72.มีนทยอยขนข้าวของกลับมาทุกครั้งที่กลับบ้าน กระทั่งถึงเวลาต้องย้ายกลับจริง ๆ ก็พบว่าแทบไม่เหลืออะไรให้ต้องขนกลับอีกแล้ว เราคุยกันและต่างคิดตรงกันว่ายังไม่อยากขายหรือปล่อยห้องให้ใครเช่าตอนนี้ เลยเลือกจะทำสัญญาจ้างบริษัทรับทำความสะอาดให้เข้ามาดูแลห้องของพวกเราอาทิตย์ละครั้งแทน
“ไม่ลืมอะไรแล้วแน่นะ” ผมหันไปถามเขา ก่อนจะเดินไปปิดผ้าม่าน “เหลือเชื่อเลยว่าจะเก็บของได้หมดด้วยกระเป๋าแค่สองใบแบบนี้”
“ก็เราขนกลับไปเยอะแล้วนี่”
ผมหัวเราะไปกับคำพูดของเขา “เราก็นึก..กลัวว่าจะไม่มีคนช่วยเก็บของ”
“เดี๋ยวเราเลี้ยงมื้อเที่ยง” เขายิ้ม “ร้านที่เบลล์ชอบดีไหม”
เห็นผมยิ้ม เขาเลยพูดต่อ “งั้นไปเลยนะครับ”
มีนเริ่มเริ่มทำงานที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ขณะมองหาที่ทางไว้เปิดคลินิก ส่วนผมก็ทำงานของตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ ต่างแค่ต้องหาคนมาช่วยงานเพิ่ม เมื่อบริษัทของคุณธีเริ่มรับงานใหญ่ ๆ มากขึ้น และเพราะงานที่หนักขึ้นทำให้คุณธีไม่ค่อยมีเวลามาแกล้งผมมากอย่างเมื่อก่อน จนสุดท้ายก็แทบไม่ได้คุยกันแล้วอย่างตอนนี้
“เหนื่อยไหม..”
ผมส่ายหัว ก่อนจะเป็นฝ่ายถามกลับ “มีนล่ะเหนื่อยไหม บอกแล้วว่าเรากลับเองก็ได้”
“เราอยากมารับนี่..”
เห็นเขายังยิ้ม ผมเลยเอาแต่ใจต่อ “ขอแวะที่หนึ่งก่อนนะ”
“ได้ครับ..จะแวะที่ไหนล่ะ”
“ที่นี่” ผมบอกแล้วยื่นโทรศัพท์มือถือไปให้เขาดู “น้องบัวอยากกินโรลใบเตย”
ผมดึงมือกลับมา “มีวุ้นมะพร้าวผสมในครีมด้วยนะ”
“เห็นพยาบาลที่ตึกบอกว่าไส้ฝอยทองอร่อยเหมือนกัน”
“มันจะไม่หวานเหรอ”
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ผมพยักหน้า ก่อนจะบอกเขา “งั้นเราซื้อมาลองมันทุกรสเลยแล้วกัน”
“ตกลงน้องบัวหรือเบลล์กันแน่ที่อยากกิน”
“จริง ๆ ก็ทั้งสองคน” ได้ยินเสียงเขาหัวเราะ ผมเลยสารภาพความจริง “วันก่อนลูกความเอามาฝากน่ะ พอเอาให้น้องชิม น้องก็บอกว่าอร่อย เลยว่าจะไปซื้อมาให้อีก”
“...”
“แปลกที่ไม่เคยได้ยินชื่อร้านเลย”
“เลี้ยวตรงนี้หรือเปล่า” เขาถามเมื่อไม่แน่ใจ “เข้าซอยไปยี่สิบเมตร”
“ร้านอยู่ในซอยนี่เอง มิน่าถึงไม่เคยเห็นเลย”
เราเข้าไปในร้าน เดินเลือกขนมใส่ตะกร้าไปเรื่อย ก่อนจะกลับออกมาหลังจากมีนควักเงินในกระเป๋าตังค์ตัวเองออกมาจ่ายค่าขนมเรียบร้อยแล้ว “กลับบ้านเลยนะ”
“อืม..”
เขายิ้มให้ผมก่อนจะออกรถ ผมเลยแกะขนมในถุงออกมาให้เขากินรองท้องไประหว่างทางกลับบ้าน เรากินขนมไปคุยกันไปเรื่อยเปื่อย กระทั่งกลับมาเห็นรถคุณธีจอดนิ่งสนิทอยู่ที่หน้าบ้าน “คุณธีมาทำไม”
มีนหันมายิ้มให้ผมหลังจากรถเทียบจอดเรียบร้อยแล้ว “รีบลงรถเถอะ”
ถึงจะยังไม่ได้คำตอบ แต่ผมก็พอรู้แล้วว่าเขารู้ว่าคุณธีมาทำไม ผมเดินตามมีนเข้ามาในบ้าน วางข้าวของเสร็จก็เข้าไปอุ้มน้องบัวขึ้นมาหอม “พี่เบลล์ซื้อขนมที่น้องบัวอยากกินมาให้แล้วนะ”
ผมปล่อยให้น้องเดินไปรื้อถุงขนมที่โต๊ะกินข้าวพร้อมกับพี่เลี้ยง ก่อนจะเดินมานั่งลงที่โซฟาข้าง ๆ มีน “มีอะไรกันเหรอ”
“มาคุยงานไงครับ” คุณธีตอบกลับมายิ้ม ๆ “มีนจ้างผมมาสร้างเรือนหอ”
ผมขมวดคิ้ว “เรือนหอ ?”
คุณธีหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะโบกมือไปมา “ล้อเล่นน่ะล้อเล่น”
“...”
เห็นผมเงียบ มีนเลยหันมาบอก “เราให้ธีมาดูสถานที่น่ะ จะได้วางแผนงานกันถูก”
“จะสร้างอะไรงั้นเหรอ”
เขายิ้มให้ผม ยิ้มแล้วยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบา ๆ “เบลล์เคยบอกว่าอยากได้บ้านเล็ก ๆ ริมสระบัวนั่นไม่ใช่เหรอ”
“บ้าน..” ผมยิ้ม “นึกว่ามีนลืมไปแล้ว”
คงเพราะเรามัวแต่คุยกันเอง คุณธีเลยแกล้งกระแอมเสียงดัง “จะพาไปดูที่ได้หรือยังครับ”
“ไปสิครับ” ผมลุกขึ้นเป็นคนแรก “อยู่ทางด้านหลัง เดินไปอีกไม่ไกลเท่าไร”
มีนลุกขึ้นตามมา ก่อนจะเดินนำออกไปคนแรก “โชคดีได้เจอธี ไม่อย่างนั้นเราคงยังไม่ได้เริ่ม”
“มันก็ไม่ได้ยุ่งยากเท่าไร แค่ดัดแปลงตามแบบบ้านไม้ไอติมที่มีนให้มา” ผมมองคุณธี แล้วหันไปมองเขา “สัญญากันมาตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ แล้วล่ะสิ”
“...”
“คบกันนานดีนะ”
มีนหันมามองผมแล้วยิ้ม “อย่างนั้นเหรอ..”
“อืม..นานจนทำคนอื่นอกหักซ้ำเป็นหนที่สองแล้วเนี้ย” คุณธีพูดยิ้ม ๆ “ทำหน้างงแบบนี้ แสดงว่าไม่เคยรู้ตัว”
ผมชะงักขาที่กำลังก้าวเดิน “อะไรครับ”
ได้ยินเสียงมีนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเดินมาวางมือบนหัวผม “ธีมันพูดเล่นน่ะ”
แล้วพวกเขาก็หัวเราะออกมาพร้อม ๆ กัน
บ้านเริ่มสร้างหลังจากคุณธีเข้ามาดูสถานที่ได้สองอาทิตย์ ทุก ๆ เย็นมีนมักจะเดินเข้าไปดูความคืบหน้าของการก่อสร้าง ดูแล้วคุยกับคุณธีที่ก็เข้ามาคุมงานที่นี่ทุกวันเช่นกัน ผมมองดูตัวบ้านที่ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง..มองผ่านหน้าต่างห้องนอนตัวเองออกไปอย่างนั้นทุกวัน กระทั่งถึงวันที่มันสร้างเสร็จ
บ้านไม้ชั้นเดียวสีขาวครีม ภายในเป็นห้องโถงโล่ง ๆ ที่มีนวางเตียงนอนใหญ่สีขาวเอาไว้ตรงกลาง ด้านหน้าเป็นพนังบานกระจกใส มองออกไปเห็นบ่อบัวชัดเจน ขณะที่อีกสามด้านที่เหลือเป็นชั้นวางหนังสือทั้งหมด
ผมเดินเข้าไปสำรวจโดยรอบ ถึงได้เห็นว่ามีชั้นวางหนังสือด้านหนึ่งถูกดัดแปลงให้สามารถเลื่อนออกเป็นประตูไปด้านหลังได้ “ห้องน้ำเหรอ”
มีนเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะพยักหน้า “ผ่านตู้เสื้อผ้าไป ก็จะเจอห้องน้ำ”
“...”
“ไม่มีครัวนะ..เพราะยังไงก็คงต้องกลับไปกินข้าวที่บ้านนู้นอยู่ดี”
ผมเหลือบตามองเขา ก่อนจะก้มลงมองพื้น “แล้ว..มีนจะมาอยู่ที่นี่ไหม”
“ว่าอะไรนะ..” พอเห็นผมเงียบ มีนก็ถามซ้ำอีก “เบลล์พูดว่าไงนะ”
“...”
“ไว้เราคุยกับพ่อแม่อย่างเป็นทางการก่อนนะ” ผมไม่พูด มีนก็ไม่เซ้าซี้เอาอะไรต่อ “คงต้องคุยกันเป็นกิจจะลักษณะ..ถึงพวกท่านจะรู้อยู่แล้วก็เถอะ”
“อืม..”
“ขอบคุณนะ” เขากอดผม กระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูผม “ขอบคุณที่ยอมให้เรามาอยู่ด้วย”
ถึงจะพูดว่าต้องคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายไปกว่าการย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ เราไม่ได้คิดถึงงานแต่งที่หรูหรา หรือแม้กระทั่งการจัดงานเล็ก ๆ ภายในครอบครัว เมื่อทั้งผมและเขาต่างก็คิดแค่เพียงว่าอยากให้เราได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้..
ให้ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับการได้เห็นหน้าเขา ได้กินข้าว..ได้ออกไปทำงานพร้อมกัน ก่อนจะกลับมานั่งอ่านหนังสือด้วยกันเงียบ ๆ ที่ระเบียงหน้าบ้าน มองดูดอกบัวในสระไปกระทั่งถึงเวลาที่ต้องเข้านอน และตื่นขึ้นมาทำแบบนี้ซ้ำไปอีกครั้ง..
เรื่อย ๆ ต่อไป..Ma-NuD_LaW
แถมอีกหน่อย..“เบลล์จะอาบก่อน หรือให้เราเข้าไปอาบก่อน”
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเขา ก่อนจะตอบ “มีนอาบก่อนเลยก็ได้ เราขอพิมพ์งานต่ออีกสักพัก”
“เราอาบน้ำเสร็จออกมา เบลล์ต้องพักแล้วนะ”
“...”
“ช่วงนี้ทำงานหนักเกินไปแล้ว”
“ครับ ๆ”
เห็นผมรับคำ เขาเลยหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป ผมก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานต่อไปได้สักพักก็เสร็จ ตรวจทานแบบเร็ว ๆ ไปหนึ่งรอบแล้วก็คิดว่าจะเอาไว้ไปทำต่อที่สำนักงานพรุ่งนี้ กดปิดคอมพิวเตอร์ได้ก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วเดินไปยืนมองดอกบัวในสระเงียบ ๆ
ครืดดดด
ผมมองโทรศัพท์มือถือของมีนที่ตอนนี้สว่างขึ้นมา มองแล้วก็เดินเข้าไปหยิบมันขึ้นมาจากเตียง “ใคร ?”
ครีมลองทำเค้กส้มดู..ไว้เดี๋ยวจะเอาไปให้ลองชิมพรุ่งนี้นะคะผมขมวดคิ้ว มองดูรูปผู้หญิงคนหนึ่งในชุดนางพยาบาลสีขาวยืนฉีกยิ้มกว้างถือเค้กส้มที่ตัดเป็นชิ้น ๆ แล้วในมือ “อวดเค้ก..แต่ถ่ายรูปตัวเองติดมาด้วยงั้นเหรอ”
ผมกดเลื่อนดูบทสนทนาระหว่าพวกเขาก่อนหน้านี้ “เรื่องงาน..เรื่องขนม..”
ผมเลือกอ่านเฉพาะข้อความที่มีนพิมพ์ตอบกลับไป “มีนตอบแต่เรื่องงาน”
ผมกดออกจากหน้าต่างสนทนา ก่อนจะไล่ดูข้อความของคนอื่น ๆ “แทบไม่อ่านของใครเลย”
ผมวางโทรศัพท์มือถือของเขาไว้ที่เดิม ก่อนจะทิ้งตัวลงไปนั่ง “รอถามมีน..”
มีนเดินออกมาหลังจากนั้นไม่นาน ผมยื่นโทรศัพท์มือถือไปให้เขา ก่อนจะเอ่ยปากถามถึงผู้หญิงคนนั้น มีนไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรตอนที่ผมถาม คงมีเพียงแค่สีหน้าแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทีนิ่ง ๆ พร้อมรับฟังทุกคำอธิบายอย่างนี้ของผม
“เราดีใจนะที่เห็นเบลล์ใจเย็นขึ้น..” เขาบอกหลังจากเล่าเรื่องผู้หญิงคนนั้นจบ “ขอบคุณที่รอฟังเราอธิบายก่อน”
“เราไม่อยากให้เรื่องมันจบแบบเดิมอีก” ผมยิ้มให้เขา “เพราะบทเรียนที่ผ่านมา มันก็มากพออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
ปิดท้ายอย่างนี้ เพราะอยากให้มันไปจบด้วยจุดเริ่มต้น
จบสักที..
ตอนพิเศษรอก่อนนะครับ เดี๋ยวแต่งเสร็จเอามาลง ..
แล้วก็ตามที่เคยถามหน้าเพจ..ว่าอยากอ่านตอนพิเศษของบิ๊กไหม เพราะเห็นมีคนสงสัยเรื่องของบิ๊กกับจุ๊ ถ้าไงรบกวนแสดงความเห็นทิ้งไว้นะครับ ว่าอยากอ่านกันไหม .. คือในใจแอบกลัวคนจะรำคาญเรื่องของสองคนนี้ 55555
อ่อ..สวัสดีปีใหม่นะครับ ขอให้นักอ่านทุกคนมีความสุข สมหวังในทุกสิ่งที่ปรารถนา เงินทองไหลมาเทมา ร่ำรวย เฮงๆ
สุดท้ายขอบคุณทุกความเห็นนะครับ..แล้วเจอกันเรื่องหน้า