『ห ลั ก สู ต ร เ ร่ ง .. 'รั ก'』~♪ คาบที่ 12 – ไม่เข้าใจ ~♪『25-08-16』
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 『ห ลั ก สู ต ร เ ร่ ง .. 'รั ก'』~♪ คาบที่ 12 – ไม่เข้าใจ ~♪『25-08-16』  (อ่าน 17068 ครั้ง)

ออฟไลน์ cinnsin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คราวนี้ขุนเขาคงหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ 555555  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


ฮื่อ เพิ่งเปิดมาเจอเรื่องนี้ และเพิ่งรู้ว่าเป็นเจ้าของเดียวกันกับ B L A C K M A I L
นั่นเลยทำให้เข้าใจได้ว่า ทำไมในความใส ๆ ของวัยมอต้น จึงมีพี่กรรณะโผล่มาแจมจนอดเป็นห่วงเด็ก ๆ ทั้งสามล่วงหน้าไม่ได้
 
แต่ถึงเรื่องนี้จะดำเนินต่อไปในทิศทางใด เราก็พร้อมจะรออ่านต่อไปอย่างไม่หวาดหวั่นค่ะ!!
(เท่าที่คาดการณ์ล่วงหน้า มองเห็นปมดราม่าที่เอามาเล่นได้เยอะมาก แต่ได้โปรด... อย่าทำให้น้องฟ้าชอกช้ำใจมากเกินไปนะคะ เพราะน้องน่ารักจนอยากให้น้องได้ดิบได้ดี ไม่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป - ช้อนตามองอ้อนวอนคนเขียน)

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^  :กอด1:




ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ตามกลิ่นคนข้างบนมา

พลาด! พลาดอย่างแรง!

แล้วนี่ต้องรออีกนานเท่าไรจะได้อ่าน
เมื่อไรจะไดรู้ว่า ขุนตะลึงตึ่งตึ๋งแค่ไหน

โอย....พลาด!


ออฟไลน์ mamedaz-s

  • Master Luck F
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
คาบที่ 11 – แปลงร่าง


“เสร็จแล้วค่ะ”

พี่เลี้ยงเอ่ยพลางยิ้มหวาน

ฟากฟ้าตื่นเร็วกว่าปกติเพราะต้องเตรียมการอันใหญ่หลวงในเช้าวันเสาร์ เมื่อก่อนคงเป็นวันเรียนพิเศษธรรมดา ไม่มีอะไรน่าจดจำ สิ่งที่ใส่ใจควรเป็นเนื้อหามากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก

ทว่าวันนี้เด็กชายกลับเปลี่ยนไปคนละคน

อันที่จริงไม่ได้ตั้งใจว่าจะให้พี่เลี้ยงมาช่วยเซ็ตผม แต่พอเมื่อวานเขากลับมาบ้านพร้อมถุงใส่เสื้อผ้าพะรุงพะรังและแม่ดันมาเห็นเข้าจึงถูกซักถามใหญ่โต ไม่ใช่เป็นเรื่องการใช้เงินแต่กลับถูกแซวเรื่องอื่นมากกว่า

“มีความรักแล้วเหรอเรา”

มารดาถามพลางยิ้มแย้มกึ่งล้อ เพราะแม่เป็นคนอารมณ์ดี สบาย ๆ เลยทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายเสมอเมื่ออยู่ด้วย

ฟากฟ้าหน้าแดงก่ำส่ายหน้าปฏิเสธ

แต่สุดท้ายโกหกไม่ไหวจึงยอมบอกแต่โดยดี

“ป..เป็นคนที่อยู่ห้องเดียวกันน่ะฮะ”

“สวยหรือเปล่าจ๊ะ”

“น..น่ารักครับ”

เมื่อนึกถึงใบหน้าของเธอคนนั้นฟากฟ้าพลันเขินเอาดื้อ ๆ เขาหลบสายตามารดาเกรงว่าเธอจะรู้ ทว่ากลับดูออกง่ายเสียเหลือเกิน

พอเห็นแบบนั้นไม่รู้ว่าเพราะอะไรแม่ถึงกระโจนเข้าร่วมการแปลงโฉมครั้งนี้

“ทำผมเพิ่มสักหน่อยดีกว่าจ๊ะ”

“เอ่อ...” เดี๋ยวผิดกฏโรงเรียน

ทว่าเด็กชายกลับคัดค้านไม่ทันเมื่อแม่บอกให้พี่เลี้ยงโทรนัดช่างทำผม

ปรากฏว่าเย็นวันนั้นทั้งแม่และพี่เลี้ยงต่างนึกสนุกกับการวางแผนให้เขาในเช้าวันเสาร์

และผลที่ออกมาเล่นทำเขาอ้าปากค้าง

ทรงผมเด็กชายถือว่าสั้นแต่ยาวพอที่จะเซตได้เป็นทรงดูดี ยิ่งเมื่อวานเล็มนิดเล็มหน่อยทำให้มันเข้ารูปกว่าตัดเองมากนัก (ปกติแม่เป็นคนตัดให้ตลอด) ส่วนเสื้อผ้าวันนี้เป็นชุดแบบกางเกงยีนส์ขายาวทรงตรง เสื้อแขนยาวผ้าฝ้ายสีเข้มสวมทับเสื้อเชิ้ตสีอ่อน ให้ความรู้สึกเหมือนนักเรียนต่างประเทศ ดูเรียบร้อยแต่เก๋ไก๋

ทันทีที่ส่องกระจกเด็กชายถึงกับอ้าปากค้าง

นี่ใครกัน ?

ใช่เขาแน่หรือ ?

คอนแทคเลนส์วันนี้ใช้สีเทารับกับผิวที่ขาวเนียน

เหมือนไม่ใช่ตัวเขาเลย

พี่เลี้ยงหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเด็กชาย เธอเปิดประตูห้องเรียกนายหญิง

“ลูกแม่หล่อที่สุดเลยจ๊ะ”

ฟากฟ้าก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย ไม่รู้ว่าจะตอบรับมารดาอย่างไรดี จึงยอมปล่อยให้เธอยืนชมอยู่อย่างนั้นจนตัวลอยติดเพดาน

วันนี้ขุนเขาบอกว่าจะมารับหลังเลิกเรียนเพื่อรู้ผล ในใจเด็กชายอยากชวนให้ขุนเขามาเรียนพิเศษด้วยกัน แต่ดูท่าทางเจ้าตัวจะเกลียดการเรียนเอามาก ๆ ทุกวันนี้เข้าเรียนทุกคาบได้ก็ดีเท่าไหร่ บอกตามตรงว่ารู้สึกเป็นห่วงอนาคตอีกฝ่ายนิด  ๆ

ฟากฟ้าใช้โทรศัพท์บ้านโทรหาขุนเขา ปรากฎว่าอีกฝ่ายปิดเครื่อง

เด็กชายทวนเบอร์ที่จดในสมุดให้แน่ใจว่าไม่ได้กดผิด

พอกดโทรออกอีกครั้งมันยังเหมือนเดิม

หรือว่ายังไม่ตื่น ?

เด็กชายขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเดินลงจากบ้านด้วยความแคลงใจ แต่เขาต้องหยุดความสงสัยลงเพียงแค่นั้นเมื่อมารดาเรียกทานข้าวก่อนไปโรงเรียนกวดวิชา




และพอมาถึงโรงเรียนฟากฟ้าทำใจอยู่ในรถร่วมสิบนาที

เดิมทีเด็กชายไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ครั้นพอออกห่างจากผู้สนับสนุนจึงเกิดคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าทำแบบนี้ดีแล้วหรือ จะกลายเป็นตัวประหลาดหรือเปล่าที่วันดีคืนดีก็ลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัวเจ้าสำอาง จะถูกแกล้งหนักกว่าเดิมหรือเปล่า หรือจะโดนพวกชุนหัวเราะเยาะอีก

ความกังวลใจค่อยแผ่ขยายกลายเป็นความหวาดหวั่น จนกระทั่งคนขับรถเอ่ยทักเตือนสติ

“คุณฟ้า ? ถึงแล้วนะครับ”

เป็นคนงานของพ่อที่โรงงาน ค่อนข้างได้รับความไว้วางใจให้เข้าออกบ้านใหญ่เมื่อเวลาต้องการใช้สอย ข้อดีของคนที่นี่คือความซื่อสัตย์และเป็นมิตร จึงทำให้ฟากฟ้าค่อยผ่อนคลายกับสิ่งนั้น

อุตส่าห์มาถึงขนาดนี้แล้วถ้าไม่ยอมก้าวออกจากรถเผชิญหน้าคงต้องถูกขุนเขาดุเป็นแน่

ไม่สิ ขุนเขาคงผิดหวังมากกว่า

ทั้งที่อีกฝ่ายพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เขาได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่เขากลับขี้ขลาดกลัวผลลัพธ์ในอนาคตโดยที่ยังไม่ลงมือแบบนี้ ขุนเขาอาจจะเลิกเป็นเพื่อนเลยก็ได้

ฟากฟ้าสูดลมหายใจเข้าลึกพลางนึกหน้าติวเตอร์ส่วนตัว

นึกอยากให้อีกฝ่ายมาอยู่ตรงนี้แล้วบอกเขาว่ามันต้องไม่เป็นไร

แต่... แบบนี้อาจจะดีกว่าก็ได้

เด็กชายจึงตัดสินใจเปิดประตูลงจากรถ เพราะความกล้าหาญมาไม่มากนักจึงยังไม่สามารถเงยหน้าสบตาใคร เขาทำทุกอย่างรวดเร็ว ปิดประตู เดินจ้ำอ้าวเข้าโรงเรียนกวดวิชา โดยไม่แม้แต่จะสนใจเสียงที่พูดคุยดังขึ้นรถตัวเองแม้แต่น้อย

และทันทีที่ถึงห้องเรียน ราวกับทุกอย่างถูกหยุดเวลาลงกะทันหัน

เพื่อนทุกคนนั่งจับกลุ่มกันตามที่ประจำ เป็นภาพเดิม ๆ ซ้ำ ตั้งแต่ลงเรียนมา ฟากฟ้าก้าวเข้าห้องด้วยความไม่มั่นใจ มือกำสายเป้ของตัวเองไว้มั่น ปกติเขามักมาด้วยเป้ของโรงเรียนใหญ่ แต่วันนี้แม่กลับยื่นเป้สะพายข้างสีครีมเข้มยี่ห้อหนึ่งมาให้ใช้แทนโดยบอกว่ามันเข้ากับเสื้อผ้ามากกว่า

ทุกย่าวก้าว เสียงคุยกันยิ่งเงียบลง

จนกระทั่งทั้งห้องได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศ

ขาของเด็กชายเริ่มหนักอึ้งราวกับตะกั่ว เขากวาดสายตามองรอบอย่างขลาด ๆ

หัวใจเต้นระรัวเป็นกลองเมื่อพบว่าสายตาของทุกคนนั้นมาหยุดอยู่ที่เขาเพียงจุดเดียว

ประหลาดจริง ๆ ด้วย ฟากฟ้าเริ่มสิ้นหวัง ความคิดด้านลบพวยพุ่งออกมาไม่หยุดหย่อน

ทันใดนั้นที่เขาสบตากับชุนเข้า

สีหน้าของชุนช่างน่ากลัว มันเรียบนิ่งราวกับไร้ความรู้สึก เหมือนรูปปั้น ความสงบแผ่ปกคลุมไปทั่วร่างกาย ดวงตาหรี่มองมาเล็กน้อยราวกับจับผิดอะไรบางอย่าง ริมฝีปากขมุบขมิบเหมือนคุยกับใครที่มองไม่เห็น ฟากฟ้ารู้สึกหวาดกลัวกับปฏิกริยานี้ของชุนอย่างบอกไม่ถูก

ต้องโดนอะไรอีกแน่เลย เด็กชายคิด

ไม่แม้แต่จะตรวจสอบปฏิกริยาของเธอคนนั้น ความกล้าที่พกมาจากรถหายไปจนหมดหลอด กลับมาเป็นฟากฟ้าคนเดิม ที่เพิ่มเติมคือความระแวง รู้สึกว่าคนทั้งโลกกำลังจับตามอง

อยากหายตัวไปเสียเดี๋ยวนั้น

“เอ่อ ...”

เสียงหวานเล็กของใครคนหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง เสียงของคนที่เขายังไม่อยากเจอมากที่สุด

เธอคนนั้น

เด็กชายสะดุ้งโหยงหันไปมองต้นเสียงอย่างช้า ๆ เหงื่อกาฬผุดเต็มหลัง ใบหน้าเหรอหราทำตัวไม่ถูกทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิด สัมผัสถึงความน่ารักของอีกฝ่าย

วันนี้เด็กหญิงมาด้วยชุดวันพีซสีชมพูอ่อน รองเท้าผ้าใบสีขาวลายดอกไม้น่ารัก เป้ขนาดกะทัดรัดดูสมเป็นผู้หญิง ผมของเธอยาวประบ่าสีดำขลับ ริมฝีปากอมชมพู แก้มนวลใสราวกับไข่มุก

เมื่อเธอเห็นเขาแววตาของเธอพลันเปลี่ยน รอยยิ้มบนใบหน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อย สีหน้าฉายแววประหลาดใจอย่างไม่มีปิดบัง

ตอนนี้ความมั่นใจของฟากฟ้าเหือดแห้งราวกับทะเลทราย เขาไม่กล้าสบตาเธอเลยสักนิด

“ข..ขอโทษครับ”

ไม่รู้ว่าตนผิดอะไร แต่ยังขยับหนีห่างจากเธอแต่โดยดี ทว่าเธอคนนั้นยังยืนนิ่งไม่ไปไหน

เกิดความเงียบอันน่าอึดอัด แม้จะรู้ดีว่ายืนต่อไปคงไม่ได้อะไรขึ้นมา แต่ฟากฟ้ายังคงยืนอยู่อย่างนั้น หัวสมองขาวโพลน แม้กระทั่งมาทำอะไรเขายังลืมไปแล้ว

จะทำยังไงต่อไปดี

“ฟากฟ้า ..เหรอ?”

กลับกลายเป็นว่าเด็กหญิงเอ่ยถามด้วยประโยคที่แสนจะชวนอึ้ง เด็กชายเผลอขมวดคิ้วเล็กน้อย

“อ...เอ่อ...ใช่ครับ”

ฉับพลันนั้นพวงแก้มของเด็กหญิงพลันเปล่งเป็นสีแดงระเรื่อ เรียวปากยิ้มกว้างกว่าก่อนหน้านี้เป็นเท่าตัว

เด็กชายไม่รู้ความคิดของอีกฝ่ายเลยสักนิด หรือว่าเธอกำลังจะหัวเราะเยาะ ?

แต่ทว่าเธอคนนั้นกลับยื่นมือมาจับมือเขาเอาไว้แล้วบอกว่า

“ตกใจหมดเลย ! ฉันแทบจำเธอไม่ได้เลยแน่ะ ! ไปทำอะไรมาเหรอ ดูสิ ไม่เหมือนฟากฟ้าคนเดิมเลยนะ ! แบบนี้ต้องเนื้อหอมแน่ ๆ เลย !”

คำถามนั้นทำให้ฟากฟ้าพลันหยุดชะงัก

ความคิดด้านลบหยุดนิ่ง เขาจ้องมองอากัปกริยาของเด็กหญิงที่อยู่ตรงหน้า

รอยยิ้มที่มีให้เขาเพียงคนเดียว และเธอกำลังพูดคุยกับเขาเหมือนคนอื่นทั่วไป

สถานการณ์แบบนี้มันยังไงกัน ทำไมเขาถึงหัวใจพองโตอย่างบอกไม่ถูก

ฟากฟ้าอดที่จะเก็บซ่อนความดีใจนั้นไม่ได้ เขาเผลออมยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย ไม่ได้ดูแย่หรอกเหรอเนี่ย เธอคนนั้นยอมรับการเปลี่ยนแปลงของเขาแล้วหรือ ซ้ำยังพูดด้วย ยิ้มให้ด้วยอีกต่างหาก

และที่สำคัญ ...

ไออุ่นจากฝ่ามือของเธอยิ่งทำให้หัวใจของเด็กชายเต้นรัวหนักกว่าก่อนหน้านี้ ไม่ได้เต้นเพราะความหวาดวิตก แต่เป็นความดีใจ ตื่นเต้น ตื้นตัน หลายอย่างผสมปนเป

แต่ห้วงเวลาดังกล่าวอยู่ได้ไม่นาน เมื่อ ..

มือของทั้งคู่ถูกกระชากออกจากกันอย่างแรง ร่างใครคนหนึ่งผ่านหน้าไปโดยไม่สนใจว่ามีคนยืนอยู่ เด็กทั้งคู่อุทานมาพร้อมกันพลางหันไปมองต้นเหตุ

ร่างของชุนหันมามองอย่างไม่สบอารมณ์ ตอนนี้ใบหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัวกว่าเมื่อกี้อย่างมาก

มากจนฟากฟ้าเผลอก้าวถอยหลังก้าวหนึ่ง

“อ้าว โทษที มองไม่เห็น”

น้ำเสียงเรียบนิ่งจนเย็นชา ฟากฟ้าอดขนลุกไม่ได้

ไอสังหารระรานฟากฟ้าจนนึกอยากอาเจียน สายตาของชุนมองมาที่เขาและเธอสลับกัน ก่อนจะก้มมองมือที่ถูกจับให้แยกออกจากกันโดยอีกฝ่ายแล้วพ่นลมหายใจทางจมูกอย่างดูแคลน

“ชุน !” เธอคนนั้นร้อง “เดินตัดหน้าคนกำลังคุยกันมันเสียมารยาทนะ”

“ก็บอกแล้วไงว่ามองไม่เห็น” ชุนสวนอย่างไม่สะทกสะท้าน

ตามความเข้าใจเดิมของฟากฟ้าที่ขุนเขาเคยบอกว่าชุนนั้นกำลังหมายปองเธอคนนั้นอยู่ และเมื่อเห็นเธอกำลังคุยกับเขาแล้วการที่ชุนจงใจขัดขวางนั้นเท่ากับว่า..

กำลังไม่พอใจที่เขากำลังแตะต้องคนที่ชุนเล็งไว้อยู่นั่นเอง

ลืมไปเสียสนิท คิดจะจีบเธอคนนั้นแล้วมันเท่ากับว่าเขาต้องเป็นศัตรูกับชุนอย่างเปิดเผยอีกด้วย

เพราะใคร ๆ ก็รู้กัน และสำหรับฟากฟ้าเองยังมองว่าเธอก็เหมาะกับชุนไม่น้อย

ทั้ง ๆ ที่คิดแบบนั้นแล้วแท้ ๆ

แต่...

ฟากฟ้าตัดสินใจก้าวขึ้นมาข้างหน้าบังร่างของเธอให้ออกห่างจากชุนแล้วเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายเสียเอง

ยอมรับว่าการกระทำครั้งนี้ค่อนไปทางบ้าบิ่น แต่เขาไม่มีทางเลือก จะให้ผู้หญิงออกตัวปกป้องแทนตนเองได้อย่างไร อย่างน้อยเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชาย ต่อให้เป็นสิ่งที่หวาดกลัวหรือไม่กล้าต่อกรก็ตาม

ชุนหรี่ตามองฟากฟ้าอีกครั้งพลางจ้องมองตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ยิ่งมอง ชุนยิ่งดูไม่สบอารมณ์มากเท่านั้น

“ไง เจ้ากบที่คิดอยากเป็นเจ้าชายโดยหารู้ไม่ว่ากบก็เป็นได้แค่กบที่น่ารังเกียจและอัปลักษณ์”

คำพูดนั้นบาดลึกจนฉีกความดีใจจนหมดสิ้น ยอมรับว่าชุนเป็นคนที่สามารถทำลายความเชื่อมั่นของคนอื่นได้อย่างง่ายดาย ภายใต้ร่างกายเด็กมัธยมต้นนั้นมีบ่อเกิดอำนาจ ความน่าเกรงขาม และน้ำเสียงที่อันเด็ดขาดที่สามารถสร้างความปั่นป่วนให้แก่ผู้ฟังได้ มันได้ผลมาก เมื่อใช้กับฟากฟ้า

เด็กชายตัวสั่นเล็กน้อย เคยโดนชุนว่ามาเยอะแล้วก็จริง แต่ครั้งนี้กลับเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกแย่กว่าครั้งไหน

เธอคนนั้นยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ข้างหลัง แน่นอนว่าทั้งห้องยังคงเฝ้าดูเหตุการณ์นี้อย่างใกล้ชิด

ฟากฟ้าไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด นึกคำพูดไม่ออก ได้แต่คิดยืนปกป้องอยู่อย่างนั้น

หากจะต่อว่า ว่าเพียงเขาคนเดียว อย่าดึงเธอเข้ามาเอี่ยว

เพราะเป็นความผิดของเขาเองที่คิดแตะเนื้อของราชสีห์ โดยไม่สำเนียกจุดยืนของตัวเองสักนิดเลยน่ะหรือ ?

มันไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องเลย ! ตราบใดที่ทั้งสองยังไม่ตกลงคบกันในระหว่างนั้นเขาเองก็ยังมีสิทธิ์ เหมือนที่ขุนเขาเคยพร่ำบอกเสมอว่า ใครดีใครได้ ถ้าหากการที่เขาชอบเธอคนนั้นเป็นเรื่องไม่คู่ควร เขาก็จะเป็นคนที่คู่ควรกับเธอคนนั้นเอง

ไม่มีอะไรต้องให้รู้สึกผิด เขาทำในสิ่งที่สามารถทำได้

เพราะชอบยังไงล่ะ

แล้วชุนล่ะ อยากได้เธอคนนั้นไปทำไม  ?

 คาดว่าชุนคงเดาความคิดของตนออก แต่จะด้วยอะไรบางอย่างที่ทำให้ชุนไม่ยอมตอบคำถามนั้น ทั้งคู่ได้แต่ยืนมองหน้ากันโดยไม่พูดจา

จนกระทั่งอาจารย์ผู้สอนเปิดประตูเข้าห้อง เมื่อเห็นบรรยากาศกระอั่กกระอ่วนจึงไล่ทุกคนนั่งที่และเริ่มสอนโดยไม่ไต่สวนอะไรสักคำ

ฟากฟ้าถูกดึงไปนั่งกับเธอ

ส่วนชุนก็ทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุนับตั้งแต่ตอนนั้น



****************************



วันนี้ขุนเขาตื่นสาย

เพราะเมื่อคืนน้องชายคนเล็กของบ้านมาชวนเล่นเกมที่เพิ่งซื้อมาใหม่ เล่นไปสักพักชักติดลม พี่ชายคนโตมาเห็นเลยร่วมแจมด้วยก่อนจะไล่น้องคนสุดท้องไปนอน จนสุดท้ายกว่าจะเลิกเล่นเข็มนาฬิกาก็ชี้ไปที่เลขสี่ของอีกวัน

ฟากฟ้าเลิกเรียนเที่ยงก็จริงแต่เขาน่าจะโทรไปให้กำลังใจอีกฝ่ายก่อนออกจากบ้านสักหน่อย แต่ปรากฏว่ากว่าจะรู้สึกตัวแดดก็ส่องก้น แถมยังปาไปสิบเอ็ดโมงแล้วอีกด้วย

เด็กหนุ่มกระวีกระวาดลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว โดนบิดาก่นด่าเพราะนอนกินบ้านกินเมือง เด็กหนุ่มฟังหูซ้ายทะลุหูขวาลงจากบ้านก่อนคว้ากุญแจควบมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านไปทิ้งไว้เพียงฝุ่นตลบ

หน้าโรงเรียนกวดวิชาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สถานที่สำหรับเด็กนักเรียนเรียนดี เงินหนา หวังเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ซึ่งไม่ว่างมองมุมไหนก็ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะกับเขาสักนิด

เหมือนเป็นอีกสังคมหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป จินตนาการไม่ถึง

อีกประมาณสิบนาทีจะเที่ยงตรง ใจจริงก็ตื่นเต้นอยากเห็นลุคใหม่ของฟากฟ้าอยู่ไม่น้อย

ทั้งที่อยากเห็นแบบนั้น ในใจกลับรู้สึกเหงาอย่างประหลาด เพราะอะไรขุนเขาก็ตอบไม่ได้

เด็กหนุ่มนั่งมองทิวทัศน์รอบตัวอย่างเรื่อยเปื่อยสลับกับดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือเป็นระยะ

เที่ยงตรง

....เที่ยงห้านาที

........เที่ยงสิบห้านาที

นักเรียนที่มีเรียนแค่ช่วงเช้าเริ่มทยอยกันออกมา ขุนเขาพบแม้กระทั่งชุน แต่กลับไม่มีวี่แววของฟากฟ้าเดินออกมาสักนิด

เด็กหนุ่มเริ่มขมวดคิ้วพลางชะเง้อมองหา

จนกระทั่งเที่ยงยี่สิบนาทีเขาได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง

และ..ฟากฟ้าที่อยู่ท่ามกลางของพวกผู้หญิงกลุ่มนั้น

เป็นภาพเกิดความคาดหมาย ขุนเขายืนมองด้วยความนิ่งอึ้ง รูปลักษณ์ของฟากฟ้าแบบใหม่นั่นน่าตะลึงพอทน แต่ผลของมันอะไรจะรวดเร็วปานนั้น

แต่จากความตื่นตะลึงกลายเป็นความน่าขัน เมื่ออากัปกริยาของฟากฟ้าไม่ต่างจากที่ขุนเขาคิดไว้นัก

ใบหน้าดูเหรอหรา ยิ้มแห้ง ๆ หน้าตาเขินอายตลอดเวลา พูดได้แค่ไม่กี่คำ

ต่อให้ภายนอกดูดีแค่ไหน แต่ฟากฟ้าก็ยังคงเป็นฟากฟ้าอยู่วันยังค่ำสินะ คนที่เขาเคยรู้จัก เด็กขี้ขลาด ขี้แย และแอบหัวดื้อในบางเวลา

ขุนเขามองอีกฝ่ายอย่างเพลิดเพลิน

จนกระทั่งกลุ่มนั้นเข้ามาถึง ครั้นพอจะเอ่ยส่งเสียงทักกลับมีใครเรียกฟากฟ้าตัดหน้าเสียก่อน

“ฟ้า ! หลังจากนี้พวกเราจะไปเดินเล่นกันน่ะ ไปกันไหม”

เธอคนนั้น คนที่เป็นที่รักของเจ้าของชื่อ

ลืมสังเกตไปได้อย่างไร

ฟากฟ้าทำท่าอึกอักอย่างเห็นได้ชัด จับความลังเลบนสีหน้าได้อย่างไม่ยาก ขุนเขาจ้องมองสีหน้านั้นด้วยความนิ่งสงบ ไม่สิ ต้องบอกว่าอารมณ์ขันเมื่อสักครู่พลันหายไปพร้อมกับคำถามดังกล่าว

“ว่าไง”

เด็กหญิงถามย้ำ รอบข้างต่างเชียร์ให้ตอบตกลง

แม้จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่กี่วินาที แต่ขุนเขากลับไม่อยากเห็นความลังเลนั้นอีกต่อไปแล้ว

เด็กหนุ่มจึงตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายดังลั่น

ฟากฟ้าสะดุ้งเล็กน้อย เงยหน้ามองต้นเสียงแล้วพลันแสดงสีหน้าตกใจ

ขุนเขากำหมัดแน่น อะไรกัน ทำหน้าแบบนั้น

ฟากฟ้าหันไปปฏิเสธเธออย่างเกรงใจ ก่อนจะขอปลีกตัวออกมาหาขุนเขา เด็กหนุ่มยื่นหมวกกันน็อคประจำตัวอีกฝ่ายอย่างไร้เสียง ไม่มีคำพูดทักทายหรือถามไถ่กันสักคำ จากนั้นจึงสตาร์ทรถตั้งท่าจะออกตัว

เด็กชายรีบซ้อนท้ายไม่ทัน และเมื่อผิวสัมผัสเบาะขุนเขาพลันบิดคันเร่งออกจากจุดนั้นอย่างรวดเร็วจนร่างของฟากฟ้าแทบหงายหลัง

ชุนในวันนี้ที่ว่าน่ากลัวแล้ว

ขุนเขาเวลานี้เองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่

ฟากฟ้ารู้สึกเช่นนั้น




TO BE CONTINUED…………..


ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
อะไรกันนน นี่ขุนเขาหวงฟากฟ้าหรือเปล่าา

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอ๊ะ.... เอ๊ะ..... ตกลงหลักสูตรเร่ง....'รัก'
สำเร็จไป 100% ฮ่า ฮ่า ฮ่า
30% คือผู้หญิงคนนั้นหันมาสนใจฟ้า
70% ขุนก็สนใจฟ้า ถึงขั้นหึงหวงฟ้าเลย
นั่นคือขุน ชอบฟ้าไปแล้ว :mew1: :mew1: :mew1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ nin@

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
 :-[ ฟากฟ้าถอดรูปแล้ว ขุนเขาจะทำยังไงดี เกิดอารมณ์หวง อยากเก็บไว้เป็นคนของตัวเองคนเดียวล่ะสิทีนี้ 555+

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ทำน้องฟ้าเบาๆหน่อยสิ พวกนี้นิ น้องยิ่งบอบบางน่ารักอยู่ น้องฟ้าต้องอัพเลเวลข่มบ้างนะลูก555

ออฟไลน์ mamedaz-s

  • Master Luck F
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
คาบที่ 12 – ไม่เข้าใจ


ขุนเขาพาฟากฟ้ามาถึงที่บ้านโดยสวัสดิภาพก็จริง แต่ความอึดอัดที่ปกคลุมนี่ทำยังไงก็ไม่หาย

เด็กชายลงจากมอเตอร์ไซค์อย่างช้า ๆ ถอดหมวกกันน็อคมองเพื่อนของตนที่มีสีหน้าแน่นิ่งไร้อารมณ์ แม้กระทั่งสายตายังไม่ปรายมาทางนี้ด้วยซ้ำ

“ขุน..”

“ฉันกลับละ” เด็กหนุ่มตัดบทพร้อมดึงหมวกกันน็อคจากมืออีกฝ่ายมาเก็บไว้ตระกร้ารถด้านหน้า

ฟากฟ้ารีบจับแขนขุนเขาเอาไว้

ร่างนั้นหยุดชะงัก ก่อนจะหันมามองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

“อะไรอีก”

น้ำเสียงนั้นดูเย็นชา ห่างเหิน ราวกับวันแรกที่ได้รู้จักกัน ขุนเขาคนที่ฟากฟ้าไม่เคยรู้จัก ไม่สิ คนที่ฟากฟ้ายังไม่เคยรู้จัก คนที่เคยพบกันตอนชั้นมัธยมหนึ่ง ขุนเขาที่เปล่งไปด้วยออร่าไม่น่าชวนให้เข้าใกล้

ฟากฟ้าข่มใจไม่ให้แสดงความอ่อนไหวต่อท่าทางดังกล่าว

“จ..จะไปไหน”

“กลับบ้านน่ะสิ หมดธุระแล้ว”

คำตอบนั้นเล่นทำเอาเด็กชายใจแป้ว ขุนเขาจะเร่งเครื่องอีกครั้งแต่ฟากฟ้าไม่ยอมปล่อย

“ขุนเป็นอะไร โกรธอะไรเรา”

“เปล่านี่” เจ้าตัวรีบตอบ

เป็นความจริงที่ไม่ได้โกรธ แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกประหลาด บอกไม่ได้ว่าทำไมถึงอารมณ์คุกรุ่น ไม่อยากมองหน้าอีกฝ่ายในเวลานี้เลย

ยิ่งนึกย้อนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ด้วยแล้ว

“อ..อย่างนั้นมาพักกินน้ำกินขนมบ้านเราก่อนไหม แล้วค่อยไป”

“มีธุระน่ะ โทษที”

ขุนเขาเตรียมเร่งเครื่องออกไปอีกครั้ง ฟากฟ้ายอมปล่อยมือออกอย่างง่ายดาย

แต่ทว่า...

“ฮึก....”

เสียงสะอื้นดังขึ้น

เพราะอีกฝ่ายคือฟากฟ้า

ขุนเขาเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำจากคนตรงหน้า รูปปากบิดเบี้ยว น้ำตาใสไหลลงอาบแก้ม

เหมือนมีอะไรบางอย่างดึงสติให้กลับคืน

เกือบลืมไปเสียสนิท

เมื่อเห็นว่าขุนเขายอมดับเครื่องลงจากมอเตอร์ไซค์แล้วฟากฟ้าพลันหยุดสะอื้น มือขวาปาดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ ในใจรู้สึกผิดที่ไม่สามารถอดกลั้นต่อความรู้สึกไว้ได้

เพราะว่ากลัว และถ้าหากปล่อยให้ขุนเขาไปเสียตอนนี้เรื่องระหว่างเขาจะกลายเป็นเรื่องโกหก

ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น

ผิด ทั้งที่ไม่รู้ว่าผิดอะไร แต่ถ้าหากทำให้อีกฝ่ายเลือกที่จะไม่ทอดทิ้งตนหรือกลับมาเป็นคนเดิมได้นั้นก็ยอมรับผิดทุกข้อหา

“ขุน..”

“แค่ไปนั่งกินขนมก็พอใช่ไหม” ขุนเขาว่า

แม้สีหน้ายังคงนิ่ง แต่สามารถทำให้ใจชื้นขึ้นได้ 

“อื้อ !”

เด็กชายพยักหน้ารัวก่อนจะดึงแขนอีกฝ่ายเข้าบ้านด้วยความกระตือรือล้น




บ้านของฟากฟ้าไม่ได้แตกต่างไปจากวันก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว เจ้าของบ้านเดินจูงแขนออกนำหน้า ตัวเล็กแค่นี้ ฝ่ามือบางแค่นั้น มันไม่ยากเลยหากขุนเขาจะสะบัดมืออีกฝ่ายแล้วเดินกลับบ้านโดยไม่สนใจ และรู้ว่าถ้าทำแบบนั้นจริงฟากฟ้าก็คงไม่ยื้อเขาไว้อีกแล้วด้วย

ยอมเดินตามแต่โดยดี

อารมณ์คุกรุ่นค่อยมอดลงช้า ๆ ตั้งแต่ที่ได้เห็นใบหน้าที่เปรอะไปด้วยน้ำตานั้น แม้จะไม่อยากมองคนตรงหน้าแค่ไหนแต่พอเห็นน้ำตากลับปฏิเสธไม่ลง พร้อมกันนั้นยังนึกสบถกับความงี่เง่าของตัวเองที่ไม่รู้จักควบคุมความรู้สึก

ไม่สิ เขาไม่ได้ควบคุม เพราะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

ความรู้สึกผิดพลันก่อขึ้นอย่างช้า ๆ แต่คำขอโทษกลับจุกตรงคอ ไม่กล้าเอ่ยออกไป

ทำไมกันละ

เมื่อถึงประตูบ้านพี่เลี้ยงดูเหมือนจะตกใจกับสภาพของเด็กทั้งคู่เล็กน้อย มันแน่อยู่แล้ว ไม่ว่ามองมุมไหนพวกเขาก็เหมือนทะเลาะกันมา ยิ่งอีกฝ่ายหลงเหลือรอยน้ำตากับใบหน้าของเขาที่บึ้งตึง มันพอที่จะเป็นหลักฐานมัดตัวจนพูดไม่ออกแล้ว

ฟากฟ้าบอกพี่เลี้ยงว่าเดี๋ยวจะพาผมขึ้นไปบนห้อง ฝากจัดการของว่าง เธอได้แต่พยักหน้ารับคำและหันหลังจากไปโดยไม่ถามอะไรสักคำ

พวกเขาขึ้นมาบนห้องนอนใต้หลังคาของฟากฟ้าอย่างเงียบเชียบ

ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา มันกระอักกระอ่วนมากเกินไป

เมื่อประตูห้องปิดลง พวกเขาทั้งคู่กลับยืนนิ่งไม่ไหวติง

มือฟากฟ้าที่จูงแขนขุนเขาไว้แอบสั่นเล็กน้อย เด็กหนุ่มก้มมองดูสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นบนผิวหนัง ค่อยปรายสายตาขึ้นมาจนกระทั่งซีกใบหน้าที่ยังคงแดงก่ำเพราะแรงสะอื้น

ขุนเขาจับมืออีกฝ่ายไว้

“ขอโทษที่ฉันแสดงท่าที่ไม่ดีต่อนาย”

เป็นสิ่งที่เขาควรทำตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าความรู้สึกของอีกฝ่ายกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ เขาไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น

อุตส่าห์เป็นเพื่อนกันแล้ว เพื่อนกัน ย่อมต้องปรับความเข้าใจกันไม่ให้เป็นเรื่องใหญ่

เพราะเป็นเพื่อนจำเป็นต้องรักษาน้ำใจของอีกฝ่าย

ขุนเขาจึงสรุปสิ่งที่อยู่ในใจของตนออกไป

“ฉันเห็นว่านายลังเลตอนที่พวกผู้หญิงชวนไปเที่ยวต่อทั้ง ๆ ที่มีนัดกับฉัน เลยพาลคิดไม่ดีไปว่านายจะยอมเบี้ยวนัดเพื่อให้ได้ไปกับคนที่นายชอบ แล้วฉันเองก็ไม่มีความอดทนพอที่จะเห็นนายทำแบบนั้น ฉันคงมองนายผิดไป ไม่สิ ฉันกลัวมันจะเกิดขึ้นจริงต่างหาก”

คำพูดพรั่งพรูออกมาอย่างสำนึกผิด

ถึงว่าแม้จะไม่ใช่สิ่งที่ตกตะกอนออกมาทั้งหมดก็ตาม

ฟากฟ้าหันหน้ามามองเด็กหนุ่มอย่างช้า ๆ ด้วยสีหน้าอธิบายยาก

ก่อนพ่นลมหายใจอย่างฮึดฮัด

“ขุนเขา !”

“ครับ”

“ชื่อล่ะ !”

ขุนเขาร้อง หา  ในใจ

เด็กชายปล่อยมือออกแล้วหันมาเผชิญหน้า กลายเป็นว่าโดนโมโหคืนซะอย่างนั้น

“ชื่อไงชื่อ บอกแล้วนี่ว่าผมไม่ได้ชื่อนายสักหน่อย”

“เรื่องนั้นหรอกเรอะ”

ฟากฟ้าพยักหน้าหงึกหงักอย่างหนักแน่น บรรยากาศชวนตึงเครียดเมื่อกี้หายไปในพริบตา

อะไรกันนั่น..

ขี้โกงนี่นา

แต่ขุนเขากลับยอมแก้ตัวอย่างง่ายดาย

“ฟ้า...”

“ดีมาก” เด็กชายพลัยยิ้มออกมา

ท่าทางจะดีใจมากเลยทีเดียว

เกิดความเงียบเกือบหนึ่งนาที ครั้นพอขุนเขาจะเอ่ยอะไรออกมาอีกครั้งแต่กลับถูกฟากฟ้าชิงพูดเสียก่อน

เด็กชายยิ้มแป้นราวกับที่ร้องไห้เมื่อสักครู่เป็นเรื่องโกหก ในวินาทีนั้นเองที่ขุนเขาเพิ่งสังเกตความเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่ายเต็มตาเป็นครั้งแรก

ฟากฟ้าดูดีมากเลยทีเดียว ในสายตาของเด็กหนุ่มอีกฝ่ายดูน่ารักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งอยู่ในสภาพนี้ยิ่งทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีสาว ๆ รุมล้อมได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

ความจริงควรเป็นคนเนื้อหอมด้วยซ้ำ แต่เจ้าตัวไม่เคยคิดถึงรูปลักษณ์ของตน

“แล้วผลเป็นยังไงบ้างล่ะ”

ลองถามทั้งที่เห็นคำตอบอยู่แล้ว

“ต้องขอบคุณขุนมากเลยนะที่ทำให้ผมได้คุยกับคนที่ชอบ ดูเหมือนจะสำเร็จด้วยดีล่ะ ถึงแม้ว่า.. พวกชุนจะดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ก็เถอะ”

การรายงานนั้นทำให้ขุนเขารู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างตนกับอีกฝ่ายเริ่มกลับคืนมา

ฟากฟ้าไม่เอ่ยตำหนิเขาแม้แต่นิดเดียว

แต่ก็ไม่เอ่ยแก้ตัวด้วยเช่นกัน

สิ่งที่ไม่กระจ่างนั้นเด็กหนุ่มเลือกที่จะมองข้าม เพราะยังไงแล้ว นั่นคือคนที่ฟากฟ้าชอบ หากจะลังเล คงเป็นเรื่องธรรมดาของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์แอบรัก

“...ดังนั้นแล้ว ขุนเขา”

“ครับ”

เผลอรับคำอีกแล้ว

“ช่วยเป็นติวเตอร์ให้ผมอีกต่อไปได้ไหม”

สิ้นเสียงสายตานั้นช่างแปลกประหลาด เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังดูดเขาไปสู้ห้วงลึก

ขุนเขากะพริบตาปริบ ๆ จ้องมองอีกฝ่าย

ว่าอะไรนะ ?

“ก...ก็นี่เป็นชั่วโมงทดลองอยู่ไม่ใช่เหรอ ? แล้วก็ครบสามชั่วโมงแล้วด้วย ถ้าผม..เอ่อ... จะให้ขุนติวให้ต่อ ขุนจะว่าอะไรไหม”

เด็กชายเกาแก้มด้วยความเขินอาย ดูเหมือนเรื่องในวันนี้จะสร้างความมั่นใจให้อีกฝ่ายพอสมควรเลยทีเดียว ถึงได้กล้าเอ่ยขออะไรเช่นนี้

ทว่าคำขอนั้นสำหรับขุนเขากลับเป็นเรื่องแปลกประหลาด

อะไรบางอย่างในใจก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ

มันช่างดำมืดและพัดโหมรุนแรงเหมือนพายุ

แต่ในเมื่ออีกฝ่ายขอร้องมา และเขาคิดว่ามันคือสิ่งที่ควรเป็น จึงได้แต่พยักหน้าแล้วยิ้มแกนตอบว่า

“ได้สิ แต่ค่าตัวของฉันแพงนะ”

“เท่าไหร่เหรอ”

ขุนเขาต้องรีบร้องปรามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มควานหาบัตรเครดิตประจำตัว

“หยุดใช้เงินซื้อทุกอย่างเดี๋ยวนี้เลยนะ !”

คำพูดนั้นทำให้อีกฝ่ายชะงักก็จริง แต่กลับเลิกคิ้วสูงพร้อมคำถามมาด้วยเสียนี่

“ก็ขุนบอกว่าค่าตัวแพงนี่นา”

“มันคำเปรียบเปรยต่างหาก ฉันไม่ได้คิดอยากเอาเงินนายจริง ๆ สักหน่อย”

“แต่.. ผมต้องมีอะไรตอบแทนให้ขุนบ้างนะ”

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะน่า เพื่อนช่วยเพื่อนไม่จำเป็นต้องมีของตอบแทนหรอก อย่าดูถูกมิตรภาพนักสิ”

ทว่าเด็กดื้อกลับทำหน้าไม่เห็นด้วยเล็กน้อย

ขุนเขาถอนหายใจ เอาเถอะ แต่ละบ้านคงถูกสอนมาไม่เหมือนกัน เขาจะเป็นธุระช่วยบอกทีละนิดเอาก็ได้ บอกไปทีเดียวอีกฝ่ายคงไม่เข้าใจ

จึงบอกด้วยคำพูดสวยหรู

“ฟังนะ ของในโลกนี้ยังมีบางอย่างที่ซื้อด้วยเงินไม่ได้”

“จริงเหรอ” ดวงตาประกายแวววาว

สมเป็นพวกคนรวยที่เอะอะใช้เงินเสียจริง

ขุนเขาพยักหน้า

“จริงสิ ของสิ่งนั้นก็คือ .....”

ทว่าประโยคนั้นกลับถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตูจากพี่เลี้ยงที่มาพร้อมของว่างและน้ำผลไม้

ท้องของขุนเขาร้องทันทีเพราะตั้งแต่ตื่นมายังไม่มีอะไรตกถึงท้อง นี่ก็บ่ายโมงกว่าแล้วหากอดอยากไปมากกว่านี้คงได้เป็นโรคกระเพาะแน่ ๆ

ฟากฟ้าอมยิ้มให้กับเสียงโครกครากนั่นโดยเอียงคอถามให้เขากินข้าวเลยดีกว่าไหมด้วยเจตนาบริสุทธิ์

สิ่งที่อยู่ก้นบึ้งภายในใจได้ถูกหลงลืมเสียสนิท

ขุนเขาสัมผัสได้ถึงฉากบาง ๆ ขวางกั้นระหว่างพวกเขาขึ้นมาแล้วหนึ่งชั้น



***************************************




ชุนกลับมาถึงบ้านด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว

เขาทำลายข้าวของตลอดทางเดินอย่างเกรี้ยวกราด จนคนใช้ในบ้านต่างพากันผวาถ้วนหน้า

สองมือกำหมัดแน่นอย่างไม่สบอารมณ์

เล็บจิกจนเข้าเนื้อ แต่เขากลับไม่สนใจ

มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันในวันนี้ มันน่าโมโหจนปรอทความอดทนใกล้ทะลุ

โธ่เว้ย ! โธ่เว้ย ! โธ่เว้ย ! !

กล้าดียังไงถึงเปลี่ยนตัวเองตามใจชอบแบบนั้น ! กล้าดียังไงถึงทำแบบนั้นโดยไม่ขออนุญาตเขาก่อน !

“อ๊า! ! ! ! ! ! !”

เด็กชายกระแทกเท้าขึ้นบนบ้านจนร่างกายสะเทือน เปิดประตูห้องนอนห้องดังปัง เขวี้ยงกระเป๋าเรียนลงบนพื้น

ทันใดนั้นพลันได้ยินเสียงหัวเราะดัง

“คิก... หงุดหงิดน่าดูเลยนะเรา”

เสียงนี้ไม่ต้องบอกว่าของใคร จากใบหน้าที่โกรธจนแดงก่ำกลับกลายชะงักงัน ดวงตาเบิกกว้างสุดขีด ขนทั้งตัวลุกซู่ ทั้งร่างนิ่งแข็งค้าง ชุนค่อยช้อนตามองไปยังเตียงนอนของตน

ร่างกรรณะกำลังนอนอ่านการ์ตูนอย่างไม่เกรงใจเจ้าของห้องอย่างเขาส่งยิ้มมาให้

เป็นรอยยิ้มที่ดูน่ากลัวในหลาย ๆ ความหมาย

เหงื่อกาฬผุดเต็มแผ่นหลัง ความหวาดกลัวนั้นทำให้เขาถอยหลังหนึ่งก้าว

“อ้าว เพิ่งมาถึงจะไปไหนแล้วล่ะ”

คำทักทายนั้นไม่เป็นผล ไม่มีคำตอบออกมาจากชุนแม้แต่น้อย

ความกลัวนั้นขึ้นจับหัวใจ อยากกรีดร้องให้ดังยิ่งกว่าเมื่อสักครู่

เห็นไกล ๆ ยังพอทำใจและทักทายได้ แต่การที่จู่ ๆ ถือวิสาสะเข้ามาในห้องพร้อมทำตัวราวกับเป็นเจ้าของโดยไม่ทันตั้งตัวนั้นทำให้เขาหมดทางที่จะรับมือ

อารมณ์โกรธหายไปจนหมดสิ้น แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดหวั่น

อยากวิ่งหนีออกจากที่นี่โดยเร็ว แต่ขาทั้งสองข้างกลับหนักอึ้งไม่ไปไหน

กรรณะเห็นปฏิกริยาของลูกพี่ลูกน้องแล้วรู้สึกยินดียิ่งนัก เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่งก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาน้องชายที่แข็งเกร็งไปทุกส่วน

ปิดประตูลงกลอนตามหลัง

ป้องกันการรบกวน

“ท่าทางน่ารักแบบนี้ชักอดใจไม่ไหวซะแล้วสิ”

ชายหนุ่มกระซิบที่หูอย่างอ่อนหวาน

มันจะเกิดขึ้นอีกแล้ว สิ่งนั้น

ทำไมถึงเป็นเขา แล้วทำไมถึงเป็นอีกฝ่ายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของตนด้วย

ณ วินาทีนี้ ชุนนึกอยากให้ทำสัญญากับซาตาน ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรเขาก็พร้อมจะไปจากที่นี่โดยไม่ปริปากต่อรองแม้แต่นิดเดียว

มืออันเย็นเยียบของกรรณะวางลงบนบ่าของชุน

“ไหนบอกพี่มาสิว่าเกิดอะไรขึ้นที่โรงเรียนกันหรือ เอ... โมโหได้ขนาดนี้คงเป็นเรื่องของคนนั้นแน่ ๆ เลย”

คนนั้นคือใคร กรรณะย่อมรู้ดี

ความหยั่งรู้ การประเมินสถานการณ์ ความสามารถในการวิเคราะห์ ทำให้ผู้ชายคนนี้สามารถล่วงรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับชุนได้อย่างไม่ยากเย็น

เป็นตัวอะไรกันแน่

หมอนี่ใช่มนุษย์แน่หรือเปล่า

ชุนมักถามในใจซ้ำ ๆ

“อ..อือ”

หมดทางหนี ไม่มีที่ให้ปฏิเสธ ได้แต่เล่นตอบคำถามให้อีกฝ่ายเท่านั้น

กรรณะดึงเด็กชายเข้าไปกอบปลอบพลางลูบศีรษะอย่างช้า ๆ

ไม่รับรู้ถึงความอ่อนโยนแม้แต่นิดเดียว

กับคนพรรค์นี้

“มีอะไรให้พี่ชายคนนี้ช่วยไหมนะ”

“ม..ไม่มีครับ”

“ไม่มีจริง ๆ เหรอ”

คำถามนั้นช่างกดดัน

จนสุดท้ายจึงต้องเอ่ยออกไป

“ช...ช่วยทำให้ผมหายโกรธที”

“เพราะไม่ได้ดั่งใจใช่ไหม”

ชุนพยักหน้า

“เพราะจะไม่ได้ครอบครองคนเดียวอีกต่อไปแล้วใช่ไหม”

“ค..ครับ”

“ไม่ต้องห่วง ถ้าอยากได้มากขนาดนั้นพี่จะช่วยให้เอง”

ชุนไม่สามารถท้วงได้เพราะเรียวนิ้วยาวของอีกฝ่ายแตะปิดปากของตนเอาไว้

และทุกอย่างก็ดำดิ่งหายไปในความมืด

ที่ไม่มีใครรู้แม้แต่คนเดียว





TO BE CONTINUED.......

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
@ @


ชุนนนนน โดนกินไปซะแล้ว T T

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่ของชุนนี่น่ากลัวอ่ะ

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ชีวิตชุนดูเคีียดมากอ่ะ ฮือออ แต่เราชอบโมเม้นแบบนี้มันบีบดี คุณขุนนนนน แพ้ฟากฟ้ามากค่าาา  :-[

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
กรรณะน่ากลัว

สงสารชุน

ในขณะที่อีกฟากเป็นความผูกพันที่กำลังเรียนรู้เพื่อเติบโต ราวกับท้องฟายามมีลมฝนพอสลับกับแดดจ้า
ฝั่งนี้กลับเหมือนตกลงในโคลนดูดที่ข้นคลั่ก

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
มีอะไรมากกว่าที่คิดจริงๆ รออ่านต่อน้า

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
กระชากอารมณ์ระหว่างความใสกับความดาร์ค เจออะไรที่ Contrast กันแบบนี้ในเรื่องเดียวกันตื่นเต้นน่าดู

ออฟไลน์ nin@

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ชุนน่าสงสารแฮะ แอบชอบฟากฟ้า แต่กลับแสดงท่าทีตรงข้ามกับความรู้สึก ในขณะที่ตัวเองก็ตกอยู่ในภาวะจำยอม(ยอมอะไร  :sad4:)ของกรรณะ ... เรื่องนี้คนที่น่ากลัวที่สุดคงเป็นกรรณะนี่เองแหละ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด