- ชลนที - [ตอนพิเศษ3] P.22 (09/06/2017) #จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - ชลนที - [ตอนพิเศษ3] P.22 (09/06/2017) #จบแล้ว  (อ่าน 175219 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่22] P.6 (22/10/2016)
«ตอบ #180 เมื่อ22-10-2016 16:58:13 »

หมอพีท ทำให้พาร์ ออกอาการหึงซะแล้ว
ที เป็นพี่ที่เยี่ยมมาก สอนน้องดูแลน้อง
อืมม.....เห็นอนาคตพาร์ เลย
ว่าถ้าเป็นแฟนกับพาร์ พาร์คงกลัวเมี...น่าดู
แต่พาร์ นี่ขี้หึงมากกกก ขนาดยังไม่ได้เป็นอะไรกัน
หึงตั้งแต่ที โดนหอมแก้ม ทีสั่งอาหารให้
และที่บอกพนักงานให้เบรก ให้หมอทีกินข้าว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - ชลนที - [บทที่22] P.6 (22/10/2016)
«ตอบ #181 เมื่อ22-10-2016 18:55:34 »

 o13 รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - ชลนที - [บทที่22] P.6 (22/10/2016)
«ตอบ #182 เมื่อ22-10-2016 20:11:16 »

หมานี่หวงของสุดๆ 55555

ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: - ชลนที - [บทที่22] P.6 (22/10/2016)
«ตอบ #183 เมื่อ22-10-2016 20:22:40 »

น่ารักมาก หมาป่าหึงสุดๆแล้วเนี่ย

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: - ชลนที - [บทที่22] P.6 (22/10/2016)
«ตอบ #184 เมื่อ22-10-2016 21:05:17 »

 :pig4:

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: - ชลนที - [บทที่22] P.6 (22/10/2016)
«ตอบ #185 เมื่อ22-10-2016 21:15:40 »

นทีนี่ให้ความรู้สึกเคะราชินีมากเลยค่ะ I can control everything ประมาณนี้เลยค่ะ

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
Re: - ชลนที - [บทที่22] P.6 (22/10/2016)
«ตอบ #186 เมื่อ22-10-2016 21:21:04 »

พาร์มีอาการตามที่พี่พีทพูดว่า

“แฟนอนาคตของเจ้านั่นคงลำบากไม่น้อย เพราะนอกจากขี้หึงแล้ว ยังขี้หวงไม่เบา พี่ขอทำนายว่าถ้าโดนจับตัวได้แล้ว พ่อหมาป่าดำไม่มีทางปล่อยหลุดมือไปไหนแน่ๆ แถมยังไล่ฆ่าเห็บหมัดที่ตามเกาะแกะตายเรียบ”

 :hao3:    :hao3:

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: - ชลนที - [บทที่22] P.6 (22/10/2016)
«ตอบ #187 เมื่อ22-10-2016 21:22:51 »

โอ๊ยชอบบบบบบ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: - ชลนที - [บทที่22] P.6 (22/10/2016)
«ตอบ #188 เมื่อ23-10-2016 01:04:38 »

ว้าย พาร์หึงเลย พี่หมอพีทก็น่ารักอ่ะ จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ KatzeP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
«ตอบ #189 เมื่อ23-10-2016 14:27:20 »


บทที่ 23

“ลุก!”

ผมยังนั่งเฉย แม้ว่าข้อมือโดนกำแน่น “ไปไหน?”

พี่พีทส่ายหน้าใส่หลังเห็นผมทำตัวไม่ทุกข์ร้อน ขัดกับอารมณ์คุกรุ่นของพาร์สุดๆ

“อย่าพึ่งถาม”

“เขาชวนแล้วก็ไปสิ”

พี่พีทพูดขัดด้วยรอยยิ้ม คีบอาหารเข้าปาก ชมดูพวกผมด้วยแววตาสนอกสนใจ แต่สงสัยพาร์จะตีความสีหน้าพี่พีทผิด ถึงได้บีบข้อมือแรงกว่าเก่าจนผมเผลอนิ่วหน้าเพราะเริ่มเจ็บ

“จะพาไปดูสองสาว ลุกได้ยัง”

ถ้ามันพูดคำนี้ตั้งแต่แรก ผมคงเชื่อ รีบลุกไปดูน้องอย่างไว แต่พอได้ยินตอนนี้ความเชื่อว่าน้องจะเกิดเรื่องต่ำยิ่งกว่าสิบเปอร์เซ็นต์อีก ผมหันไปสบตาพี่พีทเป็นเชิงขอความเห็น พี่แกกำลังกลั้นขำจนตัวสั่น พยักหน้าสองทีช่วยยืนยัน พาร์น่าจะพยายามแยกผมกับพี่พีทออกจากกันอยู่

…ไร้ลูกเล่น มีแต่ลูกตรง สมเป็นมือใหม่แกะกล่องจริงๆ ครับ   

“น้องเป็นอะไร?” ผมแกล้งถามกลับ

พาร์อ้าปากจะพูดบางอย่าง แต่ชะงักไป “…กูอธิบายไม่ถูก มึงต้องไปดูเอง”

พี่พีทแอบยกนิ้วชมว่าเริ่มใช้ได้ แถมยังกวักมือไล่ผมให้รีบไปอีกต่างหาก

ครับๆ ไปก็ไป 

ผมยอมลุกไปใส่รองเท้า พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นคนทั้งคู่กำลังส่งสายตาฟาดฟันกันพอดี ประหนึ่งเหมือนเห็นน้องหมาสองตัวกำลังข่มขู่ขับไล่ผู้รุกรานอาณาเขต ผมดันตัวขึ้นยืนก็แล้ว กอดอกมองเงียบๆก็แล้ว ไร้คนสนใจ สุดท้ายคนยืนมองอย่างผมก็หมดความอดทน

“จะไปดูน้องไหม? ถ้าไม่กูจะได้กลับไปนั่ง”

“ไป!”

ไม่พูดเปล่า คว้าข้อมือผมดึงตัวไปทันที มันพาผมมาหยุดตรงผนังกระจกใส กลายเป็นผมที่อึ้งบ้าง ไม่คิดว่าจะพามาส่องดูน้องจริงๆ

“ลุงร่างท้วมที่นั่งกับน้องๆ คือใคร?”

ผมนึกเอะใจ รีบกวาดตามองหาสองสาวจนเจอ น้องๆ กำลังเฮฮากับชายลักษณะตามที่พาร์ว่า ใบหน้าคุ้นตาผมมาก แถมบนโต๊ะยังมีอุปกรณ์ทานอาหารของคนที่4 แต่ตัวเจ้าตัวไม่อยู่ คาดว่าน่าจะไปห้องน้ำ ผมเคาะนิ้วกับกระจกอย่างครุ่นคิด

“นอกจากลุงร่างท้วม ยังมีอีกคน เป็นเด็กผู้หญิงวัยไล่เลียกับสองสาวใช่ไหม?”

“…ใช่”

จะตอบเสียงแผ่วไปไหน

ผมถอนหายใจ “กูว่ามึงรู้คำตอบอยู่แล้ว”

พาร์เงียบไปเลยครับ ผมสังเกตสีหน้าเพื่อนสักพักก็ได้ข้อสรุป มันรู้คำตอบอยู่แล้ว (ไม่แน่ใจว่าด้วยวิธีไหน) ก็แค่ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างแยกผมออกห่างพี่พีท แต่การที่ผมโดนลากมาตรงนี้กลับทำให้ได้รู้ความจริงบางอย่าง

พ่อโกหกครับ ไม่สิ เรียกว่าชักจูงให้เข้าใจผิดประเด็นดีกว่า

ลุงรันต์น่าจะขอความช่วยเหลือจากพ่อจริงๆ แต่เรื่องนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม อืมม...ไม่สิ ผมไม่แน่ใจว่าเรื่องลูกค้ายกเลิกเรื่องแต่งคอสเพลย์จริงเท็จแค่ไหน บางทีอาจเป็นลุงรันต์เองที่กั๊กกิจกรรมนี้ไว้ให้ครอบครัวผม เพื่อให้ลูกสาวคนเล็กได้มีโอกาสรู้จักเพื่อนวัยเดียวกันบ้างก็ได้

ผมไม่โกรธที่โดนหลอก เพราะตัวลุงรันต์มีเหตุผลของตัวเอง พ่อก็ด้วย ผมมองชายร่างท้วมเจ้าของร้านแห่งนี้ด้วยแววตาอ่อนลง ก่อนพลิกตัวหันหลังพิงกระจก ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

ผมขอเล่าเรื่องลุงรันต์ให้ฟังหน่อยนะหน่อย ลุงรันต์มีปัญหาด้านสุขภาพเลยมีลูกไม่ได้ จนป่านนี้ก็ยังครองตัวโสด แต่มีลูกบุญธรรมถึงสาม คนโตคือพี่พนักงานที่ออกมาต้อนรับและพาพวกผมไปส่งถึงเสื่อ คนที่สองน่าจะยุ่งอยู่ในครัว น้องญาเป็นคนที่สาม สามพี่น้องบ้านนี้มีเบื้องหลังแสนเศร้าหมด มาพูดถึงน้องญากันดีกว่า เธอประสบเหตุเมื่อสองปีก่อน จิตใจโดนกระทบอย่างรุนแรง หลังฟื้นที่โรงพยาบาล เธอก็กลายเป็นเพียงตุ๊กตาที่ยังมีลมหายใจ

การรักษาน้องญาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่โชคดีที่มันได้ผล แม้จะใช้เวลานานแต่เธอค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ น้องญาพึ่งได้ออกมาใช้ชีวิตนอกโรงพยาบาลเมื่อสองเดือนก่อน ตอนนี้เรียนหนังสืออยู่บ้าน (หมอยังไม่อนุญาตให้ไปโรงเรียน เนื่องจากสภาพแวดล้อม รวมไปถึงเรื่องเพื่อนสำหรับน้องญาถือเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง เพราะมันส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจโดยตรง) ที่ลุงรันต์เลือกน้องผม คงเห็นว่าเหมาะสมพอให้ลูกสาวเริ่มต้นเรียนรู้ถึงการมีเพื่อนสักคนล่ะมั้งครับ

“…แล้วมึงจะลูบหัวกูเล่นอีกนานไหม?”

ผมเอ่ยถามในที่สุด เห็นผมนิ่งเงียบตั้งนานก็ใช่ว่าจะไม่รู้ตัวนะครับ แล้วนี่โดนลูบหัวไม่พอ ยังโดนถูแก้มอีก แต่พาร์ไม่ตอบ เหมือนไม่ได้ยิน ผมเลยพูดอีกประโยค     

“ขัดถูไปก็ใช่ว่ากูจะให้เลขเด็ดมึงได้”

“ก็ไม่ได้จะขอเลข” พาร์พูดสวนทันที มือยังไม่ยอมหยุด

“อ้อ จะขอพรสามข้อ?”

ผมประชดตัวเองเป็นตะเกียงที่ขัดถูแล้วจะมียักษ์โผล่ออกมาให้พรสามประการ

พาร์ชะงัก “…ถ้าให้กูก็เอา”

ไม่ค่อยเลยนะมึง แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นมีมากกกว่า ขอลองเล่นด้วยสักตั้งเถอะ

“ขอน่ะง่าย แต่จะให้ไหมต้องดูตามความเหมาะสม”

พาร์เลิกคิ้วสูง น้ำเสียงประหลาดใจ “สรุปคือมึงจะให้”

“ฟังชัดๆ อีกที พูดขอได้ แต่จะให้ไหมอีกเรื่อง”

พาร์ทำหน้าครุ่นคิด ผมปลดมือมันออกจากหัวจากแก้ม แล้วยืนรอว่ามันจะพูดขออะไร

“ได้สามข้อใช่ไหม”

“เออ”

“งั้นเรื่องแรก…สร้อยข้อมือ คืนนี้กลับไปเลือกกัน”

“ฮะ? สร้อยข้อมืออะไรวะ?”

“พี่ดินพูดอะไรไว้ล่ะ”

“อ้อ แต่มึงพูดผิด ต้องเป็นกำไลต่างหาก พี่ดินให้เปลี่ยนแล้ว”

“นั่นแหละ เลือกคืนนี้ พรุ่งนี้เอาไปสั่งทำเลย จะได้เสร็จเร็วๆ”

ผมรู้สึกตงิดในใจ เหมือนคำขอนี้มีอะไรแอบแฝง “...ต้องรีบขนาดนั้นเลย?”

พาร์พยักหน้า เห็นผมมองนิ่งจึงเสริมอีกประโยค “ขืนได้ช้า เจอพี่ดินลงโทษกูไม่รู้ด้วย”

ผมยิ้มแหยง ไม่ค่อยอยากเจอบทลงโทษจากพี่แกเลยครับ แค่เรื่องวันนี้ก็ทำผมเข็ดไปอีกนาน

“ได้”

สีหน้าพาร์ดูสดชื่นทันตา จนผมต้องหรี่ตาลง ต้องมีอะไรสักอย่างในคำขอแน่ๆ

“งั้นมาเรื่องที่สอง เป็นคำถาม มึงจะตอบกูไหม”

“ต้องดูก่อนว่าถามเรื่องอะไร” ผมระวังตัวมากขึ้น

“หอมแก้ม…”

พาร์งึมงำเสียงแผ่ว ผมสิสะดุ้งเลย นึกกลัวมันถาม หอมแก้มได้ไหม

“ทำไมถึงปล่อยให้คนอื่นหอมแก้ม?”

ผมพ่นลมหายใจโล่งอก หลังได้ยินคำถามเต็มประโยค เหลือบสีหน้าเรียบเฉย แต่แววตาบอกชัดว่าไม่ชอบใจสุดๆ ของคู่สนทนา

“…มันเป็นธรรมเนียมของบ้านกู” ตอบอย่างนี้คงดีที่สุด

“ธรรมเนียมอะไร”

“อยากรู้ลองสังเกตเอาเองสิ”

พาร์มองผมตาขวางทันที ผมยักไหล่ให้ ที่จริงมีวิธีง่ายกว่านี้อีก แค่เดินไปถามคนในครอบครัวผมก็ได้คำตอบแล้วครับ

“เรื่องที่สามล่ะ?”

“ติดไว้ก่อน”

“อย่านานล่ะ เกิดกูลืม มีอดแน่นอน”

ผมเดินผละจาก เตรียมกลับที่เดิม แต่โดนคว้าแขนไว้

“จะไปไหน?”

“กลับเสื่อสิ”

โอ๊ะ…พูดแค่นี้ หมาป่าดำก็ทำหน้าหงุดหงิดแล้ว   

“ไปเดินเล่นกัน” ผมยังไม่ทันอ้าปากก็โดนดึงตัวไปทางประตูกระจก “ช่วยพาชมสถานที่ให้คนพึ่งมาครั้งแรกรู้จักหน่อย”

ไปเดินดูคนเดียวก็ได้เหอะ!

ก็ได้แต่พูดในใจ เพราะอีกใจหนึ่งอยากสังเกตอาการพาร์อีกสักหน่อย เลยยอมเดินตามแรงดึงอย่างว่าง่าย แต่ขึ้นไปบนดาดฟ้าไม่ถึงห้านาที พาร์ก็ดึงผมลงมาข้างล่าง ตรงเข้าห้องน้ำแบบมึนๆ เข้ามาแล้วก็ยืนจ้องหน้ากันไม่เลิก

“มองหน้าทำไม? กูไม่ได้ปวดหนักแบบมึง ไปทำธุระส่วนตัวให้เสร็จไป๊”

ผมเอ่ยปากไล่ มองสีหน้าเหมือนคนท้องผูกอึไม่ออกของมันแล้วย่นหน้า หรือผมควรไปร้านขายยาซื้อที่สวนทวารมาให้มันใช้ดี หมาป่าดำท่าทางอารมณ์เสียพิกล จนคนในห้องน้ำชายที่มีเพียงคนเดียวถึงกับรีบทำธุระส่วนตัว ก่อนเผ่นหนีอย่างไว

“ที”

ไม่เรียกเปล่า มีดึงตัวผมเข้าไปหาอีก

อะไรวะ?

ช่องว่างระหว่างกันลดลงจนแทบไม่เหลือ รู้ตัวอีกทีก็โดนรวบไปกอดทั้งตัว เป็นอ้อมกอดรัดแน่น แต่ไม่อึดอัด ได้กลิ่นเหงื่อปนมาจางๆ ผมรู้สึกแปลกๆ จนต้องเม้มริมฝีปากเข้าหากัน

“เรื่องที่สาม ขอกอดหน่อย”

คิ้วกระตุกเลยครับ มันเล่นกอดแล้วค่อยขอ ฉลาดมาก (ประชด) ก่อนสะดุ้งเฮือก ตบหลังพาร์หนึ่งทีเป็นการเตือน มันก็ยังไม่หยุด

“พาร์! มือน่ะนิ่งๆ ไม่ต้องมาลูบบั้นท้ายกู!”

“มึงต่างหากต้องอยู่นิ่งๆ” พาร์เถียงกลับมาไม่พอ มือยังลูบอยู่นั้น แถมบ่นงึมงำ “แม่ง ไอ้บ้านั่นก็มองจริง”

เดี๋ยวนะ…นี่มันกำลังหึงเรอะ!

ผมนึกทบทวนพฤติกรรมแปลกๆ ของพาร์อีกรอบ ทั้งลูบหัว ถูแก้ม แล้วยังลูบบั้นท้ายอีก คิดแล้วก็เบ้ปากกับพฤติกรรมล้าง ไม่สิ ลบสัมผัส เรียกว่า 'หึง' คงไม่ใช่ ใช้คำว่า 'หวง' เหมาะสมกว่าเยอะครับ แต่ผมไม่ได้โดนลวนลามซะหน่อย แค่โดนคนเมามองบั้นท้ายตาปรอยเองน่ะโว้ย มันใช่เรื่องที่ต้องเอามาใส่ใจไหม

‘นอกจากขี้หึงแล้ว ยังขี้หวงไม่เบา’

ถ้าผมได้ยินพี่พีทพูดประโยคนี้อีกครั้ง คงได้แต่สงบปากไร้คำโต้แย้งใดๆ แต่เรื่องนี้กับเรื่องที่มันกำลังทำไม่เกี่ยวกันซะหน่อย

“หยุดเลยนะมึง! แล้วปล่อยกูด้วย!”

แต่พาร์ล็อกตัวผมแน่น ดูท่าจะไม่เลิกง่ายๆ จนกว่าตัวมันจะพอใจ ผมเลยพูดโพล่งไปอีกประโยค

“นี่มึงกำลังเข้าข่ายลวนลามกูอยู่นะ ช่วยรู้ตัวหน่อย”

ชะงักเลยครับ ขอบคุณที่คำพูดแรงๆ ยังพอใช้ได้ผล

“เฮ้ย!”

ผมผลักตัวคนบีบก้นตัวเองออก รีบถอยหลังสร้างช่องว่างแล้วนิ่วหน้ามองอาการเพื่อนที่นับวันก็ยิ่งพิลึกขึ้นทุกที พาร์กำลังก้มหน้ามองมือตัวเอง กำๆ แบๆ อยู่พักใหญ่ ก่อนแก้มมันจะขึ้นสีให้เห็นแค่แวบเดียว (ก็เล่นหมุนตัว หันหลังให้ผม จะเห็นมากกว่านี้ได้ไง)

ผมกลืนคำด่าลงท้องหลังหวนนึกถึงเรื่องสมัยมัธยมต้น เพื่อนผมคนหนึ่งกำลังยกไม้ยกมือเล่าฉากในเกมอยู่ดีๆ ก็มีผู้หญิงพุ่งมาจากไหนไม่รู้ ด้วยความตกใจเพื่อนคนนั้นเลยยกสองมือขึ้นป้องกันตัว กลายเป็นได้จับหน้าอกผู้หญิงครั้งแรกแบบไม่ได้ตั้งใจ แม้รู้ตอนหลังว่าเธอสะดุดล้ม แม้โดนสาวเจ้าตบหน้าหันผละจากไปนานแล้ว มันก็ยังกำๆ แบๆ มือไม่เลิก แถมยังพูดเพ้อถึงหน้าอกที่พึ่งได้สัมผัส

พาร์ไม่ได้มีนิสัยเหมือนเพื่อนผมคนนั้นหรอก แต่ผมรู้สึกเหมือนนี่เป็นครั้งแรกที่มันทำแบบนี้... 

แว่วเสียงเด็กร้องไห้ปานขาดใจจากด้านนอก ผมหันมองทางประตูด้วยความสงสัย พาร์เดินไปเปิดแล้วครับ พอไม่มีประตูกั้น ก็ได้ยินเสียงร้องถนัดหูมากกว่าเดิม ผมกับพาร์มองหน้ากัน ก่อนเร่งฝีเท้าออกมาดูสถานการณ์ด้านนอก

“อ๊ะ นั่นไงๆ พี่ๆ ไปเข้าห้องน้ำกันต่างหาก ไม่ได้ทิ้งเราสักหน่อย”

เสียงลุงรันต์ที่อุ้มน้องอันอยู่พูดนำขึ้นมาก่อนใคร ก่อนผมทันได้เห็นกลุ่มคนยืนออกันอยู่ครบองค์ประชุมด้วยซ้ำ

เจ้าตัวเล็กผงกหัวขึ้นมามอง ตาแดงจมูกแดง “พี่”

น้องอันร้องเรียกทั้งน้ำตา ดิ้นจะลง ลุงรันต์ปล่อยตัวลงพื้นแทบไม่ทัน น้องวิ่งมากอดผม ร้องให้อุ้มอย่างเดียว พอผมอุ้มปุ๊บก็กอดรอบคอผมแน่นปั๊บ

พ่อแม่ส่ายหัว แววตาคาดโทษเล็กๆ ผมยิ้มแห้งส่งให้ ก่อนสายตาสะดุดเด็กผู้หญิงที่ยืนใกล้ๆ สองสาว…น้องญา ไม่ได้เห็นหน้าพักใหญ่ สีหน้าดูสดใสมีความสุขกว่าครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันมาก เห็นแบบนี้ผมก็โล่งใจ ฉายาเด็กหญิงตุ๊กตาคงได้ฤกษ์โยนทิ้งลงถังขยะอย่างถาวรสักที

ครอบครัวเราเอ่ยขอโทษลุงรันต์ที่ทำให้ภายในร้านวุ่นวาย ลุงรันต์ไม่ได้ว่าอะไรเลยครับ แต่พวกเรารู้สึกแย่ แถมเจ้าตัวเล็กยังร้องไห้ไม่ยอมหยุด เลยต้องขอตัวกลับก่อน น้องอันเกาะติดผมหนึบ พอขึ้นรถไม่นานก็หลับ สงสัยร้องไห้จนเหนื่อย

พาร์คงเห็นเป็นจังหวะดีเลยเอ่ยถามเสียงเบา “ทำไมจู่ๆ น้องอันถึงร้องไห้”

ผมก้มมองน้องหลับปุ๋ยในอ้อมแขน “กูเดานะ เจ้าตัวเล็กคงนึกว่าโดนพวกเราทิ้ง”

พาร์ทำหน้าไม่เข้าใจ ผมเลยช่วยขยายความ

“หมายถึงหนีกลับก่อน”

“อ้อ แล้วทำไมน้องอันคิดแบบนั้น?”

“เพราะไม่เห็นพวกเรารอที่เสื่อล่ะมั้ง”

“แค่ไม่เห็นก็คิดในทางนั้นแล้ว?”

“…ประมาณปีที่แล้ว เจ้าตัวเล็กดื้อ เรียกให้กลับบ้านก็ไม่กลับ จะอยู่เล่นท่าเดียว กูเลยบอกน้องว่าถ้าอีกครึ่งชั่วโมงยังไม่กลับมาหา กูจะกลับก่อน พอครบเวลาน้องไม่มากูเลยไปข้อความร่วมมือจากพี่นัย เอ่อ ลูกชายลุงรันต์ที่เป็นพนักงานในร้าน ก่อนหนีไปแอบที่ดาดฟ้า รอเจ้าตัวเล็กรู้ตัววิ่งพล่านค่อยให้พี่นัยไปคุมสถานการณ์ กูฟังบทสนทนาของพี่นัยกับน้องอันผ่านมือถือตลอด พอได้จังหวะค่อยลงมา เจอหน้ากันปุ๊บก็เหมือนเมื่อกี้ เกาะติดหนึบไม่ยอมปล่อย”

“…ความผิดกูสินะ”

ผมเหลือบมองคนขับรถ ก่อนถอนหายใจ

“ไม่เชิงหรอก แต่สาเหตุจริงๆ อาจเพราะกูมากกว่า ก่อนเจ้าตัวเล็กไปเล่น เข้าใจว่าโดนพี่ชายโกรธนี่น่ะ ถึงยืนยันว่าไม่โกรธ แต่จู่ๆ พี่ชายหายตัวไป น้องคงนึกว่าโดนพี่โกรธแน่ๆ เลยโดนทิ้ง…อ๊ะ”

จังหวะนั้นผมมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นเพื่อนที่ไม่ได้เจอหน้าหลายวันเข้าพอดี ผมไม่ได้แปลกใจถ้าเพื่อนจะมาเที่ยวกลางคืน ยิ่งแถวนี้สถานที่เที่ยวกลางคืนมีให้เลือกเยอะมากด้วย บังเอิญเจอก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

“มีอะไร?”

“เปล่าแค่เห็นเพื่อนเฉยๆ”

“ใคร?”

“เพื่อนกลุ่มกูที่มหาลัย...คนที่โยนฉลากลูกสาวคณะมาให้”

ผมหันไปมองอีกที ทั้งกลุ่มมีประมาณแปดคนได้ การแต่งตัวหรือท่าทางมองแปบเดียวก็รู้ว่าเป็นเกย์ออกสาวกับชายใจหญิง หน้าไม่คุ้นเลยสักคน ที่แย่กว่านั้นเด็นกลมกลืนไปกับกลุ่มนั้นมาก ผมละสายตาหลังรถที่ติดเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง

“ถอนหายใจทำไม?”

“ก็...บอกไม่ถูกวะ” ผมตอบพาร์ “เหมือนเพื่อนกูเลือกทางเดินให้ตัวเองแล้ว แต่เป็นทางที่กูเคยขัดขวาง”

“ขัดใจ?”

“เปล่า...แค่รู้สึกกังวลแทน” ผมหยุดพูดไปครู่หนึ่งก็พูดต่อ “อาจเพราะกูมีส่วนทำให้มันเดินทางสายนี้ด้วยล่ะมั้ง เลยรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบ” 

“จะเอาตัวเองไปเกี่ยวทำไม” พาร์ตำหนิ “มึงไปบังคับให้เพื่อนเลือกทางสายนี้เหรอ?”

“เปล่า”

“งั้นมึงควรจะปล่อยวาง”

ผมหัวเราะเบาๆ “กูปล่อยวางตั้งแต่รับปากสามีมันว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้แล้ว แต่...แค่รู้สึกว่ามันคิดน้อยไปหน่อย ก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่เสียใจทีหลัง”

“ถือซะว่าปล่อยให้เรียนรู้เอาเอง”

ผมหันมองพาร์ครู่หนึ่ง “มึงนี่ พอเป็นเรื่องคนอื่นก็ใจร้ายเอาเรื่องนี่หว่า”

“กูเลือกแคร์เฉพาะคนที่ควรแคร์ด้วยเท่านั้น ไม่งั้นปวดหัวตาย”

“มึงพูดก็ถูก”

พาร์งึมงำอะไรสักอย่าง แต่ผมจับใจความไม่ถนัด รู้แต่ว่าพูดเกี่ยวกับผม เพราะได้ยินคำว่ามึง เลยหันไปมอง เห็นแก้มมันขึ้นสี ผมก็ไม่กล้าถามซ้ำแล้วครับ

ภายในรถเกิดความเงียบตลอดทางจนกระทั่งกลับถึงบ้าน แต่ก่อนลงจากรถพาร์กลับทิ้งท้ายอีกประโยค

“ที่กูพูดก่อนหน้านี้ กูพูดจริง”

...โทษเถอะ กูได้ยินไม่ชัดวะ

-------------

“อันมานอนกับแม่ดีกว่า”

“ม่ายย อันจะนอนกับพี่!”

“งั้นปล่อยพี่ไปอาบน้ำก่อน”

“ม่ายยย!”

ผมถอนหายใจก้มแกะมือเล็กออกจากขา จับตัวน้องในชุดนอนอุ้มตัวลอยไปวางบนโซฟาข้างแม่ เจ้าตัวเล็กเบะปากตั้งท่าจะระเบิดน้ำตาอีกรอบ

“รอพี่ตรงนี้ อาบน้ำเสร็จแล้วพี่จะลงมารับ ห้ามงอแง ห้ามลุกไปไหน ถ้าทำไม่ได้คืนนี้อันนอนคนเดียว เข้าใจไหมครับ”

น้ำตาหยดแหมะๆ แต่ก็พยักหน้ารับ

“ดีครับ” ผมลูบหัวน้อง “เดี๋ยวพี่มา”

ผมเดินขึ้นชั้นสอง กำลังจะเข้าห้องตัวเองก็เห็นพาร์เดินตามหลังมา ดูสีหน้าก็รู้ว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย

“อะไร?”

“เรื่องกำไลข้อมือ”

“อ้อ ไม่ลืมหรอก แต่ขออาบน้ำก่อน”

ผมรีบอาบน้ำแต่งตัว เสร็จเรียบร้อยก็เหลือบมองเวลา เหลือเวลาอีกสิบหานาที พอไหว ดึงแฟ้มกำไลมาเปิดดูผ่านๆ แบบไหนถูกชะตาก็ดึงโพสอิทแผ่นจิ๋วแปะลงไป กว่าพาร์ที่เข้าไปอาบน้ำต่อจากผมออกมา ผมก็ปิดแฟ้มวางบนโต๊ะญี่ปุ่นแล้ว

“กูคัดเลือกไว้เรียบร้อย ติดโพสอิทไว้ตรงรูปน่ะ มึงลองดูแล้วกัน ชอบแบบไหนก็เอาวงนั้นแหละ”

ผมเดินไปหยิบหมอนตัวเอง แต่ก่อนจะได้ออกไป กลับโดนคนนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวขวางทาง เลยเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม

“จะไปนอนกับน้อง?”

“เออ”

แล้วทำหน้าหงอยทำไม

“เดี๋ยวพรุ่งนี้กูก็กลับมานอนนี่”

สีหน้าดีขึ้นทันตา แต่แววตายังติดสงสัย “พูดจริง?”

“นี่มันห้องกู จะกลับมานอนห้องตัวเองแปลกตรงไหน? แล้วมีอะไรอีกไหม?”

“ไม่”

“งั้นรีบหลบเลย น้องอันอดทนได้แค่ครึ่งชั่วโมง นี่จะครบกำหนดอยู่แล้ว”

พาร์เบี่ยงตัวหลบให้ผมรีบเดินผ่าน แต่พอจะดึงประตูปิดได้สบตากันแวบหนึ่ง

…ไอ้ความรู้สึกผิดนิดๆ นี่มาจากไหน

แต่ผมต้องรีบปิดประตู วิ่งเข้าห้องนอนโยนหมอนลงเตียงเล็ก วิ่งลงไปข้างล่างทันได้ยินเสียงน้องร้องโวยวายอาละวาดของปีศาจตัวน้อย ดูท่าน้องอันคงหมดความอดทนแล้ว แต่ปีศาจตัวน้อยก็หายวับต่อตา ยามน้องหันมาเห็นผม น้องอันรีบโผมาหาให้อุ้ม ท่าทางงอแงหนักกว่าเดิมอีกครับ แต่ไม่แปลกหรอก เลยเวลานอนตามปกติไปนานแล้ว นี่คงง่วงมาก แต่ฝืนไม่ยอมนอนคงรอผมมาหามั้ง

“ทีพาน้องเข้านอนก่อนนะแม่”

“ไปเถอะ แล้วบอกพาร์หรือยังลูก”

“บอกแล้วครับ”

ระหว่างเดินไปขึ้นชั้นสองอีกรอบ ผมก็ตบหลังน้องกล่อมนอนไปด้วย ยัยน้ำที่นั่งหน้ายุ่งกับแม่ก็รีบตามหลังผมมาติดๆ

“พี่ตามใจอันเกินไป” น้ำเสียงไม่พอใจชัดเจน “แล้วพี่ก็ไม่น่าปล่อยพี่พาร์นอนคนเดียวด้วย”

“งั้นเราไปนอนเป็นเพื่อนพี่พาร์สิ”

น้องสาวส่ายหัวขวับๆ “เบอร์บอกว่าช่วงก่อนเข้านอน ถ้าพี่พาร์เข้าห้องแล้วอย่าไปกวน ยกเว้นมีเรื่องจะขอให้ช่วยแบบสมเหตุสมผล ตอนแรกน้ำก็ไม่เชื่อหรอก แต่หลังเจอสีหน้าหงุดหงิดปานจะขบหัวกันไปสองหน น้ำขอบายดีกว่า”

ผมหัวเราะขำ นอกจากหวงพื้นที่ส่วนตัวแล้ว พาร์ยังหวงช่วงเวลาส่วนตัวซะด้วย แต่กับผมไม่ยักเป็น…เพราะผมเป็นเจ้าของห้องมั้ง

วันรุ่งขึ้น น้องอันไม่ยอมไปเรียนหลังรู้ว่าพวกผมหยุดอยู่บ้าน ผมนี่รีบกลับคำพูดแทบไม่ทัน

“พี่แค่ล้อเล่น อันอยู่กินข้าวที่นี่ เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน”

ผมรีบวิ่งขึ้นชั้นสอง เปิดประตูเข้าห้องตัวเองปุ๊บผงะปั๊บ ไอ้คนนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวเหมือนเมื่อคืนกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงเล่นคอมครับ ฝ่ายนั้นก็ตกใจเหมือนกัน ถึงรีบพับฝาโน้ตบุ้คปิดกะทันหัน ผมรีบดึงประตูห้องปิดกันสองสาวเดินผ่านมาเห็น

“ยังดีที่มึงไม่เป็นชีเปลือยอยู่ในห้อง”

“ใครจะกล้า!”

“อาบน้ำยัง?”

“ยัง”

“งั้นกูอาบก่อน เดี๋ยวเราต้องทำเหมือนไปมหาลัย ต้องไปส่งแม่กับน้องอันด้วย”

“ทำไม?”

“กูบอกแม่ว่าวันนี้หยุดอยู่บ้าน เอารถกูไปใช้ก็ได้ เจ้าตัวเล็กรู้เข้ารีบบอกว่าจะอยู่บ้านด้วยทันที เลยต้องบอกไปว่าล้อเล่น”

ระหว่างเล่าให้ฟัง ผมก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูที่ตากไว้ตรงระเบียง ชะงักเล็กน้อยยามเห็นกางเกงนอนพาร์ตากอยู่ทั้งที่เมื่อคืนไม่มี พอจับดูยังเปียกอยู่เลยครับ แต่ไม่มีน้ำหยดแล้ว ผมเดินกลับเข้ามาในห้อง เห็นพาร์เปิดฝาโน้ตบุ้คอีกรอบแล้ว ท่าทางจะดูหนังอยู่ล่ะมั้ง ด้วยความติดใจเลยกวาดตาสำรวจเตียง ผ้าปูยังชุดเดิม คงไม่ใช่ฉี่รดที่นอนแน่ งั้นก็เหลืออีกเหตุผล

“ฝันเปียกเหรอเนี่ย”

พาร์ดึงหูฟังออกข้างหนึ่งระหว่างถาม “เมื่อกี้พูดว่าอะไร?”

ผมยักไหล่สื่อว่าช่างมันเถอะ จะใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่เห็นต้องถามกับเจ้าตัว เพราะเรื่องแบบนี้เป็นธรรมชาติของผู้ชายแข็งแรงสุขภาพดีครับ

พวกผมรีบอาบน้ำแต่งตัวลงมา แม่กับน้องอันก็พร้อมออกจากบ้านแล้ว ส่วนพ่อกับสองสาวน่าจะทานข้าวอยู่ในครัว

“ไปเลยลูก เดี๋ยวแม่สาย พวกลูกค่อยไปหาข้าวเช้ากินนอกบ้านเอานะ”

ผมยื่นกุญแจรถให้พาร์ มันส่ายหัวไม่รับ สรุปผมต้องเป็นคนขับ น้องอันเลยต้องไปนั่งหลังกับแม่ เจ้าตัวเล็กงอนพี่พาร์ แต่คนถูกงอนกลับเอนตัวพิงเบาะหลับตั้งแต่ขึ้นรถ

ผมส่งแม่ลงบีทีเอสที่เป็นทางผ่าน ก่อนขับไปส่งตัวเล็กต่อ หลังออกจากโรงเรียนน้องก็เคว้งเล็กๆ ไม่รู้จะไปไหนดี พาร์ก็หลับได้หลับดี เหมือนอดนอนมาทั้งคืน สุดท้ายผมก็ต้องสะกิดปลุก

“หือ?” เสียงงัวเงียเป็นบ้า

“ไปไหนกันต่อดี? หรือว่าจะกลับบ้านเลย?”

“…ไปซื้อของเข้าบ้านกูก่อน”

มองเวลาเช้าขนาดนี้ นอกจากร้านสะดวกซื้อกับซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เปิด 24 ชั่วโมง ที่อื่นคงยังไม่เปิด

“หิวยัง? ไปกินข้าวก่อนไหม”

“ยังไงก็ได้”

“งั้นไปกินโจ๊กกัน แถวนี้มีร้านหนึ่งอร่อย ข้างๆ มีร้านข้าวต้มกับร้านน้ำเต้าหูปาท่องโก้ขายด้วย”

“อือ”

พาร์ทำท่าจะหลับอีกรอบ แต่สิบห้านาทีก็ถึงแล้ว ผมเลยชวนคุย “เมื่อคืนไม่ได้นอน?”

“นอน”

“อ้าว ทำไมดูง่วงแปลกๆ”

เหมือนถามจี้จุด พาร์เลยบ่นให้ฟัง “หลับก็ยาก ดันตื่นกลางดึกอีก…ที นั่นเพื่อนมึงหรือเปล่า ที่ยืนอยู่หน้าโรงแรมน่ะ ชื่ออะไรสักอย่างเหมือนยี่ห้อยาสีฟัน”

ผมมีเพื่อนคนไหนชื่อเหมือนยาสีฟันด้วย?

“อ้อ เดนๆ อะไรนี่แหละ”

เกือบได้เหยียบเบรก ดีนะตั้งสติทันเลยขับรถเลยผ่านหน้าโรงแรมไปก่อน แล้วค่อยวกกลับมาจอดฝั่งตรงข้าม ปลดเข็มขัดนิรภัยข้ามครึ่งตัวไปเปิดลิ้นชักรถอีกฝั่ง รู้สึกเหมือนพาร์สะดุ้ง

“ทำอะไร?”

“หากล้องส่องทางไกล”

เจอของที่ต้องการ ผมก็รีบลดกระจกหน้าต่างลงเล็กน้อย ยืดตัวแนบกล้องมองเหตุการณ์จากอีกด้านของถนน

“หน้าโรงแรมใช่ไหม”

“เออ อยู่กันเป็นกลุ่ม มองแล้วแบ่งฝ่ายละสามพอดี”

อย่างที่พาร์พูดมีกันหกคน ทั้งที่ยืนรวมกันแท้ๆ แต่พอมองแล้วแบ่งแยกฝ่ายรุกฝ่ายรับชัดเจนมาก มองแวบเดียวผมก็รู้ว่าเกย์ออกสาวกลุ่มเดียวกับที่เห็นเมื่อคืนแน่ๆ แล้วทำไมเหลือแค่สาม? ผมนิ่วหน้ายามเสื้อสภาพเสื้อผ้าฝ่ายพวกเด็น ไม่เรียบร้อยเลยสักคน แถมบางคนกระดุมน่าจะหายไปหลายเม็ด หน้าก็ดูซีดๆ

“พอแล้วที อันตราย”

พาร์ดึงไหล่ผม จัดการกดเลื่อนกระจกหน้าต่างปิด

“อันตรายยังไง?”

พาร์ขมวดคิ้วเหมือนไม่แน่ใจ “สามคนนั้น…กูว่าน่าจะใช่”

“ใช่อะไร?”

พาร์อ้ำอึ้ง สักพักก็พ่นลมหายใจออกยาวเหยียด “เอาเป็นว่าอันตราย ส่วนเพื่อนมึง...ดูจากรูปการณ์ กูว่าท่าจะซวย ดันไปหลงติดกับพวกตัวอันตรายเข้าซะแล้ว”

############

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
« ตอบ #189 เมื่อ: 23-10-2016 14:27:20 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ShadeoftheMoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
«ตอบ #190 เมื่อ23-10-2016 15:15:26 »

พี่ทีเหมือนคุณแม่ลูกอ่อนเลย น้องติดมาก

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
«ตอบ #191 เมื่อ23-10-2016 16:27:31 »

ถ้าพี่พาร์เป็นแฟนพี่ทีแล้วต้องยิ่งงอนเข้าไปอีกแน่ๆ เลย เพราะพี่พาร์ก็ห๊วง หวง พี่ที อิอิ


ออฟไลน์ Praykanok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
«ตอบ #192 เมื่อ23-10-2016 16:32:48 »

เด็นอีกแล้วววว
ทีดูเป็นคุณแม่มือใหม่ 555555

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
«ตอบ #193 เมื่อ23-10-2016 18:40:18 »

เห้อ เพื่อนนี่ตัวภาระของแท้

ออฟไลน์ waterlily

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
«ตอบ #194 เมื่อ23-10-2016 19:00:42 »

พาร์เอ้ยขี้หวงเกินไปละ  :mew4: :call: :pig4:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
«ตอบ #195 เมื่อ23-10-2016 19:43:06 »

เวรกรรมแท้ๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
«ตอบ #196 เมื่อ23-10-2016 20:17:38 »

น้องอัน รักที ติดพี่ที มากกว่าใครในครอบครัว
ขนาดพ่อแม่อยู่ ยังร้องหาแต่ที
พาร์ ก็ติดที มากขึ้น แถมยังติดตากับที
ที่แต่งหญิง จนกางเกงนอนเลอะ
เดน คบเพื่อนใหม่ผิดหรือเปล่า
ที มีเรื่องห่วงเดน เพิ่มอีกแน่เลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
«ตอบ #197 เมื่อ23-10-2016 20:47:37 »

เกิดอะไรขึ้นนะ พาร์รู้ได้งัยอะ

ออฟไลน์ Ujeen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
«ตอบ #198 เมื่อ23-10-2016 21:07:16 »

ชอบในความหวงความหึงของพาร์ นางน่ารัก555555

หวังว่าเด็นจะไม่สร้างปัญหามาให้ทีทีหลังนะ   :เฮ้อ:

 :pig4:

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
«ตอบ #199 เมื่อ23-10-2016 21:29:54 »

พ่อหมาป่าคะ เก็บอาการโหน่ยยยยย ทั้งหึงทั้งหวงนะคะเนี่ย  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
« ตอบ #199 เมื่อ: 23-10-2016 21:29:54 »





ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
«ตอบ #200 เมื่อ23-10-2016 23:25:14 »

น้องอันติดพี่ชายมากๆ เพราะอยู่กับพี่มากเหรอ
แล้วพาร์จริงจังกับที่มากเลยนะนิ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
«ตอบ #201 เมื่อ24-10-2016 10:56:04 »

ทีเหมือนคุณแม่มากเลยอ่ะ 55555

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
«ตอบ #202 เมื่อ24-10-2016 22:56:20 »

พาร์...แนะนำจับทีทำเมียก่อนเลย

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
«ตอบ #203 เมื่อ26-10-2016 00:41:43 »

เด็น. อะไร ยังไง ทำไมมีเรื่องมาอีกแล้วว จริง ๆ น่าจะคุยกับเพื่อนให้รู้เรื่องไปเลย เด็นงองแงเกินอะเหมือนที่ทีบอกว่านิสัยไม่เหมือนผู้ชายเข้าไปทุกที. แต่ชอบหมาป่าตอนเปรียบเห็นภาพมาก ตลก

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: - ชลนที - [บทที่23] P.7 (23/10/2016)
«ตอบ #204 เมื่อ26-10-2016 01:38:13 »

น้องอันน่ารัก555

ออฟไลน์ KatzeP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #205 เมื่อ27-10-2016 10:03:12 »

บทที่ 24

“ออกรถเถอะ ก่อนฝ่ายนั้นจะรู้ตัว” พาร์ว่า

“…เดี๋ยวกูขับรถวนกลับไป มึงถ่ายรูปทั้งกลุ่มให้หน่อย”

มันนิ่วหน้าเลยครับ

“ก็ร้านโจ๊กที่ว่าต้องไปทางนู้นนี่หว่า ยังไงก็ต้องผ่านหน้าโรงแรมอีกรอบอยู่ดี”

พาร์พ่นลมหายใจ ยอมรับปาก “ก็ได้”

โชคเข้าข้างเราครับ ดูเหมือนแถวหน้าโรงแรมรถติด เพราะมีรถทัวร์กำลังเลี้ยวออกไป จุดที่รถผมจอดอยู่ห่างจากกลุ่มนั้นไม่มาก พาร์เลยแอบถ่ายรูปสบาย ผมก็มองชัดถนัดตาขึ้นเหมือนกัน

“เหมือนกำลังโดนข่มขู่” ผมออกความเห็น     

“สามคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องด้านแบล็คเมล์เหยื่อ…น่าจะใช่พวกนี้ เมื่อคืนกูแค่อ่านผ่านตา”

“อ่านอะไร?”

“บทความแจ้งเตือนตัวอันตรายของชาวเกย์”

ผมแทบหัวทิ่มไปโขกพวงมาลัย “ของชาวอะไรนะ”

“เกย์…”

เหมือนพาร์พึ่งรู้ตัวว่าหลุดพูดอะไรออกมา รีบหุบปากนั่งนิ่ง ปล่อยผมจ้องแล้วจ้องอีกก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

“มึงเป็นเกย์เรอะ!”

“เปล่า” ตอบแล้วเหลือบมองผม ก่อนงึมงำ “แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจ”

ผมนิ่วหน้าหลังได้ยินประโยคหลัง “ดูเหมือนเมื่อคืนมึงไม่ได้แค่ฝันเปียกอย่างเดียว แต่ชักว่าวพิสูจน์ด้วยสินะ”

“ไม่ใช่!” แย้งกลับมาทันที หน้าทะมึน แต่ออกอาการเขินเล็กๆ “แล้วกูก็ไม่ได้ฝันเปียก”

“แล้วซักกางเกงนอนทำไม”

พาร์ออกอาการจะพูดก็ไม่พูด อึกอักอยู่นาน จนถนนข้างหน้าเริ่มไปต่อได้ ผมเลยต้องออกรถ

“…กูยอมรับว่าฝันเปียกก็ได้ แต่ตื่นก่อนจะเสร็จ”

“แล้วมึงก็ว่าวต่อ?”

“เปล่า กูคาใจมาก เลยลุกไปเปิดคอมหาข้อมูล แล้วก็…”

พาร์เงียบไปอีกครั้ง ให้ผมสงสัยถ้อยคำค้างๆ คาๆ ก่อนจะอ้าปากถาม มันก็พูดโพล่งประโยคที่เหลือออกมาก่อน

“ใช้แค่จินตนาการกับแม่นางทั้งห้าเฉยๆ”

“มึงไปค้นหาข้อมูลอะไร?”

ก็พอจะรู้ว่าเกี่ยวกับเกย์แน่ๆ…เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าเรื่องบนเตียง!!

“กูบอกไม่ได้”

“เรื่องบนเตียงใช่ไหม”

“ไม่บอกคือไม่บอก”

ถ้ามันเงียบ ผมยังพอเดาได้ว่าอาจจะจริง แต่เล่นพูดแบบนี้มันก็ไปได้ทั้งด้านใช่และไม่ใช่

“มึงทำกูปวดหัว”

พาร์สวนกลับทันที “เหมือนกัน”

ในรถเงียบไปพักหนึ่ง เป็นผมที่ทำลายความเงียบ “แล้วสามคนที่มึงว่าอันตรายยังไง?”

“…เป็นแบบลูกโซ่”

“อะไรนะ?” ผมถามซ้ำ เพราะได้ยินไม่ถนัด

ได้ยินเสียงพาร์ถอนหายใจ

“พวกมันใช้เหยื่อที่ตกได้แล้วไปหาเหยื่อใหม่ ซึ่งไม่พ้นกลุ่มเพื่อนสักกลุ่ม ประมาณว่าขายความไว้ใจของเพื่อนเพื่อเอาตัวรอด…วิธีการก็วางยาปลุกเพื่อนสามคน แล้วให้พวกมันที่เข้ามาทำทีเป็นเพื่อนต่างกลุ่มอย่างสุภาพช่วยพากลับไปส่งบ้าน แต่ความจริงโดนหิ้วเข้าโรงแรม”

ผมย่นหัวคิ้วเข้าหากัน “หมายความว่าเหยื่อแค่คนเดียว สามารถหาเหยื่อเพิ่มได้อีกสาม?”

“เออ”

“หลังตกเป็นเหยื่อแล้ว ต้องเจอกับอะไรบ้าง?”

“แบล็คเมล์ข่มขู่ เป็นคลิปวิดีโอเรื่องอย่างว่า เท่าที่อ่านมาส่วนใหญ่เหยื่อมักโดนรีดไถเงิน ยกเว้นบางรายที่พวกมันติดใจลีลา ก็ให้ใช้เรื่องนั้นแทนเงินได้ พอพวกมันเบื่อจะให้เหยื่อไปหาเหยื่อใหม่ เหยื่อเก่าก็หลุดพ้น แต่ต้องปิดปากเงียบ เพราะโดนขู่ส่งท้ายว่าถ้าเอาไปแฉ คลิปที่พวกมันสำรองเก็บไว้จะหลุดออกไปในโลกโซเซียล”

“มึงรู้ละเอียดขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีคนออกมาเตือน”

“ใช่ แต่เป็นการเตือนลับๆ ไม่ได้ขยายวงกว้าง และต้องมีรหัสผ่านถึงเข้าไปดูข้อมูลได้”

“มึงมี? ได้มายังไง”

“มีคนให้มา แต่เป็นแบบใช้ได้ครั้งเดียว”

ผมชะลอรถจอดเทียบฟุตบาท “เดี๋ยวค่อยพูดเรื่องนี้อีกที ลงไปกินข้าวกันก่อน”

“ไปซื้อของเข้าบ้านกูด้วย”

“เออ ไม่ลืมหรอก มึงอยากไปซื้อของที่ไหนล่ะ?”

“โลตัสแถวบ้านก็ได้”

-------------

ผมค้นพบความจริงอีกอย่าง…พาร์สมควรถูกจ้างเป็นพ่อบ้านมาก

โปรชัวร์คืออย่างแรกที่มันหยิบ มือถือคืออย่างที่สอง เข้าแอพไลน์พิมพ์คุยสักพัก ก็กดเข้าแอพเครื่องคิดเลข ผมเข็นรถตามต้อยๆ มองพาร์เลือกของ พลิกดูซะทั่ว โดยเฉพาะวันเดือนปีผลิตหรือวันหมดอายุ แถมที่หยิบลงรถเข็นส่วนใหญ่เป็นของลดราคา หรือมีโปรซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง

“บ้านมึงไม่ติดยี่ห้อ?”

“แค่บางอย่าง”

ไล่จากบล็อกของใช้ไปเรื่อยจนจบที่บล็อกของสด

“ไปเลือกสิ”

“ฮะ? ให้กูเลือก?”

“เออ จะซื้ออะไรเข้าตู้เย็นบ้านมึงก็ไปสิ”

ผมร้องอ้อในใจ “แล้วบ้านมึง?”

“อย่าหวังว่าพ่อแม่กูทำอาหารเป็น ยิ่งช่วงนี้แม่บ้านลาไปดูแลแม่ที่ต่างจังหวัด จะกลับเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ได้เน่าคาตู้เย็นแน่”

“เอ่อ อย่าบอกนะว่าเวลาลุงแทนกับป้าเจนเลิกงานเร็วชอบแวะมาที่บ้านกูนี่…ไม่ได้แวะมาเยี่ยมลูก?”

“แวะมาฝากท้องต่างหาก! สงสัยคงเริ่มเบื่อข้าวนอกบ้านแล้ว”

พาร์ก้มมองมือถือหลังได้ยินเสียงไลน์เข้า ก่อนเงยหน้ามองผมด้วยแววตาลำบากใจ

“พ่อกูฝากมึงทำกับข้าวเก็บเข้าตู้เย็นให้หน่อย”

ผมเลิกคิ้วระหว่างชี้นิ้วใส่ตัวเองเป็นเชิงถามซ้ำ พาร์พยักหน้ายืนยัน

“โทษนะ กูเผลอบอกเขาไปว่าพามึงมาด้วย”

“ไม่เป็นไร เอาแบบเก็บไว้แล้วอุ่นกินได้นะ”

“อือ”

ผมกำลังผละเดินไปเลือกของ ก็โดนเรียกซะก่อน

“ที เดี๋ยวกูจอดรถเข็นไว้แถวนี้นะ”

“จะไปไหน?”

“ดูวัตถุดิบทำขนม…พ่อกับแม่เรียกร้องมา”

 “อ้อ งั้นซื้อเผื่อบ้านกูด้วย”

“อือ”

-------------

ผมเคยมาบ้านพาร์หลายครั้ง ส่วนใหญ่อยู่รอน้องสาวตรงโซฟารับแขก ไม่ก็หน้าบ้าน ยกเว้นครั้งก่อนที่ได้ขึ้นไปชั้นบน ส่วนครั้งนี้ได้มาเยือนถึงห้องครัว ระหว่างหาอุปกรณ์ในครัว ผมก็เห็นพาร์ตามเข้ามา

“อ้าว ไม่เก็บของเหรอ?”

“ขืนเก็บให้ พ่อแม่ได้โทรมาถามกูว่าเก็บไว้ตรงไหนน่ะสิ แล้วมึงกำลังหาอะไร?”

ผมร่ายยาวถึงอุปกรณ์ที่ต้องการ ก็พวกของพื้นฐานในการทำครัว แต่กลายเป็นว่าพาร์ต้องมาช่วยผมหา

“มึงไม่เคยทำอาหารในบ้านตัวเอง?”

“ทำแต่ขนม”

แต่ผมว่ามันน่าจะทอดไข่ได้แหละ

พอได้ของครบ ต่างคนต่างทำส่วนของตัวเองครับ ทำไปทำมาชักเยอะ ผมเลยแบ่งใส่ถุงเก็บไว้ที่บ้านผมบ้าง แต่ก็ยังเยอะอยู่ดี ลุงแทนกับป้าเจนคงมีกินไปหลายวัน

“โทษที ลืมคิดว่าทำหลายอย่างต้องลดปริมาณลง”

“ไม่เป็นไร กูหุงข้าวแล้วนะ อยู่กินข้าวกลางวันที่นี่เลยแล้วกัน”

“แล้วนั้นมึงจะยกอาหารไปไหน?”

ผมร้องทัก ที่จริงสงสัยตั้งแต่เห็นพาร์ตักกับข้าวใส่ชามใบเล็กปิดพลาสติกหุ้มอาหารซะเรียบร้อยแล้ว

คนกำลังเดินออกจากครัวหันมามอง

“เอาไปฝากคุณป้าข้างบ้าน เขามักทำอาหารมาฝากบ้านกูบ่อยๆ”

พาร์หายไปสักพักก็กลับมา สีหน้าดูพิลึกหน่อยๆ ก่ำกึ่งระหว่างทำอะไรไม่ถูกกับเก้อเขินเล็กๆ พอมันเห็นหน้าผมก็กระแอมไอใส่

“เอ่อ ป้าเขาฝากขอบคุณมา”

“ไม่ได้พูดแค่นั้นใช่ไหม?”

ผมเดาถูกครับ พาร์ออกอาการอึกอักพูดไม่ออก แต่สักพักก็พูดให้ฟังตามตรง แต่ไม่สบตาผมเลย

“ป้าบอกว่ากูโชคดี…เจอแฟนทำกับข้าวเก่ง”

ผมทำหน้าเหวอ “เฮ้ย นี่ป้าแกรู้เปล่าว่ากูเป็นผู้ชาย”

“ตอนเรามาถึงเป็นช่วงที่ป้าข้างบ้านกำลังดูแลต้นไม้กระถางพอดี เขาเลยเห็นตั้งแต่มึงลงจากรถ ช่วยกูหิ้วของเข้าบ้านแล้ว”

“แล้วมึงไม่แย้งไปล่ะ?”

“แย้งทันที่ไหน กูติดสตันหลังได้ยิน ได้สติอีกที ป้าเขาก็เดินเข้าบ้านแล้ว”

“แล้วทำไมเขามองว่ากูเป็นแฟนมึงวะ”

“จะไปรู้เหรอ!”

เสียงเตาอบดังขึ้นเหมือนเสียงระฆังสั่งพักยกบนเวทีมวย พอได้กลิ่นขนมลอยมาจากเตาอบ ผมก็หันขวับ จ้องถาดที่พาร์ยกออกมาเขม็ง

“ไม่ต้องมองอย่างนั้น นี่ของมึง ส่วนของพ่อแม่กูแช่อยู่ในตู้เย็น”

ตาผมเป็นประกายทันที ถ้าเป็นสมัยเด็กผมคงพุ่งเข้ากอดด้วยความดีใจแล้ว แต่ตอนนี้ยิ้มให้อย่างเดียวแล้วกัน

…ไหงพาร์ยืนนิ่งไปเลยล่ะ

“พาร์?” ผมกลัวมันเผลอถาดคุกกี้หล่นจริงๆ (ผมเสียดาย)

คนโดนเรียกสะดุ้ง รีบสะบัดหน้าไปมา ผมมองอาการเพื่อนสักพัก ก็เหล่มองขวดเหล้าที่ยังวางทิ้งไว้บนโต๊ะ เห็นพาร์ผสมใส่ช็อคโกแลตนิดเดียวเองนะครับ แค่ชิมไม่น่าจะทำให้เมาได้ หรือเมากลิ่น?

“…โหล…”

“ฮะ?” ผมรีบดึงสายตากลับมามองคนพูด ได้ยินอะไรโหลๆ เนี่ยแหละ

“เอาขวดโหลให้หน่อย อยู่ในตู้ใกล้หัวมึง”

“อ้อ”

หยิบไปวางให้ ไม่วายแอบขโมยคุกกี้ใส่ปากหนึ่งชิ้น พาร์แค่มองผมเคี้ยวกรุบๆ ไม่ว่าอะไรสักคำ ผมต่างหากที่ต้องห้ามตัวเองไม่ให้หยิบคุกกี้ที่กำลังผึ่งให้เย็นเข้าปากอีก ไม่งั้นแทนที่ได้ขนมกลับไปกินหนึ่งขวดโหลใหญ่ จะกลายเป็นได้โหลเปล่ากลับบ้านแทน

สงสัยพาร์คิดถึงครัวที่บ้าน ถึงได้คันไม้คันมือทำขนมออกมาเพียบ ทำเสร็จก็แบ่งมาให้ผมชิม ถ้าผมถูกใจก็จัดการใส่กล่องบ้าง ขวดโหลบ้าง เอากลับไปกินบ้าน เยอะจนผมมองตาปริบๆ แต่ไม่เป็นไรครับ ที่บ้านมีคนช่วยกินแน่ๆ

เราอยู่บ้านพาร์ยาวถึงบ่ายสองกว่า ค่อยกลับไปบ้านผมต่อ เดี๋ยวช่วงเย็นต้องออกไปรับเจ้าตัวเล็ก ส่วนแม่น่าจะไปสมทบกับพวกพ่อ แล้วค่อยกลับมาด้วยกัน

หลังเข้าบ้านผม และเก็บของที่หิ้วกลับมาเรียบร้อย เราต่างขนหนังสือบ้าง ชีทบ้างออกมานั่งอ่านหนังสือที่ชั้นล่าง เพราะกินขนมได้ (ที่บ้านผมห้ามเอาของกินขึ้นชั้นสองครับ ยกเว้นป่วยจนลงมาไม่ไหวจริงๆ ถึงมีคนยกขึ้นไปให้)

อ่านไปสักพัก ก็รู้สึกเหมือนลืมอะไรไปสักอย่าง เรื่องอะไรหว่า…

ระหว่างกำลังนึก คนนั่งอ่านหนังสือฝั่งตรงข้ามกลับเอ่ยขึ้นมาลอยๆ

“วิชาเรียนรวม…” ผมเงยหน้ามอง รอว่าพาร์จะพูดอะไรต่อ “ลงเรียนด้วยกันไหม?”

ให้ตายเถอะ! สบถในใจกับการรุกกะทันหัน

ต่างคนต่างเงียบเนิ่นนาน มีเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษ แต่เชื่อเถอะครับ ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือหรอก

“…เรื่องกู มึงตัดสินใจแล้ว?”

พาร์พ่นลมหายใจ ไม่ได้ตอบคำถามผม แต่เอ่ยอีกเรื่อง “ก็แค่อยากลองเรียนด้วยกันสักครั้ง…ไม่ได้เหรอ?”

“…ลงเหมือนกันก็ใช่ว่าจะได้เรียนด้วยกัน”

“ไม่ต้องลงตามตารางหลักสูตรสิ”

ผมนิ่งไปพักหนึ่ง “จะดึงวิชาบังคับที่เหมือนกันมาลงเรียนก่อน?”

“อือ”

“งั้นก็มีแค่ตัวเดียว”

“ไม่ มีอีก แต่ไว้ลงตอนปีสองก็ได้”

ผมครุ่นคิดสักพักก็ถอนหายใจ “นั่นเรียกกิจกรรมไม่ใช่เหรอ ที่ต้องไปค้างคืนที่อื่นด้วยน่ะ”

“ก็ใช่”

ผมเม้มริมฝีปากสักพักก็คลายออก “แค่สองคน?”

“แล้วแต่ ถ้าลำบากใจ ทั้งกูทั้งมึงดึงเพื่อนมาเรียนด้วยก็ได้ แต่เทอมหน้า...”

พาร์พูดแค่นั้นก็หยุด แต่ผมพอเข้าใจว่ามันหมายถึงเทอมหน้าลงวิชาเรียนรวมด้วยกัน

“…ถ้าแค่เรียนในห้องลงสองคนก็ได้ แต่ที่ได้ค้างคืน ไปเป็นกลุ่มสนุกกว่า”

พาร์คลี่ยิ้มทันที “งั้นเอาตามที่มึงว่า แต่กูขอเป็นกลุ่มเพื่อนนะ ไม่เอาเพื่อนทั้งคณะ”

ผมหัวเราะหึในคอ หลุบตามองชีทในมือ

“รอขึ้นปีสองก่อนค่อยมาว่ากัน ส่วนเทอมหน้า…ตามใจมึง”

กว่าผมจะนึกได้ว่าลืมเรื่องอะไรก็ช่วงบ่ายของวันพุธ ยำยำส่งข้อความมาทางไลน์กลุ่มเพื่อนเก่าแก่

   YamYam: เมียกูนอกใจวะ เล่นกกผู้ชายในห้องตัวเอง

ผมรีบยกมือปิดปาก ก่อนหลุดคำสบถออกมา สถานที่ไม่อำนวยครับ เพราะอยู่ร้านเครื่องประดับมีราคา แค่ใส่ชุดนักศึกษามาก็แปลกพอแล้ว นี่ยังมาสั่งทำกำไลคู่รักอีก ด้วยความที่พาร์เรื่องมากเอง ผมเลยให้มันออกหน้าไปเลย อยากได้แบบไหนตามสบาย ผมขอแค่เป็นแบบเรียบๆ และเป็นสีเงินก็พอ

เลื่อนข้อความมาเจอสติกเกอร์ถอนหายใจจากยำยำ ตามด้วยข้อความจากเพื่อนคนอื่น

Templar: มึงเห็นเองกับตา?
YamYam: เออ
Wind: ว่าแล้ว ช่วงหลังมึงห่างเมียมากไป
YamYam: คงงั้น พวกมึงอยู่ไหนกัน กูอยากเจอ
Templar: ยำไปอยู่กับไอ้วินก่อน
Templar: แล้วค่อยไปรวมตัวคอนโดไอ้ต่อตอนสี่โมงครึ่ง
Templar: พวกมึงด้วย มาให้ครบองค์ประชุม และค้างคืน
Templar: ใครจะมาเลทรีบบอกเนิ่นๆ ไม่งั้นเจอเกมลงโทษแน่

Wind: ยำ มาหากูที่คณะวิศวะ
Blue Sky: กูเลิกเรียนห้าโมงครึ่ง คงไปถึงตอนหกโมง
Templar: โอเค ไอ้หมอมาเลท มีใครอีกไหม
White Rabbit: ไอ้ทีเตรียมเสบียงให้พวกกูด้วย
Wind: เบียร์ด้วยก็ดีนะ เดี๋ยวพวกกูลงไปช่วยขน
Blue Sky: งดของมีแอลกอฮอลล์ กูให้แค่น้ำอัดลม

Wind: ว่าที่หมอเฮี๊ยบวะ
Blue Sky: รอสอบเสร็จก่อน กูถึงอนุญาต
Puzzle: แล้วทำไมเลือกคอนโดกูวะ
Templar: เพราะใหญ่รองจากบ้านไอ้ที
White Rabbit: อย่าเทียบๆ ไม่งั้นห้องไอ้ต่อจะเป็นแค่รังหนูในบ้านไอ้ที
Templar: กูลืมนึก

ผมหลุดขำนิดๆ และเชื่อว่ายำยำคงอารมณ์ดีขึ้นหลังได้อ่านข้อความที่เพื่อนๆ เถียงกัน ส่วนเรื่องที่ผมรู้มา ไว้เจอหน้ากันก่อนค่อยบอกนะเพื่อน

“ที”

ผมรีบเงยหน้าตามเสียงเรียก พาร์กวักมือเรียก เลยจำต้องลุกขึ้นไปยืนข้างมัน ให้พนักงานมองด้วยแววตาแปลกๆ

“เอาวงนี้นะ เป็นสแตนเลสทั้งวง”

ผมก้มมองแบบที่พาร์ชี้ให้ดู เป็นกำไลสีเงินเรียบไปทั้งวงอย่างที่ผมต้องการจริงๆ เลยพยักหน้า

“ระหว่างฟ้ากับน้ำเงิน ชอบสีไหนมากกว่ากัน?”

ถึงจะงงว่าถามไปทำไม แต่ก็ตอบ เพราะนึกว่าจะให้เพิ่มสีที่กำไล

“น้ำเงิน”

“เพิ่มไพลินตามที่บอกได้เลยครับ”

เฮ้ย!

“เดี๋ยวๆ”

ผมรีบคว้าไหล่พาร์ คือถึงจะมีคนออกค่าใช้จ่ายให้ แต่ถึงกับใส่อัญมณีเพิ่มนี่ก็เกินไปหน่อยนะ เหมือนพาร์จะรู้ว่าผมคิดอะไร ถึงได้ก้มกระซิบข้างหู

“แค่เม็ดเล็กๆ กะรัตเดียว แล้วค่าไพลินกูออกเอง”

“มึงบ้าเรอะ แพงจะตาย แล้วราคาเท่าไหร่?”

“อย่ารู้เลย”

“พาร์!”

“เอาน่า กูมีตังค์จ่ายแล้วกัน เงินสะสมที่กูหามาเองตอนเรียนไฮสคูล”

มองตาแล้วพาร์เอาจริงแน่

“…อย่าเลือกแพงล่ะ”

พาร์หัวเราะ “กูเลือกไปแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไม่ทำอะไรเกินตัวหรอก ไปนั่งรอไป๊”

“ไม่ล่ะ”

ผมไม่ไว้ใจให้พาร์จัดการเองแล้ว เลยอยู่ฟังพาร์คุยกับพนักงาน ท่าทางพาร์หาข้อมูลมาดีครับคุยได้ลื่นไหล ในขณะที่ผมเข้าใจมั้งไม่เข้าใจมั้ง ผมกับพาร์โดนวัดข้อมือข้างที่จะใส่ ผมเลือกมือข้างซ้าย จะได้ไม่เกะกะเวลาใช้มือขวา ส่วนพาร์เลือกมือขวาครับ

“ข้อความด้านในสลักตามนี้ครับ” พาร์ยื่นข้อความที่พี่ดินให้มาไป “ส่วนด้านนอก…”

เหล่มองผมทำไม?

พาร์ทำหน้าครุ่นคิด ก่อนหัวเราะเบาๆ แล้วตวัดเขียนข้อความลงกระดาษเป็นตัวเขียนอังกฤษ ผมชะโงกดูก็อ่านไม่ออก เหมือนไม่ใช่ภาษาอังกฤษ

“ภาษาอะไร?”

“ภาษาบ้านเกิดปู่กู”

“ประเทศอะไรเล่า”

“ไม่บอก”

“แล้วที่เขียนไปแปลว่าอะไร”

“ยังไม่ถึงเวลารู้”

ผมทำหน้าบึ้งใส่ พาร์ไม่สนใจ หันไปคุยรายละเอียดกับพี่พนักงานต่อ

“สลักสองประโยคนี้ทั้งสองวงเลยครับ ให้สองประโยคนี้อยู่คนละฝั่ง ฝังไพลินไว้ตรงนี้…”

ฟังพาร์พูดสักพักก็ชักปวดหัว ละเอียดทุกจุดจริงๆ ว่าจะอยู่ฟังจนจบ แต่ไม่ไหว เดินหนีไปนั่งรอที่เดิมดีกว่า หลังนั่งรอพลางจ้องแผ่นหลังพาร์ครู่ใหญ่ก็เผลอถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนหน้านี้ผมกับมันทะเลาะเรื่องกำไลพอสมควร แบบสำเร็จรูปก็ดีอยู่แล้ว แต่พาร์กลับไม่ถูกใจ จะสั่งทำท่าเดียว…ก็สมควรล่ะนะ ถ้ามันจะบอกความต้องการละเอียดยิบขนาดนี้

กว่าพาร์คุยกับพี่พนักงานเสร็จ ผมแทบหลับรอ

“กลับกัน”

พาร์ฉลาดเป็นบ้า เก็บใบเสร็จรับของไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ถ้าไม่อยากให้รู้ขนาดนี้ ผมไม่สนก็ได้

“แล้วจะได้ของเมื่อไหร่?”

“เดือนหน้า”

“เร็วชะมัด!”

“นี่ช้าแล้ว แต่กูอยากได้งานละเอียดเลยต้องให้เวลาทางช่างหน่อย”

“มึงดูจริงจังจนกูอึ้ง”

พาร์แค่ยิ้ม ไม่ตอบอะไรกลับมาสักคำเดียว ผมมองอย่างหมั่นไส้ เตะขามันไปหนึ่งที รอยยิ้มไม่หายดูกว้างขึ้นด้วย ผมยอมเปลี่ยนเรื่องดีกว่า

“คืนนี้กูไปค้างห้องเพื่อนนะ”

รอยยิ้มหุบฉับ “ไปกับใคร”

“คนเดียวสิ”

เห็นมันหงุดหงิด ผมกลับอารมณ์ดีขึ้นอย่างประหลาด ตัดสินใจไม่บอกรายละเอียด อยากอมพะนำดีนัก ขอทำบ้างแล้วกัน 

-------------

ผมเช็คของในเป้อีกครั้งว่าไม่ลืมอะไร ก่อนคล้องสายเป้ทั้งสองกับไหล่ เดินลงมาถึงชั้นล่างต้องผงะ มารดาที่เคารพกับน้องสาวที่น่ารัก กำลังยืนกอดอกมองเขม็งตรงมา ท่าทางเหมือนรอผมลงมายังไงอย่างนั้น

“พี่จะไปไหน?”

“คอนโดเพื่อน”

“เพื่อนคนไหนลูก”

ผมกำลังจะอ้าปากบอก เหลือบไปเห็นพาร์นั่งโซฟามองมาทางนี้พอดี แววตาไม่ต่างจากแม่หรือน้องสาวผมเลย

“อยากรู้ทำไมล่ะครับ? ทุกทีไม่เห็นเคยถาม”

“ตอนนี้แม่อยากรู้”

“น้ำก็อยากรู้”

“แต่ทีไม่อยากบอก” 

“พี่อ่ะ!” ยัยน้ำส่งเสียงขัดใจ

“งั้นแม่ไม่อนุญาตให้ลูกออกจากบ้าน!”

กลายเป็นผมที่อ้าปากค้างแทน ไหงวันนี้คุณนายของบ้านเข้มงวดจัง

“แต่ทีจำเป็นต้องไป งานนี้ไม่ไปไม่ได้” ผมพูดอย่างจริงจัง 

“งั้นเอาพาร์ไปด้วย แม่ถึงยอม”

ฮะ!

ผมหันมองคนนั่งตรงโซฟา ชักเริ่มตงิดๆ ใจ ว่ามันนี่แหละ สาเหตุที่แม่กับยัยน้ำโผล่มาดักหน้าผมถึงบันได

“แต่ทีกำลังจะสายนะแม่ รอพาร์เก็บของไม่ไหวหรอก”

ผมอ้างไปนู้น ที่จริงเหลือเวลาอีกเพียบ เพราะต้องแวะซื้อเสบียงติดมือไปตามที่เพื่อนขอ

“ถ้าอยากออกจากบ้าน ลูกต้องรอ”

ผมแอบเบ้ปาก พาร์ไปด้วยไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่มันไม่สนุกนี่สิ แล้วดูคนในบ้านเข้าข้างฝ่ายนู้นหมด อย่าถามหาพ่อนะ ยังไม่กลับ แถมมีคิวต้องไปรับตัวเล็กด้วย คงกลับบ้านมืดหน่อย ส่วนน้องสาวที่เหลืออีกคนก็ดูท่าจะเข้าข้างพี่ชายแท้ๆ เต็มที่

ผมยกมือยอมแพ้ “ครับๆ ทีอยู่รอแค่สิบนาทีนะ ช้ากว่านี้ให้มันตามทีไปเองแล้วกัน”

ถ้าตามถูกนะ

“พาร์ไปเก็บของเลยลูก ว่าแต่ค้างกี่คืน?”

“คืนเดียวครับ ถ้าต้องค้างเพิ่มเดี๋ยวทีกลับมาเก็บของที่บ้านเอง”

“ตามนั้นจ๊ะพาร์ อย่าลืมเอาชุดนักศึกษาติดไปด้วยนะ”

ดูสิ น้ำเสียงที่แม่พูดกับผมต่างกับพาร์สุดๆ ลำเอียงชัดๆ   

“งั้นทีมาช่วยแม่ทำครัวรอแล้วกัน”

อีกครั้งที่แอบเบ้ปาก ดูก็รู้ตั้งใจถ่วงเวลาผมชัดๆ แล้วขัดได้ที่ไหน ยัยน้ำก็ดีดี๊ช่วยแม่ด้วยการดึงเป้ออกจากไหล่ผม อุ้มไปวางแหมะบนโซฟา ปล่อยแม่ดึงผมเข้าครัว

ทำงานเป็นทีมดีจริงๆ

สิบห้านาทีต่อมา ผมก็โดนปล่อยตัวออกจากบ้าน โดยมีพาร์ตามหลังมาติดๆ ปลดล็อกรถปุ๊บขึ้นไปนั่งรอปั๊บเหมือนกลัวโดนทิ้ง ผมยักไหล่ เดินอ้อมไปขึ้นฝั่งข้างคนขับ ส่งกุญแจในมือให้ ในเมื่ออยากขับนักก็ปล่อยไปครับ

ผมคอยบอกทางเป็นระยะ ก่อนให้เลี้ยวรถแวะเข้าซุปเปอร์ใกล้คอนโดเพื่อน

พาร์เข็นรถให้ ส่วนผมเดินนำไปแผนกขนมขบเคี้ยว กวาดมาหลายอย่าง ต่อด้วยแผนกเครื่องดื่ม จบท้ายด้วยแผนกของสด ผมไลน์ถามเพื่อนแล้วว่ากินสุกี้ดีไหม หลายเสียงเห็นด้วย ที่ห้องต่อมีหม้อสุกี้ไฟฟ้าอยู่ กินแปดคนสบาย ตอนนั่งก็เบียดๆ กันหน่อย ผมเลยกวาดทั้งเนื้อทั้งผักมาเต็มที่ งานนี้ไม่อิ่มให้รู้ไป เหลือค่อยเอาไปทำอาหารเช้าต่อ เมนูก็รวมมิตรของสดที่เหลือผัดแห้งกับเส้นบะหมี่สำเร็จรูปครับ (หยิบบะหมี่สำเร็จรูปไปเผื่อแล้ว)

ผมเหลือบมองสีหน้าคนเข็นรถทุกครั้งที่เอาของไปใส่เพิ่ม หน้าพาร์ดำทะมึนขึ้นเรื่อยๆ ดูจากแววตาแทบจะงับหัวผมอยู่แล้ว เดาความคิดมันไม่ยาก ต้องนึกว่าผมไปคอนโดพี่พีทแหงๆ ปล่อยพาร์เข้าใจผิดไปครับ นี่ก็ยังไม่บอกเพื่อนๆ เลยว่าจะเอาคนนอกกลุ่มไปด้วย

ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์จากผมแล้วกัน

หลังจ่ายเงิน ผมเก็บใบเสร็จอย่างดี (ต้องเอาไปยืนยันเวลาหารค่าใช้จ่าย) ขับรถไปต่ออีกนิดหน่อยก็ให้พาร์ขับเลี้ยวเข้าคอนโดเป้าหมาย ช่วยกันหิ้วของพะรุงพะรังกดลิฟต์ไปชั้น18

ผมเหลือบมองคนข้างๆ เป็นระยะ แผ่รังสีทะมึนยิ่งกว่าตอนอยู่ในซุปเปอร์อีก

หลังออกจากลิฟต์ตรงไปหน้าห้องเป้าหมาย ด้วยความที่มือไม่ว่าง เลยใช้เข่ากระแทกประตูแทนการกดกริ่ง สักพักประตูก็เปิดออก

“อ้าว ไมไม่เรียกลงไปช่วยหิ้ว”

นอกจากคนเปิดประตู ยังมีเดินตามออกมาอีกสองคน ไม่ต้องพูดพร่ำทักทาย พวกมันก็กรูมาช่วยผมหิ้วของแล้ว เมื่อมือเริ่มว่างผมก็ชี้คนที่ยืนห่างออกไปหน่อย

“ไปช่วยคนนู้นด้วย”

เพื่อนทั้งสามชะงักกึก หันมองตามนิ้วผม ต่างฝ่ายต่างยืนตัวแข็งทื่อ ท่าทางจะติดสตันกันหมดทั้งสี่คน

“…ใครวะที”

แต่มีคนหนึ่งตั้งสติได้เร็วครับ สมเป็นคนของประชาชนชาวมหาลัยเรา

“คนที่พวกมึงอยากรู้จักไง”

############

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #206 เมื่อ27-10-2016 10:40:04 »

เค้าพากันมาเปิดตัวกับเพื้อนแล้ว 555555

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #207 เมื่อ27-10-2016 11:17:58 »

ขำพาร์จัง เด็กขี้หวง  :hao7:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #208 เมื่อ27-10-2016 11:29:45 »

เหยยยยยย เราพลาดเรื่องนี้ได้ยังไง มันดีงามพระราม8มากกก เราชอบมาก เราชอบนิสัยที ยิ่งตอนเรื่องของเดน คือมันตรงใจมาก คือเราไม่เข้าว่า ทำไมว่ามึีเพื่อนในกลุ่ม หลายคน มันชอบมีคนนึงที่ง่องแง๊งเกินไป เอาแต่ใจหน่อยๆ แล้วทำไมเพื่อนคนอื่นชอบโอ๋ คือ? เหตุผลเดียวกันที่ได้ยิน คือไม่อยากให้บรรยากาศในกลุ่มแย่ลง  เอิ่มมมม คือเราควรดัดนิสัยเพื่อนไหม ให้มองถึงส่วนรวมบ้าง อย่าเอาแต่ใจอย่างเดียว คุณไม่ใช้จุดศูนย์กลางของโลก ใจเค้าใจเรา คุณไม่อยากทำอย่างนู้น แล้วโยนให้เพื่อนทำมันสมควรแล้วหรือ ทั้งๆที่หน้าที่นี้ มันเป็นของคุณชัดๆ  เรื่องมีแฟนแล้วเปลี่ยนไป บางคนอาจจะคิดว่า มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ซึ่งมันก็ใช่แหละ แต่ถ้าบางเรื่อง เราเป็นตัวแปลในเรื่องนั้นด้วย เช่น ประเด็น ของ เดน กับ ยำยำ คือต่างฝ่าย ต่างเป็นเพื่อนไง นี่จะเข้าหน้าใครไม่ติดแน่นอน ถ้ามันทะเลาะกัน เราอาจจะเข้าข้างฝ่ายที่ถูก แต่! ต่างฝ่ายอาจคิดว่าตัวเองถูกก็ได้  หลังจากอ่านเรื่องนี้ ตอนที่แลกเปลี่ยนกันว่า ที จะย้ายฝ่ายไปอยู่ฝั่งยำ จะทำเป็นเพิกเฉย ไม่สนใจอย่างที่แล้วมา แล้วยำยำ ก็มีข้อเสนอแปลกๆ ซึ่งทำให้รู้สึกว่า เหมือนยำจะเบื่อเดนไปแล้ว หรือดูเหมือนไม่รักเลย ทำไมพูดเรื่อง ไปกินเหล้ากับเพื่อน เดินกับสาวอยู่ในเรื่องที่ต่อรองกันด้วย แต่พอมาอ่านถึงตอนปัจจุบันก็เห็นได้ว่า ก็เดนเป็นซะแบบนี้ ถ้ายำไม่ติดต่อไป ทำไมไม่ติดต่อกลับไปเอง และยังไปนอนกับคนอื่นได้หน้าตาเฉยอีก มันใช่หรอวะ แต่! ยำยำ มันยังมีกะใจมาถามหาความจริงกับทีก่อน ด่วนสรุป แล้วเข้าไปโวยแล้วเลิกกัน ตอนแรกที่คิดว่ายำยำไม่รัก ปัดตกไปเลย  ทีนี่เลยเริ่มคิดละว่า ปกติผู้ชายคบกับผู้ชาย กับ ผู้ชายกับผู้หญิงคบกันนั้น อาจไม่เหมือนกันก็ได้ มันอยู่ที่สไตร์ของแต่ละคู่ 


โอยยย เบนบ่นอะไรเยอะแยะเนี่ย อย่าพึ่งเบื่อกันนะ เบนขี่บ่นเงี่ยแหละ


ปล. เราชื่อเดียวกับคนสวย พันธมิตรปีก่อนเลย 55555 เรียนจบแล้วด้วยเหมือนกัน สงสัยเป็นคนเดียวกัน 55555555555


ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #209 เมื่อ27-10-2016 19:11:58 »

อ่อยยย!! อยากอ่านต่อละเนี่ยยย

มาไวๆน้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด