NOTE : ขออภัยสำหรับคำผิดค่ะ
Chapter 16
ใบไม้เดินตรงเข้าไปในโรงอาหารที่คนต่างเข้ามารวมกันในจุดๆเดียวในเวลาพักเที่ยง กวาดสายตาไปรอบๆก่อนจะเจอโต๊ะที่มีกระเป๋าคุ้นตาสองใบวางทิ้งไว้ คนตัวเล็กวางกระเป๋าไว้แล้วเริ่มมองหาเพื่อนทั้งสองคนที่แยกกันเมื่อตอนหลังเลิกเรียนภาคเช้าที่เขาต้องเอางานไปส่ง คนตัวเล็กต้องถอนหายใจแรงๆหนึ่งครั้ง เมื่อเจอเพื่อนทั้งสองคนยืนจ้องตาทำสงครามประสาทอยู่ที่ร้านขายน้ำโดยมีคนต่อแถวรอหลายคน
เห็นอย่างนั้นจึงรีบสาวเท้าเข้าไปทันทีก่อนจะพบว่าทั้งสองคนกำลังจ้องตากันอย่างดุเดือด ในมือทั้งสองคนจับแก้วที่บรรจุน้ำแข็งอยู่เต็มแก้ว ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไร ใบไม้เข้าไปแย่งแก้วใบนั้นทันที ไม่ต้องถามหรอกว่าสองคนนี้ทำไมต้องมาแย่งแม้กระทั่งแก้วน้ำแข็งเปล่าๆแก้วเดียว สิ่งที่ทำคือจับแยกก่อนที่ทั้งสองคนจะโดดใส่กันก่อนจะเป็นพอ แม๊กซ์ที่โดนแย่งของในมือไปก่อนค้อนใส่ใบไม้ทันที
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น นี่ของแก แม๊กซ์ ละนี่ของเอม ได้แล้วนะ”
ก่อนที่แม๊กซ์จะเปิดปากพ่นวาจาร้ายๆออกมา ใบไม้ก็พูดสวนขึ้นไปทันที แล้วจับแก้วน้ำแข็งเปล่าสองใบที่เหลือยัดใส่มือเพื่อนทั้งสองคน แล้วเดินหนีออกมาทันที โดยมีแม๊กซ์ถือขวดน้ำอัดลมตามมา
“คนมีความรักนี่ไม่ควรที่จะเผด็จการนะว่าไหม” เสียงแม๊กซ์ที่บ่นลอยๆตามมาด้านหลังทำให้ใบไม้ต้องหันไปค้อนใส่ แน่นอนว่าเมื่อถึงเหตุการณ์แบบนี้เมื่อไหร่คู่กัดอย่างเอมก็จะแปลงร่างกลายเป็นเพื่อนรักกันทันที
“คงงั้น แต่อย่างว่า คนแบบนี้คงจะเอาใจแต่ ‘ใครบางคน’ เท่านั้นแหละเนอะ” ใบไม้เม้มปากแน่น หน้าแดงก่ำทำเพื่อนตัวแสบทั้งสองคนหัวเราะคิกคัก เอมมาลินเข้าไปตบบ่าเพื่อนเบาๆแล้วบอกว่า “ทำดีแล้วนะใบไม้ พี่จอมทัพต้องรักต้องหลงแกมากแน่ๆ” พูดจบก็หัวเราะเสียงดังใส่ ก่อนจะเดินกอดคอหัวเราะไปกับแม๊กซ์ทิ้งให้ใบไม้ได้แต่ยืนหน้าแดงก่ำอยู่คนเดียว
“เฮ้ย...โอ๊ย!” ใบไม้ร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อมีแรงชนจากด้านหลัง ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ราดลงมาบริเวณแขน เสียงถ้วยหล่นลงบนพื้น พร้อมกับเสียงวี๊ดว๊ายที่ดังขึ้นมาจนทำให้ต้องหันไปมองด้านหลัง
“ว๊าย!!...ขอโทษนะคะ เจ็บมาไหม”
ใบไม้ที่หันไปเห็นคนที่ร้องออกมาก็ชะงักไปทันที ตอนแรกว่าจะบอกว่าไม่เป็นไรอยู่หรอก แต่พอเห็นหน้าคนทำ กับสีหน้าและแววตาที่สะใจและไม่สำนึกผิดสักนิด ก็ทำให้ผมต้องรู้สึกไม่พอใจทันที เมื่อคนทำไม่ใช่ที่ไหนหรอก ถ้าไปใช่เธอคนนั้นที่ชื่อนุช แฟนเก่าของพี่จอมทัพ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่เจ็บเท่าไหร่” ใบไม้กัดฟันพูด ไม่เจ็บที่ไหน เธอคนนี้แทบจะราดถ้วยน้ำซุปใส่ตัวเขาจนจะหมดถ้วยอยู่แล้ว! ที่พูดออกมานี่ฝืนทนความเจ็บเอาไว้ ไม่ยอมแสดงให้คนตรงหน้าได้เห็นเด็ดขาด หญิงสาวยิ้มได้ใจที่คนตรงหน้าดูท่าทางไม่พูดอะไรแล้วพูดต่อ
“ต้องขอโทษจริงๆนะ พี่เฟอะฟะไปหน่อย” ได้ยินอย่างนั้นคนตัวเล็กก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เหอะ เฟอะฟะเหรอ อย่าคิดว่าเขาโง่ไปหน่อยเลย ตรงนี้ไม่ใช่ที่ที่คนพลุกพล่านด้วยซ้ำ ถ้าประมาทถึงขนาดชนเขานี่คงต้องไปพบหมอรักษาตากันหน่อยแล้วล่ะ
“อ๋อครับ...นึกว่าเป็นผู้พิการทางสายตาเสียอีก” เอาจริงๆใบไม้ก็แอบอึ้งเล็กน้อยที่ตัวเองพูดออกไปแบบไม่ได้คิดแบบนั้น ช่างเถอะ ตอกกลับซะบ้างเดี๋ยวจะหาว่าอ่อนแอ
“นี่!!!...พูดว่าอะไรนะ!!” หญิงสาวกระโจนเข้ามาหาคนตัวเล็กทันที สายตาที่มองมาอย่างมาดร้ายทำให้ใบไม้ที่เห็นอย่างนั้นก็เชิดหน้าขึ้นใส่ปรายตามองอย่างไม่ยอมแพ้ และเสียงตะคอกอันดังทำให้คนรอบข้างต้องหันมาสนใจทันที
“นอกจากจะพบจักษุแพทย์แล้ว อย่ายืมไปตรวจหูด้วยนะครับ เดี๋ยวจะหนวกไปเสียก่อน” ใบไม้พูดด้วยท่าทางลอยหน้าลอยตาใส่ หญิงสาวเม้มปากแน่น มือทั้งสองข้างกำขึ้นมาจนเล็บในมือเล็กๆนั้นแทบจิกลงไปในเนื้อ เธอดูเด็กคนนี้ผิดไปจริงๆ!
“หุบปาก!!” หญิงสาวยกมือสั่นๆชี้หน้าใบไม้ด้วยความโมโห แรงโทสะทำให้เธอต้องหอบหายใจอย่างรุนแรง
“ผมขอโทษนะครับ ผมแค่เป็นห่วงคุณเฉยๆ จริงๆนะครับ” ใบไม้ยกมือขึ้นปิดปากแกล้งทำเป็นตกใจ ท่าทางแบบนั้นทำให้หญิงสาวแทบอยากจะร้องกรี๊ดออกมาเดี๋ยวนั้น
“หึ...ความจริงแกมันงูพิษ! ทีอยู่กับจอมทัพแล้วทำเป็นตอแหล อ่อนแอจะร้องไห้ แกล้งออดอ้อนออเซาะเขา ทั้งทีจริงก็ตอแหลทั้งเพ คิดจะแย่งของคนอื่นหรือไง อยากได้ผู้ชายจนตัวสั่นเลยล่ะสิ!!” ใบไม้หน้าตึงขึ้นมาทันที
“ผู้ชายคนนั้นก็อยากได้ผมจนตัวสั่นเหมือนกัน” หญิงสาวที่โกรธจนขีดสุดเมื่อได้ยินสิ่งที่ใบไม้พูดจบก็ตรงเข้ามาหาคนตรงหน้า ยกมือขึ้นหวังจะฟาดฝ่ามือลงไปบนแก้มใสๆของใบไม้ แต่ถึงอย่างนั้น ใบไม้ที่ตั้งตัวรับทันก็คว้าแขนเล็กๆของหญิงสาวได้ ก่อนผลักออกไปให้ห่างจากตัวเอง
“แกอยากลองดีกับฉันนักหรือไง!! ไอ้พวกผิดเพศ!!”
พูดพร้อมกระโจนเข้ามาหาใบไม้อีกครั้งพร้อมผลักคนตรงหน้าออกไปอย่างแรง ใบไม้ที่หงายหลังลงไปก็หลับตาปี๋ พร้อมรับความเจ็บปวด เอมมาลินและแม๊กซ์ที่วิ่งมาตั้งแต่เริ่มเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก็รีบเข้ามารับเพื่อนไว้ เอมมาลินรุดเข้ายืนปกป้องเพื่อนทันที
“นี่เธอ!...”
“ไม่ต้องเอม...ฉันพูดเอง” ใบไม้เข้ามาจับไหล่บางของเพื่อน แล้วมายืนแทนที่พร้อมประจันหน้าเข้าอย่างไม่ยอมแพ้ ใบหน้าเรียบนิ่งและสายหาโกรธจัดของเพื่อนที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็ทำให้เอมมาลินต้องถอยห่างออกไปยืนข้างแม๊กซ์
“ผมจะพูดแบบไม่อ้อมค้อมนะครับ ผมไม่ได้แย่งของใคร! พี่จอมทัพไม่ได้เป็นของใคร! แล้วผมก็ไม่ได้เข้าใจผิดไปเองด้วยในเมื่อพี่จอมทัพบอกผมเองแล้วว่าเลิกกับคุณนานแล้ว ผมไม่เคยยุ่งกับคุณ ไม่เคยทำอะไรคุณ คุณก็ไม่มีสิทธิที่จะมาทำร้ายและมาดูถูกคนอื่น! คนเราไม่ได้วัดค่ากับสิ่งที่เขาเป็น แต่วัดค่าจากสิ่งที่เขาคิดที่เขาทำต่างหาก แล้วผมก็ไม่ได้คิดชั่ว! ทำชั่ว! แบบใครบางคนด้วย!”
“แกมีสิทธิอะไรมาว่าฉัน!!” หญิงสาวรุดเข้ามาหาใบไม้ทันที แต่ก็ต้องชะงักและถอยกลับไปทันทีเมื่อเห็นสีหน้าเรียกกริบกับรอยยิ้มที่มุมปากของคนตรงหน้า
“ผมก็ไม่ได้ว่าใคร ก็แค่ยกตัวอย่าง ผมคิดว่าคนสวยๆและมีการศึกษาอย่างคุณคงเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด และผมหวังว่าต่อไปนี้คงจะไม่มีคุณมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตอีก”
หญิงสาวที่ได้แต่ยืนกำมือโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่เม้มปากแน่น ส่งสายตามาดร้ายมาให้ ก่อนจะสะบัดหน้าใส่และเดินกระทืบเท้าหนีไปทันที เมื่อเห็นหญิงสาวหายลับไปจากสายตาแล้ว คนที่เป็นคนเก่งเมื่อครู่ก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างแรง มือเล็กกุมไว้ที่อก ทรุดตัวลงกับพื้น เอมกับแม๊กซ์ที่เข้ามาพยุงใบไม้ไว้ก็ตกใจที่เห็นใบไม้ทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้
“อย่าคิดมากนะใบไม้ ไม่ต้องฟังที่เธอคนนั้นพูดทั้งนั้น ไม่ว่าแกเป็นยังไงฉันก็รับได้ทั้งนั้นแหละ” แม๊กซ์ลูบหลังเพื่อนเบาๆอย่างปลอบประโลม ในใจคิดว่าเพื่อนคงคิดมากที่โดนแฟนเก่าพี่จอมทัพว่าแล้วดูถูกใส่ แต่ใบไม้ที่ส่ายหน้าปฏิเสธก็ทำให้ต้องไม่เข้าใจขึ้นมา
“เปล่า...ไม่คิดมากหรอก เมื่อกี้ตื่นเต้นแทบตาย! ฉันล่ะกลัวจะโดนฉีกเป็นชิ้นจริงๆ จะโดนข่วนหน้าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้หัวใจงี้เต้นรัวจนจะแตกออกเป็นเสี่ยง ฉันไม่เคยทำแบบนั้นจริงๆนะ ให้ตายเถอะ! ฉันทำลงไปได้ยังไงเนี่ย”
“เมื้อกี้คือแกล้งทำเป็นเก่งว่างั้น?”
เอมถาม ใบไม้ได้แต่ยิ้มแหยๆใส่แล้วพยักหน้าเบาๆ เอมก็ได้ยิ้มขำใส่เพื่อนโดยมีแม๊กซ์ทำหน้าเมื่อยอยู่ข้างๆ เอาจริงๆเมื่อกี้แทบจะไม่ใช่ตัวเพื่อนเลย ความจริงก็ตกใจตั้งแต่ตอนแรกแล้วที่เห็นใบไม้ยืนต่อล้อต่อเถียงกับผู้หญิงคนนั้น ถ้าเป็นใบไม้จริงๆคงจะต้องได้แต่ยอมรับและพยายามบอกว่าไม่เป็นไรปัดๆไปให้เรื่องมันจบสักที แต่เมื่อครู่นี้ทำให้เพื่อนอย่างเธอต้องอึ้งทันที ที่เห็นใบไม้มีสีหน้าแบบนั้น และพูดแบบนั้นออกมาได้
“ฉันสู้คนที่ไหนพวกแกก็รู้”
“แต่เมื่อกี้นี้ก็สู้คนนี่” แม๊กซ์พูดพร้อมกับใบไม้ที่เบะปากทำหน้าอยากจะร้องไห้อีกครั้ง เพื่อนขายาวก็ได้แต่ยิ้มขำแล้วยีผมเพื่อนเล่นให้ใบไม้ได้ขัดใจทำหน้างอง้ำใส่ อยากจะให้เพื่อนเปลี่ยนอารมณ์ก็เท่านั้น นี่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่อีก “สู้คนบ้างก็ไม่ผิดหรอก สู้กลับตอนที่มีคนสู้มาก็พอ แต่เมื่อกี้เก่งจริงๆนะใบไม้ สมแล้วที่เป็นถึงทหารกล้าผู้พิชิตจอมทัพ”
แม๊กซ์พูดจบก็หันไปแท๊กทีมตีมือกับเอมมาลินทันที ใบไม้ได้แต่ทำหน้างอง้ำใส่ ตีไปที่แม๊กซ์แรงๆแกล้งทำเป็นโมโหเพื่อกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง ใบไม้กุ่มแก้มแดงร้อนของตัวเองพร้อมค้อนใส่เพื่อนที่ยืนหัวเราะเสียงดังใส่วงโต ทีเรื่องแบบนี้ชอบนักนะ ขอให้ได้แกล้งเถอะ ไม่ว่าจะสถานการณ์แบบไหนก็แกล้งได้ แซวได้ทั้งนั้น
เพื่อนตัวแสบทั้งสองคนนี้ก็เหมือนพี่จอมทัพนั่นแหละ ชอบแกล้งให้เขาเขินอยู่เรื่อย ไม่รู้ไปติดเชื้อมาหรือไง พี่ก็พอทน คุยกันมาเกือบสองอาทิตย์แล้วไม่มีวันไหนที่จะไม่ทำให้เขาเขินเลย ตอดเล็กตอดน้อยตลอด ขอให้ได้ทำ! แล้วยังมาเจอเพื่อนตัวแสบที่ชอบแท๊กทีมแซวเขาอยู่เรื่อยแบบนี้ จะบ้าตายจริงๆ!
“แล้วไหนดูแขนสิ เจ็บมากไหม?” เอมมาลินตรงเข้ามาจับแขนของใบไม้ขึ้นมาดู แล้วขมวดต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นรอยสีแดงไม่เล็กไม่ใหญ่มากบนบริเวณแขนเล็กของเพื่อน “มากเกินไปแล้ว! นี่มันน้ำร้อนนะ!”
เอมร้องออกมาเสียงดังเมื่อเห็นร่องรอยสีแดงบริเวณแขนของผม มันขนาดเท่าครึ่งฝ่ามือได้ ถึงอย่างนั้นก็ปวดแสบปวดร้อนอยู่พอสมควรเหมือนกัน แม๊กซ์ที่เข้ามาดูด้วยก็บ่นงำงัมใส่ แล้วลากผมไปห้องพยาบาลทันที ดูท่าวันนี้คงไม่ได้กินข้าวกลางวันแล้วล่ะ มีแต่เรื่องแบบนี้ เอมที่หิ้วกระเป๋าของเราสามคนตามมาก็บ่นอย่างหงุดหงิด
“ฉันจะจัดการยัยนั่นยังดี!! นี่คงอยากให้นายเจ็บตัวเต็มที่ แต่ดีนะที่โดนมาไม่เยอะ” ได้ยินอย่างนั้นผมก็ส่ายหัวเบาๆแล้วยิ้มบางๆให้
“ไม่เป็นไรหรอกน่า นิดเดียวเอง ช่างเขาเถอะ”
“แกก็อย่างนี้ตลอด แม๊กซ์! อย่าไปยอมนะนายต้องจัดการยัยนั่นกับฉันนะ” เอมเข้าไปเขย่าแขนเพื่อยขายาวแรงๆ แม๊กซ์ก็ได้แต่ระบายลมหายใจเบาๆ ยกมือลูบหัวเล็กของเพื่อนให้ใจเย็นๆ โดยมีใบไม้หรี่ตามองอยู่ข้างหลังอย่างจับผิด
“อย่าเลย เดี๋ยวเธอก็เจ็บตัวหรอก เรื่องนี้เป็นเรื่องของใบไม้ปล่อยให้เพื่อนได้ตัดสินใจเองเถอะ” เอมได้แต่ฮึดฮัดขัดใจโดยมีมือของแม๊กซ์คอยตบบ่าให้เบาๆ ถึงอย่างนั้นเอมก็ยังบ่นไปตลอดทาง
ผมไม่ได้ต้องการเอาเรื่องอะไรกับเธอมากหรอก แค่อยากให้ต่อไปนี้เธอไม่มายุ่งกับผมก็พอ ถึงจะแอบคิดไปว่าหลังจากนี้อาจจะมีเรื่องยุ่งวุ่นวายให้ได้ปวดหัวอีกแน่ๆ แต่ก็แค่หวังว่าเธอจะไม่มายุ่งกับอีก
________________________________________________
ใบไม้เงยหน้ามองอาคารตรงหน้าอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่ ขาเรียวก้าวเข้าสู่ตึกวิศวกรรมศาสตร์แล้วมองซ้ายทีขวาทีอย่างประหม่า ก่อนจะเดินไปถามเจ้าหน้าที่ถึงห้องปฏิบัติการณ์ แล้วเดินไปตามทางที่ชี้ทันที
วันนี้พี่ส่งข้อความมาว่าเลิกเย็นเพราะมีงานต้องทำ ให้กินข้าวไปเลยไม่ต้องรอ เอาจริงๆผมก็แอบใจหายเบาๆที่วันนี้ต้องมานั่งกินข้าวคนเดียวเหงาๆ แม๊กซ์ก็ติดเล่นเกมกับเมทบนห้อง ถ้ารอเจ้านั่นคงต้องมานั่งแสบท้องรอแน่ๆ ส่วนเอมมาลินก็หายวับไปช็อปปิ้งลูกฟุตบอลรุ่นใหม่ที่พึ่งออกวางขาย
มันชินไปแล้วที่เกือบสองอาทิตย์นี้มีพี่มากินข้าวเย็นด้วย คอยจับมือข้ามถนน เช้ามาต้องมีอะไรเล็กๆน้อยๆให้ผมได้กินตลอดเสมอ แต่วันนี้ก็รู้สึกแปลกๆไปเหมือนกันที่ไม่มีพี่คอยจูงมือข้ามถนนตอนเย็น ไม่มีพี่มานั่งกินข้าวด้วย ผมรู้สึกชินไป และถ้าเกิดว่าวันหนึ่งไม่มีพี่แล้วล่ะก็ มันคงแย่น่าดู
ผมหยุดอยู่หน้าห้องปฏิบัติการที่ว่า ส่งพูดคุยกับเสียงดังของเครื่องจักร อุปกรณ์ต่างๆดังขึ้นแทรกขึ้นมาเรื่อยๆ มองไปรอบๆหาคนที่กำลังหาอยู่ แล้วต้องถอนกายใจอย่างประหม่า ผมก้มมองถุงน้ำและขนมในมือที่เอามาให้พี่ ก่อนจะตัดสินในค่อยเดินเข้าไป ในนี้มีคนอยู่สักยี่สิบคนได้ มองซ้ายทีขวาทีก็ไม่เจอคนที่คุ้นหน้าเลยสักนิด เอ...หรือว่าพี่อยู่อีกห้อง
ผมหันหลังกลับ เตรียมเดินไปอีกห้องที่เห็นคนใช้อยู่เหมือนกัน ก่อนจะมีเสียงเรียกให้ผมหันกลับไปอีกครั้ง ผมเพ่งมองดีๆก็นึกได้ว่าคนที่เรียกเป็นเพื่อนกับพี่นั่นเอง
“มาหาจอมทัพเหรอ?”
“อ...เอ่อ...ครับ พี่เขาอยู่ไหนครับ”
เพื่อนพี่คนนั้นพยักหน้าเข้าใจก่อนจะกวักมือเรียกผมให้เดินตามไปในห้อง เข้าไปส่วนที่ลึกกว่านี้ สายตารอบๆที่หันมามองผมอย่างสนใจก็ต้องทำให้ผมต้องเดินตัวลีบเข้าไปอีก รู้น่าว่าไม่คุ้นหน้า แต่อย่าจ้องมาแบบแปลกๆแบบนั้นจะได้ไหม บางคนหันมาทักเพื่อนพี่แล้วถามว่าผมเป็นใคร เขาก็ตอบว่าเดี๋ยวก็รู้เอง แล้วทุกคนในห้องก็รู้คำตอบเมื่อคนตรงหน้าใบไม้หยุดเดินแล้วตะโกนออกมาเสียงดัง
“จอมทัพ!! เมียมึงมาหา!!”
มะ...เมีย!! เมียเหรอ?!!
แก้มของผมร้อนวูบวาบ แล้วต้องยืนตัวลีบเข้าไปอีกเมื่อคนรอบข้างโห่แซว พี่ที่เดินหัวยุ่งออกมาจากสักมุมของห้อง ทำให้ผมต้องรีบวิ่งเข้าไปหลบหลังพี่ทันที โดยยังมีเสียงโห่แซวอยู่ไม่ขาด
“พาเมียมึงมาส่ง”
เพื่อนพี่ยิ้มล้อเลียนใส่ ผมเงยหน้าเหลือบตามองพี่ว่าจะมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง แต่พี่ก็ยังคงคอนเซ็ปต์หน้านิ่งอยู่เหมือนเดิม พี่พยักหน้าเบาๆแล้วบอกขอบใจเพื่อน ก่อนจะเอาแขนดันตัวผมให้เดินออกไป ผมเงยหน้ามองพี่อีกครั้ง ก็พบกับรอยยิ้มที่มุมปากกับสายตาเป็นประกายจนผมต้องรีบก้มงุดลงไปทันที
“ทำไมมาถึงนี่ได้ล่ะเรา” พี่ถามก่อนจะเดินไปเลื่อนเก้าอี้มาให้ผมนั่ง ผมหันไปยิ้มทักทายพี่เตวินที่ทำงานอยู่ข้างๆ แล้วหันมาตอบพี่โดยต้องก้มหน้าหลบสายตาพี่อยู่
“คือ...ผมคิดว่าพี่คงยังไม่ได้กินอะไร เลยซื้อน้ำกับขนมมาให้กินรองท้องครับ” พี่ยิ้มแล้วพยักหน้าให้เบาๆ ก่อนจะหันไปยุ่งวุ่นวายกับเครื่องจักรตรงหน้าต่อ ผมเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้ๆก่อนจะถามเสียงเบาพร้อมแก้มแดงๆที่เห่อร้อนขึ้นมา “ทำไมพี่ ไม่ปฏิเสธพวกเขาไปล่ะครับ”
จอมทัพเลิกคิ้วถามเล็กน้อยก่อนจะหันไปปิดเครื่องจักรแล้วหันมามองคนตัวเล็กตรงหน้าอีกครั้ง “เรื่องอะไรล่ะ” จอมทัพยกยิ้มขึ้นมาบางๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องอะไร แค่อยากถามให้เขินเท่านั้น แก้มแดงๆแบบนั้นก็น่ามองน่าดูอยู่ไม่ใช่เหรอ?
“ก..ก็..ที่เพื่อนพี่เขาพูด” ผมก้มงุดลงมาพลางลูบแก้มตัวเองเบาๆแก้เขิน
“เรื่องอะไรเหรอ?” ผมยู่ปากใส่ทันที พี่แค่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งสิ้นและหัวเราะออกมาเบาๆให้ผมได้ขัดใจ นี่ไม่รู้จริงๆหรือรู้แต่แกล้งไม่รู้กันแน่ พี่น่ะชอบแกล้งผมอยู่เรื่อย ผมเหลือบตามองพี่ หายใจเข้าลึกๆก่อนจะพยายามอย่างยิ่งที่จะเค้นเสียงออกมา
“ที่เขาบอก..ว..ว่า..ผม..เป็น...มะ..ม..เมีย..พี่น่ะ” พูดจบพี่ก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง ผมก็ได้แต่ทำหน้างอง้ำใส่ พี่เท้าแขนกับเครื่องจักรแล้วหันมายิ้มมุมปากให้
“ไม่เห็นต้องปฏิเสธเลย”
“ทำไมล่ะครับ..ผม..ไม่ได้เป็นสักหน่อย”
พี่ไม่ได้พูดอะไรแค่ยิ้มแล้วมองหน้าผมเงียบๆ ผมก็ได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาแปลกๆแบบนั้น เขินเป็นบ้า ทำไมต้องจ้องหน้าแล้วมายิ้มด้วย ผมค้อนใส่พี่ ก่อนจะต้องรีบเอนหลังหลบเมื่อคนตัวสูงตรงหน้าก้มลงมาใกล้ๆ พี่บ้า...ก..ใกล้ไปแล้ว คนอยู่เยอะนะ!
“ไม่ต้องปฏิเสธหรอก”
“.......”
“เดี๋ยวเราก็ได้เป็นแบบนั้นจริงๆแล้ว”
จอมทัพพูดจบก็ยกยิ้มให้อีกครั้งแล้วกดจมูกลงมาที่แก้มใสนุ่มนิ่มและส่งกลิ่นหอมๆของคนตรงหน้า หันมาหัวเราะเบาๆกับคนตัวเล็กที่ดูเหมือนจะสติหลุดไปแล้วอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปเปิดเครื่องจักรแล้วลงมือทำงานอีกครั้งอย่างอารมณ์ดี
ใบไม้ที่สติหลุดไปแล้วก็ได้แต่นั่งตัวแข็งค้าง ตากลมๆเบิกกว้าง พร้อมกับแก้มใสที่ร้อนวาบจนแดงจัด ผมรู้ว่าพี่หมายความว่ายังไง แต่...ก็ไม่แน่ใจเท่านั้น คือ...พี่จะให้ผมเป็นแฟน หรือพี่คิดจะ...กับผม เฮ้ยยยย.. ไม่!! อย่าคิดเรื่องบ้าๆนะ!! แต่..แต่ มันน่าคิดนี่! แล้วไหนจะรอยร้อนๆที่แก้มนั่นอีก ฮืออ...พี่บ้า!
คนตัวเล็กหลับตาลง มือเล็กยกขึ้นมากุมหน้าอกตัวเอง ก่อนจะพยายามควบคุมลมหายใจเข้าออกลึกๆ ยุบหนอ พองหนอ หยุดใจเต้นแรงสักที เดี๋ยวก็ความดันขึ้นหรอก ก่อนจะสติจะกลับมาเมื่อได้ยินเสียงไอค่อกแค่กของเตวินที่อยู่ด้านหลัง ก็พบว่าเพื่อนพี่คนนี้กำลังกรอกตาเบะปากใส่พี่อยู่
“แหม...ยอมรับหน้าบานเลยนะมึง” จอมทัพไม่ตอบ แค่ยกยิ้มขึ้นมาบางๆก่อนจะยักคิ้วใส่เพื่อนกวนๆให้เพื่อนได้หมั่นไส้อีกครั้ง
เตวินก็ได้แต่ยักไหล่แล้วทำเสียงแหวะใส่ น่าหมั่นไส้จริงๆไอ้เพื่อนคนนี้ ทีตอนเขาแซวตอนนั้นก็ด่าเขา ทำไม่พอใจอย่างนั้นอย่างนี้ ให้เกียรติน้องบ้างล่ะ พอมาตอนนี้ก็ยิ้มรับหน้าบาน แถมยังทำงานไปอย่างอารมณ์ดี เตวินหันไปมองเพื่อนรอบๆก่อนจะเพยิดหน้าใส่อย่างรู้กัน หนีไม่รอดหรอก งานนี้เตรียมต้อนรับเพื่อนสะไภ้ได้เลย
____________________________________________
ใบไม้ที่นั่งสติหลุดเงียบๆคนเดียวไปพักใหญ่ เมื่อควบคุมทั้งลมหายใจกับหัวใจตัวเองได้แล้ว ก็ตัดสินใจเงยหน้ามองคนที่ยืนทำงานอีกครั้ง ใบไม้แอบมองใบหน้าด้านข้างที่ดูตั้งใจทำงานมากก็อดจะยิ้มกับตัวเองไม่ได้ อยู่กับพี่มาพักหนึ่งก็รู้ได้ว่าพี่มักจะยิ้มกับเขาบ่อยมากๆ แต่ถ้าอยู่คนเดียวหรืออยู่อยู่กับคนอื่นเมื่อไหร่ พี่ก็จะเก๊กหน้านิ่ง ตามนิสัยนั่นแหละ
ไม่อยากคิดไปเองเหมือนกัน แต่ก็คิดไปแล้วว่าพี่ยิ้มให้กับเขาคนเดียว ยิ้มบางๆไม่ได้ฉีกยิ้มกว้าง แต่ยิ้มถึงตา ก็แอบดีใจไม่น้อยที่ตัวเองเป็นคนหนึ่งที่พี่ยิ้มให้นอกจากเพื่อนๆหรือครอบครัว ตากลมไล่สายตามองรูปหน้าของคนตัวสูงอย่างชื่นชม ก่อนจะเลื่อนไปมองตาคมที่หันมามองอยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะสบตากันเงียบๆ
เป็นใบไม้ก่อนที่ได้สติ ก่อนจะหลบตาของอีกคน มานั่งก้มงุด เกาแก้มตัวเองแก้เขิน จอมทัพที่เห็นรอยริ้วแดงๆบนแก้มใสก็ยิ้มกับตัวเองอย่างอารมณ์ดี ตั้งแต่เจอใบไม้ก็มีแต่เรื่องดีๆให้เขาได้อารมณ์ดีได้ทุกวัน แก้มแดงๆ กับรอยยิ้มเขิน น่ารักน้อยซะที่ไหน คนตัวเล็กตรงหน้าเคยบอกว่าเขาร้ายกาจ ผิดแล้วใบไม้ต่างหากที่ร้ายกาจกับผม ทำให้ละสายตาจากเขาไม่ได้
“เอ่อ...คือ...พี่..หิวหรือยังครับ” ใบไม้ที่หลบตามองนู่นมองนี่อย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีก็พบกับถุงขนมที่วางไว้บนโต๊ะ
“นิดหน่อยน่ะ เรากินข้าวหรือยัง” จอมทัพพูดทั้งที่สายตายังจดจ่อกับงานอยู่
“กินแล้วครับ พี่จะกินขนมไหมครับ”
จอมทัพพยักหน้าให้เบาๆ ก่อนใบไม้จะรีบกุลีกุจอไปแกะถุงขนมที่ตัวเขาเองเห็นจอมทัพกินอยู่บ่อยส่งใส่คนตัวสูงทันที จอมทัพไม่ตอบ หันมามองหน้าใสที่ยังมีริ้วรอยแดงประดับอยู่ แล้วแบมือทั้งสองข้างให้ใบไม้ดู ใบไม้ที่เห็นอย่านั้นก็ได้แต่สงสัย ก่อนจะเข้าใจเมื่อพบว่ามือทั้งสองข้างที่สวมถุงมือเต็มไปด้วยรอยดำของน้ำมันเครื่อง
ใบไม้ที่เห็นอย่างนั้นเม้มปากแน่นๆ ตาเหลือบมองพี่ที มองขนมที ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หยิบขนมในถุงแล้วเอาไปจ่อที่ปากคนที่กำลังตั้งใจทำงานอยู่ พร้อมกับแก้มที่ขึ้นสีแดงจัด จอมทัพก็ได้แต่ยกยิ้มให้กับการกระทำของคนตัวเล็ก แล้วอ้าปากรับขนมเข้าไป ใบไม้ก็ได้แต่หน้าร้อนเข้าไปใหญ่เมื่อริมฝีปากของคนตรงหน้างับเข้ามาโดนนิ้วของตัวเองด้วย
“โอ๊ย! นี่มันไม่ใช่ที่ที่จะมาหวานกันนะ เห็นใจคนโสดอย่างพวกกูบ้าง!” เตวินที่ทนไม่ไหวจากการลอบสังเกตทั้งสองคนมานานก็เท้าเอวเอ่ยปากแซวอย่างเหลืออดทันที ยิ้มให้กันบ้างล่ะ จ้องตากันบ้างล่ะ แล้วนี่ป้อนขนม โอ๊ย เบื่อพวกมีโลกสีชมพู!!!
จอมทัพไม่ตอบ หันไปมองเพื่อนก่อนจะส่งเสียงหึในลำแล้วมองเพื่อนอย่างเย้ยหยัน เตวินได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันยกนิ้วชี้หน้าเพื่อน ใบไม้ที่เห็นท่าไม่ดีก็เอ่ยห้ามทัพทันที
“พี่เตวินครับ ผมซื้อขนมมาฝากด้วยนะครับ มาเผื่อทุกคนเลย”
เตวินได้ยินอย่างนั้นก็สะบัดหน้าใส่จอมทัพด้วยท่าทางแสนงอนแล้วตรงไปที่ถุงขนมของใบไม้ทันที ใบไม้ก็อดขำไม่ได้กับท่าทางของทั้งสองคน แล้วกันไปป้อนขนมจอมทัพด้วยความเขินอีกครั้ง จอมทัพที่ส่ายหัวเบาๆให้เพื่อนก็หันมารับขนมเข้าปาก ก่อนจะชะงักไปเมื่อสังเกตเห็นรอยแดงๆบนแขนเล็กที่โผล่ออกมาจากแขนเสื้อนักศึกษา
“นี่รอยอะไร?!” จอมทัพหันไปปิดเครื่องอีกครั้งก่อนจะถอดถุงมือแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี ขว้าแขนเล็กๆของคนตรงหน้าขึ้นมาดูอย่างไม่สบอารมณ์ ใบไม้ได้แต่ตกใจรีบดึงแขนเสื้อปิดไว้อีกครั้ง นี่อุตส่าห์ปิดไว้แล้วนะ พี่ยังจะสังเกตได้อีก
“ไม่มีอะไรครับ” จอมทัพขมวดคิ้วฉับเมื่อได้ยินอย่างนั้น กระชับแขนเล็กที่กำลังบิดออกจากกอบกุมแน่นขึ้นยกมาดูอีกครั้ง พลางร่นแขนเสื้อที่คนตัวเล็กพยายามปิดร่องรอยออกไป ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นมากกว่าเดิม
“ไปโดนอะไรมา” เมื่อลองสำรวจดูดีๆอย่างละเอียดจอมทัพก็เงยหน้ามองใบไม้ทันทีด้วยสายตาคาดคั้น “น้ำร้อนลวก? ทำไมถึงโดนน้ำร้อนลวก?” จอมทัพลูบแขนเล็กเบาๆอย่างทะนุถนอม ก่อนจะเป็นใบไม้ที่สะดุ้งขึ้นมาเมื่อมือนั้นไปโดนรอยแดงบนแขนตัวเอง “เจ็บเหรอ?”
“น..นิดหน่อยครับ...ผมไม่เป็นไรแล้วครับ” ความปวดแสบปวดร้อนยังคงอยู่แต่ใบไม้ก็ยังทนได้ แต่พอพี่มาลูบโดนก็อดจะเจ็บขึ้นมาไม่ได้เหมือนกัน
“ไปเถอะ พี่จะพาเราโรงพยาบาล” ใบไม้ที่ได้ยินอย่างนั้นก็ได้แต่ร้องตกใจ ดึงรั้งแขนแข็งแรงของจอมทัพไว้พลางลูบไปลูบมาหวังให้จอมทัพได้ใจเย็นๆ
“ไม่...ไม่เป็นไรจริงๆครับ แม๊กซ์กับเอมพาผมไปห้องพยาบาลแล้วครับ พี่ทำงานต่อเถอะครับ...นะครับ”
ใบไม้ที่ลูบแขนแข็งแรงของจอมทัพไปมาก็ช้อนตามองทันที จอมทัพที่เห็นอย่างนั้นก็ได้ระบายลมหายใจเบาๆ ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคนตัวเล็กตรงหน้าถึงได้เจ็บตัวบ่อย ทั้งโดนบีบ โดนดึง โดนกระชาก แล้วแขนเล็กที่ดูบอบบางในสายตาของเขาก็จะแดงขึ้นมาให้หงุดหงิตลอด จริงมันก็ไม่เป็นไร เป็นเขาของเองที่เป็นห่วงมากไปเอง แต่ก็อดไม่ได้จริงๆ แล้วครั้งนี้ก็ต้องตามใจอีกจนได้ ทั้งที่ตัวเขาเองเป็นห่วงมากขนาดนั้น
“แล้วพี่จะกลับมาคุยกับเราทีหลัง”
จอมทัพยกมือขึ้นลูบหัวกลมเบาๆ แล้วหันไปทำงานต่อด้วยสีหน้าที่ไม่เหมือนเดิม คิ้วขมวดแน่นดูเหมือนจะหงุดหงิดแบบนั้นก็ให้ใบไม้ได้แต่ระบายลมหายใจเบาๆ ตอนแรกคิดจะปิดพี่ เพราะพี่คงต้องหงุดหงิดไม่พอใจแบบที่เห็นแน่ แค่ไม่อยากให้พี่เป็นห่วง พี่จะเป็นห่วงผมทุกครั้งที่ผมเป็นอะไร แม้จะเล็กๆน้อยๆ ถึงจะดูมากเกินไปแต่ผมก็รู้สึกดีจริงๆ เรื่องวันนี้อาจจะโดนมีซักจนหมด แล้วคงต้องทำให้พี่หงุดหงิดกว่านี้แน่ๆ
ใบไม้หยิบขนมแล้วยื่นไปจ่อปากจอมทัพอีกครั้ง แค่อยากให้พี่หายหงุดหงิดบ้าง ตาคมที่ดูหงุดหงิดหันมามองก่อนมันจะอ่อนลงเมื่อเห็นคนตรงหน้าส่งยิ้มสดใสมาให้ จอมทัพระบายลมหายใจออกมาอีกครั้ง ยกยิ้มให้ก่อนจะรับขนมที่คนตัวเล็กส่งมาเข้าปาก
ผมบอกแล้วว่าคนที่ร้ายกาจน่ะ....เป็นใบไม้ต่างหาก
__________________________________________________
Talk : ทุกคนคงเกลียดตัวร้าย
แต่อยากให้โฟกัสที่คำพูดอิพี่ค่ะ มันหมายความว่าไงงง ><
ตอนนี้ข้ามขั้นมาหอมแก้มน้องแล้วนะคะ
เรื่องนี้เขียนเองก็เขินเองตลอดทั้งเรื่อง
ติดแท๊ก #เดอะแก๊งค์เสื้อช็อป มาคุยกันได้นะคะ^^
ขอบคุณทุกคนค่ะ