เสน่หา...รักเอย {จบแล้วจ้า}{Mpreg}{P.๑๔}{๑๕/๐๕/๖๑}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เสน่หา...รักเอย {จบแล้วจ้า}{Mpreg}{P.๑๔}{๑๕/๐๕/๖๑}  (อ่าน 154499 ครั้ง)

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ดีใจมากที่มาต่อ
อ่านเรื่องนี้ทีไรได้น้ำตาทุกที
ตอน 30 เป็นตอนที่ยาวมากจริงๆ ค่ะ
สามส่วนกันเลยทีเดียว

พี่วินได้เบอร์น้องแล้วจะทำยังไง
รีบไปง้อน้องเลยนะพี่วิน

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ คิดถึง 3แฝด

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มีโอกาสแล้วก็ทำให้ดีล่ะ ไม่ขอพูดอะไรมากแล้วกัน ปล่อนให้กานต์ตัดสินใจเอง

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
บวกเป็ด  o13 o13 o13

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
ยาวนาน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อ่านตอนนี้แล้ว รู้สึกอยากจะให้เป็นอย่างที่เฮียเดชแกบอกหว่า  :m23:

ออฟไลน์ pamazier24

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ได้โอกาสมาแล้วทำให้ดีล่ะวิน

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
สารภาพครับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หยุดอ่านไปหลายครั้งมาก สิริรวมแล้วน่าจะสองสามครั้ง ที่ผมหยุดก็มีหลายสาเหตุนะครับ ขอตั้งสังเกตไว้ตรงนี้แล้วกัน

ข้อแรก ผมรู้สึกว่าศัพท์บรรยายของเรื่องดูไทยโบราณมาก คือมันไทยแบบค่อนข้างไทยโบราณสมัยรัชกาลที่ห้าเลยครับ มีการใส่กลอน มีการใส่สุภาษิตไทยเข้ามาเพื่อสอนตัวละคร แต่เนื้อเรื่องคือยุคสองพันกว่าแล้ว ดังนั้นการบรรยายแบบนี้มันเลยทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ค่อยสอดคล้องกับสภาพการดำเนินเรื่อง โดยเฉพาะยิ่งในฉากมหาวิทยาลัยสมัยใหม่ครับ จะมีฉากที่ใช้การบรรยายแบบนี้ที่เรารู้สึกว่าอ่านแล้วสวย งดงาม คือฉากที่รพีกานต์กลับไปหารพินทร์ กับตอนที่อยู่บ้านต่างจังหวัดกับณัฐธีร์นี่แหละครับ เพราะการบรรยายแบบนี้มันค่อนข้างไหลลื่นไปกับฉากประกอบ ความสัมพันธ์ของพ่อลูกคู่นี้ค่อนข้างอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยดั้งเดิม ทั้งเรื่องอาหาร ที่พักอาศัย ดังนั้นการบรรยายไทยโบราณก็จะทำให้รู้สึกสวยงามไม่น้อย ณัฐธีร์เองก็เด็กวัด กับฉาก flashback ที่เป็นสมัยอดีตแบบต่างจังหวัด มันก็ส่งเสริมการบรรยายแบบนี้ได้ดี

ข้อที่สองคือเนื้อเรื่องเคลื่อนช้ามากละมั้งครับ ผมเห็นเขียนมาตั้งแต่ปีที่แล้วตอนต้นปี แต่ก็ยังค่อยๆเคลื่อนมา เนื่องด้วยความไม่กลมกลืนข้อแรก มันทำให้เวลาเนื้อเรื่องเคลื่อนบางทีก็รู้สึกแปลกๆ อย่างตอนคารมอัครวินพะเน้าพะนอ ผมรู้สึกว่ามันดูลิเกแปลกๆน่ะครับ เพราะสไตล์จีบแบบนี้มันค่อนข้างไทยสมัยเก่าเลยนะ ซึ่งมันแปลกจากสภาพคำพูดคำจาแบบวัยรุ่นของพื้นหลังเรื่องที่เข้าสู่ยุคโมเดิร์น หรือตอนณัฐธีร์ตัดพ้อที่กานต์ไม่รัก มันเลยดูลิเกแปลกๆแล้วตะขิดตะขวงน่ะครับ

สำหรับพล็อต มีทั้งจุดที่ดีและไม่ดีนะครับ ข้อดีคือผมรู้สึกว่าใส่ตัวละครมาเยอะดี และทุกคนมีบท ถึงแม้การบรรยายของฉากปฏิสัมพันธ์ของตัวละครหลายคู่จะค่อนข้างอึนๆหน่อย แต่เนื้อเรื่องสนับสนุนของตัวละครทุกตัวมีหมด วาเลนไทน์ ปมของคุณปู่และคุณแม่ของอัครวินท์ ความสัมพันธ์ในอดีตของรพินทร์และอินทัช ณัฐธีร์และอัศม์เดชก็มีบทในช่วงที่ควรมี ทำให้เนื้อเรื่องมีมิติมากขึ้น

ผู้แต่งเขียนฉากสะท้อนความเจ็บปวดของอัครวินท์ได้ดีนะครับ แต่ยังน้อยเกินไป ฉากที่ผมเห็นหนักๆว่าเขาเกลียดอดีตของพ่อคือฉากที่เขาทะเลาะกับอินทัชแล้วทำลายข้างของ กับฉากที่เขาสั่งคนไปทำร้ายน้องเก้า แต่มันมีแค่สองฉากครับ มันยังขยี้ไม่พอ สองฉากนั้นดีมากเลยนะ แค่มันยังไม่มากพอที่จะสะท้อนปมชีวิตของอัครวินท์ให้คนอ่านเห็นได้ชัดเจนครับ ควรมีฉากเพิ่มมากกว่านี้

เอาจริงๆตอนแรกที่ผมตัดสินใจอ่านเพราะอินโทรนะครับ ผมเห็นว่าเหมือนตัวนางจะได้รับการร่วมรักจากคนที่มีบุคลิกที่เป็นตัวพระถึงสองคน มันมีความนัยเชิงวรรณกรรมเยอะมากแบบนี้ เพราะมันอาจใส่แนวคิดหลายแบบมาใส่ในเรื่องได้เยอะมาก และเรื่องนี้ก็มีแนวคิดเยอะมากจริงๆ ทั้ง
- คนที่รักเราแต่เราไม่รักเขา แต่สถานการณ์คือสนิทกันมานาน ควรทำยังไง
- ปมชีวิตของครอบครัวอัครวินท์ มันคือใครผิดกันแน่ อินทัชกับรพินทร์ หรือแม่ของอัครวินท์ หรือคุณปู่ของอัครวินท์ ผมชอบปมตรงนี้มากเพราะมันค่อนข้าง subjective ครับ
- การเรียนรู้เกี่ยวกับความรักของอัครวินท์ ณัฐธีร์ รพีกานต์ รวมถึงตัวละครที่มีแนวโน้มโรแมนติกตัวอื่นๆ
- การเปลี่ยนแปลงของความคิดจากความสัมพันธ์ที่เคยผูกพันกันแน่นมากของอินทัชกับรพินทร์ แต่ต้องแยกกัน
จะเห็นว่าแนวคิดหลายข้อแตกออกมาได้เป็นพล็อตซ้อนกันเยอะมาก ผมจับประเด็นทั้งหมดได้ แต่อยากให้จัดระบบมากกว่านี้ครับ มันดูปนๆกันไปหมด ทำให้อ่านแล้วไม่เกี่ยวเนื่องและอารมณ์ของหลายๆฉากมันไม่เกื้อหนุนกันครับ ทำให้ขยี้ไม่สุดสักแนวคิด แถมยังมีเรื่อง Mpreg ของรพีกานต์มาเอี่ยว หนีไปให้อัครวินท์ต้องตามง้อ รพินทร์เป็นมะเร็งอีก คือมันเกี่ยวพล็อตเยอะมากจนผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์มันตีกันเยอะ แถมบทบรรยายที่ไม่เข้ากับฉากประกอบก็จะยิ่งทำให้คนอ่านมึนไปอีก ถ้าให้ผมแนะนำ คือพล็อตทั้งหมดดีมากๆแล้ว Epic ดี แต่ควรขยี้ให้จบไปเป็นเรื่องๆครับ ผมแนะนำให้ลองวาดแบ่ง section คร่าวๆในกระดาษ ว่าจะแบ่งเป็นกี่ช่วง ช่วงไหนเน้นขยี้อารมณ์ไหนแล้วจะแทรกแนวคิดอันไหน มันจะเป็นระบบแล้วคนอ่านจะไหลตามกระแสอารมณ์ของเรื่องได้ดีกว่าครับ

อย่างเรื่องอัครวินท์ ถ้าจะโฟกัสเขาตั้งแต่ต้นเรื่อง สารพัดปมของเขา ก็โฟกัสให้จบถึงช่วงที่กานต์ตัดสินใจจะหนี ตรงนี้เราแทรกเรื่องของณัฐธีร์มาได้ให้พล็อตของเขาจบ หลังจากนั้นเราก็โฟกัสต่อที่อัครวินท์จนกว่าจะคิดได้ อันนี้ก็จะจบไปหนึ่งเรื่อง ตรงช่วงแรกนี้คุณคนเขียนอยากใส่ Easter Eggs ของใครบ้างก็ใส่มาได้ครับ ควรใส่มาให้หมดเพื่อให้คนอ่านใครรู้เกี่ยวกับพล็อตสนับสนุน แต่เราเน้นที่ปมของอัครวินท์ พอเรื่องเขาจบ รพีกานต์หนีไปแล้ว เราค่อยมามาขยี้เรื่องรพินทร์หรือเรื่องใครก็ได้ที่เราซ่อน Easter Eggs ไว้ในช่วงแรกต่อครับ มันก็จะจบเป็นช่วงๆ ทำให้เราเข้าใจตัวละครตัวนึงได้เต็มที่ เพราะเราเน้นรพีกานต์ดำเนินเรื่อง และรพีกานต์ต้องเจอคนใหม่อีก ตรงช่วงรอยต่อของคนสองคนนี่แหละครับ ที่จะทำให้เราใส่สารพัดเนื้อเรื่องพื้นหลังเข้ามาได้ และทำให้คนอ่านมีความคิดที่น่าสนใจ เพราะตัวละครเยอะ ใครจะเข้าฝั่งใครก็จะมีกันเยอะมาก ยกตัวอย่างเช่นผม

ตอนแรกผมอ่านๆไป ผมยังคิดว่าณัฐธีร์นี่ร่างสูงโปร่งเลยนะครับ เพราะช่วงแรกๆไม่มีบรรยายเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของณัฐธีร์อย่างละเอียดเลย จนมาถึงฉากต่อยกันกับอัครวินท์นี่แหละที่ผมเพิ่งรู้ว่าเขาตัวพอๆกัน เห็นตอนแรกเป็นประธานคณะวิศวะ แถมมีบุคลิกอ่อนโยนใจดีกับทุกคน ภาพของณัฐธีร์ในสายตาผมเลยดูเป็น Soft and Gentle มาก เป็นสุภาพบุรุษที่สูงโปร่ง (เพราะเหมือนผมเห็นว่าบรรยายตอนแรกไว้ว่าอย่างนี้ และตอนที่เจออัศม์เดชก็ดูเหมือนจะคนละไซส์กันจริงๆ) แถมความเป็นคนดีของณัฐธีร์นี่แบบ โอ้โห ผมแทบหลั่งน้ำตาให้เลยกับสารพัดมรสุมที่เข้ามาหาเขาน่ะ ทั้งรักเขา ทุ่มเททุกอย่าง แต่เขาไม่รักตอบ แถมการกระทำหลายๆอย่างของกานต์ก็ค่อนข้างทำร้ายจิตใจณัฐธีร์พอสมควร (โอเค มีหลายครั้งเหมือนกันที่บทพูดณัฐธีร์ดูตื๊อกานต์มากไปหน่อยจนผมรำคาญ) แต่ความดีหลายๆอย่างและความรู้สึกห่วงใยใส่ใจของเขาก็ทำให้ผมประทับใจตัวละครนี้นะ พอเจอบทที่สามสิบนี่ผมยัง...เอ้อ.. หรือว่าจะเป็น อัครวินท์ x ณัฐธีร์ ดีวะเนี่ย ดูเป็นคู่ที่น่าจะเลี้ยงลูกได้ดี นิสัยต่างกันสุดขั้วจากปมชีวิตที่แตกต่างกันขนาดนี้ มันจะปรับหากันได้ยังไง

เอาจริงๆผมคิดว่ารพีกานต์เล้าหลือระดับนึงเลยนะครับ ผมชอบการบรรยายของรพินทร์ที่สอนลูกดี แต่บางครั้งดูเหมือนรพีกานต์จะให้บุคลิกแบบทำอะไรไม่ได้เลยหรืออ่อนแอมากจนรู้สึกเหมือนต้องปกป้องตลอดเวลา ทำให้ฉากรพีกานต์ต้องสอนลูกมันมาบ่อยจนเกินไป จนผมรู้สึกแปลกๆ เพราะมันขัดอารมณ์เนื้อเรื่องครับ บุคลิกแบบนี้ควรอยู่ในวรรณกรรมชายหญิงมากกว่าวรรณกรรมชายชายน่ะนะ ไม่ได้หมายความว่าใส่คาแรกเตอร์แบบนี้ไม่ได้นะครับ แต่มันควรมีเอกลักษณ์ที่ไม่ Girlish จนเกินไป หรือถ้าจะใส่คาแรกเตอร์แบบนี้ ต้องเว้นระยะของฉากร้องไห้หรือฉากสะเทือนใจบ่อยๆของรพีกานต์ครับ อย่าใส่มาติดๆกันเกินไป มันดูบ่อยจนไม่เห็นฝั่งของตัวละครอื่นหรืออารมณ์อื่นของตัวละคร

ตอนนี้ที่ผมอยากเห็น ก็เป็นพวกพล็อตของครึ่งหลังของพ่อเลี้ยงไร่ติดกันกับรพีกานต์น่ะครับ จั่วหัวมาว่าต้องได้กันแน่ๆ ทีนี้ผมก็รอดูพล็อตสนับสนุนอย่างอื่นแล้วแหละ แล้วก็ดูพวกสัมพันธ์ของอินทัชกับครอบครัว ถ้าเขาเจอรพินทร์ ผมคิดว่าคู่นี้ลุ้นไม่ขึ้นหรอก แต่ก็น่าสนใจว่าจะแก้ปัญหายังไง เพราะเอาเข้าจริง ผมก็ไม่คิดว่าภรรยาของอินทัชผิดนะครับ คือถ้าอินทัชตัดสินใจแต่งงานแล้ว ก็ควรต้องทำหน้าที่ให้ดีน่ะครับ ต่อให้ไม่รัก แต่หน้าที่ของสามีทางนิตินัยต้องเหมาะสม รักษาน้ำใจของคนอยู่ร่วมกัน เว้นระยะห่างบ้างเพื่อให้เกียรติต่อพื้นที่ส่วนตัว ไม่ใช่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนแต่งงานแล้วไม่ให้เกียรติกัน มันก็เลยทำให้ลูกมีปัญหาน่ะครับ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
มาต่อแล้ว ตอนวินโดนจีบนี่ขนลุกเลย นึกว่าะโดนเปลี่ยนขั้วซะแล้ว หรือจะเป็นวิน-ณัฐดี 55555 ไม่เอาๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เสน่หา...รักเอย๓๐(Mpreg)(P.๑๓)(๐๖/๑๒/๖๐)
« ตอบ #399 เมื่อ: 07-12-2017 19:30:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
บอกได้แค่ว่า งานนี้พี่ณัฐเอาคะแนนแม่ยกไปเลย คือ สุภาพบุรุษมากๆ ทั้งใจดี ทั้งมีความเป็นผู้ใหญ่ อบอุ่น แล้วก็รักเด็กอีก ให้พี่ณัฐเป็นนางเอกเถอะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4:

ออฟไลน์ i_Tipz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 o13 o13 o13 o13

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
อ่านทันแล้ว อยากให้กานต์กับพี่วินปรับความเข้าใจกันได้เร็วๆ :L2:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
วินมีเบอร์แล้วจะเป็นยังไงบ้างน้า

พี่ดินจะจำที่ทำกับน้ำได้ไหมเนี่ย สงสารน้ำมากเลย

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
เสน่หา...รักเอย ๓๑
แสนคะนึงหนึ่งน้อยกลอยเนื้อเจ้า

ยินเสียงเรียมร่ำร้อง      รอนรัก   ราแฮ
ทรุดสั่นนวลไสผลัก      หม่นช้ำ
เรียมขอพี่ยอมหัก         ยอมปล่อย กลอยนา
รอนพี่เจ็บลึกล้ำ         พี่กล้ำกลืนยอม

แสนคะนึงหนึ่งน้อยกลอยเนื้อเจ้า   พี่นอนเหงาเศร้าซึมรำพึงหา
เคยทำผิดคิดชั่วรู้ตัวช้า         ยามรักราน้ำตาหลั่งดั่งขาดใจ


“คุณดินคะ มีแขกชื่อคุณกานต์มาขอพบค่ะ ตอนนี้รออยู่ที่ห้องรับแขก กำลังคุยอยู่กับคุณต้นน้ำค่ะ” เสียงแม่บ้านเคาะประตูหน้าห้องทำงานอยู่สองสามหน ก่อนเอ่ยปากรายงานกิจธุระ อัษศดิณย์เงยหน้าจากกองเอกสารบนโต๊ะ ชื่อที่คุณแม่บ้านรายงานมาทำให้เขาชะงัก คิ้วเข้มขมวดหากันนิดหนึ่ง

“คุณดินคะ” เสียงคุณแม่บ้านขานซ้ำ เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากนายใหญ่ของบ้าน อัษศดิณย์ดึงสติกลับ ปรับอารมณ์สีหน้าให้เป็นปกติเอ่ยตอบออกไป

“เดี๋ยวผมไป ขอบคุณครับนม” ชื่อแขกที่มาขอพบทำให้ใบหน้าคมคายขรึมลง ชายหนุ่มจมอยู่ในห้วงอารมณ์หนักอึ้งเพียงครู่แล้วจึงลุกจากเก้าอี้สาวเท้าไปที่ห้องรับแขก ‘อัษศดิณย์ พิศาลอนันต์ยศ’ ไม่เคยกลัวการเผชิญหน้าและมีความชัดเจนในตัวเองพอ เพียงแต่ชายหนุ่มไม่ชอบความคลุมเครือที่คอยรบกวนจิตใจ แต่เจ้าของใบหน้าใสคนนั้นกลับทำให้เขาตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าควรเดินหน้าต่อหรือถอยหลัง ถ้าคิดโปรยเสน่ห์ปั่นป่วนให้เขาหัวหมุน ชายหนุ่มก็ยอมรับว่าอยากจับมาฟาดก้นสักป้าบสองป้าบให้หายเคือง

ร่างใหญ่เดินอาด ๆ มาที่ห้องรับรองแขก ซึ่งอยู่ชั้นสองของเรือนหมู่ไม้สักทองหลังใหญ่ เพียงแรกสบตารพีกานต์ก็เป็นฝ่ายอึกอักทำอะไรไม่ถูก ก่อนคนตัวเล็กจะรีบยกมือพนมไหว้เขา อัษศดิณย์สีหน้าเรียบสนิทยกมือขึ้นรับไหว้ผู้มาเยือน ไม่วายเหลือบสายตาปรายมองหน้าท้องนูน เป็นเขาที่เข้าใจผิดไปเอง

“กานต์มารบกวนหรือเปล่าครับ” รพีกานต์เอ่ยขึ้นกล้า ๆ กลัว ๆ สีหน้าดูกังวลชัดเจน คำพูดที่เตรียมมาก่อนหน้ากลืนหายหมดสิ้นเมื่อเจอใบหน้านิ่งเฉยของผู้เป็นนายใหญ่ของไร่ อัษศดิณย์ในโหมดเงียบขรึมไม่ต่างจากราชสีห์ยามจ้องหมายปลิดชีพเหยื่อ อีกทั้งแผ่กลิ่นอายน่าเกรงขามดูราวคนแปลกหน้า

“ไม่หรอก นั่งเถอะ” อัษศดิณย์รักษาท่าทีและน้ำเสียงราบเรียบเป็นปกติ บรรยากาศชวนอึดอัดกดดันจนทำให้อีกคนประหม่า

“กานต์อยากขอโทษ” รพีกานต์เอ่ยเสียงอ่อยท่าทีอ้อยส้อย ดวงตางามหลบวูบไม่กล้าสู้สายตาคมกริบ หวาดเกรงจนตัวเกร็งไปหมด

“กานต์เป็นผู้หญิงแล้วก็กำลังตั้งท้อง ที่มาที่นี่คือหลบมาคลอดชั่วคราว พี่เข้าใจถูกไหม” อัษศดิณย์สรุปชัดเจนตรงไปตรงมา

“ถูกครึ่งเดียวครับ ความจริงกานต์เป็นผู้ชาย แต่ร่างกายผิดปรกติจนได้เจอกับพ่อของเด็กในท้อง พอมีพวกแกกานต์เลยหนีมาหลบที่นี่”

“เดี๋ยวนะ พี่ขอทำความเข้าใจกับคำพูดของกานต์หน่อย กานต์เป็นผู้ชายแต่ท้องได้ แล้วก็หลบมารอคลอดที่นี่” อัษศดิณย์ออกจะงุนงงอยู่สักหน่อย ชายหนุ่มประมวลผลตามคำบอกเล่าขณะฟังเรื่องแสนพิลึกพิลั่น สมองปราดเปรื่องกลั่นกรองเรียบเรียงสิ่งที่ได้ยินบรรจุเข้าสมอง พลางสูดลมหายใจลึกกลั้นใจถาม “ต่อแล้วนี่พ่อของเด็กรู้เรื่องไหม”

“รู้ครับ แต่เขาไม่รู้ว่ากานต์อยู่ที่นี่ เรา...มีปัญหากัน และกานต์คงไม่กลับไปอีก จนกว่าเขาจะรามือ ไม่ก็ลูกโตจนเข้าโรงเรียนได้” ท่าทีของรพีกานต์บ่งบอกว่าเจ้าตัวคงจะมีปัญหาหนักอึ้งไม่น้อย

“โอเค พี่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกานต์ แต่กานต์รู้ไหม กานต์ทำเหมือนพี่เป็นไอ้งั่งคนหนึ่ง หรือว่ากานต์ดูไม่ออกว่าพี่กำลังจีบกานต์อยู่” อัษศดิณย์ค่อนข้างหัวเสียอยู่สักหน่อย เขาไม่ใช่คนนิสัยเหลาะแหละ หากคิดจริงจังกับใครชายหนุ่มมักแสดงออกให้รับรู้ หากถูกปฏิเสธอย่างน้อยก็ยังพอทำใจได้

“กานต์ กานต์...” ท่าทางอึกอักของเด็กหนุ่มตรงหน้าพานให้เขานึกอยากจับตัวมาเขย่าแรง ๆ คาดคั้นเสียให้รู้แล้วรู้รอด มันให้ความรู้สึกหงุดหงิดน้อยเสียเมื่อไร

“กานต์คิดจะบอกพี่เมื่อไหร่ครับ คิดจะปล่อยเลยเถิดจนพี่ถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ รู้อีกทีกานต์ก็คลอดเด็กออกมาบอกความจริงให้พี่หน้าหงาย ถ้าถึงตอนนั้นจริง มันไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือครับ” ชายหนุ่มตัดพ้อมากกว่าจะตำหนิ ความจริงใจของเขากลายเป็นสิ่งไร้ค่าในสายตาอีกคนอย่างนั้นน่ะหรือ

“กานต์รู้สึกดีกับสิ่งที่พี่ดินทำให้กานต์ กานต์รับรู้ทุกอย่าง แต่กานต์ขี้ขลาดเกินกว่าจะเริ่มต้นบอก ถ้ากานต์ไม่มีลูก กานต์คงสลัดเรื่องร้าย ๆ ทิ้งไว้กับอดีตแล้วเริ่มใหม่กับพี่ดินได้ กานต์คิดง่าย ๆ แค่ว่าวันหนึ่งกานต์จะลืมเขาแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ แต่เปล่าเลย มันไม่ง่ายขนาดนั้น ยิ่งมีลูกของเขาอยู่ในท้อง พวกแกดิ้นทุกวันตอกย้ำให้กานต์นึกถึงเรื่องที่ผ่านมา กานต์ไม่เคยหมดรักในตัวเขาทั้งที่กานต์พยายามให้โอกาสตัวเองได้เริ่มต้นใหม่ กานต์ไม่ได้อยากทำร้ายพี่ดิน กานต์พยายามแล้ว พยายามจะลืมเขา กานต์ กานต์เสียใจ” รพีกานต์สับสนจนแทบเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก ทุกอย่างพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก ความรู้สึกที่มีต่ออัษศดิณย์ยังไม่ก้าวผ่านถึงคำว่ารัก ด้วยยังมีรั้วรักในอดีตของอัครวินท์กั้นไว้แน่นหนา อัษศดิณย์เพียงมองข้ามรั้วเห็นหน้ารพีกานต์ ส่งยิ้มทักทาย แต่ยังไม่อาจก้าวข้ามไปหาเพราะเจ้าของรั้วยังไม่เปิดประตูให้เขา รพีกานต์เพียงแต่ส่งยิ้มข้ามรั้วนั้นมาให้

“พี่ก็เสียใจกานต์” น้ำเสียงอัษศดิณย์เครือคราง คนที่ใช่มาผิดที่ผิดเวลา มันบั่นทอนหัวใจกล้าแกร่งดั่งหินผาลงได้ถึงเพียงนี้ บรรยากาศปวดร้าวครอบคลุมบริเวณห้องอึดอัดไม่ต่างจากพยายามหายใจในน้ำ

“แล้วมันไม่ง่ายสำหรับพี่เหมือนกัน  กว่าจะเจอคนที่ใช่ คนที่อยากใช้ชีวิตด้วยกัน คนที่ตื่นขึ้นมาตอนเช้า ๆ เราได้เจอหน้าเขาเป็นคนแรก พี่เจอคนมาเยอะ มีคนเข้ามาหาไม่เคยขาด แต่ความรู้สึกของพี่มันมาหยุดที่กานต์ พี่เจ็บนะ ที่กานต์ไม่ยอมบอกความจริงพี่ตั้งแต่แรก” ชายหนุ่มตัดพ้อ ในเวลานี้ไม่ใช่แค่เขาที่เจ็บ เขาอีกคนที่ทำตัวเป็นอากาศธาตุก็ปวดร้าวกับคำพูดที่เปล่งออกจากปากของเขาเช่นกัน

“กานต์ไม่ได้ตั้งใจ แต่กานต์ไม่กล้าบอกพี่เรื่องลูก เรื่องความผิดปกติของกานต์ กานต์ขอโทษ พี่ดินจะตำหนิจะต่อว่ากานต์ยังไงก็ได้ทั้งนั้น วันนี้กานต์มาหาพี่ก็ด้วยเหตุผลนี้” สีหน้านั้นบอกความทรมานใจไม่ต่าง แต่นั่นยังไม่เพียงพอสำหรับการยกโทษให้ในความคิดของอัษศดิณย์

“เด็กน้อย พอทำอะไรไม่ถูกก็ผลักภาระเอ่ยขอโทษไว้ก่อนง่าย ๆ แบบนี้เลยหรือ คำว่าขอโทษ ถ้าพูดง่ายเกินไป พูดบ่อยเกินไป มันก็ไร้ค่า เพราะเหมือนกับว่าน้องไม่ได้สำนึกจากใจจริง ๆ แค่พูดส่ง ๆ ให้เรื่องมันจบ เพื่อที่น้องจะได้อ้างว่าน้องก็ขอโทษแล้วไง ผลักความผิดบาปให้ฝ่ายถูกกระทำที่ไม่ยอมจบเรื่องโดยง่าย น้องครับ พี่จะบอกให้นะ ความรู้สึกของฝ่ายถูกกระทำมันไม่ง่ายขนาดนั้นนะครับ น้องลองคิดถึงตอนน้องถูกกระทำบ้าง น้องจะเข้าใจสิ่งที่พี่จะสื่อ แต่ก็นั่นแหละ ผิดแล้วไม่ยอมขอโทษ นั่นยิ่งแย่” อัษศดิณย์สอนมวยให้เด็กน้อยตรงหน้า นิ่มแต่เจ็บลึก รพีกานต์สะอึกเมื่อได้ยิน ไม่เคยมีใครพูดตรง ๆ ต่อหน้าอย่างนี้มาก่อน แต่ในเนื้อความของอัษศดิณย์ไม่ได้ซุกซ่อนความมาดร้าย นอกจากสอนให้เขาตาสว่าง

 “กานต์ กานต์เสียใจ พี่ดินไม่ต้องยกโทษให้กานต์ก็ได้ครับ” รพีกานต์คอตก อัษศดิณย์ในยามวางมาดผู้ใหญ่เต็มขั้นทำเอาอีกฝ่ายถึงกับไปไม่เป็น นายของไร่พิศาลอนันต์ยศปกครองคนทั้งพระเดชและพระคุณ คนในไร่ไม่ได้เกรงกลัวเพราะเขาถืออำนาจบาตรใหญ่ แต่เพราะอัษศดิณย์รู้ว่ายามไหนควรจัดการเช่นไร การสั่งสอนด้วยถ้อยคำนุ่มนวลกับรพีกานต์นับว่าปรานีอย่างที่สุดแล้ว รพีกานต์ไม่กล้าแม้แต่จะร้องไห้ให้อีกฝ่ายเห็นด้วยซ้ำ บางอย่างที่อายอวลห่อหุ้มรอบกายเป็นสัญญาณเตือนว่าอัษศดิณย์ไม่ใช่คนที่ใครจะล้อเล่นด้วยได้ รพีกานต์กลัวเขาจับใจขนาดไม่กล้าร้องไห้ด้วยซ้ำ แต่ใครอีกคนที่อยู่ด้วยกันมานานจนรู้นิสัยใจคอ รู้ดีว่าอัษศดิณย์ไม่ได้เจ้าคิดเจ้าแค้น ลองเจ้าตัวพูดตรง ๆ ต่อหน้า นั่นย่อมหมายถึง เขาจะไม่เก็บมาเป็นอารมณ์อีก

ความอึมครึมปกคลุมบรรยากาศโดยรอบ รพีกานต์กุมมือตนเองแน่นด้วยความกดดัน ความเงียบทำให้เขาใจคอไม่ดีเอาเสียเลย ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบจมในวังวนความคิดของตัวเอง ขณะที่เวลายังคงเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความซื่อสัตย์ จนในที่สุดเจ้าของบ้านก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นลง

“เล่าสาเหตุที่ทำให้กานต์ต้องมาที่นี่ได้ไหม” น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นจนรู้สึกได้ รพีกานต์ใจชื้นขึ้นยามเงยหน้าสบตา

“กานต์กับพ่อของเด็กเจอกันที่มหาวิทยาลัย...” แล้วเรื่องราวก็ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดผ่านปากของรพีกานต์ ระหว่างนั้นอัษศดิณย์เพียงนั่งฟังเงียบ ๆ ไม่เอ่ยขัดอะไร หากสมองคิดตามทุกคำพูดจากประสบการณ์ที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวช่วงวัยรุ่นมาก่อน จนเมื่อรพีกานต์เล่าจบ ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง อัษศดิณย์สบตากับเจ้าของใบหน้าใส ในสมองครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่จึงยอมเอ่ยปากหยั่งเชิง

“ถ้าพี่ยอมรับเด็กได้ กานต์จะเปิดใจกับพี่ได้ไหมครับ” คำถามที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินสร้างความตกอกตกใจไม่น้อยแก่รพีกานต์ แต่ไม่น่าแปลกใจสำหรับศิรวัฒน์เท่าไร กระนั้นก็กรีดหัวใจปวดแปลบ

“พี่ดิน...” รพีกานต์ดวงตาเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนตัดสินใจมาที่นี่ เขาไม่คิดว่าเรื่องจะมาลงอีหรอบนี้

“แต่เดิมพี่ก็คิดว่ากานต์มีทายาทให้พี่ไม่ได้อยู่แล้ว ตอนนั้นพวกเราอาจรับเลี้ยงเด็กเป็นลูก หรือรอดูความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ แต่นี่กานต์ก็มีน้องในท้องได้ กานต์จะว่าอะไรไหม ถ้าพี่จะรับพวกแกเป็นลูกของพี่ พี่ไม่ได้รักแค่ตัวกานต์ แต่พี่รักทุกอย่างรวมไปถึงความพลาดพลั้งในอดีต ถ้ากานต์จะโอเคกับพี่น่ะนะ” อัษศดิณย์พูดในสิ่งที่คิดหลังทบทวนในหัวอยู่หลายตลบ เขายอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของปัจเจกบุคคล แม้แต่เขาเองก็ไม่สมบูรณ์แบบอะไร

“...” รพีกานต์กำลังสับสนอย่างหนัก นอกจากพี่ณัฐที่สนิทสนมกันมานานนม รพีกานต์ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีใครยอมรับเรื่องนี้ได้ แต่นี่อัษศดิณย์กลับยอมรับมันได้ หลังจากเจ้าตัวนิ่งคิดอยู่พักใหญ่ นายเจ้าของไร่ผู้มีคุณสมบัติเพียบพร้อมก็เปิดปากยอมรับเด็กที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตนเป็นลูก มัน...เกินความคาดหมายจากที่รพีกานต์คิดไว้มากจนเรียกว่าโชคของเขาดีจนเกินไป ทุกคนที่มาหลงรักล้วนดีงาม เว้นก็แต่บิดาที่แท้จริงของเจ้าแฝด หล่อแต่รูปจูบแล้วเหม็นนิสัย

“นี่ไม่ใช่ความผิดของเด็ก เด็กทุกคนล้วนเกิดมาบริสุทธิ์ อยู่ที่สภาพแวดล้อมจะแต่งเติมสีไหนให้แก พวกแกไม่มีส่วนต้องรับผิดชอบอดีตของผู้ใหญ่ พี่คิดว่าพี่ยอมรับตรงนี้ได้ ถ้ากานต์กังวลว่าพี่จะไม่รักพวกแก กานต์หายห่วงได้ ไร่พิศาลอนันต์ยินดีต้องรับนายน้อยตัวเล็ก ๆ ด้วยความเต็มใจ” อัษศดิณย์ให้คำมั่นตรงไปตรงมาชัดเจน เอ่ยถึงตรงนี้แล้วต้องชะงัก สายตาคมปลาบเหลือบมองใครอีกคนซึ่งนั่งนิ่งทำตัวเป็นอากาศธาตุในห้องมานานตลอดการสนทนา ใครอีกคนที่ถูกเขาสาดโทสะระบายความเกรี้ยวกราดในบางครั้ง คำพูดเมื่อครู่นับว่าย้อนเข้าตัวอย่างจัง ดูได้จากสายตาของบุคคลที่สามซึ่งจับจ้องมองมายังเขา สายตาที่ประท้วงว่าตนไม่ได้รับความยุติธรรมของศิรวัฒน์ เด็กตัวร้ายนั่นกำลังใช้สายตาแบบนั้นทวงถามความยุติธรรมให้ตนเองจากคำพูดของเขา

แสบมากต้นน้ำ

“กานต์เก็บเอาไปคิดก่อนก็ได้ ยังไม่ต้องรีบตอบ เดี๋ยวว่างแล้วพี่จะแวะไปหา” น้ำเสียงจริงจังอ่อนลงเมื่อมองคนตรงหน้า สายตาของรพีกานต์ทำให้เขาใจแข็งด้วยไม่ลง เหมือนกระต่ายตัวน้อยเซื่องซึมซึ่งเขาไม่ต้องการเห็นรพีกานต์เป็นอย่างนั้น เจ้าตัวเหมาะกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ที่สำคัญกว่านั้น เขาค่อนข้างเป็นห่วงอารมณ์คนท้องหากให้แบกรับอะไรที่หนักเกินไป ชายหนุ่มจึงพยายามประนีประนอมคำพูดอย่างที่สุด

“พี่ดินไม่โกรธกานต์แล้วหรือครับ” รพีกานต์เอ่ยถามในสิ่งที่ค้างคาใจ

“พี่ไม่ได้โกรธ พี่แค่เสียใจ อยากให้กานต์จำไว้เป็นบทเรียน” อัษศดิณย์ยอมรับตามตรง มือหนายื่นไปลูบกลุ่มผมนุ่มปลอบประโลมคนที่หน้าม่อยหมองลงไปอีก

“อย่าคิดมาก มันไม่ดีต่อเด็กในท้อง ถือเสียว่าเราปรับความเข้าใจกันแล้ว พี่ไม่ได้โกรธแต่จะให้ไม่รู้สึกอะไรเลยก็ประหลาดละ พี่ไม่อยากโกหกเรา ตอนนี้พี่เองก็ต้องปรับอารมณ์ตัวเองเหมือนกันเรื่องที่กานต์มีเจ้าตัวเล็กได้ มัน...ค่อนข้างมหัศจรรย์สำหรับพี่น่ะ” เขายิ้มอ่อนโยน สายตามองท้องกลม รู้สึกตะขิดตะขวงใจนิดหน่อยเพราะดันไพล่ไปนึกภาพต้นน้ำอุ้มท้องใหญ่ ซึ่งทำให้เขาปั้นหน้าไม่ถูก รีบดึงสติกลับโดยด่วน

“บอกว่าแปลกประหลาดก็ได้ครับ” รพีกานต์ยิ้ม รอยยิ้มซึ่งสะท้อนความรู้สึกข้างใน ชายหนุ่มรู้สึกโล่งกว่าเดิมนิดหน่อยที่อย่างน้อยอัษศดิณย์ก็มีเหตุผลกว่าที่คิด

“พี่แตะได้ไหม อยากลองสัมผัสพวกแกดู” อัษศดิณเอ่ยปากขออนุญาต เมื่อรพีกานต์พยักหน้ายินยอม ชายหนุ่มจึงลองแตะท้องนูน

“กะ แกดิ้นด้วย เมื่อกี้พี่รู้สึกว่าแกทักทายพี่” น้ำเสียงของอัษศดิณย์ตื่นเต้นอยู่หน่อย ๆ เขาไม่เคยสัมผัสท้องคนตั้งครรภ์มาก่อน ปฏิกิริยาตอบรับของทารกในครรภ์นับว่าสร้างความรู้สึกแปลกใหม่แก่เขา

“พวกแกดิ้นอยู่ตลอดครับ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าคนไหนคึกคักที่สุด” รพีกานต์บอกด้วยรอยยิ้ม

“พ่อของพวกแกโชคดีกลับไม่คว้าโอกาสนี้เอาไว้ ถ้ากานต์ไม่ว่าอะไร พี่อยากขอโอกาสนี้ให้พี่” อัษศดิณย์บอกคนท้อง เขาแน่ใจว่าตนเองจะดูแลอีกฝ่ายและเด็กได้ดี เขามีทุกอย่างมั่นคงพอสำหรับต้อนรับอีกสี่ชีวิตได้อย่างไม่มีปัญหา ขอเพียงรพีกานต์จะให้โอกาสนั้นแก่เขา

“ลองกลับไปคิดดูนะครับ ไม่ต้องรีบ พี่รอกานต์ได้เสมอ” รอยยิ้มละไมแย้มส่งมาให้ รพีกานต์สบตาคม มองเห็นความปรารถนาดีในดวงตาคู่นั้น หัวใจหม่นหมองคล้ายว่าเห็นแสงตะวันเรืองรองสาดส่องลงมา
ทำไมคนที่ดีกับรพีกานต์ถึงไม่ใช่พ่อของสามแฝดนะ


แค่ได้รู้ว่ารพีกานต์อยู่ที่ไหน หัวใจเหี่ยวฟีบก็พลันโดดเด้งโผนทะยานไปถึงที่หมายก่อนตัวเสียอีก อัครวินท์ฉีกยิ้มร่าอารมณ์ดีสุดขีดขนาดกดปลายจมูกหอมแก้มณัฐธีร์ฟอดหนัก แล้วหันไปผิวปากหวือ มือสาละวนจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าใบเขื่องหย่อนลงท้ายรถ ก่อนออกตัวไม่วายหันมากอดคอแล้วฝังจมูกโด่งหอมแก้มณัฐธีร์อีกข้างอย่างเท่าเทียม ยักคิ้วทะเล้นกระพุ่มมือไหว้คุณอาสุดหล่อแล้วแล่นไปอยู่หลังพวงมาลัยก่อน ปล่อยณัฐธีร์ที่ยืนนิ่งทำหน้าเหมือนอมบอระเพ็ดเน่ากับหนูฉายสิริยืนมองตาปริบ ๆ

“ยอมปล่อยมือง่าย ๆ แบบนั้นเลยหรือพระเอก” รพีสวัสดิ์กระเซ้ายิ้ม ๆ ทีแรกเขาเข้าใจว่าอัครวินท์กับณัฐธีร์จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมากกว่านี้เสียอีก

“ผมอยากให้พวกเขาได้ลองปรับความเข้าใจกันครับ ความกลัวรังให้คิดแต่จะหนี แล้วก็หนีไม่จบไม่สิ้น การหนีไม่ได้ทำให้จบปัญหา ถ้ากานต์มีความกล้าเผชิญหน้า ต่อไปกานต์ก็ไม่ต้องหนีอะไรอีก แล้วถ้าเขาทำกานต์เสียใจอีก นี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายของเขา” นัยน์ตาของณัฐธีร์เด็ดเดี่ยว ภายในหัวใจของเขาเจ็บหนึบ แต่เขากล้าที่จะเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดนั้น ชายหนุ่มปลอบประโลมหัวใจตัวเอง ขอแค่ได้รักก็เพียงพอแล้ว

“เอาเถอะ เดินทางปลอดภัยนะ” รพีสวัสดิ์ตบบ่าอย่างเข้าใจ เด็กคนนี้เป็นคนดีจนเขานึกเสียดายอยู่ไม่คลาย แต่ในเมื่อณัฐธีร์ตัดสินใจแล้ว เด็กคนนี้ย่อมมีเหตุผลพอ คุณอาคนเก่งมองร่างล่ำสันของวัยหนุ่มเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างคนขับ หลังเปิดประตูส่งหนูตะวันนั่งเบาะหลัง รถคันโก้แล่นจากไปแล้ว บ้านก็ตกอยู่ในความเงียบจนรพีสวัสดิ์คิดถึงคนไกล

“เสือสามตัวกับกระต่ายท้อง งานนี้ตากานต์รับศึกหนัก” รพีสวัสดิ์เอ่ยลอย ๆ กับตัวเอง ชายหนุ่มยักไหล่เตรียมหันหลังกลับเข้าบ้าน ทว่ากลับรู้สึกถึงสายตาจ้องมองมาไม่ไกล รพีสวัสดิ์ชะงักเท้า มุมปากวาดยิ้มร้ายหันขวับไปยังรั้วบ้าน ใครคนนั้นส่งยิ้มอบอุ่นผ่านรั้วเถาตำลึงมาให้

“นายวัวเชื่อง” รพีสวัสดิ์พึมพำแผ่วเบา หนุ่มมั่นยักคิ้วให้ครูหนุ่ม ฝ่ายนั้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ แล้วการทักทายประสาเพื่อนบ้านก็กินเวลาลากยาวไปจนถึงร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน และจบลงที่ฝ่ายนั้นนัดชวนไปวิ่งออกกำลังกายยามเย็น


เส้นทางจากกรุงเทพฯ ขึ้นเชียงใหม่กินเวลาไม่น้อย หากนั่งเครื่องบินจะเซฟเวลาได้มากแต่อัครวินท์คิดว่ามีรถใช้สะดวกกว่าสำหรับเขา ชายหนุ่มแวะพักกินข้าวและสำรวจที่พักละแวกใกล้เคียงกับจุดที่รพีกานต์อยู่ หากฉุกเฉินถูกไล่ตะเพิดอย่างน้อยก็มีที่ให้ตั้งหลักง้อ แต่เพื่อความชัวร์อัครวินท์แวะซื้อเต็นท์กับถุงนอนกันเหนียวเผื่อได้นอนเฝ้าหน้าบ้านกันเลยทีเดียว

“นายกับหนูตะวันรอด ไม่ถูกกานต์ไล่แน่ ๆ  แต่ฉันอะต้องเตรียมพร้อมกันเหนียวไว้ก่อน เผื่อได้นอนเฝ้าหน้าบ้าน” อัครวินท์บอกกับณัฐธีร์ขณะโยนเต็นท์กับถุงนอนไว้ท้ายรถ มีเสบียงของกินตุนเก็บไว้อีกนิดหน่อยกันประวัติศาสน์ซ้ำรอย ณัฐธีร์เพียงส่ายหน้าน้อย ๆ ไม่เอ่ยขัดอะไร เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดเหตุการณ์อย่างที่อัครวินท์คาดเดา

 “รอพ่อนะสามแฝด พ่อจะง้อแม่ของหนู” เขาบอกกับตัวเอง หมายมั่นว่าต่อให้ถูกกวัดไกวไสส่งอย่างไรเขาก็ไม่ถอย โชคดีหน่อยที่ณัฐธีร์คอยเปลี่ยนมือช่วยขับ ระหว่างนั่งรถไป อัครวินท์จึงเปิดดูคลิปอัลตราซาวด์บรรเทาความคิดถึง เด็กชายฝาแฝดเป็นลูกของเขา มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายยากสักหน่อย อย่างแรก อัครวินท์ยังไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้น มันค่อนข้างไกลตัวผู้ชายอายุสิบเก้าที่แวดล้อมไปด้วยสหายเพื่อนฝูง กิน ดื่ม เที่ยว รักสนุกตามประสาวัยรุ่นทั่วไป วัยอยากรู้อยากลอง เขาไม่แน่ใจว่าตนเองจะเป็นพ่อที่ดีได้ แต่ในเมื่อทุกอย่างดำเนินมาในทิศทางนี้ เขาเองก็ควรมีส่วนในการร่วมรับผิดชอบ เขาจะพารพีกานต์กลับไปด้วยกัน อย่างน้อย ๆ เขาก็อยากพิสูจน์ให้เห็นว่า คนผิดคนนี้พร้อมจะกลับตัวกลับใจ

“รอพี่นะกานต์” เขาทอดสายตามองไปเบื้องหน้าหมายมั่น เวลาจวนแจใกล้เข้ามาไม่ได้ระงับความตื่นเต้นลดน้อยถอยลงได้เลย ตรงกันข้าม ยิ่งเข้าใกล้ หัวใจยิ่งโลดแรงด้วยความคิดถึงและความหวังล้นปรี่ที่จะได้ตัวคนของหัวใจกลับคืน
หนุ่มขรึมเหลือบสายตามองคนนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่สลับกับกระสับกระส่ายเป็นบางหน ดูท่าจะร้อนใจร่ำ ๆ อยากเร่งให้รถเหาะไปถึงโดยเร็วทันใจ ณัฐธีร์ระบายลมหายใจเชื่องช้า “พี่ทำถูกแล้วใช่ไหมกานต์”


(ต่อด้านล่างค่ะ)

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
๓๑ (ต่อ)

ดวงตะวันเย็นย่ำเคลื่อนคล้อยลอยต่ำจวนลับเหลี่ยมเขา ลมสายหนึ่งพัดพายกิ่งก้านแมกไม้พลิ้วไหวเนิบนาบนุ่มนวล ใบไม้แห้งกรอบอ่อนแรงปลิดขั้วร่วงพรู เมล็ดดอกรักปลิ่วว่อนร่อนเร่ตามอิสระของสายลมพา ไม่ยึดเกาะกับสิ่งใดเฉกเช่นหัวใจบางคน

“วันนี้พี่ดินจะกินข้าวที่นี่ไหมครับ” รพีกานต์หลุบสายตามองคนที่กำลังหนุนแขนนอนเล่นข้างกาย มือข้างหนึ่งลูบสัมผัสพุงกลมเอื่อยเฉื่อยไปมา หลังจากติดตามดูแลความเป็นไปในไร่จนเกือบหมดวัน อัษศดิณย์มักแวะมาที่นี่บ่อย ๆ ขนขนมผลไม้จากไร่ติดไม้ติดมือมาฝากกันไม่ขาด

“ครับผม ขอฝากท้องกับคนท้องบ่อย ๆ ชักอยากจะลักพาตัวไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน” พ่อเลี้ยงหนุ่มใบหน้าเปื้อนยิ้ม พลิกตัวยกศีรษะขยับแนบท้องกลมฟังเสียงขยับของเจ้าตัวเล็ก บรรยากาศอุ่นเอมอายอวลรอบกาย สุขสงบเหมือนสายน้ำเย็นชโลมลงหัวใจแห้งผาก ดวงตาคมกริบดำสนิทติดดุ แฝงความมีอำนาจแบบผู้สันทัดการออกคำสั่งอ่อนแสงลงดั่งตะวันรอนแสงยามอยู่ใกล้กัน เท่านั้นก็ทำให้รพีกานต์อุ่นใจ คนท้องปิดปากเงียบสนิทเกี่ยวกับพ่อของเด็กแฝดในท้อง ทำเหมือนหลงลืมไปนั่นคือสิ่งที่
อัษศดิณย์ยังติดค้างในใจลึก ๆ ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเขา ความสัมพันธ์ของชายหนุ่มกับรพีกานต์จึงยังเป็นไปในระยะค่อย ๆ เรียนรู้กัน แต่อาการกระวนกระวายในใจแปลก ๆ นี้ อัษศดิณย์สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด ยิ่งเหลือบมองเจ้าของ “จูบกลิ่นนม” ด้วยแล้วเขายิ่งรู้สึกงุ่นง่านหงุดหงิดแปลก ๆ

“แล้วน้ำล่ะ อยู่กินข้าวด้วยกันไหม” รพีกานต์หันไปถามใครอีกคนด้วยรอยยิ้มพราย เรือนร่างสูงใหญ่ทั้งที่อายุน้อย อีกไม่นานคงสูงนำโด่งอัษศดิณย์อย่างไม่ต้องสงสัย ท่าทางนิ่งเงียบเสริมให้เจ้าตัวดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ทั้งหมดทั้งมวลศิรวัฒน์ล้วนซึมซับมาจากพี่ชาย เด็กน้อยที่เคยไล่ตามช่วงขาก้าวยาวต้อย ๆ ในวันวาน ในวันนี้แตกต่างออกไป อัษศดิณย์ไม่เคยรู้สึกจนกระทั่งจูบกลิ่นนมนั่นคอยรบกวนจิตใจของเขาไม่ขาด

ศิรวัฒน์เหลือบสายตามองผาดพี่ชายวูบหนึ่ง กำลังจะเปิดปากเอ่ย รถคันหนึ่งก็แล่นมาจอดเทียบหน้ารั้วบ้านพอดี

“เดี๋ยวเราไปเปิดให้” ศิรวัฒน์อาสา ร่างสูงผุดลุกจากที่นั่ง เดินอาด ๆ ไปเปิดประตูรั้วสอบถามผู้มาเยือนแล้วจึงเปิดประตูออกกว้างต้อนรับอาคันตุกะ รพีกานต์ชะเง้อคอมองด้วยความสงสัย ดวงตากวางเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่ก้าวลงจากรถชัด ๆ

“พี่วิน!” หลุดอุทานด้วยความตะลึง ร่างสูงเอี่ยมสำอางปรี่เข้าประชิดรวบร่างกลมเข้าในอ้อมกอดด้วยความคิดถึง

“กานต์หนีพี่มาไม่บอกสักคำ แม่น้องแฝดใจร้าย พาลูกหนีพ่อของแกแบบนี้ได้ไง” เปรี้ยงเดียวสะท้านเยือกในใจคนฟัง โดยเฉพาะพ่อเลี้ยงหนุ่มซึ่งมาก้อร่อก้อติกไม่ขาด คำพูดของคนมาใหม่ละลายสิ่งที่เคยคั่งค้างในใจกระจ่างชัดเต็มสองตา นี่คือพ่อตัวจริงของเด็กแฝดในท้อง คนที่เขายังมีเยื่อใยให้คนของเขาเต็มเปี่ยม แรงกอดกระชับยืนยันในความยินดีแบบปิดไม่มิดนั่นได้ดี
บรรยากาศอึมครึมชวนกระอักกระอ่วนของหนึ่งนายกับสามชาย เมื่อบุรุษที่มารุมเสน่หาปรากฏกายขึ้นพร้อมกัน รพีกานต์สบตาณัฐธีร์ทั้งพูดไม่ออก แล้วยังอ้อมกอดของคนที่สั่นน้อย ๆ คล้ายคนดีใจนักหนาที่ของหายแล้วได้คืนนี่อีก

“พี่วินมากับพี่ณัฐ...” รพีกานต์เค้นคำพูดเอ่ยออกมาได้แค่นั้น สิ่งที่คาดไม่ถึงคือสองคนนี้ญาติดีกันได้

“สงเคราะห์หมาบ้า” ณัฐธีร์พูดหน้าตาย เจ็บเป็นริ้ว ๆ เมื่อเห็นน้องน้อยยังมีอีกสองชายหมายตา แต่ไม่มีสักครั้งที่น้องจะมองมาทางพี่

“พี่ติดรถมาด้วยเพราะใกล้ถึงเวลานัดที่คุณรพินทร์จะต้องไปพบหมอที่กรุงเทพฯ แล้ว พี่จะไปเป็นเพื่อนเอง ส่วนคนท้องก็มีคนอาสาดูแลทางนี้แล้ว” ณัฐธีร์บอกจุดประสงค์การมาของเขา สายตาเหลือบมองบุรุษหล่อเหลาอีกสองคน ที่คุณอาเล็กเคยคุยให้ฟังน่าจะเป็นสองคนนี้ หล่อสูสีกับพ่อเจ้าแฝด แต่คนละแบบและยังอยู่จะเป็นเสาหลักดูแลได้ดีกว่า

“ได้ยินเสียงรถ มาถึงกันแล้ว” เสียงของรพินทร์ช่วยลดบรรยากาศน่าอึดอัดลงได้ถนัดตา อัครวินท์ปล่อยตัวคนท้องชั่วคราวหันมายกมือไหว้ทักทาย รพินทร์มองบรรยากาศหนึ่งนายสามชายแล้วก็ให้เห็นใจทุกคน

“มาเหนื่อย ๆ พักกินน้ำกินท่ากันก่อน อีกสักพักค่อยตั้งโต๊ะมื้อเย็น คุณดินกับน้ำก็อยู่รับมื้อเย็นด้วยกันก่อนนะครับ อย่าเพิ่งรีบกลับ” รพินทร์รับหน้าไว้ทั้งหมด แล้วอาการเด็กขี้หวงของคนโตแต่ตัวก็เริ่มแผลงฤทธิ์เดช เมื่อเห็นความไม่ธรรมดาของคู่แข่ง

“คิดถึงกับข้าวฝีมือกานต์ กินที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่า ‘เมีย’ ทำ” คุณชายอัครวินท์เล่นใหญ่ขนาดยอบกายลงแนบใบหน้ากับพุงกลมหลังประกาศความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเต็มที่ “คิดถึงจัง คิดถึงพ่อไหมสามแฝด” ประกาศซ้ำอีกหนให้หลาย ๆ คนในที่นี้ได้ยินชัด ๆ ว่าคนคนนี้ของเขา ลงหลักจับจองอยู่ในท้องถึงสามคนด้วยกัน สายตาคมนิ่งส่งสัญญาณไปยังผู้หมายใหม่ อัษศดิณย์สบสายตานั้น เห็นจริงเกี่ยวกับนิสัยเจ้าตัวอย่างที่รพีกานต์ว่า ตาต่อตาสบประสาน สุดท้ายนายใหญ่ของไร่พิศาลอนันต์ก็เลื่อนสายตาไปยังอีกคน ท่าทางนิ่งแต่ดวงตาอาลัยอาวรณ์มองมายังคนท้องด้วยความตัดพ้อลึก ๆ ดูท่าดอกไม้หอมจรุงดอกนี้จะมีภู่ผึ้งมากหน้าเสนอตัวมาให้เลือก คนยืนดูเฉย ๆ อย่างณัฐธีร์ไม่เท่าไร แต่เจ้าคนกอดหนึบนี่สิ ดูท่าจะเป็นต่อหัวเสือหวงดอกไม้ อันตรายมากเสียด้วยต่อชนิดนี้

“ณัฐกับวินเอากระเป๋าไปเก็บบนบ้านก่อนไป” รพินทร์ตัดบทก่อนสงครามประสาทจะยืดเยื้อไปกว่านี้

“กานต์พาพี่ไปหน่อย พี่ไม่รู้ว่าห้องกานต์ห้องไหน” คนเจ้าเล่ห์ก็ยังเจ้าเล่ห์อยู่วันยังค่ำ รู้ว่าจะถูกจับแยก เจ้าตัวก็เลยถือโอกาสดึงรพีกานต์ออกห่างจากอัษศดิณย์ไปด้วยเสียเลย

“กานต์ไม่ได้จะให้พี่นอนกับกานต์ ห้องเต็มแล้ว พี่ไปหารีสอร์ตแถวนี้พักเถอะ”

“พี่รู้ว่ากานต์จะไล่ พี่เตรียมเต็นท์กับถุงนอนมาแล้ว กางนอนปิดทางออกมันหน้าบ้านนี่ละ แต่ถ้ากลางคืนพี่หนาว พี่จะแอบขึ้นไปนอนกอดกานต์” จอมร้ายว่าหน้าทะเล้น ดักทันทุกทางจนคนท้องชักจะหมั่นไส้

“พี่วิน!” ถ้าไม่เกรงใจหลายคนในนี้ ชมพู่ในกระจาดได้ปลิวว่อนกระแทกหัวคน คนท้องเข่นเขี้ยวฮึดฮัดอยากลงไม้ลงมือกับคนทะเล้นเต็มแก่

“อย่าฉุนเฉียวซี เดี๋ยวลูกอารมณ์ไม่ดีนะ” ได้ผล แค่อ้างอะไรที่เกี่ยวกับลูก รพีกานต์จะฟังตามโดยอัตโนมัต เกลียดนักคนรู้ทัน!

“เฮ่อ หยุดเถียงกันได้แล้ว เอาของไปเก็บไป๊” รพินทร์อ่อนอกอ่อนใจออกปากไล่ก่อนจะวุ่นวายไปมากกว่านี้ มือหนาคว้าเอวคนท้องหมับ คะยั้นคะยอลากไปด้วยกันจนได้ รพินทร์มองความวุ่นวายเล็ก ๆ ก่อนหันมาทางอัษศดิณย์

“นั่นละ พ่อที่แท้จริงของสามแฝด เป็นรุ่นพี่ที่มหา’ลัยของกานต์ เอ่ยนามสกุลคุณดินก็น่าจะร้องอ๋อ อีกคนก็พี่ณัฐ รู้จักกานต์มาตั้งแต่ยังเล็ก เล่นหัวกันมา หลงรักกานต์มานานหลายปีแล้วเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็แพ้ทางคนปากว่ามือถึง รูปหล่อ คารมไม่เป็นรอง” รพินทร์สาธยายหลังจากอัษศดิณย์ได้ประจักษ์ด้วยสายตาตัวเอง

“หล่อ รวย แบดกายอย่างที่กานต์เคยบอกจริง ๆ ด้วยครับ เสียดาย ผมเจอกานต์ช้ากว่า” สีหน้าของอัษศดิณย์บ่งบอกว่าเสียดายจริง ๆ จะดีสักแค่ไหนถ้าเด็กในครรภ์กำเนิดจากเขา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รังคัดรังแคทารกน้อย

“แล้ว...คุณดิน”

“ผมให้กานต์ตัดสินใจครับ ไม่มีปัญหาเลยกับเรื่องลูก ผมดูแลได้ทั้งหมดครับถ้ากานต์เลือกผม” อัษศดิณย์ให้คำยืนยัน เขาพร้อมลงสนามสู้ หากหัวใจของรพีกานต์นั้นจะปันมาที่เขาบ้าง แววตาหวั่นไหวยามถูกคนคุ้นเคยโอบกอดเมื่อครู่ไม่ได้รอดพ้นสายตาเหยี่ยวของเขา แต่ชาวหนุ่มอยากฟังจากปากเจ้าตัว อีกอย่าง เขาอยากให้คนนั้นของรพีกานต์ได้รู้ว่า บางอย่างก็ไม่ใช่ของตายที่จะละเลย น่าแปลกที่อัษศดิณย์รู้สึกโล่งอย่างประหลาด เหมือนกับว่าเขาเคยเสียใจเป็นบ้าเป็นหลังมาแล้ว แม้จะต้องเสียใจอีกหน มันก็แค่เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยเกิดขึ้นแล้ว ดวงตาคมปลาบตวัดประสานกับใครอีกคนที่มองมายังเขาเงียบเชียบ กลิ่นนมกรุ่นในปากหวนสะกิดความทรงจำให้ระลึกถึงอีกหน ตั้งแต่เมื่อไรที่สายตาเด็กน้อยในวันวานกลับกลายเป็นสายตาของชายหนุ่ม เงียบงันแต่แผดเผาในอก เขาเกลียดที่ตกเป็นเป้าสายตานิ่ง ๆ คู่นั้น

“จะเยาะเย้ยฉันหรือไง” หลุดคำพูดโง่ ๆ ออกไปเพื่อให้มีบทสนทนาทำลายความเงียบระหว่างกัน หลังจากรพินทร์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ สายตาของเด็กนี่ทำเขาว้าวุ่นใจซึ่งอัษศดิณย์ไม่ชอบนัก

“เยาะเย้ยตรงไหนกันลุง ก็แค่มอง”

“ไอ้เด็กประสาท”


เมื่อทุกคนพร้อมหน้าบนโต๊ะกินข้าวรพินทร์จึงได้เริ่มแนะนำแต่ละคนให้ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ ยอมรับว่าหนักใจไม่น้อย แต่เมื่อหนุ่ม ๆ ไม่ได้มีท่าทีคุกคามกันชัดเจน นอกจากมองสบตากันไปมา มื้อเย็นจึงผ่านไปด้วยดี

“พี่รบกวนกานต์แค่นี้ เดี๋ยวขอตัวกลับก่อนก็แล้วกัน ดูกานต์น่าจะมีเรื่องที่อยากจะเคลียร์กับทางนี้”

“พี่ดินโกรธกานต์หรือเปล่า กานต์เหมือนคนโลเล” รพีกานต์กังวลใจ ยิ่งเห็นอัษศดิณย์นิ่งเงียบเขาก็ยิ่งกระวนกระวาย

“กานต์ไม่ได้โลเลหรอก แต่สายตากานต์ไม่เคยเปลี่ยนไปมองคนอื่นต่างหาก” อัษศดิณย์ยิ้มให้พลางขยี้ศีรษะทุยเล่น

“พี่ดิน...”

“ตอบใจตัวเองให้ดีว่าจะเลือกยังไง ถ้ากานต์เลือกพี่ พี่ก็พร้อมจะดูแลกานต์กับลูก แต่กานต์แน่ใจอย่างนั้นหรือ แล้วดูท่าเขาคนนั้นของกานต์ก็คงจะไม่ยอมง่าย ๆ”

“กานต์กลัวครับพี่ดิน เวลากานต์รักพี่วินกานต์ก็รักได้ง่าย ๆ แต่เวลาพี่วินทิ้งกานต์ก็ทิ้งได้ง่าย ๆ เหมือนกัน การกลับมาของเขายังทำให้กานต์สงสัยอยู่ตลอดว่าเขากลับมาเพื่ออะไร รับผิดชอบลูก? รัก ? หึ  กานต์คงต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเชื่อ ทั้งที่ตอนรักพี่วิน กานต์ไม่ต้องใช้อะไรเลย”

“แล้วกับพี่ล่ะครับ กานต์กำลังพยายามอยู่หรือเปล่า” คำถามของอัษศดิณย์สร้างความสับสนในแววตารพีกานต์ไม่น้อย

“คิดดูให้ดี นอกจากพี่ พี่วิน ยังมีพี่ณัฐอีกคนใช่ไหม ใช้หัวใจเลือกดู พี่เองก็ไม่ใช่คนดีอะไรหรอก กานต์ยังไม่รู้จักด้านแย่ ๆ ของพี่ด้วยซ้ำ”

“หมายถึงเรื่องต้นน้ำใช่ไหมครับ กานต์คิดว่ามันคงมีสาเหตุ แต่เท่าที่พี่ดินไม่ได้ปล่อยปละละเลยต้นน้ำเสียทีเดียว อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่า พี่ดินไม่ได้คิดร้ายอะไรกับน้ำหรอกครับ แต่จะมีปัญหาอะไรกันนั้น กานต์เชื่อว่าพี่ดินเป็นผู้ใหญ่พอ”

“ถ้าเจ้าเด็กบ้านั่นมันรู้จักทำตัวให้น่ารักขี้อ้อนได้อย่างกานต์ พี่คงเอ็นดูกว่านี้ แต่ว่าก็ว่าเถอะ ตัวยักษ์อย่างมันออดอ้อนคงได้ขนลุกมากกว่าน่ารัก” อัษศดิณย์มองรพีกานต์ด้วยสายตาเอ็นดู แต่กระตุ้นให้ใครบางคนตาร้อนผ่าว

“งั้นพี่กลับก่อนนะ เอาไว้จะมาใหม่” เขายิ้มให้รพีกานต์ก่อนตวัดสายตาขึ้นมองคนที่ชะเง้อคอยาว แววตาขับไล่เขาตลอดเวลา เห็นอย่างนั้นอัษศดิณย์จึงกอดตัวกลมหมับแล้วผละออกเร็ว ๆ ยิ้มยั่วให้อีกคนที่แทบกระโจนมางับหัว แล้วจึงหันกลับมาขึ้นรถขับจากมา

รพีกานต์ผินกายหันกลับขึ้นบ้าน เมื่อเจอใครบางคนเดินงุ่นง่านอยู่หน้าห้องก็ยังเฉย เปิดประตูเข้าห้องตัวเองไป มือขาวฉวยผ้าเช็ดตัว เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดสำหรับผลัดเปลี่ยนแล้วเดินเข้าห้องน้ำตัดบทคนที่ตามเข้ามาในห้อง ระหว่างอาบน้ำเขาก็ใช้เวลาครุ่นคิดก่อนออกไปเผชิญหน้า คิดทบทวนหลายต่อหลายอย่าง จนตัดสินใจได้แล้วจึงเปิดประตูห้องน้ำออกมา
อัครวินท์เองก็อาบน้ำจากห้องอื่นเรียบร้อยแล้วเช่นกัน รู้สึกใจแป้วกับสีหน้าเฉยเมยของรพีกานต์ไม่น้อย ยิ่งภาพที่เห็นตอนรพีกานต์ออกไปส่งอาศดิณย์นั้นยิ่งทำให้เขาคันยุบยิบในอก

“กานต์” เขาร้องเรียกคนที่เปิดประตูห้องน้ำออกมา ไม่เจอกันเดือนกว่าท้องแฝดโตเร็วมากจนน่าตกใจ รพีกานต์สบตาเขาตามเสียงเรียก เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไรต่อคนท้องจึงผละขึ้นนอนบนเตียงแล้วหลับตานิ่ง พูดง่าย ๆ คือไล่แบบไม่มีเสียง แต่คนอยากอัครวินท์หรือจะยอมถอยโดยง่าย เขาปีนขึ้นเตียงแล้วเริ่มต้นทักทายสามแฝด

“อืม คึกจังสามแฝด ดิ้นใหญ่เลย”

 อัครวินท์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แนบใบหน้าทักทายเจ้าตัวเล็กที่ยังคึกคักในท้อง ทั้งจูบทั้งแนบหูฟังเสียงตอบกลับมา สายตาก็คอยมองคนที่นอนหลับตาเมินเขา หนักเข้าจึงเลิกเสื้อแนบแก้มกับผิวพุงกลมเสียเลย ให้รู้ไปว่าจะไม่ยอมพูดกัน

“ถ้ากานต์มีอะไรจะขอ พี่จะให้ได้ไหม” คนที่เงียบมาได้สักพักเอ่ยออกมาในที่สุด อัครวินท์ผงกศีรษะมอง ตาวาวด้วยความหวัง   

“ได้ กานต์ขออะไร พี่ยอมหมดเลย ขออย่างเดียว อย่าขอให้พี่ไปจากชีวิตกานต์กับลูก” อัครวินท์กำลังตื่นเต้นแบบเด็ก ๆ รพี
กานต์อยากขออะไรเขาก็พร้อมตามใจให้หมด รพีกานต์มองคนตื่นเต้นดีใจด้วยใบหน้าเรียบเฉย เอ่ยขึ้นช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำ แต่หั่นหัวใจคนฟังแทบหยุดหายใจ

“ก็นั่นแหละที่อยากจะขอ จากนี้ความสุขหรือทุกข์ในชีวิตของกานต์จะไม่มีพี่มาเกี่ยวข้องอีก”

“กานต์...ไม่ ไม่เอา” เขาส่ายหน้าปฏิเสธ

“อย่าคิดกักขังหน่วงเหนี่ยวกานต์เชียว อำนาจเงินของพี่มันเนรมิตไม่ได้ทุกอย่าง เพราะพี่จะได้แค่ตัว แต่หัวใจกานต์จะเกลียดพี่ เกลียดมากขึ้นทุกวัน แล้วความเกลียดมันก็จะถ่ายทอดไปสู่ลูกในท้องด้วย” คำว่า ‘เกลียด’ เสมือนหอกเหล็กเผาไฟร้อน ๆ กระหน่ำจ้วงแทงบนร่างจนพรุน ไม่เพียงเท่านั้น รพีกานต์กำลังจะใช้ลูกเป็นเครื่องมือแก้แค้นเขา นั่นคือสิ่งที่เขาทนไม่ได้ที่สุด

“กานต์กำลังใช้ลูกเป็นเครื่องมือ กานต์ไม่ให้ทางเลือกอะไรพี่เลย”

“เหมือนที่พี่ใช้กานต์เป็นเครื่องมือทำร้ายพ่อของกานต์ไง”

“ก็ถ้ากานต์เป็นพี่บ้างล่ะ” อีกฝ่ายทัดทานไม่ยินยอมโดยง่าย
   
“บาปเวรของคนรุ่นพ่อกลายเป็นโซ่ตรวนร้อยรัดคนรุ่นหลังสินะ ถ้าอย่างนั้นก็ถึงเวลาปลดเปลื้องพันธนาการนี้ได้แล้ว พี่ไม่รู้หรอก การรักพี่แล้วมีแต่ความทรมานมันเป็นยังไง ตอนนี้พี่ทนความงี่เง่าของกานต์ได้ ถึงกานต์ระแวงกานต์งี่เง่าพี่ยังทนได้ แล้วอนาคตล่ะ”
   
“กานต์ก็คอยคิดแต่ว่าพี่จะทำร้ายกานต์ ทำไมไม่ให้โอกาสพี่ได้แก้ตัวบ้าง”
   
“พี่วินฟังกานต์นะ กานต์ในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว หมดเวลาของเด็กน้อยช่างฝันเพราะทุกนาทีตอนนี้คือชีวิตจริง พ่อกานต์ไม่สบายและกานต์เองกำลังจะมีลูก สองหน้าที่ในคน ๆ เดียว หน้าที่ของลูก กานต์ทำได้ไม่ดีนัก กานต์ทำให้พ่อเสียใจ แต่กานต์ก็อยากแก้ไขด้วยการทำหน้าที่พ่อและแม่ของสามแฝดให้ดี กานต์มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ กานต์อยากเรียนให้จบเพื่อจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อ แล้วก็จะได้เลี้ยงลูกให้ดี กานต์ทรมานทุกนาทีที่นึกว่าพ่อป่วยเป็นอะไร กานต์กลัว กานต์หวาดกลัวทุกลมหายใจ กลัวพ่อ ฮึก กลัวว่าพ่อจะไม่ได้อยู่ดูความสำเร็จของกานต์ไปนาน ๆ กานต์ไม่ได้รักแต่พี่ มองว่าพี่คือทุกอย่างในชีวิตอีกแล้ว ความรักตอนนี้กานต์โฟกัสที่ลูกและพ่อของกานต์ เพราะความเชื่อใจของกานต์มันพังไปแล้ว”
   
“กานต์ปล่อยพี่วินแล้ว พี่วินก็ปล่อยกานต์เถอะนะ เราต่างคนต่างปล่อยมือซึ่งกันและกัน ไม่มีอะไรติดค้างต่อกันอีก ที่ผ่านมาให้แล้วต่อกันเถอะ ถือว่ากานต์ขอ”
   
“ไม่ พี่ไม่ปล่อย กานต์คิดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียว เพราะเขาใช่ไหม เพราะผู้ชายคนนั้น เขายอมรับเด็กที่ไม่ใช่ลูกตัวเองได้หรือ กานต์...เรารักกันไม่ใช่หรือครับ อะไรที่พังไปแล้ว กานต์จะให้โอกาสพี่ซ่อมมันใหม่ไม่ได้หรือ พี่ทำผิดครั้งเดียว กานต์ตัดสินพี่รุนแรงขนาดนี้เลยหรือ เหมือนเราไม่เคยรักกัน” อัครวินท์ส่ายหน้าดึงดัน ความผิดหวังไม่ใช่สิ่งที่เขาประสบพบเจอบ่อยนัก ทุกครั้งที่ทำผิดพลาดเขามักได้รับการให้อภัยง่ายดาย ชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูกกับการถูกปฏิเสธซึ่ง ๆ หน้า
   
“คนรักกัน มันจะไม่เคยมีอะไรผิดพลาดกันเลยหรือกานต์”
   
“กานต์คงยังรักพี่ไม่มากพอ” รพีกานต์จำต้องกัดฟันบอกไปแบบนั้น ยอมกรีดหัวใจตัวเองขาดเป็นริ้ว ๆ เพื่อยุติทุกความสัมพันธ์ที่เคยดำเนินมา เพราะความกลัวในใจ ชายหนุ่มยอมรับว่าอ่อนแอเกินกว่าจะคิดเอาชนะ รพีกานต์จึงเลิกตัดทิ้งไป

“กานต์...” อัครวินท์ครางเสียงแผ่ว อ้าปากค้างด้วยความคาดไม่ถึง ไม่ใช่แค่เขาที่เจ็บ ณัฐธีร์ที่ยืนฟังอีกฝั่งประตูก็ปวดหนึบไปทั้งใจ

“กานต์กำลังกลัวอะไร การรักพี่มีอะไรที่น่ากลัวสำหรับกานต์หรือ ถ้าเรื่องนอกใจ พี่รับปากกานต์ตรงนี้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก ตอนนั้นพี่ทำเรื่องโง่ ๆ ไป พี่ขอโทษ ถึงพี่ใครเข้ามา ถ้าพี่ไม่เล่นด้วย เขาก็ทำอะไรความรักของเราไม่ได้ พี่ไม่ทำอีกแล้วกานต์ ไม่อีกแล้ว”

“กานต์ให้พี่อยู่ได้ถึงวันคลอด ในห้องคลอดถ้าพี่อยากเข้าไปกานต์ก็ไม่ห้าม แต่หลังจากนั้น กานต์ขอร้องให้พี่ไปจากชีวิตกานต์ ขอแค่นี้ ทำให้กานต์ได้ไหมพี่วิน”

หยาดน้ำตาหรือคำหวานซ่านในอก      ลงนรกฤาสวรรค์ตามสรรหา
เจ้ารอนรักสลัดทิ้งจริงหรือนา         เจ้าฆ่าคนด้วยวาจาแทบวายวาง

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ปวดหมองแทนกานต์จริง ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็มีแต่เรื่องปวดหมอง  :a6:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ดราม่าสุดๆ :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เสน่หา...รักเอย๓๑(Mpreg)(P.๑๔)(๒๙/๐๔/๖๑)
« ตอบ #409 เมื่อ: 29-04-2018 12:29:56 »





ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ bearjunjun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ้ย น้องกานนนนนนนนนต์

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
จัดให้หนัก กานต์ได้เลือกบ้าง

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
น้องกานต์ใจแข็งมากกกกกกก แต่วิน ได้อยู่ใกล้ๆกานต์แล้วพยายามแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ เผื่อกานต์จะใจอ่อน

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
กานต์ใจแข็งมาก วินต้องสู้สุดใจแล้วล่ะแสดงความจริงใจและรักออกมาให้เต็มที่ไปเลย

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เฮ้อ~

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เข้ามาส่อง แบบสารภาพเลย อ่านบ้างข้ามบ้าง :hao5:

หน่วงมาก อ่านแล้วอินตามจะเป็นไมเกรน (ฮา)

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
เสน่หา...ฉากสุดท้าย

"เสน่หาขับขานกังวานรัก   การพบพักตร์จตุนายหมายศศิน
เมื่อความรักพบผ่านในชีวิน   สุขถวิลหรือสิ้นใยใครคาดเดา"
[/b]


“กานต์จะทำอะไรหรือถึงใช้พี่นวดแป้ง” อัครวินท์ส่งเสียงถาม มือก็ลงแรงนวดแป้งในกะละมังไปด้วย โดยมีคนท้องคอยดูไม่ให้ตัวเนื้อแป้งแห้งจนเกินไป พี่ณัฐเอาคนมาให้ใช้ รพีกานต์ก็ใช้เต็มที่ ในมือเรียวมีก้านมะยมคอยหวดคนที่รุ่มร่ามเป็นระยะ

“ขนมหม้อตาล” บอกพลางเสิร์ชภาพในอินเทอร์เน็ตให้ดู อัครวินท์ไม่รู้จักตามเคย แต่เห็นคนท้องบอกจะทำให้กินเขาก็ตั้งหน้าตั้งตานวดแป้งให้ ช่วงนี้สบโอกาสจังหวะเหมาะ ณัฐธีร์พาคุณรพินทร์นั่งเครื่องไปตามแพทย์นัดที่กรุงเทพฯ แล้วจะเลยไปดูความเรียบร้อยที่บ้านต่อ คงอยู่ต่ออีกหลายวันกว่าจะกลับ เรียกว่าโอกาสเป็นใจให้เขาได้ใช้เวลากับคนท้องได้เต็มที่ ทั้งกอดทั้งหอมทั้งฟัด ถูกคนท้องขึงตาดุตีด้วยก้านมะยมเอาบ้างก็ถือว่าคุ้ม

มือหนานวดจนเข้าที่ก็เข้าสู่กระบวนการปั้น รพีกานต์รับช่วงต่อในขั้นตอนนี้ มือเรียวปั้นแป้งเป็นก้อนกลมนำไปกดใส่แบบ ส่วนอัครวินท์นั้นรพีกานต์ให้ช่วยปั้นหูหม้อ ดูจะเหมาะกันดี สองคนร่วมด้วยช่วยกันสุดท้ายก็ได้หม้อใบเล็กหลายใบส่งเข้าเตาอบ

“วันนี้ยังกินไม่ได้ เอาออกจากเตาอบแล้วต้องอบควันเทียนทิ้งไว้หนึ่งคืน พรุ่งนี้กานต์ถึงจะทำน้ำตาลหยอดลงในขนมให้กิน วันนี้รางวัลที่นวดแป้งให้ กานต์จะทำอย่างอื่นให้พี่กินก่อน หม้อตาลนี่หากินยากอยู่ เมื่อก่อนเขาใช้ในงานมงคล พวกงานแต่งงานนี่แหละ” คนท้องอธิบายไม่ได้คิดอะไร แต่คนฟังเผลอคิดไถลไปไกลจนผุดรอยยิ้มออกมา

“ยิ้มอะไรพี่วิน”

“พี่ยิ้มเมียพี่ทำขนมแต่งงานของเราน่ะ”   

“พี่คิดอะไรของพี่เนี่ย เพ้อเจ้อ เสร็จแล้วเดี๋ยวพี่ณัฐพี่ดินก็จะได้กินเหมือนกัน” คนท้องทำหน้าปุเลี่ยน เอ่ยดับฝันอีกคนสลายเสียป่นปี้ ยิ่งชื่อสุดท้ายยิ่งแสลงหู

“กานต์ไม่อยากแต่งกับพี่ ไม่อยากอยู่กับพี่หรือครับ” สีหน้าหมาตัวใหญ่หูลู่หางตกดูแล้วก็น่าสงสารอยู่หรอก กับคนที่มีแต่คนห้อมล้อมอยากเข้าหามาตลอด แต่พอยัดเยียดตัวเองมาอยู่ที่นี่ ถูกไล่เช้าไล่เย็น บ่อยเข้าก็เริ่มน้อยใจเป็นเหมือนกัน

“ไม่คุยกับพี่แล้ว จะกินไหมขนมจีบ” รพีกานต์เฉไฉนอกเรื่อง วูบหนึ่งที่ความรู้สึกสงสารแล่นเข้ากระทบใจ สายตาคมของเขา สายตาที่รพีกานต์เคยปรารถนาเป็นเจ้าของครอบครองไว้เพียงผู้เดียว สายตาที่หมายมาดให้เพ่งตรงที่คนเพียงคนเดียว ยามนี้สายตานี้สะท้อนภาพตนเองแล้ว กลายเป็นรพีกานต์เสียเองที่ไม่กล้าสบตาเขาโดยตรง กลัวความรู้สึกในยามอดีตที่เคยกักเก็บไว้จะทำให้เผลอใจอ่อน

“พี่ไม่กินก็ได้ เดี๋ยวกานต์จะเหนื่อย กานต์เมื่อยไหม เดี๋ยวพี่นวดให้ พี่ดูจากอินเทอร์เน็ต บางทีคนท้องก็มีอาการเหน็บที่ขา ให้พี่นวดให้นะ” อัครวินท์กระวีกระวาดเอาอกเอาใจ เขารุนหลังคนท้องไปนั่งบนเก้าอี้นอน ส่วนตัวเองก็รีบกลับมาเก็บอุปกรณ์ไปแช่ไว้ตรงอ่างล้างจาน

“ล้างอุปกรณ์ให้เรียบร้อยก่อนพี่วิน” คนท้องติง บอกแล้วจึงลุกขึ้นหยิบมะม่วงตลับนากมาปอกเปลือก สายตาชำเลืองมองคนเงอะงะที่ดูแล้วน่าจะทำครัวพังเสียมากกว่าช่วย อัครวินท์ทำอะไรแบบนี้ไม่เป็นสักอย่าง แต่ท่าทางตั้งอกตั้งใจทำให้รพีกานต์ไม่ได้เอ่ยอะไรทำลายน้ำใจ ปอกมะม่วงไป ชำเลืองมองอีกคนไปเงียบ ๆ อัครวินท์ในยามนี้ช่างต่างจากมาดเจ้าชายที่เจอในตอนแรก ตอนนั้นผู้ชายคนนี้ดูเข้าถึงยากจนไม่น่าเชื่อ

“เสร็จแล้ว” เสียงร่าเริงปลุกสติคนท้องจากภวังค์ ร่างใหญ่ปราดเข้ามาหา ทิ้งคราบน้ำกระเซ็นเป็นหย่อม ๆ ไว้เบื้องหลัง รพีกานต์พยักพเยิดให้ดู ชายหนุ่มยิ้มเผล่รีบกลับไปถู แล้วจึงตามคนท้องไปที่ห้องนอน

รพีกานต์เอาหมอนใบใหญ่รองแผ่นหลังรออยู่บนเตียง เขาไม่ได้ตะแหง่แง่งอนมากมายจนดูน่ารำคาญ อัครวินท์อยากทำอะไรก็ตามใจ แต่รพีกานต์ก็ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจเท่าไรนัก ถามคำตอบคำแบบขอไปที ในความมึนตึงเล็ก ๆ พูดจากันน้อยคำ พ่อเจ้าแฝดอดทนกับความเฉยชาสูงกว่าที่คิด เหมือนจะรู้ตัวว่าถูกแกล้งเพื่อไล่กลาย ๆ อย่างนั้นแล้ว รพีกานต์ประชดประชันอะไร เจ้าตัวก็เพียงทำหูทวนลม เฉยเสีย ให้คนท้องเหนื่อยไปเอง

มือหนานวดไปตามต้นขา สายตาอาทรส่งให้ไม่ขาด ท้องกลมโตจนโย้ เวลาเดินจะดูแอ่นหน่อย ๆ อัครวินท์ชอบยามที่ยื่นใบหน้าแนบท้องฟังเสียงดิ้นของสามแฝด ฟังเสียงแล้วก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้อีกคน สว่างสดใสทั้งดวงตาและรอยยิ้ม รพีกานต์หลบสายตาเปี่ยมความหวังเสมองไปนอกหน้าต่าง เตือนตัวเองให้ใจแข็งอย่างที่สุด เพราะหัวใจไม่เคยเกลียดชังคนตรงหน้า ความพยายามจึงหนักหนาเอาการ

 ครู่หนึ่งจึงรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาบนหลังเท้า

“พี่วิน” รพีกานต์จะชักเท้าหนี แต่ภาพตรงหน้ากลับตรึงร่างกายไว้นิ่ง คนตัวโตประทับรอยจูบแล้วแนบแก้มตามไป ดวงตากลมสั่นไหว ความหวั่นหวิวแล่นเข้าจู่โจม เพราะเกลียดไม่ลง การทำใจให้แข็งจึงยากแสนยาก

“พี่ขอโทษ ขอโทษจริง ๆ” เสียงทุ้มพึมพำ ใบหน้ายังแนบแช่ไว้ที่หลังเท้า ในใจกำลังกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว กลัวที่จะเสียรพีกานต์ไป เพราะเขารู้ดีว่าผู้ชายคนนั้นจะดูแลคนตรงหน้าได้ดี คนที่เห็นคุณค่าดวงแก้วที่เขาทำหลุดมือไป ที่ทำได้คือยื่นให้สุดแขนเพื่อคว้าเอาคืน ยื้อเอาไว้ด้วยความดื้อดึง ความเย็นชาที่รพีกานต์แสดงออกเสมือนเยื่อบางเบากางกั้นระหว่างกัน มันทำให้เขาหวาดกลัวอยู่ลึก ๆ อยู่หรือไปไม่ใช่เขาที่ตัดสิน

ก้อนเนื้อในโพรงอกด้านซ้ายบีบตัวด้วยความปวดหนึบ หยดน้ำใสหลั่งรินเงียบเชียบ บาดแผลที่มองไม่เห็นทรมานเขาช้า ๆ ลุกลามไม่ต่างจากมะเร็งร้าย

“กานต์ไม่ได้โกรธ กานต์แค่เสียใจ กานต์รักพี่เป็นคนแรก รักพี่คนเดียว แล้วกานต์ก็ต้องเสียใจด้วยน้ำมือคนที่กานต์รัก คนที่ไม่เคยมองว่ากานต์มีค่า พี่รู้ไหม มันจะง่ายมาก ถ้าพี่จะไม่กลับมาในชีวิตกานต์อีก จบเรื่องระหว่างเราแล้วต่างคนต่างมีชีวิตใหม่ พี่น่าจะดีใจนะ คนที่เข้ามาหากานต์ ไม่มีใครรังเกียจสามแฝดเลย”

“กานต์ หยุดไล่พี่เถอะนะ พี่ขอร้อง” เขาร้องขอเสียงสั่น หัวใจปวดแปลบจนน้ำตาไหล จับมือเรียวแนบแก้ม ดวงตาเว้าวอนจ้องมองผ่านความพร่าลางยังคนที่มองเขาราวคนแปลกหน้า มันเฉยชา ไร้ความเชื่อใจเสียจนเขาไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำขอให้ยกโทษ ยังเหลืออยู่ไหมนะ ความรักในใจรพีกานต์ ทั้งผลักไสและไม่เปิดใจรับ รอยยิ้มวันวานเปลี่ยนเป็นความแห้งผาก เฉยเมย แม้อยู่ใกล้กันเพียงสัมผัส แต่หัวใจกลับทุรนทุรายเหลือเกิน

“กานต์อยากอ่านหนังสือเงียบ ๆ ถ้าพี่เบื่อนวดแล้ว อยากไปทำอะไรก็ไปเถอะ” รพีกานต์เบือนหน้าหนี ตัดบทด้วยการหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาเปิดอ่าน เมินเฉยต่อน้ำตาอ้อนวอนให้ปรานี

ไล่พี่อีกแล้ว

แม้มองด้วยสายตาตัดพ้อสักแค่ไหน รพีกานต์ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขามากไปกว่าหนังสือในมือ ทุกสิ่งอย่างสำคัญและมาก่อนเขาเสมอ คนท้องเฉยชาได้แม้กระทั่งน้ำตาที่ไม่เคยหลั่งให้ใครเห็น อัครวินท์เสียใจ ได้แต่บอกกับตัวเองว่าเสียใจเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากปล่อยมือ

 โน้ตแผ่นเล็กสอดไว้ข้างในหนังสือเป็นลายมือคุ้นตาของพ่อ รพินทร์ส่งหนังสือเรื่องเวียงกุมกามให้บุตรชายก่อนออกเดินทาง รพีกานต์เพิ่งเปิดเห็นโน้ตนั้น หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อเจอประโยคสื่อความนัยในโน้ต

 “จงรักเสีย เมื่อเป็นเวลาแห่งรัก ไม่นานนัก ให้แสนรักก็ต้องลา...”

เนื้อความจับจิตจับใจตามสไตล์นักประพันธ์ชั้นครูนามปากกาทมยันตี นี่คือสิ่งที่บิดาอยากสื่อ ดวงตากลมมองเลยแผ่นโน้ตไปยังคนที่ยังคอยนวดให้เงียบ ๆ ท่าทางเซื่องซึมจนไหล่ลู่ลงเหมือนคนท้อแท้สิ้นหวัง

 จะมีสิ่งใดทำร้ายจิตใจได้เท่าคำพูดร้ายกาจที่มนุษย์มอบให้แก่กัน คมปลาบปวดแปลบเสียยิ่งกว่าใบมีดใด ๆ พลานุภาพทำล้างทำลายหนักหนาสาหัสเสียยิ่งกว่าขีปนาวุธ คำพูดเป็นทั้งน้ำทิพย์ชุบชีวิตและปลิดชีพคนได้ง่ายดายราวใบไม้ปลิดขั้วร่วง และรพีกานต์ก็เลือกสาดคำพูดเสียดแทงให้คนตรงหน้า มล้างทำลายให้เขาเจ็บปวดเหมือนตนเองเคยเจอ อัครวินท์ที่เคยสง่างามทะนงในตัวเอง เวลานี้กลับดูเลื่อนลอยเหมือนคนสูญสิ้นความหวังทั้งหมดของชีวิต

ถามหัวใจตัวเองเถิด สาแก่ใจจริง ๆ ไหมที่เห็นน้ำตาอีกคน

คำตอบคือไม่เลย

“จงรักเสีย เมื่อเป็นเวลาแห่งรัก ไม่นานนัก ให้แสนรักก็ต้องลา...”

คำย้ำเตือนเสมือนให้ได้ยินเสียงกระซิบข้างใบหู รพีกานต์กัดริมฝีปากด้วยความสับสน ความเชื่อใจที่เกิดรอยร้าว มันยากที่จะผสาน จะสรรหาความเข้มแข็งจากไหนให้กลับมาเชื่อใจในคนเดิม เพราะรพีกานต์นั้นขี้ขลาดเกินกว่าจะทำ เหมือนสัตว์บาดเจ็บที่มักเข็ดกับคนที่เคยทำร้าย เขาทั้งขี้ขลาดและหวาดกลัวเหลือเกิน


วันเวลายังเลื่อนผ่านไปด้วยความซื่อสัตย์ ยาวนานเชื่องช้าสำหรับหัวใจคนทรมาน เหมือนสะพานที่ทอดยาวไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย เวลาเป็นใจแต่อีกคนไม่เปิดใจ อัครวินท์จึงถูกความทรมานกัดกินช้า ๆ อ้อมกอดน้ำตาไหลมาในบางคราว ความรู้สึกฝืดเฝื่อนยามพยายามกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอด้วยความน้อยใจ กระนั้นก็ไม่กล้าให้คลาดสายตาไปอีก

อัษศดิณย์ยังแวะเวียนมาหา ความรู้สึกราวอากาศธาตุไร้ความสำคัญกัดกร่อนหัวใจเช่นนี้เอง ทุกอย่างย้อนคืนในสิ่งที่เขาเคยทำกับคนที่รักเขาตอนนั้น วันนั้นที่เคยทรยศหักหลังต่อความรักในมือ ในวันนี้รพีกานต์ไม่ได้หักหลัง มันยังทำให้เขารู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดได้ขนาดนี้ หัวใจและร่างกายที่เคยแกร่งดุจหินผา ตอนนี้มันโงนเงนง่อนแงนเหมือนพร้อมจะพังทลายลงทุกเวลา ให้คนที่รักออกปากขับไล่ไสส่งยังจะเจ็บน้อยกว่านี้ กระนั้นหัวใจดื้อรั้นก็ยังค้านชนฝา

“ไม่ได้นะเว้ย ถ้ายอมแพ้ง่าย ๆ ตอนนี้ กานต์ก็จะเห็นว่ามึงไม่มีความอดทนอะไรเลย กานต์จะไม่มีทางเชื่ออย่างเด็ดขาดว่ามึงอยากได้กานต์คืนจริง ๆ” เขาแอบมาชกต้นไม้ระบายอารมณ์ คิดโง่ ๆ ว่าเผื่อมันจะช่วยย้ายความเจ็บปวดในใจไปไว้ที่อื่นได้บ้าง เขาเจ็บ...ที่รอยยิ้มที่คนที่รักไม่ได้มีไว้ให้เขา

รอด้วยความอดทนโดยไม่เข้าไปก่อกวน เขาให้เกียรติคนที่เขารัก เพราะหลังจากอัษศดิณย์กลับไปแล้ว เวลาที่เหลือยังเป็นของเขา ใช่ ยังเป็นของเขา รอยยิ้มขมขื่นประโลมหัวใจอ่อนล้า ได้แต่หวังว่ามันจะไม่นานจนเกินไปนัก รักให้ชีวิต รักก็คร่าชีวิตได้เช่นกัน แต่นั่นไม่ใช่ความผิดของรัก

“กานต์ รินอยากคุยด้วย เราเฟซไทม์คุยกับรินกันนะ รินอยากเห็นว่าตัวเล็กโตแค่ไหนแล้ว” เขากระวีดกระวาดบอกด้วยความดีใจเมื่อรพีกานต์กลับเข้าห้องมาเสียที

“พี่ดินเอาขนมมาฝาก มีเผื่อพี่ด้วย”

“ได้ ๆ กานต์อยากกินใช่ไหม งั้นกานต์ไปนั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวพี่จัดใส่จานให้ แล้วเราจะคุยกับรินกันนะ” เขารับขนมมา กุลีกุจอหาจานมาใส่แล้วรีบตามคนท้องไป เก้าอี้ไม้ตัวเล็กถูกขยับมาข้างเตียงสำหรับวางจานขนม อัครวินท์ตบปุ ๆ ให้คนท้องนั่งตรงตำแหน่ง มือกดโทรออกแล้วเสียบโทรศัพท์เข้ากับขาตั้ง กะระยะให้มองเห็นกันถนัด

“หวัดดีพี่ชาย กานต์ด้วย” ไอยวริญท์ฉีกยิ้มทักทายด้วยความตื่นเต้นดีใจ อัครวินท์กลับไปนั่งซ้อนหลัง เขาฉีกขาออกเพื่อรับร่างอวบมาไว้ตรงกลาง มือสวมกอดท้องกลมพลางฉีกยิ้มตอบ

“ริน หลานรินดิ้นใหญ่เลยในท้อง”

“หูย ตื่นเต้น กานต์ไม่พูดอะไรบ้างล่ะ แล้วนี่จะคลอดเมื่อไร อยากไปหาจัง” ไอยวริญท์ส่งเสียงเจื้อยแจ้วพลอยตื่นเต้นไปด้วย

“ลูกแฝดมักคลอดก่อนกำหนด หมอบอกให้พยายามพยุงให้ได้สักสามสิบสี่วีค เราคงแอดมิตเข้าไปรอคลอดที่โรงพยาบาลแหละ ท้องโตคงเดินไม่ค่อยไหวแล้ว”

“กานต์อย่าว่ารินยุ่งเลยนะ ไหน ๆ พี่วินก็หากานต์เจอแล้ว คราวนี้คงไม่ปล่อยให้หนีอีกแน่ ๆ รินว่ากานต์มาคลอดที่นี่ดีไหม ญาติเรามีโรงพยาบาลอยู่ ติดต่อให้ดูแลกานต์ได้สบายเลย ให้พวกเราดูแลกานต์เถอะนะ ถือว่าชดเชยที่พี่ชายไม่ได้เรื่องของเราก่อเรื่องกับกานต์ไว้ อันนี้พี่วินบอกเราให้คุยกับกานต์ให้ บอกเองกลัวกานต์ไม่ยอม แต่เราอยากให้กานต์มาที่นี่นะ ครอบครัวเราอยากชดเชยอะไรให้กานต์บ้าง ให้พวกเราดูแลกานต์เถอะ นี่ปู่ก็เตรียมส่งเครื่องส่วนตัวไปรับ รอแค่กานต์ตกลง กานต์มาเถอะนะ” ไอยวริญท์เริ่มขบวนการเกลี้ยกล่อม คนท้องนกรู้ตวัดสายตามองคนข้างตัว อัครวินท์ยังไม่ตกปากรับคำกับข้อตกลง และตอนนี้ดูเหมือนคนเจ้าเล่ห์จะวางแผนบางอย่าง

“กานต์รู้นะว่าพี่จะกันกานต์ออกห่างพี่ดิน แล้วพี่ก็ยังไม่รับปากกับข้อตกลงของเรา”

“ที่นี่อากาศดี เราอยากพักพักผ่อนอยู่ที่นี่มากกว่า อีกอย่างเปิดเทอมพี่วินก็ต้องกลับไปเรียน คงไม่ได้อยู่ตอนคลอด” คนท้องตัดรอน คนพยายามหาพวกเลยได้แต่จ๋อย

“งั้นรินไม่บังคับกานต์ก็ได้ แต่รินขอเบอร์ใหม่กานต์หน่อยซี มีเรื่องอยากปรึกษาแบบส่วนตัวน่ะ” ไอยวริญท์อ้อมแอ้มคุย สายตาหลุกหลิกผิดปกติ

“ก็ปรึกษาไปซี ทำอย่างกับพี่ไม่รู้เรื่องพี่ฉายฉาน ลูกชายเอกอัครราชทูต” อัครวินท์ขัดคอน้องสาว ไม่มีเสียละที่เขาจะออกไป

“พี่วินอย่ามาล้อรินนะ เรื่องแบบนี้เพื่อนเขาปรึกษากัน” ไอยวริญท์ค้อนให้ เพียงเท่านี้รพีกานต์ก็เข้าใจในเรื่องที่อีกฝ่ายอยากคุย คนท้องยังจำพี่ฉายฉานคนนั้นได้ หน่วยก้านนับว่าไม่เลวเลย อุปนิสัยและหน้าตาดีทีเดียว

“ถ้าพี่วินไม่ดื้อ กานต์จะพูดกับพี่ดี ๆ ตกลงไหม” รพีกานต์ต่อรองคนที่อิดออดไม่ยอมไป สุดท้ายคนตัวใหญ่เลยยอมแต่โดยดี

“โห กานต์เจ๋งชะมัด ปราบพี่วินเสียราบคาบ”

“ช่วงโปรโมชันน่ะริน เอาละ มาเรื่องที่รินอยากคุย พี่ฉายฉานนี่ใช่คนเดียวกับเดือนรัฐศาสตร์มอเราไหม” แล้วสองเพื่อนก็เริ่มพูดคุยเรื่องหัวใจ ในขณะที่คนตัวใหญ่ก็ยังวางแผนเรื่องเกลี้ยกล่อมรพีกานต์ให้กลับไปคลอดที่บ้านอยู่ดี เพราะรู้ว่าหากตนเองเปิดเทอม โอกาสอยู่ด้วยกันคงน้อยลงตาม

Tru Tru Tru

“ครับพ่อ กานต์คุยกับรินอยู่น่ะครับ” อัครวินท์รับโทรศัพท์ของรพีกานต์แทน หลังเห็นหน้าจอโชว์สายเรียกเข้าเป็นเบอร์โทร.ของรพินทร์

“วิน บอกกานต์หน่อยนะ หลวงตามรณภาพแล้ว นี่พี่ณัฐก็ว่าจะบวชให้ไปจนเปิดเทอมโน่นเลยถึงจะสึก พ่อคงอยู่ที่นี่อีกหลายวัน วินดูแลน้องไปก่อนนะ” ฟังที่รพินทร์เล่ามาแล้วอัครวินท์ก็เริ่มคิดแผนพาคนท้องกลับออก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาคงต้องขอความช่วยเหลือจากรพินทร์อีกแรง

“พ่อครับ ผมมีเรื่องอยากให้พ่อช่วยหน่อย พ่อช่วยผมหน่อยนะครับ” เขาขอร้องอีกฝ่าย พอจับความรู้สึกได้ว่ารพินทร์ไม่ได้ต่อต้านเขา หากพูดจากันดี ๆ ก็ไม่ยากที่รพินทร์จะรับฟัง

ด้วยการเกลี้ยกล่อมจากหลายคน สุดท้ายรพีกานต์ก็ได้กลับบ้านอีกครั้ง สาเหตุหลักเพราะคนท้องอยากมาไหว้ศพหลวงตาที่เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย หลวงตาท่านอาพาธมาพักหนึ่งแล้วและตอนละสังขารท่านก็จากไปอย่างสงบ เป็นห่วงก็แต่พี่ณัฐที่ดูจะซึมไป หลังจากพูดคุยปรึกษากันก็ได้ความว่าหลังเสร็จงานศพหลวงตา พี่ณัฐจะบวชต่อจนใกล้เปิดเทอมจึงจะสึก

เช้าตรู่อากาศสดชื่น หลวงพี่บวชใหม่เดินบิณฑบาตกรายมาหน้าบ้าน รพีกานต์และอัครวินท์ยืนสำรวมรอใส่บาตรให้ท่าน สีหน้าหลวงพี่ผ่องใสขณะให้ศีลให้พร จริยวัตรของท่านงดงามน่าเลื่อมใส อัครวินท์รู้สึกอิ่มเอิบอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ทำบุญใส่บาตรร่วมกับรพีกานต์ หากไม่ได้หลวงพี่ท่านช่วย ทุกวันนี้เขาคงยังทุกข์ใจกับการหาคนรักไม่เจอ สายตาขอบคุณที่ส่งให้ตอนใส่บาตร หลวงพี่ท่านคงรู้สึกได้ จึงได้ยิ้มบางส่งให้

“ถ้าไม่ได้หลวงพี่ท่านช่วย พี่คงหากานต์ไม่เจอง่าย ๆ”

“พี่วินน่าจะปล่อยให้กานต์ได้ไปเจอคนดี ๆ ว่าไหม” คนท้องแหย่หน้าตาย

“ไม่ อย่างกานต์ต้องอยู่กับพี่เท่านั้น” ใบหน้าหล่อเหลาจริงจัง ไม่ยอมรับมุกโดยง่าย

“ข้อตกลงของเรา หวังว่าพี่จะไม่ลืม” รพีกานต์ย้ำคำ รู้ว่าอีกฝ่ายจะบิดพลิ้วด้วยการไม่รับยอมรับปาก เกิดความเงียบขึ้นระหว่างทั้งคู่ รพีกานต์ผละเข้าบ้านไป เวลาระหว่างกันร่นใกล้เข้ามาทุกที

.

.

“อือ พี่วิน กานต์ปวดท้อง” รพีกานต์ร้องเรียกคนมานอนเฝ้า ตอนนี้เขาแอดมิตรอคลอดที่โรงพยาบาลแล้ว คุณหมอท่านนัดผ่าคลอดอีกสองวันข้างหน้า แต่วันนี้เขาปวดท้องขึ้นมาเสียก่อน

“พี่วิน” รพีกานต์หน้าซีด ท้องโย้โตจนน่ากลัว เขาเดินเหินแทบไม่ไหว อัครวินท์เด้งผึงจากที่นอนเมื่อได้ยินเสียง เขารีบผลุนผลันเข้ามาหา

“กานต์ กานต์จะคลอดแล้วหรือ เดี๋ยว เดี๋ยวพี่กดเรียกหมอให้” อัครวินท์ตื่นเต้นจนมือสั่น เขาสวมกอดท้องโย้ จูบขมับให้กำลังใจขณะรอ


ถ้าจะมีอะไรตื่นเต้นที่สุดในชีวิตของผู้ชายที่ชื่ออัครวินท์ อิศวัชร ก็คงต้องบอกว่าตอนนี้แหละที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิต ก้อนเนื้อในโพรงด้านซ้ายเต้นโครมคราม มือเย็นเฉียบชื้นเหงื่อขณะกุมมือให้กำลังใจคนรัก สายตารอคอยการได้เจอเด็กน้อยสายเลือดตัวเอง ทั้งลุ้นทั้งกระวนกระวาย ยามเห็นหมอลงมีดกรีดผิวเนื้อ ยอมรับว่าแทบหยุดหายใจไปเหมือนกัน

“กานต์เจ็บไหม” อัครวินท์ถามเสียงสั่น ทั้งตื่นเต้นทั้งลุ้นทั้งรู้สึกเจ็บแทน รพีกานต์ส่ายหน้าปฏิเสธเพราะถูกบล็อกหลังระหว่างคลอด อัครวินท์มองดูทุกอย่างด้วยความตื่นเต้น มีคุณพยาบาลคอยถ่ายวิดีโอไว้ให้

“อะ ออกมาแล้วกานต์” น้ำเสียงตื่นเต้นปลื้มปริ่มเต็มที่ยามมองเด็กตัวจ้อยถูกควักออกจากท้อง เสียงคุณหมอขานบอกเวลา อัครวินท์กุมมือนุ่มแน่นขึ้นจนสั่น

“คุณพ่อร้องไห้แล้ว” เสียงพยาบาลเอ่ยแซว อัครวินท์เพิ่งรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่แก้มตอนนั้นเอง เขายิ้มทั้งน้ำตา ยังควบคุมอาการตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ มือหนายกมือบางขึ้นจูบ สายตายังคงมองลุ้นการทำคลอดอย่างต่อเนื่อง

“พี่วินยังไม่ลืมที่กานต์เคยขอใช่ไหม” จู่ ๆ รพีกานต์ก็เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าเฉยชา

“กานต์...” เขามองอีกฝ่ายอย่างคาดไม่ถึง ไม่คิดว่ารพีกานต์จะทวงถามกันในยามนี้

“พี่ดินกำลังจะมาที่นี่ รบกวนพี่วินไปรับให้หน่อยนะครับ กานต์จะแต่งงานกับพี่ดิน แล้วพี่วินก็ไม่ต้องมาให้กานต์เห็นหน้าอีก ถือว่ากานต์ขอ...เพื่อลูก”

“กานต์...” เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ อัครวินท์ตัวช้าดิก ใบหน้าซีดเผือด แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน น้ำตาที่หลั่งด้วยความโสมนัสอย่างสุดซึ้งกำลังกลายเป็นน้ำตาแห่งความอาดูรอย่างที่สุด

“คุณพ่อถ่ายรูปกับสามแฝดนะคะ” พยาบาลยิ้มให้ด้วยความเอ็นดูคุณพ่อมือใหม่ เข้าใจว่าเขาดีใจจนร้องไห้ ใช่ เขาดีใจจนร้องไห้ในคราแรก แต่ตอนนี้เขาหลั่งน้ำตาเพราะดวงใจถูกควักออกไป


“กานต์...ใจร้าย” น้ำตายังหลั่งไม่ขาดสาย มันคงจะกลายเป็นสายเลือดขึ้นมาจริง ๆ หากเขายังคงร้องออกมาไม่หยุด อัครวินท์ขับรถไปด้วยความเสียใจ ความรู้สึกเดียวกับรพีกานต์ยามเห็นเขาหักหลังกันในคราวนั้น คราวที่กานต์รถคว่ำ
บนถนน ฝนไม่ได้ตก แต่การมองเห็นของเขามันพร่าเลือนเกินกว่าจะมองเห็นสิ่งใดชัดเจน ปลายทางช่างบีบรัดหัวใจเขานัก ไปรับใครอีกคนมาทำหน้าที่คนรักและพ่อของลูกแทนเขา ใจเอ๋ย มันจะขาดรอน ๆ ก็คราวนี้

ปี๊นนน

โครม !

“จงรักเสีย เมื่อเป็นเวลาแห่งรัก ไม่นานนัก ให้แสนรักก็ต้องลา...”


มือเปื้อนเลือดค่อยขยับเชื่องช้า ชื่อของคนที่รักถูกจารึกด้วยอักษรโลหิตบนกระจก ให้รู้ว่ารักสุดหัวใจจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต

“กานต์”

“พี่รักกานต์” เสียงเบาหวิวแผ่วเบาเหลือเกิน มันคือกำลังเฮือกสุดท้ายที่เขารวบรวมเปล่งออกมา แม้คนที่รักจะไม่ได้อยู่ฟังก็ตาม
น้ำตาสองสายไหลหยาดบนดวงหน้า ร่างกายเกร็งกระตุกอยู่สองสามหนก่อนแน่นิ่งไป นัยน์ตาทั้งคู่ยังคงเหลือกค้างด้วยใจยังอาวรณ์เหลือคณา แต่สุดทานกำลังจะต้านไหวแล้ว ลมหายใจบางเบากลับไขว่คว้าไว้ได้ยากเย็น

ลูกจ๋า พ่อไม่ได้อยากจากหนูไปเลย

โลหิตเปรอะนองท่วมร่าง ยามที่ลมสายหนึ่งพัดพาไปไกลแสนไกล เวลาปรานีเขาได้เท่านี้เอง

กลิ่นน้ำมันฉุนกึก ตามด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น พระเพลิงเริงโรจน์ฉาน ผลาญเผาร่างเขามอดไหม้ในเปลวเพลิง
จบแล้วกับการชดใช้

กานต์พอใจแล้วใช่ไหม คนดี

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

ต่อด้านล่างค่า

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
เฮือก!

“พี่วิน!” รพีกานต์สะดุ้งเฮือก ใจหวิวเหมือนดิ่งวูบลงจากที่สูง นัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีด จนเผลอร้องตะโกนออกมาเสียงดังลั่น

“กานต์ กานต์เป็นอะไรครับ” อัครวินท์ลุกพรวดจากที่นอน กระวีกระวาดเข้ามาประคองคนท้องซึ่งใบหน้าเผือดสี เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมแถวขมับ รพีกานต์หันใบหน้าตกใจมามอง มือจับสองแขนอีกฝ่ายเขย่าเพื่อยืนยันว่าตนเองไม่ได้ฝันไป

“พี่ยังอยู่ นี่ นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม” เสียงนั้นสั่นเครือด้วยความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ ถามย้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝันไป

“พี่ยังอยู่ ยังอยู่ตรงนี้ กานต์ฝันร้ายหรือครับ” อัครวินท์ปลอบประโลมคนท้องที่น้ำตาไหล จู่ ๆ ก็ร้องไห้เป่าปี่จนเขาพลอยตกใจไปด้วย

“ฮึก! พี่วิน กานต์ขอโทษ ขอโทษที่ไล่พี่ กานต์ไม่ได้ต้องการชีวิตใครมาชดใช้” รพีกานต์สะอึกสะอื้น ในอกกระเพื่อมไหวด้วยความตกใจระคนเสียใจ ด้วยภาพฝันนั้นชัดเจนเหลือเกิน อัครวินท์ที่เลือดท่วมตัว ร่างจมในกองเพลิงระอุ นั่นไม่ใช่สิ่งที่รพีกานต์ต้องการสัดนิด

“กานต์ใจเย็น ๆ นะครับ ทำใจเย็น ๆ พี่อยู่ตรงนี้ อยู่กับกานต์นี่ไง ไล่ยังไงก็ไม่ไป ในฝันนั่นตัวปลอมแน่ ๆ” อัครวินท์พยายามปลอบ เขาไม่รู้คนท้องฝันอะไรถึงได้หวีดร้องขึ้นมากลางดึก แต่คงไม่ใช่ฝันที่ดีนัก รพีกานต์ถึงได้ตัวสั่นระริก น้ำหูน้ำตาไหลขนาดนี้ แขนหนากอดกระชับ ริมฝีปากจรดจูบหน้าผากปลอบโยนให้เย็นลง

“พี่อยู่ตรงนี้กับกานต์เสมอนะ อย่ากลัว พี่ไม่ไปไหนหรอก” ปลอบกันอยู่สักพักจนรพีกานต์คลายเสียงสะอื้น คนท้องจ้องมองเขาเต็มสองตาให้แน่ใจว่าอัครวินท์ยังอยู่ มองอยู่ครู่ใหญ่จึงเอ่ยเสียงสั่น

“กานต์ฝันว่ากานต์คลอดน้องแล้วก็ไล่พี่ไป พี่วินเสียใจจนรถคว่ำ มัน...น่ากลัวมากเลย” ฝันนั้นยังติดตาจนนึกกลัว

“มันแค่ความฝันเนอะ ฝันร้ายจะกลายเป็นดี พี่วินตัวเป็น ๆ ไล่ไม่ไปหรอก จะดื้อด้านอยู่กับกานต์กับลูกอย่างนี้แหละ” เขาจูบปากนิ่ม คนท้องฝันร้ายจนน่าสงสาร ฝันแบบไหนนะ รพีกานต์ถึงได้ขวัญเสียขนาดนี้

“กานต์...ไม่ได้รักพี่ดิน กานต์เคยพยายามเพราะพี่ดินเป็นคนดี”

“ถ้ากานต์จะรักคนอื่นก็เพราะพี่มันแย่ แต่ตอนนี้พี่ขอแค่โอกาสพิสูจน์ให้กานต์เห็นว่า คนแย่คนนี้พร้อมแก้ไขตัวเอง เพื่อ ‘เรา’ เพราะงั้นพี่จะไม่ไปไหนไกลจากกานต์ กานต์ให้โอกาสพี่นะ”

“ถ้าให้แล้วอย่าใช้มันเปลือง ถ้าพี่หมดรักกานต์ พี่ต้องบอก ไม่ใช่หักหลังย่ำยีความรู้สึกกัน ทำได้ไหม”

“พี่สัญญา”

“อย่าสัญญา แค่ทำให้กานต์เห็นก็พอ คำสัญญา ใคร ๆ ก็พูดได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้”

“ขอบคุณกานต์ ขอบคุณที่ยอมให้โอกาส ขอบคุณจริง ๆ” อัครวินท์กอดคนรักด้วยความดีใจ หลังพยายามมาหลายวิธี สุดท้ายเขาต้องขอบคุณฝันร้ายใช่ไหม ที่ทำให้รพีกานต์ยอมเปิดใจให้โอกาส

ฝันร้ายที่กลายเป็นดี

ขอบคุณความรักที่กลับคืนมา



“โอะ พี่วิน กานต์ปวดท้อง”

“หา! ปวดท้อง! ยะ อย่าบอกนะว่าจะคลอด  ดะ เดี๋ยวพี่กดเรียกหมอให้ ใจเย็น ๆ นะกานต์”

“เย็นไม่ได้แล้ว กานต์เจ็บ!”


จบจ้า
 
:mc4: :mc4: :mc4:


 สารภาพว่าตอนแรกเขียนให้วินตาย เขียนค้างไว้หลายวันแล้ว สุดท้ายตัดสินใจให้โอกาส เพราะอยากให้เรื่องนี้เป็นนิยายรักภาษาหวาน ไม่ได้อยากให้ดราม่า
วินเลยเหมือนหางจิ้งจกที่งอกออกมากระดี้กระด๊าได้ใหม่ หลังถูกมึนตึงมาสองเดือนกว่า กานต์ท้องเข้าเดือนที่เจ็ดนะคะตอนรินกล่อมให้กลับกทม. อายุครรภ์ยังไม่ถึง 28 วีค
 เราสร้างตัวละครกานต์ให้ไม่ใช่คนใจร้ายหรือใจแข็งมากมาย น้องไม่ใช่คนปากร้ายโวยวาย แต่ยามน้องตัดขาดก็ fun ชายวินแล้วชิ่งหนีได้แบบไม่บอกไม่กล่าว สารภาพว่าตอนจบแรกคือวินมันรถคว่ำตายค่ะ เขียนทิ้งไว้หลายวันละ แล้วก็ลองทบทวนดูว่าจะให้ตายดีไหม สเปกผู้ชายที่เราชอบจริง ๆ เราชอบแบบพี่ดินนะ ซบอกแล้วคงจะก๊าวใจ
พล็อตแรกในความคิดมาในแบบหนึ่งนายกับสามชาย มีลูกแฝดกับวิน กับพี่ดินนี่ไม่ท้อง คนสุดท้ายพี่ณัฐเป็นแฝดชายหญิง แต่พอลงมือเขียน กานต์ทำให้เราซึมซับความรู้สึกและตระหนักได้ว่า การเริ่มต้นรักอาจไม่ยาก เพียงสบตาใครคนหนึ่งก็ทำให้ใจหวั่นไหว แต่การลืม ทั้งยากและทรมาน ยิ่งวินมันสร้างแลนด์มาร์กหย่อนไข่ไว้ให้ถึงสามคน ไม่ง่ายที่กานต์จะลืม ขณะที่เขียน เราซึมซับความรู้สึกรักของตัวละคร และพบว่ามันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ถ้ากานต์ลืมวินได้ง่าย รักใครก็ได้ง่าย ๆ กานต์ก็แค่คนมากรักคนหนึ่ง ส่วนหนึ่งเราเคยเห็นคุณแม่ใบเลี้ยงเดี่ยวบางท่าน เมื่อเธอมีลูก เธอก็ไม่ได้โหยหารักอื่นอีก ทุ่มเททั้งหมดเพื่อลูก กานต์เองก็เป็นเคสนั้น พล็อตแรกที่วางไว้เลยล่ม กานต์เลยมีแค่วิน
แต่เราก็ไม่ได้ทิ้งแนวหนึ่งนายกับสายชายนะคะ เพียงแต่ไม่ใช่ Mpreg และตัวเรายังไม่พร้อมสำหรับ “สายบ่หยุดเสน่ห์หาย” (ชื่อของนิยายนอร์มอลเรื่องหนึ่งค่ะ มาจากลิลิตตะเลงพ่ายอีกที ชอบชื่อนี้เลยเอามาตั้งให้วาย แต่เนื้อหาไม่ได้ก๊อปปี้แต่อย่างใด) เราอยากไล่เขียนเรื่องอื่นน่ะ ดองนานละ

มาถึงตรงนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันมา นิยายจะทำการรีไรต์อีกครั้ง รายละเอียดอื่น ๆ จะแจ้งความคืบหน้าทีหลังนะคะ



แถม :mew1:

หลังพายุสงบ เศษซากกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดคือคำบรรยายในสิ่งที่ผ่านมาได้ดี

“ผมไม่ขอโทษหรอกนะ ผมรู้สึกได้ ว่าตอนนั้นพี่เองก็รู้สึกร่วมกันกับมัน” ศิรวัฒน์เอ่ยกับคนที่นั่งนิ่งมานานหลังสร่างเมา

“ฉันไม่ได้ต้องการคำขอโทษ แค่แกไปให้พ้นหน้าฉันตอนนี้ก็พอ” อัษศดิณย์ถอนหายใจหนัก ๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง

“พี่เป็นเมี-”

“น้ำ! มันแค่อารมณ์เผลอไปก็เท่านั้น หยุดเซ้าซี้แล้วก็ออกจากห้องฉันไปได้แล้ว”

ขอบคุณที่ติดตามจ้า  :mc4:


ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
 โล่งอกที่วินไม่ตายยังไงก็เป็นพ่อสามแฝดไม่อยากกานต์มากรักคือรักใครง่ายๆเกินไป :pig4: :pig4: :pig4:ยอมให้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวกว่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด