เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 4 : #นาคินทร์อนุชา
เขียนโดย : +Memew+
+CHAPTER 16 : หัวใจตรงกัน [ตอนจบ]
ผมสะดุ้งเฮือกขยับลุกนั่ง
ฝัน!!
เมื่อคืนผมฝันว่ามีอะไรกับนาคินทร์ หรือว่าผมมีอะไรกับนาคินทร์จริง ๆ กันแน่
แล้วสิ่งที่ฟ้องว่าผมไม่ได้ฝันไปแน่ ๆ ก็ปรากฏลงมาเป็นทาง ผมเม้มปากแน่น รู้สึกดีใจมาก ๆ ถึงจะหน่วงหน่อย ๆ ก็เถอะ ขยับลุกยืน รีบทำความสะอาดทำลายหลักฐาน คว้าผ้าเช็ดตัวเดินออกจากห้องไป สายโด่งเลย ไม่เห็นใครสักคน ผมเดินเข้าห้องน้ำไปชำระล้างร่างกาย นึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ก็รู้สึกดีใจไม่หาย
นาคินทร์รักผม นาคินทร์ปรารถนาผม และผมก็ได้บอกความรู้สึกนาคินทร์ไปแล้ว ไม่รู้ว่าคนตัวสูงจะเข้าใจแบบไหน หนาวขนาดไหนผมก็จำต้องอาบน้ำเพราะเหนียวไปหมดทั้งตัว เดินตัวหอมฉุยออกไป วันนี้ต้องเดินทางกลับแล้ว เสียดายมาก ๆ ผมตากผ้าเช็ดตัวไว้ เดินออกไปนอกบ้าน เห็นคนตัวสูงที่กอดผมเมื่อคืนกำลังสาละวนอยู่กับมอเตอร์ไซค์เก่า ๆ คันนั้น ผมเดินเงียบเข้าไปหา
“ทำอะไร”
นาคินทร์หยุดมือที่ทำอยู่ลง หันมามอง ดวงตานั้นสบผมนิ่ง ๆ ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี มันกระดาก มันอาย มันภูมิใจ มันหวาด ๆ ผสมปนเป
“หิวรึยังครับ”
“นิด ๆ”
นาคินทร์ขยับลุก เช็ดมือ
“เดี๋ยวนาคินทร์ไปเตรียมอาหารให้”
“พ่อกับแม่ล่ะ”
“พอดีหลานตาใบเขาคลอดลูก พ่อกับแม่ไปผูกแขนรับขวัญเด็กครับ เดี๋ยวก็กลับ” ผมไม่ได้ถามต่อถึงพิธีแบบโบราณ ๆ ที่ว่านี้ เดินเคียงไปกับคนตัวสูงเข้าไปในครัว
นาคินทร์จะรู้สึกเหมือนผมไหมนะ
นาคินทร์ยกกับข้าวและตักข้าวให้ผมหนึ่งจาน ผมนั่งกินคนเดียวเงียบ ๆ ไม่บ่นอีกเหมือนเคยว่านาคินทร์ไม่กินด้วย ผมกินไปสองจานเลย
“หิวมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“อร่อย”
นาคินทร์หัวเราะ
“ซ่อมเหรอ ไม่เอาเข้าร้านล่ะ”
“แค่ซ่อมเท่าที่ซ่อมได้ มันต้องมีเครื่องมือกับอุปกรณ์เสริม นาคินทร์ซ่อมแค่บางส่วนเดี๋ยวที่เหลือค่อยส่งร้าน จริง ๆ ไม่ต้องซ่อมก็ได้ ไม่มีใครใช้อยู่แล้ว”
“นาคินทร์ไม่เอาไปใช้ล่ะ ไว้เป็นเพื่อนเจ้าปุโรทั่งที่บ้าน”
นาคินทร์หัวเราะ
“นาคินทร์กลัวว่าวิ่ง ๆ ไปแล้วล้อวิ่งนำไปก่อนเหมือนกันครับ”
ผมนึกภาพตามแล้วหัวเราะ นาคินทร์เก็บสำรับหลังผมกินอิ่ม กลับไปเช็กรถต่อ ผมนั่งมอง ถ่ายรูปอัพเฟซอีกนิด อยากพูดถึงเรื่องเมื่อคืน แต่นาคินทร์ก็เงียบเหลือเกิน
“นาคินทร์จะลองไปซื้อเครื่องมือมาซ่อมดู คุณหนูจะรออยู่นี่หรือ...”
“ฉันจะไปด้วย!!”
ผมโพล่งขึ้นก่อนนาคินทร์จะพูดจบ นาคินทร์หัวเราะ
“ครับ งั้นรอเดี๋ยว”
นาคินทร์เดินเข้าบ้าน ไปหยิบกุญแจรถกับกระเป๋าเงิน
“ซื้อใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ”
“ของหลานก็มีครับ นาคินทร์ซ่อมไว้เฉย ๆ”
ผมไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็พยักหน้า คงให้อารมณ์เหมือนเจ้าปุโรทั่งล่ะมั้ง
“มันคงเป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับเจ้าปุโรทั่งแน่ ๆ นาคินทร์ถึงได้ใส่ใจขนาดนี้”
นาคินทร์หัวเราะ เดินไปเปิดประตูรถให้ผมนั่ง แล้วตัวเองก็เดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ นาคินทร์สตาร์ทเครื่อง หมุนกระจกรถลงทั้งสองด้าน คงหวังรับลมจากธรรมชาติ หันมามอง
“คุณหนู”
“หือ”
ผมครางรับ คาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จพอดี นาคินทร์ทำท่าจะถามอะไรสักอย่าง แต่ปิดปากเงียบลง
“เปล่าครับ”
แล้วนาคินทร์ก็หันไปสับเกียร์พารถออกจากรั้วบ้านที่เปิดอ้าไว้ตลอดนั้นไป ลมจากธรรมชาติโบกผมผมจนปลิวสะบัด อากาศดีจริง ๆ ขามาไม่ได้เปิดกระจกลงแบบนี้เลยไม่รู้ว่าวิวมันดีสุดยอดขนาดนี้
ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ
“อากาศดีจัง”
“ดีใจที่คุณหนูชอบ”
ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงร้านขายอุปกรณ์รถ มันเป็นร้านเล็ก ๆ นาคินทร์เข้าไปเช็กดูในขณะที่ผมยืนรับลมรอ ชักหิวน้ำ ผมเดินไปยังร้านขายของชำข้าง ๆ ซื้อชาเขียวเย็น ๆ มาขวดหนึ่ง
อย่าถามว่าทำไมผมไม่ซื้อมาสองขวด เพราะผมมีเหตุผล
“นาคินทร์”
ผมเดินเข้าไปหาคนตัวสูง นาคินทร์ยังหน้านิ่วถืออะไรที่คล้ายกับท่อสองชิ้นมองสลับกันไปมา คงเลือกไซส์หรือสีล่ะมั้ง นาคินทร์หันมามอง ผมยื่นชาเขียวที่เปิดฝามีหลอดดูดพร้อมไปให้ ผมถือขวดมือหนึ่ง อีกมือจับหลอดไว้ จ่อมันใกล้ปากคนตัวสูง
นาคินทร์มองอึ้ง
“อร่อยนะ”
ผมพูดเสียงแผ่ว นาคินทร์มองหน้า กะว่าถ้านาคินทร์ปฏิเสธจะบังคับแล้ว แต่นาคินทร์ก็ก้มลงดูดใส่ปาก ผมยิ้มอย่างพอใจ จ้องมองดวงตาคมไม่เลื่อนไปไหน นาคินทร์ก็ไม่ละดวงตาไปไหนเหมือนกัน
ผมเผยอปากนิด ๆ อย่างเคยชิน ดวงตาคู่นั้นละสายตามองนิดหนึ่ง ผมกลืนน้ำลาย รู้สึกหวิวในหัวใจยังไงแปลก ๆ
เสียงเจ้าของร้านเดินเข้ามา นาคินทร์รีบละปากจากหลอดทันที ผมก็ดึงขวดน้ำกลับเหมือนกัน
“เอานี่ไหม ใกล้เคียงหน่อย”
เขายื่นไอ้สิ่งที่นาคินทร์กำลังเลือกอยู่มาให้ นาคินทร์วางไอ้ที่อยู่ในมือลง รับมาเช็กดู
“ครับ แบบนี้แหละ ขอบคุณมาก”
นาคินทร์ยื่นสิ่งนั้นคืนเจ้าของร้าน เดินดูอย่างอื่นต่อ นาคินทร์บอกซื้อที่นี่ถูกกว่าในห้างใหญ่ ๆ เสียอีก เราได้ของมากันพอประมาณ ราคาย่อมเยา นาคินทร์วางของไว้กระบะท้าย เปิดประตูให้ผมนั่งตามเดิม
นาคินทร์ขับรถช้า ๆ พาผมกลับบ้าน ไปถึงก็ลงมือซ่อมทันที เราช้ามากไม่ได้ครับ เพราะเดี๋ยวต้องตีรถกลับกรุงเทพ ผมนั่งบนเปลญวนมอง นาคินทร์ทำไปเช็ดเหงื่อไป
ผู้ชายคนนี้ชอบทำงานใช้แรงจริง ๆ
“ดื่มน้ำหน่อยพ่อช่างคนเก่ง”
ผมลุกจากเปลเดินไปยื่นน้ำให้ นาคินทร์อ้าปากดื่มเหมือนเคย ผมนั่งยอง ๆ ข้าง ๆ ส่องดู
“ซ่อมได้แน่เหรอ”
“ไม่มีอะไรที่นาคินทร์ซ่อมไม่ได้ครับ”
ผมพยักหน้า กลับไปนั่งบนเปลมองเหมือนเดิม หน้านาคินทร์มอมเพราะคอยใช้แขนเช็ดเหงื่อ ผมมองขำ ๆ นาคินทร์เงยหน้ามอง
“หัวเราะอะไรนาคินทร์ครับ”
“หน้ามอมหมดแล้ว”
นาคินทร์ยิ้มทั้งที่หน้ายังเปื้อน
“สภาพคนทำงานก็แบบนี้แหละ ไม่ได้สะอาดสะอ้านเหมือนคนทำงานในห้องแอร์หรอกครับ”
ผมเลิกคิ้วสูง ยิ้มนิด ๆ
“แต่ฉันชอบมองหน้ามอม ๆ ของนาคินทร์มากกว่าหน้าสะอาด ๆ ของคนในห้องแอร์นะ”
นาคินทร์มองตาผมนิ่ง ขยับใช้แขนเช็ดอีกทีให้หน้ามอมยิ่งกว่าเดิม
“แต่มอมมาก ๆ ก็ไม่ไหว” ผมส่ายหัว นาคินทร์หัวเราะมองแขนตัวเอง สงสัยจะไม่รู้ว่าแขนเปื้อน หันไปซ่อมรถต่อ
ผ่านไปชั่วโมงหนึ่งได้ นาคินทร์ก็สตาร์ทเครื่อง เสียงมันดังกระหึ่ม ผมตาโตเลย ไม่คิดว่าจะติด นาคินทร์ทดสอบเครื่อง บิดเบิ้ล ๆ หลาย ๆ ที กระทั่งแน่ใจว่าไม่ดับแล้วจริง ๆ ถึงได้ดับเครื่องลง ตรวจเช็กไปรอบ ๆ อีกรอบ แล้วเอามันไปล้าง
คราวนี้ผมนึกสนุก
“ฉันช่วย”
นาคินทร์ไม่ปฏิเสธ ผมจับสายยางฉีดใส่ตัวรถ ในขณะที่นาคินทร์เอาฟองน้ำผสมน้ำยาล้างมอเตอร์ไซค์ขัดไปทั่ว นาคินทร์ค่อนข้างจะทำงานละเอียด ทุกซอกทุกมุมเลย ผมปิดก๊อกระหว่างรอนาคินทร์ล้างด้วยน้ำยาขัด จุดไหนที่เรียบร้อยผมก็ฉีดน้ำ
ผมแกล้งตวัดน้ำใส่คนตัวสูงนิดหนึ่ง นาคินทร์มองหน้า ผมหัวเราะหึ ๆ แกล้งฉีดมากขึ้น
“นาคินทร์เปียกหมดแล้วครับคุณหนู”
“เดี๋ยวก็ต้องอาบน้ำแล้ว ฉันช่วยไง”
“อย่าครับ”
นาคินทร์ห้ามไปขัดรถไป ผมก็แกล้งฉีดตัวคนล้างรถบ้าง ฉีดใส่รถบ้าง กระทั่งนาคินทร์ขอสายยางคืนผมถึงได้ส่งให้ดี ๆ นาคินทร์ฉีดล้างจนสะอาดเอี่ยม ลองสตาร์ทเครื่องอีกรอบ
“ขอผมไปอาบน้ำก่อน แล้วจะลองขับทดสอบรถดู”
ผมพยักหน้า นั่งเปลคอย แม่กับพ่อกลับมากันพอดี พอเห็นรถถูกซ่อมก็พากันชื่นชมใหญ่
คอยไม่นานนาคินทร์ก็แต่งตัวเรียบร้อยออกมา
“คุณหนูคอยอยู่นี่ก่อนนะครับ”
“ไปด้วยสิ”
นาคินทร์มองหน้า ก่อนพยักหน้ารับ นาคินทร์สตาร์ทเครื่อง ผมนั่งซ้อน
“ไม่น่าเชื่อว่ามันจะวิ่งได้”
นาคินทร์ขับช้า ๆ พาผมออกไปนอกตัวบ้าน ทดสอบขับไปรอบ ๆ อีกนิด พอให้รู้สึกว่ามันไม่ดับระหว่างทางก็โอเค
“นี่ถ้าเครื่องเกิดดับระหว่างเราทดสอบ คงเดินกันขาลาก”
นาคินทร์หัวเราะ
“นาคินทร์ไม่ยอมให้คุณหนูเดินเองแน่ ๆ”
“ทำไม จะเอาฉันขี่คอเหรอ”
นาคินทร์ส่ายหน้า
“จะจับนั่งบนรถแล้วนาคินทร์จูง”
“ฉลาดมาก”
เราพารถกลับบ้าน ขนของเตรียมตัวกลับกรุงเทพ แอบเสียดายครับ ผมรู้สึกผูกพันกับที่นี่แปลก ๆ ผมไหว้พ่อกับแม่นาคินทร์ประหนึ่งเป็นพ่อกับแม่ตัวเอง พวกท่านเอ็นดูและเคารพรักผมมาก ฝากฝังให้ผมดูแลเขา ผมรับปาก เราออกเดินทางกันอีกครั้ง ไม่มีโอกาสได้ลาญาติคนอื่นของนาคินทร์เลย แต่ทุกคนรู้แล้วว่าเราจะกลับกันช่วงเวลานี้ของวัน
“ไม่อยากกลับเลย”
“ไว้ช่วงไหนว่างหรือหยุดยาว ๆ นาคินทร์จะพามาอีก หรือถ้าคุณหนูไม่ได้ไปเที่ยวไหนช่วงสงกรานต์นาคินทร์จะพากลับมาเล่นน้ำสงกรานต์ที่นี่”
“น่าสนุก”
ผมตาวาว นาคินทร์ยิ้ม ผมนั่งนิ่งนึกย้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นความทรงจำที่ดีจริง ๆ
“ฉันคงคิดถึงดวงดาว คิดถึงทุกคนที่นี่”
“ดวงดาวทุกดวงที่นี่ก็คิดถึงคุณหนูเช่นกัน”
ผมหันไปมองคนพูด ยิ้มให้นิด ๆ
รถกลับมาถึงกรุงเทพก็ดึกมากแล้ว เราต่างแยกย้ายกันเข้าบ้าน ผมคิดถึงค่ำคืนที่ผ่านมาจริง ๆ อยากถามนาคินทร์ให้แน่ใจถึงความรู้สึกแท้จริงที่นาคินทร์มีต่อผมด้วย
นาคินทร์รักผมแบบไหน
อยากให้เวลาหยุดลงเพียงแค่นั้นจริง ๆ ไม่อยากกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงเลย
ผมกับนาคินทร์ตื่นไปทำงานเหมือนเดิม ผมกะว่าคืนนี้แหละ ผมจะถามนาคินทร์แล้ว อย่างน้อยถ้าไม่ได้คิดอะไร ผมจะได้วางตัวถูก แต่ถ้าคิดจะได้พูดคุยกันว่าจะเอายังไงต่อไป
ผมนั่งกัดเล็บ แอบเครียดครับ ถ้านาคินทร์ปฏิเสธ ผมจะทำหน้าแบบไหน จะแก้ยังไง
จะยอมแพ้ หรือจะหน้าด้านขอนาคินทร์คบ
ผมนิ่งคิดกระทั่งถึงเวลากลับบ้าน ผมไม่ได้กลับพร้อมนาคินทร์เพราะออกหาลูกค้ากับคนที่แผนก กว่าจะแล้วเสร็จก็ดึกเพราะดันดื่มกันต่อ ผมว่าแผนกนี้นอกจากจะทำงานเก่งยังดื่มเก่งด้วย ขืนทำงานแผนกนี้มาก ๆ ผมมีสิทธิ์เป็นขี้เหล้าได้ง่าย ๆ นะ จะกลับก่อนก็ไม่ได้ เพราะกลับก็ต้องรอกลับพร้อมกัน
ผมจำต้องนั่งดื่มอย่างเสียไม่ได้ ได้ยินเสียงมือถือดังเบา ๆ ผมล้วงมากดรับ
“คุณหนูอยู่ไหนครับ” เสียงของนาคินทร์ ผมยิ้มนิด ๆ
“ร้านเหล้า โดนลากมาเลี้ยง”
“ร้านไหนครับ”
ผมบอกชื่อร้านและสถานที่ไป แอบกระซิบกรอกเสียงลงไปว่าให้มารับหน่อยเพราะอยากกลับจะแย่แล้วแต่โดนดึงตัวไว้ นาคินทร์รับปาก ผมยิ้มดีใจที่นาคินทร์จะมา
ผมโดนบังคับให้กินอีกนิด กระทั่งเห็นใครบางคนยืนหันซ้ายหันขวา ก่อนมองเห็นผม ผมยกมือให้ นาคินทร์เดินตรงมาหา
“ผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะ มีคนมารับแล้ว”
“อ้าว ๆ เฮ้ย ได้ไง กินด้วยกันก่อน”
ผมบุ้ยปากไปทางนาคินทร์
“เกรงใจเขา อุตส่าห์ขับรถมารับ”
ผมชิ่งออกมาจากวงเหล้าทันที ลากแขนนาคินทร์กลับบ้าน
“ไม่ไหว ขอย้ายแผนกด่วน ๆ”
นาคินทร์หัวเราะขำ ๆ เขาเปิดเพลงให้ผมฟังเบา ๆ ตอนนั่งรถ เพลงเพราะมาก แม้รถจะติดแต่ผมก็รู้สึกมีความสุข
“นาคินทร์”
ผมหันไปทางคนตัวสูง
“ครับ”
“เดี๋ยวฉันมีเรื่องจะคุยด้วยนะ อาบน้ำเสร็จจะลงไปหา”
นาคินทร์หันมามองหน้า พยักหน้ารับเบา ๆ
ผมกลับเข้าบ้าน รีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดที่คิดว่าน่ารักที่สุด ลงไปข้างล่าง เห็นนาคินทร์นั่งห้อยขาอยู่บนเปลนอนที่นาคินทร์เคยทำไว้ให้ผมนอนเล่นนั่นแหละ ดวงตาเหม่อมองผ่านทิวไม้ ปลายทางเป็นดาวเหนือที่นาคินทร์เคยบอก มันมองเห็นได้จากที่นี่จริง ๆ ด้วย
ผมเดินช้า ๆ เข้าไปหา แต่เผลอเหยียบใบไม้กิ่งหนึ่งเข้า ผมหยุดเดินนาคินทร์ละสายตาจากท้องฟ้าหันมามอง วันนี้นาคินทร์เปิดไฟไว้แค่ดวงเดียว มันสว่างเรือง ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่เราไปดูดาวกันกลางทุ่งนา ผมขยับเดินเข้าใกล้ เงยหน้ามองสิ่งที่นาคินทร์มองอยู่
“นั่นดาวเหนือใช่ไหม”
นาคินทร์มองตาม ขยับปากพูดโดยไม่หันมามอง
“ครับ”
“ดวงเดียวกับดาวเหนือที่เราดูกันต่างจังหวัดไหม”
นาคินทร์หัวเราะกับมุกผม
“น่าจะนะ”
ผมหัวเราะบ้าง เรานิ่งเงียบกันไป จนนาคินทร์เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้น
“คุณหนูบอกมีเรื่องจะพูดกับผม”
“ใช่”
ผมเม้มปาก ไม่เคยคิดเลยจริง ๆ ว่าชีวิตนี้ต้องมาคุยเรื่องแบบนี้กับผู้ชาย จะว่าเป็นการขอคบไหมก็ใช่ ถ้าผมจีบผู้หญิงมันจะตื่นเต้นสุดเหวี่ยงขนาดนี้รึเปล่า
ผมหันไปเผชิญหน้ากับนาคินทร์ เขายังนั่งอยู่ด้านบน ผมยืนอยู่ที่พื้นเหมือนเดิม ลมโกรกมาเบา ๆ จนผมนาคินทร์ปลิว
“นาคินทร์เคยบอกรักฉัน”
ผมเข้าประเด็นทันที “ฉันอยากรู้ว่าความรักของนาคินทร์ที่มีต่อฉันมันเป็นความรักแบบไหน” ผมนิ่งฟังหลังถามไปแล้ว นาคินทร์นิ่งไป
“คุณหนูครับ”
เหมือน ๆ ผมจะเป็นลม ผมพยายามฝืนสติ ขืนนาคินทร์บอกว่ารักแค่นายรักบ่าว ผมคงเป็นลมไปแน่ ๆ
“นาคินทร์…”
นาคินทร์นิ่งไป ผมเม้มปากแน่น
“พูดออกมาตรง ๆ นาคินทร์ ห้ามโกหก ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเสียใจ โกรธ หรือว่ารับไม่ได้”
นาคินทร์จ้องหน้าผม
“นาคินทร์รักคุณหนู” นาคินทร์บอกเสียงแผ่ว หัวใจผมไหวแรงด้วยความรู้สึกดี “รักเสียยิ่งกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก” คำนี้ทำให้ผมรู้สึกหวิวหม่นนิด ๆ แล้วนาคินทร์ก็เงียบไป ไม่พูดอะไรต่อ
“แค่นี้?”
ผมย้ำ นาคินทร์พยักหน้า ผมเม้มปากแน่น
“แล้วที่นาคินทร์กอดฉันล่ะ”
นาคินทร์ก้มหน้า
“คุณหนูครับ” ก่อนเงยหน้าขึ้นมาเรียก “ถึงใจนาคินทร์จะเรียกร้องยังไง นาคินทร์ก็ไม่มีสิทธิ์ ไม่อยู่ในฐานะที่จะพูดได้ นาคินทร์มันคนต่ำศักดิ์”
“นาคินทร์” ผมขยับเข้าไปใกล้ “นาคินทร์รักฉันมากไหม”
“มากครับคุณหนู”
“ปรารถนาในร่างกายฉันไหม”
ดวงตานั้นแววแสงลง
“ครับ”
“แล้วหัวใจล่ะ”
นาคินทร์นิ่งไป
“นาคินทร์ไม่อยู่ในฐานะที่จะได้ครอบครองสิ่งนั้น”
ผมขยับเข้าไปชิด จับมือนาคินทร์มาวางไว้ตำแหน่งหัวใจตัวเอง มันเต้นแรงจนนาคินทร์น่าจะฟังได้ชัด
“นี่คือสภาพหัวใจฉันเวลาที่เข้าใกล้นาคินทร์นะ”
“คุณหนู…”
“ฉันพร้อมจะเป็นดาวที่ตกลงมาสู่มือนาคินทร์นะ และอยากให้นาคินทร์ดูแลมันด้วยร่างกายและหัวใจ ไม่ใช่จับวางไว้บนหิ้งบูชาเหนือหัว แต่จับไว้เคียงข้างหัวใจนาคินทร์ ดูแลมันด้วยหัวใจนาคินทร์เอง”
“คุณหนู…มันไม่ควร”
ผมขยับเข้าไปชิดคนพูดอีก
“ฉันรักนาคินทร์นะ ไม่ใช่ในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง แต่ในฐานะคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกัน เหมือนที่พ่อรู้สึกกับแม่ สามีกับภรรยา”
“คุณหนู” นาคินทร์เบิกตากว้าง “นาคินทร์ไม่อาจเอื้อม”
“นาคินทร์” ผมเบรกคนตัวสูงไว้ ขยับเข้าไปชิด โอบกอดแผ่นหลังคนตัวสูงไว้ “ถ้าตัดเรื่องฐานะออก นาคินทร์จะรักฉันและยอมให้ฉันรักนาคินทร์ได้ไหม”
“มันเป็นไปไม่ได้”
“ตอบมาก่อน”
“คุณหนู แต่…”
“นาคินทร์สัญญาใช่ไหม ว่าจะรัก ดูแล และเคียงข้างฉันเสมอ”
“ครับ แต่ในฐานะบ่าวรับใช้”
“งั้นจงเป็นบ่าวต่อไป แต่เพิ่มเติมคือรับรู้ความรู้สึกฉันเอาไว้ด้วย นาคินทร์จะยังเป็นนาคินทร์ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง ไม่จำเป็นต้องปรับ แต่ให้รับฉันไว้ในหัวใจ”
“คุณหนูครับ คุณหนูอยู่ในใจนาคินทร์มานานแล้วนะครับ” นาคินทร์จับมือผมไปวางไว้บนหัวใจตัวเอง
“งั้นก็จงรู้ไว้ ว่าหัวใจฉันมีนาคินทร์เช่นกัน”
“ไม่ควรเลย” นาคินทร์ส่ายหัว ผมขยับแนบหน้ากับแผงอกกว้าง
“ฉันรักนาคินทร์นะ รักมาก”
“โธ่ คุณหนูครับ นาคินทร์ขอโทษ” นาคินทร์กอดตอบ กระชับแน่นขึ้น ผมยิ้มนิด ๆ ขยับดันตัวออก มองหน้านาคินทร์ เผยอปากนิด ๆ เป็นสัญญาณให้นาคินทร์รู้ว่าเขาควรทำยังไง นาคินทร์ไม่โง่ในเรื่องนี้เลย เขาก้มลงมาประกบจูบ หัวใจผมไหวรุนแรง โอบกอดคนตัวสูงแน่นขึ้น เราค่อย ๆ ถอนปากออก ผมยิ้มนิด ๆ กับสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้น
“ฉันดีใจจังที่นาคินทร์รักฉันมากกว่าแค่เจ้านายกับลูกน้อง”
“นาคินทร์ก็ดีใจเช่นกันครับ แต่ไม่ควรเลย เกิดใครรู้เข้า”
ผมมองตา
“ต่อให้พ่อตัดฉันออกจากกองมรดกเพราะเรื่องนี้ ฉันก็พร้อมจะไปอดมื้อกินมื้อกับนาคินทร์นะ”
“คุณหนู ให้ฟ้าถล่มดินทลาย สาบานได้ว่านาคินทร์จะไม่ยอมให้คุณหนูลำบากหรืออดอยากเป็นอันขาด”
ผมยิ้ม
“สัญญานะ”
“ครับ นาคินทร์สัญญา”
[มีต่อ]>>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3506693#msg3506693