SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]  (อ่าน 128847 ครั้ง)

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
สงสารตุลย์ ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าทำไมมันรันทดงี้เนี่ย

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1691
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
HNY ด้วยค่าา มาช้าๆก็ได้ แต่อย่าหายไปเลยก็พอค่า 5555

ออฟไลน์ PAtxxkMxxn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
มันก็จะค้างหน่อยๆ

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
สวัสดีปีใหม่จ้าาา

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โหยยยยยดีใจสุดๆๆที่คุณเมลล่ามาต่ออออ อย่าทิ้งกันน้าาา
ยังอยากอ่านอนาคตของตุลย์ อยากเห็นชีวิตที่มีความสุขของตุลย์อ่าค่า
จะรอวันนั้น อิอิ :impress2: :katai4:

ออฟไลน์ Honyuchum

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ใจอ่อนให้เสี่ยไวๆเถอะน้า จะได้มีความสุขซักที

แฮปปี้นิวเยียร์ค่ะ !!

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ดีใจได้อ่านต้อนรับปีใหม่เล้ย

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
รอสักครู่นะคะ เมลล่าขออนุญาตปั่นงานสอบนิดนุง คืนนี้มาแน่เจ้าค่ะ ออเจ้าาา  :katai2-1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Finally, next episode will be posted. Thanks a lot.

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
(14.2)


…ตุลย์เช็ดผมพอหมาด เปลี่ยนจากผ้าเช็ดตัวมาสวมกางเกงนอน แล้วตามออกไปห้องเจ้าของบ้านแม้ว่าใจจริงจะง่วงเต็มที
 
เขาเคาะแค่ทีเดียว ศานนท์ก็เปิดประตูให้


“ฉันอยากให้เธอดูนี่” ว่าพลางพยักเพยิดไปโต๊ะอ่านหนังสือเล็กๆ ข้างเตืยง


สิ่งที่ตั้งอยู่บนนั้นคือ นิตยาสารแฟชั่น หลายเล่มมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักดีในประเทศ เป็นที่เข้าใจกันดีว่าต้องมีชื่อเสียงในวงการบังเทิงระดับหนึ่ง จึงจะสามารถขึ้นปกนิตยสารชั้นนำเหล่านี้ได้


“ของสะสมของคุณหรอครับ?” ตุลย์มองหน้าศานนท์อย่างไม่ค่อยอยากเชื่อ


คงไม่ใช่ว่าเขาบังเอิญไปค้นเจองานอดิเรกแปลกๆ ของอีกฝ่ายเข้าหรอกนะ?


หนุ่มใหญ่ยิ้มๆ “แล้วเธอ สนใจ อะไรแบบนี้มั้ยล่ะ?”


“ครับ”


แน่นอนว่าเขาสนใจ

เพียงแต่สิ่งที่เขาหลงใหลไม่ใช่ตัวนิตสารเหรือทรนแฟชั่น... แต่เป็นความใฝ่ฝันที่จะได้โลดแล่นบนจอเงินต่างหาก


ฝันที่เอื้อมเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสักที แถมพอย้อนนึก ก็ชวนให้รู้สึกเข็ดขยาดขึ้นมาซะอย่างนั้น


สะดุดตากับเล่มหนึ่งที่มีโน๊ตเตือนความจำแปะอยู่ ตุลย์ก็หยิบมันขึ้นมาพลิกดู


“เล่มนั้นยังไม่เสร็จดี ฉันเพิ่งได้ต้นฉบับมาเมื่อวาน”


 “จริงๆ แล้ว คุณเป็นบ.ก. เหรอ?” ตุลย์เลิกคิ้วฉงนอย่างผิดคาด


หลงนึกว่าศานนท์ทำงานเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ น่าปวดหัวเสียอีก


“ไม่ใช่...” หนุ่มใหญ่กลั้วหัวเราะ ”แต่บางทีฉันก็เป็นสปอนเซอร์ให้นิตยสาร”


ปล่อยให้เขาเปิดดูจนพอใจ ศานนท์ถึงรับหนังสือกลับไปวางบนโต๊ะอย่างเดิม


“เธอถามเยอะแล้ว ตอนนี้ฉันถามเธอบ้าง”


“ถามเรื่องอะไรครับ?”


“อยากลงนิตยาสารหรือเปล่าล่ะ”


“.......”


ประโยคนั้นทำเอาตุลย์ชักหายใจติดขัด


“ฉันรู้จักคนๆ นึง เป็นแมวมองในวงการมานานพอสมควร ถ้าเธอสนใจฉันจะติดต่อให้”


“พะ พูดจริงเหรอเปล่า!?” เขาโพล่งไปอย่างเก็บความตื่นเต้นไม่มิด


แต่เสี้ยววินาทีต่อมาก็ขมวดคิ้วมุ่น


โอกาสนี้มันหอมหวานเกินไปกว่าจะให้เปล่าโดยไม่คิดอะไร...


“คุณอยากให้ผมทำอะไร” เขาจ้องนัยน์ตาหนุ่มใหญ่


“หมายความว่ายังไง?”


“คุณคงไม่กะให้ผมฟรีๆ หรอกจริงมั้ย?”


“แล้วทำไมฉันถึงจะให้เธอฟรีๆ ไม่ได้ล่ะ”


ถูกย้อนถาม ตุลย์ก็คิ้วขมวด ว่าเสียงแข็ง


“คุณอย่ามาล้อเล่น”


“ฉันไม่ได้ล้อเล่น” ศานนท์ไหวไหล่ “ถ้าอยากถ่าย ฉันก็จะแนะนำเธอให้ ต่อจากนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับเธอว่าทำยังไงกับโอกาสนั้น”


นัยน์ตาหนุ่มใหญ่ปราศจากคำโกหกแม้เวลาพูด


แต่ถ้าหากว่าไม่ใช่...


เขาก็คงเป็นคนที่โง่มากพอจะตกหลุมพลางเดิมซ้ำๆ อย่างไม่รู้จักจำ

เพราะต่อให้มันคือทางด่วนไปนรก โอกาสเหล่านั้นก็หอมหวานเกินจะปฏิเสธลงอยู่ดี


“แล้วผมต้องทำยังไงครับ?”


“เสาร์นี้มาเธอกับฉัน ลองเทสหน้ากล้องดูก่อน ถ้าผลงานน่าพอใจก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง” หนุ่มใหญ่วรรคหายใจ “...แต่ว่าคนที่ตัดสินใจเรื่องนั้นคงไม่ใช่ฉัน”


-------------------------------------------------
ขัดจะเสร็จแล้วเจ้าค่าเอยยย พรุ่งนี้จะลงส่วนที่เหลือต่อให้นะคะ ฮือออ
รู้สึกวุ่นวายทั้งปีทั้งชาติ งานหนังสือก็ไม่รู้จะได้ไปหรือเปล่า
ดีใจมากๆๆๆ ที่กลับเข้ามาแล้วทุกคนยังอยู่ T_T
ไม่นึกเลยค่ะ ว่าเมลล่าหายเหมือนตายไปแล้วก็ยังมีคนมารอ
มันสนุกตรงไหนเนี่ย เรื่องนี้ 55555+
 ยังไงจะรีบกลับมาต่อให้นะคะ ขอโทษไปหายๆ ไปๆ กลับๆ ค่ะ T_T
รักนักอ่านมากๆๆ เลย

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
คุณมาต่อ เราก็รออ่านจ้ะ

เอานะตุลย์ โอกาสมาคว้าไว้ก่อนเลย

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
สนุกนร้า. จะรอ ตุลย์สู้ชีวิตดี เจอความผิดหวังมากมาย ก็ยังก้าวเดินไปข้างหน้า

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
-----------(100%)-------------------
ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือถูก แต่ตอนนี้ตุลย์ก็มายืนอยู่หน้าตึกสตูดิโอเป็นที่เรียบร้อย


ศานนท์พาเขาผ่านประตูเข้ามาอย่างคุ้นเคย ก่อนที่สตาฟจะนำขึ้นลิฟท์ไปยังห้องรับรอง ซึ่งมีคนรออยู่ก่อนแล้ว ครั้นเข้ามาด้านใน หนุ่มใหญ่ก็เอ่ยทักทาย ‘แมวมอง’ สาวประเภทสองอย่างเป็นกันเอง โดยไม่ลืมแนะนำเขาให้ฝ่ายนั้นรู้จัก


 “สวัสดีครับ”


“สวัสดีค่ะ” เธอพยักหน้ารับไหว้ ก่อนจะเชิญพวกเขานั่ง “เจ้ชื่อซินดี้นะคะ เรียกเจ้ซินก็แล้วกัน”


“ครับ”


จบการแนะนำตัวสั้นๆ เธอก็หันไปคุยกับศานนท์ ดูเหมือนทั้งคู่จะสนิทกันพอสมควร เธอถึงได้เรียกชื่อเล่นหนุ่มใหญ่ตรงๆ ว่า ‘คุณศาน’ แถมยังคุยเรื่องสัพเพเหระกันอยู่นาน ก่อนจะเกริ่นเข้าประเด็นเรื่องถ่ายแบบ


งานที่ศานนท์ฝากฝังเขาไว้กับซินดี้ คืองานถ่ายเสื้อผ้าซึ่งกำลังจะเริ่มขึ้นสัปดาห์หน้า โดยทางผู้ต้นสังกัดนิตยสารได้คัดเลือกนางและนายแบบตัวเต็งไว้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็นปัญหา ถ้าหากเขาอยากเข้าร่วมด้วย


“ถ้าอย่างนั้น ฉันฝากเด็กคนนี้หน่อยแล้วกัน”


““โอ้ย! ได้อยู่แล้วค๊าคุณศาน” เธอจีบปากจีบคอ “ซินดี้เป็นคนปั้นทั้งทีจะมีพลาดได้ยังไงล่ะคะ อยู่ที่น้องจะโอเคหรือเปล่ามากกว่า”


ซินดี้ปรายตามองเขาแว่บหนึ่ง ก่อนที่จะปรบมือฉาดลุกขึ้นพรวดพลาด โชว์ชุดเดรสสีน้ำเงินยาวนำเทรนของเธอ


“เอาล่ะค่ะ ซินดี้ว่าเด็กๆ น่าจะเซ็ตของเสร็จแล้ว มาค่ะ เดี๋ยวจะพาไปห้องสตูฯ จะได้เริ่มถ่ายเลย Let’s go ค่ะ!”


ตุลย์แยกกับศานนท์ทันทีที่เข้ามาในสตูดิโอ บรรยากาศด้านในออกจะทึบ อยู่สักหน่อย มีก็แต่แสงจากไฟสตูดิโอสองตัวที่ส่องตรงไปยังฉากและเฟอร์นิเจอร์ประกอบสามสี่ชิ้นนั่นแหละ ที่สว่างชัดกว่าบริเวณอื่น


นับว่าการเข้ามาในฐานะ ‘เด็กเส้น’ครั้งแรก ทำให้เขารู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก


ยืนรอเก้ๆ กังๆ อยู่ไม่นาน สตาฟก็เข้ามาชี้แจงลายละเอียดเกี่ยวกับพร็อพและธีมคร่าวๆ พอเข้าใจ จากนั้น ก็เข้าเฟรมกล้องตามลำดับ โดยที่มีกลุ่มคนยืนล้อมจับตามองอยู่ไม่ห่าง


การถูกมองมันน่าอึดอัด


ได้แต่ลำพึงในใจ ขณะที่แสร้งปั่นหน้ายิ้มแย้มเป็นธรรมชาติแบบที่เขาถนัด


แชะ!


เสียงชัทเตอร์ดังเป็นสัญญาณว่าภาพแรกถูกถ่าย


“ทีนี้ค่อยๆ เปลี่ยนท่านะครับ”


ตุลย์ขยับตัวไปทางซ้าย หันข้างเล็กน้อย ซึ่งทุกอย่างก็ไปได้สวยในช็อตที่สองและสาม เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนชักจะหมดลูกเล่น กระทั่งตอนนั้นก็ช่างกล้องเริ่มตะโกนคุยกับเขา


“น้องครับ เงยหน้าหน่อยครับ องศาไม่ได้”


เขาทำตามที่ถูกบอก แต่พอเป็นท่าเท่านั้นแหละ...


“น้องครับ เอียงข้างไปอีกหน่อยครับ”


“ครับ”


ที่แรกเขาคิดว่าเป็นเพราะยังไม่ชินกับองศากล้อง แต่พอถ่ายไปได้สักพัก ตุลย์ก็เริ่มตรัสรู้ว่าปัญหามันอยู่ที่ตัวเขาต่างหาก!


“น้องครับ ยืนพิงพร็อพไปเลยครับ ไม่ต้องก้ำๆ กึ่งๆ จะนั่งก็ได้ครับ เขาทำมาแข็งแรง”


“.....”


“แขนครับน้อง หันมาอีก หันแบบนี้ถ่ายออกมาแขนหายแน่ๆ”


“......”


“น้อง ท่านี้ถ่ายไปแล้วครับ พี่รบกวนเป็นท่าอื่นได้มั้ย จะหยิบจะจับอะไรก็ได้ครับ รับรองไม่พัง”


“......”


“น้องครับ”


“ครับๆๆ” ขานรับไป ก็ขยับขยุกขยิกตามไปพลางอย่างเริ่มหัวเสีย พนันว่าช่างกล้องเองก็คงอยู่ในอารมณ์ไม่ต่างกัน


จังหวะที่ตุลย์วาดตามองผ่านกลุ่มคนเหมือนอยากออกไปจากตรงนี้เต็มที ก็เห็นว่าศานนท์ยืนอยู่ถัดออกไปด้านหลัง อีกฝ่ายเพียงแค่นั่งมองเฉยๆ พอสายตาสบกับเขาก็แค่อมยิ้มตอบ


“เอ้า! ใครก็ได้เข้าไปจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้น้องหน่อยซิ้”


 เสียงแหลมทรงพลังเบนความสนใจของตุลย๋กลับมายังหน้ากล้องได้ชะงัด


ซินดี้เดินตรงเข้ามาหาเขา สีหน้าบ่งบอกว่าไม่พอใจเท่าไหร่


“หนูขา ตั้งใจหน่อยนะคะ เจ้อุตส่าห์ให้เขาเซ็ตไฟเซ็ตกล้องให้ ดังนั้นแฮฟสติค่ะ หยุดเหม่อแล้วฟังเจ้พูดด้วย”


“ขอโทษครับ” ถูกว่าตรงๆ ตุลย์ก็ขอโทษไปตามระเบียบ


“เอาล่ะค่ะ ฉากพร้อม กล้องพร้อม นายแบบพร้อม สาม สอง หนึ่ง เริ่ม!” เธอสั่งอย่างไม่รอให้เขาตั้งตัว


การถ่ายชุดที่สองดำเนินต่อไป โดยที่มีซินดี้คอยกำกับเองทุกอย่างอย่างใกล้ชิด จากที่ถูกช่างกล้องติ พอเปลี่ยนเป็นเธอ กลับกลายเป็นว่าเขาถูกติแทบทุกท่วงท่าที่ขยับ เรียกว่าแค่เกิดมาหายใจได้เองก็ผิดคงผิดในสายตาคุณเธอแล้ว


“ช็อตนี้เงยหน้าขึ้นอีกนะคะ” เธอว่า


ก่อนจะหัวเสียในภาพถัดมาแทบทันที


“โอ้ย หนูขา! เจ้บอกแล้วไงว่าอย่าก้มหน้า ผมมันบัง เงยอีกๆๆ! เคยเห็นตอนแมวน้ำเล่นลูกบอลในโชว์ละครสัตว์มั้ยคะ เอาแบบนั้น เจ้ต้องการแบบนั้น!”


ตุลย์ได้แต่ขยับตามที่ออกปากสั่ง ในใจก็พยายามคุมสติ


การถูกสายตานับสิบจับจ้องนั้นสร้างความกดดันให้อยู่แล้ว พอผสมโรงกับถูกด่ามากๆ เข้า เขาก็ยิ่งเครียดและหัวเสียหนักเข้าไปใหญ่


แรงกดดันเพิ่มมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป กลายเป็นเรื่องยากที่คงความเป็นธรรมชาติทั้งการเคลื่อนไหว รวมถึงสีหน้าและแววตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเก็บอารมณ์...


 “พอค่ะ พอ! แบบนี้ไม่ไหว หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างกะโกรธลูกค้า”

ซินดี้จิ๊ปาก พลางโบกมือปัดเมื่อเห็นชัดว่าเขาเก็บอาการไม่อยู่

 “เลิกกองค่ะ ปิดจ็อบ! วันนี้เอาแค่นี้พอแล้ว แยกย้าย!”


สิ้นเสียงสั่ง ซินดี้ก็สะบัดกระโปรง เดินเคาะส้นสูงเสียงดังออกจากห้อง ลับหลังเธอ สตาฟถึงเข้ามาหาเขา ยื่นน้ำยื่นขนมให้ แต่ตุลย์ปฏิเสธเพราะไม่อยู่ในอารมณ์ที่รับความหวังดีเหล่านั้นเท่าไรนัก


เขาเม้มปาก เคาะส้นเท้าระบายอารมณ์ ก่อนจะถอนหายใจหนักเมื่อระลึกได้ว่าตัวเองเพิ่งโดนตอกหน้าเพราะไม่มีความเป็นมืออาชีพมากพอที่จะเก็บสีหน้าและอารมณ์ขณะทำงาน


เมื่อสตาฟหลายคนเริ่มทะยอยเก็บข้าวของเตรียมแยกย้ายหลังเสร็จงาน ตุลย์ก็ขอตัวง่ายๆ แล้วออกจากห้องมา สอดส่ายหาหนุ่มใหญ่ ก่อนจะพบอีกฝ่ายกำลังคุยอยู่กับช่างกล้องที่ถ่ายภาพเขาเมื่อสักครู่


เขาละล้าละลังเพราะไม่รู้จะเข้าไปดีหรือไม่ โชคดีที่ศานนท์เหลือบมาเห็น คุยต่อไปถึงนาที หนุ่มใหญ่ก็เอ่ยลาและปลีกตัวออกมา


“...ผมเพิ่งฉีกหน้าคุณ”


นั่นเป็นประโยคแรกที่เขาพูด ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ถามอะไร


ฉีกแบบไม่เหลือชิ้นดีซะด้วย


“ไปทำอะไรเข้าล่ะ?”


“ผมหัวเสีย เลยแสดงสีหน้าไม่ดีไป...”


พูดไปได้ครึ่งนึงเขาก็ถอนหายใจ นอกจากจะทำลายเครดิตหนุ่มใหญ่ซะเหลวเป๋ว เขายังมีหน้ามาสารภาพความผิดโต้งๆ อีก


“จากนั้นคุณซินดี้โมโห สั่งหยุดถ่ายแล้วเดินออกไปเลย”


ฟังเขาเล่า ศานนท์ก็ยิ้มขำเหมือนรู้อยู่แต่แรก


“ฉันก็คิดแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้  ซินดี้ก็อารมณ์ร้ายเแบบนั้นแหละ ที่เธอไม่ทำอะไรหุนหันมากนักก็เพราะฉันนั่งอยู่ในห้องด้วย”


ถ้าที่ทำเมื่อกี้ไม่เรียกว่าหุนหัน โลกก็คงหมุนรอบตัวเองโดยใช้เวลาสามร้อยหกสิบห้าวันแล้ว!


“แปลว่าคุณตั้งใจส่งผมเข้าปากเสือแต่แรกแล้ว?” เขาย้อน


“...ก็ซินน่ะเป็นมือดี เสียอยู่อย่างเดียวก็ตรงเธออารมณ์ร้าย เจ้ากี้เจ้าการ เด็กฝึกส่วนใหญ่เลยอยู่ไม่ยืด”


“โถ่ คุณ! ผมโดนด่ายับซะขนาดนั้น ประสบการณ์ก็ไม่มี ไหนจะใช้เส้นคุณเอีก นี่คุณคิดว่าผมจะไม่ถอดใจเหรอ?” ตุลย์ถอนหายใจ


เพราะแม้แต่ตอนนี้เขาก็ไม่แน่ใจว่าควรไปต่อหรือเปล่า...


จริงอยู่ที่เขาอยากได้งานถ่ายแบบ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันช่างทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่มดตัวเล็กๆ ที่อยู่แต่ในโพรงไม้ ไม่เคยได้สัมผัสโลกกว้าง และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมัน เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่มั่นใจ


คงดีกว่าถ้าเขาไม่ได้อาศัยเล่นสายของศานนท์ เพราะเมื่อล้ม อย่างน้อยเขาก็เจ็บโดยที่ไม่ต้องลากชื่อเสียงอีกฝ่ายเข้ามาเกี่ยว


“ไม่ใช่ว่าที่เธอดั้นด้นจะเรียนที่ม.นี้เพราะมันเป็นความฝันของเธอเหรอ?” คำถามนั้นทำเขาจุกอึก


ถ้าหากไม่คว้าโอกาสนี้ จะมีโอกาสไหนที่เขาคว้าได้อีก?


ถึงอย่างนั้น เขาก็ยัง...


“เฮ้” ศานนท์แตะหลังตุลย์เรียกสติ


“ไม่มีใครพร้อมสำหรับทุกเรื่องหรอก ทุกคนก็เริ่มเรียนจากศูนย์ทั้งนั้น เธออาจจะเริ่มต้นไม่พร้อมคนอื่น แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเธอไม่ควรที่จะเริ่มต้น”


“......”


“ครั้งนึงฉันก็เคยเหมือนเธอ ...มันไม่ราบรื่นหรอก การเริ่มต้นน่ะ แต่เธอจะไม่เสียใจกับผลลัพธ์ที่ได้จากมัน”


เขาเงียบฟังและช่างใจ ศานนท์จึงถามกลับ


“เจอแบบนี้แล้ว เธอยัง ‘อยาก’ ทำต่อหรือเปล่า?”


“อยาก...” ตอบโดยไม่ต้องคิดเลยสักนิด


“ถ้าอย่างงั้น มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว” หนุ่มใหญ่รวบรัดให้เสร็จสับ


“ครับ ผมจะทำต่อ”


“ดี”


อีกฝ่ายพยักหน้า ก่อนโอบเอวเขา แล้วยื่นน้ำดื่มให้


“ดื่มสิ แล้วค่อยไปคุยต่อที่ห้องรับรอง”



ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เอาเข้าจริงแล้ว ตุลย์ก็ถูกเฉดหัวออกมาอ้อมๆ ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าไปยืนได้แค่ไม่กี่วินาที ด้วยประโยคว่า ‘ซินดี้อยากคุยกับคุณศานสักครู่นะคะ’ ก่อนจะปรายสายตาคมกริบปานมีดพร้ามายังเขา


ถูกไล่ เขาก็จำใจต้องมายืนมองทั้งสองคนคุยกันผ่านกระจกอยู่ข้างนอก พอจิตนการถึงบทสนทนาก็คิดออกแต่ว่าจะโดนด่าเรื่องอะไรบ้าง

ผ่านไปสักพักใหญ่ประตูก็เปิด ซินดี้เดินออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เธอหยุดตรงหน้าเขา มองตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนประเมินราคาเสื้อผ้าที่ใส่ก็ไม่ปาน


“รู้มั้ยคะ วงการนี้ เจ้ปั้นมาหลายคนแล้ว และไม่เคยมีใครที่ไม่ดัง”


เธอเชิดคาง ก่อนจะยื่นนามบัตรให้ด้วยสายตาประหนึ่งเขาเป็นนักโทษที่ทำผิดร้ายแรงมหาศาล


“มาหาเจ้วันจันทร์ตอนเย็น เดี๋ยวเจ้จะเทรนงานให้ ปกติไม่มีเวลาให้หรอกนะคะ แต่ห็นว่าตั้งใจ”


ตุลย์กล่าวขอบคุณ


“อือฮึ” เธอขานในคอ ก่อนจะหันไปขอตัวลาหนุ่มใหญ่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มผิดกัน


“งั้นตกลงตามนี้นะคะคุณศาน ซินดี้มีดีลงานกับลูกค้าข้างนอกต่อ ขอตัวลาค่ะ hope to see you more often ค่ะ”


ล้ำลากันอย่างไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก พวกเขาก็ลงลิฟท์กลับ


--------------------------------------
โอยยยย เกลียดตัวเองง หายไปนานอีกแล้วว ขัดเสร็จแล้วค่า
รบกวนฝากเพจด้วยนะคะ อุอิ

https://www.facebook.com/Iamcaramella

มีใครรอซีนแนวใต้ดิน ไล่ล่ามาเฟียกันอยู่หรือเปล่าาาา 55555+
ใบว่าอีกไม่กี่ตอนนี้จะแอบมีเรื่องใต้ดินๆ เข้ามาเกี่ยว
ยังไม่บอกค่ะ เดี๋ยวไม่สนุก แต่แอบเตือนก่อนเลยว่า เรื่องนี้ไม่ค่อยมีอะไรใต้ดิน (ทั้งเรื่องนี่ยังไม่ใต้ดินอีกเรอะ?)
จะไม่มีอะไรแบบ view finder แน่นอน 555+
(พอนึกถึงงานวายทีไรเรื่องนี้แว่บมาตลอด พูดไปใครก็รู้จัก)
สุดท้ายขอบคุณนะคะที่ยังไม่ทิ้งกัน ไม่กล้าสัญญาอะไรแล้วว ฮื่อๆๆ!!

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
15th Night : สปอนเซอร์


“...คุณพูดอะไรกับคุณซินดี้เหรอครับ จู่ๆ เธอถึงได้ยอมรับผม” ถามขณะที่ลิฟท์ค่อยๆ เคลื่อนตัวลงไปยังชั้นลานอดรถ


“ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่บอกไปว่าเธออยากได้งานนี้จริงๆ”


“เหรอครับ”


ตุลย์รำพึง คำตอบนั้นไม่น่าแปลกใจ ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนออกปากเสนอโอกาสให้เขาเอง...


ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้ว ผลงานจะออกมาเหลวเป๋วไม่มีชิ้นดีก็เถอะ


“...ฉันรู้จักซินดี้มานาน ก่อนที่เธอจะเข้าวงการแมวมองอีก  จะขอให้ช่วยเรื่องเล็กแค่นี้มันไม่ได้ลำบากอะไร”


“ครับ ผมก็พอเดาออกว่าพวกคุณสนิทกัน”


“ทำไมคิดแบบนั้น?” ศานนท์เหลือบมองเขา


 ก่อนจะยิ้มมุมปาก เมื่อตุลย์ยักไหล่ราวกับว่าทุกอย่างมันชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่แล้ว


“ก็ใช่... ชัดจนเธอดูออกเลยเหรอ?”


“พวกคุณสองคนคุยกัน ปล่อยให้ผมเก้อตั้งนานสองนาน อีกอย่างเธอก็เรียกชื่อเล่นคุณชัดขนาดนั้น เป็นใครก็ดูออกว่าพวกคุณสนิทกัน”


“อือฮึ”


ศานนท์พยักหน้าคล้ายกำลังทำความเข้าใจ

“พูดแบบนี้ แปลว่าฉันทำเธอหึงเปล่า?”


สบกับแววตาขี้เล่นคู่นั้น ตุลย์ก็เค้นยิ้มแล้วเอนหลังพิงผนังลิฟท์


ศานนท์ไม่พูดอะไรแบบนี้มานานแล้ว ...วันนี้นึกยังไงจู่ๆ ถึงอยากหยอกเขาขึ้นมา


“...ก็แล้วถ้าผมหึงล่ะ คุณจะทำยังไงครับ?” 


ถูกหยอกกลับ อีกฝ่ายก็เลิกคิ้วคล้ายไม่เชื่อ “...แต่ถ้าเธอหึงจริงๆ ฉันก็ดีใจ”


“แล้วจะไม่เสียใจที่เล่นกับความรู้สึกผมหน่อยเหรอครับ? ก็คุณเป็นคนทำผมหึงแท้ๆ ฟังแบบนี้แล้วน่าน้อยใจจัง” ตุลย์แกล้งถอนหายใจยาวเสมือนประโยชน์เมื่อครู่ช่างทำร้ายจิตใจ


หนุ่มใหญ่เห็นเข้าก็ส่ายหัวทั้งที่อมยิ้ม


“เธอนี่นะ ตุลย์”


“ก็คุณหยอกผมนี่”


“..........”


คราวนี้ศานนท์หัวเราะ ไม่มีคำตอบ แต่แววตาที่มองกลับมานั้นทั้งขบขันและเอ็นดู ขณะเดียวก็แฝงความรู้สึกล้ำลึกข้างใน


เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการสื่ออะไร แต่สิ่งที่สะท้อนออกผ่านแววตานั้น มันช่างน่ามองและชวนให้รู้สึกอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก...

ติ้ง!


จมดิ่งอยู่ในความคิดชั่วขณะเดียว เสียงลิฟท์เตือนก็ทำให้เขาถอนสายตากลับมา เพียงเสี้ยววินาทีต่อจากนั้น  ประตูก็เปิดออก ตุลย์ผงะผึงเพราะไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะถอยหลังกรูดเข้าไปด้านในติดผนังเร็วจี๋ ตอนที่ชายอายุราวสามสิบหอบกระเป่าเอกสารสวนเข้ามา


“ลงชั้นไหนครับ?”


เป็นหนุ่มใหญ่ที่เอ่ยถามอย่างแนบเนียนไร้ที่ติ โดยไม่ลืมส่งส่งยิ้มบางๆ ให้เขา ผ่านเงาสะท้อนที่ฉายชัดบนผนังอลูมิเนียมราวกับรู้ว่ามองอยู่


ตุลย์กรอกตา


แต่ไอ้ที่เขาทำเมื่อกี้ ...มันก็น่าขันจริงๆ นั่นแหละ


พอหวนนึกถึงท่าทางที่ราวกับเด็กซ่อนความผิดจากพ่อแม่ ตุลย์ก็พาลอยากหัวเราะออกมาดื้อๆ สุดท้ายเขาเลยตีเนียนปิดปากไอกลบเกลื่อนไปตามเรื่องตามราว คนอื่นจะได้ไม่ผิดสังเกตุ


ไม่นานลิฟท์ก็ลงมาถึงลาดจอดรถ เท้าเหยียบพื้นปุ๊บ ก็ถูกหนุ่มใหญ่ถามถึงเรื่องมื้ออาหารเป็นอย่างแรก


“มื้อกลางวันนี้เธออยากทานอะไร?”


เขาส่ายหน้าเป็นเชิงว่า ‘อะไรก็ได้ไม่เรื่องมาก’


“คุณเถอะ ไม่ต้องกลับไปทำงานเหรอ?”


ปกติแล้วศานนท์ไม่คนที่มีเวลาเหลือมาเททิ้งเทขวาง


แต่...



“พาเธอหาอะไรกินก่อน เดี๋ยวค่อยกลับ”


“เอางั้นเหรอครับ” เขาเลิกคิ้ว “ถ้าคุณเสียงานเสียการเพราะผมขึ้นมาไม่รู้ด้วยนะ”


“ตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรเสียหายนี่?”


ได้รอยยิ้มมั่นอกมั่นใจเป็นคำตอบแบบนี้ ตุลย์ก็ไม่รู้มัวโอ้เอ้อีกทำไม มื้อกลางวันคราวนั้นจึงจบลงที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยนซึ่งอยู่ถัดจากสตูดิโอไปไม่ไกลนัก




...แต่ราวกับว่าจะกลัวเสียงานเสียการเพราะเขาจริงๆ หลังจากที่ศานนท์มาส่งเขาคราวนั้น หนุ่มใหญ่ก็วุ่นกับงานจนแทบไม่มีเวลาว่างอีก ฝ่ายนั้นจึงแก้ปัญหาด้วยการส่งคนมารับเขาที่มหาวิทยาลัยในเย็นวันจันทร์แทน ก่อนจะดิ่งตรงมายังสตูดิโอ


เขามาตามเวลานัดที่รับปากกับซินดี้ไว้ ซึ่งบรรยากาศความเป็นไประหว่างพวกเขาทั้คู่ก็ยังคงตึงเครียดเหมือนครั้งที่แล้วไม่มีเปลี่ยนแปลง


เห็นทีที่ศานนท์พูดจะเป็นเรื่องจริง เพราะพอไม่มีฝ่ายนั้นแล้ว ระดับความฟาดงวงฟาดงาของซินดี้ก็คล้ายจะเพิ่มขึ้นตามเวลาที่เจ้าตัวต้องเหยียบพื้นแผ่นดินผืนเดียวกับเขา


หลังจากดันทุรังให้เขาแก้ท่าโพสอยู่นานครึ่งค่อนชั่วโมง เธอก็หัวเดินกระทืบเท้าตึงตังออกไปสงบสติอารมณ์ ทิ้งช่างภาพและสตาฟไว้กับเขา พอคุมสติได้ก็กลับเข้ามาสอนต่อ แต่ก้นติดเก้าอี้ได้ไม่เท่าไหร่ก็ปรี๊ดแตกอีก


 “โอ้ย! หยุดเลยค่ะ เจ้จะบ้าตายอยู่แล้ว นี่หนูได้เรียนอะไรจากที่ม. มาบ้างคะลูก ทำถึงได้ underqualified ขนาดนี้!”


ว่าพลางก็สับสันพัดจีนที่ถือมาเข้าคู่กับกี่เพ้ายาวใส่โต๊ะเสียงดังตึ่ง


“ฝีมือแบบนี้จะไปถ่ายคู่กับนางแบบคนอื่นได้ไงยะ นี่หล่อนเป็นเด็กคุณศานประสาอะไรเนี่ย!”


ตุลย์ได้แต่ถอนหายใจแรง เอ่ยขอโทษรอบที่สามสี่ร้อยไปตามระเบียบ เพราะตัวเขาเองก็หมดความอดทนทกับการต้องอยู่ภายใต้บรรยากาศเคร่งเครียดที่ทำให้หายใจไม่ทั่วท้องแบบนี้แล้วเช่นกัน


 “เอางี้นะคะ...”


ซินดี้ยกมือกุมหัวก่อนจะหลับตายอมจำนน


“สัปดาห์นี้ไม่ต้องทำมาหากินอะไรกันทั้งนั้น เลิกเรียนแล้วมาหาเจ้ เดี๋ยวจะเริ่มสอนใหม่ตั้งแต่พื้นฐาน ถ้าส่งหล่อนไปถ่ายสัปดาห์หน้าในสภาพแบบนี้ เครดิตเจ้คงได้หลอมละลายหมดภายในวันเดียว เข้าใจมั๊ย!?”


“.......”


ในเมื่อตกปากรับงานมาแล้ว ตุลย์ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจำใจต้องทิ้งก๊วนเพื่อนไว้ที่ชมรม ส่วนตัวเองก็ขอตัวตรงดิ่งมาที่สตูดิโอทุกเย็น


คงเพราะต้องมาหมกตัวซ้อมอยู่เป็นประจำ โดยมีผู้ร่วมชาตากรรมเป็นช่างกล้องจำเป็นและสตาฟกลุ่มเล็กๆ พวกเขาจึงมีโอกาสได้ทานข้าวเย็นร่วมกันอยู่บ่อยๆ เนื่องจากซินดี้มักสั่งเลิกกองดึกๆ ดื่นๆ


นานวันขึ้นก็เริ่มสนิทกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังโดนเธอด่าว่า ‘สอนไม่จำ’ อยู่บ่อยๆ


ทีแรกก็กดดัน แต่พอถูกด่าจนชินหูนานๆ ตุลย์ก็ไม่ค่อยได้เก็บมันมาคิดนัก จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญในชีวิตประจำวันๆ หนึ่ง... เรียกว่าถ้าไม่โดนเธอด่า ก็เหมือนมาไม่ถึงสตูดิโอ





“ไปลองเสื้อตัวนี้ออกมาแล้วถ่ายให้เจ้ดูหน่อย”


วันดีคืนดี จู่ๆ ซินดี้ก็ยื่นเสื้อฮู้ดหนังสีดำให้อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ตอนที่ตุลย์เพิ่งปลดกระเป๋าโยนปุ๊บนเก้าอี้อย่างคนเพิ่งมาถึง


“วันนี้จะถ่ายธีมนี้เหรอครับ?”


ซินดี้ไม่ตอบ แค่พยักหน้า “ไปๆ รีบๆ ลอง เจ้นั่งรอหล่อนจนรากจะงอกละย่ะ!”


ถูกเธอเร่ง ตุลย์ก็รับเสื้อมาสวมทับอย่างไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก


แต่จากประสบการณ์ที่อยู่กับเธอมาเกือบครบสัปดาห์ เขาก็ได้เรียนรู้ว่า ...บางครั้งไม่ต้องเข้าใจก็ได้


“ช่างกล้องเตรียมพร้อมนะคะ?”


ซินดี้กวาดสายตาเช็คทุกอย่างเป็นครั้งสุดท้าย พอเขาเข้าเฟรม และช่างกล้องให้สัญญาณ เธอก็พยักหน้า


“สาม สอง หนึ่ง เริ่มค่ะ”


การถ่ายเริ่มต้นขึ้นเหมือนทุกวัน โดยที่ทุกคนต่างต่างรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง ตุลย์ขยับตัวไปเรื่อยๆ และหยุดเป็นพักๆ เพื่อให้ช่างภาพได้เก็บภาพของเขา ขณะที่ใช้เสื้อผ้าเป็นลูกเล่นสอดรับกับท่าทางต่างๆ


สิ่งที่น่าแปลกใจคือมันปราศจากเสียงตำหนิ... ซินดี้เพียงแค่มองการเคลื่อนไหวของเขาไปเรื่อยๆ ราวกับผู้ชมที่กำลังชมภาพยนต์ ไม่มีการพูดขัด จนกระทั่งภาพเซ็ตแรกจบลง เธอจึงเข้ามาเลื่อนดูภาพจากช่างกล้องที่ฉายขึ้นจอใหญ่


“โอเค วันนี้พอแค่นี้แหละ” ซินดี้โบกมือบัดเป็นสัญญาที่ทุกคนเข้าใจดีว่าเลิกกอง


...ซึ่งนั่นทำให้ตุลย์ขมวดคิ้ว


“วันนี้มีตรงไหนไม่โอเคหรือเปล่าครับ?”


“ไม่” ซินดี้ตอบกระชับ แต่พอเขายืนละล้าละลัง เธอก็ถลึงตาใส่ “จะยืนรออะไรล่ะยะ เลิกกองแล้ว! ไปเก็บของสิ จะได้กินข้าว ไม่มีตรงไหนต้องแก้ I’m satisfied, you know?”


พูดจบก็เดินหนี


 “เอ้า! จะตามมาก็ตาม เจ้สั่งพิซซ่าไว้ที่ออฟฟิศ ให้เด็กเอาขึ้นมาละ ใครจะกินก็ไปกินที่ออฟฟิศแล้วกัน ช้าอดหมดนะยะ”


สิ้นเสียงเธอทั้งกองก็ฮือฮา ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มทิ้งข้าวของ แห่ตามหลังเธอกลับออฟฟิศกันอย่างเร็วเหมือนฝูงอีแร้งลงซากวัวชนิดที่แทบหายวับในพริบตา


หลังจากที่หยิบกระเป๋า ตุลย์ก็ตามทุกคนกลับไปที่ออฟฟิศประจำ


แต่พอเปิดประตูเข้ามา เขาก็เจอกับซินดี้ที่กำลังจ้องเขม็งรออยู่ พลางชี้นิ้วใส่โซฟาฝั่งตรงข้ามยิกๆ


“มานั่งๆ”


“ทำไมเหรอครับ?”


“ทำไมอะไรยะ อุตส่าห์เป็นโค้ชให้ขนาดนี้ ฉันจะอยากรู้เรื่องส่วนตัวหล่อนบ้างไม่ได้หรือไงห๊ะ?” ซินดี้ยืนกรานด้วยสีหน้าประหนึ่งนางยักษ์


ที่นั่งตรงอื่นก็เต็มหมดแล้ว ครั้นจะให้เขายืนเก้อก็เสียมารยาทเกินไป ตุลย์จึงจำใจนั่งลงอย่างเสียไม่ได้ ครั้นพอก้นเขาแตะเก้าอี้ปุ๊บ เธอก็ยิงคำถามใส่


“เธอรู้จักกับคุณศานมานานแล้วเหรอ”


“ไม่ครับ แค่ประมาณสามสี่เดือน”


เธอพยักหน้าเข้าใจ “แล้วไปเจอกันได้ยังไงล่ะเนี่ย”


“เขาช่วยผม”


“ช่วยอะไร เรื่องเงินเหรอ?”


“ครับ”


“แปลว่าหล่อนร้อนเงินเหรอ?”


ซินดี้เลิกคิ้ว ปากก็เคี้ยวพิซซ่าหมุบหมับพลางๆ


 “แล้วตอนนี้อยู่ในสถานะแบบไหนกับเขาล่ะ?”


“แล้วคุณเป็นอะไรกับคุณศานนท์ล่ะครับ คุณถึงได้อยากรู้” ตุลย์ย้อน เมื่อคำถามมันชักจะซอกแซกเรื่องส่วนตัวเกินเหตุจนเขาเริ่มอารมณ์เสีย


“ก็เขาเป็นคนที่ฉันปลื้ม จะสาระแนบ้างไม่ได้หรือไงล่ะ”


“.......”


ประโยคอันแสนจะมั่นใจนั้น ทำเอาตุลย์พูดต่อไม่ออก

“แต่ฉันไม่แข่งกับหล่อนหรอกย่ะ เพราะถ้าแข่ง หล่อนก็แพ้ไปนานแล้ว” เธอป้องปากหัวเราะเสมือนว่าได้ชนะตั้งแต่ยังไม่เริ่มเกม แล้วหยิบขวดชาสำเร็จรูปที่วางไว้ข้างๆ มารินใส่แก้ว


“ตอนนี้ฉันอยากรู้ชีวิตความเป็นไปของหล่อน”


“ผมก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องคู่แข่ง” ตุลย์ตอบตามจริง


เขาไม่มีความรู้สึกพิเศษอย่างที่เรียกว่า ‘รัก’ต่ออีกฝ่าย มันเป็นแค่การแลกเปลี่ยนความพึงพอใจระหว่างคนสองคน


ดังนั้นไม่ว่าศานนท์จะมีเด็กซุกไว้อีกกี่สิบคน หรือจริงๆ สัปดาห์นี้ เจ้าตัวจะโกหกว่าติดงานเพื่อหนีไปนั่งแอ้วสาวโดยเฉพาะ มันก็ไม่ใช่กงการอะไรของเขาอยู่ดี


“หือ แน่เหรอยะ?” ซินดี้เลิกคิ้วเหมือนไม่เชื่อ


“คุณศานน่ะออกจะดีเพรียบพร้อม ทั้งนิสัยทั้งฐานะ ถึงจะติดตรงหน้าจืดกับไม่ค่อยดูแลตัวเองไปหน่อย ...แต่ใครจะไปสนใจเรื่องนั้นในเมื่อเขาเป็นสุภาพบุรุษแล้วก็รวยขนาดนั้น”


“......”


“หล่อนน่ะมันร้ายที่จับเขาได้ โดนเทเมื่อไหร่น้ำตาจะเช็ดหัวเข่า”


พูดจบเธอก็จิ๊ปากแล้วหันไปดื่มชา ถึงจะบอกว่าไม่ใช่คู่แข่ง สายตาที่มองก็แสดงความอิจฉาไม่ปกปิด


ซินดี้อยากจะเป็นอะไรกับศานนท์ก็ช่างเถอะ เขาไม่ค่อยอินกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อะไรของเธอหรอก


แต่พอพูดถึงหนุ่มใหญ่แล้ว ตุลย์ก็นึกได้ว่ายังมีอีกอย่างที่เขาข้องใจ


“เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณศานนท์มีฐานะ” เขาท้าวความ “แล้วเงินที่ว่า ...เขาได้มาจากงานแบบไหนเหรอครับ”


“อะไรยะ หล่อนไม่รู้เหรอ!?” ระดับเสียงของเธอแทบจะเข้าขั้นอุทาน


 ตุลย์แค่ส่ายหน้า พลางหวังว่ามันจะไม่ใช่เรื่องต้องห้ามอะไรที่เขาไม่ควรสาระแน


“แสดงว่ายังไม่เคยตามเขาไปออฟฟิศล่ะสิ”


เธอถอนหายใจเอือมๆ ราวกับจะด่าว่า ‘นังเด็กนี่ช่างโง่เขลาเบาปัญญา’  ก่อนจะยัดขวดชาใส่มือเขา


“รู้จักไอ้นี่มั้ย”


ตุลย์พิจารณาขวดชาสำเร็จรูปในมือซึ่งมีตราดอกไม้ขาวอยู่บนฝา ยี่ห้อนี้มักจะพบได้บ่อยๆ ตามร้านสะดวกซื้อ ซึ่งแม้แต่เขาเองก็เคยซื้อดื่ม


“ครับ”


“ก็ไอ้นี่หล่อนถืออยู่นั่นแหละ คือโปรดักส์ของคุณศานเขา”


“คุณหมายถึงเจ้าของชา...?”


ห๊ะ?


ตุลย์ยิ่งคิดก็ยิ่งขมวดคิ้ว เขามองหน้าซินดี้อยู่นานราวกับเพิ่งถูกหลอกด้วยคำโป้ปดที่เป็นไปไม่ได้


เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีฐานะก็จริง แต่คิดว่าเป็นธุรกิจขนาดกลาง ไม่ใช่ของที่ทำรายได้ปีละหลายพันล้านแบบนี้! แปลว่าตลอดเวลาที่สามสี่เดือนที่ผ่านมานี้ เขาใช้อยู่กับคนที่มีเงินมหาศาลพอจะเอาไปโปรยทิ้งในแม่น้ำเล่นได้งั้นเหรอ!?


คิดถึงวีรกรรมที่เคยทำ ตุลย์ก็พาลหนาวสันหลังขึ้นมาดื้อๆ


และราวกับรู้ว่าเขายังไม่อยากเชื่อ...


“โน่น”


เธอชี้ไปยังมุมห้องซึ่งมีชาอยู่อีกหลายลัง ส่วนข้างๆ นั้นคือน้ำดืมยี่ห้อหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนแคมเปญถ่ายภาพจะที่เริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า


 “พวกนั้นคือบรรณาการจากสปอนเซอร์ กินกันจนเป็นเบาหวานตายได้สิบชาติ”


เห็นแล้วก็ได้แต่เก็บความรู้สึกตื่นตะลึงที่ตีกันจนมั่วไว้ในใจ


แบบนี้เหรอ สปอนเซอร์ที่ศานนท์พูดถึง...


“ทีนี้เข้าใจหรือยัง ไอ้คำว่ารวยที่ฉันหมายถึงน่ะ?”


---------------------------
กลับมาแล้วค่าทุกคนนน สงกรานต์ที่หายวับไปเลยเพราะ ปั่นหนูตุลย์คู่กับ CV 5555+
เส้นทางความเป็นผู้ใหญ่นี่มันลำบากจริงๆ อยากกลับไปเป็นเด็กไม่รู้จักโตเกาะขาพ่อแม่ #โดนต่อยเพราะเป็นปลิง :hao5:

ทีนี้เราก็เฉลยความลับหนึ่งอย่างของลุงกันไปแล้ว มีความลับอีกหลายอย่างเลยล่ะค่ะ สำหรับคาแรกเตอร์ของศานนท์
มีใครรู้สึกหรือเปล่าว่าโปรไฟล์ลุงนี่ไม่หรูหราฟู่ฟ่าเหมือนเสี่ยคนอื่นเลยน้า! อย่างเพิ่งย่ามใจค่ะ 555+ ตอนหน้า(ตอนที่ 16 เด้ออ ไม่ใช่ 15.2 แฮร่!) :hao7:
พบกับการไล่ล่า(?) จะมันส์หรือจะกร่อยต้องรอดู
แต่งานนี้มีวิ่ง มีปืน มีดริฟท์รถ 5555+

นี่เมลล่าพานักอ่านไปจักรวาลคู่ขนานหรือไงเนี่ย ถถถถถ
ส่วนสำหรับเรื่องภูมิหลังของลุง ขอให้ดูกันไปยาวๆ ค่ะ ลุงมีเหตุผลน้า ที่ทำไมไม่ขับสปอนท์หรูๆ แพงๆ เฟี้ยวฟ้าว หรือซื้อคฤหาสเลี่ยมทองแพงๆ #โดนต่อย
แต่ตัวเหตุผลก็ไม่ได้พิเศษอะไรมากค่ะ เพียงแต่มันมีเบื้องหลังอยู่ อิอิ #ลุงปลงแล้ว

สุดท้ายขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากค่ะ รบกวนฝากเพจเช่นเคย
https://www.facebook.com/Iamcaramella
แล้วจะรีบกลับมาต่อเจ้าค่ะ
เมลล่าต้องไปเตรียมตัวสัมภาษณ์ก่อน สวัสดีสงกรานต์ย้อนหลังค่ะ  :mew1:


Edit: แก้ไขข้อมูลตามคอมเม้นท์ที่ 291 (คุณ alternative)แล้วเจ้าค่าา
เนื่องจากเมลล่าไม่มีความรู้ด้านนี้เลย หากพบจุดไหนที่ไม่สมเหตุสมผล ไม่สนุก หรือคิดว่ายืดไป
สามาถท้วงเมลล่าได้เลยค่า
 กราบขอบพระคุณอีกรอบ
  :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2018 21:23:40 โดย Caramella »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

พอบอกว่าลุงเป็นเจ้าของน้ำใส่สีใส่กลิ่นใส่น้ำตาลแล้วเนี่ย  อิมเมจคนนั้นก็มา  ตาย ๆ รับไม่ได้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เจ้าของกิจการพันล้าน น้ำหวานดอกเก็กฮวย เสี่ยน่าจะหล่อบ้างล่ะ มองบางมุม

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เจ้ซินสอนตุลย์แบบคนมีความอิจฉาในใจ หรือเจ้เกรี้ยวกราดเป็นปกติอยู่แล้วกันเนี่ย
ที่แน่ ๆ น้องตุลย์น่วม ฮ่า ๆ ๆ ๆ

รอลุ้นระทึกกับการไล่ล่า (เอ๊ะ! คุณศานไล่ล่าน้องตุลย์ป่ะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ)

ปล. 1 "ออฟฟิศ" สะกดแบบนี้ค่ะ
ปล. 2  ขออนุญาตให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ ตลาดชาพร้อมดื่มต่อปี 2560 มีมูลค่า 14,000 - 15,000 ล้านบาท  (ทุกยี่ห้อรวมกันนะ) และตลาดน้ำดื่มบรรจุขวดมีมูลค่า 40,000 ล้าน ดังนั้นรายได้ของคุณศาน (ถ้าเป็นรายยิบย่อย) น่าจะมากกว่า "เกือบร้อยล้าน" ไปเป็น "หลายร้อยล้าน" ส่วนกำไร (ซึ่งจะเป็นรายได้จริง ๆ เขากระเป๋าส่วนตัวคุณศานแบบที่เหลือจากหักต้นทุนนู่นนี่แล้ว) อาจจะหลักหลายสิบล้านหรือร้อยล้านต้น ๆ  ค่ะ  ฝากไว้พิจารณาเพื่อความสมจริงค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-04-2018 16:38:35 โดย alternative »

ออฟไลน์ ANIKI.

  • 兄貴
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
โอ้โห รวยแบบ ไม่ลืมหูลืมตาเลยคุณผู้ชม

ออฟไลน์ benicezii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทำไมแว๊บแรกนึกถึงคุณตัน 555555

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บอกว่าเฮียขายสาหร่ายทอดยังจะดูดีกว่าขาย
 น้ำชาดอกไม้ขาวนะ  :hao4:

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
TALK:
รู้สึกวรั้ยยยยย สุดๆ เรื่องอิมเมจคุณศานนท์ 55555
ตอนนี้แรกเมลล่าไม่ได้คิดถึงคุณ ต. เลย พอนักอ่านพูด คิดตาม ทีนี้ฮาเฉยยยย 5555555+ นั่งหัวเราะอยู่คนเดียว
ตอนแรกนึกนานมาก ว่าจะเลือกธุรกิจอะไรดี ขนม ปากกา ตู้เย็น ยางลบ น้ำเปล่า คิดไปคิดมากลัวว่าทุกคนจะนึกภาพตามลำบาก (ไม่รวมน้ำเปล่าค่ะ น้ำเปล่านี่กลัวจะรวยเกินไป เพราะตัวเมลล่าเองก็ซื้อเยอะม๊วกกกเวลาไปข้างนอก ขวดนี่เรียงตั้งเต็มบ้าน ทำลายโลกสุดๆ ฮื่อออ)
สรุปสุดท้ายก็เอ้อ ชาละกัน เข้าใจง่ายดี ไม่ได้นึกว่าทุกคนจะนึกไปถึงคุณต. จริงๆ แต่ก็นับว่าชาเลนช์ดีค่ะ อิอิ เข้าคอนเซ็ปต้นเรื่องว่าถ้าเสี่ยไม่เฟอเฟค เนื้อเรื่องจะถูไถไปต่อได้มั้ย

ขอโทษที่หายไปนานนะคะ ว่าจะมาตั้งนานแล้ว แต่เมลล่าดันบิ้วไม่ขึ้น เขียนยังไงก็ยังรู้สึกว่าคสพ. หนูตุย์กับคุณลุงศาน ไม่บรรจบกันสักที ตอนนี้เขียนไว้ถึง 16.1 ขัดเสร็จน่าจะลงต่อได้พรุ่งนี้เลย
ด่าได้เจ้าค่ะ เมลล่าจะได้ขยัน เวลาไฟลน ถถถถ

ไม่พูดมากแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ให้คำแนะนำนะคะ เมลล่าแก้ไขตอนที่แล้วเรียบร้อย สามารถติติงได้เรื่อยๆ หากคิดว่าไม่สมเหตุผล หรือเรื่องยืดไป ขอบคุณม๊วกๆ ค่า
-----------------------------------------------------------


15.2


 “ที่คุณซินดี้เล่ามา... เป็นเรื่องจริงเหรอครับ?”


สบโอกาสที่ศานนท์ท้าวความถึงเรื่องถ่ายแบบ ตุลย์ก็ยิงคำถามใส่คนขับทันที


เวลาที่ไม่ค่อยตรงกันทำให้พักนี้พวกเขาทั้งคู่ได้คุยกันไม่บ่อย ศานนท์ยุ่งอยู่กับเรื่องงาน ส่วนเขาก็วุ่นอยู่กับการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานถ่ายแบบ ซินดี้จะได้ไม่ต้องขายหน้าทั้งในฐานะที่เขาเป็นที่เด็กเส้นเข้ามา และเด็กปั้นของเธอ


ส่วนเขากับศานนท์ จะได้เจอหน้ากันทีก็ดึกดื่น สวนกันตรงบันไดบ้าง หรือในห้องรับแขกบ้างตอนที่นึกอยากหาอะไรใส่ปากรอบดึก ซึ่งส่วนใหญ่ก็แค่ทักทายกันเป็นประโยคสั้นๆ


วันนี้เป็นงานถ่ายจริงวันแรกของตุลย์ ซึ่งตามคอนเซปต์ที่นิตยสาร จำเป็นจะต้องมีนางแบบนางและนายแบบคนอื่นๆ นอกจากเขาร่วมถ่ายด้วย คิวงานจึงยืดเยื้อจนปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน ปกติแล้วศานนท์จะให้คนมารอรับ แต่คราวนี้จังหวะเลิกเหมาะเจาะกับเวลาที่หนุ่มใหญ่เพิ่งออกจากบริษัทพอดี ฝ่ายนั้นจึงอาสามารับเขาด้วยตัวเอง


 “ใช่...” ศานนท์ตอบสั้นๆ


“แต่คุณไม่เห็นเคยบอกผม”


“ก็เธอไม่ค่อยถามถึงเรื่องของฉันนี่ ฉันเลยไม่คิดว่าเธอจะสนใจ”


น้ำเสียงไม่ใส่ใจทำเอาตุลย์ไหวไหล่ “สรุปว่าความผิดผมล่ะสิ”


“เปล่า ไม่ได้โทษเธอสักหน่อย”


คงจะชินกับวิธีพูดกึ่งประชดเสียแล้ว ใบหน้าศานนท์ถึงได้ปรากฏรอยยิ้มขบขัน


“ก็ใช่ ฉันเป็นเจ้าของชา ทำไมล่ะ ฉันดูไม่เหมือนเหรอ?”


“ก็ไม่เชิง...”


“ไม่เชิงยังไง?”


 ถูกถามแบบนี้ ตุลย์ก็เอนหลังพึงเบาะ นึกย้อนไปถึงความรู้สึกตอนที่เดินเข้าบ้านเจ้าตัวครั้งแรก


จริงอยู่ที่บ้านของศานนท์ถูกออกแบบและตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์อย่างดีชนิดที่ว่า ต่อให้เขาไม่ใช่สถาปนิกก็เดาออกว่าราคาเบ็ดเสร็จคงไม่ต่ำกว่าสามสิบล้านเป็นอย่างน้อย ไหนจะโรงจอดรถที่เป็นส่วนต่อเติม สระน้ำพุสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงสวนหลัง และความจริงที่ว่าบ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนทำเลราคาแพงอีก


เขารู้ว่าศานนท์เป็นคนมีฐานะตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น เป็นสุภาพบุรุษ และแน่นอนว่าบางครั้งก็เป็นจอมฉวยโอกาส


เพียงแต่ไม่เคยคิดว่า คนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังละร้อยกว่าล้านทั้งที่หาเงินเหล่านั้นได้ในเวลาไม่กี่เดือน ไม่มีรถสปอร์ตจอดไว้เป็นคอลเลกชั่นในบ้าน แถมยังทำงานไปกลับหลายๆ วัน มันช่างดูเลือนรางเกินกว่าจะเชื่อว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าของธุรกิจที่กุมอำนาจทางการเงินมากมายมหาศาลขนาดนั้นเสียเหลือเกิน


แต่จะให้ตอกหน้าอีกฝ่ายว่า ‘ไม่อยากจะเชื่อ’ หรือ ‘คุณต้องล้อผมเล่นแน่’ เขาก็ไม่ขอเสี่ยงชีวิต


“คุณก็แค่... ไม่เหมือนที่ผมจิตนาการเอาไว้เท่าไหร่”
 

ตุลย์เลือกตอบอย่างคลุมเครือแทน ความเงียบโรยตัวอยู่ชั่วครู่หลังสิ้นประโยค จวบจนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะในคอแกมขบขันระคนเอ็นดูจากเจ้าของรถเมื่ออีกฝ่ายทำความเข้าใจนัยยะที่เขาสื่อ


“เธอหมายถึงเรื่องที่ฉันไม่มีคฤหาสน์ใหญ่ๆ รถหรูๆ อย่างลีมูซีน หรือ สปอร์ตคาร์จอดเก็บไว้ ไม่มีบอดี้การ์ดเพ่นพ่านตอนกลางคืนเหมือนในหนังน่ะเหรอ?”


“......”


ตุลย์ได้แต่ถอนหายใจเนือยๆ


เขาอุตส่าห์สรรหาพูดให้มันพูดดูน่าอายน้อยลงสำหรับทั้งสองฝ่ายแล้วแท้ๆ!


หัวเราะจนพอใจ หนุ่มใหญ่ก็พูดต่อ


“จริงๆ แล้ว ฉัน ‘เคย’ มี แต่ว่าส่วนใหญ่ปล่อยขายไปหมดแล้ว...”


“ทำไมล่ะครับ”


รอยยิ้มบนเสียวหน้าเจือริ้วรอยคลายลง

“ฉันแค่ไม่อยากเก็บไว้ ...ก็ถ้าการเก็บอะไรสักอย่างไว้มันทำให้เธอนึกถึงเรื่องแย่ๆ ในอดีต เธอก็คงไม่อยากเห็นมันหรอกจริงมั้ย?”


“.........”


คำตอบกว้างๆ ทำให้ตุลย์ไม่อยากซักต่อ ด้วยกลัวว่าจะเผลอไปเหยียบปมอะไรของอีกฝ่ายเข้า เพราะสำหรับคนที่เคยตัดใจ ‘ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง’ อย่างเขา ย่อมเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นดี...


“ว่าแต่เธอเถอะ อยากได้อะไรหื้ม ถึงได้ถามถึงเรื่องนี้?”


ศานนท์ปรายตามองเขาสลับกับถนน “รถ หรือว่าอยากได้เงินไปลงทุนอะไร?”


ประโยคที่ฟังดูเข้าข่ายสถานการณ์ ‘อาเสี่ยเปย์เด็กเลี้ยง’ ทำเอาตุลย์ได้แต่โบกมือไหวๆ ทันที


“ผมไม่มีหัวเรื่องธุรกิจ ไม่มีใบขับขี่ แล้วก็ห่วยเรื่องขับรถ แต่ก็นะ ถ้าคุณอยากหาเรื่องจ่ายเบี้ยประกันเล่นๆ ผมก็ไม่เกี่ยง”


“ไม่มีหัวด้านนี้ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่ เงินแค่นิดๆ หน่อยๆ เธอเอาไปลองทำไรใหม่ๆ ดูก็ได้ ส่วนเรื่องรถ เสาร์อาทิตย์นี้ค่อยไปดูกับฉันสักคัน”


สีหน้าและน้ำเสียงของศานนท์ที่จริงจังเหมือนแยกเรื่องจริงกับมุกตลกบริโภคไม่ออก ทำเอาตุลย์ต้องสะกิดไหล่อีกฝ่ายให้หันมาคุยแบบสบตา


“ผมพูดเล่นครับ ไม่เอารงเอารถอะไรทั้งนั้น ผมขับไม่เป็นและผมไม่ขับ แต่ถ้าคุณจะกรุณา ผมก็ขอแค่คนขับรถ ซึ่งคนขับรถก็มีอยู่แล้ว”


ตุลย์สรุปรวบรัดเสร็จสับ เป็นจังหวะเดียวกับที่หนุ่มใหญ่เหยียบเบรกทำให้รถที่เคลื่อนตัวช้าเพราะการจราจลอยู่แล้ว หยุดลงเพราะติดแยกไฟแดง


“แต่ฉันมี...”


“โอเคผมรู้ว่าคุณมีเงิน คุณรวย คุณเป็นเจ้าของชา... คุณซินดี้ก็พูดแบบนั้น” ว่าไปพลางก็พยักหน้าอือออขอไปที “แต่ผมยังไม่อยากได้ค่าขนมไปลงทุน หรือ ซื้อของเล่นใหม่ตอนนี้ เอาเป็นว่า ไว้ถ้าผมอยากได้จะบอกคุณเป็นคนแรกเลย ผมสัญญา”


 หนุ่มใหญ่เผยรอยยิ้มขบขับเมื่อมันฟังดูเหมือนประโยคที่ใช้เกลี้ยกล่อมเด็กเล็ก “คนแรก?”


“ครับ คนแรก ไม่บอกใครก่อน”


“.......”


ชั่วอึดใจที่สบสานกับแววตาสงบนิ่งอันแฝงด้วยนัยยะ แต่ปราศจากการบีบบังคับ เขาก็เข้าใจได้ไม่ยากว่าศานนท์กำลังเรียกร้องให้จูบ


ตุลย์ขยับเอนกายเข้าหาหนุ่มใหญ่ ก่อนจะเอียงศีรษะ โน้มริมฝีปากจรดกลีบปากอีกฝ่าย แล้วดูดดึงเบาๆ ให้เกิดเสียง หากวินาทีต่อมาก็รู้สึกราวกับร่างถูกไฟฟ้าช็อต ตอนที่ศานนท์ดึงมือไปกุม ก่อนที่กระแสความรู้สึกนั้นจะแล่นวาบไปทั้งกาย เมื่ออีกฝ่ายสอดนิ้วเข้ามาประสานเกี่ยวฝ่ามือไว้ แล้วจูบตอบอย่างอ่อนโยน


สัมผัสนั้นลึกซึ้ง และไม่คุ้นเคย ราวกับเขากำลังชักจูงให้หลงเข้าไปในห้วงอารมณ์ที่ลุ่มลึกจนไม่อาจเข้าใจ


“คุณ...”


ตุลย์ผละออกจากหนุ่มใหญ่ เมื่อจังหวะลมหายใจเริ่มเปลี่ยน ประกอบกับรถข้างหน้าบางส่วนเคลื่อนตัวแล้ว ศานนท์ก็จำใจต้องหันกลับไปจับพวกมาลัยบังคับรถต่ออย่างเสียไม่ได้


ตุลย์เบนสายตาออกนอกกระจก เปลี่ยนมาเท้าคางกับที่พักแขน เลี่ยงบรรยากาศกระอั่กกระอั่วที่เริ่มก่อตัวขึ้นเพราะความเงียบ


แต่ไม่ทันไร หนุ่มใหญ่ก็เรียกชื่อเขาอีก


“ครับ?” ตุลย์กลับไปหาเจ้าของเสียง


“ช่วงนี้เธอติดอะไรหลังเลิกเรียนหรือเปล่า?”


“อืม... ก็มีงานถ่ายแบบของคุณ กับกิจกรรมที่มหาลัยนิดหน่อย”


ศานนท์เงียบ สีหน้าจริงจริงคล้ายกำลังประเมินคำตอบเขา “...ถ้าเป็นไปได้ช่วงนี้ฉันอยากให้เธอกลับบ้านหลังจากเลิกเรียน หรือถ้าจะไปไหน ฉันก็อยากให้เธอแจ้งฉันก่อน”


“ทำไมเหรอครับ?”


“ฉันมีปัญหากับลูกค้าเก่านิดหน่อย เลยอยากให้เธอระวังตัว เพราะฉะนั้นช่วงนี้ฉันจะให้คนคอยดูแลรับส่งหลังเลิกเรียนไปก่อน ตกลงมั้ย?”

เขาแค่พยักหน้า “ครับ ตามใจคุณเถอะ”


ยังไงเสียทุกวันนี้ เขาก็มีคนของศานนท์คอยมารับมาส่งเวลาที่หนุ่มใหญ่ไม่ว่างอยู่แล้ว หากอีกฝ่ายจะเปลี่ยนแปลงลายละเอียดยิบย่อยในชีวิตประจำวันเขาอีกสักหน่อย ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ตุลย์ต้องเกี่ยง


ขอแค่ศานนท์ไม่บีบให้เขาตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ไม่ชอบ เท่านั้นก็น่าจะเพียงพอแล้ว

------------------------------
หมดเรื่องจะพูดแล้ววว อิอิ
ครึ่งตอนต่อไปมาดูกันว่าคุณศานจะทำอะไรกับชีวิตประจำวันของหนูตุลย์
มีตัวละครใหม่ด้วยหนา 555+ (สปอยล์งานตัวเองเหมือนขายของ)
เมลล่าเขียนไว้แล้วพยายามขัดให้เสร็จพรุ่งนี้
ฝากเพจที่ : https://www.facebook.com/Iamcaramella/
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามค่ะ
กาบแบบเบญจางค์รัวๆ 


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
นึกว่าไรท์ทิ้งไปซะแล้ว

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ขอบใจหลายๆ ที่ยังเขียนต่อ รักหนูตุลย์

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เห็นชื่อเรื่อง  เปิดดูทู้ล่าสุด   อุต้ะ   หายไปนานหลายเดือนเชียว   เกือบลืมไปแล้วว่ามีเรื่องนี้อยู่ในลิสต์ที่อ่าน

ขอต้อนรับการกลับมาโพสต์นาจา

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
16th Night : หลบหนี


กริ่นกรุยทางไว้กับตุลย์เรียบร้อย เช้าวันถัดมา ศานนท์ก็สั่งเปลี่ยนคนขับรถของเขาทันที ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะยุ่งและออกไปตั้งแต่ช่วงสาย


ส่วนเขาที่มีเรียนแค่คาบบ่ายก็นั่งดูทีวี หาอะไรใส่ปากพลางๆ รอจนได้เวลาที่นัดไว้ ก็คว้ากระเป๋าออกจากบ้าน


ซีดานสีเทามันยี่ห้อดังจอดรออยู่ด้านหน้าแล้ว ที่ตุลย์ต้องทำก็แค่สอดตัวเข้าไปนั่งตรงเบาะหลังอย่างทุกวัน


“เชิญครับ วันนี้ให้ไปส่งที่ไหนดีคร้าบ คุณหนู?” ไม่ทันที่มือจะกระแทกประตูปิด น้ำเสียงขี้เล่นของผู้มาใหม่ก็ทำเอาเขาชะงัก


“ครับ?”


“ก็เผื่อว่าคุณหนูอยากโดดเรียนไง”


คำตอบนั้น ทิ้งให้ตุลย์เลิกคิ้วค้างอยู่เบาะหลัง


...ปกติแล้วคนขับที่ศานนท์ส่งมา โดยมากมักไม่ค่อยยอมสนทนากับเขาตรงๆ หรือหากจำเป็นต้องถาม คำถามส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นทางการเสียจนชวนให้กระอักกระอ่วนอยู่บ่อยๆ ปกติตุลย์จะแก้ปัญหาด้วยการใส่หูฟัง นั่งเล่นโทรศัพท์ หรือไม่ก็พิงกระจกหลับไปดื้อๆ


แต่เหมือนจะไม่ใช่กับวันนี้


“สรุปว่าไปไหนดีครับ เที่ยวทะเล เดินห้างช็อปปิ้ง หรือว่าทานข้าวดี”


เพราะมองหน้าคนขับผ่านกระจกส่องหลังไม่ถนัด ประกอบกับกระแสเสียงของฝ่ายปราศจากความเป็นทางการที่มักชวนให้เขาทำตัวไม่ถูก ตุลย์จึงถือวิสาสะคว้าไหล่เบาะ ชะโงกหน้าผ่านช่องที่พักแขนคนขับ ถามอย่างอดไม่ได้


“ไม่ใช่ว่าคุณศานนท์ให้คุณคอยเช็คว่า ผมไปเรียนมั้ย กลับบ้านตรงเวลาหรือเปล่าเหรอครับ?” 


“ใช่ที่ไหนเล๊า” ว่าไป ฝ่ายนั้นก็ตบพวงมาลัยดังแปะ “เสี่ยก็แค่ให้ผมมาคอย ‘ดูแล’ คุณ ไม่ได้บอกว่าคุณห้ามโดดเรียน ห้ามไปเที่ยว ห้ามไปเถลไถลที่ไหนสักหน่อย”


“แล้วถ้าผมโดดเรียน ไปเที่ยวผับแทน คุณก็รายงานคุณศานนท์อยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ”


“เอ้า ก็ไปอย่าให้เสี่ยจับได้สิครับคุณ”


ตุลย์มองชายอายุราวสามสิบต้นๆ ผิวคล้ำกร้านแดดปานกลาง ท่าทางดูทะมัดทะแมงสมบุกสมบันเกินกว่าจะมานั่งขับรถ ก่อนจะหลุดหัวเราะเมื่ออีกฝ่ายยักคิ้ว ไขว้นิ้วให้เป็นสัญญาณว่า จะไม่บอกหนุ่มใหญ่ถ้าเขาไปแบบเงียบๆ


“นี่สรุปว่าคุณมาดูแลผมหรือมาชวนผมโดดเรียนกันแน่ครับ?”


“ผมก็แค่แนะนำ ไม่ได้บอกให้ทำตามสักหน่อยนี่นา” ชายหนุ่มไหวไหล่


ท่าทางไม่ถือตัวเป็นกันเองนั้น ชวนให้นึกถึงบรรยากาศสมัยตอนมัธยมก่อนที่เขาจะเข้ามาตามหาความฝันที่นี่เสียจริง


“คุณชื่ออะไรครับ?” ตุลย์ถาม หลังจากขำจนพอใจ


“อเนก เรียก เอกก็ได้ครับ แล้วคุณหนู?”


“ผมชื่อตุลย์ ...เรียกผมตุลย์เฉยๆ เถอะครับ ผมไม่ชิน”


แนะนำตัวเสร็จ เขาก็ไถลร่างกลับไปนั่งแปะที่เบาะหลังอย่างเดิม
“แล้วสรุปว่าไปไหนล่ะครับ คุณตุลย์ จะไปเที่ยว หรือไปผับ เพราะถ้าไปผับผมร้านแนะนำอยู่ หรูหรา งานดี บริการใช้ได้”


ไม่ว่าเปล่ายังเสริมคำแนะนำให้เสมือนว่าห่วงใยเสียเต็มประดา เขาเลยต้องรีบเบรกด้วยการส่ายหน้า ก่อนที่อีกฝ่ายจะคิดเองว่าเขาอือออตกลง


“ไม่ครับ ไปเรียนครับ ไปเรียน ผมนัดเพื่อนไว้ ถ้าเถียงกับคุณต่อ เดี๋ยวผมจะสายแล้วนะ”


อเนกหัวเราะ “ผมขับซะอย่างไม่มีหรอก สายเสยเนี่ย”


ไม่พูดเปล่า ว่าจบเจ้าตัวก็เหยียบคันเร่งให้รถซีดานเคลื่อนตัวออกสู่ถนนใหญ่จราจลคับคั่งอย่างทุกวัน


อเนกขยายความให้เขาฟังชัดเจนว่า หน้าที่ของชายหนุ่มคือ ‘ตามดูแลเขา’ ซึ่งนั่นรวมถึงติดตามชีวิตประจำวันของเขาด้วย ฟังดูคงแล้วน่าอึดอัดที่ต้องถูกจับตามองทุกฝีเก้า จนอดคิดไม่ได้ว่าการกระทำของศานนท์อาจเข้าข่ายกระต่ายตื่นตูม


แต่พออเนกเริ่มปฏิบัติจริง เขากลับรู้สึกอิสระมากกว่าที่คิด


ชายคนนั้นตามติดเขาไปทุกที่ แต่วิธีที่อีกฝ่ายกลมกลืนกับบรรยากาศรอบตัว ราวกับเป็นคนธรรมดาที่เผอิญเดินสวนกันได้อย่างดีนั้น ทำให้ตุลย์ใช้ชีวิตประจำวันปกติได้โดยแทบไม่รู้สึกอะไร และที่สำคัญคือ ฝ่ายนั้นจะไม่ก้าวก่ายการตัดสินใจของเขา ไม่ได้บังคับให้เขากลับบ้านก่อนเวลาเคอร์ฟิลหรือทำอะไรเทือกๆ นั้น ตราบใดที่เขาไม่มีความลับปิดบังกับทั้งเจ้าตัวและศานนท์


เป็นเรื่องน่าแปลกนักที่พออเนกแทรกซึมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา เจ้าของใบหน้าซังกะตายที่เห็นบ่อยจนปวดขมับอย่าง ‘เต้’ ก็เหมือนจะหายไปจากสารระบบด้วย


ชายคนนั้นก็เลิกตามติดชีวิตเขา เลิกเข้ามาป้วนเปี้ยนให้เห็นหน้าและถึงแม้ว่าจะเจอกันบ้างในคาบวิชาที่ต้องเรียบรวมกันหลายคณะ อีกฝ่ายก็แสดงให้เห็นว่าหมดความสนใจในตัวเขาโดยสิ้นเชิง จนแม้แต่จี้และแม็กก็ยังสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้


อย่าเข้าใจผิดเชียว! มันเป็นเรื่องดีมากสำหรับเขาต่างหาก
 

อเนกอำนวยความสะดวกให้เขาหลายเรื่อง แถมยังเป็น ไม้กันหมาในคราเดียวกันอีก เรียกได้ว่าอเนกประสงค์สมชื่อสุดๆ จนนึกอยากขอบคุณศานนท์ขึ้นมา


“พี่เอก”


ตุลย์ใช้แขนเท้าโต๊ะม้าหิน พลางเรียกชื่อคนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ฆ่าเวลาอยู่ตรงข้าม


“ครับ?”


คนถูกเรียกเผยสีหน้าแปลกใจนิดหน่อย ขณะเหลือบตาจากหนังสือพิมพ์ขึ้นมามองเขา และผู้มาเยือนอีกคน


ปกติแล้วพวกเขามักทำเหมือนไม่รู้จักกันที่มหาวิทยาลัย จะพูดคุยเฮฮากันปกติก็ต่อเมื่อยู่บนรถเท่านั้น ชายหนุ่มคงไม่นึกว่าอยู่ๆ เขาจะพาเพื่อนมาแนะนำให้รู้จัก แถมยังเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกให้ใหม่เสร็จสับ


“นี่เพื่อนผม แม็ก มันจะขอติดรถไปด้วย”


“คือพี่ รถผมมันเสียอ่ะ” แม็กพูดไปก็ขยี้หัว “ผมโทรเรียกศูนย์ให้มาลากไปละ แต่ขี้เกียจไปยืนแย่งกันโบกแท็กซี่ แล้วบ้านผมมันก็ทางผ่านสตูฯ... ไหนๆ พี่ก็ต้องขับไปส่งไอ้ตุลย์มันอยู่แล้ว ผมเลยจะขอติดรถไปด้วย”


“ตามนั้นครับ ยังไงวันนี้ผมก็ต้องเข้าสตูฯ ไปถ่ายงานต่อ” ตุลย์ย้ำ ไม่ลืมขยิบตาให้อเนก


ย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนต้น เรื่องทั้งหมดเริ่มขึ้นเพราะเขาบังเอิญพลั้งปากแนะนำเพื่อนให้รู้จักอเนกในฐานะ ‘พี่ปีสูงที่จบมาจากโรงเรียนเดียวกัน’ เหตุเพราะเจ้าสาวอย่างจีจี้ดันตาดีเห็นตอนเขาขึ้นรถกลับบ้านกับอีกฝ่าย


พอเกริ่นเรื่องนี้ให้อเนกฟัง ชายหนุ่มก็หัวเราะชอบใจถึงขนาดบอกว่า ‘สงสัยคราวหลังต้องลองกลับไปใส่ชุดนักศึกษาดู’


ตุลย์ส่งซิกให้ปุ๊บ อเนกก็ทำความเข้าใจได้ปั๊บดุจความเร็วแสง


“เออ ได้ เดี๋ยวพี่ไปส่ง จะไปเลยเปล่าล่ะ?”


“ไปเลยก็ดีพี่ รบกวนหน่อยครับ”


 แม็กว่าพลางหยิบเป้พาดบ่า เป็นจังหวะเดียวกับที่อเนกปิดหนังสือพิมพ์ ม้วนมันเป็นแผ่นกลมๆ พอดีมือเหมือนโทรโข่ง แล้วลุกขึ้น


ซีดานที่ชายหนุ่มใช้เป็นประจำจอดอยู่ไม่ไกลจากตึกที่เขาเรียนเท่าไหร่นัก พออเนกกดกุญแจปลดล็อค พวกเขาทั้งคู่ก็สอดตัวเข้าไปนั่ง พิเศษก็ตรงที่วันนี้ตุลย์เลือกนั่งเบาะหน้าเผื่อเพิ่มความสมจริงให้แก่คำโกหก


“พี่เอก พี่จบปีไหนอ่ะ”


 เท้าแตะคันเร่งให้รถเคลื่อนตัวออกไปได้ไม่กี่วินาที แม็กโผล่ก็หน้ามาจากด้านหลัง แล้วยิงคำถามแรกใส่


“ทำไมอ่ะ ถามงี้คือจะบอกว่าหน้าแก่เรอะ?”


“บ้าอ่อพี่ ผมไม่ได้พู๊ด” เจ้าของคำถามลากหางเสียงสูงปรี๊ด “แค่แปลกใจว่าคนอย่างไอ้ตุลย์มันไปรู้จักพี่ปีสูงตั้งแต่ตอนไหน วันๆ ก็เห็นมันอยู่แต่กับพวกผม ...เนี่ยๆ มึงก็ไม่เห็นเคยเล่าให้ฟัง”


ไม่วายหันมาเลิกคิ้วใส่เขาเป็นเชิงถาม


“กูก็มีสังคมของกูมั้ยล่ะ”


“ใช่เหรอว้า มึงอ่ะนะ?”


“เอ้า! ศิษย์เก่าโรงเรียนเดียวกัน เคยเห็นหน้ากันมันก็ต้องจำกันอยู่แล้วเปล่าวะ อย่างกะตุลย์มันหน้าโหล่ เดินผ่านสิบคนเหมือนกันเก้างั้นแหละ” อเนกแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงประหนึ่งรู้จักกันมานมนานปี เนียนชนิดที่ตีบทแตกกระจุย


ทีแรกตุลย์ออกจะหวั่นใจอยู่สักหน่อย เพราะเขาไม่เคยเล่าลายละเอียดเรื่องนี้กับอเนกฟังอย่างจริงจังเลย แต่เจอแบบนี้เข้าไป เขาก็โยนความกังวลทิ้ง


“อ๋อ... อ้าว! แล้วทำไมพี่ต้องไปส่งมันอ่ะ”


“บ้านอยู่ใกล้กัน แล้วก็เผอิญเป็นคนมีน้ำใจ ฮันแหละ... แลไอไร่? เขรถหยู
[บ้านอยู่ใกล้กัน แล้วก็เผอิญเป็นคนมีน้ำใจ นั่นแหละ... มองอะไร? ขับรถอยู่]


“เอ่อ...” แม็กครางในคอ ก่อนจะเกาหัวแกร็กๆ


ดูก็รู้ว่าไม่เข้าใจที่พูดสักนิด พอถามต่อ แล้วได้ประโยคปนภาษาที่ไม่เข้าใจเป็นคำตอบอีก มันก็เลิกถามแล้วหันมาคุยกับเขาแทน


“เออ พุธนี้วันเกิดจี้ มึงรู้แล้วใช่มะ”


ตุลย์คราง ‘อือ’ ในคอ


“กูจองร้านละ ได้ร้านที่ห้าง B ว่ะ อยู่ไกลจากม. เยอะเหมือนกัน มึงรีบคิดเซอไพรส์มาด้วย เซียนนักไม่ใช่เหรอเรื่องจีบผู้หญิงอ่ะ”


“เซียนอะไร มึงมันไม่มีหัวเองมากกว่า” เขาถลึงตาใส่ “ผู้หญิงชอบของจุกจิกน่ารัก มึงก็ไปดูมาให้จี้สักชิ้น ส่วนตอนเซอร์ไพรส์ก็ซื้อลูกโป่งไปด้วย เปลี่ยนจากเค้กขนมโลว์แฟตหน่อยก็ดี เพราะจี้ไดเอทอยู่”


แม็กทำตาเป็นประกายประหนึ่งว่าตุลย์ชี้ทางสว่างให้ “แล้วมึงซื้ออะไร?”


เขาไม่ตอบ แต่เปิดรูปในโทรศัพท์ให้ดูแทน ฝ่ายแม็กก็หรี่ตาชนิดเพ่งมองไข่มด


“อะไรวะเล็กจี๊ดเดียว ผลุบเข้าคอจะทำไง”


“ต่างหูบ้านมึงมีไว้แดกหรือไงล่ะ” สถบคำหยาบต่อท้าย อีกฝ่ายถึงได้ร้องอ๋อ พยักหน้าหงึกหงัก


“แล้วมึงไปกี่โมง”


“เย็นๆ ว่ะ หลังเลิก หกโมงกว่าได้ มึงไปพร้อมกู หรือพี่เอกไปส่ง?”


ตุลย์เหลือบมองอเนก สีหน้าอีกฝ่ายยังนิ่งเป็นปกติขณะที่สายตามองถนน แต่ยังไม่ทันได้ให้คำตอบแม็กก็ร้องเสียงหลงลั่น


“พี่ๆๆๆ! ซอยหน้าบ้านผมแล้ว เดี๋ยวผมลงตรงนี้แหละ!”


อเนกแทบจะเหยียบเบรกทันทีที่สิ้นเสียง ก่อนที่รถทั้งคันจะชะงักกึก แรงหน่วงทำเอาคนนั่งอย่างเขาหัวสั่นหัวคลอนได้เรื่อง ส่วนเจ้าของประโยคที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยแทบหน้าทิ่ม ดีที่คว้าไหล่เบาะไว้ทัน


“โถ๊ะ! บอกช้ากว่านี้ไม่รอให้เลยไปสุไหงโก-ลกก่อนเรอะ”


“’โทษคร๊าบ คุยเพลินนิดเดียวเอง อย่าเกรี้ยวกราดดิพี่ ใจร่มๆ” แม็กโบกมือปัดไหวๆ ไม่ลืมขอบคุณก่อนลงรถ


“สรุปได้ว่ายังไงก็โทรบอกกุแล้วกัน เจอกันไอ้เพื่อนยาก!”


“เออ ได้ เจอกันพรุ่งนี้” เขาโบกมือลา ก่อนจะเบนความสนใจกลับมายังที่นั่งฝั่งคนขับ แล้วเริ่มแจกแจกตารางต่างๆ ให้อเนกฟัง


“วันพุธพี่ไปส่งผมที่ห้าง B ตอนหกโมงได้มั้ยครับ อย่างไอ้แม็กว่า ผมจะไปเซอร์ไพร์ซวันเกิดเพื่อน คงจะกลับบ้านดึกๆ”


 “อย่าหาว่าผมอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ” อเนกเผยรอยยิ้มแกนๆ “แต่ผมว่าเสี่ยคงไม่อนุญาต...”


“ทำไมครับ?” เขาขมวดคิ้ว


“เย็นนี้คุณลองคุยกับเสี่ยเองท่าจะดีกว่า”


-------------------------
หายแต่เค้ายังไม่ตายนะเตงงงงง ฮื่อออออ เมลล่าก็เกลียดที่ตัวเองชอบตันเหมือนกัน เศร้าจริงๆ :hao5:

เปิดตัวละคร อเนก(ประสงค์) อย่างเป็นทางการแล้วน้าพระยะค่า 55555+
หนุ่มใต้ของเฮา เรื่องภาษาใต้ด้านบน หากมีคำแนะนำสามารถชี้แนะเมลล่าได้ตลอดค่ะ
ตอนแรกเมลล่าว่าจะให้เพื่อนที่เป็นคนใต้บรู๊ฟให้ก่อน แต่บังเอิ๊ญนางติดงานบายเนียร์วันนี้พอดี เลยไม่ว่างซะงั้น
สรุปก็คืองานมัวงานแถต้องมาเหมือนเดิมค่ะ ถถถถถ
ตอนหน้า (16.2)เจอคุณศานนท์แล้วหนา มาลุ้นกันว่าหนูตุลย์จะได้ไปงานวัดเกิดนุ้งจี้มั้ย!
แล้วอะไรๆ (?) มันจะราบรื่นหรือเปล่าหนา

ฝากเพจเมลล่าไว้ที่ : https://www.facebook.com/Iamcaramella

ขอบคุณที่มาเม้นท์กันนะคะ ตอนนี้ไม่สงไม่สนแล้ว ยอดเม้นท์จะมากจะน้อย สำคัญคือ
เรื่องนี้จบเหมือนไหร่? นี่มันจะสองปีแล้ว กรี๊ดดดดดดด!!
แต่ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันเจ้าค่ะ!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด