มีบางคนคิดกันได้เนาะว่าเป็นมุขฝัน ช่างคิดกันจริงๆเลย เอ..แต่ว่ามุขนี้น่าสนใจแฮะ เก็บไว้ใช้ตอนถัดๆไปดีกว่า ********************************
ตอนที่ 13 ไอ้เกย์เฒ่าลามกพี่...ผมไม่ใช่หมอแล้วจะไปรักษาพี่ได้ยังไง หรือจะให้เอาน้ำมันนวดให้ อันนี้ผมพอทำได้” ผมเริ่มต่อรอง ไอ้พี่แนทนี่ก็เหลือเกินได้คืบจะเอาศอก เห็นผมยอมอ่อนข้อขอโทษเข้าหน่อยละก้อทำเป็นมาสร้างเงื่อนไข
ไอ้พี่แนทอมยิ้มยังไม่ยอมตอบคำถามผมว่าจะให้ผมทำยังไง แถมทำตาเป็นประกายวิบวับเจ้าเล่ห์ยังไงก็ไม่รู้ โอ้ยยย....ทนไม่ไหวแล้ว อยากเอามือควักลูกตาคนออกมาจริงๆ
“ตอนเด็กๆเวลาพี่หกล้มเข่าเจ็บเป็นแผล แม่พี่ก็จะเป่าโอมพี้ยงให้หาย มันได้ผลจริงๆนะ” ไอ้พี่แนทพูดไปอมยิ้มไป
แล้วไงต่อหล่ะพี่ รีบพูดมาเร็วๆ มาร่ายยาวระลึกความหลังวัยเด็กวัยใสอะไรกันตอนนี้
“เพราะฉะนั้น วิธีรักษามันก็ง่ายนิดเดียว อาร์มก็แค่เป่าโอมเพี้ยงที่คางพี่ พร้อมจูบรับขวัญมันหน่อย มันจะได้หายช้ำเร็วๆไง”
ย๊ากกก.....ว่าไงนะ ตายซะเถอะ....อย่าอยู่เลยไอ้โรคจิต
นี่มันวิธีรักษาของโรงเรียนแพทย์ไหนไม่ทราบ จะได้เอาระเบิดไปปาซะโทษฐานสอนนักศึกษาแพทย์ออกมาแล้วไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพ หรือไม่ก็จะไปแจ้งแพทยสภาให้ยึดใบประกอบโรคศิลป์คืนซะเลย
“ไม่...ใครจะบ้าทำแบบนั้น นี่พี่เอาวิธีรักษาที่มันอ้างอิงหลักวิทยาศาสตร์หน่อย เป็นหมอซะเปล่า” ผมตอกกลับ
“ว่าไงนะ.... ไหนว่าให้ทำอะไรก็ได้ที่ให้พี่ยกโทษให้ไง หรือพูดแล้วกลับคำ แบบนี้ไม่เป็นลูกผู้ชายเลยนะ” ไอ้พี่แนทพูด แล้วยิ่งแกล้งกดน้ำหนักบนตัวผมมากขึ้น อ๊อก....ผมหายใจจะไม่ออกแล้วครับ
รู้สึกเหมือนจะไปเฝ้ายมบาลอยู่รอมร่อ
“ก้อ...ก็ได้”
ผมจำใจพูดในที่สุดก่อนที่จะได้ไปทัวร์นรกสิบแปดขุมกับท่านยมบาล
พอผมพูดเสร็จ ไอ้พี่แนทมันรีบยื่นคางมาเลยครับ ผมก็หลับหูหลับตาเป่าโอมเพี้ยง แล้วจูบไปที่คางนั่นอย่างรวดเร็วแบบสายฟ้าแลบแล้วเตรียมเบี่ยงหน้าหนีออก
แต่ไอ้พี่แนทมันแสนรู้ครับ มันแกล้งกดคางลงมาที่ปากผมหนักๆนานพอควรแล้วยกออก พร้อมหันจมูกมาฝังที่แก้มผมอย่างรวดเร็วแล้วลากต่อไปที่ซอกคอกับหลังหู ย๊ากก...ไม่ใช่เพราะสยิวนะครับ แต่ผมเริ่มหายใจไม่ออกแล้วเพราะโดนไอ้พี่แนทมันทับอยู่นาน ในที่สุดก็รู้สึกตาพร่ามัวเห็นดาวลอยเต็มไปหมด แล้วผมก็วูบหมดสติไป
*******************************************
ผมตื่นขึ้นมาพร้อมได้กลิ่นแอมโมเนียลอยแตะที่จมูก มองไปรอบตัวผมยังอยู่บนเตียงในห้อง มีพี่แนทประคองผมอยู่อีกมือก็ถือสำลีชุบแอมโมเนียโบกไปมาที่จมูกผม เห็นพี่แดนยืนอยู่ข้างเตียงมองด้วยสีหน้าเป็นห่วง ผมก้มมองดูตัวเอง....จ๊ากก...เสื้อผมถูกปลดกระดุมสามเม็ดบน เห็นหน้าอกขาวใสไร้กล้าม หัวนมสีชมพูสองจุดน่ารัก และหน้าท้องนวลเนียนไร้ซิกแพ็คอยู่รำไรๆ มันช่างเป็นภาพที่ดูเซ็กซี่เย้ายวนเสียนี่กระไร
เอ้ยย...ไม่ใช่ ใครวะบังอาจมาทำมิดีมิร้ายกับผม อืม....คงเป็นตอนที่ผมสลบ พี่เค้าเลยปลดกระดุมให้เสื้อหลวมตามหลักการรักษาคนเป็นลม
ผมพยายามนึกถึงเหตุการณ์ก่อนเป็นลมว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมจำได้แล้วครับ ไอ้โรคจิตนั่นมันทับผมแถมแกล้งผมด้วยอ่ะ นึกถึงตรงนี้หน้าผมก็ร้อนขึ้นมาทันที
รีบเบี่ยงต้วออกจากอ้อมแขนไอ้พี่แนท
“เป็นไงอาร์ม หน้าแดงเลยสงสัยเป็นไข้แน่ๆ วันนี้คงเจอแดดแรงไปหน่อย พี่ไม่น่าพาอาร์มไปตากแดดขนาดนั้นเลย” พี่แดนพูดด้วยเสียงสำนึกผิด
พี่แดนครับ....มันไม่ใช่ความผิดพี่หรอกครับ นี่เลย...ไอ้ตัวต้นเหตุหน่ะมันนั่งหัวโด่อยู่ข้างๆผมนี่แหละ แค้นจริงๆเลยอ่ะ มันทำให้ผมดูเหมือนผู้ชายบอบบาง อ่อนแอ ป้อแป้ ขี้โรค ไร้น้ำยา กระจอกงอกง่อย เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ พอและ...ชักเว่อร์ไปหน่อย
“ผมไม่เป็นไรมากหรอกครับ คงหิวมากไปหน่อยเลยเป็นลม” ผมรีบเบี่ยงประเด็นเพื่อให้พี่แดนไม่รู้สึกผิด
“งั้นพี่ว่าเรารีบไปกินข้าวกันเถอะ นี่ก็ทุ่มครึ่งแล้ว อาร์มลุกไหวมั้ยหรือจะให้พี่ช่วยพยุง” เสียงไอ้พี่แนทลอยมา แต่ผมไม่หันไปมองหรอกครับเดี๋ยวเสียสายตาพาลจะกินข้าวไม่ลง เชอะ...ทำมาเป็นจะช่วยพยุง ก็ใครกันหล่ะที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้
ผมไม่ตอบ แต่รีบลุกขึ้นเพื่อแสดงว่ายังไหวยังฟิตอยู่ แต่แล้วก็เซแทดๆเกือบล้ม ไอ้พี่แนทก็ไวครับรีบคว้าตัวผมไว้ทันแถมโอบผมไว้ทั้งตัว พาลงนั่งบนเตียงอีกรอบ
“เอางี้ดีกว่า พี่ว่าเราโทรสั่งพิซซ่าหรือไก่ทอดมากินดีกว่า จะได้ไม่ต้องเหนื่อยไปข้างนอกกันอีก” พี่แดนเสนอ ก็ดีเหมือนกันครับพี่ ตอนแรกผมว่าผมไหว แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้ว
ว่าแล้วเราก็นั่งกินพิซซ่าถาดใหญ่กันในห้อง ผมกินไปชิ้นเดียวก็อิ่มกินต่อไม่ไหวแล้ว ที่เหลือพี่ทั้งสองก็จัดการจนเรียบร้อย พอกินเสร็จพี่แดนก็กลับไปที่ห้องตัวเอง แต่ไม่ลืมหันมาย้ำก่อนเดินออกไปว่าถ้ามีอะไรให้ไปเคาะห้องเรียกได้ทันที
***************************************
พอพี่แดนออกไป บรรยากาศในห้องเริ่มมาคุอีกแล้ว ก็ผมไม่พูดกับพี่แนทเลยซักประโยคตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา ก็คนมันโกรธจะให้ไปพูดด้วยทำไม
“อาร์ม....อาบน้ำไหวมั้ย หรือจะเช็ดตัวเอา เดี๋ยวพี่เช็ดให้” พี่แนทถามเสียงเป็นห่วง ไม่ต้องเลย....ไอ้โรคจิต ตูอาบน้ำไหวโว้ยยย ไม่ได้เป็นง่อย แค่เป็นลมเฉยๆ
“ผมอาบเองได้ เก็บความหวังดีของพี่ไปเถอะ” ผมเดินไปหยิบชุดนอนแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเลย
ผมแช่น้ำอุ่นในอ่างเพื่อผ่อนคลาย
มันช่างสบายตัวเสียนี่กระไร เสร็จเรียบร้อยก็เอาผ้าขนหนูเช็ดตัวแล้วพันหลวมๆที่เอว ยืนหน้ากระจกเตรียมแปรงฟัน ถือโอกาสมองสำรวจความหล่อของตัวเองซะหน่อย ตามองไปเรื่อยๆจากหน้า โอเค...หน้าตาหล่อจริงๆเลยเรา หน้าใสกิ้งไร้สิวฝ้า ถึงวันนี้หน้าจะโดนแดดเยอะไปหน่อยแต่ก็ไม่หมอง มองเรื่อยมาถึงคอ เอ๊ะ.....มันรอยอะไรที่ซอกคอผมนี่ ผมเพ่งมองอย่างจริงจังอีกครั้ง ผมไม่ได้ใสซื่ออาโนเนะจนไม่รู้ว่านี่มันคือรอยดูด แถมมันมีตั้งสองสามรอย ตรงหัวไหล่นี่ก็อีกสองรอย แล้วผมได้มายังไง จะเป็นใครไม่ได้....นอกจาก....นอกจาก....
คิดถึงตรงนี้ผมก็ร้องตะโกนลั่นเลยครับ
“ว๊ากกก!!!!” เสียงผมคงดังมาก หลังจากตะโกนเสร็จก็มีเสียงเคาะรัวที่ประตูห้องน้ำพร้อมเสียงตะโกนถาม
ปัง....ปัง.....”อาร์ม......อาร์ม...เป็นอะไรไป เปิดประตูเร็ว” เสียงไอ้โรคจิตครับ เสียงมันช่างกระตุ้นอารมณ์ผมเหลือเกิน อารมณ์อยากฆ่าคนนะครับไม่ใช่อารมณ์หื่น
อ๊ากก.....
ผมทนไม่ไหวแล้วมันต้องตายกันไปข้างนึง คิดดู...นี่มันมีอะไรกับพี่โอมแถมยังอยู่ด้วยกันแล้วด้วย ไอ้เกย์เฒ่าโรคจิตมันยังกล้ามาทำแบบนี้กับผมอีก มันต้องโรคจิตมากๆด้วยเพราะขนาดผมเป็นลมสลบไม่รู้สึกตัวมันยังตั้งหน้าตั้งตาดูดผมจนเป็นรอยต้องหลายรอย ผมกระชากประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมหน้าตาถมึงทึง ไอ้พี่แนทรีบเข้ามาจับไหล่ผมสองข้างพร้อมสำรวจไปทั่วตัว
“อาร์มเป็นอะไรรึเปล่า เจ็บตรงไหน บอกพี่มาเร็วๆ” เสียงไอ้พี่แนทถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“พี่...พอจะบอกได้ไหมว่านี่มันรอยอะไร!!!” ผมกระชากเสียงถามพร้อมชี้ที่รอยที่คอผม ไอ้เกย์เฒ่ามองตามมือผม พอเห็นรอยมันก็ทำตาวิบวับแถมอมยิ้มอีก ผมอยากกระโดดถีบยอดอกมันจริงๆ
“
ผม....ถาม...ว่า....นี่มัน.....รอยอะไร!!!”
ผมเน้นพูดแต่ละคำช้าๆชัดๆพร้อมเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นอีกเพื่อข่มไอ้โรคจิตนั่น
“นี่อาร์มไม่รู้จริงๆเหรอว่ามันรอยอะไร” ไอ้โรคจิตไม่ตอบคำถามผมแต่ดันถามผมกลับ นี่ผมถามพี่นะ ไม่ใช่ให้มาย้อน
โถ่เว้ยยย....อยากจะบ้าตาย แต่ผมยังไม่กล้าเข้าไปทำร้ายมันตอนนี้เพราะจากการประเมินสถานการณ์แล้วผมเสียเปรียบอยู่หลายขุม ตัวมันใหญ่กว่าผมเยอะแถมตอนนี้ผมมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวพันท่อนล่างอยู่
“ผมรู้ว่ามันรอยอะไร แต่อยากรู้ว่าพี่เป็นคนทำใช่มั้ย!!!”
“ใช่พี่ทำเอง” มันตอบฉาดฉานไม่มีลังเล
ดีมากไอ้โรคจิต....ทำแล้วก็ยอมรับกันตรงๆ อย่างงี้ค่อยเป็นลูกผู้ชายตัวจริงหน่อย ผมตัดสินใจได้แล้ว ในเมื่อพี่โอมเป็นของมันแล้วและท่าทางพี่โอมจะรักมันมาก ผมก็จะไม่มีทางเป็นคนไปแทรกแซงความรักของพี่โอม ผมรู้ว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับไอ้โรคจิตนี่และผมก็ไว้ใจตัวผมเองมากพอ แต่ผมไม่ไว้ใจมันต่างหาก เกิดมันนึกพิศวาศอยากได้ตูดผมขึ้นมา ผมจะทำยังไง ตัวมันใหญ่ยักษ์อย่างงั้นผมจะไปสู้อะไรมันได้
“ดี....งั้นผมกับพี่ เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก ผมจะกลับนิวยอร์คพรุ่งนี้เพราะผมรับเรื่องนี้ไม่ได้ ผมไม่ได้รังเกียจคนที่เป็นเกย์ แต่ตัวผมไม่ใช่เกย์ ผมคงเปลี่ยนไปเป็นแบบพี่ไม่ได้” ผมพูดหน้าตาจริงจัง
“พี่ก็ไม่ใช่เกย์เหมือนกัน แล้วก็จะไม่มีการกลับไปนิวยอร์คอะไรทั้งนั้น” ไอ้โรคจิตตอบผมยิ้มๆ
หนอย...พูดมาได้เต็มปากเต็มคำว่าตัวเองไม่ใช่เกย์ แล้วที่ทำกับพี่โอมนั่นมันเรียกว่าอะไร เล่นจ้ำจี้มะเขือเปาะโดดหนังยางกันรึไง แถมผู้ชายแท้ที่ไหนจะมาดูดคอผู้ชายด้วยกันแบบที่หมอนี่ทำกับผม
“ผมจะกลับพรุ่งนี้ พี่ห้ามผมไม่ได้หรอก!!” ไม่สนเฟ้ย ตูจะกลับ ใครจะทำไม
“อย่าทำตัวเป็นเด็กๆหน่อยเลย ถ้าอาร์มกลับพรุ่งนี้ แล้วจะบอกไอ้โอมว่ายังไง พรุ่งนี้ก็วันพฤหัสแล้ว วันศุกร์ไอ้โอมก็จะ defense proposal นี่อาร์มคงไม่อยากให้ไอ้โอมมานั่งกังวลเรื่องอาร์มจนไม่มีสมาธิในการเตรียมตัวพรีเซนท์หรอกนะ การ defense วันศุกร์นี้มันสำคัญมาก มันเหมือนชี้ชะตาได้เลยกลายๆว่าจะเรียนจบรึเปล่า" ไอ้พี่แนทพูดเหมือนถือไพ่เหนือกว่า
ผมจะทำยังไงดีนี่ ห่วงพี่โอมก็ห่วง ห่วงสวัสดิภาพประตูหลังของตัวเองก็ห่วง ไอ้โรคจิตคงเห็นผมหน้าตาชักลังเล มันเลยสรุปรวบรัดตัดความ
“เอาเป็นว่าพี่ขอโทษอาร์มแล้วกัน และพี่ขอสัญญาว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบวันนี้ขึ้นอีก....ถ้า...อาร์มไม่ยินยอม” ไอ้พี่แนทพูดไปอมยิ้มไป ทำมือตะเบ๊ะแบบลูกเสือ แถมด้วยชูมือสามนิ้วเหมือนเป็นการให้สัญญา
เอ...ไอ้โรคจิตมันก็ดีนะ มีการขอโทษผมด้วย แต่ไอ้ประโยคสุดท้ายมันฟังทะแม่งๆยังไงชอบกล
มันเหมือนประโยคเงื่อนไข If Clause ยังไงก็ไม่รู้
“อาร์มรีบไปแต่งตัวเถอะ ไม่หนาวรึไง หรืออยากโชว์หุ่นขี้ก้างให้พี่ดู” ไอ้พี่แนทพูดอมยิ้มตาระยิบระยับเป็นประกาย พร้อมมองสำรวจผมไปทั้งตัว
“
ไอ้เกย์เฒ่าลามก!! ฝากไว้ก่อนเหอะ” ผมรีบหันหลังปิดประตูทันที รู้สึกหนาวๆร้อนๆยังไงไม่รู้สงสัยผมจะมีไข้จริงๆ ได้ยินเสียงไอ้พี่แนทหัวเราะยาวดังสนั่นลั่นห้อง โอ้ยยย....ไอ้พี่เวรมันขำอะไรของมันนักหนาเนี่ย
**********************************************
ออกจากห้องน้ำผมเดินไปอีกฝั่งของเตียงเตรียมตัวเข้านอน ไอ้พี่แนทก็เดินเข้าห้องน้ำไป ผมยังไม่ค่อยไว้ใจหมอนั่นเท่าไหร่ครับ เลยเอาหมอนหลายใบรวมทั้งหมอนสำรองในตู้มาวางกั้นตรงกลางเตียงแบ่งกั้นอาณาเขตอย่างชัดเจน แต่ทำไงดีผ้าห่มมีผืนเดียวอ่ะ ไม่สนใจดีกว่าผมยึดผ้าห่มมาเป็นของผมคนเดียวแล้วก็เอนลงนอนหลับไปอย่างรวดเร็ว
ผมฝันร้ายครับ ผมเดินเข้าไปในป่ารกมีแต่ต้นไม้สูงใหญ่เต็มไปหมด ผมหลงทางอยู่ในป่าเหมือนเดินอยู่ในเขาวงกต แล้วก็เห็นงูเหลือมตัวใหญ่เลื้อยเข้ามาหา ดูท่าทางมันหิวมากเหมือนไม่มีเหยื่อตกถึงท้องมาหลายวัน ผมวิ่งหนีไม่คิดชีวิต แต่มันก็เลื้อยตามมาไม่ลดละ มันก็ยิ่งใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาอีก ในที่สุดมันก็รัดผมทั้งตัวจนเริ่มหายใจไม่ออก กระดูกถูกบีบรัดเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในที่สุดก็หมดแรงดิ้นรน เจ้างูเหลือมนั่นก็อ้าปากเตรียมเขมือบผมทันทีที่เห็นผมนิ่งไป แล้วผมก็ตกใจตื่น
ผมกระพริบตาถี่ๆเอามือขยี้ตาเพราะแสงอาทิตย์ตรงหน้าต่างมันแยงลูกตา ทำไมผมถึงรู้สึกหนักๆเหมือนมีอะไรมาทับอก ผมโดนผีอำหรือนี่ หรือว่าผมถูกงูรัดอยู่จริงๆ พอลืมตามองเต็มตาก้อ...ย๊ากกก....
หน้าไอ้พี่แนทห่างจากหน้าผมไม่ถึงคืบ แขนข้างขวาของพี่เค้าวางบนอกผมเลยไปโอบถึงเอว ศีรษะผมหนุนอยู่บนแขนข้างซ้ายของพี่เค้า ขาขวาของพี่เค้าพาดมาบนขาผม ท่านี้นี่เหมือนผมถูกพี่เค้ากอดไว้ทั้งตัว
ว่าแต่ว่าหมอนผมหายไปไหนหมดเนี่ยรวมถึงหมอนที่กั้นตรงกลางเตียงด้วย ผมพยายามกระเสือกกระสนดิ้นออกจากอ้อมกอดของพี่แนท แต่แขนกับขามันหนักเป็นบ้าแถมยังรัดแน่นเข้าอีก ผมเลยต้องใช้มาตรการสุดท้าย ตะโกนสุดเสียงใส่หูไอ้คนขี้เซา
“
พี่แนท ไอ้เกย์เฒ่า!!!!! ตื่นได้แล้ว” พี่แนทงัวเงียลืมตาตื่นทันที พอเห็นหน้าผมอยู่ใกล้แถมแกยังกอดผมอยู่ แกไม่มีท่าทีตกใจใดๆทั้งสิ้น ซ้ำยิ้มให้ผมแล้วถาม
“อ้าว....อาร์มตื่นแล้วเหรอ หลับสบายมั้ย” อ้าว...พี่ แล้วที่ตะโกนเรียกพี่อยู่นี่ ถ้าไม่ตื่นแล้วจะเป็นเสียงผีที่ไหนเรียก ส่วนหลับสบายมั้ย ไม่น่าถามลองพี่มีช้างมานอนทับอยู่บนอกเหมือนโดนผีอำแบบนี้ มันจะหลับสบายมั้ยหล่ะ
“ทำไมผมมานอนแบบนี้ได้ แล้วหมอนเหมินผมที่อยู่กลางเตียงหายไปไหนหมด” ผมถามหน้ามุ่ย
“ก็เมื่อคืน อาร์มเอาผ้าห่มไปห่มคนเดียว พี่ก็หนาวนะซิ พี่ไม่รู้จะทำยังไง เลยเตะหมอนลงข้างเตียงหมด แล้วมาหาความอบอุ่นแบบนี้ไง”
ไม่พูดเปล่าแถมกอดผมแรงขึ้นประกอบคำอธิบาย ไอ้โรคจิตเอ้ยยยย.....อยากเอาเท้ายันโครมให้ตกเตียงเลยจริงๆ
“พี่....ปล่อย ผมจะไปขี้!!” ผมพูดกระแทกเสียงใส่ ไม่จำเป็นต้องสุภาพด้วยแล้วครับ
ไม่ได้การ......วันนี้ต้องบอกให้พี่แดนช่วยเปลื่ยนห้องผมเป็นเตียงคู่ ถ้าไม่ได้จริงๆ ต้องขอหมอนกับผ้าห่มเพิ่ม ไอ้โรคจิตจะได้ไม่มีข้ออ้างอีก
****************************************************
อะแฮ่ม....เจ้าอาร์มตั้งสมญานามให้พี่แนทอีกแล้ว กว่าจะจบเรื่องนี้พี่แนทจะมีชื่อเรียกกี่ชื่อเนี่ย
รู้สึกว่าทุกคนจะรอฉากหื่นอย่างใจจดใจจ่อ ทำให้เรตติ้งกระทู้ดีขึ้นทันตาเห็น สงสัยต้องเพิ่มฉากหื่นทุกตอนซะแล้ว เรื่องของข้าน้อยจะได้ฮิตติดลมบนเหมือนเรื่องชาวบ้านเขาบ้าง
ว่าแต่ว่า...ตอนนี้พี่แนทเราหื่นไปหรือเปล่าคะ ที่ทำน้องนุ่งที่สลบได้ลงคอ