คาบที่ 11 – แปลงร่าง
“เสร็จแล้วค่ะ”
พี่เลี้ยงเอ่ยพลางยิ้มหวาน
ฟากฟ้าตื่นเร็วกว่าปกติเพราะต้องเตรียมการอันใหญ่หลวงในเช้าวันเสาร์ เมื่อก่อนคงเป็นวันเรียนพิเศษธรรมดา ไม่มีอะไรน่าจดจำ สิ่งที่ใส่ใจควรเป็นเนื้อหามากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก
ทว่าวันนี้เด็กชายกลับเปลี่ยนไปคนละคน
อันที่จริงไม่ได้ตั้งใจว่าจะให้พี่เลี้ยงมาช่วยเซ็ตผม แต่พอเมื่อวานเขากลับมาบ้านพร้อมถุงใส่เสื้อผ้าพะรุงพะรังและแม่ดันมาเห็นเข้าจึงถูกซักถามใหญ่โต ไม่ใช่เป็นเรื่องการใช้เงินแต่กลับถูกแซวเรื่องอื่นมากกว่า
“มีความรักแล้วเหรอเรา”
มารดาถามพลางยิ้มแย้มกึ่งล้อ เพราะแม่เป็นคนอารมณ์ดี สบาย ๆ เลยทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายเสมอเมื่ออยู่ด้วย
ฟากฟ้าหน้าแดงก่ำส่ายหน้าปฏิเสธ
แต่สุดท้ายโกหกไม่ไหวจึงยอมบอกแต่โดยดี
“ป..เป็นคนที่อยู่ห้องเดียวกันน่ะฮะ”
“สวยหรือเปล่าจ๊ะ”
“น..น่ารักครับ”
เมื่อนึกถึงใบหน้าของเธอคนนั้นฟากฟ้าพลันเขินเอาดื้อ ๆ เขาหลบสายตามารดาเกรงว่าเธอจะรู้ ทว่ากลับดูออกง่ายเสียเหลือเกิน
พอเห็นแบบนั้นไม่รู้ว่าเพราะอะไรแม่ถึงกระโจนเข้าร่วมการแปลงโฉมครั้งนี้
“ทำผมเพิ่มสักหน่อยดีกว่าจ๊ะ”
“เอ่อ...” เดี๋ยวผิดกฏโรงเรียน
ทว่าเด็กชายกลับคัดค้านไม่ทันเมื่อแม่บอกให้พี่เลี้ยงโทรนัดช่างทำผม
ปรากฏว่าเย็นวันนั้นทั้งแม่และพี่เลี้ยงต่างนึกสนุกกับการวางแผนให้เขาในเช้าวันเสาร์
และผลที่ออกมาเล่นทำเขาอ้าปากค้าง
ทรงผมเด็กชายถือว่าสั้นแต่ยาวพอที่จะเซตได้เป็นทรงดูดี ยิ่งเมื่อวานเล็มนิดเล็มหน่อยทำให้มันเข้ารูปกว่าตัดเองมากนัก (ปกติแม่เป็นคนตัดให้ตลอด) ส่วนเสื้อผ้าวันนี้เป็นชุดแบบกางเกงยีนส์ขายาวทรงตรง เสื้อแขนยาวผ้าฝ้ายสีเข้มสวมทับเสื้อเชิ้ตสีอ่อน ให้ความรู้สึกเหมือนนักเรียนต่างประเทศ ดูเรียบร้อยแต่เก๋ไก๋
ทันทีที่ส่องกระจกเด็กชายถึงกับอ้าปากค้าง
นี่ใครกัน ?
ใช่เขาแน่หรือ ?
คอนแทคเลนส์วันนี้ใช้สีเทารับกับผิวที่ขาวเนียน
เหมือนไม่ใช่ตัวเขาเลย
พี่เลี้ยงหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเด็กชาย เธอเปิดประตูห้องเรียกนายหญิง
“ลูกแม่หล่อที่สุดเลยจ๊ะ”
ฟากฟ้าก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย ไม่รู้ว่าจะตอบรับมารดาอย่างไรดี จึงยอมปล่อยให้เธอยืนชมอยู่อย่างนั้นจนตัวลอยติดเพดาน
วันนี้ขุนเขาบอกว่าจะมารับหลังเลิกเรียนเพื่อรู้ผล ในใจเด็กชายอยากชวนให้ขุนเขามาเรียนพิเศษด้วยกัน แต่ดูท่าทางเจ้าตัวจะเกลียดการเรียนเอามาก ๆ ทุกวันนี้เข้าเรียนทุกคาบได้ก็ดีเท่าไหร่ บอกตามตรงว่ารู้สึกเป็นห่วงอนาคตอีกฝ่ายนิด ๆ
ฟากฟ้าใช้โทรศัพท์บ้านโทรหาขุนเขา ปรากฎว่าอีกฝ่ายปิดเครื่อง
เด็กชายทวนเบอร์ที่จดในสมุดให้แน่ใจว่าไม่ได้กดผิด
พอกดโทรออกอีกครั้งมันยังเหมือนเดิม
หรือว่ายังไม่ตื่น ?
เด็กชายขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเดินลงจากบ้านด้วยความแคลงใจ แต่เขาต้องหยุดความสงสัยลงเพียงแค่นั้นเมื่อมารดาเรียกทานข้าวก่อนไปโรงเรียนกวดวิชา
และพอมาถึงโรงเรียนฟากฟ้าทำใจอยู่ในรถร่วมสิบนาที
เดิมทีเด็กชายไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ครั้นพอออกห่างจากผู้สนับสนุนจึงเกิดคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าทำแบบนี้ดีแล้วหรือ จะกลายเป็นตัวประหลาดหรือเปล่าที่วันดีคืนดีก็ลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัวเจ้าสำอาง จะถูกแกล้งหนักกว่าเดิมหรือเปล่า หรือจะโดนพวกชุนหัวเราะเยาะอีก
ความกังวลใจค่อยแผ่ขยายกลายเป็นความหวาดหวั่น จนกระทั่งคนขับรถเอ่ยทักเตือนสติ
“คุณฟ้า ? ถึงแล้วนะครับ”
เป็นคนงานของพ่อที่โรงงาน ค่อนข้างได้รับความไว้วางใจให้เข้าออกบ้านใหญ่เมื่อเวลาต้องการใช้สอย ข้อดีของคนที่นี่คือความซื่อสัตย์และเป็นมิตร จึงทำให้ฟากฟ้าค่อยผ่อนคลายกับสิ่งนั้น
อุตส่าห์มาถึงขนาดนี้แล้วถ้าไม่ยอมก้าวออกจากรถเผชิญหน้าคงต้องถูกขุนเขาดุเป็นแน่
ไม่สิ ขุนเขาคงผิดหวังมากกว่า
ทั้งที่อีกฝ่ายพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เขาได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่เขากลับขี้ขลาดกลัวผลลัพธ์ในอนาคตโดยที่ยังไม่ลงมือแบบนี้ ขุนเขาอาจจะเลิกเป็นเพื่อนเลยก็ได้
ฟากฟ้าสูดลมหายใจเข้าลึกพลางนึกหน้าติวเตอร์ส่วนตัว
นึกอยากให้อีกฝ่ายมาอยู่ตรงนี้แล้วบอกเขาว่ามันต้องไม่เป็นไร
แต่... แบบนี้อาจจะดีกว่าก็ได้
เด็กชายจึงตัดสินใจเปิดประตูลงจากรถ เพราะความกล้าหาญมาไม่มากนักจึงยังไม่สามารถเงยหน้าสบตาใคร เขาทำทุกอย่างรวดเร็ว ปิดประตู เดินจ้ำอ้าวเข้าโรงเรียนกวดวิชา โดยไม่แม้แต่จะสนใจเสียงที่พูดคุยดังขึ้นรถตัวเองแม้แต่น้อย
และทันทีที่ถึงห้องเรียน ราวกับทุกอย่างถูกหยุดเวลาลงกะทันหัน
เพื่อนทุกคนนั่งจับกลุ่มกันตามที่ประจำ เป็นภาพเดิม ๆ ซ้ำ ตั้งแต่ลงเรียนมา ฟากฟ้าก้าวเข้าห้องด้วยความไม่มั่นใจ มือกำสายเป้ของตัวเองไว้มั่น ปกติเขามักมาด้วยเป้ของโรงเรียนใหญ่ แต่วันนี้แม่กลับยื่นเป้สะพายข้างสีครีมเข้มยี่ห้อหนึ่งมาให้ใช้แทนโดยบอกว่ามันเข้ากับเสื้อผ้ามากกว่า
ทุกย่าวก้าว เสียงคุยกันยิ่งเงียบลง
จนกระทั่งทั้งห้องได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศ
ขาของเด็กชายเริ่มหนักอึ้งราวกับตะกั่ว เขากวาดสายตามองรอบอย่างขลาด ๆ
หัวใจเต้นระรัวเป็นกลองเมื่อพบว่าสายตาของทุกคนนั้นมาหยุดอยู่ที่เขาเพียงจุดเดียว
ประหลาดจริง ๆ ด้วย ฟากฟ้าเริ่มสิ้นหวัง ความคิดด้านลบพวยพุ่งออกมาไม่หยุดหย่อน
ทันใดนั้นที่เขาสบตากับชุนเข้า
สีหน้าของชุนช่างน่ากลัว มันเรียบนิ่งราวกับไร้ความรู้สึก เหมือนรูปปั้น ความสงบแผ่ปกคลุมไปทั่วร่างกาย ดวงตาหรี่มองมาเล็กน้อยราวกับจับผิดอะไรบางอย่าง ริมฝีปากขมุบขมิบเหมือนคุยกับใครที่มองไม่เห็น ฟากฟ้ารู้สึกหวาดกลัวกับปฏิกริยานี้ของชุนอย่างบอกไม่ถูก
ต้องโดนอะไรอีกแน่เลย เด็กชายคิด
ไม่แม้แต่จะตรวจสอบปฏิกริยาของเธอคนนั้น ความกล้าที่พกมาจากรถหายไปจนหมดหลอด กลับมาเป็นฟากฟ้าคนเดิม ที่เพิ่มเติมคือความระแวง รู้สึกว่าคนทั้งโลกกำลังจับตามอง
อยากหายตัวไปเสียเดี๋ยวนั้น
“เอ่อ ...”
เสียงหวานเล็กของใครคนหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง เสียงของคนที่เขายังไม่อยากเจอมากที่สุด
เธอคนนั้น
เด็กชายสะดุ้งโหยงหันไปมองต้นเสียงอย่างช้า ๆ เหงื่อกาฬผุดเต็มหลัง ใบหน้าเหรอหราทำตัวไม่ถูกทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิด สัมผัสถึงความน่ารักของอีกฝ่าย
วันนี้เด็กหญิงมาด้วยชุดวันพีซสีชมพูอ่อน รองเท้าผ้าใบสีขาวลายดอกไม้น่ารัก เป้ขนาดกะทัดรัดดูสมเป็นผู้หญิง ผมของเธอยาวประบ่าสีดำขลับ ริมฝีปากอมชมพู แก้มนวลใสราวกับไข่มุก
เมื่อเธอเห็นเขาแววตาของเธอพลันเปลี่ยน รอยยิ้มบนใบหน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อย สีหน้าฉายแววประหลาดใจอย่างไม่มีปิดบัง
ตอนนี้ความมั่นใจของฟากฟ้าเหือดแห้งราวกับทะเลทราย เขาไม่กล้าสบตาเธอเลยสักนิด
“ข..ขอโทษครับ”
ไม่รู้ว่าตนผิดอะไร แต่ยังขยับหนีห่างจากเธอแต่โดยดี ทว่าเธอคนนั้นยังยืนนิ่งไม่ไปไหน
เกิดความเงียบอันน่าอึดอัด แม้จะรู้ดีว่ายืนต่อไปคงไม่ได้อะไรขึ้นมา แต่ฟากฟ้ายังคงยืนอยู่อย่างนั้น หัวสมองขาวโพลน แม้กระทั่งมาทำอะไรเขายังลืมไปแล้ว
จะทำยังไงต่อไปดี
“ฟากฟ้า ..เหรอ?”
กลับกลายเป็นว่าเด็กหญิงเอ่ยถามด้วยประโยคที่แสนจะชวนอึ้ง เด็กชายเผลอขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อ...เอ่อ...ใช่ครับ”
ฉับพลันนั้นพวงแก้มของเด็กหญิงพลันเปล่งเป็นสีแดงระเรื่อ เรียวปากยิ้มกว้างกว่าก่อนหน้านี้เป็นเท่าตัว
เด็กชายไม่รู้ความคิดของอีกฝ่ายเลยสักนิด หรือว่าเธอกำลังจะหัวเราะเยาะ ?
แต่ทว่าเธอคนนั้นกลับยื่นมือมาจับมือเขาเอาไว้แล้วบอกว่า
“ตกใจหมดเลย ! ฉันแทบจำเธอไม่ได้เลยแน่ะ ! ไปทำอะไรมาเหรอ ดูสิ ไม่เหมือนฟากฟ้าคนเดิมเลยนะ ! แบบนี้ต้องเนื้อหอมแน่ ๆ เลย !”
คำถามนั้นทำให้ฟากฟ้าพลันหยุดชะงัก
ความคิดด้านลบหยุดนิ่ง เขาจ้องมองอากัปกริยาของเด็กหญิงที่อยู่ตรงหน้า
รอยยิ้มที่มีให้เขาเพียงคนเดียว และเธอกำลังพูดคุยกับเขาเหมือนคนอื่นทั่วไป
สถานการณ์แบบนี้มันยังไงกัน ทำไมเขาถึงหัวใจพองโตอย่างบอกไม่ถูก
ฟากฟ้าอดที่จะเก็บซ่อนความดีใจนั้นไม่ได้ เขาเผลออมยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย ไม่ได้ดูแย่หรอกเหรอเนี่ย เธอคนนั้นยอมรับการเปลี่ยนแปลงของเขาแล้วหรือ ซ้ำยังพูดด้วย ยิ้มให้ด้วยอีกต่างหาก
และที่สำคัญ ...
ไออุ่นจากฝ่ามือของเธอยิ่งทำให้หัวใจของเด็กชายเต้นรัวหนักกว่าก่อนหน้านี้ ไม่ได้เต้นเพราะความหวาดวิตก แต่เป็นความดีใจ ตื่นเต้น ตื้นตัน หลายอย่างผสมปนเป
แต่ห้วงเวลาดังกล่าวอยู่ได้ไม่นาน เมื่อ ..
มือของทั้งคู่ถูกกระชากออกจากกันอย่างแรง ร่างใครคนหนึ่งผ่านหน้าไปโดยไม่สนใจว่ามีคนยืนอยู่ เด็กทั้งคู่อุทานมาพร้อมกันพลางหันไปมองต้นเหตุ
ร่างของชุนหันมามองอย่างไม่สบอารมณ์ ตอนนี้ใบหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัวกว่าเมื่อกี้อย่างมาก
มากจนฟากฟ้าเผลอก้าวถอยหลังก้าวหนึ่ง
“อ้าว โทษที มองไม่เห็น”
น้ำเสียงเรียบนิ่งจนเย็นชา ฟากฟ้าอดขนลุกไม่ได้
ไอสังหารระรานฟากฟ้าจนนึกอยากอาเจียน สายตาของชุนมองมาที่เขาและเธอสลับกัน ก่อนจะก้มมองมือที่ถูกจับให้แยกออกจากกันโดยอีกฝ่ายแล้วพ่นลมหายใจทางจมูกอย่างดูแคลน
“ชุน !” เธอคนนั้นร้อง “เดินตัดหน้าคนกำลังคุยกันมันเสียมารยาทนะ”
“ก็บอกแล้วไงว่ามองไม่เห็น” ชุนสวนอย่างไม่สะทกสะท้าน
ตามความเข้าใจเดิมของฟากฟ้าที่ขุนเขาเคยบอกว่าชุนนั้นกำลังหมายปองเธอคนนั้นอยู่ และเมื่อเห็นเธอกำลังคุยกับเขาแล้วการที่ชุนจงใจขัดขวางนั้นเท่ากับว่า..
กำลังไม่พอใจที่เขากำลังแตะต้องคนที่ชุนเล็งไว้อยู่นั่นเอง
ลืมไปเสียสนิท คิดจะจีบเธอคนนั้นแล้วมันเท่ากับว่าเขาต้องเป็นศัตรูกับชุนอย่างเปิดเผยอีกด้วย
เพราะใคร ๆ ก็รู้กัน และสำหรับฟากฟ้าเองยังมองว่าเธอก็เหมาะกับชุนไม่น้อย
ทั้ง ๆ ที่คิดแบบนั้นแล้วแท้ ๆ
แต่...
ฟากฟ้าตัดสินใจก้าวขึ้นมาข้างหน้าบังร่างของเธอให้ออกห่างจากชุนแล้วเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายเสียเอง
ยอมรับว่าการกระทำครั้งนี้ค่อนไปทางบ้าบิ่น แต่เขาไม่มีทางเลือก จะให้ผู้หญิงออกตัวปกป้องแทนตนเองได้อย่างไร อย่างน้อยเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชาย ต่อให้เป็นสิ่งที่หวาดกลัวหรือไม่กล้าต่อกรก็ตาม
ชุนหรี่ตามองฟากฟ้าอีกครั้งพลางจ้องมองตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ยิ่งมอง ชุนยิ่งดูไม่สบอารมณ์มากเท่านั้น
“ไง เจ้ากบที่คิดอยากเป็นเจ้าชายโดยหารู้ไม่ว่ากบก็เป็นได้แค่กบที่น่ารังเกียจและอัปลักษณ์”
คำพูดนั้นบาดลึกจนฉีกความดีใจจนหมดสิ้น ยอมรับว่าชุนเป็นคนที่สามารถทำลายความเชื่อมั่นของคนอื่นได้อย่างง่ายดาย ภายใต้ร่างกายเด็กมัธยมต้นนั้นมีบ่อเกิดอำนาจ ความน่าเกรงขาม และน้ำเสียงที่อันเด็ดขาดที่สามารถสร้างความปั่นป่วนให้แก่ผู้ฟังได้ มันได้ผลมาก เมื่อใช้กับฟากฟ้า
เด็กชายตัวสั่นเล็กน้อย เคยโดนชุนว่ามาเยอะแล้วก็จริง แต่ครั้งนี้กลับเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกแย่กว่าครั้งไหน
เธอคนนั้นยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ข้างหลัง แน่นอนว่าทั้งห้องยังคงเฝ้าดูเหตุการณ์นี้อย่างใกล้ชิด
ฟากฟ้าไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด นึกคำพูดไม่ออก ได้แต่คิดยืนปกป้องอยู่อย่างนั้น
หากจะต่อว่า ว่าเพียงเขาคนเดียว อย่าดึงเธอเข้ามาเอี่ยว
เพราะเป็นความผิดของเขาเองที่คิดแตะเนื้อของราชสีห์ โดยไม่สำเนียกจุดยืนของตัวเองสักนิดเลยน่ะหรือ ?
มันไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องเลย ! ตราบใดที่ทั้งสองยังไม่ตกลงคบกันในระหว่างนั้นเขาเองก็ยังมีสิทธิ์ เหมือนที่ขุนเขาเคยพร่ำบอกเสมอว่า ใครดีใครได้ ถ้าหากการที่เขาชอบเธอคนนั้นเป็นเรื่องไม่คู่ควร เขาก็จะเป็นคนที่คู่ควรกับเธอคนนั้นเอง
ไม่มีอะไรต้องให้รู้สึกผิด เขาทำในสิ่งที่สามารถทำได้
เพราะชอบยังไงล่ะ
แล้วชุนล่ะ อยากได้เธอคนนั้นไปทำไม ?
คาดว่าชุนคงเดาความคิดของตนออก แต่จะด้วยอะไรบางอย่างที่ทำให้ชุนไม่ยอมตอบคำถามนั้น ทั้งคู่ได้แต่ยืนมองหน้ากันโดยไม่พูดจา
จนกระทั่งอาจารย์ผู้สอนเปิดประตูเข้าห้อง เมื่อเห็นบรรยากาศกระอั่กกระอ่วนจึงไล่ทุกคนนั่งที่และเริ่มสอนโดยไม่ไต่สวนอะไรสักคำ
ฟากฟ้าถูกดึงไปนั่งกับเธอ
ส่วนชุนก็ทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุนับตั้งแต่ตอนนั้น
****************************
วันนี้ขุนเขาตื่นสาย
เพราะเมื่อคืนน้องชายคนเล็กของบ้านมาชวนเล่นเกมที่เพิ่งซื้อมาใหม่ เล่นไปสักพักชักติดลม พี่ชายคนโตมาเห็นเลยร่วมแจมด้วยก่อนจะไล่น้องคนสุดท้องไปนอน จนสุดท้ายกว่าจะเลิกเล่นเข็มนาฬิกาก็ชี้ไปที่เลขสี่ของอีกวัน
ฟากฟ้าเลิกเรียนเที่ยงก็จริงแต่เขาน่าจะโทรไปให้กำลังใจอีกฝ่ายก่อนออกจากบ้านสักหน่อย แต่ปรากฏว่ากว่าจะรู้สึกตัวแดดก็ส่องก้น แถมยังปาไปสิบเอ็ดโมงแล้วอีกด้วย
เด็กหนุ่มกระวีกระวาดลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว โดนบิดาก่นด่าเพราะนอนกินบ้านกินเมือง เด็กหนุ่มฟังหูซ้ายทะลุหูขวาลงจากบ้านก่อนคว้ากุญแจควบมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านไปทิ้งไว้เพียงฝุ่นตลบ
หน้าโรงเรียนกวดวิชาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สถานที่สำหรับเด็กนักเรียนเรียนดี เงินหนา หวังเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ซึ่งไม่ว่างมองมุมไหนก็ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะกับเขาสักนิด
เหมือนเป็นอีกสังคมหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป จินตนาการไม่ถึง
อีกประมาณสิบนาทีจะเที่ยงตรง ใจจริงก็ตื่นเต้นอยากเห็นลุคใหม่ของฟากฟ้าอยู่ไม่น้อย
ทั้งที่อยากเห็นแบบนั้น ในใจกลับรู้สึกเหงาอย่างประหลาด เพราะอะไรขุนเขาก็ตอบไม่ได้
เด็กหนุ่มนั่งมองทิวทัศน์รอบตัวอย่างเรื่อยเปื่อยสลับกับดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือเป็นระยะ
เที่ยงตรง
....เที่ยงห้านาที
........เที่ยงสิบห้านาที
นักเรียนที่มีเรียนแค่ช่วงเช้าเริ่มทยอยกันออกมา ขุนเขาพบแม้กระทั่งชุน แต่กลับไม่มีวี่แววของฟากฟ้าเดินออกมาสักนิด
เด็กหนุ่มเริ่มขมวดคิ้วพลางชะเง้อมองหา
จนกระทั่งเที่ยงยี่สิบนาทีเขาได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง
และ..ฟากฟ้าที่อยู่ท่ามกลางของพวกผู้หญิงกลุ่มนั้น
เป็นภาพเกิดความคาดหมาย ขุนเขายืนมองด้วยความนิ่งอึ้ง รูปลักษณ์ของฟากฟ้าแบบใหม่นั่นน่าตะลึงพอทน แต่ผลของมันอะไรจะรวดเร็วปานนั้น
แต่จากความตื่นตะลึงกลายเป็นความน่าขัน เมื่ออากัปกริยาของฟากฟ้าไม่ต่างจากที่ขุนเขาคิดไว้นัก
ใบหน้าดูเหรอหรา ยิ้มแห้ง ๆ หน้าตาเขินอายตลอดเวลา พูดได้แค่ไม่กี่คำ
ต่อให้ภายนอกดูดีแค่ไหน แต่ฟากฟ้าก็ยังคงเป็นฟากฟ้าอยู่วันยังค่ำสินะ คนที่เขาเคยรู้จัก เด็กขี้ขลาด ขี้แย และแอบหัวดื้อในบางเวลา
ขุนเขามองอีกฝ่ายอย่างเพลิดเพลิน
จนกระทั่งกลุ่มนั้นเข้ามาถึง ครั้นพอจะเอ่ยส่งเสียงทักกลับมีใครเรียกฟากฟ้าตัดหน้าเสียก่อน
“ฟ้า ! หลังจากนี้พวกเราจะไปเดินเล่นกันน่ะ ไปกันไหม”
เธอคนนั้น คนที่เป็นที่รักของเจ้าของชื่อ
ลืมสังเกตไปได้อย่างไร
ฟากฟ้าทำท่าอึกอักอย่างเห็นได้ชัด จับความลังเลบนสีหน้าได้อย่างไม่ยาก ขุนเขาจ้องมองสีหน้านั้นด้วยความนิ่งสงบ ไม่สิ ต้องบอกว่าอารมณ์ขันเมื่อสักครู่พลันหายไปพร้อมกับคำถามดังกล่าว
“ว่าไง”
เด็กหญิงถามย้ำ รอบข้างต่างเชียร์ให้ตอบตกลง
แม้จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่กี่วินาที แต่ขุนเขากลับไม่อยากเห็นความลังเลนั้นอีกต่อไปแล้ว
เด็กหนุ่มจึงตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายดังลั่น
ฟากฟ้าสะดุ้งเล็กน้อย เงยหน้ามองต้นเสียงแล้วพลันแสดงสีหน้าตกใจ
ขุนเขากำหมัดแน่น อะไรกัน ทำหน้าแบบนั้น
ฟากฟ้าหันไปปฏิเสธเธออย่างเกรงใจ ก่อนจะขอปลีกตัวออกมาหาขุนเขา เด็กหนุ่มยื่นหมวกกันน็อคประจำตัวอีกฝ่ายอย่างไร้เสียง ไม่มีคำพูดทักทายหรือถามไถ่กันสักคำ จากนั้นจึงสตาร์ทรถตั้งท่าจะออกตัว
เด็กชายรีบซ้อนท้ายไม่ทัน และเมื่อผิวสัมผัสเบาะขุนเขาพลันบิดคันเร่งออกจากจุดนั้นอย่างรวดเร็วจนร่างของฟากฟ้าแทบหงายหลัง
ชุนในวันนี้ที่ว่าน่ากลัวแล้ว
ขุนเขาเวลานี้เองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
ฟากฟ้ารู้สึกเช่นนั้น
TO BE CONTINUED…………..