(ต่อค่ะ)
ผมขยับขึ้นไปนั่งบนเปลกับนาคินทร์ เรานอนกอดกันมองดาวที่เห็นเพียงไม่กี่ดวงนั้น
“คุณหนูรักนาคินทร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“ไม่รู้สิ รู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้ว แล้วนาคินทร์ล่ะ”
“ขอลอกคำตอบคุณหนูมาได้ไหมครับ”
ผมยู่หน้าใส่ ไม่ว่าอะไร เลื่อนมือไปวางไว้บนหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะนั้น
“เราคงต้องเก็บเรื่องของเราเป็นความลับไปก่อน ฉันยังไม่รู้เลยว่าถ้าบอกจะเกิดอะไรขึ้น” นาคินทร์ขยับยกตัวขึ้น
“งั้นนาคินทร์ว่ามานอนด้วยกันแบบนี้ อาจมีคนมาเห็นเข้านะครับ”
ผมส่ายหัว
“มุมนี้ไม่เห็นหรอก ไม่งั้นฉันจะกล้ามานอนกอดนาคินทร์เหรอ”
“เผื่อมีใครผ่านมาเห็น”
“งั้นเข้าห้อง”
“เอ่อ...ผมว่า”
“รังเกียจก็แล้วไป” ผมแสร้งขยับจะลงจากเปล
“สาบานให้ฟ้าผ่าตายว่าไม่”
“งั้นเข้าห้อง”
นาคินทร์จำต้องพยักหน้า พาผมเดินเข้าห้องนอนไป มันไม่มีอะไรในห้องนี้เลย นอกจากฟูกนอนผ้าห่ม ตู้เสื้อผ้า โต๊ะวางของและพัดลมหนึ่งตัวเหมือนเดิม
พอเข้าห้องได้วงแขนใหญ่ก็โอบกอดผมไว้จากทางด้านหลังทันที ผมอึ้งไปเพราะไม่คิดว่านาคินทร์จะกล้าทำ
“นาคินทร์ดีใจเหลือเกินครับ ดีใจที่ใจของเราตรงกัน นาคินทร์ทรมานแทบบ้า ทั้งที่รู้ว่าไม่ควร แต่นาคินทร์กลับห้ามร่างกายไม่ให้ต้องการคุณหนูไม่ได้ ห้ามหัวใจให้หยุดรักคุณหนูไม่ได้ มันทรมานเหลือเกิน”
ผมขยับพลิกหันไปเผชิญหน้า
“งั้นนาคินทร์ก็คิดแบบเดียวกับฉัน”
นาคินทร์มองหน้าผม
“จูบได้ไหมครับ”
ผมเผยอริมฝีปากตอบรับทำที นาคินทร์ก้มหน้าลงมา ทาบริมฝีปากไว้เหนือริมฝีปากผม เนิ่นนานทีเดียวก่อนปากนั้นจะค่อย ๆ ละออก เพียงแค่จูบ บางสิ่งก็ขยับตื่นตัวแล้ว
“ขออภัยครับ นาคินทร์ไม่ตั้งใจ”
นาคินทร์ขยับร่างกายออกห่าง ผมขยับเข้าไปชิด จับมือนาคินทร์มาจับบางสิ่งของผมบ้าง นาคินทร์มองอึ้ง
“ฉันเองก็เป็นนะ”
“คุณหนูครับ”
นาคินทร์กระชากตัวผมเข้าไปใกล้ กระชากดึงเสื้อจากหัวไหล่ผมลง ก้มซุกซอกคอ
“ขออภัยจริง ๆ นาคินทร์ทนไม่ไหวแล้ว”
นาคินทร์พูดเสียงพร่า ขยับล้วงมือบีบแก้มก้นผมแรง ยกขาผมขึ้นพาดสะโพก สิ่งนั้นตื่นตัวเต็มที่ นาคินทร์ขยับดันผมไปยืนพิงตู้เสื้อผ้า เลื่อนปากมาจูบ ท่าทางดูเร่าร้อนรุนแรงเหมือนตอนอยู่ต่างจังหวัดนั่นแหละ มือใหญ่กระชากดึงกางเกงผมลง ถอนปากออก ขยับพลิกตัวผมหันหน้าเข้าหาตู้เสื้อผ้า ดึงสะโพกผมออกห่างนิด ๆ
“คุณหนู คุณหนูของนาคินทร์”
ผมเองก็แทบจะทนไม่ไหว ครางออกมาเบา ๆ เมื่อสิ่งนั้นค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้ามาช้า ๆ อยู่นี่ผมไม่กลัวใครมาได้ยินเสียง ผมครางออกมาอย่างพอใจ ขยับแยกขาออกกว้าง
“แรง ๆ นะนาคินทร์ แรง ๆ”
ผมร้องขอเสียงสั่น
“ครับ”
นาคินทร์รับปาก พอเข้าได้ก็จับสะโพกผมแรง เคลื่อนไหวในจังหวะเอาอกเอาใจผม นาคินทร์เร่าร้อน นาคินทร์รุนแรง บางครั้งกักขฬะ บางครั้งอ่อนหวาน แต่ทุกท่วงท่า ทำเอาผมแทบจะหลอมละลายตายเพราะความสุขใจ ยิ่งนานเสื้อผ้าเรายิ่งเหลือน้อยชิ้น กระทั่งมันไม่เหลือเลย
ผมยังยืนพิงตู้อยู่ มีนาคินทร์อยู่ข้างใน ปากเราแนบชิด ผิวเนื้อติดแน่น ร่างเราเชื่อมประสาน เสียงครางสอดคล้อง หัวใจเทียบหัวใจ
ครั้นพอเราพากันเคลื่อนที่ไปยังที่นอน บางครั้งผมอยู่บนบางครั้งนาคินทร์ขึ้นไปแทนที่ แต่ไม่ว่าจะใครนำใครตาม เสียงครางของเราก็เป็นเสียงครางแห่งความสุขสม มันไม่ใช่ความสุขที่ร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่เป็นความสุขที่หัวใจด้วย
เราจบบทรักครั้งสุดด้วยด้วยการที่ผมทำตัวเป็นนักขี่ม้า ควบขี่นาคินทร์ นาคินทร์เป็นพวกยิ่งนานยิ่งร้อนยิ่งรุนแรง ตัวผมคงช้ำ ข้างในผมคงระบม
แต่ผมสนใจหรือเปล่า
ไม่เลย
“ฉันรักนาคินทร์นะ”
ผมกระซิบบอกหอบ ๆ
“ผมก็รักคุณหนูครับ คุณหนูของผม” นาคินทร์จูบผมแผ่วเบา ผมเคลื่อนตัวลงไปนอนเคียงข้าง นาคินทร์โอบกอดผมไว้ แม้ร่างกายจะเลอะเทอะ แต่ผมไม่สนจะไปล้างมันออก ผมภูมิใจที่บางสิ่งของนาคินทร์วิ่งเล่นอยู่ในตัวผม ผมซบหน้ากับแผงอกกว้างหลับใหลไปด้วยกัน
ผมกับนาคินทร์แอบคบกันมาเงียบ ๆ ส่วนใหญ่ผมจะเป็นฝ่ายย่องไปหานาคินทร์มากกว่า เพราะดูไม่น่าเกลียดเท่ากับนาคินทร์มาหาผมที่ห้อง
ผมไม่ย้ายแผนกหรอก เพราะยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกหลายอย่าง พ่อเรียกผมเข้าไปสอบภูมิ ซึ่งผมก็ทำได้ดีพอควร
นาคินทร์ไม่ยอมให้ผมขึ้นไปหาอีก เพราะอยากเซอร์ไพร์ส ตอนแรกก็อยากเห็นทุกขั้นตอน แต่เมื่อนาคินทร์ตั้งใจแบบนั้นผมก็ไม่ขัดศรัทธา เฝ้ารอเวลาให้นาคินทร์พาผมไปดู
กระทั่งวันนี้มาถึง นาคินทร์ให้ผมขึ้นไปหาตอนหนึ่งทุ่มตรงพอดี เราจะทานมื้อค่ำกันที่นั่น ผมนั่งท้องกิ่วรอเวลากระทั่งทุ่มตรงถึงได้เดินออกจากแผนกไปที่ประตูลิฟต์ขนของ พอประตูลิฟต์เปิดออก ผมอ้าปากค้างทันที เพราะมีตัวหนังสือคำว่า ‘For U’ ติดอยู่ มันถูกทำขึ้นมาเป็นพิเศษ
ผมใจเต้นแรง หรือว่านาคินทร์เป็นคนทำ
ผมเดินขึ้นบันไดไป มีลูกโป่งติดไว้เป็นทาง ผมยิ้ม ฝีมือนาคินทร์แน่ ๆ ผมเดินขึ้นไปจนถึงดาดฟ้า ผมอ้าปากค้างอีกระรอก มองดาดฟ้าที่แสนสวยงาม มีต้นไม้ใหญ่น้อยเรียงราย น้ำตกจำลอง ชิงช้า ม้านั่งแนววินเทจ โต๊ะพร้อมเก้าอี้สำหรับนั่งสังสรรค์กันได้นิด ๆ ม่านดอกไม้ ทุกอย่างสวยงามจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม
“ชอบไหมครับ”
ผมมองทึ่ง ๆ
“สวยมากเลยนาคินทร์”
นาคินทร์ยิ้ม
“เชิญคุณหนูทางนี้ครับ”
นาคินทร์ยื่นมือมารับเหมือนคนขอผู้หญิงเต้นรำ ผมวางมือลง ก้าวตามไปข้าง ๆ นาคินทร์พาผมเดินอ้อมผ่านม่านบาหลีไปอีกด้าน ผมตาโต เพราะด้านหลังเป็นโต๊ะแบบวงกลมที่มีอาหารวางไว้ ของโปรดผมทุกอย่าง พร้อมไวน์มียี่ห้อขวดหนึ่ง แก้วไวน์สองใบ ดอกไม้ประดับบนโต๊ะ ผ้าคลุมโต๊ะเป็นสีขาว ดอกกุหลาบประดับโต๊ะสีแดง รูปแบบถอดมาจากหนังสือที่ผมเห็นแน่ ๆ
ข้างในคือม่านบาหลี วิวอีกด้านคือแสงไฟที่กำลังส่องสว่าง สูงบ้าง ต่ำบ้าง แล้วแต่จังหวะ อาจไม่ได้เยอะ แต่ผมรู้ว่ายิ่งดึก แสงเหล่านั้นจะยิ่งเยอะขึ้น ดาวเหนือยังอยู่ตรงนั้น
“เชิญนั่งครับ”
นาคินทร์ลากเก้าอี้ออกให้ ผมหย่อนตัวนั่งราวกับถูกสะกด
“สวยมากเลย”
“เพื่อคุณหนู”
ผมมองตาคนตรงหน้า ไม่คิดว่าเขาจะทำเพื่อผมขนาดนี้ นาคินทร์หยิบไวน์เย็น ๆ ขวดนั้นมาเปิดจุก รินใส่แก้วแล้วยื่นมาให้ผม รินให้ตัวเองบ้าง ผมมองด้วยหัวใจเปี่ยมสุข
“นาคินทร์ไม่รู้พิธีรีตองของคนระดับสูง เอาที่นาคินทร์พอจะเคยเห็นมาจากหนังช่องสามกับอ่านหนังสือละกัน เพื่อคุณหนูครับ” นาคินทร์ยกแก้วยื่นมาทางผม ผมหยิบแก้วขึ้นมาถือ ยื่นไปชนแก้วนาคินทร์เบา ๆ จนเกิดเสียง
ผมยกดื่ม แค่คำเดียวครับ เดี๋ยวเมา
“อาหารจากไหนเนี่ย”
ผมก้มมองอาหารหน้าตาน่าทานตรงหน้า
“ครัวนาคินทร์ครับ”
ผมเงยหน้ามอง
“จริงเหรอ”
“ครับ ไปขอยืมครัวจากร้านอาหารข้างล่างมา”
“โห” ผมมองทึ่ง ๆ ตักชิม
“อร่อย”
“นาคินทร์ดีใจที่คุณหนูชอบ”
“ชอบมาก ๆ ไม่ใช่ชอบธรรมดา”
“ขอบคุณครับ”
เรานั่งกินอาหาร พูดคุย มองดาว มองตากัน ผมมีความสุขกับสิ่งนี้มากจริง ๆ
หลังจากเราอิ่มจากอาหารมื้อโรแมนติก นาคินทร์ก็พาผมมานั่งชิงช้าขนาดใหญ่ ผมอิงแอบแผงอกนาคินทร์ไว้
“นี่นาคินทร์”
ผมกระซิบเรียกคนตัวสูง
“ครับ”
นาคินทร์ครางรับ จับมือผมไว้บีบเบา ๆ จูบซับหน้าผาก
“ฉันตัดสินใจแล้ว”
“ว่า…”
“ฉันจะบอกความจริงกับทุกคนเรื่องของเรา และไม่ว่าผลจะออกมายังไง ฉันก็พร้อมจะน้อมรับ สิ่งเดียวที่จะไม่ยอมแน่ ๆ คือพรากจากนาคินทร์”
นาคินทร์ดันตัวผมออก มองตา
“คุณหนูแน่ใจนะครับ”
“ฉันแน่ใจ”
“แล้วถ้าเกิดคุณท่านโกรธมาก สั่งห้ามไม่ให้เราคบกันล่ะ”
“ฉันจะหนีตามนาคินทร์ไป นาคินทร์ไปไหน ฉันจะไปด้วย”
นาคินทร์มองตาผม
“ถ้าคุณหนูพร้อมนาคินทร์ก็พร้อม จะพานาคินทร์ขึ้นฟ้า ลากนาคินทร์ตกเหว นาคินทร์ก็พร้อมจะไปกับคุณหนู” ผมยิ้ม อิงตัวซบอกกว้างอีกครั้ง
“ฉันรักนาคินทร์นะ”
“นาคินทร์ก็รักคุณหนูครับ ยอดรักของนาคินทร์”
นั่นคือคำรักที่แทรกผ่านเข้ามาในหัวใจผม
ผมพร้อมแล้วสำหรับอนาคต ไม่ว่ามันจะมืดหรือสว่าง ผมก็พร้อมจะเดินเคียงไปกับนาคินทร์แล้ว
The End
จบอีกเรื่องแล้ววว
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกันจนจบนะคะ ดีใจที่เรื่องนี้ทำให้คนอ่านมีความสุข เจอกันเรื่องหน้าาาา (นาน ๆ ทีจะแต่งนิยายไม่ดราม่า ทางนี้ปลื้ม T^T)
แล้วเจอกันนนนน
ปล. ฝากนิยายเรื่องอื่น ๆ ด้วย ทั้ง hate love ทาสแค้น, kiss love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ และ brother พี่ตัวร้ายกับนายตัวดี รวมถึง boyfriends 3p สำหรับคอหื่น
ปล.2 e-book และหนังสือเรื่องนี้ >>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56295