กว่าจะถึง...ซึ่งทางรัก By พีรนีเปียร์
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กว่าจะถึง...ซึ่งทางรัก By พีรนีเปียร์  (อ่าน 100780 ครั้ง)

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

........ท่าจะทิ้งก็ทิ้งกันไป......อย่ารั้งไว้ได้ไหม......เพราะหัวใจเจ็บเกินทน...... :o12: :o12:

abcd

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ artday

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

ranaways

  • บุคคลทั่วไป
ขอโทษๆๆๆๆๆๆ  ทุกๆคนโดยเฉพาะน้องเพียวนะคับ


ที่หายไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ยุ่งกับการเรียนต่อเป็นที่สุดและต้องหางานทำระหว่างเรียนด้วย



เหนื่อยมากๆๆๆ แต่ยังไงแล้วน้องเพียวก้อมาลงให้อ่านนะคับ




ต้องขอโทษด้วยยยยยยยยยยย จริงๆๆๆๆ

ออฟไลน์ MonkeYMauS

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
หายไปนานไม่เป็นไรคับ

แค่มาต่อ คนอ่านอย่างเราๆก้อดีใจมากมายแล้ว

ออฟไลน์ ~NeMeSiS_PURE~

  • 행 복 하 길 바 래 ...
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2009
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +196/-2
มาลงแล้วววววววววววว

มีคนโทรตามให้มาลงซะงั้นอ่ะ คิคิ


เซรงมากเทอมสอง  เรียนแม่ง 2 แคมปัสเลย

นั่งรถไป-กลับสนุกทีเดียว

ตอนที่.11
เสียงเคาะประตูจากเลขาทำให้ผมกับวินผละออกจากกัน พี่เลขาเข้ามาบอกว่าตอนกลางวันลุงกิติจะไปรอที่ร้านอาหารที่อยู่ในตึกให้พวกเราตามลงไประหว่างนี้ก้อให้ผมช่วยดูแลพาวินเดินดูอะไรในบริษัทไปก่อน

“ทำไมต้องให้ลูกจ้างอย่างเราพาลูกเจ้าของเดินดูบริษัทด้วยนะ” ผมแกล้งทำเสียงขำๆกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างกลัวจะทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าเห็นมัน

“อย่าคิดว่านายเป็นลูกจ้างสิ พ่อเราเค้ารักนายเหมือนเป็นลูกชายจริงๆของเค้าเลยนะ”

“เออ...รู้แล้วเราพูดเล่นน่า แล้วทำไมไม่เห็นบอกกันบ้างว่าจะกลับมา นึกอยากจะมาก้อมานะคนเรา เมื่อวานไอ้โอ๊ตมันก้อเพิ่งลงมาถ้ารู้ว่านายจะกลับมาจะได้บอกให้มันอยู่รอ”

“ขอโทษทีนะรอน พอดีเรานึกอยากจะกลับมากระทันหันน่ะ เลยไม่ได้บอกใคร อยากกลับมาก่อนปีใหม่ด้วย ยังงัยก้ออยากจะฉลองกับครอบครัว เพื่อนฝูงมากกว่าฉลองคนเดียว”

“แล้วเป็นงัยบ้างไปอยู่ที่โน้น ลำบากมากมั๊ย แล้วนี่กลับมาคราวนี้อยู่ยาวเลยสินะ” ผมถามวิน

“ก้อคงจะอยู่เลยแล้วล่ะ ไม่อยากจะหนีอะไรอีกแล้วเพราะรู้ว่าหนีไปก้อไม่มีประโยชน์” บรรยากาศมันเปลี่ยนไปหลังจากที่วินพูดจบ นี่มันจะสื่ออะไรกับผมกันแน่

“ดีแล้วล่ะ กลับมาอยู่กับพ่อบ้างท่านก้อแก่มากแล้ว คงอยากอยู่ใกล้ลูกหลานน่ะ”

“ขอบใจมากนะที่ตลอดมานายช่วยดูแลพวกเราพ่อลูกมาตลอด มันเป็นโชคดีของเราที่ได้เจอนาย แต่เราก้อเสียใจนะที่เป็นเราอีกนั่นแหละที่พยายามจะออกห่างไปจากนายเอง”

วินหันกลับมามองสายตาวินดูอ้างว้างเหลือเกินในความรู้สึกผม

“ช่างมันเถอะอย่าคิดมากเลยนะ เรื่องมันผ่านมาแล้วอย่าไปคิดถึงมันอีก ยังงัยเราก้อต้องก้าวเดินไปข้างหน้า และอีกอย่างในตอนนี้เราและนายก้อไม่รู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องในอดีตอีกแล้วนี่นา”

ผมพยายามที่จะบอกตัวเองมากกว่าที่จะเป็นวิน ผมจะต้องไม่เจ็บปวด หรือเศร้าต่อหน้าของวินเด็ดขาด เพราะมันคงทำให้วินกังวลใจ หรือว่ารู้สึกผิดอีกแน่ๆ

เมื่อวินกลับมา เวลาของผมที่จะอยู่ที่นี่ก้อเหลือน้อยลงไปทุกที มันคงจะเป็นผมบ้างแล้วที่ต้องหนี เพราะฉะนั้นเวลาที่เหลือขอให้มันเป็นสิ่งที่น่าจดจำก้อแล้วกัน

“รอนนายอยากรู้คำตอบของคำถามที่นายถามเราตอนนั้นมั๊ย เราพร้อมที่จะตอบนายแล้วล่ะ”

วินเดินไปยืมมองทิวทัศน์ของเมืองกรุงก่อนจะพูดขึ้นมาลอยๆ

“ไม่อยากรู้อีกแล้วล่ะ เราบอกแล้วงัยว่าอย่าไปคิดถึงมันอีก ยังงัยมันก้อผ่านมาแล้ว”

ผมรีบห้ามวินเพราะกลัวที่จะฟัง เอาเข้าจริงก้อเป็นผมที่ไม่กล้าเผชิญกับความเป็นจริง วินเองก้อดูเจ็บปวดไม่ต่างกัน แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่ต้องมาตอกย้ำให้ต่างต้องเจ็บกันทั้งคู่

“ว่าแต่ กลับมาด่วนแบบนี้แล้วแฟนทางโน้นเค้าไม่โวยแย่เหรอ” นึกแล้วก็อยากตบปากตัวเอง แต่ส่วนลึกๆก้ออยากรู้เรื่องของวินมันอยู่ดี

“ถามทำไม หึงเราอยู่ล่ะสิ” วินยิ้มก่อนจะแซวผมกลับมา

“ไอ้บ้า...อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย หนุ่มไทยยังมีน่ารักอีกเยอะแล้วคนหล่อๆอย่างเรา ไม่ว่าใครก้ออยากมาทำความรู้จักอยู่แล้ว”

แววตาวินกระตุกอยู่วูบนึงก่อนจะเป็นปกติ

“ใช่ เราการันตีได้ว่าไม่ว่าใครถ้าได้รู้จักนายก็อดที่จะรักนายไม่ได้หรอก และคงไม่มีใครอยากจะจากไปไหนเช่นกัน”

ผมไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่เดินไปที่ประตูห้อง

“ไม่จริงหรอกเพราะมีบางคนก้อเลือกที่จะจากเราไป” ผมทิ้งคำพูดประโยคสุดท้ายก่อนที่จะออกจากห้องนั้นไป
.
.
.
.
วันนี้ผมไม่มีสมาธิในการทำงานเท่าไหร่ มันดูลอยๆบอกไม่ถูก จนเย็นพี่ๆที่ทำงานบอกว่าจะไปเลี้ยงกัน ฉลองว่าที่ประธานคนใหม่

อีกอย่างวินเองก้อรู้จักพี่ๆในบริษัทอยู่ก่อนแล้ว มันเลยทำให้ผมปฏิเสธที่จะไม่ไปไม่ได้จริงๆ เรามากันที่ร้านเดิม และตลอดเวลาที่เราดืมกันผมเองก้อพยายามจะมองหาเด็กหนุ่มอีกคน

อยากเห็นว่าเค้ายังปกติและใช้ชีวิตอยู่ได้เหมือนก่อนหน้าที่จะเจอกับผม แต่ตลอดคืนนั้นผมก้อไม่เห็นไผ่แม้แต่เงา จนถึงเวลาที่เราจะกลับกัน

วินมันบอกว่าจะไปส่งผมเพราะผมมากับพี่ๆที่แผนก ส่วนรถจอดไว้ที่บริษัท แต่ผมก้อปฏิเสธไป เพราะผมยังไม่อยากกลับเท่าไหร่นัก

หลังจากแยกย้ายกันผมก้อไปที่เดิม ที่ๆผมกับไผ่เราเจอกันเมื่อครั้งสุดท้าย ผมยืนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาคิดถึงพี่นัท กับวิน คนที่ผมรักมากที่สุด และคิดถึงไผ่ กับ ภีม คนที่เค้ารักผมมากที่สุด

มันเป็นกรรมหรือเปล่าหนอ ที่ผมทำให้อีก2คนเสียใจ และผมเลยต้องมาเสียใจเพราะคน2คนเช่นกัน

“ผมไม่คิดว่าพี่จะมาที่นี่อีกแล้วนะ” เสียงของคนที่ผมพยายามมองหามาทั้งคืน ไผ่ในวันนี้ดูเหงาไปถนัดใจ

“ทำไมล่ะ ที่นี่พี่จะมาไม่ได้อีกแล้วเหรอ แล้วเรากับพี่จะคบกันเหมือนเดิมไม่ได้เหรองัย ทำไม่เราถึงเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันไม่ได้ว่ะ”

ไผ่ไม่ตอบแต่กลับถามผมแทน

“วันนี้เค้ากลับมาแล้วใช่มั๊ยครับ คนใส่แว่นที่ไปที่ร้านด้วยใช่มั๊ย”

“ทำไมถึงคิดว่าเป็นคนนั้นล่ะ”

“เพราะสายตาเวลาที่พี่มองเค้ามันเป็นสายตาที่ผมอยากให้พี่มองผมเหลือเกิน”

ผมรู้สึกปวดหนึบอยู่ในใจที่ได้ยินไผ่พูดแบบนี้ ครั้งนึงผมเองก้ออยากได้สายตาแบบนี้จากวิน

“พี่ขอโทษนะ แต่ถึงพี่จะไม่ได้มองนายด้วยสายตาแบบนั้น แต่นายจะเห็นว่าสายตาของพี่ก้อพยายามมองหานายตลอดทั้งคืนเช่นกัน”

ไผ่เดินมากอดผมไว้ ผมรู้สึกสงสารคนๆนี้เหลือเกิน ไผ่ขาดความรักมาตั่งแต่แม่จากไป และไม่เคยสัมผัสถึงความรักของพ่อเหมือนที่ผมเคยขาด...ก่อนที่จะมาเจอกับลุงนนท์ และผมยังได้รับความรักจากพี่ชายมาอีกหนึ่งคน

พี่ชายที่ไม่ว่ายังงัยผมก้อจะสำคัญกับเค้าเสมอไม่เปลี่ยนแปลง และในตอนนี้ผมอยากจะมอบความรักแบบที่พี่นัทให้กับผมแก่ไผ่บ้าง

“เราจะยังเจอกันเหมือนเดิมนะสัญญากับพี่ก่อนได้มั๊ย” ผมถามในขณะที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของไผ่ ไผ่ไม่ตอบได้แต่พยักหน้า แค่นี้ผมก้อดีใจมากแล้ว

“แล้วพี่กับเค้าล่ะ จะกลับมาคบกันเหรอ” ไผ่ถามหลังจากปล่อยผมจากตัวเค้าแล้ว

“ไม่หรอก เราจบกันไปแล้วล่ะ แต่เผอิญว่าความรู้สึกของพี่มันยังไม่จบน่ะ แต่มันคงมีสักวันที่มันจะจบลงสักที”

“ผมอยากบอกว่าผมอยากจะรอวันนั้น แต่รู้ว่ามันคงทำให้พี่อึดอัด เอาเป็นว่าถ้าหัวใจของพี่เป็นอิสระเมื่อไหร่ คิดถึงผมบ้างนะ”

ผมกับไผ่เรายิ้มให้กัน ก่อนที่จะแยกจากกัน แต่ผมก้อนัดว่าจะไปกินข้าวบ้านไผ่บ่อยๆเหมือนเดิม ผมเดินเพื่อที่จะไปเรียกแท๊กซี่กลับบ้าน แต่เสียงแตรรถที่ดังมาจากข้างหลังทำให้ผมต้องหันไปมอง

“จะกลับบ้านก้อขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวเราไปส่ง นี่มันก้อดึกแล้ว” วินเปิดประตูรถออกมาเรียกผม ผมไม่รู้ว่าวินมันตามผมมาได้ยังงัยแต่ผมก้อเดินไปขึ้นรถแต่โดยดี

“ดีใจด้วยนะ” อยู่ๆวินก้อพูดขึ้นมาหลังจากที่เราทั้งคู่ต่างอยู่ในความเงียบกันมานาน

“เรื่องอะไร” ผมถามกลับไป

“เรื่องที่นายมีใครคอยดูแลแทนเราแล้วงัย” ผมรู้สึกได้ว่าวินกัดฟันพูดประโยคนี้ออกมา

“ว่าแต่เรา นายเองก้อมีใหม่แล้วนี่นา ได้ข่าวว่ามีก่อนเราอีกนะ”

“ไม่หรอก เราแค่อยากทำให้พ่อเราสบายใจน่ะ เค้าแก่แล้วและเราก้อดื้อกับเค้ามามาก แล้วอีกอย่างเราเองก้อยังไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่กับใครตอนนี้ถ้าใจเรายังไม่ลืมคนเก่า”

ใจผมกระตุกที่ได้ยินแบบนั้น เราไม่พูดอะไรอีกจนวินขับมาส่งผมถึงบ้าน

“เข้ามาก่อนสิ เดี๋ยวเราหาอะไรร้อนๆมาให้ดื่ม” ผมชวนวินให้เข้ามาในบ้านก่อน ทันทีที่เปิดประตูบ้าน ไอ้โรโบ้มันก้อมาทักทายผมทันที มันคงเหงาที่ผมปล่อยมันทิ้งไว้ตัวเดียว

“น่ารักดีว่ะ ชื่ออะไรอ่ะ” วินมันเข้าไปเล่นกับโรโบ้

“ชื่อโรโบ้” ผมบอกก่อนจะเดินไปชงชาสำหรับผมกับวิน หลังจากที่วินเล่นกับไอ้โรโบ้สักพักเราก้อออกมานั่งเล่นที่สวนหน้าบ้าน คืนนี้อากาศเย็นๆเพราะมันใกล้จะปีใหม่แล้ว เรานั่งดื่มชากันเงียบๆ2คน

“อยู่คนเดียวแบบนี้เหงามั๊ย”วินถามผม

“แรกๆก้อเหงานะ แต่ตอนนี้ซี้กันกับความเหงาแล้วล่ะ อีกอย่างก้อได้โรโบ้มาอยู่เป็นเพื่อนเลยหายเหงาไปได้บ้าง”

“มันน่ารักดีนะ โคตรสนเลยว่ะ” วินพูดถึงไอ้โรโบ้ดูท่าว่าจะชอบ

“ถ้าชอบ เราฝากดูแลมันต่อจากเราด้วยนะ อีกไม่นานถ้าเราย้ายไปอยู่กับแม่ที่โน้นมันจะได้มีคนเลี้ยงมันต่อไป”วินหันมามองหน้าผม

“คิดจะไปอยู่ที่โน้นเหรอ แล้วทางนี้ล่ะ”

“เราไม่มีห่วงอะไรทางนี้แล้วนี่น่า ถ้าคิดถึงก้อไปหาเราที่โน้นก้อได้ หรือว่าจะเมลล์ไปหาเราก้อตามใจ แต่เราว่านายคงไม่ชอบเขียนอีเมลล์แน่เลย เพราะไม่เคยตอบเราเลยนี่หว่า” เผลอแซวมันอีกจนได้

“แล้วคนทางนี้ล่ะ ไม่ห่วง ไม่คิดถึงเค้าบ้างเหรอ”

“ใครล่ะ” ผมถามกลับ

“เออ...ก้อ....เอออ....อ๋อก้อคนเมื่อกี้งัย ไหนจะเพื่อนฝูงอีก และ ก้อยังมีเราอีกคนนึงด้วยนะ”

“ก้อคงจะคิดถึงนะ แต่เราอยากไปเปิดหูเปิดตาบ้าง เราอยากรู้ว่าใต้ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ มันจะมีที่ไหนที่เหมาะแก่เราบ้าง

มันคงถึงเวลาที่เราต้องหาที่สำหรับตัวเราบ้างซะที และถ้าเมื่อถึงวันนึงที่เราไม่มีที่ไหนเมื่อนั้นเราจะกลับมา”

“รอนที่ของนายมันก้ออยู่ที่เดิมที่นายเคยสัญญาไว้ ว่าจะอยู่ข้างๆเรางัย ทำไมถึงจะทิ้งกันไปล่ะ”

ผมหันไปมองวิน ก่อนจะเอามือไปขยี้ที่หัวมันเบาๆ

“ใครกันแน่ที่ทิ้งเราไปก่อนห๊ะ ไอ้แว่น”

“นั่นสินะ เราคงไม่มีสิทธิจะมาเรียกร้องอะไรตอนนี้แล้ว มันคงสายไปแล้วจริงๆ”

วินเอ่ยออกมาเบาๆ ตอนนี้ผมกับวินเราต่างนั่งมองท้องฟ้ากันเงียบๆในคืนที่หัวใจเราทั้งคู่ต่างหนาวเหน็บ

“กลับไปพักผ่อนเถอะดึกแล้ว มานั่งตากน้ำค้างแบบนี้เดี๋ยวได้เป็นหวัดกันทั้งคู่พอดี” ผมหันไปบอกวิน

“โห๋....นายนี่มันโคตรใจร้ายเลยว่ะ ไม่คิดจะชวนเพื่อนนอนที่นี่เลยเหรอ” วินหันมาบ่นผมเบาๆ

“ไม่ได้หรอกเดี๋ยวแม่รู้ว่าพาผู้ชายเข้าบ้านตอนไม่อยู่จะถูกบ่นเอา”
ผมแกล้งทำเสียงล้อเลียนวินมันวินมันอิดออดอยู่สักพักก้อยอมกลับ ผมเดินมาส่งวินที่ประตู

“ขับรถกลับดีๆนะ”

“ขอบใจมากนะรอนสำหรับชากับเวลาดีๆที่ได้นั่งคุยกัน” ผมยิ้มให้กับวิน

“ไม่เป็นไร เราเองก้อดีใจที่นั่งคุยกันเหมือนก่อน ไปเถอะ แล้วไว้เจอกัน”

วินกำลังจะขึ้นรถ ผมเลยหันหลังจะเข้าบ้านแต่วินกลับดึงแขนผมเอาไว้ แววตาของวินดูเศร้าจนผมใจหาย

“เราจูบนายได้มั๊ย เราอยากจะแน่ใจเรื่องของเรา”

วินถามออกมาเบาๆ เราทั้งคู่ต่างสบตากันและกัน

“ถ้านายอยากจูบก้อจูบเสียตอนนี้วันนี้เถอะวิน เพราะจากพรุ่งนี้ไปเราจะเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้นนะ”
.
.
.

ผมนึกเสียใจที่ตกลงให้วินจูบในวันนี้ เพราะทันทีที่ริมฝีปากของวินสัมผัสกับปากของผม

แค่จูบเดียวเปิดโล่งไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ และความจริงที่ใจผมค้นเจอก้อคือ ไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าไหร่ เราก้อยังคงรักนายเสมอ......................วิน

ออฟไลน์ ~NeMeSiS_PURE~

  • 행 복 하 길 바 래 ...
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2009
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +196/-2
อีกตอน

ตอนที่.12
หลังจากคืนนั้น ผมเองก้อพยายามหลบหน้าวินเท่าที่จะทำได้ เพราะกลัวใจของตัวเอง ยิ่งรู้ว่ายังรักมากเพียงใด มันก้อยิ่งเจ็บไปมากเท่านั้น

วินเองก้อยุ่งมากเพราะต้องรับงานต่อจากพ่อ ไหนจะต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถที่เหมาะสมกับความไว้ใจที่ได้รับตำแหน่ง มันเลยทำให้เราห่างกันเกือบๆสัปดาห์

วันนี้หลังเลิกงานผมแวะมากินข้าวที่บ้านของไผ่ ยายและน้องสาวของไผ่ยังคงน่ารักเหมือนเดิมไมตรีจิตที่หาไม่ได้ง่ายๆในสังคมเมือง

หลังจากที่เราทานข้าวกันเสร็จผมก้อออกมานั่งที่ชิงช้าหน้าบ้าน ยิ่งอากาศหนาวแบบนี้ ไม้ดอกยิ่งสวยต่างแข่งกันโชยกลิ่นให้เจ้าของบ้านรื่นรมย์

ผมนั่งโยกชิงช้าเบาๆ มันเป็นความรู้สึกดีที่ได้ผ่อนคลาย ผมกำลังนั่งเพลินๆก้อมีมือมาจับที่หัวไหล่

“งานหนักเหรอครับ ดูท่าทางจะเหนื่อยนะ” ไผ่เดินมาบีบไหล่นวดให้ผมเบาๆ

“ก้อนิดหน่อยน่ะ ใกล้สิ้นปีอะไรมันก้อยุ่งแบบนี้แหละ”

ผมคลายความเหนื่อยล้าไปมาก รู้สึกถึงปลายนิ้วของไผ่ที่ไล้ผ่านเส้นผมเพื่อจะมาบีบที่ขมับเบ่าๆ

“สบายจัง....ขอบใจนะไผ่”

“ด้วยความยินดีครับ”

ไผ่นวดให้ผมสักพักก่อนจะเอาเก้าอี้มานั่งคุยกันข้างหน้าผม

“ปีใหม่นี้จะไปเที่ยวไหนเหรอ”ผมถามไผ่

“คงจะทำงานนะครับ ที่ร้านแขกคงเยอะ ลาไม่ได้” ไผ่ทำหน้าเหงาๆ

“แล้วพี่รอนล่ะ ไปฉลองที่ไหน”

“ยังไม่รู้เลยว่ะ แต่เห็นว่าพี่นัทจะกลับมาฉลองด้วย”

ใจผมกำลังนึกถึงพี่นัท พี่ชายที่แสนดี และมีความรักให้ผมอย่างมากมาย

“พี่รอนนี่ท่าจะติดพี่มากเลยนะ เวลาพูดถึงที่ไรหน้าตาดูมีความสุขจัง”

“ใช่แล้วล่ะ แล้วสักวันนึงนายจะเจอ คนที่เราแค่คิดถึงเค้าเราก้อรู้ได้ว่าเค้าก้อกำลังคิดถึงเรา และถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอกัน แต่แค่คิดถึงกันมันก้อทำให้เราหายเศร้าได้.............(ผมหยุดมองหน้าไผ่ก่อนจะพูดประโยคถัดมา) พี่หวังว่าสักวันพี่จะไปยืนในจุดนั้นสำหรับนาย”

“ผมก้อหวังว่าสักวันที่ผมคิดถึงพี่ ผมจะมีแต่ความสุขโดยที่ไม่มีความเจ็บปวดปนอยู่”

ไผ่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า แม้มันจะเป็นยิ้มที่เศร้าที่สุดก้อตาม ผมเอื้อมมือไปจับบ่าไผ่ไว้

“ไม่ว่ายังงัยนายจะมีพี่เสมอนะ”

ผมยิ้มให้ไผ่เช่นกัน ก่อนที่จะลุกเพื่อที่จะกลับบ้าน ไผ่เดินออกมาส่งที่หน้าประตูรั้ว

“พี่รอน รักผมบ้างยัง ..................ผมรออยู่นะ”

มันเป็นคำสุดท้ายที่ไผ่จะพูดกับผมทุกครั้งเวลาที่เราจะแยกกัน ผมขับรถกลับมาถึงบ้าน เวลานี้บ้านมันช่างดูเงียบเหงากว่าปกติ มันเงียบเข้าไปถึงในหัวใจของผม

ผมไม่รู้จะทำอะไร เลยขึ้นไปเก็บเสื้อผ้า วันหยุดนี้ผมอยากไปพักผ่อนสมองเหลือเกิน ผมใช้เวลาจัดของไม่นานนัก ผมหยุดคิดและมองความเรียบร้อยกันลืม

ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดอยู่กับขวดโหลใบใหญ่ ที่ครั้งนึงมันเคยมีดาวกระดาษสีขาวที่มีความทรงจำของวินอยู่เพียงครึ่งหากแต่ในวันนี้มันกลับเต็มไปด้วยดาวกระดาษสีเหลืองที่บรรจุลงไปจนเต็ม

ตลอดเวลาที่ผมคิดถึงวินผมจะมานั่งพับมันใส่ลงไปที่ล่ะดวงสองดวง มันช่างดูตัดกันยิ่งนักระหว่างสีขาวกับสีเหลือง

ถ้าสีขาวมันคือสีของดวงดาว ที่แทนความทรงจำที่ดีระหว่างเราของวิน สีเหลืองก้อคือสีของดวงจันทร์ ที่แทนความคิดคำนึงของผม

ไม่รู้ว่ามันจะมีวันที่สองความรู้สึกนี้จะกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันหรือไม่ ทั้งๆที่อยู่ใกล้กันแค่นี้......... แค่ในขวดโหลใบเดียวกัน ผมเอาของมาใส่รถก่อนจะไปคว้าเอาไอ้โรโบ้ขึ้นรถ เพื่อมุ่งหน้าไปบ้านที่หัวหิน
.
.
.
.
ผมใช้เวลาขับรถมาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก้อมาถึง ผมจัดแจงให้เด็กที่เฝ้าบ้านเอาของเข้าไปเก็บในบ้านก่อนจะไปเดินจูงเจ้าโรโบ้ที่หาดทราย

ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืน อากาศที่นี่ค่อนข้างหนาว เสียงคลื่นกระทบฝั่งทำให้จิตใจของผมสงบกว่าทุกวัน วันนี้ท้องฟ้าสวยมากคงเพราะปราศจากก้อนเมฆมาบดบัง

มันทำให้ผมคิดถึงเรื่องทะเล ท้องฟ้าและพื้นดิน ที่วินเคยเล่าให้ผมฟัง ทั้งๆที่มองเห็นกันแต่ไม่มีวันที่จะมาบรรจบกันได้

แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก้อดังขึ้น ผมหยิบขึ้นมาดู แล้วก้อนึกแปลกใจที่ใจของเราตรงกัน เพราะในเวลานี้ผมอยากได้ยินเสียงของวินเหลือเกิน

“ว่างัยไอ้คุณชาย โทรมาดึกดื่นมีอะไรไม่ทราบครับ”

“อ๋อ...รู้เหมือนกันนะว่าดึกแล้ว แล้วทำมัยป่านนี้ยังไม่กลับบ้าน”

ผมแปลกใจว่าวินมันรู้ได้งัยว่าผมไม่อยู่ที่บ้าน

“แล้วรู้ได้งัยว่ะว่าเราไม่อยู่บ้าน”

“ก้อตอนนี้เราอยู่ที่หน้าบ้านนาย พอดีไปเลี้ยงรับรองลูกค้ามา เลยอยากมาหาชากินแก้หนาว เลยรู้ว่ามีเด็กไม่ดีแอบหนีเที่ยวเวลาพ่อแม่ไม่อยู่”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า... ดีสมน้ำหน้า มากวนชาวบ้านเค้าซะดึกแบบนี้ อดซะให้เข็ด คราวหลังจะได้ไม่ต้องมาดึกๆดึ่นๆ”

“แล้วตกลงนายอยู่ไหนว่ะ เสียงดังชิปเป๋งเลยอ่ะ” สงสัยคงเป็นเสียงลม

“อยู่บ้านที่หัวหินครับคุณชาย”

“อ้าว...แล้วไปเมื่อไหร่ แล้วไปกับใครทำไมไม่ชวนกันบ้างว่ะ ไอ้ใจดำเอ้ย”

“เพิ่งมาถึงเนี้ยแหละ พอดีเซ็งๆน่ะ เลยอยากมาเที่ยว ถือโอกาสมาดูบ้านด้วยไม่มานานแล้ว”

“แล้วสรุปไปกับใครว่ะ”

“มาคนเดียว กับอีกหนึ่งตัว”

“แล้วบ้านนายอยู่ตรงไหน บอกทางหน่อยดิ”

“เฮ้ย....อย่าบอกว่าจะตามมานะโว้ย”

“เอออ ก้อจะตามไปน่ะสิ กำลังเบื่อๆ เหนื่อยๆอยู่พอดี อย่างกไปหน่อยเลย ไปเที่ยวด้วยคนนะ”

ผมบอกทางอย่างละเอียดกับวิน ก่อนจะวางสายไป ผมเดินเล่นสักพักก่อนจะขึ้นบ้าน วินคงจะมาพรุ่งนี้เช้าเพราะนี่ก้อดึกแล้ว
.
.
.
.
ผมตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น เสียงคลื่นและเสียงนกร้องทำให้ผมรู้สึกอารมณ์ดี ผมเดินลงมาก้อเจอรถของไอ้วินมันมาจอดอยู่ที่หน้าประตูบ้าน

ไม่นึกว่ามันจะขับมาตั่งแต่เมือคืน ผมเดินมาดูก้อเห็นมันปรับเบาะนอนหลับอยู่ในรถ ตอนแรกผมเปิดประตูตั้งใจจะปลุก แต่เปลี่ยนใจปล่อยให้วินนอนต่อไปสักพัก เพราะอากาศกำลังสบาย

ลมพัดเอื่อยๆผมหยิบแวนที่วินใสออกมาว่าจะเช็ดไอน้ำที่จับอยู่บนแว่นให้ แต่เปลี่ยนใจใช้นิ้วมือค่อยๆเขียนคำบางคำไปบนเลนส์ของแว่น

คำสั้นๆ “ รัก” และใส่ให้วินเบ่าๆเหมือนเดิม และ ก่อนที่วินจะทันตื่น มันก้อจะจางหายไปเมื่อโดนลมและแสงแดด และวินก้อจะไม่มีวันได้ทันเห็นมันแม้ว่ามันจะอยู่แค่ตรงหน้าเท่านั้น

ผมออกมาเดินเล่นที่ชายหาด หวังว่าช่วงวันสองวันนี้มันจะเป็นความสุขเล็กๆที่ผมกับวินเราต่างโหยหากันมานาน...................................

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
ไม่ได้มาอ่านซะนาน

ทำมายมันเศร้าได้ขนาดนี้นิ

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
อ้างถึง
"เราอยากรู้ว่าใต้ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ มันจะมีที่ไหนที่เหมาะแก่เราบ้าง มันคงถึงเวลาที่เราต้องหาที่สำหรับตัวเราบ้างซะที และถ้าเมื่อถึงวันนึงที่เราไม่มีที่ไหนเมื่อนั้นเราจะกลับมา”

เป็นคำพูดที่อ่านแล้วรู้สึกหนาวที่หัวใจขึ้นมาทันที  :เฮ้อ:
สองตอนที่อ่าน รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอุ่น ๆ แต่....เหงาแทนรอนขึ้นมาจับใจ

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
 :เฮ้อ:อ่านแล้วเหนื่อยแทน ความรักนะ ทำไมเข้าใจยากจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






yee

  • บุคคลทั่วไป
-เหนื่อนจิงๆๆๆ.อ่านเมือนหัวใจหยุดเต้นเลยอะ...บางที่หายใจไม่ทัน
-เปนกานบรรยายจนไม่อยากมีความรักเลยอะ
-พออ่านแล้วเมือนเราไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งเลย


... :m15: o7

ออฟไลน์ ~NeMeSiS_PURE~

  • 행 복 하 길 바 래 ...
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2009
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +196/-2
ตอนนี้อยู่มหาลัย  ว่าจะลงให้อีก  แต่ดันลืมเอา Handy Drive มา

เลยอด  :laugh:


:L2: เอามาให้คุณน้อง
ขอบคุณค๊าบปี๊แน๋ววววววววววววว

เม้นท์ซะเว่อร์เชียวน้องถุงตุง  :jul3:
อย่าแซวดิพี่แน๋ว  พี่เขากำลังอิน  :m12:

ขอโทษๆๆๆๆๆๆ  ทุกๆคนโดยเฉพาะน้องเพียวนะคับ


ที่หายไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ยุ่งกับการเรียนต่อเป็นที่สุดและต้องหางานทำระหว่างเรียนด้วย



เหนื่อยมากๆๆๆ แต่ยังไงแล้วน้องเพียวก้อมาลงให้อ่านนะคับ




ต้องขอโทษด้วยยยยยยยยยยย จริงๆๆๆๆ
ชิ !!! งอลลลลลลลลลลลลลลลลลล


หายไปนานไม่เป็นไรคับ

แค่มาต่อ คนอ่านอย่างเราๆก้อดีใจมากมายแล้ว
เพียวต่อเองคับ อิอิ


ไม่ได้มาอ่านซะนาน

ทำมายมันเศร้าได้ขนาดนี้นิ
ยินดีต้อนเข้าเล้าค๊าบ  และมาอ่านต่อน้า


อ้างถึง
"เราอยากรู้ว่าใต้ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ มันจะมีที่ไหนที่เหมาะแก่เราบ้าง มันคงถึงเวลาที่เราต้องหาที่สำหรับตัวเราบ้างซะที และถ้าเมื่อถึงวันนึงที่เราไม่มีที่ไหนเมื่อนั้นเราจะกลับมา”

เป็นคำพูดที่อ่านแล้วรู้สึกหนาวที่หัวใจขึ้นมาทันที  :เฮ้อ:
สองตอนที่อ่าน รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอุ่น ๆ แต่....เหงาแทนรอนขึ้นมาจับใจ
หนาวมากป่าววว คึคึ  แล้วเหงาจิงหรอ  o3


:เฮ้อ:อ่านแล้วเหนื่อยแทน ความรักนะ ทำไมเข้าใจยากจัง
ช่ายยยย  เข้าใจยาก  เลยไม่มีความรักซะเลย  สะใจดี   :laugh:


-เหนื่อนจิงๆๆๆ.อ่านเมือนหัวใจหยุดเต้นเลยอะ...บางที่หายใจไม่ทัน
-เปนกานบรรยายจนไม่อยากมีความรักเลยอะ
-พออ่านแล้วเมือนเราไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งเลย


... :m15: o7
ช่วยปั๊มหัวใจมะคับ  แล้วกลับมาเร็ว ๆ นะ อย่าไปอยู่โลกนั้นนาน   :jul3:


ไปแระ  เด๋วมาต่ออีก ถ้ามีโอกาส  :bye2:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
อ่ะนะ ต้อนซะตัวแดงเชียว

มาจิ้มซะเลย

ข้อหา หมั่นไส้ เอิ๊กกกก......

มาต่อเลยนะ.....

ออฟไลน์ ~NeMeSiS_PURE~

  • 행 복 하 길 바 래 ...
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2009
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +196/-2
 :laugh: :laugh:

ตอนที่.13
ผมออกไปเดินเล่นก่อนจะกลับขึ้นมาบนบ้าน วินยังไม่ตื่นผมเลยเรียกเด็กให้ไปซื้อโจ๊กที่ตลาดมาให้ผมกับวิน ก่อนจะเดินไปปลุกวินที่รถ

ผมนั่งมองใบหน้าของวินชัดๆ ท่าทางคงจะเหนื่อย เพราะหน้าตาของวินดูอ่อนล้าเหลือเกิน ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะอยู่ข้างๆวินแบบเมื่อก่อน

อยากเป็นกำลังใจให้กันและกัน แต่มันก้อคงจะกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเราทั้งคู่ไม่ต้องการ แต่เพราะคนที่รักและหวังดีกับเราจะเสียใจถ้าเรายังฝืนจะทำแบบนั้น

ผมค่อยๆเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของวินเบาๆ ขณะที่ปลายนิ้วของผมกำลังลูบไล้ที่ริมฝีปากของวินผมเองก้อตกใจที่วินจับมือผมไปแนบกับแก้มของตัวเอง

“คิดถึงสัมผัสแบบนี้จากนายจัง ที่ผ่านมาเราได้แต่นึกเอาเอง แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่ามันดีกว่าที่ต้องคิดไปเองมากแค่ไหน”

วินลืมตาแล้วยิ้มมาให้ผม

“มาถึงเมื่อไหร่ แล้วทำไมไม่เรียกมานอนแบบนี้ รถก้อไม่ล็อค อันตรายนะรู้มั๊ย จะรอให้เช้าก่อนค่อยมาก้อไม่เอา” ผมบ่นวินเบ่าๆไม่ได้จริงจังนัก

“อยากมาหาก้อมาเลย ขี้เกียจรอ อยากมาใช้เวลาดีๆด้วยกันอีก นะรอนขอแค่ครั้งนี้ก้อได้ขอให้เราย้อนเวลากลับไปเมื่อปีที่แล้วก่อนที่เราจะไปออสเตเลีย แล้วหลังจากที่พวกเรากลับไปแล้วเราจะไม่ทำให้นายลำบากใจอีกเราสัญญา”

วินสงสายตาอ้อนๆมาให้ มันเหมือนกับวันวานไม่ผิดเผี้ยน แม้จะมีแว่นตามาบดบังแต่ผมก้อยังจำได้ดี

ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่ก้มลงไปหอมที่แก้มวินเบาๆ เหมือนที่วินชอบขอเป็นรางวัลเวลาที่ทำอะไรให้ผมสักอย่าง

“ไปกินข้าวกัน เดี๋ยววันนี้เราไปเที่ยวเขาตะเกียบกัน บ่ายๆจะพาไปกินข้าวที่สวนสน”

ผมดึงมือวินให้ลุกตามผมเข้าไปในบ้าน ตอนนี้วินมันคงเป็นบ้าไปแล้วเอาแต่ยิ้มเดินตามมาแต่โดยดี
.
.
.
หลังจากเราจัดการกับมื้อเช้าที่บ้าน เราก้ออาบน้ำแล้วออกไปเที่ยวกันทั้งวัน วันนี้เราไปไหว้พระที่เข้าตะเกียบกันด้วย ก่อนจะเดินดูโน้นดูนี่กันจนทั่ว แล้วก้อมุ่งหน้าไปกินข้าวกลางวันที่สวนสนกัน

ที่นี่หาดค่อนข้างเงียบ เพราะเป็นเขตของทหาร แต่ต้นไม้สวยโดยเฉพาะไม้ดอก เสียดายที่ไม่ได้เอากล้องมา แต่เราก้อสนุกที่ได้เดินดูอะไรไปเรื่อยๆ มันเหมือนกับว่าเราได้ย้อนไปเมื่อวันวานจริงๆ

ผมรู้สึกอิ่มเอมใจมาก มันเป็นความรู้สึกที่โหยหามานาน เรากินข้าวเสร็จก้อเดินมาที่ร้านขายของที่ระลึก ผมเลือกซื้อพวกปลาหมึกแห้ง กะปิ กุ้งแห้ง ตั้งใจจะเอาไปฝากยายของไผ่ เพราะยายชอบทำกับข้าว

“นายจะเอาไปฝากใครอ่ะรอน”

วินถามหลังจากที่เราออกจากร้านนั้นมาร้านขายของจำพวกเครื่องประดับ ของสวยๆงามๆ

“ว่าจะเอาไปฝากที่บ้านไผ่น่ะ ฝากยาย กับไผ่แล้วก้อน้องสาว”

วินทำหน้าหงิกเมื่อฟังผมพูดจบ แต่ก้อไม่ได้ว่าอะไร ผมเลือกต่างหู ที่เป็นรูปเปลือกหอยไปฝากน้องของไผ่ ส่วนของไผ่ผมเลือกเป็นกรอบรูปที่ทำจากเปลือกหอยไปให้

“เค้ารณรงค์ไม่ให้ซื้อของจากเปลือกหอยนายก้อยังจะซื้อนะ”วินบ่นผมเบาๆ

“เรารู้ แต่นี่เป็นเปลือกหอยที่เค้าเก็บจากชายหาด มันอาจจะดูไม่ดี แต่คนเหล่านี้เค้าก้ออยู่ได้ด้วย รายได้จากสิ่งเหล่านี้ มันเป็นวิถีเศรฐกิจของคนที่นี่นะวิน ถ้าเกิดของที่เราซื้อมันต้องไปเอาชีวิตของสัตว์หรือทรัพยากรณ์ทางทะเลมาเราก้อไม่ซื้อหรอก”

“เออ..ตามใจนายก้อแล้วกัน” วินเดินออกไปดูของร้านอื่นๆ ผมเดินมาเห็นที่ทับเอกสารสวยดี เป็นแก้วข้างในมีรูปพระจันทร์ เลยนึกถึงวิน

“น้องครับ พี่ซื้อของด้วยครับ”

ผมตะโกนเรียก เพราะเห็นน้องเค้ากำลังนั่งนวดขาให่พ่ออยู่ เค้าเดินมาขายของให้ผม ผมรู้สึกว่าน้องเค้าน่ารักดี เป็นเด็กวัยรุ่น แต่กลับมาช่วยที่บ้านขายของแทนที่จะออกไปเล่นกับเพื่อนฝูง ตามวัยของเค้า

“ขยันจังเลยนะครับ วันหยุดก้อมาช่วยพ่อขายของ” น้องเค้ายิ้มจืดๆให้ผม

“ไม่ใช่พ่อหรอกค่ะ แต่เป็นแฟนหนูเองค่ะ” ผมแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กสาววัย18-19 จะยอมอยู่กินกับชายวัยประมาณ40กว่าๆ

“ขอโทษนะครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คนเข้าใจผิดบ่อยๆ” น้องเค้าดูไม่ได้เดือดร้อนอะไร

“ซื้อไปฝากแฟนหรือค่ะ เอาอย่างอื่นด้วยมั๊ยค่ะ” น้องเค้าถามผมต่อ

“ อ๋อ...ไม่ครับ เอาแค่นี้แหละครับ พอดีจะเอาไปฝากเพื่อนนะครับ แล้วนี่ขายดีมั๊ยครับ” ผมเองยังถามน้องเค้าต่อ

“ก้อเรื่อยๆค่ะ แต่วันธรรมดาก้อเงียบหน่อย ถ้าเป็นวันหยุดก้อดี นี่แฟนหนูก้อมาช่วย แต่ถ้าวันธรรมดาเค้าก้อจะไปรับจ้างทำงานอีกที่นึงค่ะ”

“ขยันกันทั้งคู่เลยนะครับ” ผมคงทำหน้าแปลกๆน้องเค้าเลยถามผมออกมา

“พี่สงสัยว่าทำไมหนูถึงมีผัวแก่ใช่มั๊ยค่ะ” น้องเค้าพูดตรงจนผมสะอึก

“แล้วพ่อแม่เห็นดีด้วยเหรอครับ”

“เค้าก้อแล้วแต่หนูค่ะ หนูเองก้อรักแฟนหนู่นะ เค้าช่วยเหลือที่บ้านหนูมาเยอะ ไม่เคยจะเรียกร้องเอาบุญคุณเลย พอนานวันเข้ามันก้อทำให้หนูรักเค้า ไม่รู้ว่าถ้าหนูไม่เอาพี่เค้า วันหน้าหนูจะเจอคนที่รักหนูแบบนี้มั๊ย”

“แล้วเคยมีคนพูดไม่ดีกับเราบ้างมั๊ยครับเนี้ย”

“โอ้ย...เยอะแยะ แต่ถ้ามัวแต่มานั่งสนใจขี้ปากชาวบ้านก้ออดตายกันพอดี ใครมันจะว่ายังงัยก้อช่างมัน หนูมีความสุขในวันนี้ก้อพอ ในชีวิตหนูใช้เวลาอยู่กับผัวมากกว่าอยู่กับคนอื่น แล้วทำไมเราต้องไปแคร์คนอื่นด้วยล่ะพี่

ตอนแรกแม่ก้ออายนะ แต่หนูก้อบอกกับแม่ว่า ถ้าแม่อยู่ดูแลหนูไปตลอด และยอมให้หนูตายก่อน หนูก้อจะไม่เอาผัว แต่นี่ อีกไม่นานมันก้อต้องถึงวันที่พ่อแม่ทิ้งหนูไป แล้วทำไมไม่ให้หนูอยู่กับคนที่เค้าจะเลี้ยงดู และให้ความรักกับหนูต่อไปได้”

ผมเดินออกมาจากร้านด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก ผมอิจฉาที่น้องเค้าสามารถใช้ชีวิตได้ในแบบที่ต้องการ
และเริ่มคิดถึงตัวผมเอง คิดถึงวันพรุ่งนี้

“เป็นอะไร ยืนเหม่อเชียว เรียกตั้งนานก้อไม่ได้ยิน” วินเดินปลุกผมจากความคิด

“ป่าวคิดอะไรเล่นๆน่ะ ซื้อของเสร็จยัง กลับกันเลยมั๊ย”

“อือม์ ไปสิ เราไม่ได้จะซื้ออะไรหรอก”

แล้วผมกับวินก้อกลับมาที่บ้าน เราลงเล่นน้ำกันในตอนเย็น จนพระอาทิตย์ใกล้จะตก ผมกับวินเราเลยมาเดินเล่นกัน

“สบายใจยังห๊ะวิน”

“อือม์...สบายแล้วล่ะ ทุกครั้งที่มีนายอยู่ข้างๆเรามีความสุขนะ” วินเอื้อมมาจับมือผม

“แล้วหนึ่งปีที่ผ่านมาล่ะ นายมีความสุขมั๊ย” ผมยังคงถามวินต่อ

“มันก้อเหงาๆนะ แต่ก้อผ่านมาได้”

“แล้วต่อไปล่ะ....ถ้าไม่มีเรา จะมีความสุขได้มั๊ย? เราขอร้องนะ นายต้องมีความสุขนะวิน”

“เรื่องของอนาคต ใครเค้ารู้กันบ้างเล่า ไอ้นี่นิ” วินมันเขกที่หัวผมเบาๆ ก่อนจะเอามือมาโอบผมไว้หลวมๆ

“เอาเป็นว่าเราจะไม่ทำให้นายลำบากใจก้อแล้วกัน เราจะอยู่อย่างมีความสุขโอเคป่ะ”วินบอกกับผมหลังจากที่เงียบไปพักนึง

“อือม์...ดีมากสัญญาแล้วนะ”

เราเดินกันออกมาไกลบ้านเหมือนกัน ตอนนี้ พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าลงทุกที ภาพของท้องทะเลเบื้องหน้ามันทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นความงามที่แสนเศร้าสร้อย


“กลับเถอะ เดินมาตั้งใกลแล้ว เมื่อยแล้วล่ะ วันนี้เดินทั้งวันเลย”

“อ่ะ ขี่หลังเราป่าว เดี๋ยวเราพากลับเอง”

วินพูดพร้อมกับมาหยุดข้างหน้า ผมขึ้นไปขี่หลังวินช้าๆ พอได้ที่วินมันก้อแกล้งวิ่งไปเขย่าไป บางทีก้อแกล้งวิ่งไปเซไป จนเมื่อใกล้จะถึงวินกลับหยุดและเดินช้ากว่าปกติ

“ทำไมเดินช้าลงล่ะ เหนื่อยเหรอ ให้เราลงเดินเองมั๊ย”

“ป่าวหรอก แต่อยากอยู่แบบนี้นานๆน่ะ พรุ่งนี้เช้าก้อจะกลับกันแล้ว”

ผมไม่ได้ถามอะไรอีก ได้แต่ซบหน้าลงกับแผ่นหลังของวิน แผ่นหลังที่ยังคงให้ความสุขแก่ผมได้เหมือนเมื่อวันวาน........................



ฉันไม่ต้องการอะไร เป็นอย่างนี้มันก็ดีเท่าไหร่
มันมีค่ายิ่งกว่าสิ่งไหน เมื่อเธอและฉันสองคนรักกัน

ฉันไม่เสียดายอะไรแล้ว มีแค่นี้เป็นอย่างที่ต้องการ
แค่เธอกับฉันดีต่อกันทุกวัน แค่เพียงเท่านั้นมันก็พอแล้ว

*พรุ่งนี้อาจไม่มีฉัน พรุ่งนี้อาจไม่มีเรา
พรุ่งนี้ไม่มีใครรู้ ถ้าสักวันต้องแตกร้าว
อยากบอกว่าฉันคงไม่เสียใจ

เราได้รักคนที่เรารัก ได้เรียนรู้ในชีวิตช่วงหนึ่ง
การได้รักใครแค่เพียงครั้งหนึ่ง ก็คงจะคุ้มที่เกิดมาแล้ว

ออฟไลน์ ~NeMeSiS_PURE~

  • 행 복 하 길 바 래 ...
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2009
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +196/-2
 :bye2: :bye2:


ตอนที่ 14
หลังจากที่ผมกับวินเราขึ้นมาบนบ้านแล้ว เราก้ออาบน้ำแล้วไปหาซื้อกับข้าวมากินกัน ผมกับวินเราต่างช่วยกันจัดอาหารแล้วให้เด็กยกมาตั้งที่ระเบียงหน้าบ้าน
เสียงคลื่นกระทบฝั่งมันช่วยสร้างบรรยากาศให้อาหารมื้อนี้อร่อยยิ่งขึ้น และถึงเราจะกินกันจนอิ่มแล้ว แต่ผมกับวินก้อยังไม่ลุกไปไหน เรายังนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ ผมยอมรับว่ามันเป็นเวลาที่ผมมีความสุขมากจริงๆ

“ไม่อยากกลับเลยอ่ะ อยากอยู่ต่ออีกสัก2-3อาทิตย์” วินหันมาบอกผม

“พอดี พ่อนายด่าเราตาย หาว่าพาลูกเค้ามาเถรไถล”

“ก้อมันจริงนี่นา เราสบายใจ และมีความสุขมากๆเลยนะตลอดเวลาที่เราอยู่กันที่นี่ และยิ่งนึกว่ากลับไปครั้งนี้เรากับนายไม่รู้ว่าจะมีโอกาสมาทำอะไรแบบนี้กันอีกเมื่อไหร่ มันก้อยิ่งไม่อยากให้เวลาแบบนี้มันหยุดลง”

วินหยุดแล้วมองหน้าผมนิดนึงก่อนจะพูดต่อ

“รอน นายไม่คิดถึงวันเก่าๆ แล้วอยากให้มันกลับมาเหมือนเดิมบ้างเหรอ ไม่อยากมีความสุขแบบเมื่อก่อนนี้เหรอ”

“ถึงเราจะไม่ได้กลับไปเป็นเหมือนเดิมก้อใช่ว่าเราจะมีความสุขไม่ได้นี่นา แค่พวกเรารู้ว่าต่างคนต่างคิดกันยังงัยก้อพอแล้ว”

ตอนนี้ผมกับวินเราต่างนั่งมองกันและกัน ผมชอบเหลือเกินที่เห็นภาพของตัวเองสะท้อนอยู่ในแววตาของวิน และในแววตาของผมก้อคงมีเงาสะท้อนของวินด้วยเหมือนกัน วินเองก้อคงจะเห็นเหมือนที่ผมเห็น

“เราไม่อยากให้นายหลับตาเลยว่ะรอน อยากให้ในสายตานายมีเราแบบนี้ตลอดไป”

“อย่าคิดมากสิว่ะ คนบางคนก้อสำคัญเกินกว่าจะหลับตาแล้วแล้วลืมเลือนเขาไปได้ ไม่ว่าจะลืมตา หรือหลับตาเราก้อเห็นภาพนายชัดเจนแหละน่า”

ผมปลอบใจวินก่อนจะชวนวินออกไปเดินเล่นที่ชายหาด เราเดินคุยกันไปเรื่อยๆมันเหมือนกับว่าต่างคนก้อไม่อยากให้เวลาแบบนี้สิ้นสุดลง

“ดึกแล้วไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ก้อต้องกลับกันแล้ว” ผมเป็นฝ่ายชวนวินขึ้นบ้านเพราะเห็นว่ามันดึกมากแล้ว”

“เดี๋ยวก่อนรอนได้ยินเสียงลมมั๊ย ลองฟังดีๆสิ ได้ยินอะไรหรือเปล่า” ตอนนี้รอบตัวเราดูเงียบไปหมดมีก้อแต่เสียงลมที่พัดแรง

“เสียงอะไรว่ะ” ผมถามวิน

“สายลมมันกำลังบอกรักนายอยู่น่ะ”

“อือม์....ได้ยินแล้วล่ะ ได้ยินมาตลอดแหละ....ไปกันเถอะ”
.
.
.
เราเดินกลับมาบนบ้านผมกับวินเราอาบน้ำกันอีกครั้งเพราะลมทะเลมันทำให้พวกเรารู้สึกเหนียวตัว

“ตกลงไม่นอนด้วยกันเหรอ” วินมันเดินมาถามอีกครั้ง

“ไม่เอา ขี้เกียจนอนเบียดกัน ห้องก้อมีว่างเพราะฉะนั้นไปนอนได้แล้ว”

ผมบอกวินก่อนจะเดินเข้าไปนอน ผมนอนพลิกตัวไปพลิกตัวมา เพราะใจจริงก้ออยากที่จะนอนกับวิน อยากกอดอยากสัมผัสวินมากไม่ต่างกันแต่ก้อกลัวใจตัวเองเหลือเกิน ผมนอนคิดไปสักพักก้อมีเสียงคนเปิดประตูเดินเข้ามา

“รอน...นายหลับหรือยัง” ผมไม่ตอบวิน

“หลับแล้วเหรอ ดีเลย เราชอบแอบหอมแก้มคนหลับงั้นเราห้อมแก้มนายดีกว่า” วินก้มลงมาห้อมแก้มผมแรงๆแล้วขึ้นมานอนกอดผมไว้

“ขอกอดเบาๆหน่อยนะ หลับอยู่ใช่มั๊ย พอดีเราชอบกอดคนนอนหลับด้วยน่ะ” ผมไม่ตอบได้แต่ยิ้มให้กับความช่างตื้อของวิน
.
.
.
ผมกับวินเราตื่นขึ้นมาตอนสายๆก่อนจะเตรียมตัวกลับกันเราต่างก้อขับรถของใครของมัน เรามาแวะหาอะไรกินแล้วก้อขับยาวมาถึงกรุงเทพ

แต่ผมแยกกับวิน เพราะจะเอาของไปฝากที่บ้านของไผ่ นี้ก้อยังไม่เย็นมากไผ่คงจะยังอยู่บ้านไม่ไปทำงาน ผมขับรถมาถึงบ้านไผ่ ก้อเห็นไผ่กำลังตัดหญ้าอยู่ที่หน้าบ้าน ไผ่ยิ้มทันทีที่เห็นหน้าผม

“ว้า...กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลยครับ โชคดีจังคิดถึงก้อได้เจอ อยู่กินข้าวเย็นก่อนนะครับพี่รอน”

“อะ ของฝาก พอดีพี่ไปดูบ้านที่หัวหินมา เอาไปเผื่อน้องกับยายด้วยนะ” ผมยื่นของให้ไผ่

“ไม่เห็นชวนกันเลย หนีไปเที่ยวมาล่ะสิ ไปกับใครครับเนี้ย” หน้าผมเจื่อนไปนิด และไผ่เองคงจะดูออก

“ไปกับเค้ามาใช่มั๊ยครับ ไม่เป็นไรครับ” ไผ่เดินเอาของกลับเข้าไปเก็บในบ้าน ก่อนจะออกมานั่งคุยกับผมที่ชิงชาหน้าบ้าน

“อ่ะพี่รอน กินน้ำก่อน ยายเพิ่งต้มน้ำมะตูมเสร็จ”

“วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ” ผมถามไผ่ เพราะเห็นชวนกินข้าวเย็น

“ขี้เกียจน่ะพี่ เดี๋ยวโทรไปลาก้อได้ อยากอยู่คุยกับพี่นานๆ”

“ทำยังกับไม่ค่อยเจอกัน ก้อมาออกจะบ่อย”

“นั้นแหละ เอาเถอะช่างมัน ว่าแต่ไปเที่ยวมาสนุกล่ะสิ ดูหน้าตาร่าเริงเชียวน่ะ”

“ไม่ได้ตั้งใจจะไปหรอกพอดี อยากไปดูบ้านด้วย ก้อเลยขับรถไปคนเดียวน่ะ ก่อนที่วินมันจะตามไปทีหลัง”

ผมไม่อยากให้ไผ่คิดว่าผมชวนวินแต่ไม่ชวนไผ่ไปด้วย ไผ่ไม่ได้ว่าอะไรได้แต่ยิ้มให้ ผมอยู่กินข้าวที่บ้านของไผ่ ก่อนจะกลับไผ่เดินออกมาส่งผมที่รถ

“เมื่อไหร่จะรักผมสักทีน๊า ผมรออยู่นะ”

ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก้อยังปวดใจที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้จากไผ่

“ทุกวันนี้ก้อรักจะตายอยู่แล้ว ไปแล้วนะไอ้น้องชาย”

ผมบอกไผ่ก่อจะขับรถกลับบ้าน ผมกลับมาถึงบ้าน ก้อเห็นซองจดหมายมาเสียบไว้ที่ตู้ไปรษณีย์ เลยเดินมาหยิบดู มันเป็นการ์ดเชิญไปร่วมงานคืนสู้เหย้าศิษย์เก่าที่โรงเรียน

ผมไม่เคยได้ไปเลยหลังจากจบมา ดูแล้วปีนี้รุ่นพี่นัทเป็นคนจัดการเพราะดูจากชื่อกรรมการจัดงาน เพราะมันมีรายชื่อของพวกพี่บอยและเพื่อนๆในกลุ่มของพี่นัท

มันทำให้ผมนึกถึงวันเก่าๆ เพราะพี่บอยก้อเป็นหัวหน้าชมรมด้วย ไม่รู้ว่าป่านนี้ยังบ้าดูดาวอยู่หรือเปล่า จดหมายไม่ได้ติดแสตมป์ สงสัยคงจะเอามาให้ด้วยตัวเอง

ข้างในมีโน้ตจากพี่บอยบอกให้ชวนพี่นัทมาให้ได้ คืนนั้นผมเลยโทรทางไกลไปบอกและพี่นัทก้อสัญญาว่าจะมาเพราะตั้งใจจะกลับมาปีใหม่พอดี
.
.
.
.
หลังจากวันที่ผมกลับมาจากหัวหิน ก้อผ่านมาเกือบอาทิตย์วินดูงานยุ่งมากเลยไม่ค่อยได้คุยกัน ดูท่าทางวินจะเหนื่อยมาก และวันนี้ลุงกิติเองก้อมาที่บริษัทด้วย

แค่เพียงไม่เจอกันไม่เท่าไหร่ ลุงแกดูโทรมลงไปมากขนาดนี้ ทั้งๆที่วินก้อเข้ามาช่วยดูแลบริษัทต่อ ลุงแกเดินมาหาผมที่แผนก แล้วชวนไปดื่มกาฟด้วย

“ว่างัยรอน ไม่เห็นค่อยไปหาลุงที่บ้านบ้างเลยตั่งแต่วินมันกลับมา”

“พอดี ผมยุ่งๆนะครับ แล้วลุงเป็นยังงัยบ้างครับ ไม่ค่อยสบายดีขึ้นหรือยังครับ”

“ก้อตามประสาคนแก่ ที่ไม่ค่อยดูแลตัวเองเมื่อสมัยหนุ่มๆน่ะ นี่ก้อกลัววินมันจะเอาอย่าง ยังงัยเราก้อเตือนๆมันด้วยนะลูก เห็นมันทำงานดึกทุกคืน บางทีก้อนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียว ลุงดูเหมือนว่ามันไม่ค่อยจะมีความสุขเท่าไหร่”

“ครับลุง อย่าคิดมากเลยครับ วินมันคงอยากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยนะครับ” ผมลังเลอยู่สักพักก่อนจะพูดกับลุงกิติ

“ลุงครับเรื่องที่ผมเคยบอกว่าถ้าวินกลับมา ผมอยากจะไปอยู่กับแม่ ลุงจะว่าอะไรมั๊ยครับ ถ้าผมจะขอตัวเร็วๆนี้” ลุงกิติชะงักไปนิดนึงหลังจากฟังผมพูดจบ

“ทำไมจะรีบไปเร็วจังล่ะลูก จะไปเมื่อไหร่”

“ก้อว่าจะอยู่ฉลองปีใหม่ก่อน แล้วจะไปเลยน่ะครับ” ลุงกิติแกไม่ได้พูดอะไรเรื่องนี้ต่อกลับชวนคุยไปเรื่องอื่น จนวินมันเดินลงมานั่งด้วย

“อะไรกัน ไม่ยอมชวนลูกชายมานั่งด้วยเลยน่ะพ่อ”

“เดี๋ยวกลางวันไปกินข้าวด้วยกันนะรอน” วินหันมาชวนผมพร้อมกับยิ้มมาให้ ผมเลยยิ้มตอบไป แล้วนึกขึ้นได้เลยหันกลับมาที่ลุงกิติ แล้วก้อเห็นว่าแกมองผมกับวินอยู่

“งั้นพ่อกลับก่อนนะ ลุงกลับก่อนนะรอน แล้วว่างๆก้อไปหาลุงที่บ้านบ้างนะลูก” ลุงแกหันไปบอกวินก่อนจะหันมาบอกผม

“พ่อมาคุยอะไรด้วยเหรอ” วินหันมาถามผมหลังจากที่ลุงแกเดินไปแล้ว

“ไม่มีอะไร ก้อคุยเรื่อยเปื่อยแหละ แล้วก้อมาบ่นว่าไม่ค่อยแวะไปหาบ้างก้อเท่านั้น”

“ใช่สิ นายน่ะไม่เห็นไปที่บ้านเลย มัวแต่แวะไปบ้านไอ้น้องไผ่อยู่นั่นแหละ” วินมันแขวะผมจนได้

“ก้อเจอกันที่ทำงานแล้ว จะให้ไปหาทำไม ใจคอจะเจอตลอด24ชั่วโมงเลยหรืองัย”

“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก้อดีน่ะ” ผมกับวินเราเงียบกันไปทั้งคู่ก่อนวินจะถามถึงพี่นัทว่าจะมาเมื่อไหร่

“อีก2วันก้อจะมา เพราะมีงานเลี้ยงที่โรงรียนเก่า”

“เหรอ งั้นเราไปด้วยน่ะ อยากไปเห็นเพื่อนๆนาย”

“ไปทำไม ไม่รู้จักใครเดี๋ยวก้อไปนั่งเบื่อป่าวๆ”

“ช่างเราเหอะน่า เอาเป็นว่าเราไปด้วยนะ” ผมขี้เกียจจะค้าน เลยเงียบไปดีกว่า เดี๋ยววันงานค่อยแอบมันไป

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
รอนคิดจะทำอะไร อยู่หรือเปล่าครับ ดูน่าสงสัยนะ

yee

  • บุคคลทั่วไป
รอนจ้าทำตามใจตัวเองเทอะนะ..............คนอ่านจะหัวใจวายตายแล้ว

(ไปให้น้ำเกลือตัวเองก่อนหมดแรง)

nartch

  • บุคคลทั่วไป
:เฮ้อ:
อ่านกี่ทีก็...นะ...กว่าจะถึงซึ่งทางรักจริง ๆ
เข้ามาเป็นกำลังใจให้รอนกะวินตัวแสบ  :m1:
รวมทั้งคิดถึงพี่นัทเหมือนเดิมมมมม
 :L1:

yee

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ ~NeMeSiS_PURE~

  • 행 복 하 길 바 래 ...
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2009
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +196/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






yee

  • บุคคลทั่วไป
เดี่ยวเหอะคนแต่งมาแอบอยู่ได้...มาลงได้แล้ว

ออฟไลน์ nirun4

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
:m22:


แอบเข้ามาดูไรห่ะ ลับ ๆ ล่อ ๆ น่ะเรา :laugh:

ดี ๆ ได้อ่านลักษณะแบบนี้มั่งก็ดี รอนมีความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิมมากมาย เข้าใจโลกขึ้นมากมาย

ปล.ใกล้ได้เจอพี่นัทแล้ว  :m4:

Walkman

  • บุคคลทั่วไป

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
เงียบสม่ำเสมอ .....อย่าน่ะ อย่าให้ต้องใช้ไม้ตาย o12

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

ออฟไลน์ ~NeMeSiS_PURE~

  • 행 복 하 길 바 래 ...
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2009
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +196/-2
วันนี้ให้ตอนเดียว    งอลคนบางคน :a14:


ตอนที่ 15
วันนี้ผมมารอรับพี่นัทที่สนามบิน ทันทีที่เสียงประกาศว่าเที่ยวบินไฟล์ของพี่นัทแลนดิ้งลงมา ผมก้อมายืนรอที่ช่องทางขาออก
สักพักคนที่ผมคิดถึงก้อมายืนอยู่ตรงหน้า ผมกับพี่นัทยืนมองหน้ากันสักพักก่อนที่พี่นัทจะดึงผมเข้าไปกอดแรงๆ

“คิดถึงจัง” พี่นัทพูดกับผม

“ผมก้อคิดถึงพี่นัทเหมือนกัน แล้วแม่กับพ่อเป็นงัยบ้าง” หลังจากวันนั้นที่ผมกับลุงนนท์คุยกัน ผมก้อคิดว่าลุงนนท์เป็นพ่อของผมคนนึง และลุงเองก้ออยากให้ผมเรียกว่าพ่อด้วย

“พ่อกับแม่สบายดี” พี่นัทเองก้อรียกแม่ผมว่าแม่แล้ว

“จะกลับบ้านเลยหรือว่าจะไปไหนก่อนครับ”ผมถามพี่นัท

“ไปหาอะไรกินกันเถอะ เราไปชานเมืองกันดีมั๊ย อยากสูดอากาศของเมืองไทยให้เต็มปอด” พี่นัทบอกกับผม เลยเป็นว่าเราขับรถขึ้นท่างด่วนเพื่อที่จะออกมาหาอะไรกินกันที่ชลบุรี

“ไหนว่าแค่ชานเมือง มาถึงนี่เลย” ผมบ่นพี่นัททันทีที่เรามานั่งอยู่ในร้านอาหารติดชายทะเลแถวๆสัตหีบ

“เอาน่า ก้อพี่อยากมานี่นา ขับรถแค่ชั่วโมงเอง ใช้เวลาน้อยกว่าขับไปกินในเมืองอีก” เรานั่งกินกันไปคุยกันไปให้หายคิดถึง

“แล้วเป็นงัยบ้างเรื่องของเรากับวิน” พี่นัทถามผมหลังจากที่เราเริ่มจะอิ่มกันแล้ว

“ก้อดีครับ เราคุยกันเหมือนเดิม วินเองก้อยังเหมือนเดิมทุกอย่างทุกความรู้สึก” ผมบอกพี่นัท

“แต่ติดตรงที่กลับไปคบกันเหมือนเดิมไม่ได้ใช่มั๊ย” พี่นัทถามผมตรงๆ ผมเลยได้แต่พยักหน้า

“ค่อยๆคิดกันไป ผู้ใหญ่ เค้าอาจจะต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนความคิด แต่ไม่ว่าพ่อแม่ที่ไหนก้ออยากเห็นลูกมีความสุขอยู่ดี” พี่นัทยังคงปลอบใจผม

“พี่นัทถ้าผมจะไปอยู่ที่โน้นด้วยสักพักล่ะ” ผมลองถามพี่นัท

“ไม่มีใครเค้าว่าอะไรหรอก มีแต่ดีใจที่นายจะไป แต่ตัวเราล่ะมั่นใจแล้วเหรอ คิดเหรอว่าไปอยู่ที่โน้นแล้วจะสบายใจกว่าที่นี่ ถ้ามันไม่ต่างกันก้ออย่าเลย พ่อกับแม่เห็นหน้านายแล้วจะพลอยเป็นห่วงมากกว่าเก่า”

“ผมแค่อยากจะขอเวลาอยู่กับตัวเองบ้างน่ะครับ ที่ผ่านมาก้อไม่ค่อยได้อยู่แบบเงียบๆกับตัวเองสักเท่าไหร่”พี่นัทหยุดมองหน้าก่อนจะพูดกับผม

“รอน คนเราสามารถอยู่กับตัวเองได้ทุกที่ทุกเวลาเลยน่ะ อยู่ที่ไหนก้อคิดได้ถ้าเราจะคิดและมีคำตอบให้ตัวเองไม่ใช่กลัวคำตอบที่ตัวเองกำลังคิดและแกล้งปิดหูปิดตาไม่ยอมรับมัน เอาเป็นว่าถ้าอยากไปโน้นก้อไปแล้วกัน เพราะยังงัยนายก้อต้องไปงานของพี่อยู่ดี” พี่นัทบอกกับผม

“งานอะไรครับพี่นัท”

“งานหมั้นน่ะ” ผมอึ้งไปทันทีที่ได้ยิน

“พี่นัทจะหมั้นเหรอ กับใครทำไมผมไม่เคยรู้เรื่องล่ะ” ผมถามพี่นัทเสียงดัง ดูพี่นัททำหน้าขำๆ

“ก้อเพราะในหัวของเรามันไม่ค่อยจะว่างไปคิดเรื่องอื่นนี่นา พี่จะหมั้นกับลูกสาวของเพื่อนพ่อน่ะ รู้จักกันตั่งแต่ตอนไปเรียนที่ญี่ปุ่นแล้ว เค้าก้อน่ารักดีน่ะ”

“แล้วพี่นัทรักเค้าเหรอครับ” ผมอดหวงพี่นัทไม่ได้ เพราะเราเคยเป็นที่หนึ่งมาตลอด

“ก้อคงจะชอบ กับสงสารล่ะมั๊ง เพราะยังงัยคนที่พี่รักมากที่สุดก้อนั่งอยู่นี่แล้วงัย”

“แล้วทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะครับ”

“พี่อยากให้พ่อแม่มีความสุข และที่สำคัญพี่จะใช้ชีวิตแทนส่วนของเราด้วย เพราะฉะนั้น เราอยากจะทำอะไร รักกับใครก้อทำตามที่หัวใจเราต้องการเถอะนะ

ไม่ต้องกลัวว่าพ่อกับแม่จะรู้สึกยังงัยและแคร์ใครเพราะคนที่นายควรจะแคร์เค้าก้อพร้อมจะรักในสิ่งที่นายตัดสินใจ”

ผมอดไม่ได้ที่จะอึ้งอีกครั้งให้กับความใจดีของพี่นัท เพราะต้องทำหน้าที่ของลูกชายที่ดี พี่นัทเลยยอมทำและยังทำในส่วนของผมด้วย แล้วตัวพี่นัทจะมีความสุขจริงหรือเปล่า

“อย่าร้องไห้สิไอ้เด็กขี้แย พี่ไม่อยากเห็นเราร้องไห้นะ พี่บอกกี่ครั้งแล้ว” ผมอดร้องไม่ได้เมื่อนึกถึงสิ่งที่พี่นัททำเพื่อผม แต่ผมยังไม่เคยทำอะไรให้พี่นัทบ้างเลย

“แล้วพี่นัทล่ะ พี่จะมีความสุขเหรอครับ”

“มีสิ แค่เห็นทุกคนที่เรารักมีความสุขพี่ก้อมีความสุข พี่อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น และพี่ก้อได้มา พี่ไม่อยากให้ใครต้องมานั่งเสียใจ และกับคนที่พี่เลือกพี่ก้อรู้สึกดีกับเค้าไม่ใช่ว่าจะไม่ชอบเค้าเลย แม้มันอาจจะยังไม่ท่ากับเรา แต่มันก้อไม่ได้ฝืนใจอะไรเลย พี่เต็มใจ”

“แล้วผมจะทำอะไรเพื่อพี่ได้มั๊ยครับ พี่นัท”

“ได้สิ ใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุด อย่าให้พี่กับพ่อแม่ต้องเป็นห่วง พี่จะมีความสุขมากนะถ้าเห็นเรามีความสุข เพราะไม่ว่าจะยังงัยเราก้อจะเป็นครอบครัวเดียวกันเสมอ แล้ว เราก้อจะยังคงมองเห็นกันและกันตลอดไป และพี่คงสบายใจมากถ้าจะเห็นเรามีชีวิตอยู่กับรอยยิ้มมากกว่าน้ำตา”

“ครับพี่นัท ผมจะพยายาม”


ผมกับพี่นัทเรากลับมาที่บ้านก้อเจอวินมันมารออยู่แล้ว ทันทีที่เห็นผมกับพี่นัท วินมันก้อเดินมาสวัสดีพี่นัททันที พี่นัทเองก้อยิ้มตอบ

ผมปล่อยให้วินคุยกับพี่นัทสองคนแล้วเอาของไปเก็บให้พี่นัทในบ้าน ก่อนจะออกมานั่งร่วมวงด้วย

“ไปกินข้าวไม่ยอมชวนกันเลยนะรอน”

“ชวนทำไมก้อเราอยาก จะไปกันแค่สองคนพี่น้อง” วินมันทำหน้างอจนพี่นัทหัวเราะออกมา

“ เอาไว้ไปงานเลี้ยงที่โรงเรียนด้วยกันพรุ่งนี้สิวิน” พี่นัทชวนวิน ผมเลยหันไปทำตาดุๆใส่พี่นัท

“ชวนทำไม เดี๋ยวไปก้อไปนั่งเอ๋อป่าวๆ”

“ขอบคุณครับพี่นัท แล้วพรุ่งนี้ผมมารับนะครับจะได้ไปพร้อมกัน” วินหันมาทำหน้าเยาะเย้ยใส่ผม
.
.
.
วันนี้วินมารับผมพร้อมกับพี่นัท วินดูหล่อเชียววันนี้ เรามาถึงที่โรงเรียนประมาณทุ่มกว่าๆคนเริ่มมากันพอสมควร เราเดินกันมาที่หน้างานก้อเจอพวกพี่บอลนั่งอยู่ที่ซุ้มทางเข้า ทันทีที่เห็นพวกเราพี่บอลก้อส่งเสียงทักมาแต่ไกล

“พวกเราดูสิว่ะ ใครมา แม่งหายหัวไปไม่เคยโพล่มาทั้งพี่ทั้งน้องเลยว่ะ แสดงว่ารุ่นเราจัดงานดีนะเพราะสามารถลากให้มันมากันได้” พี่บอลเดินเข้ามาหาพวกเรา

“สวัสดีครับพี่บอล ไม่เจอกันนานสบายดีหรือครับ”

“สบายดีครับ เปลี่ยนไปเยอะเลยนะเรา แต่ก้อยังหล่อไม่เปลี่ยน และที่สำคัญยังติดพี่เหมือนเดิมเลยนะ” พี่บอลพูดแล้วเอามือมาจับหัวผมโยกเบาๆ

“โผล่มาได้สักทีนะมึง เพื่อนคนอื่นมันบ่นถึงมึงกันตั้งหลายคน มันบ่นกูว่าเจอมึงบ่อยแต่ไม่เคยลากมึงไปหาคนอื่นๆบ้าง” ปกติถ้าพี่นัทกลับมาแล้วจะแวะไปหาพวกพี่บอลกับเพื่อนสนิทๆไม่กี่คน เพราะส่วนใหญ่จะมาคลุกอยู่กับผมมากกว่า

“เออ...กูก้อมาแล้วงัย” พี่บอลหันมาทางวิน ผมเลยแนะนำให้รู้จักกัน ก่อนที่เราจะเดินเข้าไปที่โต๊ะที่แกจัดไว้ให้พวกเราโดยเฉพาะ

เราเดินมาที่โต๊ะก้อเจอกับเพื่อนๆหลายคน พี่นัทเองชะงักไปนิดนึงผมเลยมองไปตามสายตาแลวก้อเจอกับพี่วา พี่วาในตอนนี้ก้อยังดูดีไม่เปลี่ยนแปลง ผมหันไปยิ้มให้กับพี่วาก่อนจะชวนวินเดินเลี่ยงมานั่งที่โต๊ะ

“ว่าไอ้ว่ะไอ้รอน ไม่ติดต่อเพื่อนเลยนะ”ไอ้เจนกับอั้งเดินมาหาผม

“เฮ้ย....ว่างัยไม่นึกว่าจะเจอแล้วไอ้ภีมไม่มาด้วยเหรอ มันติดต่อมาบ้างมั๊ย” ผมถามเพื่อนๆถึงอีกคนที่ไม่เห็นหน้า

“ไม่รู้ว่ามันจะมาหรือเปล่า แต่มันกลับมาเมืองไทยได้สัก2อาทิตย์แล้วล่ะ แล้วนายไม่คิดจะแนะนำเพื่อนให้พวกเรารู้จักเหรอว่ะ”

ไอ้เจนถามผมบ้าง ผมแนะนำให้ต่างฝ่ายรู้จักกัน ผมย้ายไปนั่งกับกลุ่มของเพื่อนๆ บางคนก้อพาแฟนมาด้วย ไอ้อั้งเองก้อพามาแต่ไอ้เจนฉายเดี่ยว

วินเองก้อเข้ากับเพื่อนๆได้ดี เพราะนอกจากจะคุยกันในเรื่องเก่าๆแล้วพวกเรายังคุยกันถึงการงาน และธุรกิจของแต่ล่ะคน ขณะที่ผมกำลังนั่งฟังเพื่อนๆคุยกันอยู่ก้อมีมือมาจับที่ไหล่ของผม

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ผมหันไปตามเสียง และก้อเห็นคนที่ผมถามหาเมื่อหัวค่ำ

“อ้าว...มาตั่งแต่เมื่อไหร่ กำลังคิดถึงอยู่เลย” ผมลุกขึ้นไปกอดกับภีม ก่อนที่ภีมจะหันไปทักทายเพื่อนๆคนอื่น ผมกำลังจะหันไปแนะนำวินให้ภีมรู้จักแต่พอหันไปก้อเห็นว่าวินมองผมกับภีมอยู่ก่อนแล้ว

“ภีม นี่วินเพื่อนเราที่เรียนมาด้วยกัน และเป็นเจ้านายเราในตอนนี้ด้วย เออ วินแล้วนี่ก้อภีม”

ผมยังไม่ทันพูดจบภีมมันก้อรีบแย่งแนะนำตัวเองเสียก่อน

“สวัสดีครับ ผมเป็นแฟนเก่าของรอนครับ” เรียกเสียงฮาได้ทั้งโต๊ะ แต่รู้สึกว่าจะมีคนไม่ฮาอยู่คนนึง

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
หายไปนานกลับมาแรงซ่ะงั้น

ได้ใจมากภีม

วินมีงอนสะบัดแน่งานนี้


ปล.ไม่งอลกัีนน๊าาาาาาาา นิ่งเตะ ๆ อิ ๆ  :oni2:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
กว่าจะถึงซึ่งทางรักจริง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ


crazykung

  • บุคคลทั่วไป
บันว่า มันสนุกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก สาดๆเลยอะคับ


แบบว่านั่งอ่านตาไม่กระพริบ เลยอะ


เชื่อมเนื้อเรื่องได้ แบบต่อเนื่องง


แต่เศร้า น้ำตาซึมไปกับความรักได้ หลาย รสชาติ


แต่สงสาร รอนจัง มันจะจบลงตรงไหนเนี้ย


ถ้ามันสวีท กันเรื่องจะจบไหมเพราะตรกงับคอนเซ็ปชื่อเรื่องเลย คิคิ


โอ้ยยมาต่อเยอะๆนะงับ เป็นกำลังใจ :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด