39
สัมพันธ์
“เดี๋ยว...อึก โช!” ผมพยายามเบี่ยงหน้าหลบและส่งเสียงเรียกให้เขาหยุดแต่การโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวเมื่อครู่ก็ยังทำเอาผมจุกจนได้แต่พูดอึกอัก แถมร่างกายร้อนจัดที่คร่อมอยู่ก็ยังทิ้งน้ำหนักลงมาจนผมไม่สามารถขยับตัวได้อีกต่างหาก
เวรเอ๊ย!
“โชกุน!” ผมฝืนตะโกนอีกรอบเพื่อเรียกสติ แต่โชก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟังเลย เจ้าของริมฝีปากร้อนจัดที่พยายามจะจูบผมกำลังเลื่อนริมฝีปากลงมาที่ซอกคอและเริ่มระดมจูบสะเปะสะปะเหมือนคนไม่ได้สติ
“ผมรักตรีจริงๆ นะ ฮึก...” เสียงสะอื้นเจือปนไปกับเสียงอ้อนวอนที่มาพร้อมกับการกระทำอันอุกอาจแบบที่ผมไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะกล้าทำ ฝ่ามือข้างหนึ่งของโชเริ่มลูบไล้ร่างกายผมไปทั่ว ขณะที่อีกข้างก็พยายามปลดกระดุมเสื้อออกอย่างถือวิสาสะ
บ้าชิบ หมอนี่มันป่วยจริงหรือเปล่าวะ ทำไมถึงได้แรงเยอะขนาดนี้
ผมรู้ว่าตัวเองไม่ใช่สาวน้อยบอบบางที่จะหมดท่าเพียงเพราะโดนชกแค่ครั้งเดียว แต่สถานการณ์มันเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนผมไม่รู้แล้วว่าต้องทำยังไงจริงๆ ในหัวมันขาวโพลนไปหมดจนได้แต่พยายามดิ้นพล่านเพื่อออกจากพันธนาการของคนตรงหน้าอย่างสติแตก
“โช! หยุดก่อน โช!” ผมตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อให้เขาหยุด แต่ดูเหมือนโชจะไม่มีสติเลย เขายังคงเอาแต่ระดมจูบไปบนร่างกายท่อนบนของผมที่ตอนนี้อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกฉีกกระชากจนกระดุมหลุดหมดแผงอย่างน่าอนาถ
“ตรีรู้ได้ยังไงว่าพี่เชนเขารักตรีจริง” แล้วอยู่ๆ โชก็หยุดริมฝีปากตัวเอง เงยหน้าขึ้นมาสบตาผมด้วยใบหน้าที่มีน้ำตาอาบแก้ม “รู้ได้ไงว่าเขาจะรักตรีมากกว่าผม!”
“...”
“คนอย่างพี่เชน มีผู้หญิงตั้งมากมายพร้อมเสนอตัวมาให้เลือก ฮึก... แล้วตรีจะรู้ได้ยังไงว่าเขาจะไม่เผลอใจไปหาผู้หญิงพวกนั้น!” โชเริ่มสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารอีกครั้ง เขามองหน้าผมด้วยสายตาเจ็บปวดแบบที่สัมผัสได้ ก่อนจะกลบเกลื่อนความเจ็บปวดนั้นด้วยการฝังใบหน้าลงกับซอกคอของผมอีกครั้งกดเม้มริมฝีปากลงมาบนผิวกายของผมอย่างอ่อนแรง
และคราวนี้ผมไม่คิดจะดิ้นขัดขืนแล้ว
เพราะผมรู้ว่าโชไม่ได้อยากทำในสิ่งที่กำลังทำอยู่เลย
“เรารู้ว่าพี่เชนจะไม่เปลี่ยนใจ” ผมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ดังพอที่จะทำให้คนที่พยายามจาบจ้วงลุกล้ำเข้ามาแทรกกลางความสัมพันธ์ของผมด้วยวิธีผิดๆ ต้องหยุดชะงักลง
"..." โชไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตา แต่ผมก็รู้ว่าเขาฟังผมอยู่
“ต่อให้วันข้างหน้ามีผู้หญิงเข้ามามากมายขนาดไหน เราก็เชื่อว่าเขาจะยังรักเรา”
มันไม่มีอะไรมายืนยันได้เลยว่าสิ่งที่ผมพูดมันจะเป็นจริง... ผมก็แค่เชื่อ เชื่อในความสัมพันธ์ของเรา
“ขอโทษที่เราไม่รู้ว่าโชรักเราแค่ไหน หรือโชรักเรามากกว่าพี่เชนหรือเปล่า”
“...”
“แต่คนที่เรารัก... ก็คือพี่เชน... ไม่มีวันเป็นคนอื่นอีกแล้ว”
“...”
“ขอโทษครับ ที่ยอมรับความรู้สึกของโชไม่ได้” ผมเอ่ยคำนั้นออกมาจากใจจริง
ผมไม่โกรธที่โชพลาดพลั้งทำเรื่องแย่ๆ ลงไปเพราะผมรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ และต่อให้สุดท้ายเขาทำสำเร็จ คืนนี้ร่างกายของผมกลายเป็นของเขาไปจริงๆ ...มันก็ไม่มีความหมาย เพราะหัวใจของผมจะยังคงเป็นเหมือนเดิม
ผมรักเชน... นั่นคือความสัตย์จริง
“ฮึก...ฮือ...” โชนิ่งไปพักใหญ่หลังจากได้ยินคำพูดอันมั่นคงของผม ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างไม่คิดจะเก็บกดความรู้สึกไว้อีก ร่างกายของคนตัวเล็กกว่ายังคงคร่อมอยู่เหนือร่างผม แต่ไม่คิดจะทำอะไรน่ารังเกียจแบบก่อนหน้านี้อีกแล้ว เขาเพียงแค่ซุกหน้าลงมาร้องไห้กับไหล่ผมอย่างต้องการที่พักพิงเท่านั้น
พลั่ก!
แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดชะงักลงอีกครั้ง เมื่อเสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับบานประตูที่ถูกกระแทกเข้ามาอย่างแรงตามอารมณ์คุกรุ่นของร่างสูงที่เป็นคนเปิดมันออก
วินาทีต่อมา ก่อนที่สมองของผมจะประมวลได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างของโชก็ลอยหวือออกจากร่างผมไป กระแทกกับกำแพงด้านหลังอย่างแรง เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากจนแม้แต่โชก็ไม่ทันได้ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บ ขณะที่ผมเองก็ได้แต่นอนนิ่งเบิกตากว้างมองร่างสูงที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจ
มองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเรียวคมที่ปรายตากลับมาสบตาผมด้วยความเย็นชา ก่อนจะเดินตามไปกระชากร่างของโชขึ้นมาปล่อยหมัดลุ่นๆ ลงกับใบหน้าใสโดยไม่เอ่ยคำพูดใดๆ
เชน...
ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้??
“เฮ้ยพี่! ใจเย็นๆ ก่อน!” เสียงไอ้ซันที่พุ่งตามเข้ามาปลุกผมขึ้นจากคำถามในหัว ได้สติว่าตอนนี้เชนกำลังทำร้ายโชที่ร่างกายอ่อนปวกเปียกอยู่ในกำมือของเขาอย่างไร้ทางสู้
“พี่เชน! หยุดก่อน เดี๋ยวมันก็ตายหรอก โอ๊ย!” เสียงร้องห้ามขาดห้วงไปเมื่อไอ้ซันพยายามจะเข้าไปขวางแต่ดันถูกกำปั้นของเชนซัดเข้าที่มุมปากเต็มแรงจนหน้าหัน
“มึงถอยไป” น้ำเสียงเยือกเย็นของเชนดังขึ้นมา พร้อมกับที่ฝ่ามือหนาที่เอื้อมไปกำคอเสื้อน้องรหัสตัวเองไว้ทำท่าจะโยนออกไปให้พ้นทาง
"ใจเย็นๆ ก่อนดิพี่!" แต่ไอ้เพื่อนตัวดีของผมก็ไม่ยอม พยายามยื้อตัวเองไว้และร้องให้เชนหยุด แม้ว่าริมฝีปากมันจะมีเลือดอาบแล้วก็ตาม
“เชน!” ผมตะโกนเรียกเมื่อได้สติว่าควรทำอะไรสักอย่าง ผมลุกจากเตียงวิ่งไปคว้าแขนแข็งที่เงื้อขึ้น เตรียมจะชกหน้าไอ้ซันอีกรอบเพราะมันไม่ยอมถอย
ร่างสูงหยุดชะงัก ก่อนจะตวัดสายตาน่ากลัวกลับมามองผม ขณะที่กำหมัดแน่นเหมือนกำลังพยายามห้ามตัวเองให้หยุด
“นายกำลังเข้าใจผิดนะ มันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย” ผมพยายามอธิบายแม้ว่าสภาพร่างกายของตัวเองตอนนี้จะไม่ได้เป็นอย่างที่พูดก็ตาม
เชนนิ่งไปมองสภาพของผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาคมกริบ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น เมื่อเห็นเสื้อเชิ้ตท่หลุดลุ่ยเผยให้เห็นร่องรอยที่โชทิ้งไว้บนร่างกายของผม ถึงแม้ดวงตาคมกริบจะยังมองมาอย่างน่ากลัว แต่สุดท้ายเขาก็ยอมลดหมัดลงแล้วเปลี่ยนมาเป็นคว้าแขนผมแทน
“มานี่!” ฝ่ามือหนาบีบแขนผมแน่นก่อนจะลากออกจากห้องไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรอีก
แต่ก่อนที่จะพ้นประตู สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นว่าโชที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมเต็มทีมองผมด้วยสายตาเจ็บปวดและอ่อนล้า ก่อนที่ร่างเล็กที่กำลังสั่นเทิ้มจากการร้องไห้อย่างหนักจะหมดสติไป ซบกับหลังของไอ้ซันที่ยืนอยู่ตรงหน้าพอดี
ผมตกใจแต่ก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรมากไปกว่านั้น เพราะลำพังตัวเองก็ยังเอาชนะแรงของร่างสูงของคนตรงหน้าไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เชนลากผมออกมาจนถึงชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ตรงประตูทางเข้ามีรถสปอร์ตสีดำคันหนึ่งจอดขวางอยู่ ผมไม่คิดว่าเป็นของเชนจนกระทั่งเขาเดินมาเปิดประตูและจับผมโยนเข้าไปในรถโดยไม่พูดไม่จา
ตลอดทางผมไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรสักคำ ไม่กล้าหายใจด้วยซ้ำตอนที่เขาเหยียบคันเร่งต่อเนื่องด้วยอารมณ์คุกรุ่นจนเรามาถึงหอภายในไม่กี่นาที
“นี่ ฟังก่อน...” ผมพยายามคิดหาคำพูดอะไรสักอย่างขึ้นมาทำลายบรรยากาศ แต่ทันทีที่จอดรถสนิท เชนก็เปิดประตูลงไปโดยไม่ทันให้ผมได้พูดอะไรจบ
“เชน!” ผมตะโกนเรียกเมื่อเห็นร่างสูงสาวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปในหอพักและทิ้งผมไว้ในรถอย่างไม่ไยดี แต่เขาก็ไม่หันกลับมา ผมจึงเลิกนั่งเซ่อแล้วเปิดประตูวิ่งตามเขาลงไปแทน
"เชน! พี่เชน!" กว่าจะตามทัน ก็ตอนที่เขาเดินขึ้นมาถึงห้อง ไขประตูเข้าไปและปิดประตูใส่หน้าผมอย่างแรง
ผมรีบเปิดประตูตามเข้าไปเพื่อจะอธิบาย แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อพบว่าร่างสูงที่เดินนำเข้ามาก่อนหยุดยืนหันหลังอยู่ตรงหน้านี่เอง แผ่นหลังกว้างที่เครียดเกร็งกับฝ่ามือที่กำหมัดแน่น บ่งบอกให้รู้ว่าเขากำลังโกรธจัดแค่ไหน
“โง่ชิบ” เสียงทุ้มเอ่ยรอดไรฟันขณะที่ยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองเหมือนกำลังพยายามสงบสติอารมณ์ “ไม่น่ามาวันนี้เลย”
“ขะ...ขอโทษ” ผมอึกอัก กำลังจะเดินเข้าไปหาเขา ทำอะไรก็ได้ให้รู้ว่าเขากำลังเข้าใจผิด
แต่แล้วดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก็ตวัดกลับมาสบตาผมด้วยสายตาอ่านยาก ก่อนที่ร่างสูงจะเป็นฝ่ายสาวเท้าเข้ามา ดันร่างผมกลับไปชิดประตูอย่างแรงพร้อมกับทาบริมฝีปากลงมาทันทีโดยไม่ปล่อยให้ผมตั้งตัว
“มันแตะตรงไหน” เสียงทุ้มถามรอดไรฟันอีกครั้งหลังจากที่ถอนริมฝีปากออก มองผมด้วยสายตาเย็นชา “ถามว่ามันแตะตรงไหน!” เขาขึ้นเสียงเมื่อผมไม่ตอบในทันที
“เชน...” ผมกลัวสายตาและท่าทางโกรธจัดของเขา จนทำได้แค่เอ่ยชื่อคนตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ผมรู้ว่าเขาโกรธ... แต่แบบนี้มันน่ากลัวเกินไป
“ถ้าไม่บอก ฉันจะหาเอง” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังจนน่ากลัว ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจัดจะทาบลงมาบนริมฝีปากของผมอย่างรุนแรงอีกครั้ง พร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งล็อกใบหน้าผมไว้ไม่ยอมให้ขัดขืน ขณะที่มืออีกข้างก็ฉีกกระชากเศษเสื้อเชิ้ตที่อยู่บนตัวของผมออกไปให้พ้นทาง เหลือเพียงร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าเพื่อให้ร่องรอยที่โชได้ทิ้งไว้เผยออกมาได้ชัดเจน
“เชน ฟังก่อน” ผมเอ่ยอย่างใจเย็น และพยายามดันร่างของเขาออก แต่เจ้าของริมฝีปากร้อนจัดกลับเลื่อนจูบหนักๆ ลงไปที่ซอกคอและไหปลาร้าเปลือยเปล่าของผม กัดเม้มอย่างรุนแรงราวกับต้องการจะใช้รสจูบของเขาลบล้างทุกสัมผัสของโชให้หายไป
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด...อึก!” คำพูดของผมถูกกลืนหายไปทันทีที่ริมฝีปากของเขาเลื่อนลงมาที่แผ่นอกของผม มอบสัมผัสแปลกประหลาดที่ทำเอาผมผงะ หยุดคำพูดและความคิดทุกอย่างที่กำลังพรั่งพรูอยู่ในหัว
“หุบปาก” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยอย่างเอาแต่ใจ พร้อมกับใช้มือหนาข้างหนึ่งล็อกแขนทั้งสองข้างของผมไว้กับกำแพง ไม่ให้ผลักร่างของเขาได้อีก
นี่มัน... ไม่ใช่แล้ว
มันไม่ควรเป็นแบบนี้สิวะ
“ดะ...เดี๋ยว...เชน” ผมพยายามร้องห้ามเมื่อร่างสูงเริ่มระดมจูบสะเปะสะปะไปทั่วผิว ในขณะที่มือซุกซนเริ่มเลื่อนไปในที่ที่ไม่ควรสัมผัสอย่างน่ากลัว
“พี่เชน! หยุด!” และก่อนที่มือข้างหนึ่งของเขาจะปลดกระดุมกางเกงผมสำเร็จ ผมก็รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายตะโกนเตือนสติเขาพร้อมกับผลักร่างสูงออกไป
“เวรเอ๊ย!” เสียงทุ้มสบถออกมาเสียงดังด้วยความโกรธจัด เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมด้วยสายตาเจ็บปวดแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วหมุนตัวกลับไปทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง เท้าแขนลงกับเข่าและซุกใบหน้าลงกับฝ่ามือราวกับกำลังพยายามข่มความรู้สึกบางอย่างเอาไว้
“ทำแบบนั้นทำไม” นานหลายวินาทีกว่าเขาจะเอ่ยคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงขาดห้วงราวกับกำลังสับสน “พอฉันไม่อยู่ ก็ไปหาผู้ชายคนอื่นงั้นเหรอ” เขาหันกลับมามองผมอีกครั้งสีหน้าบ่งบอกถึงความไม่เข้าใจ
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” ผมยังคงพูดคำเดิมซ้ำๆ และหวังว่าเขาจะฟัง "ฉันกับโชไม่ได้มีอะไรกัน" แต่แววตาของเชนกลับฉายแววหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับตวาดกลับมา
“เข้าใจผิดห่าเหวอะไรก็เหอะ! แต่ถ้ามันเป็นอย่างนี้แล้วจะให้เชื่อใจได้ยังไง!”
"..."
"จะปล่อยให้ห่างกันได้ยังไง ถ้าต้องมานั่งหวาดระแวงกลัวใครจะเข้ามา"
“...” ช่างโง่เง่าที่คำอธิบายมากมายที่อยู่ในหัวผม มันไม่สามารถกลั่นออกมาเป็นคำพูดดีๆ ได้เลยแม้แต่คำเดียว
“ที่ฉันทำให้ มันยังไม่พอ?” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยสีหน้าเจ็บปวด พร้อมกับเอ่ยถาม “แล้วจะให้ทำยังไงวะ ถึงจะไม่ไปไหนอีก”
คำถามทิ่มแทงที่ทำให้ผมเจ็บปวดไม่แพ้กัน
“อย่ามาทำให้ฉันกลายเป็นคนโง่ เหมือนตอนยัยทองกวาวนั่น... ขอแค่นั้นไม่ได้หรือไง”
คำพูดของเชนในทุกๆ ประโยคมันบ่งบอกชัดเจนว่าความโลเลที่ผ่านมาของผม มันส่งผลแย่แค่ไหน
มันทำให้เขาไม่เชื่อใจผม...
เป็นความผิดของผมเอง อย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
“อย่ามาแตะ” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยห้ามไว้ เมื่อผมเอื้อมมือออกไปกำลังจะแตะไหล่กว้างที่เครียดเกร็งของเขา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสบตาผมด้วยสายตาเย็นชาอีกครั้ง สายตาที่เหมือนกับจะสื่อว่าให้ผมไปให้พ้น
แต่ถ้าผมยอมแพ้สายตานั่น... ทุกอย่างก็จะพัง
ผมจะไม่มีสิทธิ์ได้พิสูจน์เลยว่า ผมรักเขามากแค่ไหน
“ขอโทษ ที่ดูแลตัวเองไม่ดี” ผมเอ่ยก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าร่างสูงและคุกเข่าลงเพื่อให้เงยหน้าสบตาเขาได้ถนัด
“...” เชนยังคงมองมาด้วยสายตาเย็นชา แต่คราวนี้ไม่มีความไม่ผลักไส
“ขอโทษครับ ที่ไม่เคยทำอะไรให้เชื่อใจได้เลย”
“...”
“พี่เชน” ผมเรียกชื่อเขา แล้วดึงฝ่ามือหนาของเขามาแนบกับแก้มทั้งสองข้างของตัวเอง และมองเขาด้วยสายตาที่ต้องการสื่อถึงความจริงใจ “ถ้าผมบอกว่าต่อไปนี้สัญญาว่าจะไม่ทำให้เสียใจแล้ว จะเชื่อผมมั้ย?”
“...”
“ถ้าพูดว่าจะไม่ทำให้พี่เชนเจ็บเพราะความโลเลของผมอีก จะเชื่อหรือเปล่า?”
“...”
“สัญญาได้มั้ย... ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น... พี่เชนจะยังอยู่ข้างๆ ผม ไม่ไปไหน”
“...”
“แล้วผมจะเป็นคนพิสูจน์เอง...ว่าผมรักพี่เชนยิ่งกว่าใครๆ... และจะไม่ยอมให้ใครมแทรกกางระหว่างเราอีก” ผมยิ้ม มองใบหน้าที่อ่อนลงของเขาด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เอ่อล้นออกมา
เป็นความรู้สึกที่เกิดจากการตัดสินใจทำบางอย่างในหัว...
และผมภาวนาว่ามันจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิดพลาดอีก
ดูเหมือนความโกรธจะมลายหายไปจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยหมดแล้ว โดยที่ผมไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาวในเรื่องที่เกิดขึ้นเลย เขารู้ดีว่าผมไม่ได้โกหก และผมเชื่อว่าสายตาของผมที่แสดงความรู้สึกทั้งหมดที่มีออกไป คงจะทำให้เขาเชื่อใจผมขึ้นมาบ้าง แม้นิดเดียวก็ยังดี
“จะทำอะไร” เขาถาม พลางเกลี่ยนิ้วโป้งวนไปมาบนใบหน้าของผมเบาๆ
ผมยิ้มแทนคำตอบ ก่อนจะยืดตัวขึ้นเพื่อให้ใบหน้าเราอยู่ในระดับเดียวกัน แล้วเอ่ยคำถามใหม่ขึ้นมา “จำได้มั้ยที่พี่เชนเคย
ถาม ว่าจะยอมอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตหรือเปล่า... ตอนนั้นพูดเล่นหรือจริงจัง”
“จริงจัง” เขาตอบทันที ไม่ทิ้งเวลาให้ผมรอเลย
ผมหัวเราะอย่างพอใจในคำตอบนั้น ขณะที่แตะหน้าผากลงกับหน้าผากของเขาเบาๆ สบตากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวย และเอ่ยในสิ่งตัวเองตัดสินใจแล้วออกมาให้เขาได้ยิน
“ถ้างั้น... ก็ช่วยดูแลผม ไปตลอดชีวิตที่เหลือเลยได้มั้ย?” ผมเว้าวอน ในขณะที่เชนนิ่งไป คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงระเหี่ยใจอย่างไม่จริงจัง
"แล้วฉันจะปฏิเสธได้ยังไง" เขาว่า ก่อนจะจรดริมฝีปากลงมาบนหน้าผากของผม เลื่อนลงมาที่จมูก และทาบทับลงมาบนริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา
รสจูบที่เร่งเร้าขึ้นตามการตอบสนองของผมที่ขยับเข้าไปใกล้เพื่อตอบรับสัมผัสของเขาโดยไม่คิดจะขัดขืน เราต่างมอบจูบลึกซึ้งให้กันและกันด้วยความรู้สึกมากมายที่เปี่ยมล้นออกมาเกินต้านทาน อ้อมแขนแข็งแกร่ง ดึงร่างของผมขึ้นไปนั่งบนตักเขาและจูบอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ก่อนจะพลิกตัวดันร่างผมให้เอนหลังลงบนเตียงโดยมีร่างเขาตามขึ้นมาคร่อมไว้ ขณะที่ริมฝีปากของเรายังไม่แยกจากกันแม้สักวินาที
จูบที่ลึกซึ้งกว่าครั้งไหนๆ ส่งผลถึงร่างกายที่กำลังร้อนจัดของเราทั้งคู่ให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นจนเกือบจะเลยเถิดไปตามจินตนาการ... แล้วไม่นานเชนก็ถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ขมวดคิ้วสบตาผมด้วยสายตาที่ดูสับสนและงุ่นง่านในเวลาเดียวกัน
ผมเดาออกได้ไม่ยากเย็นเลยว่าเขากำลังคิดอะไร
ผมจึงหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายรั้งท้ายทอยของเขาลงมาเพื่อทาบริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากของเขาอีกครั้ง เป็นการให้คำตอบในสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจ
ว่าผมอนุญาต...
เชนส่งเสียงหัวเราะในลำคอออกมาอย่างเข้าใจ ร่างหนาขยับเข้ามาชิดกันมากกว่าเคยเพื่อมอบจูบอันดูดดื่มที่ลุกล้ำไปยังผิวกายทุกๆ ส่วนของผมด้วยความรู้สึกโหยหา เราต่างกอดกันแน่นขึ้นในทุกๆ วินาทีราวกับไม่อยากให้มีแม้แต่ธุลีของอากาศเข้ามาแทรกกลางระหว่างเราได้อีก
เขามอบสัมผัสแห่งความสุขลึกซึ้งในแบบที่ผมไม่เคยได้รับจากใครมาก่อนในชีวิต ด้วยความรักที่ไม่อาจแสดงออกผ่านเพียงคำพูดได้อีกต่อไป
สัมผัสแห่งรักที่ช่วยยืนยันว่าคราวนี้ผมตัดสินใจไม่ผิด
มันถึงเวลาแล้ว ที่ผม จะมอบทุกสิ่งทุกอย่างของผมให้ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า
ผู้ชายเพียงคนเดียว ที่ผมรักหมดหัวใจ
-- makok_num --