ่งมาหาพวกผม ยกมือทักทายเรียบง่าย พร้อมรอยยิ้มแฉ่ง
“ไง พี่ขอนั่งด้วยคนนะ อยู่คนเดียวมันเหงาน่ะ”
############
ถ้าตอนไหนสั้น เราคงมาลงให้ถี่กว่าปกตินะคะ 555
ขอแจ้งข่าวนิดนึง สำหรับผู้ที่จองชลนทีไว้
หนังสือมาถึงสำนักพิมพ์แล้วนะ
ทางสนพ. กำลังทยอยจัดส่งตามลำดับการโอนอยู่ค่ะ
และคืนนี้
สองทุ่มที่เพจสำนักพิมพ์มีเปิดให้จองชลนทีรอบหลุดพรีฯ ด้วยนะ
มี 10 ชุดค่ะ ใครสนใจไปแย่งชิงได้ที่เพจสนพ.ตามลิงค์ด้านล่างได้เลยค่ะ
https://www.facebook.com/pobrakwithus/