อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ
บทที่ 20
Anubis Lord of the Death
แสงแดดในยามสายสะท้อนเป็นประกายอยู่บนผิวน้ำจนอาศิรต้องยกมือกันแสงจ้าเหนือเปลือกตาไว้ขณะที่เขามองระลอก
คลื่นจากหางเสือของเรือหางยาวที่เพิ่งจากไป บัดนี้เถ้ากระดูกของยายจันทร์ได้กลับไปสู่สายน้ำสายใหญ่ที่ไหลผ่านจังหวัดหนึ่งในเขต
ปริมณฑลหลังจากที่เขาไปเก็บกระดูกของยายที่เมรุตั้งแต่เช้าตรู่โดยมีเวทิศเป็นสารถีขับรถพาเขาและอนูบิสมา
คำว่าครอบครัวที่อาศิรนับได้ว่ามีเพียงมารดาและยายของเขาได้จากไปหมดแล้วเหลือเพียงอาศิรที่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้
แม้ว่าจะมีบุคคลที่เรียกได้ว่า “พ่อ” แต่อาศิรก็ไม่ได้นึกผูกพันมากไปกว่าหน้าที่ของความเป็นลูก
“โอม ไม่เป็นไรใช่ไหม”
ร่างสูงใหญ่ก้าวมายืนเคียงข้าง มือหนาเอื้อมมาเกาะกุมมือของอาศิรไว้เพื่อปลอบประโลมให้หายเศร้า เมื่อรู้ใจว่ารักและยิ่ง
ผูกพันด้วยร่างกายแล้ว อนูบิสก็ไม่ปิดบังความรู้สึกของตน เขาแสดงออกซึ่งความรักอย่างซื่อสัตย์กับหัวใจของตนจนแม้แต่เวทิศที่ยืนอยู่
ไม่ห่างนักก็ดูออกได้โดยง่าย
“กลับกันได้แล้วมั้ง กว่าจะถึงกรุงเทพก็ใกล้เที่ยงแล้ว”
เวทิศเอ่ยขึ้นอาศิรจึงพยักหน้ารับ แต่ขณะที่เดินกลับไปที่รถยนต์เวทิศกลับรั้งอาศิรไว้
“ไอ้โอมคุยกันแป๊บนึง ท่านเทพหมีพูช่วยไปรอที่รถก่อนนะครับ ผมขอคุยธุระกับไอ้โอมก่อน”
อนูบิสพยักหน้ารับรู้ก่อนเดินจากไป ปล่อยให้อาศิรอยู่กับเวทิศที่ขมวดคิ้วมองเพื่อนสนิทอย่างเอาจริง
“มึงมีอะไรจะบอกกูไหมวะโอม”
“อะไรของมึง”
อาศิรมองเวทิศกับอย่างงงงันจนเวทิศต้องแยกเขี้ยวใส่
“อย่าแถไอ้เหี้ยโอม นี่กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปีไอ้หน้าตาแบบนี้คิดว่าปิดกูได้เหรอ ก็เรื่องมึงกับท่านเทพของกูไง ไอ้ที่มองตากัน
ปิ๊งๆนี่คืออะไร มันต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน เด็กอนุบาลมันยังดูออกเลย”
อาศิรอึ้ง เลือดแห่งความขัดเขินแล่นเป็นริ้วอยู่บนใบหน้า เขาหลบตาเวทิศแล้วสารภาพความจริง
“ก็...นั่นแหละ อย่างที่มึงคิด”
“สัสเอ๊ย กูว่าแล้ว” เวทิศอุทาน “ท่านเทพหมีพูก็มองมึงจนแทบจะกลืนไปทั้งตัวขนาดนั้น ไอ้โอมบอกกูมาให้หมดอย่า
อมพะนำ มึงกับท่านเทพน่ะ ถึงไหนกันแล้ววะ”
คราวนี้อาศิรทำหน้าเหมือนกลืนยาขม แต่เพราะเขาและเวทิศสนิทกันจนไม่เคยมีความลับ อาศิรจึงนึกไม่ออกว่าควรจะปิดบัง
เพื่อนอย่างไร
“คือ...กูกับอินทร์ภู เอ่อ เราได้กันแล้วว่ะ”
“เหี้ยยยย” เวทิศยกมือกุมขมับ “ได้กันเมื่อไหร่บอกกูมาเลยไอ้โอม”
“เมื่อคืนนี้เอง ไอ้เหี้ยทิศ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิวะ”
“โอ๊ย สดๆร้อนๆเลยไอ้โอมเอ๊ย แล้วมึงทำไง ยาคุมฉุกเฉินล่ะแดกหรือยัง แล้วถ้ามึงท้องขึ้นมาล่ะ”
“ไอ้เพื่อนเหี้ย กูเป็นผู้ชายกูไม่มีมดลูก และสเปิร์มก็ไม่ได้ปฏิสนธิทาง เอ่อ...ทางนั้นโว้ย ไอ้ทิศ มึงเลิกมองกูแบบนี้เหอะ กูชัก
อายมึงจริงๆแล้วนะ”
เมื่อเห็นเพื่อนทำหน้าจ๋อยเวทิศจึงถอนหายใจออกมา เขาวางมือลงไปบนบ่าของอาศิร
“ที่กูคาดคั้นเนี่ย ไม่ใช่อะไรนะโอม กูเป็นห่วงมึงต่างหาก คนธรรมดาเสือกไม่รัก ดันไปรักกับเทพที่อิมพอร์ตเข้ามา มึงคิดบ้าง
หรือเปล่าว่าถ้าท่านเทพเขาทำภารกิจลุล่วงแล้วต้องกลับบ้านเมืองไปมึงจะทำยังไง”
อาศิรสะอึกกับคำเตือนของเพื่อนสนิท มันเป็นเรื่องที่เขาเคยคิดไว้ก่อนหน้าที่จะผูกพันกับอนูบิสลึกซึ้งเช่นนี้ อาศิรปวด
กระบอกตาขึ้นมาทันทีเมื่อเอ่ยตอบเวทิศ
“ก็คงจะไม่ทำอะไร ถ้าเขาจะต้องกลับไปก็ปล่อยให้เขาไป”
“โดยที่มึงก็ต้องเสียใจอยู่คนเดียวงั้นเหรอเพื่อน โธ่ ไอ้โอม”
“จะให้ทำไงได้ล่ะ ก็กูรักเขานี่” อาศิรยอมรับ “มึงไม่รู้หรอกว่าเวลาที่เรารักใครสักคน เราก็พร้อมจะทำให้คนที่เรารักมีความสุข
ถ้ามึงอยากรู้อยากเข้าใจมึงก็ลองมีความรักดูสิ”
กลายเป็นเวทิศที่เป็นฝ่ายสะอึกบ้าง จู่ๆเขาก็นึกถึงอาการเจ็บจี๊ดปวดหน่วงๆที่หัวใจโดยหาสาเหตุไม่ได้ยามที่อยู่ใกล้ปาล
เวทิศรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งทันที
“ทำไมกูต้องมีความรัก ไม่เห็นจำเป็น เห็นความรักของมึงแล้วกูล่ะกลัว”
อาศิรยิ้มออกเมื่อเห็นใบหน้าของเวทิศ เขายกแขนคล้องคอเพื่อนพลางพาเดินไปยังรถยนต์ที่มีอนูบิสยืนรออยู่
“ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวสักนิดไอ้ทิศ มีคนรักก็ดีนะ มันมีกำลังใจขึ้นอีกเยอะเลย”
เมื่อเดินมาถึงเวทิศก็ยกกำปั้นขึ้นชกเข้าใส่ต้นแขนของอนูบิสที่นอกจากจะไม่สะเทือนแล้วยังเอียงคอมองเวทิศด้วยความไม่
เข้าใจ ส่วนเวทิศนั้นสะบัดมือเร่าๆราวกับต่อยผนังปูน
“คุณชกผมทำไม” อนูบิสเอ่ยถามเวทิศ คนถูกถามได้แต่แยกเขี้ยวใส่
“ก็คุณเจาะไข่แดงเพื่อนผมนี่หว่า นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นไอดอลนะ ผมไม่ยอมยกเพื่อนให้หรอก”
“ไอ้ทิศ ไอ้ผีเจาะปากมาเกิด”
อาศิรทั้งเขินทั้งเคืองเพื่อนสนิทจนต้องส่ายหน้า อนูบิสหันมาหาและเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“เจาะไข่แดงคืออะไร ตรงไหนคือไข่แดงหรือโอม”
อาศิรทำหน้าปั้นยาก เขาเขย่งเท้าขึ้นไปแล้วกระซิบคำตอบที่หูของอนูบิส เมื่อข้อข้องใจถูกไขกระจ่างอนูบิสก็ยิ้มพราวทันที
“ผมรักโอม ที่ทำไปก็เพราะรัก”
“อย่ามาหวานอวดกันนะท่านเทพ” เวทิศค้อนขวับ “คนไม่มีแฟนมันอิจฉาโว้ย รักเพื่อนผมแล้วดูแลดีๆล่ะ ถ้าท่านเทพทำให้
เพื่อนผมเสียใจ ผมจะเลิกนับถือท่านเทพเป็นไอดอลเลย”
“ไม่มีวันที่ผมจะทำให้โอมเสียใจ”
อนูบิสจริงจัง เขากล่าวอย่างหนักแน่นจนเวทิศวางใจและอีกใจหนึ่งเวทิศก็อดอิจฉาอาศิรไม่ได้ที่อาศิรสามารถเปิดเผยความรู้สึก
ของตนออกมาโดยไม่ต้องปิดบัง หากว่าเวทิศทำเช่นอาศิรได้ก็คงจะดีไม่น้อย
“รีบกลับกันเถอะ กว่าจะถึงอีก”
อาศิรเอ่ยชวนก่อนจะหันไปมองสายน้ำตรงหน้าอีกครั้งเพื่ออำลายายของเขาเป็นครั้งสุดท้าย
กลับถึงเมืองหลวงยามบ่ายเวทิศก็รีบขับรถทั้งหมดไปหาปาลที่หน่วยสืบสวนคดีพิเศษตามที่ได้นัดกันไว้ ปาลพาทุกคนไปนั่งที่
ห้องประชุมเล็กและตามใจภักดิ์มาด้วย ใจภักดิ์แนะนำตัวเองง่ายๆยกเว้นกับอาศิรที่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้วที่โรงพยาบาล
“ตามที่ไปสืบมาหมอคีรีเป็นหมอศัลยกรรมในคืนที่หัวใจศพถูกขโมยจริงๆ ข้อสันนิษฐานที่ตั้งไว้ก็ดูเหมือนจะเป็นไปในทาง
เดียวกัน”
ใจภักดิ์วางแฟ้มข้อมูลลงตรงหน้าพลางเอ่ยด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจังกับงาน
“และจากการชันสูตรศพวัยรุ่นที่ถูกฆ่าตายแล้ว มันน่าเจ็บใจที่ฆาตกรไม่ทิ้งลายนิ้วมือไว้เลย มันอาจจะใส่ถุงมืออยู่ ช่องทาง
ทวารหนักก็ไม่มีคราบอสุจิหลงเหลือคงเพราะมันใส่ถุงยางอนามัยที่เจอซองของมันตรงที่เกิดเหตุ แต่รอยกรีดบริเวณชายโครงด้านซ้าย
ทำให้เราสงสัยได้ว่าฆาตกรอาจจะเป็นคนเดียวกับคนที่ขโมยหัวใจศพ เพราะรอยกรีดนั้นมันมีน้ำหนักและขนาดพอดีกันเป๊ะๆ...”
“...และถ้าหมอคีรีเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดจริง ฉันก็คงจะรู้สึกเสียใจมากที่แพทย์คนหนึ่งใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาในทางที่ผิด
และอยากรู้เหลือเกินว่าสาเหตุที่เขาทำเช่นนี้คืออะไร ฝ่ายนิติเวชก็คงช่วยได้เท่านี้ ที่เหลือก็ต้องยกให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายสืบสวนแล้ว”
“ขอบใจนะภักดิ์”
ใจภักดิ์ยิ้มรับคำขอบคุณจากปาล หญิงสาวเก็บรวบรวบเอกสารเข้าแฟ้ม และระหว่างที่ปาลพูดคุยรายละเอียดกับอนูบิสนั้น เธอ
กันหันมากระซิบกับอาศิรที่นั่งอยู่ติดกัน
“โอม ทำยังไงถึงจะง้อน้ำชาให้หายโกรธได้”
“อะไรนะครับ ยายน้ำชาเหรอ มันไม่เคยโกรธใครนานนะครับพี่ภักดิ์ ถ้ามันงอนนี่สิบนาทีก็หายแล้ว”
อาศิรหันไปตอบกลับด้วยความแปลกใจ มองเห็นสีหน้ายุ่งยากของใจภักดิ์ก็ยิ่งสงสัย
“น้ำชามันโกรธอะไรพี่ภักดิ์เหรอครับ”
“ก็มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย แต่ท่าทางน้ำชาจะโกรธมากเลย”
ก็ขนาดที่ว่าไม่ยอมมองหน้าแม้ว่าใจภักดิ์จะนำโทรศัพท์ไปคืนที่บ้าน และไปอุดหนุนอาหารที่บ้านของชาลินีทุกวันแต่ดูเหมือน
อีกฝ่ายจะไม่สนใจหน้าจ๋อยๆของเธอเลย ใจภักดิ์นึกแปลกใจว่าทำไมเธอจะต้องแคร์ความรู้สึกของชาลินีมากขนาดนี้ พอมองเห็นใบหน้า
เชิดๆเม้มปากแดงแน่นๆแล้วใจภักดิ์อยากจะกระชากแขนชาลินีแล้วมาเขย่าแรงๆนัก อยากจะถามชาลินีว่าสนใจความรู้สึกของเธอบ้าง
หรือเปล่า
“นี่ทำยังไงน้ำชาก็ไม่ยอมคุยด้วย”
อาศิรกะพริบตาปริบๆมองหน้าหมองของใจภักดิ์ที่ผิดกับตอนบรรยายเรื่องงานลิบลับ เขาได้แต่ยิ้มปลอบใจภักดิ์ไปตามเรื่อง
ไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนสนิทของเขาถึงไปมีอิทธิพลกับใจภักดิ์ขนาดนี้
“ใจเย็นครับพี่ภักดิ์ เดี๋ยวผมจะช่วยคุยให้น้ำชามันหายโกรธนะ”
“ดีเลยโอม ฝากด้วยนะ”
ใจภักดิ์เพิ่งจะยิ้มออก หญิงสาวคว้าแฟ้มเอกสารก่อนจะยืนขึ้นกล่าวลากับทุกคนแล้วเดินออกไปจากห้องประชุมปล่อยให้
หนุ่มๆคุยกันต่อไป
“เราต้องหาสายสืบเข้าไปตีสนิทกับหมอคีรี”
ปาลเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขากำลังนึกหาหนทางเจาะลึกเข้าหาผู้ต้องสงสัยในคดีนี้โดยไม่ทำให้คีรีตื่นรู้เสียก่อน
เวทิศคิดตามก่อนจะโพล่งความคิดออกมา
“ไอ้โอมไง มันเป็นหมอเหมือนกันแถมยังรู้จักกับหมอคีรีด้วยนะ”
“ไม่ได้!”
สะดุ้งเฮือกกันถ้วนหน้าเมื่อได้ยินเสียงดุของอนูบิส และยิ่งหันไปมองดวงตาคมดุดันทำให้ใบหน้ายิ่งน่าเกรงขามเวทิศก็ถึงกับ
หัวหด
“ใจเย็นอินทร์ภู ไอ้ทิศก็แค่คิดเอง”
“แค่คิดก็ไม่ได้” อนูบิสเอ่ยเสียงหนัก
“งานนี้จะต้องไม่มีใครได้รับอันตรายอีกโดยเฉพาะโอม ผมไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะปีศาจเลวนั่นอีกแล้ว”
การประชุมจบลงโดยยังไม่ได้ข้อสรุป อนูบิสกับอาศิรแยกขึ้นแท็กซี่กลับบ้านและระหว่างนั้นอนูบิสก็ยังอารมณ์ไม่ดีนักจน
กระทั่งถึงบ้าน เมื่อได้อยู่กันตามลำพังอาศิรจึงเข้าไปคลอเคลีย
“อย่าหน้าบึ้งสิพ่อหมีพู เดี๋ยวไม่หล่อนะครับ”
มองคนที่เข้ามาใกล้และยิ้มหวานให้อนูบิสจึงถอนหายใจยาวก่อนจะดึงอาศิรให้มานั่งบนตักแล้วโอบกอดไว้
“ขอโทษนะโอม ผมแค่อยากจะให้เรื่องทั้งหมดมันจบโดยเร็ว แค่นี้ไอ้เนรูก็ทำให้วุ่นวายมากพอแล้ว”
“ผมเข้าใจอินทร์ภู” อาศิรซุกหน้าเข้าหาแผ่นอกกว้าง
“ผมรู้ว่าคุณต้องแบกรับความรับผิดชอบยิ่งใหญ่แค่ไหน ผมเองก็เสียใจที่ช่วยอะไรคุยไม่ได้เลย”
“ช่วยได้สิ” อนูบิสจูบเบาๆที่หน้าผากของอาศิร
“โอมช่วยอยู่ใกล้ๆเท่านี้ก็ทำให้ผมหายเหนื่อยแล้ว”
“โอ๊ย พ่อเทพปากหวาน ชิมหน่อยสิว่าหวานจริงหรือเปล่า”
อาศิรเงยหน้าขึ้นและเป็นฝ่ายประทับริมฝีปากเข้าหาอย่างเอาใจให้อนูบิสจูบตอบ ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามช้อนเข้าใต้
บ่าและเข่าของอาศิรก่อนจะอุ้มขึ้นมาและก้าวตรงไปยังห้องนอน
อาศิรอยากจะทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่อนูบิสมากกว่านี้ เขาอยากที่จะทำให้อนูบิสหมดจากความกลัดกลุ้มในความรับผิดชอบ
ของตน บางทีถ้าเขาจะกล้าเข้าไปใกล้กับคีรีเพื่อสืบหาข้อมูลอาจจะเป็นการช่วยอนูบิสได้อีกทาง
แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงทำให้อนูบิสมีความสุขที่สุด นี่คือสิ่งที่อาศิรจะทำได้ในค่ำคืนนี้
มีต่ออีกนิด...