Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]  (อ่าน 342442 ครั้ง)

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 1 : #พี่ชายกวินทร์ [คู่โหด : คนเจ้าอารมณ์ x ผู้รองรับอารมณ์]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 05 : ล่ามไว้ในอ้อมแขน




ผมนอนคว่ำหน้าสิ้นไร้เรี่ยวแรงหลังผ่านพายุอารมณ์มาราธอนกับพี่ชายมา มันไม่ได้เจ็บเหมือนครั้งก่อน ๆ สภาพผมตอนนี้คือเหนื่อยจนหมดแรงมากกว่า หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยพี่ชายก็เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ 

“เจ็บไหม”
พี่แกถาม วางมือไว้บนแก้มก้นผม แหวกดูนิด ๆ ซึ่งมันไม่รู้สึกเจ็บอะไรจริง ๆ ผมส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ พี่ชายขมวดคิ้วมอง

“ไม่เจ็บก็จริง แต่มันแดงและเลือดออกด้วย”
พี่ชายลุกไปหยิบยามาทาให้ มันไม่เจ็บแต่รู้สึกดีเวลาที่ถูกสัมผัส ดีจนผมเผลอครางออกมาเบา ๆ พี่ชายหัวเราะในลำคอ

“ยาดีจริงแฮะ”
แล้วพี่แกก็เคลื่อนไหวปลายนิ้วอย่างแช่มช้าราวกับจะหยอกล้อ เคลื่อนไปทั่วทั้งผิวเนื้อบริเวรรอบ ๆ สะโพกลงไปถึงต้นขา วกกลับมาที่บั้นเอว ผมครางอย่างเผลอไผล บางส่วนที่นอนทับอยู่ขยับเบา ๆ 

“ยังอยากอยู่เหรอ”
พี่ชายกระซิบถาม ผมไม่ตอบ ได้แต่เครือครางอย่างร้อนรุ่มในลำคอเท่านั้น

“ด้านหลังคงรับไม่ไหวแล้ว จะทำด้านหน้าให้ละกัน”
แล้วพี่แกก็จับผมพลิกหงาย กอบกุมด้านหน้าผมไว้ นวดคลึงให้เบา ๆ มันรู้สึกดีจริง ๆ เหมือนอยู่บนสวรรค์ คงเป็นผลมาจากยา

“พี่ชาย..”
ผมครางเรียก พี่ชายยิ้ม ขยับเร็วขึ้นเพื่อให้ผมพ้นทรมานเร็ว ๆ น้ำในตัวผมแทบไม่มีเหลือหลอ งวดนี้มันเลยออกมานิดเดียว

“นอนซะ”
เขาบอกแค่นั้น ดึงโซ่มาล่ามขาผมไว้เหมือนเดิม ดึงผ้าห่มมาห่มให้
“จะออกไปข้างนอก จะหาอะไรมาให้กินด้วย”
ผมไม่สนใจฟังอะไรอีก ค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงแล้วหลับใหลไป

ผมลืมตาตื่นอีกครั้ง รอบด้านมืดสนิท ดึกแล้วเหรอ นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว ยังไม่ทันได้คำตอบ ผมก็ต้องครางออกมาเบา ๆ เมื่อความเจ็บหวนกลับคืนมาอีกครั้ง ได้ยินเสียงขยับมาจากที่นอนข้าง ๆ แล้วไฟข้างเตียงอีกด้านก็สว่างขึ้น

“เจ็บเหรอ” พี่แกถามเสียงเครียด “ยาคงหมดฤทธิ์แล้ว กินข้าวก่อนละกันจะได้กินยาแก้อักเสบ” เขาลุกจากเตียง ผมนอนนิ่งอยู่ที่เดิม น้ำตาซึมนิด ๆ เพราะความเจ็บที่กำลังปะเดปะดังกันเข้ามา พี่ชายเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมยาหลอดเดิม บีบแต้มใส่นิ้ว ผมเบิกตากว้าง ส่ายหัวพรืด

“ไม่เอา ไม่ทำแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ”
ผมร้องขออย่างยอมแพ้ ตอนนี้มันเจ็บมาก เจ็บจนผมขอละทิ้งทุกอย่าง ร้องขออย่างหนูจนตรอก น้ำตาพากันไหลริน ดวงตาพี่ชายแปรแสงนิดหนึ่งคล้ายกับดวงตาแห่งความสงสาร

“ไม่ทำหรอก จะทายาให้ มันจะได้ไม่เจ็บ ทานิดเดียวไม่ทำให้ตื่นหรอก หรือถ้าตื่นจะทำด้านหน้าให้อย่างเดียว”
เขาบอกเสียงนุ่ม เป็นเสียงของพี่ชายในแบบของพี่ชายจริง ๆ เวลาต้องการเอาใจผม (ซึ่งหายากมาก  เพราะปกติจะเอาแต่ใจตัวเองตลอด)

ผมไม่พูดอะไร นอนนิ่ง ๆ ให้ทา อย่างน้อยให้รู้สึกอยากอีกรอบดีกว่ารู้สึกเจ็บจนหัวใจแทบหยุดเต้นแบบนี้ ทาไปได้ไม่ถึงนาทีผมก็หายเจ็บ ร่างกายร้อนผ่าวขึ้นนิด ๆ 

“เดี๋ยวทายาแก้อักเสบอีกตัว”
พี่แกหยิบยาอีกสองตัวมาทา ซึ่งตอนนี้มันไม่เจ็บไม่แสบแล้ว แต่รู้สึกดีเวลามือนั้นมาสัมผัส ดีจนเผลอครางออกมาเบา ๆ

“กินข้าวก่อน”
พี่ชายพยุงผมลุกนั่ง ซึ่งพอไม่เจ็บมันก็นั่งได้ง่าย ๆ ผมกินข้าวมือสั่น ๆ ดูนี่จะเป็นอาหารมื้อที่สองของวัน ผมว่าสองสามวันมานี่น้ำหนักผมต้องลดลงไปเยอะแน่ ๆ เพราะเล่นกินข้าวแค่วันละมื้อสองมื้อ แถมแต่ละมื้อยังเป็นแค่ข้าวต้มที่แทบจะไม่อยู่ท้อง แต่ร่างกายแบบนี้ กินอะไรมากอาจแสลงต่อแผลก็ได้

พออิ่มเขาก็พยุงผมลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน แต่ไม่ยอมให้อาบน้ำเพราะกลัวแผลอักเสบแล้วอาสาเช็ดตัวให้

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ผมก็มานั่งมองคนที่ได้ชื่อว่าเอาแต่ใจสุด ๆ เดินถือกะละมังใส่ผ้ามาวางไว้ข้าง ๆ หัวเตียง พี่ชายหย่อนตัวลงนั่งข้างผม ยกผ้าขึ้นบิด

“ผมเช็ดเองได้”
ผมเบรกมือนั้นไว้ทันที จะแย่งผ้ามาเช็ดเอง 

“อย่าดื้อ”
พี่แกปรามเสียงเข้ม ดึงผ้าคืน

“นอนลงไป จะได้เช็ดง่าย ๆ”
ผมจำต้องทำตาม ทิ้งตัวลงไปนอนแทนนั่ง พี่ชายเริ่มเช็ดให้ตั้งแต่หน้าอกลงไปถึงท่อนล่าง เพราะฤทธิ์ยากระตุ้น ทำให้ผมเผลอครางออกมาทุกครั้งที่เขาลากผ้าผ่านผิวเนื้อ น้ำที่นำมาเช็ดเป็นน้ำอุ่นด้วย สัมผัสจากผ้าอุ่น ๆ นั้นกระตุ้นอารมณ์ผมอยู่ไม่น้อย ไม่นานการเช็ดตัวก็เสร็จสิ้นลง พี่ชายวางผ้าไว้ในกะละมัง หันมามอง

ของผมยังไม่ตื่นหรอกครับ แต่มันกระตุกนิด ๆ อยู่ ๆ เขาก็เลื่อนมือมาจับหัวนมไว้ ผมครางออกมาเบา ๆ รีบตะครุบจับมือนั้นไว้ พี่ชายไม่ได้ดึงมือออก หนำซ้ำยังขยับปลายนิ้วบดขยี้บีบคลึงหัวนมผมไปมาราวกับจะยั่วให้อารมณ์กระเจิง ผมครางอย่างเผลอไผล วางมือไว้ข้างตัวเหมือนเดิม ยินยอมให้พี่ชายบดขยี้เล่น มันไม่ใช่อารมณ์เร่าร้อนรุนแรงแบบตอนโดนป้ายยาเยอะ แต่มันคืออารมณ์พลิ้ว ๆ สบาย ๆ คล้ายกับกำลังถูกนวดด้วยน้ำมันสปา

ปลายนิ้วร้อนละจากหัวนมไปที่จุดอื่น ผมไหวกายตอบรับทุกสัมผัส เนื้อตัวเบาหวิว รู้สึกราวกับกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ ผมหลับตา เครือครางตอบรับ มือนั้นเกลี่ยผ่านไปที่ไหน มันมีสภาพไม่ต่างกับเปลวแห่งความสุขลากผ่านตามไปด้วย 

“พี่ชาย…”
ผมครางเรียก พี่ชายเลื่อนมือต่ำลงไปวนรอบ ๆ น้องผม มันยังไม่ตื่นหรอกครับ กำลังนอนสบายไม่ต่างกับตัวผมในตอนนี้เลย

“ชอบไหม”
เขากระซิบถาม ผมไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้ารับ ดวงตาท่ามกลางความมืด มองเห็นเพียงปุยเมฆขาวลอยละล่อง

“กวินทร์ ลืมตา”
พี่แกออกคำสั่ง ผมค่อย ๆ ลืมตามอง ภาพตรงหน้าพร่าเลือนนิด ๆ เห็นพี่ชายกำลังมองอยู่ ดวงตาคู่นั้นดูมีเสน่ห์ราวกับดวงจันทร์ยามค่ำคืน ผมแอ่นอกเข้าหานิ้วร้อนที่วกกลับมาบดขยี้หัวนมผมอีก พี่ชายก้มหน้าลงต่ำ ประทับริมฝีปากไว้เหนือริมฝีปากผม

ผมรู้ว่าเขาคือพี่ชาย รู้ว่าเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และผมก็รู้ว่าทุกความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นตอนนี้มาจากฤทธิ์ยา

ผมเลื่อนสองแขนโอบรอบลำคอแกร่งไว้ เอียงหน้าตอบรับรสจูบแสนหวานนั้น พี่ชายไม่ได้จาบจ้วง แต่กำลังดื่มด่ำไวน์รสเอ็นไซน์จากผม

ผมไม่รู้ว่าเราจูบกันนานแค่ไหน อาจสิบหรือยี่สิบนาที รู้แค่ว่าผมไม่ยอมปล่อยสองมือที่คล้องลำคอแกร่งนั้นออกเลย พอ ๆ กับพี่ชายที่ไม่ยอมถอนปากออกเหมือนกัน มันเป็นรสจูบที่แสนอบอุ่น อ่อนโยน อ่อนหวาน เคล้าความเร่าร้อนเอาไว้นิด ๆ

จนในที่สุด พี่ชายก็หยุดจูบลง ยกหน้าขึ้นมอง ผมรั้งไว้อย่างสุดแสนเสียดาย รู้สึกชาช้ำที่ปาก สองมือผมยังคล้องไว้ที่คอคนด้านบน ร้องขอทางดวงตาว่าผมยังอยากได้จูบแบบนั้นอีก ซึ่งพี่ชายก็ฉลาดพอที่จะอ่านออก ก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง

“นอนเถอะ พักเยอะ ๆ จะได้หายเร็ว ๆ”
เขาถอนปากออกมาบอก ผมจำต้องพยักหน้า คลายวงแขนลง เขาทิ้งตัวลงมานอนข้าง ๆ ดึงผ้าห่มมาห่มให้อย่างเบามือ






ท่ามกลางความมืดบนเตียงกว้าง ผมขยับพลิกตัวเบา ๆ จากท่านอนหงายไปเป็นนอนตะแคงข้าง ปกติเวลาผมนอนท่านี้ ผมชอบงอขาขึ้นนิด ๆ วันนี้ก็เหมือนกัน ผมงอขาอย่างเคยชินโดยลืมไปว่าข้อเท้าถูกตรึงด้วยโซ่ แรงดึงนั้นทำเอาผมรู้สึกเจ็บนิด ๆ จนตื่น ผมก้มมองผ่านความมืด

มันมีอยู่สองทางเลือกคือผมต้องขยับตัวลงไปที่ปลายเตียงอีกนิด เพื่อให้โซ่ไม่ตึงจนเกินไป หรือไม่ก็นอนหงายเหมือนเดิมแบบนี้ต่อไป

พี่ชายคงได้ยินเสียงอะไรผิดปกติถึงได้ตื่นตาม

“ทำไม”

“ไม่มีอะไร แค่อยากนอนตะแคง”
ผมบอกตามจริง เขาก้มมอง ผมไม่สนใจพูดคุยอะไรต่อ ตัดสินใจเลือกอย่างหลัง นอนหงายเหมือนเดิม ผมปิดเปลือกตาลงช้า ๆ หลับ ๆ ไปเถอะ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว

รู้สึกเหมือน ๆ พี่ชายจะก้าวลงจากเตียง สักพักข้อเท้าผมก็เป็นอิสระ ผมลืมตามองท่ามกลางความมืด พี่ชายไม่พูดอะไร จับผมให้นอนตะแคงข้างอย่างที่ต้องการ ล่ามผมไว้ในอ้อมแขน แผ่นหลังผมแนบติดอยู่กับแผงอกกว้าง ห้องมันเงียบมาก ๆ เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นแผ่วเป็นจังหวะของคนด้านหลังเลย

ผมปิดเปลือกตาลงอีกครั้งช้า ๆ พี่ชายกระชับโซ่แขนแน่นขึ้น มันไม่เย็นเหมือนโซ่เหล็ก แต่มันอุ่น อุ่นไปถึงหัวใจเลย แล้วผมก็หลับใหลไป
                   

“จะไปคุยกับลูกค้าสักสามชั่วโมง”
พี่แกสั่งเสียไว้แค่นั้น หลังป้อนข้าวป้อนน้ำ และพาผมเข้าห้องน้ำพร้อม เขาเตรียมโถฉี่ไว้ให้ผมด้วย ผมไม่พูดอะไร นอนนิ่งบนเตียงที่ไร้อิสระอย่างเดิม

เขาทายาไว้ให้อ่อน ๆ ซึ่งฤทธิ์ของมันอยู่ได้ประมาณ 5-6 ชั่วโมง มันเป็นแค่ยาระงับปวดและกระตุ้นความต้องการ แต่ไม่ใช่ยารักษา ในขณะที่ยารักษาจริง ๆ อยู่ข้างกัน ผมพยายามจะปลดโซ่ออก แต่รู้ว่าไร้หนทาง

ผมนอนเบื่อพลิกไปพลิกมา กระทั่งหัวมาทิ้งดิ่งลงข้างเตียงอย่างเบื่อหน่าย ได้ยินเสียงเปิดประตู ผมหูตั้งรีบหันไปมอง พี่ชายเดินเข้ามา หายเข้าไปทางในครัว แล้วเดินกลับเข้ามาในห้องนอน

“เป็นเด็กดีหรือเปล่า”
พี่แกวางชามข้าวต้มรสเดิมไว้

“มีอย่างเดียวรึไง เบื่อ” 

“กินอย่างอื่น เดี๋ยวแผลติดเชื้อ”

“อยากกินข้าวผัด”
ผมบ่น พี่ชายไม่พูดอะไร หยิบกุญแจมาปลดล็อกขาให้ ผมจำต้องลุกขึ้นมานั่งตักกิน อากาศเย็นแล้ว ผมดึงผ้าห่มมาห่ม ปกติผมทนความหนาวเก่ง แต่เพราะภูมิต้านทานร่างกายช่วงนี้ต่ำมั้งผมเลยรู้สึกว่ามันจะหนาว ๆ ไงพิกล ผมในห่อผ้าห่มข้างเตียงนั่งซดข้าวต้มร้อน ๆ จนแทบเลียจาน

ผมได้กินข้าวแค่วันละสองมื้อ เช้ากับเย็น เพราะพี่ชายมักหายไปช่วงเที่ยง ๆ ปล่อยให้ผมหิวจนท้องไส้กิ่วไปหมด

แต่ก็รู้ว่าไม่อยู่ในฐานะจะพูดอะไรได้ เพราะถูกจับทำเชลยแบบไม่ทราบสาเหตุ

“เบื่อ อยากดูหนัง”
ผมร้องขอ พี่ชายไม่พูดอะไร พยักหน้า ดันหลังผมเบา ๆ ให้เดินไปที่โซฟา

“ผมขอเสื้อผ้าหน่อย”

“ไม่จำเป็น”

“ผมหนาว”

“ห่มผ้าแล้วนี่”
ผมจ้องตาคนพูด ไม่ร้องขออะไรอีก เพราะรู้ว่าพี่เขามีเจตนาไม่ให้ผมกล้าผลุนผลันหนีออกจากห้องตอนไม่มีโซ่ล่ามแบบนี้ พี่ชายไขกุญแจออกจากขาเตียง เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ผมหยิบรีโมทมากด คู้ตัวอยู่ในผ้าห่ม ไล่ไปที่ช่องหนังที่วนฉายตลอดทั้งวัน หนังเรื่องนี้เคยดูแล้ว แต่ก็ดีกว่านอนแซ่วอยู่ในห้อง พี่ชายล้วงมือผ่านผ้าห่มเข้ามา แล้วล็อกโซ่บนข้อมือผมเข้ากับข้อมือตัวเอง โยนกุญแจทิ้งไปยังมุมหนึ่งของห้อง

“ลำบากตัวเองไปเพื่ออะไร พี่ทำแบบนี้เพื่ออะไร”
พี่แกไม่ตอบ นั่งพิงหัวกับพนักพิง แล้วหลับตาลง ผมเม้มปากแน่น ขยับดึงมือเข้ามาในผ้าห่มเพราะความหนาว พี่ชายลืมตามอง คงคิดว่าผมจะลุกไปเอากุญแจละมั้ง พอเห็นว่าผมแค่ขยับเพื่อหนีความหนาวก็หลับตาต่อ ผมนั่งดูหนังไปเรื่อย ๆ กระทั่งเมื่อย ขยับจะนอนดู แต่ติดตรงที่มือข้างหนึ่งเชื่อมกับพี่ชายไว้ พี่แกลืมตามองอีกรอบ

“ผมเมื่อย อยากนอนดู”
ผมบอกให้อีกคนรู้ พี่ชายพยักหน้า ขยับเข้ามาชิดเพื่อให้ผมนอนดูหนังได้ ระยะยืดมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาเลยเอนสีข้างมาทับตัวผม ช่วงแรกก็รับน้ำหนักไหวอยู่หรอก ๆ แต่หลัง ๆ ชักไม่ไหว

“หนัก”
ผมบอก พี่ชายลืมตามอง คิ้วเข้มเริ่มขมวดแสดงความไม่พอใจ โฉบดึงตัวผมเข้าไปกอดแนบอก แล้วทิ้งตัวลงนอน ผมดิ้นจะลุก

“นอน!”
เขาสั่งเสียงเข้ม ผมหยุดดิ้น นอนนิ่งบนแผงอกแกร่งนั้น

หนังสนุกจนผมหลงลืมทุกอย่าง พี่ชายตวัดวงแขนข้างที่เป็นอิสระโอบรอบลำตัวผมไว้ ผมมองมันอย่างเซื่องซึม

เมื่อไหร่ ผมจะหลุดพ้นจากที่นี่สักที

ไม่รู้ว่าผมนอนดูทีวีจนหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีตัวผมก็แนบอยู่กับตัวพี่ชายโดยปราศจากผ้าห่มกั้น แล้วผ้าห่มผืนนั้นก็วางอยู่ด้านบนของเราสองคน

“ให้ผมกลับไปนอนที่เตียงก็ได้ พี่จะได้ไม่ลำบากแบบนี้”
ผมเสนอเพราะรู้สึกสงสารที่ต้องมานอนหลังขดหลังแข็งเฝ้าผมไว้แบบนี้ พี่ชายไม่พูดอะไร ดึงตัวผมเข้าไปกอดแนบอก กรนฟี้ไปอีกรอบ ความง่วงเข้าแทรกผมอย่างหนักหน่วง ผมค่อย ๆ หลับตาลง ปล่อยสติให้หายไปอีกรอบ











 

เช้านี้ผมยังคงตื่นขึ้นมาเพราะความร้าวระบม พี่ชายลุกทำแผล ป้อนข้าวป้อนน้ำ ข้าวแค่นี้มันไม่เพียงพอต่อความต้องการในร่างกายหรอก เรี่ยวแรงก็เหลือน้อยเพราะไหนจะเจ็บ ไหนจะได้กินข้าวแค่วันละสองมื้อ แต่ละมื้อก็แค่ข้าวต้มโรยผักไม่กี่อย่าง

พี่ชายไม่ได้มัดขาผมติดปลายเตียง แต่มัดมือผมไว้กับมือตัวเอง ตอนกลางคืนก็กอดผมไว้แน่น ราวกับกลัวว่าผมจะหลุดหนีหายไปไหน

เข้มกันขนาดนี้ ผมจะหนีไปไหนได้

เช้านี้ผมตื่นขึ้นมารู้สึกกระปรี้กระเปร่ากว่าเดิม คงเพราะได้นอนเยอะละมั้ง พอไม่เจ็บมันก็โอแล้ว หลังจากหาข้าวหาน้ำให้ผมกิน พี่ชายก็แวบออกไปพบลูกค้า กลับมาเพื่อเอาผมเข้าห้องน้ำ ผ่านมื้อเที่ยงผมไปสู่มื้อเย็น

รู้สึกหน่วงด้านหลัง สงสัยฤทธิ์ยาจะหมด ผมพยายามกระดืบ ๆ คว้าหยิบยามาทา ทั้งยาทาแก้อักเสบ ยาทาแก้ปวด และยาปลุกที่ทำให้หายเจ็บนั้น ปกติพี่ชายจะทาให้ ผมไม่รู้ว่าควรจะทาบางแค่ไหน ผมแต้มยาใส่นิ้วมือ สงสัยจะแต้มเยอะไป ผมพยายามแต้มใส่หลอดคืน แต่มันไม่เข้า ผมแบ่งส่วนหนึ่งทาลงด้านล่าง เกลี่ยให้ทั่ว มองอีกครึ่งที่เหลือ

จะทิ้งก็เสียดาย


ทา ๆ ไปละกัน มันก็ไม่ได้เยอะอะไรมากมาย คงไม่ทำให้ออกฤทธิ์มากหรอก

ผมตัดสินใจป้ายยาส่วนที่เหลือเพิ่มเข้าไป ป้ายลึกเข้าไปด้านในด้วย จะได้หายเจ็บเร็ว ๆ

แล้วหนึ่งนาทีต่อจากนั้น…



To be Con....

คนเขียนจิไม่อยู่ไทยหลายวัน เจอเมื่อกลับมาเน้อ
 :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
โอ้ว น้องลำบากกว่าเดิมแน่เลย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เอิ่มมมม ทาหมดเดือดร้อนแน่ กวี...

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
หลังจากนั้นก็หลับสบายยย :hao7:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
พี่ชายก็ไม่อยู่ช่วยนะกวิน มีอารมณ์ขึ้นมาละแย่เลย นี่น้องเริ่มชอบพี่ชายมั่งแล้วรึยังคะ? รู้สึกว่าพี่ชายหวงไม่อยากปล่อยไปแต่น้องยังไม่ชัดเจนว่าไงแน่

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :


เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 1 : #พี่ชายกวินทร์ [คู่โหด : คนเจ้าอารมณ์ x ผู้รองรับอารมณ์]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 06 : รองรับอารมณ์   



ร้อน…

ร่างกายผมกำลังร้อน มันร้อนรุ่มอย่างรุนแรง ผมคงทายาเยอะไป หรือไม่ก็เพราะผมทาเข้าไปลึกเกิน

ไม่ไหวแล้ว...

ผมต้องการ...

ต้องการมาก ๆ...

ผมเลื่อนมือลงไปกอบกุมส่วนกลางลำตัวของตัวเองไว้ ขยับเพื่อปลดปล่อย

ผมทำสำเร็จไปแล้วสองรอบ แต่ดูเหมือนมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมยังต้องการอยู่ มันไม่ใช่ความต้องการด้านหน้าเหมือนเคย แต่เป็นด้านหลัง

ผมไม่อยากแตะต้องมันเลย ไม่อยากยอมรับว่ารู้สึกอะไรกับมัน แต่ผมทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ผมทดลองเคลื่อนปลายนิ้วไปสัมผัสผนังนุ่มแผ่วเบา สาบานได้ว่าผมแตะมันเบา ๆ จริง ๆ แต่มันรู้สึกดีมาก ดีจนผมต้องค่อย ๆ กดนิ้วจมลึกเข้าไป

ผมครางเบา ๆ ผ่านลำคอ รู้สึกทุเรศกับสภาพที่เกิดขึ้นของตัวเองเหมือนกัน แต่ความรู้สึกนั้นมีน้อยกว่าความต้องการทางกายมาก ผมครางมากขึ้นเมื่อปลายนิ้วกดลึกไปถูกจุดอ่อนไหวเข้า ผมจำได้ว่ามันอยู่ตรงไหนเพราะถูกพี่ชายกระตุ้นบ่อย ๆ มือหนึ่งผมขยับด้านหน้า อีกมือกดลึกย้ำ ๆ สร้างความสุขสมให้ตัวเองด้านหลัง

แต่มันไม่สะใจเอาซะเลย

ผมต้องการ...

ต้องการมากกว่านี้

ต้องการของพี่ชาย

ผมหลับตาลง นึกจิตนาการว่าปลายนิ้วที่กำลังสัมผัสอยู่ตอนนี้ คือนิ้วของเขา รวมไปถึงส่วนนั้นด้วย

“พี่ชาย...”
ผมเผลอตัวครางเรียกผ่านความมืด 

ได้ยินเสียงตี๊ดของบัตรผ่านประตูตามด้วยเสียงหมุนผลักเปิดประตูออก ผมลืมตาโพลง รีบถอนนิ้วออก ขยับลุกมองไปทางประตูห้องนอน หัวใจพากันไหวแรงด้วยความดีใจ ได้ยินเสียงงับปิดประตูลงเบา ๆ ตามด้วยเสียงฝีเท้าที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในห้องรับแขก ผมขยับคุกเข่า ตาจ้องเป๋งไปทางประตูไม่เปลี่ยน ลุ้นให้อีกคนรีบเข้ามาเร็ว ๆ

ไม่นาน ร่างของพี่ชายก็โผล่พ้นกรอบขาวสี่เหลี่ยมนั้นเข้ามา

“พี่ชาย”
ผมเรียกหาทันที ไม่เรียกเปล่า ยังพยายามจะเคลื่อนตัวเข้าหาด้วย ติดแต่ว่าขาผมลูกล่ามไว้ พี่ชายมองหน้าผมงง ๆ ก่อนมองไปยังโต๊ะที่มีหลอดยาวางอยู่ คิ้วเข้มขมวดมุ่น

“นี่นายทายาเองเหรอ”

“อืม..พี่ชาย”
ผมไม่ได้ตอบคำถาม แต่พยายามเรียกร้องให้อีกคนเข้ามาใกล้ด้วยน้ำเสียงและสายตาเว้าวอน มือหนึ่งกอบกุมน้องตัวเองไว้ อีกมือใช้ขยับเคลื่อนตัวเข้าหาคนตัวสูง สภาพผมตอนนี้ไม่ต่างกับพวกติดยาที่กำลังจะลงแดงตาย

พี่ชายยกยิ้ม เดินช้า ๆ มาหยุดยืนชิดขอบเตียง ใกล้กับตำแหน่งที่ผมอยู่ คลี่ปลดเข็มขัด ดึงบางส่วนที่กำลังหลับสนิทออกมาด้านนอก   

“ปลุกมันก่อนสิ”

ผมไม่รอช้า คว้าสิ่งนั้นเข้าปากอย่างหิวกระหาย เพราะผมรู้ว่ายิ่งพี่ชายตื่นเร็วมากเท่าไหร่ ผมจะยิ่งได้ในสิ่งที่ต้องการมากขึ้นเท่านั้น ผมใช้ทั้งปากทั้งลิ้นทั้งมือช่วยกันกระตุ้น ไม่กี่อึดใจมันก็พร้อมเต็มที่ ผมอดทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว รีบดึงพี่ชายลงมานอนราบบนเตียง ขยับขึ้นไปนั่งคร่อมสอดใส่ด้วยตัวเองทันที มันไม่ค่อยถนัดหรอกเพราะติดขา แต่สิ่งนั้นไม่เป็นอุปสรรคในเวลาที่ความต้องการกำลังเปี่ยมล้นขนาดนี้ พอใส่ได้ผมก็ขยับทันที

ขยับแรงด้วย

เจ็บเป็นเจ็บช้ำเป็นช้ำ ต่อให้ตื่นขึ้นมาแล้วลุกไม่ขึ้นก็ยอม

พี่ชายคงเห็นว่าผมทำไม่ถนัดเลยล้วงหยิบกุญแจจากกระเป๋ากางเกงมาไขโซ่ออกให้ ผมดึงขาขึ้นมาขยับปรับท่าให้ดี ๆ อีกที เคลื่อนไหวอย่างอิสระมากขึ้น

แต่ทำไปได้ไม่นานผมก็หมดแรง หอบแฮก เคลื่อนไหวช้าลง

“หมดแรงแล้วเหรอ”
พี่แกถาม พลิกผมลงไปนอนแทนที่ ผมมองคนตรงหน้าตาเชื่อม ความอยากเปี่ยมล้น ผมรัดสิ่งนั้นแน่นจนคนตัวสูงครางออกมาอย่างพอใจ พี่ชายยกยิ้ม จับสองขาผมยกพาดบ่าเริ่มควงสว่านจนผมครางแทบไม่เป็นภาษาอย่างรู้สึกสาแก่ใจ







 

กี่ยกนั้นผมจำไม่ได้ รู้แค่ว่าตัวผมกำลังเบาหวิว พี่ชายทายาให้อีกรอบ บังคับให้กินข้าวกินยา ถึงไม่เจ็บ แต่ร่างกายมันเพลียมาก ไม่รู้ว่าเพราะใช้พลังงานไปเยอะ หรือเพราะร่างกายกำลังนำกำลังทั้งหมดไปดูแลส่วนที่สึกหรอกันแน่ แล้วหลังจากนั้นผมก็หลับสนิทอยู่ภายในอ้อมแขนของพี่ชายต่อ

ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น มันไม่ใช่เสียงมือถือผมหรอก เป็นของพี่ชาย พี่แกงัวเงียเงยหน้ามอง เอื้อมผ่านตัวผมไปหยิบมาดูเบอร์ วางไว้ที่เดิมหลังมอง

“ใคร” ผมถาม

“ผู้หญิง คงอยากมานอนด้วย”

“ก็เอาสิ ให้ผมกลับตอนนี้เลยก็ได้นะ”
ผมรีบสนับสนุนอย่างเห็นช่องทาง ถ้าพี่เอาผู้หญิงมานอนด้วย พี่จะได้ปล่อยผมไปสักที ยังไงนอนกับผู้หญิงก็ต้องดีกว่านอนกับผู้ชายแบบผมอยู่แล้ว พี่ชายค่อย ๆ ยกตัวขึ้นมอง แสงไฟที่เปิดไว้เรืองรองส่องให้เห็นดวงหน้าที่กำลังฉายแววไม่พอใจได้ชัดเจน

“อย่ามาแผนสูง ถ้าฉันต้องการจริง ๆ แค่จับนายแหกขาก็ได้ปลดปล่อยแล้ว”

“ยังไงผู้หญิงก็ต้องดีกว่าผม มีนม มีช่องทางที่พรั่งพร้อมกว่าเห็น ๆ”
ผมพยายามกระตุ้นต่อ พี่ชายขยับมาคร่อมผมไว้

“นายเองก็มีนมเหมือนกัน”
ไม่พูดเปล่า ยังเลื่อนนิ้วมาสะกิดหัวนมผมเบา ๆ ผสมบีบและขยี้จนมันแข็งตัวสู้มือ ผมครางออกมาทันที รีบจับมือนั้นไว้หวังหยุดการรุกราน พี่ชายกางมือใหญ่ ๆ ออกกว้าง ขย้ำลงบนฐานนมผมแรง ผมครางออกมาเสียงดังมากขึ้น เขานวดคลึงบีบเค้นเป็นจังหวะ ท่าทางไม่ต่างกับกำลังจับนมผู้หญิงจริง ๆ สักคน นมผมมันไม่ได้ตั้งเต้าจับได้ถนัดถนี่เหมือนนมผู้หญิงหรอก แต่มันก็มีมากพอให้มือใหญ่ ๆ นั้นเค้นคลึงได้อย่างมันมือ

ผมครางตามแรงบีบขยำนั้น มือผมยังวางอยู่บนหลังมือพี่ชาย ตอนแรกก็พยายามจะดึงมือนั้นออกอยู่หรอก แต่มันก็แอบรู้สึกดีจนหลัง ๆ ผมเผลอบีบมือนั้นเพื่อให้มือนั้นคลึงหน้าอกผมให้แรงขึ้นแทน ปากก็ครางรับทุกจังหวะแห่งความทุกข์ทรมานผสมสุขสมนั้น 

“ไอ้ช่องทางที่พรั่งพร้อมก็มีเหมือนกัน”
เขาเลื่อนมืออีกข้างลงไปข้างล่าง แทรกนิ้วเข้ามาในโพรงที่กำลังบอบช้ำของผม แน่นอนว่าฤทธิ์ยาไม่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บ แต่รู้สึกเพลิดพลิ้วแทน ผมเลื่อนมืออีกข้างไปจับต้นแขนข้างนั้นไว้ บีบเบา ๆ ตามความรู้สึกที่ถูกกระตุ้น ผมแหงนหน้าปล่อยอารมณ์ให้ล่องลอยไปในสวนพฤกษาสวย ทุกครั้งที่นิ้วนั้นเคลื่อนเข้าที่ขยับออก มันกระตุ้นเร้าให้อยากไม่รู้จบ เขาสะกิดเข้าที่จุดอ่อนไหว ผมผวาเฮือกกอดลำคอแกร่งไว้ พี่ชายขยับเคลื่อนตัวใช้ต้นขาค่อย ๆ ดันสะโพกผมยกสูง

“จริง ๆ ว่าจะไม่ทำเพราะเห็นว่ายังช้ำอยู่มาก แต่แค่จะย้ำให้รู้ว่านายน่ะ เหมาะสมกับการรองรับอารมณ์ฉันขนาดไหน”
แล้วพี่แกก็ส่งลำท่อนที่พรั่งพร้อมทิ่มพรวดเข้ามาทีเดียวจนสุดความยาว ผมอ้าปากอย่างรู้สึกถึงใจ ภายในบีบรัดแน่น ความต้องการที่ถูกกระตุ้นไว้ก่อนหน้าโหมขึ้นกว่าเดิม ผมรีบตะเกียกตะกายตะปบมือไว้บนสะโพกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั้น บังคับให้คนตัวสูงรีบขยับ

“เร็ว ทำเร็ว ๆ พี่ชาย”
ผมร้องขอให้อีกคนเคลื่อนไหว พี่ชายหัวเราะหึ ๆ จับขาผมพาดไหล่ ยกสะโพกผมลอยเหนืออากาศนิด ๆ แล้วขยับเคลื่อนไหว

พี่ชายไม่ได้ใจร้ายทำผมหลายรอบ คงเพราะรู้ว่าร่างกายผมรับไม่ไหวอีกแล้ว ผมหลับไปอีกรอบก่อนตื่นขึ้นแต่เช้ามืด พี่ชายยังหลับสนิท สองแขนก่ายกอดผมไว้กันหนี ผมขยับตัวแผ่วเบา ค่อย ๆ ดันตัวออกช้า ๆ กะจะอาศัยจังหวะนี้หนีไป

ในที่สุดผมก็ทำได้สำเร็จ ผมคลี่ยิ้มนิด ๆ อย่างดีใจ ลุกจากเตียง

“จะไปไหน!!”
เสียงเข้มตวาดลั่นมาจากทางด้านหลัง ผมสะดุ้งเฮือก หันหลังไปมอง พี่ชายลุกพรวดจากเตียงตรงดิ่งมาจับสองมือผมไพล่หลัง ดึงแรงจนอกผมแอ่นเจ็บแขนไปหมด ผมเบ้หน้า

“จะหนีรึไง!”

“ปะ เปล่า แค่จะเข้าห้องน้ำ”
ผมโกหกเพื่อกลบเกลื่อน แรงดึงที่แขนค่อย ๆ คลายลง แล้วพี่แกก็ปล่อยผมให้เป็นอิสระ

“ครั้งหน้า จะลุกไปไหนให้ปลุก ห้ามลุกมาเงียบ ๆ แบบนี้อีก”

“แค่เข้าห้องน้ำ”

“แค่นั้นก็ไม่ได้”

ผมเม้มปากแน่น

“ผมไม่ใช่สัตว์เลี้ยงหรือนักโทษของพี่นะ”
เขาขยับเข้ามาชิด รวบกุมเส้นผมตรงท้ายทอย กระชากดึงลงต่ำจนหน้าผมแหงนขึ้น ผมร้องโอ๊ยเพราะความเจ็บกะทันหันนั้น

“สำนึกไว้เลยว่าตอนนี้นายเป็นแล้ว เป็นทั้งนักโทษและสัตว์เลี้ยงของฉันด้วย”
ผมกัดกรามแน่นกุมสองมือไปด้านหลังเพื่อดึงมือใหญ่นั้นออก

“ปล่อย เจ็บ!”
ผมตะคอกเสียงดัง

“ห้ามตะคอก!”
ผมเม้มปากแน่น น้ำตาคลอ พี่ชายยกยิ้ม มองหน้าผม สายตาบ่งบอกความพอใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นแวววาว เลื่อนต่ำลงไปที่ริมฝีปาก ลำคอ แผงอกลงมาจนถึงด้านล่าง

พี่ชายยกยิ้มนิดหนึ่ง

“จะเข้าห้องน้ำไม่ใช่รึไง รีบไปสิ”
พี่แกผลักผมไปทางห้องน้ำ ผมถลาจนเกือบจะหกล้ม กำมือกัดกรามแน่น ไม่ได้หันไปมอง แต่เดินตรงเข้าห้องน้ำไปอย่างขัดขืนอะไรไม่ได้ ผมกดล็อก ยืนนิ่ง พยายามระงับสิ่งที่คุกรุ่นอยู่ในจิตใจลง กวาดมองไปรอบ ๆ หวังหาทางหนีทีไล่ แต่คอนโดที่ทำไว้มิดชิดชนิดที่ตะโกนให้ตายก็ไม่มีใครได้ยินไม่มีทางหนีไปได้แน่ ๆ

“อย่าลีลา จะทำอะไรก็รีบทำ!!”
ได้ยินเสียงทุบประตูเสียงดัง ผมรีบทำธุระส่วนตัว ไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้ว อย่างน้อยก็ขออาบน้ำเพื่อเรียกกำลังหน่อย

ผมรีบเข้าไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว หมุนเปิดให้น้ำมันไหลรินลงมา สัมผัสแรกที่น้ำถูกตัว รู้สึกราวกับได้เกิดใหม่ ผมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ลองเลื่อนมือไปแตะช่องแคบดู มันบวมอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่เจ็บ สงสัยฤทธิ์ยายังอยู่

ผมยืนนิ่ง ปล่อยให้สายน้ำชะโลมตัว จะหนีออกไปจากที่นี่ยังไงดี ผมอยากกลับบ้าน ผมถอนหายใจแรง หยิบสบู่มาฟอก ใช้เวลาไม่นานหรอก เพราะกลัวคนด้านนอกจะเร่งมาอีก 

ผมปิดฝักบัว ลูบน้ำจากหน้าสะบัดทิ้ง เรี่ยวแรงกลับมาบ้างแล้ว พอจะวิ่งได้ ลองเสี่ยงหนีดูดีไหม ผมก้มมองตัวเอง แต่ถ้าหนี ผมต้องหนีไปในสภาพนี้นะ   

ผมยืนชั่งใจ กระทั่งได้ยินเสียงทุบประตูอีกรอบ ผมกรอกตาพยายามหาทางออก

อย่างน้อยได้ผ้าเช็ดตัวสักผืนก็ยังดี ผมทำใจกล้า หมุนลูกบิด เปิดประตู โผล่แค่หน้าออกไป

“พี่ชาย ผมขอผ้าเช็ดตัวหน่อย”
ยังไม่ทันได้ในสิ่งที่ต้องการ ประตูที่ผมเปิดไว้แง้ม ๆ ก็ถูกผลักเปิดออกกว้าง แล้วพี่ชายก็ก้าวพรวดเข้ามากระชากแขนผมออกไปยืนเปียกข้างนอก   

“ใครอนุญาตให้อาบน้ำ!”

“แค่อาบน้ำเอง”

“ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องขออนุญาตก่อน”

“ผมน้องพี่นะ”

“หึ ไหนว่าไม่ใช่ตั้งแต่เรามีอะไรกันแล้วไง”

ผมอึ้งไป มองอีกคนตาวาว

ได้ เมื่อไม่รับกันเป็นน้อง ผมก็ไม่รับเป็นพี่เหมือนกัน

“ผมก็ลืมไป”
ผมบดกรามจ้องตาอย่างไม่ยอมแพ้ พี่ชายจ้องหน้าผม เลื่อนสายตาต่ำลงไปที่แผงอก แววตานั้นเปลี่ยนไปทันที 

“หอมดีนี่”
พี่แกดึงผมเข้าไปชิด ผมตาโต

“อย่านะ!”
ผมรีบใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักคนตรงหน้าออกแรง เอาวะ ไม่มีเสื้อผ้าก็ได้ ไปตายเอาดาบหน้า ผมรีบวิ่งตรงดิ่งไปทางหน้าห้อง แต่ยังไม่ทันจะพ้นขอบประตูห้องนอน ตัวผมก็ถูกรวบแน่นจากด้านหลัง เขาเหวี่ยงผมแรงลงไปชนขอบเตียง หน้าฟุบแนบที่นอน ผมรีบพลิกหันไปมอง

พี่ชายย่างสามขุมเข้ามาหา เลิกถอดเสื้อผ้าออกจากตัว ผมใจหายวาบ ขยับตาหลีตาเหลือกลุกวิ่งอีกรอบ แต่พี่ชายรวบไว้ กำหมัดซัดใส่หน้าท้องผมแรง ผมอ้าปากค้าง ตัวงอเป็นกุ้ง กุมหน้าท้องไว้ สองเข่าทรุดฮวบลงไปจรดพื้น ก่อนที่ตัวทั้งตัวตัวจะล้มแผละลงไปนอนตะแคงข้าง หายใจรวยริน พี่ชายขยับเข้ามาชิด ใช้เท้าเขี่ยผมเบา ๆ ก้มลงมาขยุ้มผมผม ลากให้ลุกขึ้น ผลักแรงลงบนเตียง 

“ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็อย่าคิดหนีอีก”
พี่แกก้มลงมาขู่ปากชิดปาก ผมน้ำตาเล็ดเพราะความเจ็บ ถุยน้ำลายใส่คนตรงหน้า พี่ชายหลับตาลง เห็นแนวสันกรามบดแน่น ก่อนแววตาที่ปิดแน่นนั้นจะเปิดออกพร้อมแวววาวโรจน์ ใช้หลังมือเช็ดป้ายกับที่นอน

“งั้นก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายละกัน”
เขาปล่อยมือที่ขยุ้มหัวผมแรงกระแทกที่นอน ขยับจับขาผมยกสูง ใบหน้านั้นดูเหี้ยมเกรียม มือใหญ่อีกข้างขยับกระตุ้นตัวเอง ไม่กี่วิลำท่อนแข็งแรงนั้นก็พร้อมใช้งาน และวินาทีถัดมาความเจ็บปวดอันเหลือคณานับก็พุ่งปราดเข้ามาในร่างผม

ผมอ้าปากค้าง เจ็บไปถึงก้านสมอง ทุกส่วนในร่างกายชาดิก ยาหมดฤทธิ์แล้วเหรอ หรือว่าเพราะผมอาบน้ำล้างมันไปเมื่อกี้

“ยา..”
ผมร้องขอเสียงแหบ

“ไม่ให้ วันนี้นายต้องทนเจ็บรองรับอารมณ์ฉันไป ทำโทษที่คิดจะหนีอีก”
พูดจบ เขาก็ขยับร่างกายรุนแรง และดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้นไปอีก

ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย นอกจากความเจ็บ มันเจ็บ แล้วก็เจ็บ

“พอพี่ชาย ขอร้องล่ะ ผมเจ็บ ผมยอมแล้ว พอเถอะ”
ผมพยายามร้องขอ น้ำตาพากันไหลพราก พี่ชายไม่หยุดฟัง โหมกระหน่ำราวกับสัตว์ป่ากำลังขย้ำเหยื่อ ผมพยายามกัดฟันอดทนต่อแรงโหมรุนแรงนั้น ได้กลิ่นคาวเลือดด้วย

เจ็บ...

เจ็บมาก...

ผมเจ็บ...

หัวใจผมถูกบีบแน่น หายใจแทบไม่ทัน เรี่ยวแรงเหลือน้อยลงทุกที ภาพสุดท้ายที่ผมเห็น คือพี่ชายที่ไม่ใช่พี่ชายของผมอีกต่อไป…


To be Con...

สงสารกวินทร์สุดติ่งกระดิ่งแมว TT
คู่นี้มีแค่ 8 ตอน อีกสองตอนก็จบแล้ว จะได้เริ่มคู่ที่สองกัน ตัดอารมณ์กันให้ทันนะคะ คู่แรกคู่โหด คู่ที่สองคู่ยั่ว คู่ที่ 3 คู่ฮา คู่ที่สี่สาโรแมนติก (ซึ่งอัพจบก่อนเพื่อนไปแล้ว = =) อ่านกันให้สนุกนะขอรับ  :katai2-1: :katai2-1:




Book & ebook : https://goo.gl/aJFpH5

ออฟไลน์ norimaki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
พี่ชายโหดได้ใจจริงๆแล้วแบบนี้จะรักกันยังไงดี น้องมันเจ็บนะ
ส่วนคนน้องอย่าคิดหนีเลยเป็นของเขาแล้วต้องรับผิดชอบด้วย
มันใช่เหรอ แต่ว่าอะไรทายาแล้วคิดถึงพี่ชายนี้คือ ไม่ต้องหนีเลยนะ
ติดใจกันและกันไปแล้วแบบนี้มาลุ้นว่าจะได้ยินเขาบอกรักกันไหมดีกว่า

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ควรส่งรพ.ทั้งคู่เลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ doll999

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 1 : #พี่ชายกวินทร์ [คู่โหด : คนเจ้าอารมณ์ x ผู้รองรับอารมณ์]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 07 : กลั้นแกล้งให้ร้องขอ ปลุกเร้าให้สมยอม




ผมค่อย ๆ ปรือเปลือกตาขึ้นมอง

ตายรึยัง

ผมถามตัวเอง

แต่ปรากฏว่ายังไม่ตายและขยับเขยื้อนตัวได้อยู่ ตอนแรกคิดว่าจะปวดจนดิ้นไม่ไหว แต่กลับขยับได้ง่ายกว่าที่คิด

สงสัยพี่ชายจะทายาให้

แต่เพลียเหลือเกิน หิวน้ำ หิวข้าว ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ข้าวต้มวางไว้ที่เดิมพร้อมยาเซตเดิม ผมรีบตะครุบกินอาหารด้วยความหิวโหย กรอกยาตาม เรี่ยวแรงพอมีบ้าง ขาผมถูกตรึงไว้ที่ปลายเตียงเหมือนเดิม ผมพยายามกระชาก ทั้งที่รู้ว่ากระชากยังไงก็ไม่มีทางหลุด พี่ชายคงไปทำงานแล้ว ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนทิ้งตัวนอนแผ่หรา

พ่อ…แม่

ผมนึกถึงบุพการีขึ้นมาทันที ทำไมไม่มีใครสงสัยแล้วออกตามหาผมกันบ้าง ผมนอนทอดอาลัย ลืมตามองเพดาน ก่อนสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงเปิดประตูด้านนอก ผมรีบขยับลุกนั่งอย่างตระหนก พี่ชายเดินหน้านิ่งเข้ามา ก่อนยกยิ้มเมื่อเห็นผม เดินเข้ามาชิด จับคางผมไว้ พลิกหันซ้ายหันขวา ดันให้แหงนขึ้นนิด ๆ.........

แล้วกดจูบลงมา อยากขัดขืน แต่รู้ว่าถ้าทำต้องถูกทำโทษอีกเลยจำต้องสมยอม

ไม่ต้องพยายามสมยอมให้ยาก เพราะฤทธิ์ยาที่ถูกทาไว้มันกระตุ้นอารมณ์ได้ง่าย ๆ แม้ใจจะต่อต้านไม่ให้ตอบสนอง แต่ร่างกายกลับเร่าร้อน รสจูบนั้นทำให้ผมเริ่มทนไม่ไหว ตะปบเรือนร่างแกร่งอย่างโหยหา พี่ชายค่อย ๆ ถอนปากออก ผมจะขยับเข้าหาอีก แต่เขาดันกั้นไว้ เดินออกไปข้างนอก ผมกำหมัดอย่างเจ็บใจ ใช้มือในการกำจัดความต้องการของตัวเอง ผมทิ้งตัวลงนอน

แค่รอบเดียว รอบเดียวเท่านั้น           

ผมจับมันขยับ หลับตาแน่น

แต่พับผ่าสิ ท่ามกลางความมืดนั้น กลับมีแต่ภาพของพี่ชายที่กำลังสอดใส่ผมอยู่ ผมพยายามลบภาพนั้นทิ้งไปแล้วนึกถึงสาว ๆ แทน แต่สาว ๆ เหล่านั้นก็กลับกลายมาเป็นพี่ชายอีกรอบ ผมกัดกราม พยายามขนาดไหนก็ทำให้เสร็จไม่ได้สักที

ทรมาน ทรมาน

ผมค่อย ๆ ปรือตามอง เห็นพี่ชายยืนกอดอกพิงขอบประตูห้องนอนมองมา มุมปากได้รูปยกขึ้นนิด ๆ ผมรีบละมือออก พยายามอดทนต่อความต้องการ หวังให้มันหลับใหลไปเอง

“ทำไม ทำให้เสร็จไม่ได้รึไง”

ผมไม่ตอบอะไรทั้งนั้น ขยับขึ้นไปนอนดี ๆ ดึงผ้าห่มมาห่ม หลับไปสักงีบมันก็อาจจะดีขึ้น ผมจะไม่ร้องขอเด็ดขาด

พี่ชายเดินมาหยุดอยู่ข้างโต๊ะหัวเตียง ก้มหยิบยามาเปิดฝาป้ายใส่นิ้วในปริมาณที่เยอะเกินปกติ ผมมองตาโต พี่ชายยิ้มนิด ๆ รอยยิ้มนั้นดูเจ้าเล่ห์และสะใจอยู่ในที

“อย่า”
ผมรีบร้องห้าม พี่แกไม่พูดอะไร กระชากผ้าห่มออก แทรกยามาทา ไม่เกินนาทีหลังจากนั้น ความต้องการที่ปวดเปล่งอยู่ก่อนหน้าก็แทบจะระเบิดแตก หัวใจถูกบีบแน่นเต้นแรง 

“พี่ชาย พี่ชาย”
ผมร้องขออย่างร้อนรน พี่ชายหัวเราะหึ ๆ ขยุ้มหัวผมไว้กระชากดึงให้หน้าแหงน

“มีนิ้วไม่ใช่เหรอ ใช้นิ้วสิ”

ผมครางอื้ออย่างขัดใจ เรียกร้องยังไงพี่ชายก็ไม่ยอมเข้าใกล้ ผมทิ้งตัวลงนอน มือหนึ่งขยับลำท่อน อีกมือแทรกนิ้วเข้าไปในช่องตัวเอง มันแทบไม่รู้สึกอะไรเพราะขนาดมันเล็กเกินไป แต่ก็ยังดีกว่านั่งทรมานเพราะทำอะไรไม่ได้

“อ๊า…”
ผมครางออกมาเบา ๆ เมื่อควานไปสะกิดถูกจุดอ่อนไหวเข้า ผมกดย้ำอยู่ตรงจุดนั้น ดีว่ามันไม่ลึกมาก ผมเร่งจังหวะเร็วขึ้น ไม่กี่ชั่วอึดใจผมก็นำพาตัวเองไปถึงปลายทางได้

แต่มันไม่ถึงใจ มันไม่ได้รู้สึกดีเท่ากับของพี่ชาย แต่ตอนนี้ผมต้องทำ ผมยังไม่หยุดขยับ กระทั่งมือผมที่กำลังเพลิดเพลินอยู่ถูกกระชากออกกดติดกับที่นอน ผมมองหน้าคนทำ

“อยากได้อะไรที่ใหญ่กว่านิ้วไหม”
เขาถามมาด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ ผมพยักหน้ารับ

“ได้โปรดพี่ชาย ใส่เข้ามาเถอะ นะ ผมขอร้อง ผมอยากได้”
ผมพยายามเคลื่อนสะโพกเข้าหาเพราะสองมือถูกตรึงแน่นอยู่ พี่ชายหัวเราะพอใจ ค่อย ๆ ดันบางสิ่งเข้ามาโดยไม่ใช้มือช่วย ผมครางอย่างพอใจเมื่อส่วนปลายค่อย ๆ ผลุบหายเข้ามา

“เร็ว”
ผมเร่ง พี่ชายดึงออกนิด ๆ แล้วใส่กลับเข้ามาใหม่ มันรู้สึกดีจริง ๆ พี่ชายกดเข้ามาเรื่อย ๆ กระทั่งมันหายเข้ามาได้ทั้งหมด

ราวกับล่องลอยอยู่บนสวรรค์ พี่ชายกดสองมือผมติดเตียงแน่นขยับเพียงท่อนล่าง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ถึงใจสุด ๆ ผมตอบสนองด้วยการบีบรัดของพี่แกแน่น ได้ยินเสียงครางทุ้ม ๆ อย่างพอใจ

“นั่นแหละ รัดแรง ๆ กวินทร์”
เขาปล่อยมือผมออก ผมรีบโอบรอบลำคอแกร่งทันที บีบรัดแรงขึ้นอีก เขาจับผมพลิกคว่ำ ขยับโหมแรงขึ้นอีก 

“พี่ชาย...”
ผมร้องเรียกเสียงพร่า และพี่ชายก็ตอบสนองผมสุดกำลังที่มีเหมือนกัน







ผมนอนหมดแรงอยู่บนที่นอน ในขณะที่เจ้าของห้องออกไปทำงาน ผมหลับไปอีกรอบ แล้วก็ตื่นขึ้นมานอนมองเพดานเฉย ๆ ใช้ชีวิตเบื่อ ๆ มีสภาพไม่ต่างกับนักโทษที่ถูกจองจำ กระทั่งคนตัวสูงกลับมาอีกครั้งพร้อมข้าวต้มรสเดิม 

“อยากกินข้าวผัด”
ผมเปรยเบา ๆ ร้องขอ พี่ชายไม่ตอบอะไร เดินเข้าห้องน้ำไป 

“ผมเบื่อ อย่างน้อยระหว่างวัน ขอดูทีวีก็ยังดี หนังสือก็ได้”
ผมพูดกับคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำอีกรอบเพื่อแต่งตัว พี่ชายไม่หันมามองหรือตอบ ทำราวกับไม่มีผมอยู่ในห้อง ผมเม้มปากแน่น

เป็นนักโทษ เป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงสินะ

ผมละความสนใจจากคนในห้อง ล้มตัวลงนอน พลิกหันหลังให้อย่างหมดอาลัยตายอยาก

เฝ้าภาวนาขอให้ตัวเองหลุดพ้นไปจากที่นี่เร็ว ๆ

ได้ยินเสียงแกรก ผมก้มมอง พี่ชายปลดโซ่ออกให้ ผมรีบเด้งตัวนั่งมอง ทำไม จะให้ผมเข้าห้องน้ำเหรอ

“รีบไปอาบน้ำอาบท่าจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วออกไปรอที่ห้องนั่งเล่น อย่าหัวหมอถ้าไม่อยากเจ็บตัวอีก”

ผมรีบลุกจากเตียงตามสั่ง ก่อนเบรกกึก

“ผมขอผ้าเช็ดตัวสักผืนได้ไหม”
พี่แกพยักหน้า ผมรีบเดินไปหยิบผืนใหม่มาถือ เดินเข้าห้องน้ำไป ใช้เวลาไม่นานผมก็อาบเสร็จ เดินออกไปที่ห้องนั่งเล่น พี่ชายนั่งรออยู่แล้ว ผมเดินขลาด ๆ เข้าไปใกล้

“มานั่งนี่”
พี่แกบอก ผมเดินตรงไปนั่งตามสั่ง เขาหันมาคล้องโซ่ไว้ที่สองข้อมือผม ไม่ต่างกับนักโทษที่ถูกจับ ผมก้มมอง 

“อยากดูก็ดูไป”
เขาพยักหน้าไปทางทีวี ผมไม่พูดอะไร นั่งนิ่ง ๆ มอง

แอร์เย็นฉ่ำเริ่มทำให้ผมรู้สึกหนาว ผ้าเช็ดตัวมันชื้นด้วยแหละมั้ง

“ผมขอเสื้อผ้าสักชุดได้ไหม”

“ไม่จำเป็น เสียเวลาถอดด้วย”

“ผมหนาว”

พี่ชายลุกเดินไปเอาผ้าห่มมาให้ ผมดึงผ้าเช็ดตัวออก ขยับห่มอย่างยากลำบากเพราะมือไม่เป็นอิสระ แต่ในที่สุดก็ทำได้ นั่งกอดเข่านิ่ง ๆ มองสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ในจอ มันไม่ได้วิ่งเข้ามาในหัวผมหรอก เพราะสิ่งที่ผมต้องการจริง ๆ ไม่ใช่การดูทีวี แต่คืออิสระมากกว่า

ผมไม่น่ามาหาพี่เขาเลย

ไม่น่าเป็นห่วงคนคนนี้

และนี่คือผลของการเป็นห่วงสินะ

ผมนึกถึงภาพวันคืนเก่า ๆ ถึงพี่ชายจะมีนิสัยเอาแต่ใจขนาดไหน แต่พี่เขาจะดีกับผมระดับหนึ่งเสมอ ไม่เสมอเหมือนพี่ชายทั่วไปตามสันดาน แต่ก็ไม่เคยทำให้ผมต้องเจ็บตัวหนักแบบนี้

“กวินทร์”

ผมสะดุ้งโหยงเพราะเสียงเรียกนั้น หันไปมอง

“ทำไม เบื่อรึไง”
แล้วเขาก็ยื่นรีโมทมาให้ ผมเม้มปากแน่น มองตา

“เมื่อไหร่พี่จะปล่อยผมไป”

ดวงตานั้นวาวโรจน์น่ากลัวขึ้นมาทันที

“จนกว่าฉันจะพอใจ”

“พ่อกับแม่จะเป็นห่วง”

“ไม่ต้องห่วง ฉันบอกพวกท่านว่านายไปทำงานต่างประเทศตามคำสั่งฉัน”

ผมมองคนตรงหน้าอึ้ง ๆ

“ท่านต้องสงสัยแน่ ๆ เพราะผมไม่ได้โทรหาท่านเลย”

“ฉันบอกว่าส่งไปในประเทศที่การติดต่อลำบาก นายไม่ใช่เด็กที่พ่อแม่ต้องเป็นห่วงนี่”

เพราะงี้แหละมั้ง ผมหายมาเกือบอาทิตย์ขนาดนี้ ทุกอย่างถึงได้เงียบ

ผมเม้มปากแน่นไม่พูดอะไรต่ออีก คงต้องรอเวลาให้พี่ชายเบื่ออย่างเดียวสินะ ผมขยับไปชิดขอบพนักพิง ทิ้งหัวลงซบอย่างหมดอาลัยตายอยากในชีวิตอีกครั้ง แล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น

ก่อนสะดุ้งตื่นเพราะเสียงกดกริ่งหน้าประตู ผมหันไปมองพอ ๆ กับพี่ชาย เขาลุกเดินไปเปิด

“ฮ้าย ฮันนี่ ดีใจจังที่เธออยู่ห้อง”
สาวเจ้านางหนึ่งโผเข้าหาพี่ชาย ระดมจูบไม่สนฟ้าสนฝน แต่ก็นั่นแหละ สาว ๆ ของพี่ก็แบบนี้แทบทุกคน เร่าร้อนรุนแรง จบแล้วแยกจาก พบกันเพื่อเซ็กส์โดยเฉพาะ วันหนึ่งเคยฟันหญิงห้ารายติดกันด้วยซ้ำ

ผมมองด้วยสายตานิ่งเรียบ

“อุ๊ย ขอโทษ ไม่คิดว่าจะมีแขก”
เธอมองหน้าผม พินิจนิดหนึ่ง แล้วเดินเข้ามาใกล้

“ว้ายหน้าตาน่ากินจัง ขอหม่ำได้ไหมเนี่ย สองคนพร้อมกันเลยก็ได้นะ”
เธอพูดอย่างสาวรักสนุก ทำท่าจะจับคางผม แต่พี่ชายกระชากเธอออกห่าง 

“ฉันไม่มีอารมณ์ กลับไปก่อน”

หญิงสาวตาโต

“มีอะไรผิดปกติกับเธอหรือเปล่าชาย เธอไม่เคยปฏิเสธฉันนะ”

พี่ชายทำหน้าหน่าย

“ไว้มีอารมณ์เมื่อไหร่จะโทรหา แค่นี้แหละ จะดูหนัง”

“เดี๋ยวชาย รอเดี๋ยวสิ!”

พี่ชายไม่สนเสียงโวยวาย ดันผู้หญิงคนนั้นออกนอกประตูไป เดินกลับมาที่โซฟา

“ทำไม เสียดายที่ฉันไม่ได้นอนกับเจ้าหล่อน หรือเสียดายที่ไม่ได้นอนกับเจ้าหล่อนเองล่ะ”

ผมไม่สนใจโต้เถียงอะไร ขยับฟุบหน้ากับพนักพิง มองทีวี แต่ภาพบนหน้าจอที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ถูกดับลงพรึบ

“อย่าเมินเวลาที่ฉันถาม รู้สึกยังไงบอกมา!!”
เขาจับผมหันไปเผชิญหน้า

“ผมไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น ไม่ได้อยากนอนกับเจ้าหล่อน แล้วก็ไม่เสียดายที่พี่ไม่ได้นอนกับเจ้าหล่อนด้วย ผมไม่มีสิทธิ์รู้สึกอะไรทั้งนั้น”
ผมหมายความตามคำพูดจริง ๆ พี่ชายจ้องหน้า ก่อนยกยิ้ม

“เรียนรู้ได้เร็วนี่ ถ้าฉันไม่อนุญาตไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ได้นอนกับนายทั้งนั้น”
พูดจบก็ล้วงมือเข้ามาภายในผ้าห่ม แทรกนิ้วใส่ช่องทางคับแคบของผม ผมผวาเฮือก ครางฮืออย่างเผลอไผล ร่างกายมันร้อนผ่าวจนอ่อนแรง ขยับรัดนิ้วพี่ชายแน่น เขาขยับเข้าออกอยู่สักพักก็ถอนนิ้วออก ดึงขาผมจนตัวราบไปกับโซฟา กระชากผ้าห่มทิ้ง

“หนาว”
ผมบอกเมื่อความเย็นตกกระทบผิว มันหนาวจริง ๆ ครับ ขนผมลุกชันไปหมด

“จะทำให้หายหนาวเอง”
แล้วพี่แกก็ดึงลำท่อนที่ผงาดพร้อมใช้งานออกมาจากกางเกง กดเชื่อมเข้ามาเบา ๆ

พี่ชายไม่ได้พูดเล่น เพราะทันทีที่ความร้อนจากคนตัวสูงเข้ามาในตัวผม ผมก็รู้สึกร้อน และร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเหงื่อพากันแตกพลั่ก เสียงกำไลเหล็กบนข้อมือดังกระทบกันเคล้าไปกับจังหวะของการเคลื่อนไหวด้านล่าง 

ร่างกายผมกำลังดูดกลืนลำท่อนของพี่ชาย ดูดแน่นอย่างเรียกร้อง

“อื้อ อย่างนั้นแหละเด็กดี”
พี่ชายครางอย่างชื่นอารมณ์ ในขณะที่ผมหลับตาแน่น ครางรับทุกจังหวะนั้น







ผมไม่หือไม่อือไม่ต่อต้านอะไรเขาอีกนับจากวันนั้น ตื่นขึ้นมากินข้าวต้มเป็นอาหารเช้า รองรับทุกอารมณ์ของพี่ชายที่พร้อมจะโหมได้ทุกเมื่อ

พี่ชายเป็นคนขี้เบื่อ ปกติไม่เคยนอนกับใครได้เกินสามครั้งติดต่อกัน ผมน่าจะเป็นคนแรกที่โดนกอดติดต่อกันนานขนาดนี้ แต่ก็นั่นแหละ มันไม่ได้เกิดจากความใคร่ปกติ แต่เกิดจากความโกรธ และอะไรหลาย ๆ อย่างที่ผมก็ไม่อาจอ่านใจเขาได้

ผมนอนดูทีวีในห้องนอน พี่แกคงสงสารที่ผมนอนเบื่ออยู่แต่ในห้องเลยลากทีวีมาไว้ในห้องนอนให้เลย ผมก็ทำได้แค่นั่ง ๆ นอน ๆ ดูทีวีรอ ขาข้างหนึ่งยังไร้อิสระอย่างเดิม

ได้ยินเสียงเปิดประตู ผมหันไปมอง พี่ชายเดินทำหน้าเหนื่อย ๆ เข้ามา

“เป็นอะไร”
ผมถามอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ คนตัวสูงไม่พูดอะไร เดินไปอาบน้ำ แล้วมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ผมถามอย่างเป็นห่วง ทั้งที่ก็ไม่อยากทำ พี่ชายมองหน้า ไม่พูดอะไร 

“มีปัญหาเรื่องงานเหรอ”
เพราะมีแค่เรื่องเดียวที่ทำให้คนอย่างเขาเครียดได้คืองานนี่แหละ

พี่ชายพยักหน้า ผมอ้าปากจะถาม แต่ทิฐิในฐานะนักโทษค้ำคอ มันคือความโกรธเล็ก ๆ ผมจึงเลือกที่จะไม่ถาม ทั้งที่แต่ก่อน ผมจะถามจนพี่แกเล่าให้ฟังจนหมดเปลือกและถามวิธีแก้ไข ผมกดเลื่อนไปยังช่องอื่น

คนตรงหน้านี้ไม่ใช่พี่ชายผมอีกแล้ว

อยู่ ๆ ก็มีอ้อมแขนแกร่งมาโอบกอดผมไว้จากทางด้านหลัง หัวนั้นซบลงมาคล้ายคนหมดแรง ความเป็นห่วงบุกเข้ามาในใจ เพราะหลัง ๆ พี่ชายไม่เคยแสดงความอ่อนล้ากับผมแบบนี้

ผมเม้มปาก กดความเป็นห่วงทั้งหมดทั้งปวงลงไป ทำเป็นไม่ใส่ใจ

“เกลียดฉันรึยัง”

ผมชะงักกับคำถามนั้น

“ถ้าผมตอบความจริง พี่จะทำโทษผมไหม”
ผมถามหยั่งเชิงโดยไม่หันไปมอง

“ไม่”

“เกลียด”
ผมตอบกลับทันที

“เกลียดมากไหม”

“มาก”
ปากกับใจผมมันสวนทางกัน เพราะพี่ชายยังไงก็คือพี่ชาย ต่อให้เลวร้ายขนาดไหนผมก็ไม่เคยเกลียด แต่ผมแค่โกรธ โกรธที่ถูกทำราวกับสัตว์เลี้ยงหรือนักโทษแบบนี้ พี่ชายนิ่งไปนาน

“แต่เสียใจนะ ยังไงนายก็ต้องอยู่กับคนที่นายเกลียดมากคนนี้”
แล้วเขาก็จับผมกดลงกับพื้นที่นอน ซุกหน้าลงมางับหัวนม

ร่างกายผมมันเคยชินกับรสรักของพี่ชายซะแล้ว ผมแอ่นอกผวาเฮือก ครางแผ่วโอบกอดรอบหัวของคนตัวสูงไว้

แล้วรสรักที่ผมคุ้นเคยก็เกิดขึ้นอีกครั้ง


To be Con...
ช่วงนี้อินดี้หนีเข้าถ้ำไปนั่งแต่งนิยายรัวๆ จบไปสองเรื่องแล้ว กำลังลุ้นว่าเรื่องที่สามจะจบได้ก่อนกำหนดหรือเปล่าาาา (ยัดยาดมใส่รูตะหมูกบานๆ เฮือกใหญ่) คาดว่าต้นเดือนหน้าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ก็น่าจะได้อ่านกันล้าวววววว

ออฟไลน์ norimaki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เย้ๆๆมาแล้วโธ่น้องแล้วไปตอบไม่ตรงกับใจทำไมเนี้ย
ถ้าตอบตามใจคิด น่าจะได้เป็นอิสระอยู่นะ แค่บอกว่าจะไม่หนีไปไหน
พี่ชายคงใจอ่อนปล่อยจากการจับมัดอยู่ก็ได้ หรือเปล่าฮ่าๆๆๆ
เพราะพี่ชายเขาหวงขั้นสุดยอดไปแล้วไม่งั้นไม่ทำอย่างงี้หรอก
ดูสิหมดแรงกับงานมาอยากให้น้องปลอบ แอบอ้อนให้น้องใจอ่อนโยนทิ้งทิฐิเลยนะ
แต่พี่ชายนี้เก่งจริงบอกพ่อแม่แบบดักไว้ทุกทางเลย เอาสิใครมันจะไปตามหา
ลุ้นจริงๆว่าพี่ชายกับน้องจะได้บอกความในใจกันไหม แต่ก็นั้นรู้ใจตัวเองก่อนจะดีมาก
รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
สงสัยจะติดใจมาก แต่ความรู้สึกยังบอกได้ยาก

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ eat2tea

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านจบตอนที่2 แล้ว รู้สึกว่าคุณอนุชาเริ่มจะชอบนาคินทร์ซะแล้ว  :o8:

นั่งรถไปซื้อต้นไม้กับนาคินทร์ที่คลอง15 ด้วย (ตรงนั้นร้านขายต้นไม้เยอะมาก ส่วนคลอง16 มีมหาลัยแห่งหนึ่งตั้งอยู่ อ่านแล้วนึกถึงครับ)

เพิ่งเข้ามาอ่าน +เป็ดให้กำลังใจครับ (#ผมเชียร์นาคินทร์)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2018 12:29:45 โดย eat2tea »

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
 
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 1 : #พี่ชายกวินทร์ [คู่โหด : คนเจ้าอารมณ์ x ผู้รองรับอารมณ์]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 08 : ก้าวเข้าสู่ห้องคุมขังอีกครั้ง
   








พี่ชายนั่งพิงหลังกับกำแพงหัวเตียง มีหมอนรองหลัง มือเกลี่ยอยู่กับเส้นผมผมใกล้ใบหู สัมผัสนั้นอ่อนโยนจนแทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือสัมผัสจากคนที่ชอบทำร้ายผม

“ฉันเลวมากไหมกวินทร์”

“เลว” ผมตอบโดยไม่ต้องคิด

“เลวมานานรึยัง” 

“ตั้งแต่จำความได้” ผมตอบตามจริง

ได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ

“แล้วทำไมนายถึงยังตามตูดฉันต้อย ๆ คอยดูแลมาตลอดล่ะ” 

“พี่เคยเป็นฮีโร่ของผม ต่อให้นิสัยแย่ขนาดไหน ผมก็รักฮีโร่คนนั้น”

“เคย…”

“ใช่…เคย”

“แล้วฮีโร่คนนั้นหายไปไหนแล้วล่ะ”

“ตั้งแต่ที่เขาไม่คิดว่าผมเป็นน้อง ทำร้ายย่ำยี บังคับข่มเหงผม ฮีโร่ผมได้ตายจากไปแล้ว”
ผมบอกเสียงแผ่ว หลับตาลงทั้งที่ยังนอนคว่ำหน้าอยู่อย่างนั้น

“ถ้าฉันปล่อยนายไป นายจะทำยังไงต่อไป”

ผมลืมตาโพลงทันที นี่พี่ชายจะปล่อยผมไปจริง ๆ เหรอ ก่อนค่อย ๆ หลับตาลงอีกครั้ง

อย่าดีใจไปเลยกวินทร์ อิสระมันคงไม่มาถึงนายง่ายขนาดนั้นหรอก

“ผมก็คงกลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิม เพิ่มเติมคือพี่ชายที่ผมเคยรักและเคารพได้ตายจากไปแล้วอย่างไม่มีทางหวนกลับ”

พี่ชายก้มลงมาจูบซับตรงหัวไหล่ สัมผัสนั้นทำเอาผมรู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจ แต่เดาเอาว่าน่าจะเพราะฤทธิ์ยามากกว่า

ริมฝีปากร้อนผ่าวเกลี่ยไปมาอย่างอ่อนโยน เขาจับผมพลิกหันไปเผชิญหน้า มองตาผม ไม่พูดอะไร ก้มลงมาจูบ มันไม่ใช่จูบแห่งความต้องการ แต่มันเป็นรสจูบที่ดูออดอ้อน รสจูบที่คล้ายกับคนกำลังร้องขอความรัก หัวใจผมไหวแรง ผมบอกความรู้สึกไม่ถูก แต่มันอบอุ่น วาบหวาม เอาอกเอาใจ ผมโอบลำคอคนตัวสูงไว้ รสจูบนี้ไม่ได้ทำให้ผมหรือพี่ชายรู้สึกตื่นตัว แต่เป็นรสจูบที่ทำให้เราไม่อาจพรากปากออกจากกันได้

มันเป็นรสจูบที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกที่อยู่ลึก ๆ ภายใน

เขาค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก มองตาผม ดวงตานั้นกำลังฉายความรู้สึกบางอย่างออกมา มันคล้ายกับคนที่กำลังเหงา ต้องการใครสักคนอยู่เคียงข้าง

แล้วปากนั้นก็ปิดสนิทลงมาอีกครั้ง คราวนี้ผมจูบตอบในลักษณะปลุกปลอบ เอาใจ ไม่ได้ใช้คำพูด แต่ใช้รสจูบปลอบประโลม ต่อให้ผมโกรธแค้นขุ่นเคืองขนาดไหน แต่พี่ชายก็คือพี่ชาย ผมไม่อยากให้เขาเงียบเหงา เขาค่อย ๆ ละปากออก เลื่อนตัวลงไปแนบหน้ากับอกผม โอบกอดผมไว้

ผมกอดตอบ ลูบหัวแผ่วเบา พี่ชายอาจกำลังเครียดเรื่องงาน ผมไม่อยากพูดปลอบใจ เพราะคำพูดนั้นผมมีไว้เพื่อพี่ชายที่เป็นพี่ชายของผมจริง ๆ ไม่ใช่คนตรงหน้านี้ แต่ผมก็อยากให้กำลังใจเขา อย่างน้อยพูดไม่ได้ ก็ขอใช้ร่างกายเพื่อสื่อความหมายไปละกัน

เขาแนบแก้มซ้ายกับอกผม ขยับซุกราวกับคนกำลังหาไออุ่นจากอกแม่ มันอาจไม่ใช่ความผิดของพี่ชายที่มีนิสัยฟันผู้หญิงไม่เลือกแบบนี้ เพราะคุณลุงเองก็มีลูกมีเมียหลายคน แม่พี่ชายเป็นเมียหลวงสุด และนี่คงเป็นสาเหตุให้พี่ชายเติบโตมาเป็นคนแบบนี้

เขาเป็นฮีโร่ของผม ตั้งแต่เด็กจะคอยช่วยเหลือและเป็นพี่ชายที่ดีสำหรับผมเสมอ ไม่นับรวมนิสัยแย่ ๆ เขาก็คือฮีโร่เบอร์หนึ่งของผม

เราหลับกันไปทั้งอย่างนั้น ทีวีก็ไม่ปิด ตื่นอีกทีเพราะเสียงพิธีกรรายการอะไรสักอย่างพูดอรุณสวัสดิ์ ผมหันไปมอง ทีวียังเปิดค้างไว้เหมือนเดิม

“พี่ชาย”
ผมขยับปลุก ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง เพราะตัวพี่ชายดูร้อนผิดปกติ ผมอังหลังมือกับหน้าผาก

“ตัวร้อนจี๋เลย” 

“พี่ชาย พี่ไม่สบายนะ รู้สึกยังไงบ้าง”
คนตัวสูงครางอื้อ คล้ายกับจะไม่รับรู้อะไร ผมขยับลุก เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ผมพยายามเขย่าปลุก แต่อีกคนไม่หือไม่อือ

“พี่ชาย”
ผมเขย่าปลุกแรงขึ้น ขาก็ถูกมัด จะช่วยได้ยังไง

“พี่ชาย ตื่นก่อน พี่ไม่สบายนะ ไปหาหมอดีกว่า”
เขาครางอื้ออย่างไม่มีสติ ขืนปล่อยไว้แบบนี้แย่แน่ ๆ

“พี่ชาย ประคองสติหน่อย ผมขอกุญแจแก้โซ่ที่ขา พี่ต้องกินยาหรือไปหาหมอนะ ผมขอกุญแจ”
ผมเขย่าปลุกอีกรอบ พี่ชายปรือตามอง ขยับลุกเดินโซซัดโซเซไปหยิบกุญแจในกระเป๋าแจ็คเก็ตมายื่นให้ ผมรีบไขปลดล็อกโซ่ ลุกจากเตียง

ผมเป็นอิสระแล้ว!

จริง ๆ ผมสามารถอาศัยช่วงเวลานี้หนีไปเลยก็ได้

แต่คนที่นอนไม่ได้สติอยู่นี่ล่ะ

ผมนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เขาเคยทำกับผม จะไปห่วงเขาทำไม ขนาดเขายังไม่เคยห่วงอะไรผมเลย ปล่อยให้ผมทั้งเจ็บทั้งทรมานอยู่ในอ้อมแขนของเขา ผมเม้มปากแน่น ทิฐิกับความห่วงใยตีกันให้วุ่น ใจหนึ่งอยากหนีไปให้ไกล ๆ แต่อีกใจก็เป็นห่วง

ผมตัดสินใจลุกไปแต่งตัว ต่อให้ผมโกรธขนาดไหน เขาก็คือพี่ชาย เป็นคนป่วย ผมรีบคว้ามือถือมากดโทรเรียกรถพยาบาล การป่วยของพี่ไม่ใช่การป่วยแบบธรรมดา ปกติเขาเป็นคนหัวแข็ง ป่วยยาก แต่ล้มทีต้องถึงมือหมอเท่านั้น ไม่งั้นก็น่าเป็นห่วง

ตอนนี้ผมเป็นอิสระแล้ว แต่อิสระของผมยืนอยู่บนความร้อนรุ่ม ผมยังไม่ได้ขยับหนีไปไหน ยืนดูหมอกับนางพยาบาลช่วยกันรักษาคนป่วยอยู่ พี่ชายอยู่ในมือหมอแล้ว ผมควรจะจากไปได้เลย แต่ผมทำไม่ได้

ไม่เกินชั่วโมงหลังจากนั้น ผมก็มายืนนิ่งจ้องหน้าคนที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงคนไข้ในห้องพักพิเศษ ดวงตาที่เคยมองผมด้วยความเหี้ยมเกรียมกำลังปิดสนิท ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ

ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนี้ยังไงดี แทนที่ผมจะรีบ ๆ หนีไป แต่เหมือนขาผมถูกตรึงแน่นด้วยโซ่ที่มองไม่เห็นอยู่กับที่ ผมมองคนตัวสูงด้วยความเป็นห่วง โทรบอกคนที่บ้าน แต่ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากพ่อพี่ชาย ทางนั้นถามว่าเป็นอะไร ผมก็บอกไปว่าเป็นไข้

“หึ คิดว่าเป็นเอดส์ตายซะอีก ไอ้ลูกไม่รักดีพรรค์นั้น”

ผมเม้มปากแน่น ผมรู้ว่าพี่ชายทำตัวไม่ดี แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะคุณลุงเป็นต้นแบบไม่ใช่รึไง   

“ถ้ามันฟื้นก็บอกให้มันทำตัวเป็นผู้เป็นคนขึ้นซะบ้าง ไม่ใช่ทำตัวแบบนี้”

ผมถอนหายใจแรง กดวางสาย


ผมควรจะเดินออกไปจากชีวิตเขาด้วยอีกคนไหม ผมถามใจตัวเองอยู่นานกระทั่งได้คำตอบ เขาคงไม่มีโอกาสจับผมได้อีกแล้ว แต่ผมก็ไม่ควรทอดทิ้งเขา ผมขอตัวพี่นางพยาบาลกลับบ้านไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดนี้ผมใส่มันครั้งล่าสุดเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ตอนก้าวเข้าไปหาพี่ชาย และก็ไม่มีโอกาสได้ใส่อีกเลยกระทั่งวันนี้ วันที่ผมก้าวออกมาจากห้องนั้น

ผมนั่งแท็กซี่กลับบ้าน ก้าวเข้าห้อง ห้องที่ผมไม่ได้เหยียบย่างมานาน ทั้งที่ผมใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาเกือบทั้งชีวิต แต่มาวันนี้ ผมกลับรู้สึกคุ้นเคยกับมันน้อยกว่าบางสถานที่ที่ผมเพิ่งไปใช้ชีวิตมาแค่สองอาทิตย์นั้นซะอีก ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม คือความรู้สึกลึก ๆ ที่อยู่ภายในหัวใจผมนี่แหละ ผมสลัดเสื้อผ้า เดินตรงเข้าห้องน้ำไป สองอาทิตย์ที่ผ่าน เหมือนเป็นความฝันเลย ผมบอกไม่ถูกว่าตอนนี้ผมตื่นจากความฝันแล้วรึยัง

ผมยืนนิ่งอยู่ใต้ฝักบัว แหงนหน้ารับน้ำที่กำลังไหลรินลงมา ใจผมมันแหว่ง ๆ หวิว ๆ ยังไงบอกไม่ถูก ผมก้มหน้าให้น้ำไหลผ่านหัวลงสู่ลำตัวท่อนล่าง พยายามนึกทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

ทุกอย่างเป็นเรื่องจริงหรือแค่ความฝันกันแน่



ผมออกจากห้องน้ำมาแต่งตัว นั่งแท็กซี่กลับไปโรงพยายาบาล เปิดประตูออก คนบนเตียงหันมามอง ดวงตานั้นเบิกกว้างคล้ายกับจะไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น ผมชะงัก เพราะไม่คิดว่าพี่ชายจะฟื้นแล้ว ผมทำใจกล้า ขยับเดินเข้าไปภายใน

“ตื่นนานรึยัง อาการเป็นยังไงบ้าง”
ผมถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“คิดว่าจะไม่มาให้เห็นหน้าแล้วซะอีก”
เสียงถามนั้นแหบแห้ง

“ผมไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้น”

“คิดว่าจะใช้โอกาสนี้หนีไป”

“ยังไงผมก็เป็นอิสระแล้ว”

เขามองหน้าผม

“ใช่ นายเป็นอิสระแล้ว”

ผมรู้สึกวูบโหวงในหัวใจยังไงพิกล ผมก้าวช้า ๆ เข้าไปยืนอยู่ข้างเตียง กลืนน้ำลายลงคอ อังหลังมือไว้บนหน้าผากเลื่อนต่ำลงไปยังซอกคอเพื่อวัดอุณหภูมิ

“ไข้ลดแล้ว”
กำลังจะชักมือกลับ แต่ถูกจับไว้ เขามองตา มือนั้นบีบมือผมแน่น สายตามีแววบางอย่างที่อ่านไม่ออก

“พักผ่อนเถอะ จะได้หายเร็ว ๆ”

“ไม่ได้โกรธฉันอยู่หรอกเหรอ”

“โกรธ แต่ผมก็มีสามัญสำนึกมากพอที่จะไม่ทอดทิ้งคนป่วยไว้คนเดียว”
พี่ชายไม่พูดอะไร ยึดมือผมไว้ ดึงไปซุกซอกคอตัวเองอีกครั้ง

“ง่วงจัง”
แล้วดวงตาคู่นั้นก็ค่อย ๆ ปิดลง ผมเม้มปากแน่น กระตุกมือเบา ๆ หวังดึงออก แต่แรงยึดของคนป่วยนั้นหยุดแรงผมไว้

จริง ๆ ถ้าดึงแรง ๆ ก็ดึงหลุด เพราะเขาคงไม่มีแรงมายึดมือผมไว้ได้ตลอด แต่เหมือนมีพันธนาการบางอย่างที่มองไม่เห็นมายึดมือผมไว้อีกทอด ไม่เห็นด้วยตาแต่รู้สึกด้วยใจ พอ ๆ กับข้อเท้าที่เหมือนถูกล่ามไว้ด้วยโซ่หนักทำให้ผมก้าวหนีไปไหนไม่ได้

ผมยืนนิ่งมองคนหลับที่กรนฟี้ไปแล้ว ผมควรจะดึงมือออก แต่สิ่งที่ผมทำ กลับแค่ลากเก้าอี้มาทิ้งตัวลงนั่ง ปล่อยให้มือถูกกุมไว้ยังซอกคอคนป่วยเหมือนเดิม

ท่ามกลางแอร์ที่กำลังเย็นฉ่ำ มีแค่มือเท่านั้นที่รู้สึกอบอุ่น รู้สึกเหมือนถูกเกลี่ยเส้นผมตรงหน้าผาก แอร์เย็น ๆ ไม่ได้ทำให้ผมอยากตื่นขึ้นมาสำรวจว่ามันคืออะไร ผมปล่อยสติให้หายไปอีกครั้ง กระทั่งตื่นอีกทีเพราะนางพยาบาลเข้ามาเช็ก พี่ชายโดนฉีดยาอีกเข็ม

“ถ้าคนไข้ตื่นก็สามารถกลับบ้านได้เลยนะคะ”

ผมพยักหน้ารับ มองคนที่กำลังหลับสนิท

“พอดีที่คอนโดไม่มีใครดูแล ดูเขายังไม่ฟื้นตัวดี เอาไว้สักคืนก่อนไม่ได้เหรอครับ”

“ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีเราเห็นว่าอาการคนไข้ดีขึ้นมากแล้ว มีคนไข้ต้องใช้ห้องต่อ แต่เปลี่ยนไปอยู่ห้องคนไข้รวมได้ค่ะ”

ผมขมวดคิ้ว ให้ไปอยู่รวมกับคนอื่น สู้เอากลับไปดูแลเองดีกว่า ผมพยักหน้าเข้าใจ ไม่ถึงครึ่งวันพี่ชายก็ฟื้น หมอเข้ามาตรวจอีกรอบ และยืนยันว่าสามารถกลับบ้านได้แล้ว พี่ชายดูมีแรงมากขึ้น แต่สีหน้ายังอิดโรย ปากยังซีดอย่างเห็นได้ชัด ผมออกไปเคลียร์ค่าใช้จ่าย แล้วกลับเข้ามาอีกครั้ง พี่ชายยังนอนอยู่บนเตียง พวกสายน้ำเกลือกับเข็มที่ถูกปักทิ่มไว้บนหลังมือถูกถอดออกหมดแล้ว พี่ชายหันมามอง

“แต่งตัวเถอะ”
ผมบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พยุงคนตัวสูงลงจากเตียงช่วยแต่งตัว พี่ชายไม่พูดอะไร ปล่อยให้ผมช่วยเงียบ ๆ เราต่างคนต่างไม่พูดอะไรต่อกัน พากันเดินออกจากห้องพักตรงไปตามทางเพื่อขึ้นแท็กซี่

จริง ๆ พี่ชายพอช่วยตัวเองได้แล้ว ผมควรจะปล่อยให้เขากลับเอง แต่อีกใจก็ยังเป็นห่วง กลัวจะไปล้มระหว่างทางเข้า ผมพาพี่ชายขึ้นแท็กซี่ นั่งเงียบมาตลอดทั้งเส้นทาง ผมนั่งฝั่งหนึ่งพี่ชายนั่งห่างไปอีกฝั่งหนึ่ง ยิ่งรถขับใกล้คอนโดเข้าไปเท่าไหร่ หัวใจผมยิ่งเต้นแรง เพราะสถานที่นั้นเป็นที่คุมขังอันโหดร้ายของผม ภาพเก่า ๆ หวนคืน มันน่าหวาดกลัวพอ ๆ กับน่าเสียดายที่จะไม่ได้กลับมาเห็นมันอีกแล้ว

รถจอดสนิทหน้าคอนโด ผมจ่ายเงิน ก้าวลงจากรถ เปิดประตูอ้าไว้ให้พี่ชายก้าวลงมาตาม คนตัวสูงไม่พูดอะไรเหมือนเดิม

ผมให้พี่ชายเดินนำ ส่วนตัวเองก้าวเท้าเดินตาม ผมก้มหน้า มองเพียงส้นเท้าของคนที่กำลังก้าวนำ มันเคลื่อนที่ไปด้านหน้าทีละก้าว แต่ละก้าวนั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนคนที่กำลังจะเดินทางเข้าสู่แดนประหาร ยิ่งใกล้เปอร์เซ็นที่จะมีชีวิตรอดยิ่งน้อยลงทุกที

แต่ผมหยุดขาตัวเองไม่ได้ จริง ๆ แค่ผมหยุดเดินหรือหันกลับ ทุกอย่างก็จบแล้ว แต่ผมทำไม่ได้จริง ๆ ผมเดินตามช้า ๆ กระทั่งฝ่าเท้าได้รูปนั้นหยุดลง ผมหยุดตาม ค่อย ๆ เงยหน้ามอง ผมจดจำหมายเลขห้องนั้นได้อย่างแม่นยำ

ห้องของพี่ชาย

พี่ชายล้วงหยิบการ์ดมาแตะเปิด ประตูบานใหญ่ถูกผลักออกกว้าง เขาก้าวเข้าไปภายใน หันกลับมามอง ในขณะที่ผมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

“ฉันพอดูแลตัวเองได้บ้างแล้ว นายจะใช้โอกาสนี้หนีไปก็ได้นะ ฉันสัญญาว่าจะไม่จับนายมาขังอีก แต่ถ้านายพอมีความรู้สึกบางอย่างกับฉันบ้าง ให้ก้าวเข้ามา แต่บอกได้เลยว่านายจะไม่มีอิสระอีกต่อไป เพราะฉันจะล่ามนายไว้อีกรอบ”

ผมจ้องตาคนพูด เขาให้โอกาสแล้ว ผมควรจะคว้ามันไว้ใช่ไหม ผมควรจะก้าวหนีไป แต่สภาพผมตอนนี้ไม่ต่างกับแมงเม่าตัวโต ๆ ที่พร้อมจะบินเข้าหากองไฟ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้อยู่ว่ามันทั้งร้อนและพร้อมจะเผาไหม้ทุกชีวิตให้วอดวาย

ผมขยับเท้า…

ไม่ได้ก้าวถอย แต่ขยับก้าวไปข้างหน้า วางเท้าซ้ายลงก่อนตามติดด้วยเท้าขวา แล้วฉับพลันนั้นเองก็มีโซ่เส้นหนึ่งคล้องหมับมาที่ลำตัว มันรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก มันเป็นโซ่ที่ทำจากเลือดเนื้อ แข็งแกร่งราวกับเหล็ก แต่ก็อบอุ่นจนถึงขั้วหัวใจ

โซ่เส้นนั้นมาพร้อมริมฝีปากที่กำลังแห้งผาก มันแนบติดลงมาบนริมฝีปากผม ผมไม่คุ้นเคยกับความแห้งผากนั้น แต่คุ้นเคยกับรสจูบนั้นดี หัวใจแนบหัวใจ จังหวะการเต้นดูรุนแรงมากกว่าปกติ

ปากเราเหมือนแม่เหล็กที่ถูกดึงดูดเข้าหากัน ยิ่งนานมันยิ่งแนบติดแน่น และในระหว่างเราสองคนก็ดูเหมือนจะไม่มีใครคิดจะดึงออกด้วย

“นายต้องเสียใจที่ไม่คิดจะหนีไป”
พี่ชายละปากออกมากระชิบบอก

“ผมรู้”
ผมกระซิบตอบกลับผะแผ่ว แล้วปากของเราสองคนก็แนบติดเข้าหากันอีกครั้ง


The End

จบแล้ววววสำหรับคู่แรก รอคู่ที่สองน้าาาา คู่ของพี่ชายคนโตกับน้องเล็กสุดของบ้าน ไม่โหดแบบคู่แรกแล้ว  :mew1:






book&ebook | https://goo.gl/aJFpH5

                                                                                 อนุชา



แท็กนิยายเรื่องนี้ #คนเจ้าอารมณ์ #พี่ชายกวินทร์



ต้องการหนังสือ>>ดูรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ<<







e-book เรื่องนี้





เป็นแฟนคลับเรื่องนี้ จิ้มพี่ชายหรือกวินทร์ในอ่างได้เลยค่าาา -,.- 
 


 

 

 

ติดตามข่าวสาร & รับแจ้งอัพนิยาย & ทักทายไรท์ หลังไมค์ได้ทุกช่องทางตามนี้ค่ะ

1. Page: Facebook.com/memew28

2. Twitter: Twitter.com/memew28 หรือ @memew28

3. Line: Memew28

4. Mail: Memew28(แอท)gmail.com
           5. e-book : https://www.mebmarket.com/index.php?action=Publisher&id=638072










 

 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 2 : #พี่เชนทร์ชยันต์ [คู่ยั่ว : พระอิฐพระปูน x เด็กยั่ว]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 01 : ค้นพบ




 “โอ๊ย~”
ผมครางออกมาเบา ๆ ขณะหย่อนขาลงจากเตียง ผมฉีกยิ้มกว้าง วิ่งไปที่โต๊ะอ่านหนังสือ คว้าปากกาเมจิกกับไม้วัดวิ่งไปยืนหันหลังชิดกำแพง มันมีตัวเลขเรียงกันตั้งแต่ 0 CM ขึ้นไปจนถึง 200 CM ผมเอาไม้วัดวางทาบบนหัว ขีดเส้นด้วยปากกาเมจิก พลิกหันไปมอง 

“ว้าวววว สูงขึ้นตั้งสองเซนแน่ะ” ผมฉีกยิ้มอย่างลิงโลด หันไปมองรูปถ่ายที่ผมแปะเรียงรายกันไว้เป็นแผงบนกำแพงไม่ห่าง ผมหุบยิ้มเปลี่ยนเป็นอมลมจนเต็มแก้ม โยนปากกาเมจิกทิ้งอย่างไม่ไยดี

“พี่ชายตอนอายุ 15 สูงตั้ง 175 พี่เชนทร์ 174” แต่ของผมแค่ 160 นี่ขนาดทั้งกินนมทั้งออกกำลังกายแถมยังนอนเร็วแล้วนะ

แต่ไม่เป็นไร ยังมีเวลาเร่ง ผมเขียนเป้าหมายไว้ ก่อนอายุ 20 ผมต้องสูงให้ได้ 180 จะได้หล่อ ๆ เท่ ๆ แบบพี่ชาย

ผมเดินไปยืนอยู่หน้ากระจก เพ่งมองใบหน้าตัวเอง แต่ต่อให้ผมพยายามขนาดไหนก็คงไม่มีทางทำหน้าให้เข้ม ๆ แบบพี่ชายได้แน่ ๆ 

เพราะผมเป็นลูกเสี้ยว แม่เป็นคนยุโรป ผิวเลยขาวกว่าพี่น้องทุกคน ขาวอมชมพูด้วย ที่ต่อให้ตากแดดขนาดไหน มันก็แค่แดง ไม่นานก็กลับมาขาวอมชมพูเหมือนเดิม โครงหน้ารูปไข่ ไม่มีกราม ไม่มีลูกกระเดือก ขนขึ้นมาเป็นไรอ่อน ๆ สีแทบกลืนไปกับผิว รูปร่างหน้าตาผมตอนนี้ ถ้าไปหลอกคนอื่นว่าเป็นผู้หญิง คนก็เชื่อ ผมถอนหายใจยาว ทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หราอยู่บนเตียง ได้ยินเสียงเคาะห้องเบา ๆ

“คราย” ผมถามออกไปเสียงยาน 

“พี่เองครับ ตื่นรึยัง” โง่หรือเปล่า ตอบรับไปขนาดนี้แล้วยังจะมาถามอีก

“ยาง” ผมตอบกลับเสียงยานตามเดิม ได้ยินเสียงแกรกของลูกบิดที่ถูกหมุน เพราะผมเป็นน้องเล็กสุดของบ้าน ทำให้พวกแม่ ๆ และพี่ ๆ ทั้งหลายแวะเวียนมาหาบ่อย ๆ ผมจึงไม่เคยล็อกห้อง พี่เชนทร์เปิดเข้ามา ผมขยับหันเท้าไปทางหัวนอนห้อยหัวลงไปที่ปลายเตียง มองคนเข้ามาใหม่ในลักษณะกลับหัว 

“สายแล้วนะ รีบอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทัน”

ผมพยักหน้าเลื้อยลงจากเตียง พี่เชนทร์ยืนเท่คอย ผมหันไปมอง ถึงพี่เชนทร์จะไม่หล่อและเท่เท่ากับพี่ชาย แต่พี่เชนทร์ก็หล่อและเท่รองลงมาในบรรดาพี่น้องของเราทั้งหมด ผมเข้าไปยืนเทียบ ตอนนี้ผมสูงเพียงแค่อก พี่เชนทร์เท่านั้น พี่เชนทร์มองผมงง ๆ

“อะไร”

“เมื่อไหร่ผมจะสูงและเท่ได้เท่าพี่ชายนะ”

พี่เชนทร์หน้าบึ้ง

“แล้วพี่ไม่เท่บ้างรึไง” 

“ไม่ พี่ชายเท่และหล่อกว่าเยอะ” ผมพูดตรง ๆ

พี่เชนทร์ถอนหายใจยาว

“เอาล่ะ หล่อกว่าก็หล่อกว่า รีบไปอาบน้ำเถอะ” พี่เชนทร์มักจะยอมผมแบบนี้เสมอ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม อาจเพราะในบ้านหลังนี้ ถ้าไม่นับพี่ชายที่เป็นพี่คนโต แต่ชอบทำตัวแหกคอกจนไม่คิดว่าเราอีก 9 คนเป็นพี่น้อง พี่เชนทร์ก็ถือว่าเป็นพี่ใหญ่สุดของบ้าน ผมที่เป็นน้องเล็กสุด เลยถูกดูแลดีเป็นพิเศษ

จะว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ กับการเกิดมาเป็นน้องเล็กของบ้านเนี่ย เพราะอยากได้อะไรก็ได้ ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนคนอื่น ๆ ด้วย

ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็ออกมาอยู่ในชุดนักเรียนเรียบร้อย ผมอยู่มอสี่แล้ว แต่อายุ 15 เพราะเข้าเรียนก่อนเกณฑ์ 

“นี่คนนั้นพี่ชายชยันต์เหรอ หล่อจัง เขาทำงานอะไร ถามพี่เขาหน่อยว่าอยากเลี้ยงต้อยไหม” เพื่อนผู้หญิงในห้องผมถาม ผมว่าพี่เชนทร์หล่อน้อยนะ แต่มาส่งผมที่โรงเรียนทีไรมีแต่คนกรี๊ดทุกที

“หล่อเหรอ ถ้าคิดว่าพี่เชนทร์หล่อ เจอพี่คนโตของเราซะก่อน พี่เชนทร์เทียบไม่ติดแน่ ๆ”

เพื่อนผมตาโต มองหน้าเขม็ง

“ยังมีหล่อกว่านี้อีกเหรอ”

ผมพยักหน้า หยิบการ์ดที่ผมทำพิเศษเป็นพวงกุญแจขึ้นมาให้เพื่อนดู เพื่อน ๆ คนอื่นรีบพากันเข้ามาส่อง กรี๊ดกร๊าดวี้ดว้ายกันใหญ่

จริง ๆ ตั้งแต่ขึ้นมอสี่มา ผมอยากได้เพื่อนผู้ชายเท่ ๆ แมน ๆ มากกว่า แต่พอเข้าไปทักใคร ก็พากันมองผมแปลก ๆ คุยกับผมด้วยภาษาเรียบร้อย ไม่มากูมึงแบบที่ผมอยากให้เป็น

ต่อให้บุคลิกภายนอกผมดูคุณหนูคุณชายขนาดไหน แต่ผมก็ยังอยากมีเพื่อนห่าม ๆ อยากเตะฟุตบอล อยากเล่นบาสเหมือนกัน พอไปขอเข้าชมรมเข้าทีม แทนที่จะให้ผมเป็นตัวเล่น ก็โยนหน้าที่ไปเป็นคนดูแล เพื่อนผู้ชายไม่ยอมคุยด้วย จนผมต้องระหกมาคบกับเพื่อนผู้หญิงแทนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แล้วพวกนี้ก็พากันเพ้อแต่เรื่องผู้ชาย วัน ๆ ไม่ทำอะไรหรอก นอกจากคุยเรื่องผู้ชายและสรีระศาสตร์ของผู้ชาย

“นี่ เธอชอบผู้ชายแบบไหนชยันต์”

ผมมองหน้าคนถาม

“เราชอบผู้หญิง” พวกนั้นพากันมองมาตาโต

“ล้อเล่นน่า ชยันต์ หน้าอย่างเธอเนี่ยนะ” ทำไม หน้าอย่างผมมันชอบผู้หญิงไม่ได้รึไง

“นี่ หน้าก็หวาน เสียงก็หวาน ท่าทางก็นิ่มขนาดนี้ อย่าหลอกกันดีกว่า”

ผมถอนหายใจแรง

“เราชอบผู้หญิง” ผมยืนยัน แต่ไม่ใช่แรด ๆ แบบพวกเธอละกัน ผมนั่งเท้าคางมอง เบื่อจัง หรือจะย้ายไปเรียนต่อต่างประเทศดี แต่ก็ไม่อยากไปไหนห่างไกลจากครอบครัว ไปอยู่คนเดียวที่อื่นคงไม่มีคนคอยตามใจแบบนี้ด้วย

“นี่ ๆ ผู้ชายคนนี้หุ่นแซ่บมากเลย ดูสิ ชยันต์ดู”

“อืม เท่ดี” กล้ามเป็นมัด ๆ ผมอยากมีกล้ามแบบนี้บ้างจัง

“นี่ ๆ ฉันมีหนังสือโป๊ด้วย ไปดูกันไหม”

“ว้าย จริงเหรอ”

“จริงสิ”

ผมตาโตมอง ไม่คิดจริง ๆ ว่าเพื่อนผู้หญิงกลุ่มผมจะกล้ากันขนาดนี้

“ดูศึกษาไว้ เวลาเจอของจริง แฟนจะได้รักได้หลง”

“ผู้ชายเขาชอบผู้หญิงบริสุทธิ์ไม่ใช่เหรอ” ผมออกความเห็น

“นั่นมันสมัยพระเจ้าเหาจ้ะ อีตาชยันต์ สมัยนี่ต้องเก่ง ๆ แรด ๆ ร่าน ๆ ถึงจะเอาผู้ชายอยู่หมัด กลเม็ดพิชิตใจชาย เอาให้ไปไหนไม่ได้ ก้าวซ้ายได้แหวน ก้าวขวาได้เงินได้ทอง”

“อ้อนเอาเฉย ๆ ก็ได้มั้ง” ผมแนะ

“นี่ สำหรับเธอน่ะได้อยู่หรอก แต่ก็ต้องเพิ่มมหาเสน่ห์เข้าไปหน่อย เธอมีหน้าตาเป็นอาวุธ แต่ถ้าเรื่องบนเตียงไม่ได้เรื่อง ผู้ชายเขาจะเบื่อเอา มารยาหญิงฝึกไว้เยอะ ๆ”

ผมขมวดคิ้ว อยากเถียงเหลือเกิน ว่าผมชอบผู้หญิง จะเรียนรู้วิธีมารยาแบบนี้ไปทำไมกัน

แต่ละวัน ผมก็จะวนเวียนอยู่แต่เรื่องแบบนี้แหละ ศึกษาวิธีเอาใจผู้ชาย ดูแลผู้ชาย จับผู้ชาย อ่อยผู้ชาย ยั่วผู้ชาย แต่ยอมรับว่าผู้หญิงกลุ่มผมฮอตจริง ๆ ครับ หัวกระไดไม่เคยแห้ง แต่ดีอยู่อย่าง ต่อให้พวกนี้แรดร่านไร้สาระกันขนาดไหนก็เรียนเก่ง กลุ่มผมเป็นท็อปห้องด้วย ผมคิดว่าพวกเธอจะเอาแต่บ้าผู้ชายจนไม่สนใจเรียนกันซะอีก

เอาเป็นว่าผู้หญิงกลุ่มผม เรื่องเรียนก็เอาอ่าว เรื่องผู้ชายก็เก่งกาจ ไม่รู้ผมหลุดเข้ามาอยู่ในวงจรนี้ได้ยังไงกัน

“นี่ชยันต์ สเปคเธอเป็นแบบไหน”

ผมได้แต่เถียงอยู่ในใจว่าสเปคผมคือผู้หญิงน่ารักและผมยาว แต่พวกนี้ก็รบเร้า หาว่าผมกลบเกลื่อนและไม่ยอมรับความจริงตลอด 

“กล้ามใหญ่ ๆ ผิวสีแทน เท่ ๆ” ผมบรรยายถึงหุ่นพี่ชาย ซึ่งเป็นหุ่นที่ผมปรารถนาอยากเป็นมาตลอด 

“แหม ตัวเล็กแบบเธอ จะรับไหวเหรอ” ผมยักไหล่ ก็ไม่คิดจะไปนอนด้วยนี่หว่า

“นี่วันนี้ฉันมีอะไรมาให้ดู พวกเธอสนใจกันไหม”

ผมหันไปมองคนพูด

“พิเศษมากเลยนะ โดยเฉพาะกับเธอ ชยันต์”

ผมเลิกคิ้วมอง วันนี้ผมกับเพื่อน ๆ มารวมตัวกันที่บ้านคนพูดเพื่อทำรายงานครับ และเหมือนเดิม พอทำรายงานเสร็จก็แรดเรียนรู้เรื่องผู้ชายตามประสา ผมก็ชักจะชิน ๆ

สิ่งที่เพื่อนผมเปิดให้ดู มันเป็นหนังโป๊ครับ แต่เป็นหนังโป๊ของผู้ชายกับผู้ชาย ผมแทบอ้วกตอนเห็นครั้งแรก พวกนั้นวี้ดว้ายดูกันตาแป๋ว พอผมจะเลิกดูพวกนั้นก็ไม่ยอม ยึดผมไว้ให้ดูอีก

แรก ๆ ก็ขยะแขยงนะ แต่หลัง ๆ ชักชิน ชินไม่ชินเปล่า ผมยังรู้สึกร้อนวูบวาบด้วย

“เกิดอารมณ์ตามเลย” เพื่อนผู้หญิงผมบอก แล้วพวกนั้นก็พากันวี้ดว้าย

“เป็นไงบ้างชยันต์ ตื่นเลยดิ บอกแล้วว่าเธอต้องชอบ อะ เรามีเยอะ เอาไปเลย เอาไว้เรียนรู้ ศึกษาไว้บ้าง เวลามีผัวจะได้ไม่ลำบาก”

“ไม่เอา” ผมรีบปฏิเสธ ดันซีดีปึกนั้นกลับไป

ได้ยินเสียงเคาะห้องเบา ๆ เพื่อนผมรีบยัดซีดีทั้งหมดใส่กระเป๋านักเรียนผมทันที หันไปยิ้มบริสุทธิ์ใสซื่อใส่แม่ที่เปิดประตูเข้ามาพอดี

“ทำอะไรกันอยู่เหรอลูก”

“พวกเรากำลังทำรายงานกันค่ะแม่” เพื่อนผมตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“แม่แค่แวะเอาผลไม้มาให้” แม่วางจานผลไม้ที่ปอกไว้พร้อมกินลงตรงกลางระหว่างพวกเรา  เธอเป็นแม่ผู้หญิงที่เรียบร้อยอ่อนหวานมาก ไม่รู้แม่จะรู้รึเปล่าว่าลูกสาวตัวเองเป็นพวกแบ๊วไม่บริสุทธิ์ ผู้หญิงนี่บางทีก็น่ากลัวไปนะ

พอแม่ออกไป เพื่อนผมก็สลัดคราบสาวหวานทิ้งหยิบนิตยสารผู้ชายมาเปิดดูต่อทันที 

ผมได้แต่ถอนใจอย่างเบื่อหน่าย







 

ทุ่มตรงผมก็โทรเรียกสารถีประจำตัวให้มารับ พี่เชนทร์มาถึงภายในเวลาไม่เกิน 20 นาทีด้วยซ้ำ

“นี่ ได้ข่าวว่าพี่ชายกับพี่กวินทร์กลับมาจากญี่ปุ่นแล้ว เราไปหากันเถอะ” ผมหันไปร้องขอ

“โทรบอกก่อนสิ สองคนนั้นยิ่งไม่ชอบให้ไปหาโดยไม่บอกกล่าวอยู่ด้วย”

“ไม่เอา น่านะ ไปหาเถอะ ผมคิดถึงพี่ชาย อยากไปเซอร์ไพรส์ด้วย” พี่เชนทร์ขมวดคิ้วทำท่าคิด ก่อนพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ พาผมขับรถไปจอดไว้ใต้คอนโดสุดหรูของพี่ชาย

โชคดีอะไรอย่างนี้ ทันทีที่จอดรถได้ก็เห็นรถของพี่ชายวิ่งวนเข้ามาจอดอยู่ฝั่งตรงข้าม เยื้องไปด้านทางซ้ายนิด ๆ 

“นั่นรถพี่ชายนี่ รีบออกไปดักกันเถอะ” พี่เชนทร์ชวน

“เดี๋ยว อย่าเพิ่ง” ผมรีบเบรกไว้ “ไว้ให้เดินผ่านมาค่อยออกไปจ๊ะเอ๋” ผมบอกอย่างนึกสนุก

เรานั่งรอ พอรถพี่ชายจอดสนิท ประตูฝั่งคนนั่งข้าง ๆ ก็เปิดออก พี่กวินทร์เดินหน้าบึ้งออกมากระแทกปิดประตูแรง พี่ชายรีบเปิดประตูออกมาตาม กระชากจับแขนพี่กวินทร์ที่กำลังจะเดินหนีไว้ สองคนนั้นเหมือนกำลังทะเลาะกันอยู่ ดูรุนแรงด้วย ผมไม่ได้ยินว่าพวกเขาทะเลาะกันเรื่องอะไรเพราะอยู่ในรถ แต่ทั้งผมทั้งพี่เชนทร์พากันนั่งนิ่งไม่ออกไปห้ามปราม

สถานการณ์ไม่น่าเข้าไปหาเลยแฮะ 

พี่กวินทร์ตบหน้าพี่ชายแรงจนหน้าพี่ชายหันไปตามแรงมือ ผมใจหายวูบ พี่ชายหันกลับมามองช้า ๆ ดวงตาวาวโรจน์ ผมหดคอลงทันทีอย่างหวาดเสียว 

ทำให้พี่ชายโกรธขนาดนั้น มีหวังพี่กวินทร์โดนกระทืบไส้แตกแน่ ๆ

แต่สิ่งที่พี่ชายทำ กลับทำให้ผมนิ่งอึ้งกว่าเดิม ผมนั่งอ้าปากค้าง เพราะแทนที่พี่ชายจะกระทืบพี่กวินทร์ไส้แตกอย่างที่ใจคิด กลับกระชากพี่กวินทร์เข้าไปบดจูบ พี่กวินทร์พยายามขัดขืน แต่ไม่นานก็โอนอ่อน พี่ชายจับพี่กวินทร์กด  ลงบนฝากระโปรงรถ ก้มซุกซอกคอ สีหน้าพี่กวินทร์เคลิบเคลิ้มอย่างเห็นได้ชัด

ดูท่าพี่ชายจะปล้ำพี่กวินทร์กลางลานจอดรถจริง ๆ (เพราะตอนนี้มือพี่ชายสอดเข้าไปในเสื้อของพี่กวินทร์แล้ว เหมือนจะจับนมด้วย!!) แต่ดูเหมือน   พี่กวินทร์จะได้สติก่อน รีบจับมือพี่ชายไว้ ดันคนตัวสูงออก พี่ชายทำหน้าเสียดาย สีหน้าแสดงความเร่าร้อนออกมาอย่างเห็นได้ชัด คว้าจับแขนพี่กวินทร์ ลากแถก ๆ ตรงเข้าตึกไป

ผมนั่งมองอ้าปากตาค้างอยู่ท่าเดิม

นี่ใช่ไหม คือสาเหตุที่พี่ชายยอมเชื่อฟังพี่กวินทร์ทุกอย่าง ทั้งที่ไม่เคยยอมลงให้ใครมาก่อนแม้แต่กับพ่อแม่

เพราะพวกเขามีสัมพันธ์เกินเลยต่อกัน!

ผมกะพริบตาปริบ ๆ ค่อย ๆ หุบปากลง กลืนน้ำลายลงคอ ไม่เคยคิดเลย ว่าการที่ผู้ชายคนหนึ่งหลงเสน่ห์ผู้ชายอีกคน จะทำให้ยอมกันได้ขนาดนี้ 

ผมไม่รู้ว่าผมนั่งนิ่งเป็นหินแบบนั้นอยู่นานแค่ไหน กระทั่งพี่เชนทร์ทำลายความเงียบขึ้นมา 

"ยังอยากไปหาอยู่ไหม”

“บ้ารึไง! ตอนนี้พวกเขาคงกำลัง…” ผมหยุดเสียงลงกึก หันขวับไปมอง

ทำไมพี่เชนทร์ดูไม่ตกใจอะไรเลย

“ไม่แปลกใจเลยเหรอ” ผมถามงง ๆ

“พี่รู้มาตั้งนานแล้วว่าสองคนนั้นเขาแอบคบกันอยู่ 5-6 ปีได้แล้วมั้ง”

ผมอ้าปากค้าง

“ทะ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

พี่เชนทร์ถอนหายใจแรง 

“ไม่รู้เรื่องน่ะดีแล้ว เรายังไร้เดียงสา”

“ไร้เดียงสาตรงไหน ผมโตแล้วนะ”

“โตตรงไหน” พี่เชนทร์จงใจมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

“งั้นแปลว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันเกินเลยกว่าลูกพี่ลูกน้องกันมานานแล้ว” พี่เชนทร์พยักหน้า ผมเม้มปากแน่น ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ


To Be Con..
ต่อด้วยคู่ที่ 2 รัวๆ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
มาอีกคู่แล้ว~

ออฟไลน์ Sistel2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กรี๊ดหนักมาก รอดูชยันต์คนขี้ยั่ว  :-[

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 2 : #พี่เชนทร์ชยันต์ [คู่ยั่ว : พระอิฐพระปูน x เด็กยั่ว]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 02 : ภารกิจยั่วพระอิฐพระปูน

มกลับมาถึงบ้านในสภาพช็อกนิด ๆ ไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ กับสิ่งที่เห็น มันทำให้มุมมองเรื่องผู้ชายกับผู้ชายของผมเปลี่ยนไปนิด ๆ พี่ชายที่ผมปลื้มนักปลื้มหนาเป็นเกย์ งั้นเกย์ก็ไม่น่าจะใช่เรื่องน่ารังเกียจหรือแปลกอะไรมากน่ะสิ

ผมกลับเข้าห้อง กดล็อกประตู มันเป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ผมล็อกห้อง เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าอยากได้ความเป็นส่วนตัว ผมรีบเปิดคอม รื้อหนังเกย์ที่เพื่อนให้มา เลือกแผ่นที่คิดว่าน่าดูที่สุดเปิดก่อน

ผมเปิดดูมันด้วยความรู้สึกใหม่ ๆ ผมไม่ได้รังเกียจ ถ้าพี่ชายชอบได้ ผมก็ชอบได้เหมือนกัน

ผมนั่งดูกระทั่งจบแผ่น หลังจากนั้นก็ลองเปิดเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ดูเพิ่มเติม บอกตามตรงว่ามันทำให้ผมเกิดอารมณ์  จริง ๆ เกิดอารมณ์จนอยากได้ใครสักคนมาเป็นคู่นอนด้วยจริง ๆ ผมโตพอที่จะทำเรื่องพวกนี้ได้แล้วด้วย ผมลองเปิดดูพวกเว็บหาเพื่อนหรือคู่นอนดู แต่ส่วนใหญ่พวกนี้หาความปลอดภัยได้ค่อนข้างยาก ปัญหาเยอะ หลอกลวงกันก็เยอะ แต่ผมก็ยังไม่หยุดค้นหา เผื่อฟลุ๊คเจอคนเข้าตา

ผมรู้ว่าผมเป็นฝ่ายรับดีกว่าฝ่ายรุก จะเพราะเรี่ยวแรงหรือสเปคก็ได้ ผมชอบผู้ชายแบบพี่ชาย แต่คนที่ดูดีแบบพี่ชายหาไม่ได้เลยจริง ๆ

ผมนั่งเบื่อหาไปเรื่อย ๆ กระทั่งตัดใจกดปิดเว็บแล้วหันมาเปิดเฟซบุ๊กแทน

มีคนถ่ายรูปพี่เชนทร์มาลงเฟซบุ๊กด้วย เป็นภาพตอนพี่แกถอดเสื้อ ใส่กางเกงเอวต่ำ คงเพิ่งเสร็จจากการออกกำลังกายมาใหม่ ๆ เพิ่งสังเกตว่าพี่เชนทร์ก็หุ่นดีเหมือนกัน

จะว่าไปแล้ว พี่เชนทร์ก็หล่อรอง ๆ ลงมาจากพี่ชายนะ

ผมนิ่งคิด ถ้าผมจะลองมีอะไรกับใครสักคนที่ไว้ใจไม่ได้ สู้ลองมีอะไรกับคนที่ไว้วางใจได้ไม่ดีกว่าเหรอ พี่เชนทร์เก็บความลับเก่ง สะอาด ปลอดภัย(เพราะแกไม่เจ้าชู้เหมือนพี่ชาย) และหุ่นดีใช้ได้เลย ผมไล่ดูภาพพี่เชนทร์เพิ่มเติม

พี่ชายนอนกับพี่กวินทร์ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องได้ งั้นผมน่าจะนอนกับพี่เชนทร์ได้ เสียแต่พ่อเดียวกันเท่านั้น แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน ไม่ต้องกลัวเรื่องท้องด้วย ผมเกิดอารมณ์ง่ายเพียงแค่เห็นกล้ามผู้ชาย พอมองภาพพี่เชนทร์มาก ๆ ผมก็ชักเกิดอารมณ์

ผมเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ ได้ยินเสียงเคาะประตูให้ลงไปกินข้าว เสียงเรียกเป็นเสียงของพี่เชนทร์ ได้ยินเสียงหมุนลูกบิดแกรก ๆ แต่ผมล็อกไว้เลยเปิดไม่ได้

“ชยันต์ อยู่ในนั้นหรือเปล่า ทำไมล็อกห้อง”

ผมกดพักหน้าจอคอม ลุกเดินไปกดล็อก หมุนเปิดประตูออกกว้าง พี่เชนทร์มองมาด้วยสีหน้าแปลกใจ ผมมองหน้าคนตัวสูงกลับ

เพราะมุมมองของผมเปลี่ยนไปหรือไง ผมถึงได้รู้สึกว่าพี่เชนทร์หล่อขึ้น

ผมจ้องหน้าคนตัวสูง ไล่ต่ำลงมายังริมฝีปาก ลำคอ แผงอกกว้าง ลงไปถึงหน้าท้องภายใต้เสื้อผ้า ปกติพี่เชนทร์จะชอบแต่งตัวมิดชิดทำให้ไม่เห็นหุ่นแท้จริง แต่ผมรู้ว่าภายใต้เสื้อผ้ามิดชิดนั้น มีเรือนร่างที่น่าขย้ำอย่างชายแท้แฝงอยู่

ผมรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า” พี่เชนทร์ถาม อังมือไว้กับหน้าผาก ผมรีบจับมือนั้นไว้ มองตานิ่ง ๆ

มือพี่เชนทร์ร้อน ถ้ามือนี้มาลูบไล้เนื้อผมตัว มันจะเป็นยังไงนะ

ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกร้อน ผมคงเป็นโรคจิตไปแล้วแน่ ๆ

ผมว่าผมเป็นคนปกติที่สุดในบรรดาพี่น้อง 10 และคิดว่าผมมีเลือดพ่ออยู่น้อยที่สุดแล้วนะ แต่บางทีผมอาจคิดผิด เพราะตอนนี้เลือดเจ้าชู้และเร่าร้อนของพ่อในตัวผมกำลังเดือดพล่าน

และผมต้องการพี่เชนทร์

ผมคลี่ยิ้มหวานหยดใส่คนตรงหน้า มารยาหญิงที่เพื่อน ๆ เพียรสอนถูกงัดเอามาใช้ในบัดดล

“ผมโตแล้ว อยากมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง” ผมมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาเชื่อมหวาน

ผมรู้ว่าเขาเป็นพี่ชาย

แต่ตอนนี้ ผมกำลังปรารถนาในตัวของพี่ชายผมคนนี้

พี่เชนทร์มองผมอึ้ง ๆ

“ตัวผมร้อนมากเลยเหรอ” ผมจับมือพี่เชนทร์มาอังหน้าผาก พี่เชนทร์มองมาอึ้ง ๆ ยิ่งกว่าเดิม กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

“ไม่มาก เอาเถอะ รีบไปกินข้าวดีกว่า ทุกคนมากันครบแล้ว” ผมยิ้ม ก้าวตามคนตัวสูงออกไป

ต่อหน้าพ่อแม่ ผมก็ยังทำตัวน่ารักน่าทะนุถนอมเหมือนเดิม อ้อนพ่ออ้อนแม่ อ้อนพี่ชายทุกคนเหมือน ๆ ที่ผมเคยทำ
























“นี่ ช่วงนี้ออร่าแรดหล่อนพุ่งนะ”

“อะไร ออร่าแรดพุ่ง” ผมถามเพื่อนงง ๆ

“ไม่รู้อ่ะ แต่แกดูยั่ว ๆ ปากแดง ๆ สีหน้ายั่วยวนสุด ๆ ดูสิ พวกผู้ชายมองกันตาเป็นมัน”

ผมมองตามสายตาเพื่อน ๆ ผมรู้ตัวดีครับว่าช่วงนี้ผมมีเสน่ห์ต่อเพศเดียวกันขนาดไหน นั่นเป็นเพราะผมจงใจ จงใจบริหารเสน่ห์ โดยเฉพาะเสน่ห์ต่อเพศเดียวกัน

พี่เชนทร์เป็นพวกความอดทนสูง เก็บความรู้สึกเก่ง ผมอยากให้พระอิฐพระปูนอย่างพี่เชนทร์ตบะแตก ผมถึงได้ฝึกยั่วไว้ขนาดนี้

“คิดมาก” ผมตอบไม่ใส่ใจ เพื่อนผมหรี่ตามอง

ช่วงนี้มีผู้ชายมาตามจีบผมเยอะ แต่ผมไม่คุยกับใครสักคนจนเพื่อน ๆ พากันต่อว่า

“ยั่วขนาดนี้ แต่เสือกไม่หม่ำใครสักคน พี่มอหกที่เล่นบาสก็หล่อ พี่โฟร์นักบอลก็กล้ามเยอะ สเปคแกไม่ใช่เหรอ” ใช่ แต่ไม่ใช่คนที่ผมอยากได้นี่ คนที่ผมต้องการจริง ๆ มีเพียงพี่เชนทร์คนเดียวเท่านั้น

















วันนี้ผมรอพี่เชนทร์มารับกลับบ้านเหมือนเดิม พอรถหน้าตาคุ้นเคยเวียนเข้ามาจอด ผมยิ้มร่ารีบวิ่งเข้าไปหาทันที

“อยากกินติม พาไปกินหน่อยนะ” ผมอ้อน พี่เชนทร์พยักหน้า เข้าเกียร์ พาตรงไปยังห้าง เข้าร้านไอศกรีมร้านโปรดของผม เราได้โต๊ะวิวดีที่หนึ่ง ผมจงใจนั่งหันหน้าไปทางผู้คน สั่งไอศกรีมรสโปรดมากิน

“อ๊ะ!” ผมแกล้งทำไอศกรีมหกรดอกเสื้อ พี่เชนทร์รีบหยิบทิชชู่มาเช็ดให้

“ใจเย็น ๆ ไม่มีใครเขาแย่งกินหรอก”

“เปื้อนหมดเลย เดี๋ยวผมไปล้างก่อนนะ” ผมขอตัวเข้าห้องน้ำ พอไปถึง ผมมองตัวเองในกระจก ยกยิ้มนิด ๆ เซตหน้าดี ๆ ปลดกระดุมออกสามเม็ดจนเห็นหน้าอก วันนี้ผมจงใจใส่เสื้อนักเรียนที่บางมาก ๆ มา(พวกหนุ่มใจสาวในโรงเรียนผมชอบใส่กัน) ผมล้างหน้า เสยผม ปล่อยให้น้ำมากมายหยดลงมาจนเสื้อเปียก เห็นหัวนมที่กำลังตั้งชันเพราะความเย็นของน้ำได้ชัดเจน

ผู้ชายที่เพิ่งฉี่เสร็จหันมามอง หน้าแดงทันทีที่เห็น ผมยิ้มหวานให้ที เขาทำหน้าแทบไม่ถูก ผมไม่สนใจกิริยาของเขาต่อจากนั้น เดินออกจากห้องน้ำไป กลับไปนั่งที่เดิม พี่เชนทร์มองมาอึ้ง ๆ

“ทำไมเปียกแบบนั้น” พี่แกรีบยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ ผมรับมาซับนิด ๆ

แห้งก็ไม่ยั่วน่ะสิ



“ร้อนจะตาย” ผมรู้สึกร้อนจริง ๆ แต่ไม่ใช่ร้อนเพราะอากาศหรอก



“เรากินกันต่อเถอะ” ผมชวน หยิบช้อนตักไอศกรีมในถ้วยกินต่อ จงใจเลียมันอย่างยั่วยวน ไม่ได้ยั่วมากหรอก เอาแค่พอประมาณ ดูให้เป็นธรรมชาติที่สุด ไม่งั้นเดี๋ยวพี่เชนทร์รู้ไต๋

ผมรู้ว่ามีหลายคนมองอยู่ แต่ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แกล้งนั่งเหม่อตวัดปลายลิ้นเลียช้อนเปล่า คิดเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย

“มีอะไรเหรอ” ผมแกล้งหลุดจากภวังค์หันมามองคนที่จ้องผมนิ่งค้าง

“เปล่า แต่พี่รู้สึกว่าชยันต์…”

“ทำไม” ผมกะพริบตาปริบ ๆ มอง เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

“เปล่า โตขนาดนี้แล้ว มีแฟนยัง” ผมบู้หน้า แนบตัวกับโต๊ะ หวังให้หัวนมผมโผล่ออกมาโชว์ แอบเห็นนะครับว่าพี่เชนทร์มองมาเหมือนกัน ผมหัวเราะหึ ๆ อย่างมีชัย

“พยายามจีบอยู่ แต่ไม่ติด มีคนแย่งไปก่อน”

“น้องพี่ออกจะน่ารัก ผู้หญิงคนนั้นตาถั่วเอง”

“นั่นน่ะสิ หาใหม่ ผู้หญิงมีเยอะ”

พี่เชนทร์หัวเราะ

“พี่ว่าติดกระดุมเสื้อหน่อยดีกว่านะ”

“ติดทำไม แบบนี้แหละเย็นดี”

พี่เชนทร์ทำหน้าอึดอัด

“ผู้ชายแมน ๆ โชว์กล้ามอกแบบพี่ชาย สาว ๆ จะได้หลง” ผมจงใจยืดอกให้ดู พี่เชนทร์ทำหน้าอึดอัดยิ่งกว่าเดิม

“หรือว่าผมไม่หล่อ ก็ไหนพี่เชนทร์บอกว่าผมหล่อผมเท่ไง”

“ครับ หล่อมาก เท่มากด้วย” มุสาไม่เก่งเลยนะ ผมไม่ได้โง่นี่

“งั้นเราไปดูหนังกันดีกว่า”

“กลับไปดูพร้อมคนที่บ้านดีกว่า” ปกติเราจะดูกันแบบครอบครัวครับ ผมส่ายหน้าไปมา

“ไม่เอา โตแล้ว อยากดูคนเดียวหรือสองคนกับพี่มากกว่า นะ” ผมอ้อนโดยใช้ดวงตาแบบแมวน้อยร้องขออาหาร อ้อนแบบนี้ทีไร พี่เชนทร์ปฏิเสธไม่ได้ทุกที พี่แกพยักหน้า ผมเดินควงแขนคนตัวสูงไปซื้อตั๋ว

“เอ่อ พี่ว่าชยันต์เลิกเกาะแขนพี่แบบนี้ดีกว่า”

ผมแกล้งมองคนตรงหน้างง ๆ

“ทำไม”

“คือ ไม่กลัวคนอื่นเขาเข้าใจผิดเหรอ” 

ผมแกล้งทำหน้างงกว่าเดิม

“เข้าใจผิดว่าอะไร”

“เปล่า ๆ”

ผมหัวเราะหึ ๆ อยู่ในใจ พอได้ตั๋วหนัง ผมก็ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน ไปฉีดน้ำหอมนิดหน่อย พี่เชนทร์ชอบน้ำหอมกลิ่นนี้มาก ผมเดินกลับมาอีกรอบ

“พี่เชนทร์ มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง” ผมกวักมือเรียกให้พี่เชนทร์ก้มต่ำ เล่ามุกที่ผมเมกเองให้ฟัง จริง ๆ จงใจให้ร่างกายของเราแนบชิด พี่เชนทร์จะได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวผมด้วย

“ตลกเนอะ” ผมเล่าเรื่องไปเจอผู้ชายเป้าขาดมา เอาแนวเรื่องคร่าว ๆ มาจากเน็ตนั่นแหละ ผมแกล้งเฉียดปากผ่านแก้มพี่เชนทร์ไปแบบไม่ตั้งใจ พี่เชนทร์ชะงัก

“อะ อืม”

ผมยิ้มหวาน

“งั้นเราไปกันเถอะ หนังจะฉายแล้ว” ผมชวน จับมือพี่เชนทร์เดินเข้าโรงหนังไป ตลอดเวลาผมก็นั่งซบไหล่คนตัวสูง หยิบขนมกินบ้าง ป้อนพี่เชนทร์บ้าง พอออกมาจากโรงหนังผมก็ชวนพี่เชนทร์ไปเดินเล่นต่อ

เห็นร้านขายฮอตด็อกแบบแท่งใหญ่ ๆ ผมรีบชี้มือเลือกเอาอันที่ใหญ่ที่สุดทันที หลังจากนั้นก็พากันเดินกลับรถ 

“ขอผมกินให้หมดก่อนจะได้ไม่เลอะรถพี่” ผมชูฮอตด็อกในมือให้ดู พี่เชนทร์พยักหน้า ยืนคอย ผมจงใจไล้ปลายลิ้นเลียน้ำจิ้มที่เคลือบอยู่รอบ ๆ ฮอตด็อก พี่เชนทร์เมินหน้าหนี

“นี่ วันนี้รู้สึกเหมือนสิวจะขึ้น ไม่รู้ขึ้นจริงไหม ดูให้หน่อยสิ” ผมเรียกความสนใจคืน พี่เชนทร์หันมามอง

“ไม่นี่”

“เหรอ ขืนมีคงหมดหล่อ” ผมอมฮอตด็อกชิ้นนั้นไว้ในปาก แกล้งงับนิด ๆ ให้เห็นทั้งฟันขาว ๆ ที่ผมเพิ่งไปฟอกมาและปลายลิ้นที่แลบออกมาหน่อย ๆ ไม่เลื่อนสายตาไปจากดวงตาคนตัวสูง ยิ้มพราวให้เล็กน้อย พี่เชนทร์ทำท่าอึดอัดรีบหันมองไปทางอื่นอีกที

ผมยิ้มอยู่ในใจ น่าจะพอแล้วล่ะ ผมโยนฮอตด็อกชิ้นนั้นทิ้งลงถังขยะทั้งอัน

“หมดละ เราไปกันเถอะ”

พี่เชนทร์หันมามอง พยักหน้ารับ เดินไปฝั่งคนขับ ผมขึ้นนั่งประจำที่บ้าง หัวเราะหึ ๆ เพราะเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างระหว่างเป้ากางเกงคนตัวสูง

พระอิฐพระปูนขนาดไหนก็ตื่นละวะ

To be con...

เจอยั่วขนาดนี้ อย่าว่าแต่พระอิฐพระปูนเลยอีหนูชยันต์ ป้าแก่ ๆ แถวนี้ก็เดาสาดกันเป็นทิวแถว เพลา ๆ ลงหน่อย สงสารคนแก่(เอายาดมยัดรูหมูก)

เหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากพี่ชายเพียงคนเดียว เหมือนโดมิโน่ เริ่มจากพี่ชายไล่ไปเรื่อย ๆ

คู่นี้เนื้อหาจะหลวมนิดหนึ่ง (จงใจ) เนื้อเรื่องจะวิ่งไปค่อนข้างเร็ว เก็บรายละเอียดไม่เยอะ หวังว่าคงจะชอบกันน้าาาา

ออฟไลน์ LOVEJUICE

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +199/-17
 :-[จะเห็นใจพี่เชนทร์ดีไหมเนี้ย โดนยั่วจนทำอะไรไม่ถูกแล้วเนี้ย
น้องร้ายมากอย่ายั่วนานนะส่งสารพี่เขาบุกไปเลย วะฮ่าๆๆ
ไม่ได้เน๊าะเราต้องให้อีกฝ่ายเป็นคนทนไหวแล้วจัดการตามแผนเราเองเน๊าะ
จะได้ล๊อคพี่เขาได้อยู่มือแบบเนียนไม่ต้องทำอะไรมาก รอตอนต่อไปนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 2 : #พี่เชนทร์ชยันต์ [คู่ยั่ว : พระอิฐพระปูน x เด็กยั่ว]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 03 : ยั่วอีกนิด



ผมหอบหมอนใบหนึ่งมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง ยกมือขึ้นเคาะเบา ๆ รอไม่นานเจ้าของห้องก็เปิดให้ พี่เชนทร์เลิกคิ้วสูงมอง

“มีอะไร”

“ไม่อยากนอนคนเดียว ขอนอนด้วยคนนะ”

พี่เชนทร์ขมวดคิ้วมุ่น ผมหน้าสลด เม้มปากแน่น

“ขอโทษ ผมว่าผมคงโตเกินไปจนอ้อนพี่ไม่ได้อีกแล้ว”

“ปะเปล่า เพียงแต่พี่แปลกใจ”

ผมเงยหน้าขึ้นมองอย่างดีใจ

“เมื่อคืนฝันร้าย กลัวฝันแบบเดิมอีก มีเรื่องเครียด ๆ ที่โรงเรียนด้วย”

“อะไร” พี่แกรีบถามทันทีด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“ขอเข้าไปก่อนสิ ใจคอจะให้ยืนคุยอยู่ตรงนี้รึไง” ผมหน้าบูด พี่เชนทร์รีบเปิดประตูออกกว้างให้ สมัยก่อนผมเข้ามาในห้องนี้บ่อย พอโตมาหน่อยก็ไม่ค่อยได้เข้าแล้ว ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แม้กระทั่งรูปพี่น้องสมัยเด็กสิบคนที่เรียงกันอยู่นั้น

“ยุ่งอยู่หรือเปล่าล่ะ” ผมถาม

“ไม่หรอก” พี่เชนทร์ตอบกลับราบเรียบ “กำลังดูบัญชีรายรับรายจ่ายของร้านใหม่อยู่” ผมพยักหน้า พี่แกคงหมายถึงหนึ่งในธรุกิจที่พ่อโยนมาให้ช่วยจัดการ พ่อก็ขยันทำธุรกิจพอ ๆ กับขยันมีลูกนั่นแหละ ทดลองทำไปเรื่อย ๆ บางอย่างก็ทำแล้วขายให้คนอื่นดูแลต่อ บางอย่างก็ยกให้ลูก ๆ ดูแล ผมไม่สนใจธุรกิจอะไรของพ่อเลย แต่ผมวางแผนไว้แล้ว ว่าถ้าผมจีบพี่เชนทร์ติด ผมจะเลือกเรียนเพื่อกลับมาเป็นผู้ช่วยหรือเลขาของพี่เชนทร์

“งั้นพี่ทำงานไปก่อนก็ได้ ผมไม่รีบ จะนอนเล่นรอไปก่อน”

“แน่ใจนะ” พี่เชนทร์ถามมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ผมพยักหน้ารัว ๆ รับ

“ได้” แล้วพี่แกก็ทิ้งตัวลงนั่ง ผมนอนมอง ไล่เช็กไปทั้งใบหน้าด้านข้าง ปกติพี่เชนทร์จะไม่ใส่แว่น แต่เวลาทำงานหรืออ่านหนังสือจะใส่ ผมมองเจ้าของเรือนร่างนั้นอย่างหลงใหล เผลอเลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ

พี่เชนทร์มีความอดทนสูงมากจริง ๆ ผมยั่วไปตั้งขนาดนั้นแล้วยังไม่ยอมตกหลุมพรางผมอีก แต่ไม่เป็นไร ยังมีอีกหลายเล่ห์มารยาเอาไว้พิชิตหัวใจคนใจแข็ง

ผมลุกจากที่นอน เลียบเคียงไปก้มดูใกล้ ๆ พี่เชนทร์หันมามอง ผมหันไปยิ้มให้

“ยากไหม”

พี่แกทำสีหน้าอึดอัด

“สนใจเหรอ”

ผมกอดคอพี่เชนทร์ จริง ๆ ผมชอบทำมากตอนเด็ก ๆ แต่พอขึ้นมอต้นก็เลิกทำเพราะคิดว่าโตแล้ว พี่เชนทร์เกร็งตัวขึ้นมานิด ๆ ผมแนบแก้มลงกับแก้มนั้น

“นิสัยแบบผมให้ไปเป็นผู้นำใครคงไม่ไหว ผมเลยคิดว่าน่าจะเข้าไปช่วยพ่อหรือพี่ ๆ สักคนทำในตำแหน่งเลขาหรือผู้ช่วยน่าจะเหมาะกว่า และในบรรดาพี่ ๆ ทุกคน ผมเลือกพี่เชนทร์ เพราะพี่ทำงานเก่งสุด มีความรับผิดชอบมากสุด ทำงานกับพี่ น่าจะทำให้ผมพัฒนาตัวเองได้ดีกว่าคนอื่น ๆ” ผมพูดพร้อมยิ้มหวานให้ พี่เชนทร์กระแอมไอที ค่อย ๆ ดึงมือผมออกจากคอ

“พี่หิวน้ำ เอาอะไรสักหน่อยไหม”

“พี่กินไร ชยันต์เอาอันนั้นแหละ”

พี่เชนทร์เดินหายออกจากห้องไป ผมหัวเราะหึ ๆ ในลำคอ ปลดกระดุมเสื้อลงสองเม็ดไปนั่งอยู่ข้างเตียง พี่เชนทร์เดินกลับมาพร้อมน้ำผลไม้ ถือจานผลไม้สดที่ถูกปอกและหั่นไว้พอดีคำขึ้นมาด้วย ปกติแม่บ้านมักแช่ไว้ในตู้เย็นเพื่อให้คนในบ้านหยิบทานได้ตลอดทั้งวัน(วันไหนไม่หมดก็เสร็จแม่บ้าน) ผมยิ้ม เดินไปยืนจิ้มกินข้าง ๆ พี่เชนทร์หันมาเผชิญหน้า กลัดกระดุมให้ ผมก้มมอง

“ร้อนจะตาย”

“เดี๋ยวพี่ลดแอร์ให้”

“ทำไม มันไม่เรียบร้อยเหรอ”

“ติดแบบนี้น่ารักกว่า”

ผมบู้หน้า

“ติดแบบนี้เลยเป็นไง” ผมแกล้งขยุ้มคอเสื้อจนชิดคาง พี่เชนทร์หัวเราะ

“รู้ตัวรึเปล่าว่าเราน่ะโตเป็นหนุ่มแล้ว”

ผมตาโต มองพี่เชนทร์ตาวาว

“จริงเหรอ แล้วผมหล่อไหม” ผมขยับเข้าไปชิด จ้องตาพี่เชนทร์เขม็ง พี่เชนทร์นิ่งค้าง ผมขยับเข้าไปชิดอีก เผยอริมฝีปากนิด ๆ ให้ดูเซ็กซี่แบบที่ผมฝึกทำในกระจก พี่เชนทร์กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

“ผมหล่อไหม พี่เชนทร์” ผมถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่านิด ๆ เซ็กซี่หน่อย ๆ อ้อยอิ่งให้ดูยั่ว ๆ

“อะ อืม” พี่เชนทร์ตอบรับไม่เต็มเสียง ผมยิ้มออกมาทันที

“เหรอ นี่รู้ไหม อยู่โรงเรียนผมไปเล่นกีฬาด้วย ไปเตะบอล แต่เผลอทีไรเตะเข้าโกลตัวเองทุกที พยายามออกกำลังกาย กล้ามจะได้ใหญ่ ๆ แบบพี่เชนทร์” ผมแตะมือไปที่หน้าท้องพี่เชนทร์ รายนั้นสะดุ้งเฮือก ผมทำเป็นไม่ใส่ใจอาการสะดุ้งจนเกินปกติของคนตัวสูง วางมือไว้บนนั้น ลูบไล้แผ่วเบา

นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ผมได้สัมผัสเรือนร่างพี่เชนทร์ ผมไล่จับลอน มันเป็นคลื่นอย่างเห็นได้ชัดสูงขึ้นไปถึงแผงอก พี่เชนทร์รีบจับมือผมไว้ทันที ผมมองตามงง ๆ แกล้งบู้หน้า

“แค่นี้ทำเป็นหวง ผมไปขอพี่ชายลูบก็ได้” ผมทำท่าจะหันหลัง

“เดี๋ยว”

ผมหันไปมอง

“ไปตอนนี้เนี่ยนะ”

“ใช่ ก็ผมอยากรู้ว่าต้องทำขนาดไหนถึงจะได้กล้ามที่ดูดีแบบพี่ชายหรือแบบพี่เชนทร์ ถ้าพี่เชนทร์หวง ผมจะไปขอพี่ชายดู”

“รบกวนพี่ชายทำไม รายนั้นคงยอมง่าย ๆ หรอก”

“งั้นพี่จะใจดีให้ผมจับได้ใช่ไหม” พี่เชนทร์ทำหน้าอึดอัด พยักหน้าแบบไม่เต็มใจนัก ผมฉีกยิ้มกว้าง เลื่อนมือเข้าไปภายในชายเสื้อ พี่เชนทร์สะดุ้งหนักกว่าเดิมรีบคว้าจับมือผมไว้

“จับข้างนอกก็พอ” 

ผมทำตาปริบ ๆ บู้หน้าอีกรอบ

“มันไม่ถนัดนี่” พี่เชนทร์มองหน้า ก่อนค่อย ๆ ละมือออก ปล่อยให้ผมจับดี ๆ ผมเกลี่ยนิ้วไปบนลอนหกห่อทีละลูก เลื่อนจากล่างสุด ไต่สูงอย่างยั่วยวนขึ้นไปถึงหน้าอก บังคับไม่ให้ร่างกายตัวเองตื่นจนอีกคนจับสังเกตได้ เลื่อนมือต่ำลงไปยังลอนลูกสุดท้าย อยากเกลี่ยต่ำลงไปกว่านั้น แต่เดี๋ยวไก่ตื่น

ผมแอบยิ้มอยู่ในใจ เพราะบางส่วนของพี่เชนทร์กำลังขยับตื่นขึ้นมา ผมทำเป็นมองไม่เห็นซะ ไล่กลับไปไต่นิ้วใหม่

“เมื่อไหร่มันจะโตได้แบบนี้น้า” ผมละมือมาเลิกหน้าท้องตัวเองขึ้น ผมจงใจใส่กางเกงนอนที่เอวต่ำมาก ๆ มา ไม่ใส่ชั้นในมาด้วย พี่เชนทร์ตาโต ผมจับมือพี่เชนทร์ ดึงมันมาวางแหมะไว้บนหน้าท้อง เกือบครางออกมาแล้ว เพราะฝ่ามือร้อน ๆ นั้น แต่ก็พยายามระงับอารมณ์ไว้

“อีกนานไหม กว่ามันจะขึ้นเท่าพี่”

เหมือนมีอะไรมาเย็บปากพี่เชนทร์ไว้ ผมจับมือนั้นลูบไล้หน้าท้องตัวเองเบา ๆ สูงขึ้นมาถึงอก จงใจให้มือนั้นเกลี่ยผ่านติ่งไตที่กำลังชูชันของผมไป หัวใจผมไหวแรง ตัวสั่นริก เกือบเผลอครางออกมา แต่ก็ยังดีที่อดใจไว้ได้

พี่เชนทร์เหมือนมีแต่ร่างที่ไร้วิญญาณไปแล้ว

“พี่ว่าอีกนานไหม” ผมถามเสียงยั่ว พี่เชนทร์กลืนน้ำลาย บางส่วนตื่นตัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ผมทำเป็นไม่เห็นเสียอีกครั้ง

“ดูจากสีหน้าพี่แล้ว น่าจะอีกนานล่ะสิ” ผมละมือพี่เชนทร์ออก เพราะของตัวเองเริ่มตื่นแล้ว โดดขึ้นเตียงไปคว้าเอาหมอนมากอด ปิดบังบางส่วนของตัวเองไว้

“พะ พี่ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน” พี่เชนทร์รีบหันหลัง ผมหัวเราะหึ ๆ คงอีกสักระยะแหละกว่าพี่เชนทร์จะกลับ ผมเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุม ล้วงมือผ่านขอบกางเกงลงไปด้านล่าง อย่างน้อยถ้าพี่เชนทร์โผล่ออกมาเร็วกว่ากำหนดจะได้ไม่เห็น

ผมสูดดมกลิ่นที่นอนของพี่เชนทร์ ขยับท่อนล่างเร็ว มันใช้เวลาไม่นานหรอก เพราะผมอยากสุด ๆ แล้ว ผมหอบแฮก ผมป้ายเช็ดมือที่เปรอะเปื้อนกับขากางเกง พี่เชนทร์เดินออกมาหน้านิ่ง ๆ ส่วนนั้นลดแล้ว ผมหัวเราะหึ ๆ 

อดทนไปเถอะพ่อพระอิฐพระปูน ผมจะทำให้พี่ตบะแตกให้ได้ 

ผมเลิกผ้าห่มออก นอนหงาย ทำเป็นดิ้นไปดิ้นมาจนหน้าท้องโผล่ พี่เชนทร์เหลือบมามอง ก่อนเบนสายตากลับไปที่งานอีกครั้ง

“นอนก่อนก็ได้นะ”

“ไม่เอา จะรอ”

“ตามใจ” พี่เชนทร์นั่งทำงานต่อ ก่อนทำท่านึกขึ้นได้ “พี่ลืมไปว่าเรามีเรื่องเครียดจะเล่าให้ฟังไม่ใช่เหรอ” พี่แกกลับมาสู่โหมดพี่ชายที่แสนดีอีกที ผมส่ายหน้าไปมา

“แค่เห็นหน้าพี่ ผมก็หายเครียดแล้ว”

พี่เชนทร์ทำหน้าอึดอัด ก่อนพยักหน้า ทำงานต่อ จนผ่านไปถึงสี่ทุ่ม พี่เชนทร์เก็บงานเดินมาทิ้งตัวลงนอน บ้านนี้อนามัยครับ สี่ทุ่มก็นอนกันแล้ว

“ปิดไฟละนะ”

“ครับ” ผมตอบรับ พี่เชนทร์เอื้อมปิดไฟ ผมเขยิบเข้าไปใกล้ โอบกอดคนตัวสูงไว้

“ชยันต์!” พี่เชนทร์เรียกเสียงตื่น

“หือ?” ผมแกล้งถามอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว “เราไม่ได้นอนด้วยกันแบบนี้นานแล้วเนอะ ในบรรดาพี่น้องสิบคน พี่เป็นคนที่รักและดูแลผมดีที่สุดแล้ว ขอบคุณนะ” ผมบอกยิ้ม ๆ ซุกหน้ากับต้นแขนแกร่ง แกล้งไซ้จนเบียดติดอก อมยิ้มเมื่อพี่เชนทร์นอนตัวแข็งทื่อ

ผมวางมือไว้บนแผงอก ผู้หญิงนอนกอดผู้ชายยังไง ผมก็นอนกอดพี่เชนทร์แบบนั้นแหละ

“ราตรีสวัสดิ์” ผมบอกแค่นั้นแล้วหลับใหลไป ตอนนี้ผมนอนในฐานะน้องชายไปก่อน แต่ในอนาคต มันต้องไม่ใช่แบบนี้แน่ ๆ

 
ผมตื่นเช้าขึ้นมาอย่างรู้สึกสดชื่นสดใส พี่เชนทร์ดูสะโหลสะเหลยังไงพิกล

“ผมกลับห้องก่อนนะ” ผมยืดตัวขึ้นไปหอมแก้มคนตัวสูง หอบหมอนวิ่งลิ่ว ๆ ออกจากห้อง ผมรู้ว่าทำไมพี่เชนทร์มีสภาพแบบนั้น

นอนยั่วขนาดนั้น หลับได้ก็เก่งแล้ว







“นี่ ช่วงนี้มีคนมาจีบบ้างหรือเปล่า” แม่ผมหันมาถามขณะนั่งรวมกันกินข้าวเช้า ผมงับขนมปังเข้าปาก มองหน้าแม่งง ๆ

“หมายถึงผมไปจีบใครมั่งหรือเปล่าน่ะเหรอ ไม่เลย แม่สอนไม่ให้จีบใครก่อนเรียนจบไม่ใช่เหรอ นี่ทำตามแล้วนะ”
แต่ไม่ได้บอกว่ากำลังอ่อยพี่ชายอยู่

“เปล่า แม่หมายถึง ไม่มีคนมาจีบบ้างเหรอ”

“พูดบ้า ๆ ผู้หญิงที่ไหนจะมาจีบผู้ชาย”

“แม่หมายถึงผู้ชาย”

ผมแกล้งอ้าปากค้าง

“เฮ้ย ผมผู้ชายนะแม่”

แม่ผมจิ๊ปาก

“นี่ อย่าปิดบังแม่ แม่รู้ว่าหน้าตาลูกแม่เป็นแบบไหน หน้าอย่างเราน่ะ แม่ไม่คิดว่าผู้หญิงจะชอบหรอกนะ ผู้ชายก็ว่าไปอย่าง”

ผมแกล้งทำหน้างง

“ยังไง”

“ก็...” แม่ผมทำท่าจะพูด แต่เงียบเสียงลง หันไปมองใครสักคนเพื่อให้อธิบายถึงหนังหน้าที่แท้จริงของผม   

“นี่ชยันต์” พี่ไชยวุธรับอาสา ทำท่าจะอธิบาย ผมมองกลับตาแป๋ว ปากที่กำลังจะพูดนั้นปิดสนิททันที

ผมหัวเราะหึ ๆ อยู่ในใจ

“ช่างเถอะ” แม่ตัดบท “งั้นแม่ถามหน่อย ช่วงนี้มีผู้ชายมาขอเบอร์ ขอเป็นเป็นแฟน ขอคบ ขอเดทไรงี้ไหม”

ผมแกล้งตาโต ไอ้ที่ว่ามาเนี่ย ผมโดนมาหมดแล้ว

“รู้ได้ไง แต่ผมว่าพวกนั้นไม่ได้จีบจริงหรอก แกล้งกันมากกว่า เพราะผู้หญิงกลุ่มผมสวย เข้าทางผมเลยไปทางเพื่อน ๆ ไง” ผมแสร้งไม่รู้ว่าตัวเองนั้นมีเสน่ห์ขนาดไหน

เดี๋ยวพี่ชายตื่น

“เชนทร์ เราดูแลน้องหน่อยนะ แม่ชักเป็นห่วง ออร่าฟุ้งเหลือเกิน”

ผมมองแม่ตาปริบ ๆ แต่แอบหัวเราะอยู่ในใจ ไม่ให้ฟุ้งได้ไง ผมจงใจอ่อยพี่ชายตัวเองนี่

“ออร่าอะไรแม่ ออร่าหล่อเหรอ อันนี้ไม่บอกก็รู้ ผมโตแล้ว กล้ามขึ้นแล้วด้วย แถมยังได้เป็นนักกีฬาโรงเรียนอีก เป็นนักบอล”

“เราน่ะเหรอเป็นนักบอล!” แม่พูดด้วยน้ำเสียงตกใจ

“ใช่” ผมพยักหน้ารับ “แต่ถูกปลดแล้ว เพราะเผลอเตะลูกเข้าโกลด์ตัวเอง” ทุกคนหัวเราะร่วน

“นี่ ถ้าช่วงนี้มีผู้ชายเดินตาม ให้ระวัง ๆ ไว้หน่อยนะ”

“ระวังทำไม ผู้ชายเหมือนกัน” ทุกคนทำสีหน้าอึดอัด

ผมรู้ครับว่าทุกคนหมายถึงอะไร

“อืม แต่จะว่าไปแล้ว ช่วงนี้รู้สึกมีคนแปลกหน้ามาวนเวียนเหมือนกัน สงสัยจะมาชอบผู้หญิงในกลุ่มผมอีก เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนกับครูพละ” อันนี้ผมพูดจริงครับ ทั้งครูพละกับรุ่นพี่ที่ว่ากำลังตามจีบผมอยู่ โดยเฉพาะรุ่นพี่ ตื้อหนักมาก ทุกคนมีสีหน้าเป็นห่วง

“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมดูแลเอง” พี่เชนทร์รับปาก ผมแอบยิ้มกริ่มอยู่ในใจ

เชิญเลย แล้วพี่จะได้ดูแลผมไปตลอดทั้งชีวิตแน่ ๆ



To be con..

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์จ้าา

ออฟไลน์ LOVEJUICE

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +199/-17
 o18คุณพี่จะรอดไปได้กี่น้ำเนี้ย น้องก็หมั่นยั่วดีเหรอเกิน
มีการไปอ่อยถึงห้องจับเนื้อจับตัว พี่เราก็ใจแข็งไก่ยังไม่ตื่นเน๊าะ
เห็นจะอดได้อีกไม่กี่น้ำ เด็กมันยั่วเก่งต้องทำใจนะจ้า  :hao7:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 2 : #พี่เชนทร์ชยันต์ [คู่ยั่ว : พระอิฐพระปูน x เด็กยั่ว]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 04 : พระอิฐเริ่มร้าว


“นี่ถามจริง แกมีแผนการร้ายอะไรอยู่ในใจหรือเปล่า” อยู่ ๆ เพื่อนผมก็พากันหันมาจ้องหน้าถาม

“แผนการร้ายอะไร” ผมถามกลับหน้าซื่อ

“นี่ หล่อนไม่ต้องมาแหล แอบชอบใครอยู่ บอกมานะ”

“บ้า มีที่ไหนเล่า ถ้ามีพวกเธอก็ต้องเห็นแล้วสิ อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาขนาดนี้” ยกเว้นที่บ้านนะ

“ท่าทางแกมันน่าสงสัยนี่” เพื่อนผมยังไม่หยุดสงสัย หรี่ตามองหาสิ่งผิดปกติ

“แต่มันก็น่าเชื่อนะ เพราะไม่เห็นมันคุยกับใครเป็นพิเศษสักคน เลิกเรียนก็กลับบ้าน ไม่เคยเห็นไปเถลไถลที่ไหนด้วย ถ้าไปก็ไปแต่กับพี่ชายมันเอง ดูสิ พวกผู้ชายอกหักกันเป็นทิวแถวเลย” เพื่อนผมอีกคนพูดพร้อมพยักหน้าไปยังกลุ่มผู้ชายที่พากันมองมาตาเชื่อม

ผมหัวเราะอยู่ในใจ แสร้งตีหน้าซื่อต่อไป

เวลาปฏิเสธผู้ชายผมไม่ได้มีลูกเล่นอะไรมากมายหรอกครับ แค่ตอบไปประโยคเดียวว่า 'แม่ไม่ให้มีแฟนตอนเรียนหนังสือ' แค่นั้นเอง แต่ดูเหมือนนั่นจะยิ่งเป็นการทำให้เรตติ้งในตัวผมพุ่งสูงกว่าเดิมอีก

“ไม่ได้แอบซุกใครไว้แน่นะ” มันถามต่อ

“พี่ชายดุจะตาย จะซุกใครได้” ผมแหลต่อ แต่อันนี้ผมไม่ได้โกหกนะ เพราะเวลามาโรงเรียนพี่เชนทร์ชอบตีหน้าดุ ประมาณว่า 'น้องข้า ใครอย่าแตะ' จริง ๆ จึงมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าคนที่บ้านผมดุมาก

“แต่แหม พูดถึงพี่ชายหล่อน อยากซบอกกว้าง ๆ นั้นจนตัวสั่นเลยเธ้อ หุ่นขนาดนั้นไอ้นั่นจะขนาดไหน ว้ายยย” พวกนั้นส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดจนคนอื่นหันมามอง นินทากันไม่เกรงใจน้องชายที่นั่งหัวโด่อยู่อย่างผมเลย ผมกระตุกยิ้ม

“ก็ไม่ธรรมดาหรอก ลูกเสี้ยวนี่” เพื่อน ๆ ผมพากันตาโต

“เหรอ ใหญ่ขนาดไหน”

ผมหัวเราะหึ ๆ แต่ไม่ตอบ เรื่องอะไรจะเอาเรื่องของคนที่ผมรักมานินทา

คนอื่นไม่ถือ แต่ผมถือ

“น่าอิจฉาอีตาชยันต์เนอะ ได้อยู่ท่ามกลางวงล้อมของหนุ่มหล่อ ๆ เป็นดาวล้อมเดือน นี่ขอสมัครเป็นสะใภ้สักคนไมได้เหรอ ขอไปเที่ยวบ้านบ้างก็ได้ ตั้งแต่คบกันมา มีแค่บ้านหล่อนที่แหละที่ไม่ยอมให้พวกเราไปเที่ยวสักที จะหวงอะไรนักหนา”

หวงพวกเธอนั่นแหละ กลัวจะไปวางข่ายดักพวกพี่ชายที่บ้าน แล้วอีกอย่าง ผมไม่อยากให้คนอื่นรู้ด้วย ว่าผมคบเพื่อนแบบไหนอยู่

ตอนนี้คนที่บ้านเข้าใจกันว่าผมมีเพื่อนหลายกลุ่ม เพื่อนผู้หญิงของผมก็เป็นหนึ่งในนั้น พวกนี้เวลาเจอผู้ชายหล่อ ๆ บางครั้งจะแอ๊บกันไม่อยู่ แล้วบ้านผมผู้ชายหน้าตาดีอยู่กันเป็นโขลง ขืนพาไปไม่ใครก็ใคร ได้เสร็จเพื่อนผมสักคนแน่ ๆ แน่นอน ว่าผมยังไม่อยากได้เพื่อนเป็นพี่สะใภ้



























ตกเย็น ผมออกไปยืนรอพี่เชนทร์ที่จุดนัดพบ ไม่นานก็เห็นรถพี่เชนทร์วิ่งเข้ามาจอด ไม่มีใครกล้ามาข้องแวะผมตอนยืนรอพี่เชนทร์หรอก เพราะผมบอกทุกคนที่เข้ามาคุยด้วยว่าถ้าพี่มาเห็นเข้า กลับไปผมจะโดนทำโทษหนักมาก ซึ่งทุกคนไม่มีใครอยากให้ผมโดนทำโทษจึงพากันมองอยู่ห่าง ๆ อย่างเป็นห่วงเท่านั้น

“พี่เชนทร์ พรุ่งนี้พาไปเที่ยวหน่อยสิ” ผมหันไปร้องขอหลังจากขึ้นรถได้

“อยากไปไหน”

ผมนิ่งคิด ดูหนังก็เบื่อ ซื้อของก็เบื่อแล้ว น่าจะไปเที่ยวที่ไหนไกล ๆ กันบ้าง

“ไปทะเลกัน ไปเสาร์กลับอาทิตย์”

“แค่สองคนเหรอ ชวนคนอื่น ๆ ไปด้วยสิ”

ผมอมลม

“ผมอยากไปกับพี่เชนทร์แค่สองคนนี่ มีคนอื่นไปด้วยพี่ก็ดูแลผมน้อยลง”

พี่เชนทร์มองผมอึ้ง ๆ

“นะ” ผมอ้อนด้วยท่าทางน่ารัก พี่เชนทร์นิ่งคิด ก่อนพยักหน้ารับ ผมฉีกยิ้มกว้าง





เช้าวันเดินทาง ผมเตรียมสเบียงไว้เรียบร้อยหมดแล้ว อะไรที่มีไว้สำหรับเดท ผมเตรียมมาหมด พอรถเคลื่อนตัว ผมก็กดเปิดเพลงเบา ๆ เลือกเอาเพลงที่ฟังดูโรแมนติกและผ่อนคลายที่สุด คลี่ปลดกระดุมเสื้อออกนิด ๆ หวังยั่วเสือยั่วตะเข้แถวนี้

“ติดกระดุมหน่อย มันไม่เรียบร้อย”

“ไม่เรียบร้อยตรงไหน เท่ดีออก พี่ชายทำออกบ่อย สาวติดตรึม” ผมพูดไปปรับเสื้อให้มันดูดีไป ก่อนแกล้งชะงัก เปลี่ยนสีหน้าเป็นรู้สึกแย่มองกลับ

“หรือจริง ๆ แล้วมันไม่เท่เลย ผมทำแล้วมันทุเรศเหรอ”

“ปละ เปล่า เท่มาก แต่พี่เห็นว่าแอร์มันเย็นกลัวชยันต์หนาว”

ผมฉีกยิ้มกว้าง ขยับแหวกอีกนิดจนหัวนมจะโผล่แหล่มิโผล่แหล่ พี่เชนทร์กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ผมนั่งฟังเพลงไปเรื่อย ๆ ก่อนหันไปหยิบของกินที่เตรียมมาเปิดออกกิน ผมจงใจเลือกเอาอาหารแบบคำเดียว มีชอสเยอะ ๆ เยิ้ม ๆ หน่อย หยิบกินคำไหนก็ต้องเลียนิ้วคำนั้น

“อะ” ผมรอจังหวะให้รถโล่ง ๆ หันไปยื่นให้พี่เชนทร์คำหนึ่ง คนตัวสูงหันมามองนิดหนึ่ง อ้าปากรับในขณะที่ตายังมองท้องถนนอยู่ ผมจงใจค้างนิ้วไว้แทนที่จะรีบชักกลับ พี่เชนทร์งับนิ้วผมตามแผน ผมครางออกมาเบา ๆ พี่เชนทร์รีบหันมามอง ผมหรี่ตาทำหน้าเจ็บแบบเซ็กซี่ใส่ พี่เชนทร์มองมาตาค้างนิด ๆ ผมชักนิ้วกลับมาอมไว้

“อร่อยไหม” ผมถามในความหมายสองแง่สองง่าม แกล้งตวัดปลายลิ้นออกมาเลียนิ้วตัวเอง พี่เชนทร์รีบละสายตาหนี ผมหัวเราะหึ ๆ มองต่ำลงไปที่เป้ากางเกง

มันตื่นขึ้นมาแล้วครับ

“เอาอีกไหม”

พี่เชนทร์ส่ายหน้า ผมรวบเก็บถุงของกินไปวางไว้ด้านหลัง ปรับเบาะลงนิด ๆ

“ง่วงแล้ว ขอนอนก่อนนะ” ผมยกแขนขึ้นไปไว้เหนือหัว จงใจให้หัวนมโผล่ออกมาวอมแวม พี่เชนทร์หันมามองนิด ๆ แล้วรีบหันกลับไปขับรถต่อ ผมแอบอมยิ้ม เพราะตอนนี้เป้าพระปูนของผมตุงยิ่งกว่าเดิมซะอีก

เอาแค่นี้ก่อนดีกว่า เพราะเดี๋ยวจะตื่นซะเอง

แอร์ในรถเย็นมาก แต่ร่างกายผมกำลังร้อนรุ่มเพราะความต้องการ ผมอยากให้พี่เชนทร์มาเป็นของผมเร็ว ๆ จัง ไม่ต้องห่วงเรื่องร่างกายผม เพราะผมเตรียมความพร้อมไว้เสมอ ผมรู้ไซส์พี่เชนทร์ดีอยู่แล้ว แถมยังฝึกจนต่อให้โดนครั้งแรก ผมก็จะไม่เจ็บเด็ดขาด

แล้วผมก็หลับไปจริง ๆ

กระทั่งได้กลิ่นไอทะเลลอยกรุ่นเข้ามาแปะจมูก ผมลืมตามอง พี่เชนทร์หมุนกระจกลงจนสุดเพื่อรับลม

“ว้าวว” ผมฉีกยิ้มกว้าง มาถึงกันแล้วครับ หัวหิน

พี่เชนทร์ขับตรงไปอีกกระทั่งจอดสนิทยังโรงแรมที่เราจองกันไว้ก่อนหน้า ซึ่งคนที่จองคือผมเอง เลือกเอาที่พักที่สวยที่สุด ติดทะเลมากที่สุดและโรแมนติกสุดด้วย ถึงพี่เชนทร์จะพาผมมาในฐานะน้องชายแต่ผมมากับพี่เชนทร์ในฐานะคนรัก

พอเอากระเป๋าเข้าไปไว้ในห้องเรียบร้อย(แน่นอนว่าห้องเดียวกัน) ผมก็ชวนพี่เชนทร์ไปเดินเล่นทันที เปลี่ยนชุดก่อนไปด้วย เผื่อได้เล่นน้ำ ผมจงใจเลือกใส่เสื้อขาว แถมยังบางสุด ๆ กางเกงสีเดียวกันแต่มีลายนิดหนึ่งเพื่อไม่ให้น่าเกลียดเกินไป จริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก เพราะทุกคนในบ้านจะรู้ว่าผมชอบใส่เสื้อผ้าสีสว่าง โดยเฉพาะโทนขาว ถ้าเป็นสีก็ต้องเป็นสีโทนสว่างไปทางขาวเป็นหลัก

ผมจับมือพี่เชนทร์ทันทีที่ก้าวออกจากห้อง พี่แกมีสีหน้ากระอักกระอ่วน แต่ไม่มาก คงกลัวผมรู้สึกไม่ดี คนรักเขาจับมือกันแบบไหนผมก็ทำแบบนั้นแหละ

“คนมองกันใหญ่ สงสัยเพราะพี่ผมหล่อ” ผมชม พี่เชนทร์ทำหน้าอึดอัด ผมลอบยิ้ม ขยับเปลี่ยนเป็นควงแขน

“เอ่อ..เดินเฉย ๆ ก็ได้มั้งชยันต์ เดินถนัดเหรอ”

“ถนัดสิ อยากเดินกับพี่เชนทร์แบบนี้ รู้สึกอบอุ่นดี” พี่เชนทร์ไม่ค้านอะไรต่อ เดินไปได้สักพักเราก็วกกลับ

“ไปเล่นน้ำกัน” ผมชวน พี่เชนทร์พยักหน้า

ผมวิ่งลงน้ำไปก่อนทันที ทิ้งตัวลงน้ำจนเสื้อเปียก ผมแช่อยู่ในนั้นกระทั่งพี่เชนทร์ก้าวตามลงมา ผมยิ้มลอยตัวไปรอบ ๆ สภาพไม่ต่างกับเด็กน้อยเล่นน้ำทั่วไป ก่อนขยับไปใกล้ โผล่ขึ้นเหนือน้ำต่อหน้าพี่เชนทร์ รายนั้นมองมาตาค้างนิด ๆ ผมลอบยิ้ม แน่นอนสิ เสื้อผมเป็นสีขาวแถมยังบางสุด ๆ พอเปียกมันก็ลู่แนบเนื้อ

สภาพผมตอนนี้ใส่เสื้อก็เหมือนไม่ได้ใส่ แถมหัวนมยังตั้งชันเพราะความเย็นจากน้ำอีก พี่เชนทร์รีบเบนหน้าหนี ผมขยับเข้าไปใกล้ แกล้งผลักคนตัวสูงให้ถอยร่นขึ้นไปยังน้ำที่ตื้นขึ้นจนพี่เชนทร์ล้มลงไปนอนหงาย ค้ำรองร่างด้วยสองมือด้านหลัง ผมคร่อมกอดพี่เชนทร์ไว้ กึ่งเล่นกึ่งนัวเนีย แอบแต๊ะอั๋งบ้างบางจังหวะ

ผมหัวเราะเหมือนเด็กน้อยไม่คิดอะไร จนเหนื่อยนั่นแหละ(อันนี้เหนื่อยจริงครับ)ผมถึงได้หยุดเล่น คร่อมร่างพี่เชนทร์ไว้ ผมจงใจมองคนด้านล่างด้วยสายตาเชื่อมหวาน ซึ่งพี่เชนทร์เองก็มองผมกลับด้วยสายตาเดียวกัน พี่แกคงทำไปแบบไม่รู้ตัว

พี่เชนทร์ตกหลุมพรางของผมเข้าให้แล้ว

แต่สำนึกด้านดียังมีอยู่ พี่เชนทร์รีบขยับถอยชวนผมขึ้นจากน้ำ ผมรับคำอย่างว่าง่าย พากันขึ้นไปนั่งเล่นทรายแทน ผมกอดเข่าไว้หลวม ๆ มองคลื่นน้ำที่กำลังซัดสาดเคียงข้างคนตัวโต เรามีร่มอันใหญ่ ๆ ไว้กันแดด ของทางที่พักนั่นแหละ

“บรรยากาศดีเนอะ” ผมชม พี่เชนทร์พยักหน้าเห็นด้วย ผมขยับเปลี่ยนที่จากนั่งข้าง ๆ ไปเป็นนั่งอยู่ด้านหน้าพี่เชนทร์ จับแขนคนตัวสูงมาโอบผมไว้ พี่เชนทร์มองมาอึ้ง ๆ ผมหันไปยิ้มใสซื่อใส่

“ขอระลึกความหลังหน่อย จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ พี่ชอบกอดผมแบบนี้ประจำ” ผมขยับจงใจให้ก้นเบียดชิดเป้าของคนด้านหลัง อมยิ้มนิด ๆ เพราะบางสิ่งของพี่เชนทร์กำลังขยับตื่นตัว ผมพิงหลังกับอกกว้าง จ้องมองท้องทะเล

“บางครั้งก็อยากกลับไปเป็นเด็ก”

“ตอนไหนก็น่ารัก”

“จริงเหรอ” ผมหันไปส่งยิ้มหวาน พี่เชนทร์มองมานิ่งค้าง พยักหน้ารับ

เราหากิจกรรมอื่น ๆ ทำกันต่อ ตอนเด็กเคยทำอะไร ผมก็พยายามย้อนกลับไปทำ กระทั่งถึงมื้อดึก ผมโทรจองร้านอาหารแบบบรรยากาศดี ๆ ภายใต้แสงเทียนไว้ โดยให้เหตุผลพี่เชนทร์ว่าเพื่อน ๆ แนะนำให้มา

เย็นนี้ผมจงใจแต่งตัวให้ดูน่ารักกึ่งเซ็กซี่ แต่อย่างหลังจะหนักหน่อย พี่เชนทร์มองตาค้างตั้งแต่เดินออกจากห้องน้ำแล้ว ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ควงแขนคนตัวสูงเดินออกมาจากห้อง ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึง เราได้โต๊ะวิวดีที่สุดของร้าน เทียนสีแดงถูกจุดวางไว้ ดูโรแมนติกอย่างที่ผมต้องการจริง ๆ

“โรแมนติกจัง” ผมพูดเคลิ้ม ๆ เราสั่งหาอาหารไปกันแล้ว

“มันจะดีกว่านี้ถ้ามากับแฟน”

ผมแกล้งหน้าบูด

“มากับน้องไม่ดีงั้นสิ งั้นผมกลับก็ได้” ผมขยับลุก พี่เชนทร์รีบคว้าจับข้อมือผมไว้

“พี่แค่พูดเฉย ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้งอน”

“แน่นะ”

พี่เชนทร์พยักหน้า ผมยิ้ม ทิ้งตัวลงนั่งที่เดิมดี ๆ ไม่นานอาหารก็มา ผมตักกับข้าวที่พี่เชนทร์ชอบที่สุดไปวางไว้บนจานคนตัวสูง พี่เชนทร์มองอึ้ง ๆ ผมแค่ยิ้มให้ ก่อนตักอีกคำไปจ่อไว้ใกล้ปาก พี่เชนทร์มองมาตาปริบ ๆ

“ตอบแทนที่ดูแลผมดีมาตลอด ต่อไปนี้ให้ผมเป็นฝ่ายดูแลพี่บ้าง ผมหลงเพ้อถึงแต่พี่ชายมาตลอด แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าใครคือพี่ชายที่แสนเพอร์เฟคที่สุดสำหรับผม” ผมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง พี่เชนทร์นิ่งค้างไปพัก แต่ก็อ้าปากรับ

ดวงตาคมคู่นั้นเต็มไปด้วยความสับสน ผมลอบยิ้มอยู่ในใจ ผมรู้ว่าพี่เชนทร์มีความต้องการในตัวผม และอาจมีบางสิ่งที่มากกว่านั้น แต่มันก็ตบตีกับความรู้สึกผิดในฐานะพี่ชายที่มีสายเลือดเดียวกันอยู่ครึ่งหนึ่ง และในฐานะผู้ชายแท้ ๆ คนหนึ่งด้วย

เพศเดียวกันคงไม่เท่าไหร่ แต่ความเป็นพี่น้องนี่สิ ต่อให้ร่างกายอยากขนาดไหน ก็ต้องบังคับจิตใจไว้ ผมรู้ว่าพี่เชนทร์ทรมาน ทั้งทางร่างกายและจิตใจ แต่เมื่อผมต้องการ ต่อให้มันผิด ผมก็จะทำ

วันนี้ผมขอพี่เชนทร์ทดลองดื่มไวน์ บอกพี่แกว่าทดลองดื่มเป็นครั้งแรกเพราะโตแล้ว แต่จริง ๆ แล้วผมกินกับพวกเพื่อน ๆ ในกลุ่มบ่อย

“เห็นไหม พี่บอกแล้วว่าอย่าลองอย่าลอง”

“ผมอยากเป็นผู้ใหญ่เร็ว ๆ” ผมแกล้งเมา นัวเนียพี่เชนทร์มาตลอดทางกระทั่งถึงห้อง พี่เชนทร์ค่อย ๆ ประคองผมลงบนเตียง ผมแกล้งเลิกเสื้อขึ้นสูงเหมือนคนร้อน

“ร้อนเหรอ ไปอาบน้ำก่อนไหม”

“อืม ฉุดหน่อย” ผมยื่นมือไปหา พี่เชนทร์ช่วยฉุด ผมหัวเราะเอิ๊กเหมือนคนไม่ได้สติ ดึงคนตัวสูงจนเสียหลักล้มลงมาทับ

“หา จะเล่นมวยปล้ำเหรอ ได้เลย” ผมหัวเราะรวบกอดคนตัวสูง พลิกกลิ้งไปมา

“ชยันต์ นายเมาแล้วนะ”

“ใครเมา” ผมบดเบียดท่อนล่างไปมา จับคนด้านบนพลิกลงไปนอนหงายที่พื้น

“เจ้าคือม้าของข้า จงพาข้าไปเมืองพาราณสีซะ” ผมขึ้นคร่อมคนตัวสูง จงใจเบียดชิดเนินเนื้อบนลำท่อนแข็งแรง ตัวผมสั่นขึ้นมานิด ๆ

สิ่งนี้สินะ ที่จะเข้ามาอยู่ในตัวผม

“ชยันต์ นายเมาแล้ว” พี่เชนทร์จะจับผมลง แต่ผมยึดจับไว้ แกล้งเบียดเบา ๆ พี่เชนทร์เบ้หน้า บางส่วนตื่นตัวขึ้นมานิด ๆ

“โอ้ว ผมเห็นศัตรูแล้ว” ตอนเด็ก ๆ ผมเล่นแบบนี้จริง ๆ ผิดแต่พี่เชนทร์จะเป็นม้าให้ผมขี่หลัง ไม่ใช่ขี่ด้านหน้าแบบนี้ ผมยิ้ม ชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปด้านหน้า พี่เชนทร์ทำหน้าอึดอัด ส่วนนั้นตั้งชันจนชนร่อง

รู้สึกดีจัง...

“ชะ ชยันต์” พี่เชนทร์ซี้ดปาก ผมก้มมองพี่เชนทร์ตาเชื่อม

“อะไร ผมหนักมากเลยเหรอ” ผมแกล้งยกท่อนล่างขึ้นนิด ๆ เพื่อไม่ให้ทับพี่เชนทร์ แล้วทิ้งตัวลงไปใหม่ จงใจให้ร่องชนเป้าที่กำลังชูชัน พี่เชนทร์ครางอื้อในลำคออย่างทรมาน ผมแกล้งทำหน้าฉงน ขยับถอยไปด้านหลังนิด ๆ เพื่อก้มดูสิ่งที่กำลังทิ่มก้นอยู่นั้น

“พะ พี่ขอโทษชยันต์” พี่เชนทร์หน้าซีด คงกลัวผมรู้สึกแย่ที่ตื่นกับผมแบบนี้ ผมแกล้งทำหน้าฉงนยิ่งกว่าเดิม เอียงคอมอง

“นี่อะไร” ผมจับสิ่งนั้นหมับผ่านกางเกง

“ชยันต์!!” พี่เชนทร์ตัวสั่นริก

“ซ่อนอะไรไว้ข้างในเนี่ย” ผมลองคลำ ๆ ดู

“ยะ อย่า ชยันต์ อย่าจับ อื้ม...” พี่เชนทร์รีบคว้าจับมือผมไว้ ผมมองหน้า อมลมนิด ๆ

“ซ่อนของกินไว้ใช่ไหม”

“ไม่ใช่ชยันต์”

“แล้วอะไรล่ะ ขอดูหน่อย” ผมไม่ขอเปล่า จับขอบกางเกงพร้อมกางเกงในพี่เชนทร์ดึงพรืดลงมา บางสิ่งโชว์หรา ตั้งชันสั่นริก ปลายยอดเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำแห่งความต้องการ

“ชยันต์!!” พี่เชนทร์หน้าตื่น จะดึงกางเกงกลับ แต่ผมยึดจับมันไว้ หัวใจพากันเต้นโครมคราม

สิ่งนี้แหละ คือสิ่งที่ผมต้องการมาตลอด

“ปล่อยมือชยันต์” พี่เชนทร์พยายามจะดึงกางเกงขึ้น

“ไหนว่าไม่ใช่ของกินไง ไส้กรอกอันเบ้อเร่อเลย” ผมแกล้งพูด

“มันไม่ใช่ไส้กรอกนะชยันต์ ปล่อยพี่ก่อน” ผมอมลม แทนที่จะปล่อยกลับคว้าจับสิ่งนั้นไว้ในมือหมับเหมือนเด็กเอาแต่ใจ

“ชยันต์!!” พี่เชนทร์หน้าตื่น พยายามจะงัดมือผมออก แต่ผมยึดแน่น จ้องตาวาว

“น่ากินจัง”

พี่เชนทร์พยายามร้องห้ามแต่ผมไม่ฟัง ยังยึดจับแน่น แตะปลายนิ้วลงบนส่วนยอด พี่เชนทร์ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด ตรงนั้นก็สั่นริกคงเพราะความอัดอั้น

“ราดซอสครีมด้วย”

“ไม่ใช่นะชยันต์”

ผมไม่ฟังเสียง ก้มลงไปตวัดเลียซอสครีมนั้นเข้าปากทันที พี่เชนทร์อ้าปากค้าง ผมเลิกสนใจคนด้านบน ยึดจับสิ่งนั้นด้วยสองมือมั่น ตวัดปลายลิ้นเลียปลายยอดคล้ายแมวกำลังเลียอาหาร พี่เชนทร์ครางทุ้ม มือที่พยายามผลักไสหยุดนิ่งลงชั่วขณะ ผมไล่งับเบา ๆ ก่อนพลิกลิ้นมาเป็นตวัดเลียขึ้นลงทั้งลำท่อน พี่เชนทร์ซี้ดปากผสานมือกับเส้นผมผมทันที พอผมอ้าปากรับเอาสิ่งนั้นเข้าไปภายใน มือที่ผสานอยู่แปรเปลี่ยนเป็นบดคลึง ใบหน้าได้รูปแหงนขึ้นนิด ๆ แล้วครางออกมาด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่เร่าร้อน

ผมฝึกเรื่องพวกนี้มาหมดเลย รวมถึงทุกจุดเร้าและจุดอ่อนของผู้ชายด้วย ผมกลืนของพี่เชนทร์เข้าไปแทบจะมิดอัน เทคนิคนี้ฝึกยากครับ ต้องใช้ให้คุ้ม ๆ หน่อย พี่เชนทร์ครางเรียกเสียงหนัก ๆ ลมหายใจหอบถี่ให้รู้ว่าใกล้จะไปถึงปลายทางแล้ว ผมเร่งให้ทันทีอย่างรู้งานกระทั่งมีน้ำอุ่น ๆ พรั่งพรูเข้ามาในปาก ผมตวัดกินจนหมดไม่เหลือไว้ให้เสียของแม้แต่หยดเดียว พี่เชนทร์หอบจนหน้าท้องไหวกระเพื่อม

“พี่เชนทร์ ทำไมผมรู้สึกร้อนแปลก ๆ” ผมจ้องหน้าคนตัวสูงตาเยิ้ม

“โดยเฉพาะตรงนี้” ผมกุมเป้าตัวเองไว้ตัวสั่น ๆ ไอ้ที่สั่นนี่ไม่ได้แกล้งครับ ผมต้องการจริง ๆ น้องผมตั้งชันจนพองกางเกงแล้ว

“ช่วยตัวเองสิ” พี่เชนทร์ตอบกลับ ท่าทางยังหอบอยู่นิด ๆ ผมมองกลับตาเชื่อม

“ยังไง”

”ไม่เคยช่วยตัวเองเลยเหรอ” พี่เชนทร์ขมวดคิ้วถาม

“ร้อน” ผมไม่ตอบ แต่แสดงท่าทางที่ทรมานใส่แทน พี่เชนทร์นิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนรั้งเอาตัวผมลงไปนั่งบนตัก ล้วงมือดึงของผมออกมาด้านนอก ผมครางออกมาทันทีจิกเท้ากับที่นอนแน่น

“เราโตเป็นหนุ่มแล้วนะ หัดช่วยตัวเองได้แล้ว”

ตอนนี้สติด้านการรับฟังของผมมันพังทะลายไปแล้วเพราะความต้องการที่กำลังเปี่ยมล้น ผมครางเรียกพี่เชนทร์ ขยับร่างกายตามอารมณ์ อันนี้ไม่ได้ใช้มารยาอะไรแล้วครับ รู้สึกแบบไหนก็แสดงออกมาเลย ความต้องการมั่นเอ่อล้นอยู่แล้ว ใช้เวลาไม่นานผมก็ไปถึงปลายทาง ผมหอบแฮก แผ่นหลังยังแนบอยู่กับแผงอกกว้าง น่าจะพอแล้วสำหรับวันนี้ ผมค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง

“เดี๋ยวชยันต์!” ผมไม่สนใจเสียงเรียกนั้น สั่งตัวเองให้หลับไปจริง ๆ





 

ผมตื่นอีกทีตะวันก็สายโด่งแล้ว ได้ยินเสียงคลื่นซัดสาดชัดเจน อากาศดี  สุด ๆ พื้นที่ข้าง ๆ ว่างเปล่า ผมลุกจากเตียงเดินออกไปนอกห้องนอน เห็นพี่เชนทร์ยืนเหม่อมองท้องทะเลอยู่นอกระเบียง ปลายสายตาเป็นระลอกคลื่นที่กำลังวิ่งกระทบฝั่งลูกแล้วลูกเล่า  ผมย่องเงียบเข้าไปจ๊ะเอ๋ พี่เชนทร์หันมามองด้วยใบหน้าตกใจ

“เป็นไร ทำหน้าเหมือนเห็นผี”

พี่เชนทร์จ้องหน้าผม

“เมื่อคืน...”

“เมื่อคืนทำไม ว่าแต่ ผมกลับมาอยู่ห้องได้ไง จำได้ว่านั่งกินไวน์กันอยู่ รู้ตัวอีกที ตื่นแล้ว อะไรว้า~”

พี่เชนทร์ขมวดคิ้ว

“จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ”

“จำได้สิ”

พี่แกหน้าซีด

“จำได้ว่ากินไปแก้วเดียว”

“ใครว่าแก้วเดียว ห้าแก้วต่างหาก”

“บ้า แก้วเดียว”

“ห้า” พี่เชนทร์ถอนหายใจแรง “สรุป นายลืมเหตุการณ์หลังจากแก้วแรกหมด”

ผมแกล้งทำหน้าตื่น

“ทำไมเหรอ หรือว่าผมเมาแล้วรั่ว ผมทำอะไรทุเรศไปหรือเปล่าพี่” พี่เชนทร์จ้องหน้าผมเหมือนกำลังจะค้นหาความจริงอะไรบางอย่าง ผมยังทำหน้าตื่นอยู่

“ไม่หรอก ปกติดี”

“แล้วผมกลับมาไง”

“เดินกลับมาเองนี่แหละ”

“อะไรวะ จำไม่ได้เลย มิน่ารู้สึกตัวเน่า ๆ งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ” ผมเดินอมยิ้มเข้าห้องน้ำไป


To be con..







Book & ebook : https://goo.gl/aJFpH5

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด