『ห ลั ก สู ต ร เ ร่ ง .. 'รั ก'』~♪ คาบที่ 12 – ไม่เข้าใจ ~♪『25-08-16』
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 『ห ลั ก สู ต ร เ ร่ ง .. 'รั ก'』~♪ คาบที่ 12 – ไม่เข้าใจ ~♪『25-08-16』  (อ่าน 19662 ครั้ง)

ออฟไลน์ daadaadaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ลุคที่ฟ้าเปลี่ยนได้ก็คงเป็นหนุ่มน่ารักแทนหนุ่มเนิร์ด
แต่ขุนนี่เริ่มคิดอะไรกับฟ้าแล้วใช่ไหมมมม
 :hao7:
ปล. พี่พลอยอาจกลายเป็นปัญหาในอนาคตของคู่นี้ (รึเปล่า?)

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ขุนเขาน่ารักจัง  :hao7:

ออฟไลน์ hinago

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ pe-ar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
รอดูฟากฟ้า นิวลุค :hao7:

ออฟไลน์ mamedaz-s

  • Master Luck F
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
คาบที่ 6 – แบบฝึกหัด
   


เกิดมาในชีวิตฟากฟ้าดูหนังนับครั้งได้ ล่าสุดคงเป็นแอนิเมชั่นสามมิติที่โด่งดังจนทำลายสถิติบ็อกซ์ออ ฟฟิศหนังทำเงินตลอดกาลด้วยเหตุผลของพ่อแม่ว่าเขาอาจจะชอบ ถามว่าเด็กชายรู้สึกยังไงก็คงบอกได้แค่ว่าพอดูได้ เขาไม่มีสิ่งสนใจต่อเรื่องบันเทิงชัดเจน สิ่งที่ทำฆ่าเวลาคือการหนังสือนอกเวลาและมันทำให้เขาเพลิดเพลินได้กว่าการนั่งดูรายการทีวี

แต่วันนี้ขุนเขากลับพาเขายืนอยู่หน้ารายการหนังที่จะดู

“เลือกสิ วันนี้ตามใจนาย”

ฟากฟ้ามองรายการภาพยนตร์อย่างลำบากใจ ก่อนจะช้อนตามองอีกฝ่ายขอความช่วยเหลือ

ขุนเขาเลิกคิ้ว

“อย่าบอกนะว่าดูหนังไม่เป็น”

เด็กชายส่ายศีรษะ

“เปล่า แค่ไม่รู้ว่าจะดูเรื่องอะไรน่ะ ให้ขุนเป็นคนเลือกดีกว่านะ”

ขุนเขากลอกตาไปมาเมื่อได้ยินแบบนั้น จากนั้นจึงใช้ความคิด

แล้วชี้นิ้วไปยังหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องที่ขึ้นชื่อมาจากทางฮอลลีวู้ด รับประกันความน่ากลัว ความหลอน แม้กระทั่งหนังจบแล้วจะนอนไม่หลับไปอีกสองสามคืน

ฟากฟ้ากลับหน้าเบ้ทันที

“ไม่เอาหนังผีได้ไหม”

“หนังสยองขวัญกับหนังผีไม่เหมือนกันสักหน่อย”

แต่ฟากฟ้าถอยหลังกรูด

“งั้นเราไปหาอะไรทำอย่างอื่นเถอะ”

เด็กชายหมุนตัวกลับจะชิ่งหนี ขุนเขาจึงเอื้อมมือคว้าคอเสื้อไว้หมับ

“จะไปไหน”

“หนี” ตอบตามซื่อ

เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาเสียงดัง

“ไม่อยากดูก็บอก ไม่จำเป็นต้องฝืนหรือหนี ฉันน่ะชอบหนังสยองขวัญ และฉันก็รู้ว่าถ้าเลือกขึ้นมานายต้องไม่ดูด้วยแน่นอน” ขุนเขาหรี่ตามองประหนึ่งว่าคิดเอาไว้ไม่มีผิด

ฟากฟ้าเป็นมนุษย์ที่หาได้ยากมากในโลกปัจจุบัน เหมือนผ้าขาวบางบริสุทธิ์

จนเหมือนมีกำแพงบาง ๆ กั้นเอาไว้อยู่

เด็กชายทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จากนั้นจึงเอ่ยว่า

“หนังซุปเปอร์ฮีโร่ไหม” ลองถามดู

ช่วงนี้จะมีหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ประโคมข่าวกันใหญ่โต เป็นการมิกซ์แอนด์แมชต์ของตัวละครจากแต่ละค่ายเอามาสู้กัน ออกแนวยามศึกเราร่วมกันรบ แต่ยามสงบเรารบกันเอง ฟอร์มใหญ่และอลังการงานสร้างสุด ๆ

การต่อสู้ระหว่างมนุษย์ต่างดาวที่ผันตัวมาเป็นฮีโร่กับคนธรรมดาที่ต้องการล้างแค้นโดยการเป็นฮีโร่อย่างนั้นหรือ ?

“นายชอบเหรอ” เขาถาม

“เคยได้ยินชื่อน่ะ นานมาแล้ว” แน่อยู่แล้ว เพราะค่ายนี้อยู่มานาน

สุดท้ายพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะดูเรื่องดังกล่าว ขุนเขาลากฟ้าให้ไปซื้อตั๋วหนังด้วยกัน โดยให้เหตุผลว่าเด็กชายจำเป็นต้องสื่อสารกับคนอื่นที่นอกเหนือจากเขาด้วย เด็กชายจึงตกลง

แบบฝึกหัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของวันนี้คือฟากฟ้าต้องคุยกับพนักงานหญิงเพื่อซื้อตั๋วหนัง เด็กชายทำได้ไม่เลวทีเดียว อันที่จริงต้องบอกว่าทำได้ดีเกินคาดต่างหาก

“ทำได้ดีมาก” ขุนเขาว่าเช่นนั้นพลางเอื้อมมือลูบหัวคนตัวเล็กกว่า

ฟากฟ้าแน่นิ่งมองอากัปกริยาเด็กหนุ่ม

ขุนเขาชักมือกลับ

“เอ่อ โทษที”

แต่เด็กชายส่ายหน้า

“ไม่เป็นไร เอ่อ... จะลูบอีกก็ได้นะ”

เพราะฝ่ามือของขุนเขาค่อนข้างใหญ่ สามารถกอบกุมศีรษะเขาได้เกือบทั้งหมด ไออุ่นจากร่างกายแผ่ขยายมาตามเส้นผม ทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เด็กชายยิ้มบาง

รู้สึกยังไงไม่รู้

ดูน่ารักทั้งที่เป็นผู้ชายด้วยกัน

ขุนเขาจึงเบือนหน้าหนีไปอีกทางแล้วออกเดินลิ่วด้วยความรู้สึกที่ยากอธิบาย

เขาต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ ๆ เด็กหนุ่มคิดในใจเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันที่เด็กชายเอ่ยถามด้วยใบหน้าใสซื่อ

“ว่าแต่เมื่อไหร่เราจะเดทกันเหรอ”

คำพูด น้ำเสียงที่ไม่มีจุดประสงค์เจือปน ขุนเขาถึงกับแทบสำลักน้ำลายนึกอยากล้มลงกับพื้นเอาดื้อ ๆ

“นี่นายยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ”

ฟากฟ้าเอียงคอฉงน

ขุนเขาหมดถ้อยคำที่จะเอื้อนเอ่ย เขาตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ

“ก็ที่เราทำอยู่ไงเขาเรียกว่าเดท พามาเลือกเสื้อผ้า พามาดูหนัง และฉันกำลังจะพานายไปกินข้าวระหว่างรอรอบหนังด้วย”
 
สิ้นเสียงฟากฟ้าอ้าปากกว้างเบา ๆ อย่างตกใจ

เอาจริงเรอะ ??

สุดท้ายขุนเขาจึงไม่แน่ใจในแบบฝึกหัดของตนนัก ท่าทางฟากฟ้าไม่มีปัญหาเรื่องการปฏิสัมพันธ์กับผู้คน แต่กำลังจะมีปัญหาเรื่องชู้สาวนี่ล่ะ

ทั้งที่อ่อนต่อโลกเพียงนั้นกลับแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่ง ซ้ำยังเป็นคนที่โดดเด่นกว่าใคร ดูยังไงแล้วไม่น่าจะเป็นคนใส ๆ แบบนั้น

ทำยังไงจะให้เข้าใจเรื่องแบบนี้มากขึ้นนะ ขุนเขาครุ่นคิด

และแล้วขุนเขาจึงตัดสินใจทำบางอย่าง

เด็กหนุ่มเอื้อมมือของเด็กชายขึ้นมาจับไว้ อีกฝ่ายแสดงความแปลกใจออกมาอย่างชัดเจน

คงต้องเลือกเพิ่มการกระทำเข้าไป

ขุนเขาไม่มองหน้าฟากฟ้าเลย

ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่กล้าหันไปมองมากกว่า

เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม

“ว..เวลาเดทกันต้องสกินชิพอีกฝ่ายด้วย .. เอ่อ .. ถ้าแค่เพิ่งเดทก็แค่จับมือกันไปก่อนจากนั้นค่อยเป็นไปตามลำดับ” พยายามยืดอกออกตัวเหมือนเป็นผู้รู้เต็มประดา

ฟากฟ้าพยักหน้าและยิ้มรับ

“อื้ม ! เข้าใจแล้ว” เด็กชายกำมือเด็กหนุ่มแน่น

บอกตามตรงขุนเขารู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดอยากจะปล่อยมืออีกฝ่ายเลย








เลยหกโมงเย็นมานิดหน่อย เด็กทั้งสองออกจากโรงด้วยความอิ่มเอม

หนังวันนี้สนุกใช้ได้

“สมกับเป็นฮีโร่สายดาร์กจริง ๆ เลยเนอะ ความสามารถนี่เหนือมนุษย์จริง ๆ”

ฟากฟ้าคุยจ้อในขณะที่กำลังเดินออกมา ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้นเป็นของที่หาไม่ได้ง่ายนัก

ขุนเขาพยักหน้าส่ง ๆ

ตอนนี้พวกเขาไม่ได้จับมือกันแล้ว นั่นคงเป็นเพราะตัวขุนเขาเอง

หลังจากที่จับมือกันไปร้านอาหาร เขาถูกสายตาของพนักงานจ้องมองเหมือนพวกเขาเป็นตัวประหลาด ถูกยืนจ้องตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าร่วมสามนาที สุดท้ายขุนเขาจึงลากฟากฟ้าไปร้านอื่น โดนปฏิบัติไม่ต่างกัน เขาเลยขอยุติที่จะจับมือนั้นไป

มือของฟากฟ้าทั้งเล็กและนุ่ม ผิวพรรณต่างจากเด็กผู้ชายอย่างเขาจริง ๆ คงถูกที่บ้านดูแลมาอย่างดี หรือไม่ก็ไม่เคยหยิบจับอะไรมาก่อน

ตรงข้ามกับขุนเขา มือเขาเต็มไปด้วยบาดแผล เพราะการเป็นนักกีฬาทำให้ต้องล้มลุกคลุกคลานมาบ่อยครั้งจนทั้งตัวหยาบกร้าน ร่างกายจึงได้เปรียบกว่าคนอื่นนิดหน่อย อย่างน้อยก็ในเรื่องความแข็งแรง

ทั้งที่ต่างกันขนาดนี้แต่กลับอยู่ร่วมกันได้

“..แถมมันทำให้รู้ด้วยว่ามนุษย์มีวิธีที่จะรับมือกับมนุษย์ต่างดาวยังไง” ยังคงพูดต่อไป

ขุนเขาลอบมองฟากฟ้าด้วยความคิดที่หลากหลาย เขาอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นความคิดแบบไหน แต่สิ่งที่รู้อย่างหนึ่งนั้นคือว่า

ผู้ชายกับผู้ชายจับมือกันไม่ใช่เรื่องดี อย่างน้อยก็ไม่ดีต่อสังคมรอบข้าง ยิ่งถ้าทุกคนรู้ว่าฟากฟ้าเป็นใครคงต้องเกิดข่าวลือที่ไม่ดีออกมาแน่ ๆ แม้ยุคสมัยนี้พวกเพศทางเลือกจะมีมากขึ้น แต่กับลูกชายคนเดียวของครอบครัวแบบฟากฟ้าคงไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจกันได้

อย่าลืมสิไอ้ขุน ว่าตัวเองมาอยู่ตรงนี้ในฐานะอะไร สอนบทเรียนให้หญิงมาชอบเพื่อให้คนขี้แยอย่างฟากฟ้าเอาชนะคนที่ชอบรังแกคนอื่นอย่างชุนจะได้เกิดเป็นขั้วอำนาจสมดุล อย่างน้อยเขาก็เบื่อตำแหน่งลาสต์บอสที่รอให้ชุนมากำจัดจะแย่

ทั้งหมดทำเพื่อตัวเอง แต่ยอมรับด้วยส่วนหนึ่งว่าอยากให้คนแบบฟากฟ้าลุกขึ้นสู้บ้าง

เท่านั้นเอง

“ขุน ?” ฟากฟ้าโบกมือหน้าเขา

เด็กหนุ่มสลัดความคิดทุกอย่างออกจากหัวทิ้งกลับจากภวังค์

“ม..มีอะไร ?”

“พี่พลอยรอแย่แล้วมั้ง”

“น..นั่นสินะ”

ไม่รู้ทำไมต้องพูดตะกุกตะกัก

ฟากฟ้าพลิกดูนาฬิกาข้อมือดูเวลาแล้วหน้าซีด

“ขุน”

“ว่า ?”

“เลยเวลาพี่พลอยเลิกงานมาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้ว”

ได้ยินดังนั้นเด็กหนุ่มพลันหันขวับ ตอนจองตั๋วดันลืมไปเลยว่าต้องคำนวนเวลาหนังจบด้วย เด็กหนุ่มล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าขึ้นมาดู

4 misscall

ตายแน่ ๆ

ขุนเขาจูงแขนฟากฟ้ารีบออกจากโรงอีกครั้ง

แต่ทว่าไปไหนไม่ได้ไกลพวกเขาพลันชะงัก

พลอยยืนกอดอกอยู่ตรงทางออก หน้าตาดูเซ็งในอารมณ์มากที่สุด

เธอเอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็นว่า

“เอาล่ะ จะให้พี่ลงโทษพวกเราแบบไหนดี เป็นผู้ชายแล้วให้ผู้หญิงรอนานมันใช้ไม่ได้นะรู้ไหม”

เด็กทั้งสองตัวหดลีบเหลือคนละสองเซ็น ก่อนจะคอตกหน้าจ๋อย

พลอยเป็นว่าที่ครูในอนาคต น้ำเสียงของเธอจึงมีพลังบางอย่างที่ทำให้ต้องรู้สึกเกรง

ขุนเขาไม่ได้กลัว กล้าสาบาน แค่เกรงใจเท่านั้น

สายตาที่จ้องมอง บรรยากาศที่คาดคั้น สุดท้ายเมื่อเห็นทั้งคู่หงอพลอยจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“เอาเถอะ คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก ไปกันได้แล้ว”

เธอหมุนตัวแล้วออกเดินนำทั้งคู่ไปอย่างรวดเร็ว ขุนเขาและฟากฟ้ามองหน้ากันก่อนจะเดินตามเธอไป





พลอยพาทั้งคู่ไปร้านคอนแทกเลนส์ชั้นใต้ดิน ที่นี่เป็นร้านที่ทางจักษุแพทย์มาเปิดให้บริการเอง เธอดูสนิทกับเจ้าของร้านดังที่ว่าไว้จริง เมื่อกล่าวถึงส่วนลดก็สามารถให้ได้เทียบเท่ากับสมาชิก ฟากฟ้าจึงไม่กังวลอะไร

เด็กชายยื่นแว่นให้พนักงานตรวจสอบค่าสายตาก่อนจะถูกจับไปตรวจสายตาที่เครื่องตรวจอีกที

“ปกติตัดแว่นร้านไหนหรือ”

จักษุแพทย์หนุ่มเอ่ยถามพลางยิ้มการค้า

“ร้านเพื่อนพ่อน่ะครับ” เด็กชายตอบตามซื่อ

จักษุแพทย์ให้ความเห็นว่าสายตาของฟากฟ้านั้นสั้นตามประสาคนใช้สายตาหนัก ทางที่ดีควรใส่แว่นให้ตลอดเวลา ถ้าไม่อย่างนั้นคงต้องพึ่งคอนแทคเลนส์

“เรามีแบบใสธรรมดาและแบบสี อยากได้แบบไหนล่ะ”

“ขอสองคู่ค่ะหมอ ไว้ใส่ไปโรงเรียนกับใส่ไปเรียนพิเศษ”

พลอยตอบให้เสร็จสรรพ ฟากฟ้าหันไปมองหญิงสาว

ใช่ว่าตนไม่เคยถูกยื่นข้อเสนอให้ใส่คอนแทกเลนส์ แต่เพราะการใส่คอนแทกเลนส์มันดูน่ากลัวสำหรับเด็กชาย จึงหลีกเลี่ยงและใช้แว่นสายตามาตลอด ทว่า..แว่นน่ะ พอใส่นานเข้ามันกลับปวดรอบบริเวณดวงตา สันจมูกเอย ใบหูที่เกี่ยวไว้ เป็นต้น

ไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับขุนเขา เพราะไม่อยากให้กังวล

มีแต่ต้องลองด้วยตัวเองเท่านั้น

พนักงานร้านพาฟากฟ้าไปเลือกสีคอนแทกเลนส์โดยมีพลอยประกบข้าง ๆ ส่วนขุนเขานั่งหาวมองทั้งคู่เลือกของด้วยกันพลางคิดเรื่องไร้สาระเรื่อยเปื่อย

ทั้งพลอยและฟากฟ้าเป็นคนที่เด็กหนุ่มไม่คิดว่าจะได้มามีบทบาทในชีวิตของตน แม้พลอยจะเป็นรุ่นพี่ ลูกเจ้าของร้านซ่อมมอเตอไซค์แต่มันมีอะไรที่มากกว่านั้น เขารู้จักเธอมาได้ปีกว่าด้วยเหตุการณ์บางอย่าง ตอนนั้นไม่คิดหรอกว่ามันจะทำให้เขาและเธอรู้จักและอยู่ด้วยกันจนถึงปัจจุบัน ขุนเขาที่มีพี่ชายผู้ซึ่งไม่ค่อยสนใจอะไรนอกเหนือจากเรื่องน่าตื่นเต้นคงเป็นไปได้ยากที่จะหาทางพูดคุยกันเปิดอก แม้ภายนอกครอบครัวจะดูรักกันดี แต่ขุนเขากลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ห่างไกลออกไป ถ้าบอกว่าตั้งแต่เมื่อไหร่คงเป็นเมื่อตอนที่น้องชายคนสุดท้องได้เกิดมา

ครอบครัวที่ควรมีกันแค่สี่บัดนี้ได้เพิ่มมาอีกหนึ่งชีวิตมาห้าปีแล้ว

ขุนเขาไม่ได้มองว่าเป็นความผิดของคนใดคนหนึ่ง มันเรื่องปกติหากเขาอยู่ในสถานะของลูกชายคนกลางแล้วต้องมีเรื่องให้คิดมากกว่าคนโตและคนเล็กมากกว่าเท่าตัว อย่างน้อยความต้องการของตนก็ไม่ได้รับความเติมเต็ม

หากจะให้อธิบายเป็นรูปธรรมง่าย ๆ คงเป็นแบบ พี่ชายคนโตถูกตามใจเพราะความไม่แคร์สายตาคนรอบข้าง ส่วนคนเล็กที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่ปีความสนใจของบุพการีย่อมพุ่งไปทางนั้น ส่วนเขาเพราะคนโตไม่สามารถบังคับให้เชิดหน้าชูตาได้ ก็มีแต่ต้องมาลงกับตนที่เป็นคนรองและไล่เลี่ยกัน

ฟากฟ้าเลือกคอนแทคเลนส์แล้วจ่ายเงินที่หน้าเคาท์เตอร์ ระหว่างรอพนักงานรูดบัตรนั้นเจ้าตัวหันมาหาขุนเขาแล้วอมยิ้มให้

ยามที่ไม่มีเรื่องคอยกวนใจฟากฟ้าเป็นเพียงเด็กผู้ชายที่มีสุขภาพจิตดีคนหนึ่ง ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มนั้นถูกบดบังด้วยการกลั่นแกล้งมาโดยตลอดปลุกความอ่อนแอไม่สู้คนและรังแกความรักสงบทำให้กลายเป็นคนบ่อน้ำตาตื้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังหัวดื้อกว่าที่คิด อย่างน้อยก็ตอนที่ชอบบังคับให้เขาเข้าห้องเรียนนั่นแหละ

ขุนเขาเผลอยิ้มกลับให้กับท่าทางของฟากฟ้า

ทว่าเด็กชายกลับเบิกตากว้างโดยไม่ทราบสาเหตุราวกับพบสิ่งหวาดกลัว เขาผลุบตาลงต่ำแล้วหันกลับไปหาพนักงานโดยเร็ว

ขุนเขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งมองอีกฝ่ายด้วยความงุนงง

และปฏิกริยาไร้เสียงของสองคนนี้ อยู่ในสายตาของพลอยตลอดเวลา


TO BE CONTINUED..............

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ดูท่าพี่พลอยจะเป็นคนที่มองออกมากที่สุดนะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ hinago

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ้ยยยยย น่ารักกก อัพอีกได้ไหม

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ daadaadaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฟ้าน่ารักกกกก

ท่าทางพี่พลอยจะรู้อะไรบางอย่าง อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
เดี๋ยวเจ๊พลอยดัน :hao7:

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2

ออฟไลน์ nin@

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

เพิ่งอ่านไปไม่กี่ตอน ขอเม้นท์ก่อนละค่ะ หนูฟากฟ้าจะทำให้ปร้าเสียจริตกับความน่ารัก ใสซื่อของหนูจริงๆเข้าแล้ว 555+ เด็กอะไรเนี่ย..ขนาดขุนเขาที่ว่าน่ากลัวๆ ยังถึงกับอึ้งกับความซื่อของฟากฟ้าเลยทีเดียว อ่านแล้วนั่งขำ หัวเราะก๊ากเลยค่ะ

เห็นทีต้องขอสมัครเป็นแฟนนิยายเรื่องนี้ด้วยคน  จะรออ่านทุกตอนนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ mamedaz-s

  • Master Luck F
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
คาบที่ 7 - เรื่องของชุน


สิ่งที่ชุนเกลียดมักมีอยู่สามอย่าง

หนึ่ง การที่พ่อเป็นตำรวจ

สอง การที่มีแม่ขี้บ่น

และสาม ลูกพี่ลูกน้องที่ชื่อกรรณะ

ข้อหนึ่งกับสองเขายังพอทน แต่ข้อสามไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ถูกลิสต์ไว้ในใจ ยิ่งโตเหมือนความรู้สึกนั้นเด่นชัดและมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น วินาทีที่เห็นครั้งแรกพาลไม่รู้สึกถูกชะตา ยิ่งนิสัยที่เป็นของแถมติดมานั่นยิ่งทำให้ความไม่ชอบขี้หน้าซึมลึกเข้าเส้นเลือด

เพราะแม่เป็นน้องสาวจึงไม่มีอำนาจทางสายเลือดเข้าข่ม

ยิ่งต้องมาเรียกหมอนั่นว่าพี่เขายิ่งไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่

"ถ้ามั่นใจในศักยภาพของตัวเองขนาดนั้น แล้วทำไมไม่คว้านางฟ้าประจำโรงเรียนมาครองซะเลยล่ะ ? ไม่ใช่ว่าตัวนายต้องเป็นที่หนึ่งหมดทุกด้านหรอกเหรอชุน ?"

คำสบประมาทอันยิ่งใหญ่ทำให้ชุนถึงกับกำหมัดแน่น ใบหน้ายียวนกวนประสาทนั่นเล่นทำเอานึกอยากตั๊นหน้าอีกฝ่ายเลือดกำเดาไหลสักที

"ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าอยากชกฉันมากสินะเอาสิ ถ้าอยากทำก็ทำ แต่ถ้าทำแล้วฉันจะสั่งสอนนายกลับไปยังไงคงไม่ต้องอธิบายหรอกใช่ไหม"

ความเก่งกาจของหมอนี่แม้แต่ขุนเขายังเทียบไม่ติด

ไม่สิ .. มันคนละระดับด้วยซ้ำ

ชุนเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ยอมรับคำท้านั่นเงียบ ๆ อยู่ในใจ ไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้ว

เพราะเขาเป็นลูกชายคนเดียวของตำรวจใหญ่ ผู้เป็นแม่จึงคาดหวังให้เขาเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบได้ดั่งใจนึก การเรียนที่หนึ่ง กีฬาที่หนึ่ง ที่รักใครของครูบาอาจารย์ หรือแม้กระทั่งสาวงามอันดับหนึ่งของโรงเรียนเขาต้องได้ไปครอง

ทว่าคนจับตามองกลับไม่ใช่มารดาของเขาซะนี่

"เฮอะ .. คนอย่างนายจะไปรู้อะไร" ชุนว่าพลางหรี่ตาลง

แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน

"นายไม่รู้ตัวเหรอว่าเป็นหนังสือที่ให้คนอื่นเปิดอ่านได้ง่ายมากน่ะ ลูกชายคนเดียวที่ถูกเลี้ยงดูแบบเก็บกดมันเดาทางได้ไม่ยากหรอก อีกอย่างถึงจะเป็นหนังสือที่หาแนวได้ไม่ยาก แต่พอลองได้อ่านแล้วกลับสนุกเกินคาดเชียวล่ะ"

ดูถูกกันเข้าไป สบประมาทกันเข้าไป

ชุนพ่นลมหายใจใส่แล้วเดินหนีไปในที่สุด

หากจะบอกว่าขุนเขาคือคนที่เขาไม่อยากต่อกรด้วย แต่กับลูกพี่ลูกน้องคนนี้เขากลับไม่อยากข้องเกี่ยวมากที่สุด หากสามารถรีดเร้นเลือดที่ทำให้ต้องเกี่ยวดองกับหมอนี่ออกมาได้เขาคงยอมทำโดยไม่มีเงื่อนไข เพียงแค่คิดว่าต้องหายใจร่วมโลกกันยังรู้สึกสะอิดสะเอียน

กรรณะอายุมากกว่าเขาหนึ่งปี ปัจจุบันเป็นนักเรียนมัธยมสี่ของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง การเรียนเป็นเลิศ เคยสอบแข่งขันโควตาโอลิมปิกแต่ไม่ผ่านไปรอบสุดท้าย ทว่าเพียงแค่นั้นก็ทำให้ทั้งโรงเรียนยินยอมพร้อมใจสรรเสริญเสียเต็มประดา เรื่องหน้าตาไม่ต้องพูดถึง เขาดูหล่อเหลามากเมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน กล่าวคือหน้าไปก่อนอายุ ดูเป็นหนุ่มและผู้ใหญ่จึงมักมีผู้หญิงอายุมากกว่าเข้ามาข้องแวะไม่ขาดสาย

แต่ข้อเสียของหมอนี่คืออะไรรู้ไหม

หากชุนเป็นเด็กเก็บกด

ตัวกรรณะเองก็คือวัยรุ่นโรคจิต

เบื้องหน้าของรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความฉลาดเฉลียวนั้นกลับเต็มไปด้วยความควันดำคละคลุ้ง จิตใจดำมืดยิ่งกว่าถ่านคาร์บอน ความนึกคิดวิปริตผิดแผก เดาทางไม่ถูก เหมือนหลงอยู่ในเขาวงกตที่ไม่มีทางออก ดวงตาของกรรณะไม่เคยยิ้มด้วยความไร้เดียงสาตามประสาเด็กวัยรุ่นเลยสักครั้ง ชุนมักสัมผัสได้ถึงความน่าหวาดหวั่นที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำสิ่งชั่วร้ายแบบใดอยู่

สิ่งที่ทำให้ชุนมั่นใจว่าลูกพี่ลูกน้องของตนไม่ปกตินั้นมาจากเหตุการณ์หนึ่ง

สมัยที่ยังไม่นึกเกลียดมาก สมัยที่ยังรู้สึกว่าเป็นเพียงญาติผู้น่ารำคาญ สมัยที่ยังสามารถต่อปากต่อคำได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร

ชุนเคยขึ้นเสียงใส่กรรณะเรื่องผู้หญิงครั้งหนึ่ง

ผลคือกรรณะหยิบไฟแช็คที่พกติดตัวลนผมผู้หญิงคนนั้นไหม้เกือบหมดศีรษะ

ถามว่าทำไมตอนนั้นถึงไม่มีการฟ้องร้อง

เป็นเพราะว่าเส้นสายกรรณะเองก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปมากกว่าชุนเท่าไหร่

กรรณะคือลูกชายของนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง ทำเอาการเป็นลูกชายตำรวจแบบชุนดูเด็กน้อยไปเลย ที่สำคัญบิดาทั้งคู่เลี้ยงลูกด้วยวิธีต่างกันนัก จึงทำให้กรรณะกล้าทำร้ายผู้อื่นได้โดยไม่คิดถึงผลกระทบ

เพียงตบด้วยเงินไม่กี่บาทสามารถปิดปากสาวผู้นั้นได้เนียนสนิท

นับแต่นั้นชุนจึงมั่นใจว่าตนจะต้องเป็นผู้มีอำนาจมากกว่าอีกฝ่ายให้ได้ ไม่ว่าจะต้องปกครองด้วยความหวาดกลัว หรือต้องใช้กำลังมากเพียงไหน เขาจะไม่มีวันเป็นแบบผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด และจะไม่ยอมให้กรรณะมาทำอะไรเขาทั้งสิ้น

หากพูดให้ถูกแล้วความจริงชุนเพียงแค่หวาดกลัว

กลัวในสิ่งที่อีกฝ่ายจะทำกับตน






ชุนเผลอหักดินสอแหลกคามือ เขาเงยหน้ามองนาฬิกา เวลาตีสอง เพิ่งทบทวนบทเรียนไปไม่ถึงครึ่ง เด็กหนุ่มหาวหวอดอย่างเหนื่อยล้า ระยะหลังมากนี้เหมือนจะมีเรื่องมากขึ้น ทั้งเรื่องของอำนาจและหัวใจ เหมือนศัตรูจะเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งทั้งที่เป็นเพียงหนูตะเภาที่สามารถถูกจับย่างได้ทุกเมื่อ

ขุนเขาคือคนที่อยู่เหนือการควบคุม และที่เหนือกว่านั้นคือเด็กชายที่ชื่อฟากฟ้า

ไอ้คนขี้แยคนนั้น..

ชุนขมวดคิ้วพลางนึกถึง

คนแบบนั้นมีอะไรดี มีอะไรให้ต้องน่าปกป้องกัน ?

นึกโมโหที่ขุนเขาไม่เคยคิดอยากร่วมกลุ่มเดียวกับตนเพื่อก้าวสู่อำนาจอันยิ่งใหญ่ ชุนรู้ดีว่าหากสองขั้วอำนาจได้จับมือรวมกันแล้วแม้แต่อาจารย์คงไม่กล้าต่อกร ความเป็นคนรู้จักไม่ช่วยเรื่องเส้นสายเท่าใดนัก อย่างน้อยขุนเขาก็เป็นตัวอย่าง มันจึงทำให้เขายิ่งรู้สึกฉุน ซ้ำฟากฟ้ายังคิดจะแย่งหญิงที่เขาหมายตาอีก จึงทำให้คานอำนาจของตนเริ่มสั่นคลอน

อยากทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดยั้งสองคนนั้น

ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ...

เขาจะโดนลูกพี่ลูกน้องหัวเราะเยาะและอาจถูกเป็นเป้าหมายต่อไป

"โธ่เว้ย.."


เด็กหนุ่มได้แต่กัดฟันกรอดโดยที่ตนทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย





เช้าวันเสาร์กอยล์ลาป่วย อันที่จริงคงชื่ออื่นแต่ชุนลืมไปแล้ว กอยล์เป็นลูกน้องที่มีสติปัญญามากที่สุดในบรรดาคนที่ติดสอยห้อยตาม จำไม่ได้แล้วว่าเอามาเป็นพวกได้ยังไง รู้ตัวอีกทีก็มียักษ์ขนาบข้างคอยคุ้มกันเสียแล้ว

ชุนกับกอยล์เรียนพิเศษด้วยกันวันเสาร์ แต่เพราะอีกฝ่ายลาป่วยชุนจึงต้องไปตัวคนเดียว

เด็กหนุ่มตื่นสายกว่าปกติ กว่าจะออกจากบ้านจวนได้เวลาเต็มที

ระหว่างทางออกจากบ้านเขาเจอกรรณะกำลังเดินควงแขนกับหญิงสาวหน้าตาน่ารัก ในใจเด็กหนุ่มคิดว่าคงเป็นรายต่อไปที่จะโดนเผาผม

เขาทำเป็นมองไม่เห็นสองคนนั้น

แต่..

"อ้าวชุน เพิ่งไปเรียนหรือ ?"

คำทักทายเหมือนพี่ชายทักน้องชายด้วยความสนิทสนมใจดี

แต่ชุนรู้ว่าภายใต้หน้ากากนั้นแฝงสิ่งใดอยู่

"อืม พี่ณะล่ะ"

"พี่มีเรียนบ่ายน่ะ เดี๋ยวแวะไปเอาของที่บ้านก่อน"

ดูจากความกรุ้มกริ่มของหญิงสาวคงไม่ใช่แค่เอาของกระมัง

ชุนยักไหล่แสร้งทำเป็นไม่สนใจ เพราะอันที่จริงเขานึกอยากวิ่งหนีเต็มแก่

เด็กหนุ่มพลิกนาฬิกาข้อมือแล้วบอกว่า

"ฉันไปก่อนละ สายแล้ว"

ชุนเดินผ่านเลยอีกฝ่ายไป ภาวนาในใจขอให้มันเสร็จสิ้นโดยเร็ว

แต่เหมือนกรรณะจะอ่านใจเขาออก

แขนข้างซ้ายถูกฉุดรั้งเอาไว้ เด็กหนุ่มหยุดกึก หันไปมองลูกพี่ลูกน้องด้วยความระแวง

"จะทำอะไร"

กรรณะไม่ตอบ เขายิ้มหวานอันอ่อนโยน

แต่ชุนกลับขนลุกซู่ไปทั้งตัว

เด็กหนุ่มนึกอยากก้าวถอยหลังแล้ววิ่งหนีหน้าตั้งให้ไกลจากตรงนี้ ไม่ก็ร้องขอความช่วยเหลือกับคนที่เดินผ่านมาผ่านไป ทว่าถนนซอยนี้มีเพียงแค่เด็กมัธยมสามคนเท่านั้น

ชุนหน้าซีด โดยที่เด็กสาวที่ยืนข้างกันมองด้วยความไม่เข้าใจ

ฟันกระทบกันกึกกึกอย่างยากจะระงับ

"ป..ปล่อย" เขาเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา

รอยยิ้มของกรรณะยิ่งดูน่าหวาดกลัวแม้คนภายนอกจะเห็นเป็นเพียงรอยยิ้มอันอบอุ่นของพี่ชาย

"อะ ขอโทษ"

กรรณะว่าพลางปล่อยมือ ชุนเก็บมือทั้งสองข้างของตนมาเก็บกุมไว้ที่อก

เกิดความเงียบรอบตัว สุดท้ายชุนจึงตัดสินใจก้าวออกจากตรงนั้น

"ป..ไปก่อนนะ"

เดินหน้าอย่างช้า ๆ สามก้าว ก่อนตั้งสติแล้วออกวิ่งสุดแรงเกิด

เสียงอื้ออึงของลมพัดดังข้างหู

ความกลัวพุ่งถึงขีดสุด

ความอารมณ์ดีของกรรณะวันนี้ จะเป็นตราบาปให้แก่เด็กสาวคนนั้นไปตลอดชีวิตเป็นแน่แท้

นึกเจ็บใจ นึกแค้นใจที่ตนไม่สามารถต่อกรใด ๆ ได้ ความมืดของคน ๆ นั้นมันดำดิ่งลึกจนเกินไป มองไม่เห็นแสงสว่างจากนัยน์ตาคู่นั้นเลยสักนิด

"อ๊ากกกกกกกกกกกกกก !!"

ชุนได้เพียงแต่กรีดร้องเสียงดังเพื่อขับไล่ความรู้สึกอันน่าแสนรังเกียจนั้นออกไป






รถสองแถวมาส่งถึงหน้าโรงเรียนกวดวิชา

แน่นอนว่าถูกคนรอบข้างมองด้วยสายตาสงสัย

ชุนเดินผ่านกระจกของโรงเรียนแล้วพลันตกใจ

หน้าตาซีดขนาดนี้ได้ยังไงกันเนี่ย ?

เด็กหนุ่มมองไปรอบตัว มีนักเรียนเพียงน้อยนิด คงเพราะเข้าห้องเรียนกันไปหมดแล้ว

ชุนค่อยเดินเข้าโรงเรียนพลางสูดลมหายใจเข้าลึกสองสามครั้ง พยายามปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ

โชคดีที่เขามาถึงก่อนเริ่มคาบ แต่ถึงอย่างนั้นกลับเข้าห้องเป็นคนสุดท้าย โต๊ะที่นั่งประจำว่างเปล่า เด็กหนุ่มกลอกสายตามองรอบห้อง ความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างกลับรวมไปจุกอยู่ที่ใครคนหนึ่ง

แว่นตาสุดเนิร์ด กับหน้าตาที่ดูเหรอหรา และเป้ผ้าขนาดใหญ่

ฟากฟ้า ..

ชุนมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกยากอธิบาย

ไม่ได้ดีใจ ไม่ได้เกลียดชัง ไม่มีความรู้สึกใดเป็นพิเศษ

แต่กลับรู้สึกว่าตัวตนของตัวเองกำลังกลับคืน

ชุนปั้นหน้าเรียบนิ่งเดินตรงไปหาฟากฟ้าที่ลอบมองมาทางตนเป็นระยะ แม้เป็นฝ่ายถูกแกล้งแท้ ๆ แต่กลับไม่เคยเอาเรื่องสักที ครอบครัวฟากฟ้าไม่ใช่คนธรรมดา เศรษฐีมีเงินล้นฟ้าขนาดนั้นสามารถจะเอาเรื่องกับตำรวจได้ด้วยเงินแต่กลับไม่ทำ ซ้ำยังอยากยืนหยัดสู้และเผชิญหน้ากับเขาด้วยวิธีการที่ถูกต้อง

ช่วงนี้แม้แต่ชุนยังคิดว่าฟากฟ้าดูเปลี่ยนไป ในทิศทางที่ดีมากขึ้น

เพราะขุนเขาสินะ ...

ชุนเมินที่นั่งประจำกลางห้อง เขาสาวเท้าไปหาเด็กขี้แยที่เคยถูกตนรังแก ยอมรับว่าเขาไม่ได้ตกปากรับคำขุนเขาว่าจะรามือจากหมอนี่เสียทีเดียว แต่เพราะสองคนนั้นอยู่ด้วยกันจนเขาทำอะไรไม่ได้

หน้าตาของฟากฟ้าดูเหรอหราอย่างเห็นได้ชัด ถ้ากรรณะบอกว่าเขาคือหนังสือที่อ่านง่าย แล้วอย่างฟากฟ้านี่คืออะไร ? พวกป้ายโฆษณาที่รู้เจตนาบนสิ่งพิมพ์อย่างนั้นเรอะ ?

รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเกร็ง ยิ่งฟากฟ้ามีปฏิกริยาต่อเขามากเท่าใดชุนยิ่งรู้สึกได้รับการเติมเต็ม

ว่าเขายังอยู่ตรงนี้ มีชีวิตอยู่ตรงนี้

ชุนทำทุกอย่างเป็นปกติไม่แม้แต่หันไปมองด้วยซ้ำ เขายังคงนั่งเรียนแบบที่ผ่านมา และรู้เพิ่มอีกอย่างหนึ่งว่านั่งหน้าห้องก็ไม่เลว

จู่ ๆ เด็กหนุ่มพลันเอ่ยถาม

"วางแผนจะทำอะไรกับขุนมันอีกล่ะ"

บอกตามตรงว่าตอนถามไม่ได้คิดอะไร สองคนนี้จะไปไหนมันไม่ใช่เรื่องของตน

ฟากฟ้าพลันสะดุ้งเมื่อถูกตั้งคำถาม หน้าตาดูอึ้งไปเล็กน้อย สายตากลมโตนั่นหันมามองด้วยความเหรอหรา

"ว่าไงล่ะ" ชุนถามย้ำ

ไม่ใช่กงการอะไรของตนแท้ ๆ แต่กลับอยากรู้เพราะปฏิกริยาคนตรงหน้า

ฟากฟ้าหลุบตาลงต่ำ สีหน้ากำลังลำบากใจ เหมือนว่าเขากำลังล้วงความลับสำคัญ

"เอ่อ.. เปล่า ไม่ได้วางแผนอะไร"

ชุนยักไหล่ให้กับคำตอบนั้นในขณะยังจดเล็กเชอร์บนกระดาน สายตาจับจ้องไปเบื้องหน้า

"ม...มีอะไรหรือเปล่า"

"ใครอนุญาตให้นายตั้งคำถามกับฉัน ?"

ชุนถามกลับทันทีโดยอัตโนมัติ แน่นอนว่าฟากฟ้าตัวหดลีบเหลือสองเซ็นต์

เหมือนหนูตัวเล็ก ๆ ที่กำลังสงสัยในตัวราชสีห์ ชุนลอบมองทุกอย่างนี้พลางคิดในใจอย่างเงียบ ๆ

หากเป็นตัวฟากฟ้าคงรู้สึกอึดอัดจนอยากจะเดินหนี

แต่กับชุนตอนนี้เขากลับรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ความหวาดกลัวต่อลูกพี่ลูกน้องพลันหายไป เหลือเพียงแค่ความนึกสนุกที่ได้เห็นอากัปกริยาของคนนั่งข้าง ๆ

ชุนไม่รู้เลยว่าความรู้สึกนี้คืออะไร รู้แค่เพียงว่าอยากมีตัวตนกับคน ๆ นี้ต่อไปเท่านั้น

"ขอโทษ.."

และกลายเป็นผู้ปกครองที่แท้จริงอย่างสมบูรณ์



TO BE CONTINUED.......

ออฟไลน์ nin@

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ยังอ่านไม่ถึงตอนก่อนหน้าเลย แต่แอบเห็นตอนใหม่เลยแวะเข้ามาขอบคุณก่อน  :pig4: จะรีบอ่านให้ทันนะคะ ^^

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เริ่มเห็นใจชุนขึ้นมาละ เด็กที่ต้องผจญกับสงคราม(กองโจร)ประสาทคนเดียวคงหาทางออกให้ตัวเองได้ยาก แถมยังมีความกดดันจากทางบ้านเป็นทุนอีกต่างหาก ถ้าชุนมีเพื่อนดี ๆ สักคนคงดีไม่น้อย

ทำไมรู้สึกเหมือนขุนเขาจะมีคู่แข่งนะ ฮา (ขุนเขา: คู่แข่งอะไรเหรอ// ทำหน้างงสงสัย)

ออฟไลน์ nin@

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ยิ่งอ่านยิ่งระแวงกรรณะ กลัวฟากฟ้าจะหลงเข้าไปในวงโคจรของคนอันตรายอย่างนั้นจัง ขนาดชุนยังกลัวซะขนาดนั้น  จนต้องหาทางออก มากลั่นแกล้งฟากฟ้าที่อ่อนแอกว่า ถึงฟากฟ้าจะมีขุนเขาอยู่ข้างๆ แต่ด้วยวัยและอิทธิพลของครอบครัวกรรณะ ที่ดูเหมือนจะส่งเสริมลูกชายด้วย  ขุนเขาจะปกป้องฟากฟ้าได้หรือเปล่า ดังนั้น...กรรณะไปไกลๆเถอะ ชิ้วๆ~~~ :mew5: แค่ชุน ฟากฟ้าก็รับมือแทบไม่ไหวแล้ว

ออฟไลน์ hinago

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ daadaadaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านแล้วก็หวังว่ากรรณะจะไม่ต้องมายุ่งมาเจอกับฟากฟ้าและขุนเขา
ส่วนชุน ไอ้อาการแบบนี้เรียนอาการเริ่มต้นของความรักจ้ะ
แต่เสียใจฟากฟ้าเป็นของขุนเขานาจา
 :katai5:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เรื่องสนุกและละมุนมากๆ ครับ
คนจิตใจดำมืดที่เก่งฉลาดเส้นสายดีอย่างกรรณะนี่คงต้องให้สามคนนี้รวมพลังกันต่อกรถึงจะสยบลงได้
จะเป็นอย่างงั้นไหมหนอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชุน อยู่กับฟากฟ้าแล้ว รู้สึกดี ?
แล้วความรู้สึกดีๆ จะทำให้แปรเปลี่ยนเป็นชอบหรือเปล่า
จะพาให้กรรณะ พัวพันมาถึงฟากฟ้า ? :katai1:
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
ชุนนี่ก็น่าสงสารนะ อยากอ่านต่อแล้ว

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ทำไมมีความคิดว่าชุนจะกลายเป็นของเล่นของกรรณะ  :katai4: :katai1: เง้ออออ น้องฟ้าสุดฮ๊อตต  :hao7:

ออฟไลน์ Misakiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชุนแลดูมีความเคะ 555555

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ mamedaz-s

  • Master Luck F
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
คาบที่ 8 - รอยยิ้ม

 

ถ้าอยากจะผ่านด่านนี้ได้ เขาต้องลองใส่คอนแทคเลนส์ 

ฟากฟ้านั่งอยู่บนฝาชักโครกด้วยอารมณ์ขุ่นมัว วันนี้ไปเที่ยวมาสนุกก็จริง แต่กลับมาถึงบ้านเขาแทบไม่เอ่ยปากคุยกับใคร ความลำบากใจกำลังพุ่งถึงขีดสุด ของในมือคือกล่องคอนแทคเลนส์ที่เขาไม่กล้าบอกขุนเขาว่าใส่ไม่เป็น และรู้สึกกังวลมากเป็นพิเศษ

เด็กชายหันไปมองกระจกเงา ตรงสันจมูกเป็นรอยแว่น สภาพไม่ชินตา เขาชอบเวลาใส่แว่นมากกว่าอย่างน้อยแว่นตาก็ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองถูกหลบอยู่หลังเลนส์ ซึ่งเป็นความคิดของคนขี้ขลาดระดับสูง

เด็กชายถอนหายใจออกมาเสียงเบา

พยายามถ่างตาก็แล้ว แม้กระทั่งยื่นนิ้วที่มีคอนแทคเลนส์เข้าไปใกล้ยังต้องหลับตาหลบ 

จะทำยังไงล่ะทีนี้ ? 

ฟากฟ้านึกหาหนทางไม่ออก มองไปรอบห้องน้ำก็ไม่มีตัวช่วยเลยสักอย่าง

สุดท้ายจึงวางมันไว้อย่างนั้นด้วยความคิดที่ว่าพรุ่งนี้ค่อยมาพยายามใหม่ 

 
แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น 

เมื่อวันถัดมาเขาถูกขุนเขาทักด้วยสีหน้าดุดัน

"ทำไมยังใส่แว่นอยู่ ?" 

น้ำเสียงที่แตกหนุ่มยามเมื่อกดมันลงกลับทุ้มต่ำจนน่ากลัว

ฟากฟ้าสะดุ้งโหยงก่อนหลุบตาลงต่ำ

"ล..ลืมน่ะ"

โกหกคำโต

ทว่ามันไม่หลุดรอดสายตาของขุนเขาไปได้เลย

"ลืมจริง ๆ น่ะเหรอ ?" 

สายตาของขุนเขาเวลานี้ช่างคมกริบ เขาจ้องมองฟากฟ้าแทบทะลุไปด้านหลัง ส่วนเด็กชายได้แต่เลิ่กลั่กหันไปมองซ้ายมองขวาทีอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร 

ไม่อยากบอก เพราะไม่อยากรบกวนไปมากกว่านี้

คนขี้ขลาดแบบเขามันน่าสมเพชที่สุด

ขุนเขาที่เห็นอากัปกริยาฟากฟ้าพลันสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก คงไม่ต่างจากที่คิดไว้เท่าใดนัก เพราะอีกฝ่ายไม่ใช่คนขี้ลืม แล้วก็ไม่ใช่คนปฏิเสธคำพูดของคนอื่นด้วยการหน้ามึนไม่ยอมทำตามด้วย

ต้องมีอะไรสักอย่าง

ระหว่างเพ่งพิจารณาอาจารย์ประจำชั้นเริ่มโฮมรูมห้องพอดี ทำให้เด็กหนุ่มจำต้องละสายตาจากเพื่อนหันไปสนใจหน้าชั้นแทน

อาจารย์สอดส่ายตาไปรอบห้อง เธอเป็นทั้งครูสังคมและประจำชั้นพวกเขา แถมสนิทกับอาจารย์แนะแนวอีก เลยทำให้ค่อนข้างเข้มงวดกับนักเรียนในห้องเรื่องการเรียนต่อ 

แน่นอนว่าเช้านี้คงไม่ต่างกัน

"อาทิตย์หน้าโรงเรียนสาธิตมหาลัยประจำจังหวัดจะเข้ามาแนะแนว ครูไม่อยากให้พวกเธอโดด" สายตาของเธอพุ่งตรงมายังขุนเขาอย่างไม่เกรงใจ

เด็กหนุ่มพ่นลมอย่างหงุดหงิด น่าจะรู้ว่าช่วงนี้เขาทำตัวเป็นเด็กดีจะตาย 

อย่างว่า คนมีประวัติมันย่อมไม่มีทางดีได้ภายในสองสามวัน

เพื่อนทั้งชั้นพอเห็นสายตาอาจารย์ก็พลันหันมาสนใจที่เขาโดยไม่ได้นัดหมาย

ยกเว้นชุนที่นั่งกลอกตาไปมาอย่างเซ็ง ๆ 

ขุนเขาขมวดคิ้วจ้องมองอาจารย์กลับอย่างเปิดเผย 

"มีอะไรหรือเปล่านายขุนเขา" อาจารย์ถามเสียงเย็น 

ความกดดันค่อยกระจายไปทั่วห้อง ฟากฟ้าพยายามเรียกสติให้ขุนเขากลับมาเหมือนเดิม ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย ในสายตาคนอื่นขุนเขาไม่ใช่เด็กที่ดีนัก เผลอ ๆ ดูก้าวร้าวด้วยซ้ำ การที่อยู่กับฟากฟ้าจึงต้องบอกว่าเป็นเรื่องแปลกมาก บางทีฟากฟ้าอาจถูกมองว่าเป็นเบ้ หรือลูกน้องไปแล้วก็ได้ 

ภาพลักษณ์ติดตามมาตลอดสองปีกว่ามันยากที่จะลบ

"เปล่าครับ แค่สงสัยว่าเมื่อไหร่อาจารย์จะพูดต่อน่ะ" เด็กหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง อย่างไร้อารมณ์ 

แต่อาจารย์กลับต่อความยาวสาวความยืด

"เพราะครูต้องการเน้นย้ำเรื่องการโดดเรียน การแนะแนวเรียนต่อนั้นสำคัญมาก ต่อให้เป็นเธอก็ตาม" 

"ก็จริงครับ แต่ไม่ได้หมายความว่านักเรียนม.สามของที่นี่จะอยากเข้าสาธิตกันหมดนี่ครับ พวกอยากเรียนสายอาชีพก็มี หรือพวกที่อยากไปเรียนที่อื่นก็มี ผมว่าการแนะแนวควรเป็นเรื่องความสมัครใจของคนเรียนไม่ดีกว่าหรือครับ ยังไงแล้วคนที่เรียนคือพวกผมไม่ใช่อาจารย์"

ประโยคที่ยาวเหยียดยกเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ นั้นไม่ได้ทำให้อาจารย์สะทกสะท้านแม้แต่น้อย แต่ความก้าวร้าวต่อครูบาอาจารย์ในสายตาเพื่อนกลับทำให้ตัวขุนเขาดูแย่ลง

เธอแสยะยิ้มแล้วบอกว่า

"เหมือนเธอจะเข้าใจอะไรผิดไปเยอะเลยนะขุนเขา" อาจารย์ว่า "การแนะแนวจากโรงเรียนสาธิตไม่ได้มีแค่การแนะนำสถานที่เรียนให้เท่านั้นหรอกนะ อันที่จริงโรงเรียนสาธิตจะไม่มาแนะแนวก็มีคนอยากสอบเข้าเยอะแยะอยู่แล้วถูกไหม แต่ที่ไม่อยากให้พวกเธอพลาดเพราะมันเป็นการแนะแนวจากโรงเรียนมัธยมปลายที่มุ่งเน้นการเรียนต่อเข้ามหาวิทยาลัย นี่แหละที่ครูอยากให้พวกเธอได้เรียนรู้แล้วลองเอาไปเปรียบเทียบกับโรงเรียนอื่นที่พวกเธอจะเข้า การรู้ตัวเลือกเพิ่มมาสักหนึ่งตัวเลือกมันจะทำให้ชีวิตของเธอมีโอกาสหลากหลายขึ้น ไม่คิดแบบนั้นบ้างหรือ ?"

คำพูดของเด็กหนุ่มหมดความหมายทันทีเมื่อเจอประโยคที่ยาวกว่า 

แต่ขุนเขากลับบอกว่า

"แล้วเราจะเสียเวลาไปกับตัวเลือกที่ไม่ใช่ทำไมล่ะครับ ในเมื่อเรามองเห็นอนาคตของตัวเองแล้ว"

"แล้วเธอเห็นอนาคตของตัวเองหรือยังล่ะขุนเขา ? "

คำถามนั้นกลับแทงใจดำเด็กหนุ่มเข้าเต็ม ๆ ขุนเขาพลันสะอึกเล็กน้อย เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วห้อง

โจทย์ไม่ได้ยาก แต่คาดว่าทุกคนคงอยากรู้เส้นทางที่เขาอยากเดิน

เด็กเกแบบนี้จะมีตัวเลือกสักกี่ตัวเลือกกัน

ขุนเขาเงียบ ไม่ตอบโต้อะไร เขาเหลือบไปเห็นฟากฟ้าที่อยู่ห่างออกไปด้วยสายตาว่างเปล่า

ฟากฟ้าตอบเขาด้วยการทำท่ารูดซิบปิดปากไม่ให้พูดต่อ สีหน้าจริงจัง จริงจังจน.....

ใช่ มันตลกมาก

จนอดไม่ได้ที่จะ ... 

"พรืดดดดดด" ขำออกมา

ท่ามกลางความตึงเครียดถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะของขุนเขาซะอย่างนั้น 

ฟากฟ้าทำหน้าเหวอเล็กน้อยเมื่อเห็นปฏิกริยาจากอีกฝ่าย ทั้งที่พยายามบอกให้หยุดเถียงอาจารย์กลับกลายเป็นว่าเป็นเรื่องน่าขันไปซะนี่ 

อาจารย์หน้าเสียเล็กน้อยก่อนจะยิ้มแหยถามว่า

"มันน่าตลกตรงไหน"

ขุนเขาโบกไม้โบกมือเป็นเชิงปฏิเสธแล้วตอบว่า

"เปล่าเลยครับ มันไม่เกี่ยวกับอาจารย์เลย ใช่ครับ ผมจะมองเห็นอนาคตของตัวเองหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวกับอาจารย์เลยไม่ใช่หรือครับ" 

สิ้นเสียงกลายเป็นว่าขุนเขาเปิดศึกสงครามประสาทกับอาจารย์เต็มรูปแบบไปเสียแล้ว

ครั้นพออาจารย์จะเปิดปากให้เหตุผลต่อ มือของใครคนหนึ่งพลันชูหราขึ้น

แขนนั้นถูกยืดสุดตัวจากโต๊ะกลางห้อง คนที่ไม่มีใครคิดว่าจะออกตัวในสถานการณ์เช่นนี้

ชุนทำสีหน้าเบื่อหน่ายสุด ๆ 

เขาเอ่ยด้วยเสียงยานคาง

"หมดเวลาโฮมรูมแล้วคร้าบบบบ" 

ศึกศิษย์อาจารย์จึงจบลงแค่นั้น อาจารย์ประจำชั้นฮึดฮัดเดินจากห้องไป คงค้างคาใจที่กำราบนักเรียนลงไม่ได้อย่างที่ใจนึก 

ขุนเขาจ้องมองชุนจากด้านหลังด้วยความสงสัย ไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แถมสีหน้าแบบนั้นดูไม่เต็มใจสุด ๆ อีกด้วย จะบอกว่าทำด้วยความตั้งใจของตัวเองนั้นคงใช่ แต่ถ้าบอกว่าไม่มีเจตนาอะไรแอบแฝงนั้นดูเหลือเชื่อไปสักหน่อย

ทว่าชุนกลับไม่หันมามองทางเขาเลยสักนิด ซ้ำยังเตรียมตัวเรียนคาบต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ฟากฟ้าเลิกมองเขาไปแล้ว เจ้าตัวสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อระงับอารมณ์ ดูจะวิตกกังวลมากกว่าคนที่มีเรื่องอย่างเขา 

สุดท้ายจึงเลิกคิด หากว่าชุนตั้งใจช่วยจริง พวกที่หยิ่งในศักดิ์ศรีแบบนั้นคงไม่อยากได้คำขอบคุณ หรือไม่คงเป็นเรื่องบังเอิญเพราะหมดเวลาโฮมรูมแล้ว แต่คนอย่างชุนไม่ใช่คนตั้งใจเรียนถึงขนาดต้องขัดอาจารย์เวลาที่เขาตกที่นั่งลำบาก งานของชุนคือต้องการให้เขาเป็นตัวประหลาดที่สุดในสายตาทุกคนไม่ใช่หรือ ? 
 
               
เพราะชั่วโมงโฮมรูมเกิดเรื่องแบบนั้น เลยทำให้ฟากฟ้าแทบสติแตกทันทีเมื่อถึงเวลาพัก เด็กชายรีบตรงไปหาเพื่อนด้วยสีหน้าถมึงทึง แต่มันไม่ดูน่ากลัวสักนิด ตรงกันข้าม มันดูเหมือนสัตว์เล็ก ๆ ที่กำลังพยายามโมโห

“โอเค ถ้าจะบ่นค่อยหลังเลิกเรียน”

ขุนเขารีบว่าตัดบทแล้วลุกขึ้นหมายเดินหนี 

แต่ฟากฟ้ากลับดึงแขนเสื้อเอาไว้

“ไม่ได้” 

“เฮ้...”

คิดอยากจะเถียง แต่พอหันไปพบกับสีหน้าที่แปรเปลี่ยนขุนเขาถึงกับพูดไม่ออก

ริมฝีปากเบะเหมือนจะร้องไห้ ดวงตาแดงรื้นนิดหน่อย เหมือนเจ้าตัวพยายามกลั้นเอาไว้เต็มที่ ฟากฟ้ายกแขกที่ว่างปาดน้ำตาออกแล้วบอกด้วยเสียงสั่นว่า

“อ..อาจารย์คนนี้ชอบกดคะแนนคนที่ชอบต่อต้านแกนี่นา ผมกลัวว่าขุนจะโดนกดจนทำให้เรียนไม่จบเอาน่ะสิ ป..เป็นห่วงแทบแย่”

แค่เห็นสีหน้าก็แทบทำอะไรไม่ถูกแล้ว ยิ่งประโยคที่พูดออกมานั้นยิ่งทำให้ขัดใจไม่ได้ใหญ่

คำว่าเป็นห่วงนั้นน่ะ

มาจากใจจริงเลยไม่ใช่หรือไง

ขุนเขาหันไปมองรอบห้องสังเกตคนรอบข้าง โชคดีที่ไม่มีใครสนใจ ทุกคนล้วนแต่หันไปคุยกับเพื่อนฝูง การที่พวกเขาอยู่ด้วยกันกลายเป็นเรื่องชินตาแล้ว

...ซะที่ไหนล่ะ 

สายตาของเด็กหนุ่มไปสบตากับคนที่อยู่กลางห้อง 

แววตาภายใต้เลนส์ใสนั้นดูว่างเปล่า แต่กลับสะกดให้ขุนเขานิ่งงัน 

ชุนมองมาทางพวกเขาชนิดที่จ้องตาไม่กระพริบ 

รอบข้างชุนคือลูกน้องที่นั่งกินขนม หยอกล้อตามประสาเด็กมัธยมต้น มีเพียงชุนที่ดูแปลกแยกกว่าคนอื่น ราวกับว่าเรื่องไร้สาระพวกนี้ไม่จำเป็น เหมือนเป็นกุนซือประจำกลุ่มที่มักคิดอะไรไม่รู้ตลอดเวลา บางทีท่ามกลางความโหวกเหวกโวยวายของเหล่ากอริล่า จ่าฝูงอย่างชุนก็นั่งอ่านหนังสือเข้าใจยากซะอย่างนั้น 

หากให้เทียบอันดับเรื่องการเรียน ชุนกับฟากฟ้าคู่คี่กันมาตลอด แต่ความเนิร์ดของฟากฟ้ามีมากกว่าหลายเท่า แน่นอนว่าความขี้แยไม่ต้องพูดถึง แต่เพราะชุนอยู่ท่ามกลางพวกใช้แรงงานมากกว่าสมองเลยทำให้ความเนิร์ดของชุนติดลบ

ขุนเขาจัดระเบียบความคิดของตัวเองไม่ทัน เมื่อถูกจ้องมองแบบนี้เขาไม่รู้จะทำอย่างไร

จึงจ้องกลับไปเป็นเชิงถาม

แต่ชุนกลับแสร้งมองไปทางอื่นราวกับไม่เคยมองมาทางพวกเขาอยู่เลย 

ยังไงกันแน่ ? 

จะให้เดินเข้าไปถามคงดูหาเรื่องไปหน่อย เด็กหนุ่มจึงได้แต่นั่งขมวดคิ้วอย่างหาคำตอบ

วินาทีนั้นเองที่ชุนขยับปากมาหนึ่งคำแบบไร้เสียง 

ริมฝีปากห่อขึ้นเป็นรูปวงรี และพ่นลมก่อนเม้มริมฝีปากห่อเป็นรูปวงรีอีกครั้ง 

จับใจความได้ว่า

โฮโม

สิ่งที่ชุนเคยกล่าวหาว่าเขาเป็น สิ่งที่เคยสงสัย สิ่งที่เขาเคยปฏิเสธ

ขุนเขารู้สึกจุกอยู่ในลำคอ ไม่รู้จะตอบโต้เช่นไร ได้แต่มองชุนที่หันไปคุยกับลูกน้องคนสนิทราวกับเสแสร้ง 

เด็กหนุ่มหันไปมองฟากฟ้าที่พยายามระงับอารมณ์ของตัวเองด้วยการสูดลมหายใจเข้าลึก ฮึบ ฮึบ อยู่อย่างนั้น 

ขุนเขาจับมือของฟากฟ้าออกจากเสื้อของตน และหาทางเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อน

“คอนแทคเลนส์น่ะ ใส่ไม่เป็นใช่ไหม”

ดวงตาของเด็กชายเบิกกว้างเล็กน้อย สีหน้าเหรอหราประหนึ่งว่าเขาเป็นพวกเอสเปอร์อ่านใจ ทั้งที่คนอย่างฟากฟ้าเดาได้ไม่กี่อย่าง 

ขุนเขามองอีกฝ่ายให้ชัดเต็มสองตา เพื่อขจัดความกังวลที่อยู่ข้างในค่อยก่อตัวทีละน้อย

สายตาของชุนมีความกดดันมากกว่าที่คิด 

และที่พูดไม่ออกกว่านั้นคือความคิดที่ว่าตนไม่ควรถลำลึกลงไป 

เพราะตนคือติวเตอร์ผู้ช่วยเหลือ ..

จะมารู้สึกอะไรกับลูกศิษย์ไม่ได้

มันคือจรรยาบรรณไม่ใช่หรือไง

ระหว่างที่คิดสะระตะพันกันยุ่งเหยิงวุ่นวาย ทุกอย่างทุกพังครืนด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่แตกดีของฟากฟ้า

“..ขอโทษนะ”

เขาสิที่ต้องขอโทษ 

ขุนเขาก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ ความไม่บริสุทธิ์ใจก่อตัวเป็นรูปร่าง ยิ่งนึกถึงสายตาของชุนความรู้สึกมันชักเริ่มเด่นชัด 

“ไม่เป็นไร ไว้เย็นนี้ฉันจะช่วยนายอีกแรง”

เหมือนอาศัยความดีใจของอีกฝ่ายเพื่อเติมเต็ม ฟากฟ้าเผยรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้า ดีที่แว่นตากรอบดำทรงสี่เหลี่ยมบดบังความน่ารักนั้นไว้ ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงต้องกลายเป็นคนประหลาดหนักกว่านี้

อัตราการเต้นของหัวใจที่สูบฉีดหนักกว่าปกติ 

ขุนเขาเบือนหน้าหนีอย่างไม่ยอมรับมัน 

 






หลังเลิกเรียนพิเศษขุนเขามารับฟากฟ้ากลับ บ้านของฟากฟ้าเป็นบ้านเดี่ยวในหมู่บ้านจัดสรร ดูจากการตกแต่งแล้วราคาคงไม่ต่ำกว่าสิบล้าน ขุนเขารู้สึกแปลกเล็กน้อยเมื่อต้องกระเตงมอเตอร์ไซค์ธรรมดาเข้าไปในขณะที่ยานพาหนะเข้าออกมีแต่รถยนต์ราคาแพงทั้งนั้น 

ยามในป้อมหน้าหมู่บ้านเอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี

“วันนี้มีเพื่อนมาเที่ยวด้วยเหรอเรา”

ฟากฟ้ายิ้มและตอบรับอย่างแข็งขัน

“ครับ”

อย่างที่บอกว่าฟากฟ้าไม่ได้มีปัญหาเรื่องปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ออกจะเป็นเด็กปกติด้วยซ้ำ แต่เพราะในโรงเรียนชุนบีบให้เด็กชายต้องการเป็นคนไร้เพื่อน เมื่อเห็นว่าฟากฟ้าเป็นเป้าหมายในการกลั่นแกล้งของชุนจึงไม่มีใครอยากเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะไม่อยากโดนลูกหลง

เป็นครั้งแรกที่ฟากฟ้าจะมีเพื่อนมาเที่ยวที่บ้าน ตื่นเต้นมากเลยบอกให้พี่เลี้ยงที่ออกมาเปิดประตูบ้านให้เตรียมขนมนมเนยต้อนรับขับสู้แขกของตัวเอง 

เด็กชายหันมายิ้มให้กับแขกของตนจนแทบลืมจุดประสงค์เดิม

จนโดนขุนเขาทักท้วง

“ตอนใส่คอนแทคเลนส์ยิ้มให้ได้แบบนี้แล้วกัน”

ทำยังไงดี 

เขาไม่อยากเห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้าอีกต่อไปแล้ว




TO BE CONTINUED........


ปล.เหมือนเป็นตอนสั้นไปเลยนะฮะ ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อารมณ์ ความคิดนี้ห่างไกลคำว่า ม.ต้นมากเลยทั้งขุนและชุน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด