ตอนที่ 15 ไอ้แนทน้อย (น้อยจริงเหรอ)หลังจากเต็มอิ่มกับกิจกรรมเสียวซ่านวาบหวามบนเตียงรับอรุณพอหอมปากหอมคอไปแล้ว ผมก็อาบน้ำแต่งตัว เดินออกจากห้องน้ำก็เห็นพี่แนทนั่งอยู่ที่เตียงดูทีวีอยู่ ไม่รู้ทำไมพอเห็นหน้าพี่เค้าเจ้าความคิดพิเรนท์ๆมันดันผุดขึ้นมา
แต่ละอันนี่ตัวผมเองยังรับไม่ค่อยได้ พี่แนทหันมาบอกผมว่าพี่แดนโทรมาว่าจะไปรอที่ห้องอาหารของโรงแรม ผมพยักหน้ารับรู้แต่ไม่ได้พูดอะไร ก็มันไม่รู้จะพูดอะไรดีนี่ครับ รึจะให้พูดความคิดพิเรนท์ของตัวเองออกไป
‘พีแนท....พี่แดนไม่น่าโทรมาขัดจังหวะเลยนะครับ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม อารมณ์ค้างเลยอ่ะ’ อันนี้ไม่ดี...ไม่ดี ดูเป็นผู้ชายกร้านโลกเกินไป
‘พี่แนท...ทำไมคนจูบกันถึงต้องหลับตาด้วย แล้วเวลาผู้ชายกับผู้ชายมีอะไรกันนี่เค้าทำยังไงกันอ่ะ มันจะเข้าไปตรงนั้นได้ยังไง ไม่เจ็บเหรอ’ ท่าจะบ๊องแล้วผม เรื่องแบบนี้ใครเค้าถามกันวะ
‘พี่แนท...ผมว่าเรามาทำต่อที่ค้างให้มันจบดีกว่านะครับ ผมไม่ได้เป็นเกย์ แค่อยากลองดูเฉยๆทำแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ ลองเสร็จแล้วเลิกเลยไม่ทำอีกแล้ว’ เฮ้ย....ไม่ได้....ไม่ได้ เหตุผลมันฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด
‘พี่แนท...พี่อย่าเป็นพี่ชายผมเลย หล่อๆอย่างนี้มาเป็นกิ๊กผมดีกว่า’ ทำไมความคิดนี้มันคุ้นๆเหมือนที่คุณแมนดี้พูดกับผมเลยอ่ะ
นี่ผมคิดอะไรอยู่ฟะ คิดจะเอาแฟนพี่ชายตัวเองมาเป็นกิ๊กได้ไงเนี่ย พี่แนทเดินผ่านผมเข้าห้องน้ำไป ผมสะบัดหัวไล่ความคิดอัปมงคลออกไป รีบบอกพี่แนทว่า
“พี่แนท เดี๋ยวอาร์มไปรอที่ห้องอาหารนะ” ผมไม่กล้าหันกลับไปมองพี่แนทว่าจะได้ยินหรือพูดอะไรตอบหรือไม่ รีบหยิบเป้ใส่รองเท้าแล้วเดินออกจากห้อง ไปถึงห้องอาหารเดินตรงไปโต๊ะที่พี่แดนนั่งอยู่ เห็นพี่แดนกำลังจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสบายใจ
“อาร์มเป็นไง ดีขึ้นรึยัง แล้วเมื่อคืนนอนหลับสบายไหม” นี่แหละโอกาสมาแล้ว ผมกำลังจะบอกให้พี่ช่วยเปลี่ยนห้องเป็นเตียงคู่พอดี
“สบายดีแล้วครับ แต่นอนไม่ค่อยหลับ พี่แดน พี่ช่วยคุยกับทางโรงแรมเปลื่ยนห้องผมเป็นเตียงคู่ได้ไหมครับ”
“ทำไม่หล่ะ” พี่แดนถามพร้อมทำหน้าแปลกใจ
“ผมนอนดิ้นนะครับ แล้วอีกอย่างไม่ค่อยคุ้นเวลามีคนอื่นนอนเตียงเดียวกันครับ มันทำให้ผมนอนไม่ค่อยหลับ” แต่จริงๆแล้วไอ้คนนอนดิ้นข้ามอาณาเขตผมมานี่มันพี่แนทต่างหาก
“งั้นเราลองไปถามที่เคาน์เตอร์กันระหว่างรอแนทมา” โห....พี่แดน ทำไมพี่ช่างใจดีแบบนี้เนี่ยไม่มีการถามเซ้าซี้ให้มากความ
ผมว่าเรารีบไปกันเถอะ..ก่อนที่พี่แนทจะมา
ผมเดินคอตกกลับมาที่ห้องอาหารกับพี่แดน เพราะโรงแรมไม่มีห้องเตียงคู่เหลือเลย ผมเลยขอผ้าห่มกับหมอนเพิ่ม เป็นไงเป็นกันวะอีกสองคืนเอง พอไปที่ซานดิเอโกแล้วห้องเป็นเตียงคู่ อันนี้รู้มาจากพี่แดน ผมเลยได้โอกาสถามที่อยู่ของโรงแรมเพื่อจะได้บอกไอ้ตี๋
“พี่แดน เดี๋ยวผมขอไปเช็คอีเมลล์แป๊ป เดี๋ยวกลับมาครับ” ที่จริงผมจะไปเล่น MSN บอกไอ้ตี๋เรื่องที่อยู่โรงแรม แต่ผมยังไม่บอกพี่แดนหรอกว่าจะมีเพื่อนมาร่วมทริปด้วย เดี๋ยวไก่(แนท)ตื่นหมด
“ไม่ต้องไปใช้คอมพิวเตอร์ของโรงแรมหรอก อาร์มใช้ไอโฟนของพี่ก็ได้ สะดวกด้วย” พี่แดนพูดแล้วหยิบไอโฟนออกมา ผมตาโตเลย โอ้แม่เจ้าโว้ย....นี่มันรุ่นใหม่ล่าสุดเลยนี่หว่าสีขาวสวยชะมัด รุ่นนี้เคยเห็นแต่ในอินเตอร์เน็ต วันนี้ได้เห็นของจริงเป็นบุญตา อยากได้...อยากได้จัง
พี่แดนเปิดเครื่องต่ออินเตอร์เน็ตให้แล้วยื่นเครื่องมาให้ผม ผมรับมาเปิดเข้า Hotmail กับ MSN ทันที โชคดีที่ไอ้ตี๋เล่น MSN อยู่ ผมเลยทักทายพอเป็นพิธี แล้วรีบพิมพ์ที่อยู่โรงแรมไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างผมก้มหน้าก้มตาพิมพ์อย่างเมามัน
“โทษทีแดนที่ทำให้ต้องรอ ว่าไงอาร์มทำอะไรอยู่” เสียงพี่แนทมาแล้วนั่น พี่เค้ายื่นหน้ามาดูว่าผมทำอะไรอยู่ ผมรีบปิดหน้าต่าง MSN ทันทีกลัวพี่แนทจะเห็น
“คุยกับแฟนอยู่เหรอ พอพี่ทักรีบปิดเลยนะ” ผมใจเต้นระทึกตูมตามขึ้นมาอย่างกะทันหันเหมือนเด็กที่ทำความผิดมาแล้วถูกพ่อแม่จับได้
“ดูทำหน้าเข้า สงสัยคุยกับแฟนจริงๆ” แล้วพี่จะอยากรู้ไปทำไม จ้างให้ก็ไม่บอกหรอก ปล่อยให้คิดไปเองว่าผมมีแฟนแล้วก็ดีเหมือนกัน ก็ทีพี่เองก็เป็นแฟนกับพี่โอมอยู่แล้วนี่
“แนท อาร์ม...ไปตักอาหารกันดีกว่า ผมหิวแล้ว” ดีมากพี่แดน ต้องอย่างงี้สิ
**********************************************************
ตอนนี้พวกผมสามหนุ่มสามมุมกำลังยืนถ่ายรูปอยู่หน้าอาคารที่ทำการรัฐสภา (U.S. Capitol) ซึ่งเป็นตึกใหญ่และสวยมากๆ หลังคาเป็นรูปโดมมีรูปปั้นผู้หญิงกรีกอยู่บนยอดโดม แต่เสียดายที่ไม่ได้เข้าไปดูในอาคาร เพราะเค้าจำกัดตั๋วแค่ 450 ใบต่อวันเท่านั้น (ตั๋วฟรีครับ) ส่วนใหญ่คนมายืนเข้าคิวเอาตั๋วกันตั้งแต่ก่อนแปดโมง มีคนที่ไม่ได้ตั๋วแบบพวกผมยืนถ่ายรูปหน้าอาคารเต็มไปหมด (ถ้าใครดูหนังเรื่อง Get Smart ต้องเห็นตึกนี้แน่นอน)
พวกเราเลยเดินต่อไป Library of Congress ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังอาคารรัฐสภา Libray of Congress แห่งนี้เป็นห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีหนังสือ สิ่งพิมพ์ รูปภาพ เทป วีดีโออยู่กว่า 138 ล้านชิ้น ความยาวของชั้นหนังสือรวมกันมากกว่า 650 ไมล์ หนังสือทุกเล่มที่พิมพ์จำหน่ายในอเมริกาไม่ว่าจะเป็นประเภทไหน ทางสำนักพิมพ์ต้องส่งหนังสือหนึ่งเล่มมาที่ห้องสมุดนี้ คิดดูสิครับ...มีหนังสือใหม่ถูกส่งเข้ามาที่ห้องสมุดแห่งนี้มากกว่า 10,000 เล่มต่อวัน!! ไม่อยากคิดเลยว่าบรรณาธิการห้องสมุดต้องทำงานกันหนักขนาดไหน
ที่นี่เค้ามีไกด์ทัวร์บรรยายฟรีด้วยครับ แต่มีเป็นรอบๆวันละห้ารอบรอบละสองกรุ๊ป คนบรรยายนี่ผมฟังไปต้องลุ้นไปน้ำหมากกระจายเพราะแต่ละคนนี่สักเจ็ดสิบแปดสิบได้ บรรยายก็ไม่ใช่น้อยๆนะครับตั้งชั่วโมงกว่ากลัวจะเป็นลมเป็นแล้งตายในหน้าที่เหมือนกันครับ
แต่ดูเค้ามีความสุขและตั้งใจกับการบรรยายมาก บรรยายอย่างละเอียดแทบจะชี้ให้ดูเสาทุกต้น ภาพทุกภาพ รูปปั้นทุกตัว เหมือนฟังอาจารย์พูดชั่วโมงประวัติศาสตร์แต่ก็สนุกดี
สถาปัตยกรรมทั้งภายนอกและภายในตึกนี่สวยมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นโมเสคที่เอาหินสีมาต่อกันเป็นรูปต่างๆบนเพดานหรือพื้น มันสวยและทำละเอียดมาก และทุกๆภาพมีความหมายของมันหมด ที่สวยสุดผมว่าเป็นรูปเทพเจ้าโรมัน ‘Minova’ (เทพเจ้าผู้พิทักษ์อารยธรรมม, gaudian of civilization) ทำจากหินโมเสคขนาดใหญ่อยู่ตรงผนังห้องโถง
ส่วนตามราวบันไดก็มีการแกะสลักหินอ่อนอย่างสวยงามอ่อนช้อยเป็นเด็กแก้มยุ้ยมีปีกเหมือนในยุคเรเนซองต์ อยู่ในอริยาบทต่างๆและเด็กทุกตัวจะแต่งตัวและถือของที่เป็นตัวแทนของแต่ละอาชีพ เช่นเด็กนั่งบนเถาองุ่นถือแก้วหมายถึงอาชีพคนผลิตไวน์ เด็กถือเกียร์เป็นตัวแทนอาชีพวิศวะ เด็กถือกล่องใส่แมลงเป็นตัวแทนนักกีฏวิทยาผู้ศึกษาพวกแมลง เด็กกำลังนั่งบดยาในครกบดยาเป็นตัวแทนอาชีพแพทย์ มันดูเจ๋งมากๆเลยครับในความรู้สึกผมไม่รู้คิดได้ไง
ไปต่อที่ห้องอ่านหนังสือกลาง เป็นโถงเป็นรูปวงกลมขนาดใหญ่เพดานเป็นโดมอยู่สูงประมาณตึกสามชั้น มีระเบียงล้อมรอบตรงชั้นสองกับชั้นสาม (ลองนึกภาพเซ็นทรัลลาดพร้าวที่มีลานกว้างชั้นหนึ่ง แล้วมีระเบียงชั้นสองชั้นสามล้อมรอบ แล้วเรายืนอยู่ตรงระเบียงชั้นสามเพื่อดูคอนเสิรต์หรือกิจกรรมต่างๆที่ลานข้างล่างนั่นแหละครับ) ฟากหนึ่งของระเบียงชั้นสามมีกระจกกั้นเพื่อให้ผู้เยี่ยมชมแบบผมมองลงไปที่โถงและสถาปัตยกรรมรอบๆโดยเสียงพวกเราจะไม่เล็ดรอดไปรบกวนคนอ่านหนังสือด้านล่าง ผนังรอบห้องมีเสาใหญ่ยักษ์อยู่แปดต้น แต่ละต้นมีรูปปั้นผู้หญิงขนาดใหญ่แต่งตัวยุคโรมัน เป็นตัวแทนของ ศาสนา การค้า ประวัติศาสตร์ ศิลปะ ปรัชญา กวี กฎหมาย และ วิทยาศาสตร์
มองขึ้นไปตรงเพดานที่เป็นโดมก็มีภาพวาดหญิงชายโรมันสิบสองคนเป็นตัวแทนสิบสองประเทศ สวยมากๆครับ พูดกันตรงๆว่า หลังจากจบทริปที่ดีซีนี่ ผมยกให้ห้องสมุดนี้เป็นตึกที่สวยที่สุดในวอชิงตันดีซีเลยครับ
พวกเราแวะซื้อฮ็อทดอกจากร้านข้างทางกินเป็นอาหารกลางวันกันแล้วก็เดินไปมิวเซียมต่อ มิวเซียมที่นี่เขาเรียกรวมว่า Smithsonian ส่วนใหญ่จะอยู่รายรอบ Nation Mall ซึ่งเป็นสนามหญ้าโล่งขนาดใหญ่เหมือนสนามหลวงบ้านเราเปี๊ยบเลยแต่ขนาดของเขาใหญ่กว่า มีบางมิวเซียมที่กระจายอยู่ในดาวน์ทาวน์หรือที่อื่นไกลออกไป แต่ที่เจ๋งสุดทุกอย่างฟรีหมดไม่ต้องเสียค่าเข้าเหมาะกับกะเหรี่ยงอย่างผมมากๆ ฮ่า..ฮ่า
เวลาช่วงบ่ายถึงเย็นหมดไปกับการดูมิวเซียม ขาแทบลากเพราะมันมีสิบกว่ามิวเซียมเลยอ่ะ พี่แนทพี่แดนก็คอยดูแลถามผมเป็นนระยะๆว่าไหวไหม คอยยื่นน้ำให้ดื่มเรื่อยๆเพราะอากาศร้อนมากครับ ตอนอยู่ในตึกไม่ร้อนแต่มันร้อนอีตอนเดินระหว่างมิวเซียมนี่แหละ ถนนที่นี่ก็กว้างแต่ละบล็อคถนนนี่ใหญ่มากกว่าของนิวยอร์คซักสองสามเท่าได้
ผมสังเกตว่าถ้าเป็นมิวเซียมเกี่ยวกับศิลปะคนจะไม่ค่อยเยอะ แต่พอเข้าไป National Museum of Natural History กับ National Air and Space Museum ผมแทบเป็นลม เด็กๆเยอะแยะยั้วเยี้ยไปหมดแทบไม่มีที่เดิน แถมตอนนี้เด็กปิดเทอมคนยิ่งเยอะเป็นสองเท่า ผมมองหน้าพี่แนทกับพี่แดน พวกเราส่งสัญญานทางสายตาแล้วเห็นพ้องต้องกันว่าควรรีบออกกันดีกว่า ถึงแม้ว่าพี่เค้าสองคนจะเป็นหมอเด็กแต่มาเจอเด็กเยอะเป็นหนอนแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
“จะดูอะไรกันต่ออีกหรือเปล่า” พี่แดนถามความเห็นด้วยท่าทางสบายๆ ผมเหลือบมองพี่แนทแกก็ยังดูโอเค นี่พวกพี่ไม่เหนื่อยกันหรือไงเนี่ยทำไมฟิตกันอย่างนี้ แต่ผมนี่...อยากจะเป็นลม ถ้าต้องเดินต่ออีกผมต้องตายแน่ๆ
“พี่....ผมไม่ไหวแล้วครับ” หน้าตาผมคงแย่มาก พี่แนทรีบยื่นมือมาจับไหล่ผมแล้วถาม
“เป็นอะไรรึเปล่าอาร์ม จะเป็นลมหรือเปล่า หน้าซีดจังเลย” พูดเสร็จพี่แนทก็เอากระดาษโบรชัวร์มาโบกๆให้ผม แล้วประคองให้ผมนั่งตรงขั้นบันไดหน้ามิวเซียม ผมค้นเป้ควักยาดมโป๊ยเซียนขึ้นมาดม
รู้สึกเหมือนคนแก่ยังไงไม่รู้ พี่แดนก็มองด้วยสายตาเป็นห่วง
“พี่ว่าเรากลับกันดีกว่า ไปหาอะไรกินกัน” พี่แดนเสนอ ดีมากครับพี่....ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง อย่ามัวรอช้าเลยไปกันเถอะ
*******************************************
เย้....หลังกินอาหารเย็นเรียบร้อยในที่สุดก็กลับถึงโรงแรมซักที เข้าห้องปุ๊บผมลงไปนอนแผ่สองสลึงที่เตียงทันที ไม่ไหวแล้วครับ ขอนอนเลยไม่อาบน้ำได้มั้ยอ่ะ พี่เค้าจะว่าเราซกมกรึเปล่านี่ พี่แนทเดินไปเข้าห้องน้ำคงไปล้างหน้าล้างตา ยังไม่ทันไรผมเคลิ้มหลับไปอีกแล้ว มารู้ตัวอีกทีก็รู้สึกเย็นๆที่หน้าแขนแล้วก็ตัว สบายจังเลยแฮะ แต่ผมเหนื่อยและง่วงเกินกว่าจะลืมตามาดูว่ามันเป็นอะไร ผมหลับต่อไม่สนใจอะไรแล้ว
ตื่นมาตอนเช้า..อีกแล้วอ่ะ ผมถูกไอ้พี่แนทกอดอีกแล้วท่าเดิมเปี๊ยบ ก้มมองดูตัวเองทำไมผมมาอยู่ในชุดนอนได้นี่ ผมตาเหลือกทันที นี่...นี่..มันหมายความว่า....พี่แนทเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมเหรอ โอ๊ยยย...ตูอยากจะบ้า
อย่างนี้พี่แพทก็เห็นผมไปถึงไหนต่อไหนแล้วอ่ะสิ นี่อย่าบอกนะว่าเปลี่ยนกางเกงในให้ผมด้วย ถึงบอกว่าจะขอเป็นพี่ชายคอยดูแลผม แต่ไม่ต้องลงทุนดูแลถึงขนาดนี้ก็ได้
ยังไม่ทันได้อึ้งทึ่งเสียวต่อ ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรมาดันๆที่ต้นขาขวาด้านข้าง แล้วก็รู้ทันทีว่ามันเป็น....มันเป็น....ไอ้แนทน้อยที่กำลังเคารพธงชาติตอนเช้า ผมพยายามดันตัวกับขาผมออกห่าง แต่มือขวาดันปัดไปโดนไอ้นั่นของพี่เขา โหยยย....แม่เจ้าโว้ยทำไมมันใหญ่อย่างงี้วะขนาดยังไม่ตื่นตัวเต็มที่นะเนี่ย
นี่มันไม่คิดจะเผื่อแผ่เพื่อนมนุษย์ชายคนอื่นบ้างเลยรึไง มันน่าจะตัดแบ่งมาให้ผมซักเบอร์สองเบอร์นะเนี่ย
มิน่าหล่ะ...พี่โอมถึงได้เจ็บก้นขนาดนั้น
*************************************************