『ห ลั ก สู ต ร เ ร่ ง .. 'รั ก'』~♪ คาบที่ 12 – ไม่เข้าใจ ~♪『25-08-16』
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 『ห ลั ก สู ต ร เ ร่ ง .. 'รั ก'』~♪ คาบที่ 12 – ไม่เข้าใจ ~♪『25-08-16』  (อ่าน 17070 ครั้ง)

ออฟไลน์ mamedaz-s

  • Master Luck F
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

คุณสามารถสมหวังในรักได้ตามเวลาที่กำหนด

อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

รวมซีรีส์พี่น้องบ้าน กขค.
เ ก ย์ ป้ า ย แ ด ง #2
ห ลั ก สู ต ร เ ร่ ง .. 'รั ก'

------------------




--------------------------------------------



--------------------------------------------




Talk with M@medaZ-s :
สวัสดีค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยสักหนึ่งเรื่องนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวชีวิตของเด็กมัธยมต้นค่ะ
ค่อนไปทางโชตะกันพอสมควรเพราะน้องยังไม่ถึงอายุสิบห้ากัน หากชื่นชอบจะรู้สึกดีใจมาก ๆ เลยค่ะ   
[/left]

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2016 15:04:29 โดย mamedaz-s »

ออฟไลน์ mamedaz-s

  • Master Luck F
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ชั่วโมงโฮมรูม

***********
 
 
เขานั่งร้องไห้อยู่บนชักโครกในห้องน้ำชายที่ตึกเก่า เสียงสะอื้อฮึกฮือดังระงม โชคดีที่แถวนี้ไม่ค่อยมีใครแวะเข้ามาแม้แต่ภารโรงจึงทำให้สามารถเปล่งเสียงร้องออกมาได้อย่างไม่อายฟ้าดิน   
 
ไม่เข้าใจว่าทำไมตนต้องถูกกลั่นแกล้ง แค่ล้อความแคระเกร็นของตัวเองก็พอทนแล้ว ทำไมต้องลามมาถึงเธอคนนั้นอีกด้วย   
 
ทั้งที่แอบชอบอยู่เงียบ ๆ คนเดียวไม่เคยสร้างความเดือดร้อนใคร   
 
แต่กลายเป็นว่าสิ่งนั้นมันทำให้เขาสู้หน้ากับคนอื่นต่อไปไม่ได้   
 
ทั้งอาย ทั้งโกรธ ทั้งเศร้า ซ้ำยังถูกเธอคนนั้นมองด้วยสายตาเหลือเชื่อ เขาตอบไม่ถูกว่าเธอกำลังตกใจหรือกำลังขยะแขยงเขาอยู่กันแน่ เพราะหากให้เรียงลำดับประชากรในห้องแล้วทุกคนต่างพร้อมใจยกให้เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร   
 
ร่างกายหมดเรี่ยวแรงกลายเป็นความสิ้นหวัง 
 
"ให้ตายเถอะ นึกว่าผีที่ไหนมาร้องไห้กลางวันแสก ๆ"   
 
เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นเหนือศีรษะ เขาสะดุ้งโหยงหยุดร้องไห้ทันควันแล้วเงยหน้าไปทางต้นเสียง 
 
ใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ทุกคนในโรงเรียนต่างรู้จักดี   
 
"อ้าว ไหงทำหน้าเหมือนเห็นฉันเป็นผีแทนซะล่ะ" อีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจปนขำ รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า   
 
สภาพของเขาในตอนนี้คือกำลังนั่งบนฝาชักโครกในห้องน้ำของตึกเก่า ข้างบนเป็นเพดานโล่งโจ้งเพื่อระบายอากาศ การที่จะเห็นอีกฝ่ายอยู่ข้างบนได้นั้นแน่นอนว่าต้องปีนผนังจากห้องข้าง ๆ นั่นเอง   
 
ทั้งที่มั่นใจว่าจะไม่มีใครอยู่แท้ ๆ   
 
ใบหน้าเขาร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งด้วยความอับอาย ก่อนจะก้มหน้างุดแล้วเช็ดน้ำตาอย่างลวก ๆ พลางเอ่ยว่า "ม..ไม่มีอะไร" ด้วยน้ำเสียงแหบแห้งและอู้อี้   
 
ต้องรีบออกไปจากตรงนี้ก่อนที่อีกฝ่ายจะไหวตัวทัน 
 
แต่ความต้วมเตี้ยมของตนนั้นช่างน่าโมโห 
 
เมื่อเงยหน้าอีกครั้งปรากฏว่าเด็กหนุ่มนั้นหายไปแล้ว สร้างความตกตะลึงให้เขาอย่างขีดสุด แม้จะไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางแต่พลันหายตัวไปดื้อ ๆ แบบนี้เป็นใครย่อมตื่นตระหนก 
 
ทว่าอีกไม่กี่วินาทีถัดมาประตูห้องน้ำที่เขากำลังใช้อยู่กลับถูกเปิดออกผาง 
 
ร่างของอีกฝ่ายยืนอยู่ตรงนั้น   
 
"หน้าซีดกว่าเมื่อกี้อีกนะนาย" 
 
หัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เขาอ้าปากค้างกระเถิบร่างถอยหลังเข้าหาถังกดชักโครกอย่างไม่รู้ตัว   
 
ขนลุกซู่ไปทั่วร่างกาย 
 
"น..นาย..." 
 
ตัวจริงเสียงจริงของเด็กเกเรที่ไม่มีใครอยากข้องเกี่ยวมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง แม้กระทั่งพวกผู้หญิงต่างพากันร้องยี้เพราะพฤติกรรมแหกคอกที่บรรดาอาจารย์ต่างส่ายหัวกันอย่างระอา   
 
บัดนี้คนดังกล่าวกลับยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยท่าทางนึกสนุก   
 
ไม่เอา ... เขาต้องโดนแกล้งหนักอีกแน่ ๆ   
 
ไม่...   
 
อีกฝ่ายสาวเท้าเข้ามาใกล้ ในห้องน้ำขนาดพอดีตัวที่มีเพียงเขาและเด็กหนุ่มอีกคน หมดทาง่จะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ไม่สิ ถึงร้องออกไปคงไม่มีใครมาช่วยอยู่ดี   
 
เพราะคนที่อ่อนแอต้องถูกเป็นเหยี่อ นี่คือกฎธรรมชาติ   
 
เขาหลับตาแน่น ได้กลิ่นหอมจากอีกฝ่ายจาง ๆ จึงทำให้ยิ่งวิตกกังวลว่าอีกไม่นานคงจะโดนทำร้ายอะไรสักอย่างเป็นแน่   
 
ทว่ากลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยขึ้นมาว่า 
 
"ถูกพวกไอ้ชุนรังแกมาอีกแล้วล่ะสิ"   
 
เขาสะอึกทันทีพลางลืมตาอย่างแปลกใจ   
 
"คราวนี้โดนล้อเรื่องคนที่ชอบใช่ไหม อ้อ ฉันไม่ได้เป็นพวกสอดรู้สอดเห็นหรอกนะ แต่พวกชุนมันป่าวประกาศไปทั่วตึกน่ะ" แม้จะรู้ว่าเรื่องของตนคงถูกป่าวประกาศไปทั่วโรงเรียนแล้ว แต่พอมาฟังจากปากของบุคคลที่สามแล้วยิ่งทำให้รู้สึกแย่   
 
น้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง 
 
"เฮ้ ! ฉันยังไม่ได้รังแกนายเลยนะ"   
 
 แต่เขาหยุดไม่อยู่ ยิ่งคิดว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นแล้วยิ่งคิดอะไรไม่ออก 
 
"ฮืออออออออ ฮืออออออออออ จบแล้ว ไม่เอาแล้ว ไม่ชอบแล้วก็ได้ ฮืออออออออออ ฉัน...ฉันไม่ชอบแล้วก็ได้..." คำพูดพรั่งพรูออกมาอย่างยากจะรั้ง ยิ่งร้องอารมณ์ยิ่งเตลิด เขาไม่เก็บกักเอาไว้อีกต่อไป ปล่อยให้มันไหลออกมาให้หมด   
 
อยากเอาไปโพทะนาก็เชิญ จะแกล้งเขาให้หนำใจก็ทำซะ มันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว 
 
 
"ฮืออออออออออออออออออออออออออ
 
 
"เฮ้ เดี๋ยวก่อน ... เฮ้.." เสียงอีกฝ่ายพยายามหยุด แต่มันไม่สามารถกลบเสียงร้องของเขาได้เลย   
 
สุดท้ายจึงปล่อยให้เขาได้ร้องไห้จนสาแก่ใจ   
 
ผ่านไปเกือบห้านาทีเสียงค่อยผ่อนลง   
 
"ฮึก...ฮึก... ทำไมต้องเป็นฉันทุกที ... ทำไม...ฮึก...ฉัน..ต้องโดนแกล้ง..ทุกทีด้วย ฮึก..." 
 
อีกฝ่ายยืนมองด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ จนกระทั่งเอ่ยขึ้นว่า 
 
"เพราะขี้แยอย่างนี้ไงล่ะนายถึงโดนพวกนั้นแกล้ง" 
 
ความเห็นอันโหดร้าย ทำให้เขาหน้าเบ้ขึ้นอีกรอบ 
 
"เฮ้ ! หยุดร้องไห้ได้แล้ว !" อีกฝ่ายชักเหลืออด "ให้ตายสิ ถ้านายยังคิดว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชายอยู่ก็หยุดร้องไห้ซะ เพราะมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ถ้าที่บ้านนายเลี้ยงมาอย่างตามใจก็ควรหยุดเอาแต่ใจตัวเอง การร้องไห้ไม่ได้ทำให้นายได้สิ่งที่ต้องการหรอกนะ" อีกฝ่ายพูดยาวเหยียดจนเหมือนเป็นการสั่งสอน เขาหุบปากแล้วนั่งมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาแดงก่ำ นั่งสะอึกฮึกเป็นพัก ๆ 
 
ริมฝีปากอ้าพะงาบคล้ายอยากตอบโต้ แต่คำพูดนั้นกลับจี้ใจดำเขาทุกอย่าง   
 
เพราะไม่เคยลำบากจึงไม่มีความพยายามที่จะต่อสู้ 
 
ดังนั้นเขาจึงคิดว่าสังคมเป็นเรื่องเลวร้าย เขากลายเป็นเหยื่อของผู้ที่เข้มแข็ง วันแล้ววันเล่าที่ตัวตนกลายเป็นคนอ่อนแออย่างแท้จริง ไม่แม้แต่จะเปิดปากบอกพ่อแม่ในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่กล้าพอที่จะทำให้ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ยิ่งถูกเหยียบย่ำจิตใจมากแค่ไหนยิ่งต้องเก็บเงียบไว้มากเท่านั้น คอยคิดอยู่เสมอว่าต้องอดทนผ่านมันไปให้ได้   
 
เพราะไม่เคยมีเพื่อน ดังนั้นแล้ว .. 
 
"นายน่ะมีพร้อมทุกอย่างทำไมไม่คิดจะสู้เพื่อลบคำสบประมาทนั้นกันล่ะ"   
 
จึงไม่มีใครมาบอกคำเหล่านี้กับเขา   
 
สู้ เป็นสิ่งที่ถูกลบหายในจากหน้าพจนานุกรมประจำตัว ไม่เคยคิดถึงมันและไม่เคยมีกำลังใจจะทำ เพราะหากทำแล้วไม่รับประกันว่ามันจะได้ผล ซ้ำหากก่อความรุนแรงผลที่กลับมาคงเจ็บตัวหนักเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่กล้าเสี่ยง 
 
การที่อีกฝ่ายกลับมาบอกให้เขาสู้นั้นยอมรับว่าเป็นถ้อยคำที่ดี   
 
แต่...   
 
"นี่มันโลกแห่งความจริง ฉันไม่มีอะไรจะไปต่อกรพวกนั้นได้" ความคิดและคำพูดถูกออกมาพร้อมกัน เขาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วมองหน้าอีกฝ่ายด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก 
 
ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้ม   
 
"นายคิดแบบนั้นจริง ๆ น่ะหรือ"   
 
เขาลังเลที่จะพยักหน้า หันซ้ายมองขวาก่อนผงกหัวเบา ๆ   
 
"อ..อือ" ร่างสะอื้นเล็กน้อย   
 
อีกฝ่ายกอดอกมองเขาอย่างพิจารณาก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เขาเหวอเล็กน้อยถอยหลังกรูดจนไปติดกับถังกดชักโครก 
 
"อืม.." 
 
"ม..มีอะไร.." 
 
"หน้าตานายไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่ อาจจะเตี้ยนิดหน่อย แต่วัยอย่างพวกเรามันกำลังโตนี่นะ" อีกฝ่ายว่าพลางยิ้ม ราวกับว่าเพิ่งนึกเรื่องสนุก ๆ ออก 
 
เขาชักสังหรณ์ไม่ดีอย่างประหลาด   
 
ไม่นะ .. หรือว่า ... 
 
"ถ้านายชอบผู้หญิงคนนั้นจริง ทำไมไม่คิดจีบเธอเสียเลยล่ะ จะได้ตอกหน้าเจ้าพวกนั้นไงว่าอย่างนายเองก็มีดี"   
 
คิดไว้แล้วไม่มีผิด การกระทำบ้าบิ่นแบบนี้   
 
"ม..ไม่ได้หรอก" เขาไม่ได้คิดไปไกลถึงขั้นนั้น อีกอย่างผู้ชายที่ถูกโดนจัดให้อยู่ล่างสุดของห่วงโห่อาหารคงยากที่จะทำให้ผู้หญิงประทับใจ 
 
มันเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรก   
 
เขาส่ายหัวไปมาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมลดละ 
 
"ไม่ชอบเธออย่างนั้นเหรอ" 
 
"ไม่ใช่.." เขาชอบเธอจริง ๆ ชอบมาตั้งนานแล้ว   
 
"แล้วทำไมไม่อยากได้เป็นแฟนล่ะ" 
 
"ก็มัน..." เป็นไปไม่ได้ 
 
เขารู้ดีว่าพวกผู้หญิงต้องการผู้ชายที่สามารถปกป้องและพึ่งพาได้ กับคนอ่อนแอแบบเขาที่ไม่สามารถแม้ปกป้องตัวเอง้จะดูแลพวกเธอได้อย่างไรกัน   
 
"ไม่ได้.." 
 
อีกฝ่ายหรี่ตามอง   
 
"ถึงแม้ว่าฉันจะมีหลักสูตรเร่งรัดให้นายได้สมหวังเร็ว ๆ ก็ตามน่ะนะ?" 
 
ประโยคนั้นทำให้เขาถึงกับเงยหน้ามองอีกฝ่าย 
 
"หลักสูตรเร่งรัด ?" 
 
"มีเยอะไม่ใช่เหรอพวกหลักสูตรเร่งรัดตามโรงเรียนกวดวิชาน่ะ แบบพูดภาษาอังกฤษได้ภายในยี่สิบชั่วโมง สามสิบหกชั่วโมงอะไรทำนองนี้ พวกเด็กโรงเรียนกวดวิชาแบบนายน่าจะเข้าใจดีนี่"   
 
เคยได้ยินอยู่ แต่...   
 
"มองหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไง" เมื่อถูกอีกฝ่ายถามเขาพลันสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนหลุบตาลงต่ำ   
 
อะไรกัน..   
 
"ข้อเสนอดีใช่ไหมล่ะ" น้ำเสียงกึ่งเชิญชวนและดูกวนในที 
 
ไม่รู้จะตอบเช่นไร 
 
"ว่าไง" โดนเร่งเร้า 
 
ทว่าเขากลับส่ายหัวเป็นครั้งที่สาม แม้จะน่าสนใจ แต่นี่คือโลกแห่งความจริง มันไม่มีอะไรสะดวกสบายแบบนั้น เพราะที่นี่คือสังคม ไม่ใช่บ้าน ไม่มีพ่อแม่ที่จะประทานทุกสิ่งอย่างมาให้   
 
เพ้อเจ้อ บ้าบอ แค่อยากอวดศักยภาพตัวเองเท่านั้น 
 
เมื่อเห็นสภาพเขา อีกฝ่ายพลันถอนหายใจแล้วยกเท้าเหยียบถังขยะที่อยู่ด้านข้างเสียงดังจนเขาสะดุ้งโหยง 
 
เกือบลืมไปว่าคนตรงหน้าขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กเกเรอันดับหนึ่ง 
 
นี่เขากำลังหาเรื่องท้าทายอีกฝ่ายอยู่ไม่ใช่หรือ 
 
"โปรโมชั่นทดลองฟรีสามชั่วโมงเป็นไง ? ไม่พอใจยินดียกเลิกสัญญา"   
 
ยอมลดมาขนาดนี้แล้วแสดงว่าเขาต้องหมดทางปฏิเสธ ไม่สิ อีกฝ่ายต้องไม่ให้เขาปฏิเสธได้แน่ ๆ และหากเขายังไม่ยอมรับอีก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ จะโดนขมขู่บังคับแบบไหนให้ยอมรับเขาไม่อยากนึกภาพ มันคงต้องเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากที่สุดแน่ ๆ   
 
ออร่าบางอย่างจากอีกฝ่ายช่างน่ากลัว ตอนนี้เขาเป็นเพียงลูกไก่ในกำมือ   
 
รู้สึกใจของตนบอบช้ำ เจอการกลั่นแกล้งจากข้างนอกมามากพอแล้ว ยังต้องมาเจอคนที่คิดจะล้อเล่นกับความรู้สึกของเขาอีก   
 
หนีเสือปะจระเข้ชัด ๆ   
 
เขากะพริบตาถี่เพื่อไล่น้ำตาออกจากเบ้า สูดลมหายใจเข้าลึก นี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุข   
 
สังหรณ์บอกเลยว่าการข้องเกี่ยวกับคนตรงหน้าไม่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น เค้าลางความวุ่นวายนั้นมาแต่ไกล 
 
แต่สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่ 
 
"..ก็ได้ครับ.." 
 
หมดทางหนี ยอมเป็นของเล่นให้อีกฝ่ายได้รังแกจนหนำใจ เผื่อจะได้ชินชาเสียที เจอพวกนั้นไม่เท่าเจอคนนี้ ความเลวร้ายที่สุดของโรงเรียนนั้นเป็นฉายาที่ไม่ได้มาเล่น ๆ   
 
อีกฝ่ายเผยยิ้มกว้างออกมาแล้ววางมือไว้บนไหล่ 
 
"ดีมาก ขอฝากตัวด้วยล่ะ" 
 
"อ..อือ.." 
 
สายตาที่เปล่งประกายนั้นคงดีใจที่ได้ทาสรับใช้เพิ่ม คนอย่างเขานี่ช่างสิ้นหวังเหลือเกิน   
 
การตกลงเสร็จสิ้น คงมีเพียงอีกฝ่ายที่ยินดีกับมัน   
 
"อ้อ จริงสิ" พูดอย่างนึกขึ้นได้ "ฉันขอเรียกมันว่าหลักสูตรเร่งรักแล้วกัน เชื่อมือฉันเลยว่านายกับเธอคนนั้นจะสมหวังกันแน่นอน"   
 
เอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหน นึกคึกอะไรถึงอยากมาวุ่นวายกับชีวิตของเขา   
 
ได้แต่มองและพยักหน้าให้แบบนั้นทั้งที่ไม่มีอะไรเข้าหัว   
 
ทุกอย่างขาวโพลนตั้งแต่วินาทีที่รับเด็กหนุ่มคนนี้เข้ามา   
 
ขุนเขา .. ชื่อติวเตอร์คนใหม่   
 
โดยที่เขา ฟากฟ้า ไม่ได้ต้องการแม้แต่น้อย
 
 
 

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
หลักสูตรเร่งรัก..
เดี๋ยวได้รักกันเองแน่ๆค่ะ  :-[

ออฟไลน์ แอลฟาฮาลา~

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขุนเขากับฟากฟ้า คือดีอ่ะ :-[

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ Jitsupa_milk

  • Just Milky('s) Way
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชื่อน่ารักกันจังเลย :o8:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ขุนเขาดูเป็นพวกวายร้ายแบบน่ารักอ่ะ จะว่าไงดี คือไม่ได้แบบชั่วร้ายอ่ะ
รอตอนต่อไปค่ะ
ให้กำลังใจคนเขียน

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
น่าติดตามมากเลย จะเป็นไงรอน้า

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ปูเสื่อรอตอนต่อไป อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
รอเรียนหลักสูตรนี้ด้วยคนค่ะ
 :katai2-1:

ออฟไลน์ littlegift

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุกๆ รอตอนต่อไปจ้าาาา  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ mamedaz-s

  • Master Luck F
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
คาบที่ 1 - นามนั้นคือขุนเขา 
 


***********

ฟากฟ้าแอบรักเธอคนนั้นตั้งแต่มัธยมหนึ่ง   
 
เขารู้จักเธอในวันปฐมนิเทศ เป็นเด็กหญิงที่โดดเด่นในหมู่เด็กผู้หญิงด้วยกัน ด้วยความสาวสะพรั่งของเธอทำให้ผู้ชายที่อยู่รอบตัวเขานั้นต่างพากันจ้องมอง   
 
มั่นใจว่านั่นคือรักแรก พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้าใกล้ ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นกลับไม่เป็นใจเมื่อเขาถูกกดขี่ให้อยู่ใต้อาณัติของเด็กผู้ชายกลุ่มใหญ่ประจำห้อง   
 
พ่อของหมอนั่นเป็นนายตำรวจใหญ่ประจำพื้นที่และด้วยคุณสมบัตินี้ทำให้อาจารย์ต่างพากันประคบประหงม 
 
ความอยุติธรรมบังเกิดขึ้น ฟากฟ้าได้รู้ซึ้งว่าถึงเรียกร้องไปก็ไม่มีใครช่วยเหลือตนได้   
 
"เอาหัวมันลงมาอีกสิ !" 
 
เสียงหัวโจกของกลุ่มดังขึ้น หนึ่งในลูกน้องเดินเข้ามาช่วยกดศีรษะของฟากฟ้าก้มลงไปในอ่างน้ำ   
 
ความเย็นไหลวาบผ่านทางเส้นผมเข้าซึมถึงผิวหนัง เด็กชายรู้สึกถึงคอเสื้อที่กำลังเปียก 
 
เสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากสะใจเข้าโสตประสาท ฟากฟ้าทำได้เพียงแต่อดทนปล่อยให้เวลามันผ่านไปเท่านั้น   
 
เมื่อไหร่จะจบเสียทีกับการกลั่นแกล้งอย่างไร้เหตุผล 
 
แล้วเสียงหัวเราะกลับเงียบลงฉับพลัน   
 
"เฮ้ นี่ว่างกันมากใช่ไหมพวกนาย มาจับหัวชาวบ้านกดเล่นเนี่ย" น้ำเสียงที่มักคุ้นปนมากับเสียงหาวเป็นระยะ ไม่จำเป็นต้องหันไปมองเด็กชายก็พอรู้อยู่แล้ว   
 
คนที่สามารถหยุดการกระทำของคนกลุ่มนี้ได้มีเพียงหนึ่งเดียว 
 
"ยุ่งไม่เข้าเรื่องน่าขุน ถ้าง่วงนักก็ไปนอนที่อื่น" 
 
สัมผัสที่กดศีรษะเขาลงนั้นหายไป ทำให้ฟากฟ้าเงยหน้าขึ้นมาได้อย่างอิสระ เมื่อกะพริบตาไล่น้ำออกแล้วพบกับร่างของใครบางคนที่เริ่มคุ้นเคย 
 
ขุนเขาจอมเกเรนั่นเอง 
 
"คนมาทีหลังต้องหลีกทางให้ไม่ใช่หรือไง" ขุนเขาว่า "อีกอย่างเสียงหัวเราะของนายนะชุนมันแหลมและน่าเกลียดมากเลย ฉันไม่อยากคิดว่าตอนที่นายเสียงแตกมาจะประหลาดขนาดไหน ไม่มีเพื่อนนายคนไหนบอกเหรอ"   
 
สิ้นเสียงหัวโจกที่ชื่อชุนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ   
 
"ว่าอะไรนะ" 
 
"หัดหุบปากบ้างก็ได้ อยู่ม.ต้นแล้วแกล้งกันเหมือนกับเด็ก ๆ วัยอย่างพวกเราจะแอบชอบสาวสักคนสองคนบ้างไม่ได้หรือไง โตแล้วนะ ทำแบบนี้เป็นแล้ว" ขุนเขากำมือหลวมไว้ด้านหน้าพอดีลำตัวก่อนจะทำท่าชักแขนเข้าออกเป็นภาพประกอบการอธิบาย   
 
ฟากฟ้าหน้าร้อนผ่าว   
 
"ฉ..ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย" แล้วบ่นพึมพำ 
 
ทว่าชุนกลับทำหน้าเหมือนกลืนของแข็ง   
 
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา หัวโจกกับเด็กเกเรจ้องมองหน้ากันราวกับจะก่อสงคราม พวกที่คอยสนับสนุนหัวโจกชุนพากันทยอยหลบหลังหัวหน้าไม่กล้าสู้สายตาเด็กเก   
 
ถ้ายังท้าทายชุนไม่ได้ก็อย่าหวังจะริสู้กับขุนเขาเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้กันโดยอัตโนมัติ 
 
หากฟากฟ้าคือสิ่งมีชีวิตที่อยู่ชั้นล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร ขุนเขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ชั้นบนสุดของห่วงโซอาหารเช่นกัน 
 
สุดท้ายแล้วเป็นชุนที่ยอมล่าถอย เขาหลุบตาลงต่ำหันหน้าไปหาลูกน้อง 
 
"กลับ หงุดหงิดเว้ย !"   
 
เสียงนั้นแหลมดัง เป็นดังที่ขุนเขาว่า ช่างแหลมและน่าเกลียด จนฟากฟ้าอดอมยิ้มออกมาไม่ได้ โชคดีที่ชุนและลูกน้องไม่ทันเห็น 
 
ขุนเขาหรี่ตามอง 
 
"นายนี่แปลกคน โดนแกล้งเปียกยังกับลูกหมาตกน้ำขนาดนี้แล้วยังยิ้มระรื่น เป็นมาโซหรือไง" 
 
แต่คำทักทายนั้นกลับไม่ทำให้ฟากฟ้ารู้สึกเจ็บปวด ตรงข้ามกลับหันมามองต้นเสียงด้วยใบหน้าที่หุบยิ้มแล้ว   
 
บรรยากาศของขุนเขาแตกต่างกับกลุ่มของชุนมากนัก ฟากฟ้าอธิบายไม่ถูก มันไม่อึดอัดและชวนสิ้นหวังเหมือนอย่างเคย 
 
รู้สึกผ่อนคลาย ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้มีประวัติดีไปกว่าคนกลุ่มนั้นเท่าไหร่ 
 
"เคยอ่านเรื่องปีเตอร์แพนไหม" จู่ ๆ ฟากฟ้าเอ่ยขึ้นทำเอาขุนเขาเลิกคิ้วสูง 
 
"ของวอลท์ดิสนีย์น่ะนะ" รู้จักเพียงแค่นั้น 
 
ฟากฟ้าพยักหน้าแล้วพูดต่อไปว่า   
 
"ตอนจบของปีเตอร์แพนน่ะ ..และมันจะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่เด็ก ๆ ยังคงร่าเริง และบริสุทธิ์ และไร้หัวใจ" เขาเอ่ยเสียงเรียบก่อนหันไปยิ้มบางให้ขุนเขา เพื่อเป็นการตอกย้ำความหมายของประโยค   
 
เด็กทุกคนล้วนไร้หัวใจ เขาเชื่อเช่นนั้นตลอดมา   
 
"นายจะบอกว่าเจ้าชุนยังเป็นเด็กอยู่อย่างนั้นเหรอ"   
 
ฟากฟ้าพยักหน้าให้แทนคำตอบ ทว่าขุนเขากลับส่ายศีรษะ   
 
"มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ"   
 
ประโยคนั้นทำให้ฟากฟ้าเลิกคิ้วเล็กน้อย ขุนเขาถอนหายใจก่อนจะอธิบายว่า   
 
"ฉันว่าฉันพอรู้สาเหตุที่นายโดนกลั่นแกล้งแล้วล่ะ อันที่จริงต้องบอกว่าเดาได้ตั้งนานแล้วมากกว่า ทุกคนรู้ตัวหมดยกเว้นนายกับชุน ฉันถึงอยากให้นายสู้กับหมอนั่นตรง ๆ ไปเลยเพื่อจะได้รู้ผลแพ้ชนะ เพราะพวกนายสองคนน่ะกำลังชอบผู้หญิงคนเดียวกันอยู่ ไม่ใช่เรื่องของเด็กไร้หัวใจ แต่เป็นเรื่องของวัยรุ่นล้วน ๆ"   
 
ไม่รู้ใครกันแน่ที่เป็นเด็ก หรือใครกันแน่ที่มัวแต่มองแต่โลกแห่งจินตนาการไม่ยอมรับความจริง   
 
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ฟากฟ้าจะถูกชุนแกล้ง แต่เป็นเพราะฟากฟ้ากำลังจ้องมองของรักของหวงของชุนเข้าต่างหาก กับผู้หญิงที่หมายปองย่อมต้องเกิดอาการหึงหวงเป็นธรรมดา ซ้ำสาวเจ้ายังเป็นถึงเจ้าหญิงประจำโรงเรียนเป็นเนตไอดอลที่ใครต่างรู้จักด้วย คู่แข่งเยอะไม่พอยังต้องมาสู้รบปรมมือกับเจ้าพวกสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวันได้สาวงามไปครอบครองคงนึกหงุดหงิดเป็นเท่าตัว 
 
การตัดกำลังที่หักหาญน้ำใจจนเหมือนแผนของนักโทษสิ้นคิด 
 
ฟากฟ้าขมวดคิ้ว 
 
"ใช่เหรอ" 
 
"ก็ใช่น่ะสิ" ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดขุนเขาเพิ่งประจักษ์ได้วันนี้ 
 
แต่ไม่นานนักเขากลับเปลี่ยนเรื่อง 
 
"เอาเป็นว่านายกลับไปก่อนเถอะ ส่วนเรื่องหลักสูตรค่อยมาคุยกันตอนเย็น เพราะพวกนายแท้ ๆ ทำให้ฉันไม่ได้งีบเลย" ขุนเขาบ่นพลางหาวหวอดก่อนจะหมุนตัวออกเดิน   
 
ทว่าฟากฟ้าเผลอตัวเข้าไปดึงชายเสื้อของอีกฝ่ายไว้ 
 
"จะไปแล้วเหรอ" 
 
"อือ ง่วง" เด็กเกตอบ 
 
"ใกล้เข้าเรียนคาบบ่ายแล้วนะ" 
 
"ก็ช่างมันสิ"   
 
ฟากฟ้าพลันขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม จ้องมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ   
 
โดดเรียนเป็นที่หนึ่ง ไม่สนใจการเรียนการสอน ไม่คิดร่วมกิจกรรมกับทางโรงเรียน ซ้ำยังมีเรื่องชกต่อยอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นเหล่าลูกน้องใต้อาณัติของชุนทั้งสิ้น ไม่แปลกหากจะมีชื่อเสียงในทางด้านลบแบบสุดกู่ ฟากฟ้าจำได้ว่าภายในหนึ่งอาทิตย์ขุนเขาต้องโดนถูกสอบสวนในห้องปกครองอย่างน้อยหนึ่งครั้ง โดนบทลงโทษนับไม่ถ้วน ไม่รวมกับเชิญผู้ปกครองมาคุยทุก ๆ หนึ่งเดือนอีกต่างหาก   
 
"เข้าเรียนเถอะ"   
 
คำพูดนั้นทำให้ขุนเขาชะงักเล็กน้อย เขาหันไปมองเจ้าเด็กขี้แยอย่างไม่เชื่อสายตา 
 
"คิดจะสั่งสอนฉันหรือไง อย่างพวกที่ชอบบอกว่าเห็นแก่หน้าพ่อแม่หรือสงสารพ่อแม่หน่อยนั่นน่ะ ขอบอกนะว่ามันไม่ได้ผล เพราะฉันกับพวกนั้นไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจกัน" 
 
ฟากฟ้าไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ขุนเขาบอกเท่าใดนัก แต่ ... 
 
"ไม่ใช่แบบนั้น" เด็กขี้แยว่า "การเรียนไม่ได้ทำให้ใครได้ดีนอกจากตัวเองสักหน่อย ทำเพื่อตัวนายเองต่างหาก ไม่อยากสอบซ่อมใช่ไหมล่ะ โดนหัวเราะเยาะมันไม่สนุกไม่ใช่เหรอ"   
 
เพราะเคยเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องอับอายคนทั้งโรงเรียนมาแล้ว การที่ถูกเพื่อนวัยเดียวกันดูแคลนในสิ่งที่เป็นนั้นช่างเป็นเรื่องที่ไม่นึกชอบใจเอามาก ๆ อยากไปให้พ้นจากตรงนั้น อยากแทรกแผ่นดินหนีแล้วกลับบ้านไปเลย แต่ทำไม่ได้   
 
ขุนเขาทำหน้าครุ่นคิดพลางหรี่ตามองฟากฟ้าอย่างพิจารณา 
 
"นี่นายพูดจริงหรือเปล่าเนี่ย"   
 
"จริงสิ อีกอย่าง..." 
 
"อีกอย่าง ?" 
 
ฉันอยากมีเพื่อน .. ฟากฟ้ากลืนคำนั้นลงคอ ไม่กล้าพูดออกไป 
 
"ม...ไม่มีอะไร" 
 
เพิ่งมีคนคุยกับเขาเกินสิบประโยคเป็นครั้งแรก และจากที่ดูการกระทำเมื่อกี้เหมือนกับขุนเขาออกมาช่วย ยอมรับว่าประทับใจ ดังนั้นจึงต้องอาศัยช่องว่างนี้ 
 
อะไรบางอย่างในตัวของขุนเขาบ่งบอกฟากฟ้าว่าผู้ชายคนนี้ไม่เคยโกหก บางทีการที่เสนอตัวเป็นติวเตอร์หลักสูตรเร่งรักนั้นคงหวังผลที่จะให้มันออกมาดีจริง ๆ   
 
ลองเชื่อใจสักครั้งหน่อยดีไหม   
 
เด็กขี้แยมองเด็กเกอย่างคาดคั้น สายตาที่กึ่งชักชวนกึ่งร้องขอทำให้ขุนเขาตัดสินใจลำบาก ปกติไม่เคยมีใครคิดอยากชวนเขาเข้าห้องเรียนหรืออยากชวนไปเรียนด้วยกัน ตรงกันข้ามผู้คนมักหลบหนี ยิ่งทำตัวเป็นแกะดำของห้องมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้ไม่มีใครอยากข้องเกี่ยวด้วยมากเท่านั้น   
 
ทั้งที่เป็นแบบนั้นเขากลับถูกผู้ชายที่ดูไร้น้ำยาที่สุดในโรงเรียนมาเอ่ยชวนเสียได้   
 
"เฮ้ ถ้าอย่างนั้นรับผิดชอบด้วยล่ะ" ขุนเขาว่า 
 
"รับผิดชอบ ?" 
 
"ก็อย่างรายงานกลุ่ม รายงานคู่ ตอบคำถามอาจารย์ไงล่ะ มันทำคนเดียวไม่ได้หรอกใช่ไหม" สิ้นเสียงฟากฟ้าเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายบอกทันทีจึงรีบพยักหน้าหงึกหงักรัวเหมือนตุ๊กตาติดสปริง 
 
"อื้อ !" 
 
ห้องเรียนของทั้งคู่คือห้องสิบเอ็ด มัธยมต้นที่นี่ถูกจัดห้องตามตัวอักษรและคะแนนสอบคละกันไป แต่ละปีจะถูกสับเปลี่ยนชั้นไปเรื่อย ๆ และพอขึ้นมัธยมสามจึงทำให้ทั้งฟากฟ้าและขุนเขามาเจอกันครั้งแรก   
 
ในโรงเรียนรัฐบาลประจำอำเภอที่ขึ้นชื่อเรื่องของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมากที่สุด   
 
เสียงฮือฮาดังขึ้นเมื่อฟากฟ้ากลับเข้าห้องเรียนคาบบ่ายพร้อมกับขุนเขา ซึ่งโดยปกติแล้วเด็กเกมักจะเข้าเรียนแค่ช่วงเช้าเท่านั้น ซึ่งช่วงเช้าบางทีก็เข้าสาย มาคาบสุดท้ายยังมี ดังนั้นการที่ขุนเขามาห้องเรียนตรงเวลาเพื่อเรียนคาบต่อไปนั้นย่อมเป็นสิ่งที่น่าพิศวงเอามาก ๆ   
 
โต๊ะของฟากฟ้าอยู่ริมหน้าต่างใกล้ถังขยะ ส่วนขุนเขาติดกับประตูหลังห้องเพื่อสะดวกต่อการหลบหนี 
 
ส่วนพวกชุนอยู่ตรงกลางสุดโดยเคยให้เหตุผลว่ามันสามารถสอดส่องรอบห้องได้   
 
หากลองเปรียบเทียบเป็นสังคมนานาประเทศแล้วชุนคงเป็นประเทศอเมริกา มหาอำนาจยักษ์ใหญ่ที่สามารถเล่นสกปรกกับประเทศเล็ก ๆ ได้อย่างหน้าตาเฉย และขุนเขาคือประเทศรัสเซียที่แม้นิ่งเงียบแต่กลับซ่อนทีเด็ดไว้เพียบ ซ้ำยังไม่เกรงกลัวสิ่งใดต่อให้เป็นนาโต้ก็ตาม ถือคติที่ว่าตาต่อตาฟันต่อฟันและมักมีเรื่องประหลาดใจได้ตลอดเวลา 
 
สองขั้วอำนาจที่ชิงชัง แต่ยังไม่ลงมือซึ่งหน้ากันเสียที 
 
ออดคาบบ่ายดังขึ้น ทุกคนนั่งประจำที่ อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา แน่นอนว่าเมื่อเห็นขุนเขากำลังนั่งเรียนอยู่ถึงกับแสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างไม่ปิดบัง   
 
ตลอดเวลาที่เรียนฟากฟ้าคอยสังเกตขุนเขาอยู่เสมอ ไม่ต้องเดาคงพอรู้ว่าการจับเด็กเกมานั่งเรียนนั้นผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร ขุนเขาแทบไม่ฟังสิ่งที่อาจารย์สอนแม้แต่น้อย แก้มหน้าก้มตาขีดเขียนอะไรบางอย่างลงบนสมุด ไม่ก็หาวแอบงีบหลับ อาจารย์เองก็ทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุไม่ยอมสนทนาด้วย พอเริ่มเบื่อมากเข้าขุนเขาเลยอดทนไม่ไหวหนีออกจากห้องเรียนกลางคันเหมือนทุกที ปล่อยให้ฟากฟ้าแอบถอนหายใจอยู่เงียบ ๆ คนเดียว   
 
 
 
เลิกเรียนขุนเขาปรากฎตัวอีกครั้งที่หน้าห้อง ระหว่างนั้นเพื่อนในชั้นต่างพากันทยอยเก็บข้าวของกลับบ้าน ขุนเขาเดินอาดเข้ามาอย่างไม่สนใจสายตาหลายคู่จ้องมอง ฟากฟ้าพลันรู้สึกปวดมวนในท้องเพราะคราวนี้สายตาคู่คมกริบนั้นจ้องมองมาทางตน   
 
เมื่ออีกฝ่ายหยุดยืนห่างจากเขาประมาณหนึ่งเมตรทุกสรรพเสียงในห้องต่างพากันเงียบกริบ 
 
"เฮ้ เร็วเข้า" เสียงนั้นดังกังวาน แล้วทุกสายตาต่างพุ่งเป้ามายังฟากฟ้าโดยมิได้นัดหมาย 
 
เด็กชายเริ่มเหงื่อตก การเป็นจุดสนใจมักตามมาด้วยเรื่องไม่น่ายินดี 
 
"อ..อือ" ฟากฟ้าครางในลำคอเสียงเบาก่อนจะเก็บของทุกอย่างเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว   
 
ขุนเขาออกเดินนำหน้าผ่านโต๊ะยังไม่ลืมที่จะหยิบเป้ใบเก่าประจำตัวไปด้วย ฟากฟ้าเดินตามตัวลีบอย่างเงียบ ๆ ก้มหน้าก้มตาพยายามไม่รับรู้ถึงเสียงกระซิบกระซาบรอบห้องเหมือนหมีกินผึ้ง 
 
อีกฝ่ายจะพาเขาไปยังที่แห่งใดนั้นยังไม่รู้ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือการเดินต่อไปข้างหน้าเท่านั้น   
 
พวกเขาออกจากโรงเรียนท่ามกลางสายตาที่เคลือบแคลงของอาจารย์ปกครองและรุ่นพี่รุ่นน้องจำนวนหนึ่ง อากาศยามบ่ายสามโมงครึ่งทำให้เหงื่อกาฬไหลท่วมง่ายกว่าปกติ อุณหภูมิสูงขึ้นแบบเฉียบพลันนึกอยากเป็นลมเสียตรงนี้ ฟากฟ้าเดินดุ่มไปยังทิศทางที่ตนไม่รู้จักโดยที่คนนำก็ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน   
 
ทั้งสองคนเดินอยู่อย่างนั้นราวสิบห้านาทีก็พบโรงจอดรถขนาดใหญ่ข้างสนามกีฬาประจำอำเภอ 
 
ฟากฟ้าเลิกคิ้วสูงเล็กน้อย 
 
"ที่นี่คือ..." รู้สึกว่าตนคอแห้งผาก   
 
"ลานจอดรถสนามกีฬาไง นายไม่เคยมาเหรอ"   
 
"เอ่อ ..." ไม่ใช่ไม่เคยมา แต่สงสัยว่ามาทำไมมากกว่า 
 
ทว่าขุนเขากลับไม่ได้สนใจคู่สนทนาแม้แต่น้อยนิด เขาเดินเข้าไปข้างในแล้วเข็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง เป็นสตาร์ทมือเกียร์ออโต้ ให้ความรู้สึกเหมือนรถเด็กเล่นมากกว่าจะเป็นเครื่องยนต์ปราดเปรียวบนท้องถนน รูปร่างของมันกะทัดรัดลำตัวมีสีน้ำเงินเข้ม เด็กหนุ่มสวมหมวกกันน็อคแล้วขับมาหาฟากฟ้า 
 
"มีหมวกกันน็อคใบเดียว โทษที"   
 
"ม..ไม่เป็นไร" เด็กชายเหลือบมองเบาะว่างข้างหลัง 
 
เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยนั้นขุนเขาจึงอดรนทนที่จะอธิบายไม่ได้ว่า 
 
"ฉันขับมอเตอร์ไซค์มาโรงเรียนทุกวัน โอเคนะ แล้วที่เอาไปจอดในโรงเรียนไม่ได้เพราะไม่มีใบขับขี่ยังไงล่ะ อีกอย่างจะให้อยู่โยงที่โรงเรียนเราจะโดนอาจารย์ว่าคิดก่อกบฏแน่นอนข้อหาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ดังนั้นฉันจึงต้องพานายออกไปด้วยกัน"   
 
"ด้วยกัน ? ที่ไหน ?" 
 
"คำถามเยอะมากจริง" ขุนเขาบ่น "บ้านฉัน ถ้าเข้าใจก็รีบขึ้นมาได้แล้ว" 
 
"เอ่อ .. ฉันมีเรียนพิเศษ แล้วยังไม่ได้บอกกับที่บ้าน..."   
 
"เรียนกี่ชั่วโมง ?" 
 
"ประมาณสองชั่วโมง"   
 
"ฉันไปส่ง นายโทรไปบอกที่บ้านด้วย" ขุนเขาจัดแจงแก้ปัญหาให้เสร็จสรรพ แต่เหมือนสมองของฟากฟ้าจะยังประมวลผลที่เกิดขึ้นปุบปับไม่เสร็จ   
 
เด็กหนุ่มจึงคว้าแขนอีกคนให้เข้ามาใกล้แล้วจับนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ก่อนจะบิดคันเร่งออกไปอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีฟากฟ้าก็ถูกสายลมกระแทกเข้าหน้าจนลมเต็มปอด   
 
พวกเขามาถึงสถาบันกวดวิชาในอีกสิบนาทีถัดมา แน่นอนว่านี่คือช่องทางลัด ขุนเขาไม่สามารถขับบนเลนถนนใหญ่ได้ ทันทีที่เท้าเหยียบพื้นเด็กหนุ่มจึงหันไปบอกเด็กขี้แยว่า 
 
"อีกสองชั่วโมงฉันมารับตรงนี้" 
 
สิ้นเสียงขุนเขาสตาร์ทรถอีกครั้งก่อนจะหมุนตัวแล้วขับกลับไปยังทิศที่จากมา ปล่อยให้ฟากฟ้ายืนนิ่ง เด็กชายสูดลมหายใจเข้าลึกสองสามครั้งแล้วตามด้วยตบหน้าตัวเองสองสามที จากนั้นจึงให้กำลังใจตัวเองหันหลังกลับมุ่งหน้าไปยังสถาบันกวดวิชาต่อไป 
 
 
 
(ต่อ)

ออฟไลน์ mamedaz-s

  • Master Luck F
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ทุกอย่างมันช่างปุบปับฟากฟ้าคิด แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขามั่นใจแล้วว่านับตั้งแต่ที่รู้จักขุนเขาเวลาช่างผ่านไปไวเหมือนฝัน   
 
ขุนเขามารอรับเขาที่เดิมด้วยชุดลำลอง คราวนี้พ่วงหมวกกันน็อคสีชมพูหวานแหววมาด้วย ครั้นฟากฟ้าส่งสายตาเป็นคำถามขุนเขาจึงตอบด้วยการยื่นหมวกใบนั้นมาให้ เล่นเอาเจ้าตัวเงอะงะไปไม่ถูก   
 
"มันไม่เหมาะกับเด็กผู้หญิงมากกว่าเหรอ"   
 
"เรื่องหยุมหยิมน่าคิดไรมากมาย มีให้ใช้ก็ใช้ไป อย่าเรื่องมาก"   
 
สุดท้ายเด็กชายจึงต้องจำใจใส่มัน เขาจะต้องไม่ส่องกระจกถ้าไม่อยากเห็นสิ่งประหลาด ฟากฟ้าคิดในใจเช่นนั้นก่อนจะเอาแต่ก้มมองเท้าไม่ยอมมองไปทางอื่นแม้แต่นิดเดียว 
 
ขุนเขาเป็นคนซิ่งมอเตอร์ไซค์เร็วพอตัว เขาลัดเลาะทางนั้นนี้อย่างชำนาญ บอกตามตรงว่าเกิดมาสิบสี่ปีฟากฟ้าแทบไม่เคยไปไหนนอกจากบ้านกับโรงเรียน วันหยุดไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศนิดหน่อยจึงทำให้แม้กระทั่งอำเภอที่ตัวเองอยู่ยังไม่เคยได้มาสัมผัสทั้งหมด   
 
ที่นี่เป็นย่านชุมชน มีบ้านเรือนติดกันหลายหลัง ทว่ามันเป็นบ้านเรือนที่ดูแปลกตา รูปทรงต่างจากบ้านจัดสรรที่เขาอยู่ ส่วนใหญ่ทำด้วยไม้สักหรือไม้ไผ่ ให้กลิ่นอายความเป็นชนบทหรือคนต่างจังหวัดทั้งที่ที่พวกเขาอยู่นั้นคืออำเภอเมือง 
 
ยอมรับว่าฟากฟ้าถูกเลี้ยงมาด้วยครอบครัวมีฐานะ พ่อแม่มีอันจะกิน และกลายเป็นไข่ในหินเพราะเขาคือลูกชายคนโต กิจการทางบ้านได้กำหนดผู้รับช่วงต่อตั้งแต่วันที่เขาเกิด สิ่งที่เด็กชายพึงกระทำคือการทำตัวให้ดี เป็นแบบอย่าง และห้ามเกเร   
 
แต่ไม่ได้ห้ามให้มีเพื่อนเป็นเด็กเกนี่นะ   
 
ฟากฟ้าโทรบอกที่บ้านว่าขอคุยกับครูที่โรงเรียนกวดวิชาเพิ่มคงกลับช้า ซึ่งปลายสายที่เป็นคุณแม่มีความเคลือบแคลงเล็กน้อย ครั้นพอบอกว่าจะให้รถมารับเด็กชายรีบปฏิเสธยกใหญ่ คาดว่าเขาคงโกหกบุพการีได้อีกไม่นานนัก 
 
ในเมื่อขุนเขายื่นข้อเสนอมาสามครั้ง หลังจากนั้นค่อยบอกยกเลิกยังไม่สาย 
 
บ้านของขุนเขาเป็นบ้านสองชั้น ข้างล่างเป็นอู่ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ ไม่แปลกใจว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงมีมอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเอง ทั้งรูปทรงที่แปลกตาคงมาจากการดัดแปลงที่ไหนสักแห่ง ทันทีที่ดับเครื่องฟากฟ้าเห็นใบหน้าของคนข้างในอู่ชะโงกออกมาหา   
 
"อ้าวขุน ยังไม่กลับอีกเรอะ"   
 
อะไรนะ   
 
"ก็กลับมาแล้วนี่ไง บ้านผม" 
 
คนที่ส่งเสียงทักเป็นชายวัยกลางคนท่าทางใจดี เขาแต่งตัวด้วยชุดหมีสีกรมท่า มีลูกมืออีกสองสามคนเป็นเด็กวัยรุ่นตอนปลาย แต่ละคนกำลังง่วนอยู่กับงานที่ตัวเองทำ และหนึ่งในนั้นย้อมผมสีทองสว่างจ้าทั้งที่หน้าตาเอเชียร้อยเปอร์เซ็นต์   
 
"เฮียวิทย์มีลูกชายตั้งแต่เมื่อไหร่" วัยรุ่นผมทองร้องถาม   
 
แต่ชายชุดหมีที่ชื่อเฮียวิทย์กลับไม่ตอบ เขาเดินออกจากอู่แล้วตรงมาหาขุนเขาด้วยท่าทางลำบากใจ 
 
"วันนี้ที่บ้านเรา็มาตามหาถึงนี่นะ" 
 
"ช่างเขาสิ" 
 
"เฮียไม่อยากมีปัญหากับพ่อเราเพราะมีบุญคุณกันมานาน แต่เอาเถอะ ถ้าจะมาอยู่ที่นี่เฮียจะได้บอกเขาเป็นเรื่องเป็นราวสักที"   
 
"รบกวนด้วยครับเฮีย ขอบคุณครับ" ขุนเขาว่าเช่นนั้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง   
 
แล้วสายตาทุกคนที่อู่พลันจับจ้องอะคันตุกะคนใหม่   
 
ฟากฟ้ากลอกตามองอย่างเงอะงะ 
 
"หมอนี่เพื่อนผมเอง เป็นเด็กเรียนไม่ต้องห่วง" ขุนเขาว่าพลางเข้ามากอดคอเด็กชายจนเซ ก่อนจะลากตัวให้ออกเดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้านด้วยกัน 
 
ไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม และความสงสัยยังคงปกคลุมทั่วพื้นที่ ฟากฟ้าได้แต่ยิ้มแห้งแล้วผงกศีรษะให้คนเหล่านั้นเป็นเชิงขออนุญาตด้วยหัวใจที่กำลังพองโต   
 
เมื่อกี้ขุนเขาเรียกเขาว่า เพื่อน ไม่ผิดแน่   
 
ชั้นสองของบ้านที่เป็นไม้นั้นเงาวาววับดูสวยงาม ฟากฟ้ามองไปรอบ ๆ อย่างสนใจ ข้างในมีเฟอร์นิเจอร์เท่าที่จำเป็นพร้อมใบประกาศเกียรติคุณต่าง ๆ มากมายจนเด็กชายต้องกะพริบตาถี่ ขุนเขาเดินนำฟากฟ้าตรงไปยังห้องหนึ่งของบ้าน เป็นอันรู้แล้วว่านี่ไม่ใช่บ้านของเด็กหนุ่มแต่ยังถือวิสาสะทำเหมือนเป็นเจ้าของบ้านยังไงยังงั้น 
 
หน้าประตูห้องประดับด้วยโปสเตอร์ทีมฟุตบอล ความรู้เรื่องนี้ของฟากฟ้าเข้าขั้นติดลบ เกิดมายังไม่เคยเสพสื่อบันเทิงใด ๆ นอกจากการ์ตูนฝึกภาษา จึงไม่มีความสนใจต่อสิ่งนี้เป็นพิเศษ 
 
ในห้องนั้นเรียบง่ายกว่าที่คิด   
 
รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เตียงเดี่ยวชิดติดมุม โปสเตอร์นักฟุตบอลขนาดใหญ่ติดตรงหัวนอน มีชั้นหนังสือหนึ่งชั้นติดกับตู้เสื้อผ้าและโต๊ะคอมพิวเตอร์ หน้าต่างถูกเปิดทิ้งไว้ ผ้าม่านสีขาวบางไหวตามแรงลม   
 
ไม่ต่างจากห้องของฟากฟ้าเท่าใดนัก ผิดกันตรงที่ชั้นหนังสือในห้องเขามีมากกว่าสี่ชั้น และค่อนข้างกว้างขวางกว่านี้   
 
เด็กชายมองไปรอบห้องอย่างสนใจ นี่คือครั้งแรกที่เขาได้เข้าห้องคนอื่นนอกเหนือจากพ่อแม่   
 
ขุนเขาโยนกระเป๋านักเรียนของตนลงบนเตียงแล้วหยิบเก้าอี้โต๊ะคอมมานั่งจากนั้นจึงพยัดเพยิดหน้าให้ฟากฟ้าไปทางบนเตียง เด็กชายนั่งลงอย่างประหม่า แต่สายตายังคงสังเกตสิ่งรอบตัว 
 
"เอาล่ะ ทีนี้มาเข้าเรื่องกันสักที"   
 
เมื่อเจ้าของห้องเอ่ยเช่นนั้น แขกรับเชิญแบบฟากฟ้าจำต้องหยุดการสำรวจแล้วหันไปสนใจคู่สนทนา   
 
บอกตามตรงว่าเด็กชายไม่ได้หวังหลักสูตรที่มีประสิทธิภาพมากนัก ยิ่งเป็นเรื่องของความรักใคร่ คู่มือการจีบผู้หญิงให้ติด แต่เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายเสนอนั้นน่าสนใจถึงแม้จะน่าสงสัยในคราวเดียวกันก็เถอะ 
 
"อ..อืม" 
 
"ชั่วโมงทดลองสามครั้ง สามครั้งที่ว่านี้นายต้องทำตามที่ฉันบอกทุกอย่าง จะยอมตกลงไหม"   
 
ทีตอนให้ตอบรับยังบังคับแกมข่มขู่ หากปฏิเสธไปตอนนี้คงใช่ที่ 
 
เขาจึงพยักหน้าให้แทนคำตอบ 
 
"ดี เอาจริง ๆ แล้วการจีบหญิงมันไม่ยากหรอกเพราะประเด็นสำคัญมันอยู่ที่หน้าตา นายมีต้นทุนนั้นอยู่แล้ว หากเพิ่มสภาพแวดล้อมไปสักหน่อยคงดูดีขึ้น แต่อย่างว่าตอนนี้นายมันก็แค่ผู้ชายขี้แยที่โดนลูกตำรวจยศใหญ่กลั่นแกล้งและครูแกล้งทำเป็นไม่สนใจคนหนึ่ง"   
 
รู้สึกบั่นทอนจิตใจผู้ฟังเสียเหลือเกิน 
 
"สามชั่วโมงนี้ฉันจะทำให้นายกลายเป็นผู้ชายธรรมดาที่สามารถจีบหญิงคนไหนก็ได้ในโรงเรียน"   
 
คำประกาศตัวที่ฟังดูโอ่อ่า แต่คนกล่าวกลับเป็นแค่เด็กหนุ่มวัยมัธยมต้นคนหนึ่งเพื่อนร่วมชั้นที่ชอบโดดเรียนบ่อย ๆ ด้วยเนี่ยสิ   
 
เข้าเรียนกวดวิชาติวเตอร์ยังมีใบประกาศกิตคุณแสดง แต่กับติวเตอร์คนนี้ไม่มีอะไรสักอย่าง ซ้ำยังดังด้วยชื่อเสียถึงแม้ตัวจริงจะไม่ได้เลวร้ายแต่ก็อดที่จะระแวงไม่ได้อยู่ดี 
 
"ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง"   
 
ฟากฟ้ารีบส่ายศีรษะ   
 
"ป..เปล่า" 
 
ขุนเขามองลูกศิษย์จำเป็นด้วยสายตาราวกับจะค้นหาคำตอบ ท่าทางพิรุธออกมาขนาดนี้แล้วแท้ ๆ เด็กหนุ่มยักไหล่ สิ่งที่เด็กชายจะกังวลคงมีอยู่เรื่องเดียว ตามธรรมชาติของคนที่เกิดมาใช้ชีวิตในแนวเส้นตรง 
 
"อันดับแรก" เขากล่าว "นายต้องปรับทัศนคติ" 
 
"ทัศนคติ ?" 
 
"ใช่ นายโดนพวกนั้นแกล้งมาตลอดสองปีกว่าความคิดความกล้าคงถูกลบไปจากสมองนายหมดแล้ว ดังนั้นนายจำเป็นต้องสร้างทัศนคติที่ดีขึ้นมาเสียใหม่ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ไม่มีใครที่สามารถใช้กำลังและพรรคพวกกับอีกฝ่ายได้โดยไม่มีความผิด จริงอยู่ที่พ่อของเจ้าชุนเป็นตำรวจแต่ไม่ได้หมายความว่าพ่อมันจะเข้าข้างสิ่งที่ลูกชายทำเสมอไป มันแค่อุปทานหมู่ว่าพ่อต้องเข้าข้างลูก และเท่าที่ฉันรู้มาว่าพ่อของเจ้าชุนก็ไม่ได้ชอบการกระทำที่ดูเป็นหัวโจกของลูกชายตัวเองเท่าไหร่ด้วย" ขุนเขาอธิบายพลางเอื้อมสวิตส์เปิดคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ   
 
"รู้ได้ไง.." 
 
"รู้สิ เพราะพ่อฉันกับพ่อหมอนั่นรู้จักกัน" แบบนี้นี่เอง 
 
แต่ขุนเขาไม่ได้พูดเรื่องตัวเองต่อ เขาเริ่มอธิบายต่อไปว่า 
 
"สิ่งที่นายควรมีอย่างแรกคือความกล้า กล้าที่จะท้าทาย และกล้าที่จะต่อสู้ ความประทับใจแรกของผู้หญิงคือความพึ่งพาได้ของผู้ชาย ดังนั้นแล้วหากนายมีความพยายามที่จะเผชิญมันหรือสามารถทำข้อตกลงกับเจ้าชุนไม่ให้มารังแกนายได้แล้วก้าวต่อไปก็จะสบาย"   
 
พูดน่ะมันง่าย ฟากฟ้ารู้ดีว่าตนไม่มีความกล้าแบบนั้น มันจึงดูกลายเป็นเรื่องยากและหินที่สุด 
 
"เฮ้ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ" 
 
"แต่..." 
 
"ไม่มีแต่ นี่มันคือก้าวแรก ถ้านายไม่อยากถูกผู้หญิงรู้สึกสมเพชก็จงปรับเปลี่ยนตัวเองซะ" 
 
ทว่าในใจของเด็กชายกลับไม่อยากยอมรับ 
 
ป้อมปราการแรกที่เขาจำเป็นต้องทำนั่นคือการเลิกกลัวคนที่คอยกลั่นแกล้งมาตลอดสองปี เรื่องแบบนี้ใครจะไปทำได้ อีกอย่างหากต่อกรกับชุนแล้วไม่พ้นโดนลูกน้องคนอื่นกระทืบแน่นอน 
 
ขุนเขาถอนหายใจมองอีกฝ่าย ท่าทางปลุกใจไปคงไม่ช่วยอะไร นอกจากไฟจะมอดแล้วคงเอาน้ำราดซ้ำอีกละมั้ง 
 
"เอางี้ ฉันจะบอกวิธีดี ๆ ให้แล้วกัน" 
 
"วิธีดี ๆ ?" 
 
"เอาหูมาสิ"   
 
ขุนเขาลุกขึ้นยืนแล้วโน้มตัวลงไปทางฟากฟ้าก่อนจะกระซิบที่ข้างหูเป็นวลีหนึ่ง   
 
ทันทีที่ได้ยินฟากฟ้าถึงกับดวงตาเบิกกว้างแล้วหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความตื่นตกใจ 
 
"อ..เอาจริงเหรอ..." น้ำเสียงตะกุกตะกัก   
 
เด็กหนุ่มยักไหล่ก่อนเดินไปชั้นหนังสือ 
 
"เอาคู่มือไปด้วย" ว่าแล้วหยิบหนังสือสันหนาเล่มหนึ่งแล้วโยนมาทางที่ฟากฟ้านั่งอยู่   
 
เด็กชายรีบเข้าไปรับแทบไม่ทัน   
 
เมื่อเห็นตัวอักษรบนปกแล้วต้องแปลกใจ   
 
"ประมวลกฎหมายอาญา ?"   
 
"เด็กเรียนแบบนายอ่านแล้วคงรู้" 
 
ฟากฟ้าพลิกหนังสือกฎหมายเปิดทีละหน้า สังเกตเห็นว่ามีที่คั่นหนังสือโผล่ออกมา เมื่อพลิกตามไปก็พบกับมาตราที่ทำให้เขาปะติดปะต่อเรื่องราวได้ในที่สุด 
 
"สู้กับคนไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง นายมีสมองจงใช้มันเถอะ" น้ำเสียงของขุนเขาแผ่วเบา ไม่แข็งกระด้างเหมือนทุกที ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด 
 
เหมือนกำลังถูกสอน ด้วยคนที่ขึ้นว่าเป็นเด็กเกเร   
 
ถึงจะดูขัดกัน แต่ฟากฟ้ายอมรับว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุด 
 
"แม้จะขึ้นชื่อเยาวชนและหงายการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้ แต่ลองได้เชือดไก่ให้ลิงดูสักครั้งฉันว่าผลลัพธ์มันคงดีขึ้น" 
 
นัยน์ตาฟากฟ้าเริ่มร้อนผ่าว   
 
ครั้งแรกที่มีคนชี้นำทางเขาขนาดนี้   
 
ไม่ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของขุนเขาคืออะไร เด็กชายมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายคงคิดช่วยเหลือตนอย่างจริงจัง   
 
วินาทีนี้คงต้องเชื่อ และลองทำดู   
 
"ขอบคุณมากนะ" 
 
"ไม่เป็นไรหรอกน่า" ขุนเขาเอานิ้วเกาแก้มแล้วหันไปมองทางอื่น "แค่ชั่วโมงทดลองเอง อีกอย่างหมดชั่วโมงแรกแล้วด้วย นายกลับบ้านไปได้"   
 
จู่ ๆ สั่งเลิกชั้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ฟากฟ้าดูนาฬิกาข้อมือปรากฏว่าเวลาเย็นมากแล้ว 
 
"อะ.. ขอโทษ" 
 
"โทรให้คนที่บ้านนายมารับละกัน ค่ำแล้วฉันต้องรอกินข้าวกับที่บ้าน" คำถามผุดขึ้นในหัวของเด็กชาย เพราะบ้านที่ขุนเขากล่าวถึงนั้นไม่ใช่บ้านที่แท้จริงของเขา   
 
ถ้าแบบนั้นแล้วที่นี่คือที่ไหน ครั้นพอจะเปิดปากถามเสียงเปิดประตูห้องพลันดังขึ้น ทั้งคู่หันไปมองต้นเสียงโดยไม่ได้นัดหมายก่อนจะเผยร่างหญิงสาวในชุดมหาลัย 
 
ดวงตากลมโต ผิวขาวอมชมพู หน้าตาค่อนไปทางสวย สูงยาวเข่าดี เหมาะที่จะเป็นนางแบบ   
 
เมื่อเห็นว่ามีเด็กมัธยมต้นสองคนอยู่ในห้องเธอพลันขมวดคิ้วทันที 
 
"ห้องพี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่นนะขุน กลับบ้านไปได้แล้ว"   
 
ขุนเขาหน้าเครียดทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะโต้แย้งหญิงสาวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า 
 
"แม้แต่พลอยยังไล่ผมเหรอ" 
 
"อะไรที่ไม่ได้คือไม่ได้ พ่อพี่บอกแล้วว่าเรายังไม่ยอมกลับบ้าน บอกแล้วไงว่าให้ได้คืนเดียว ขุนสัญญาเองไม่ใช่เหรอว่าจะกลับหลังจากที่ยอมให้นอนด้วยน่ะ"   
 
ฟากฟ้าหันมองชายหญิงคนละทีอย่างงุนงง อันที่จริงเขาควรออกจากสถานการณ์นี้โดยเร็ว ทว่าร่างกายกลับไม่ยอมขยับ   
 
ทั้งสองโต้เถียงด้วยอารมณ์กันไปมา จนในที่สุดฟากฟ้าจำเป็นต้องยกมือขึ้นเหนือศีรษะ 
 
"เอ่อ..." 
 
ฝ่ายหญิงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนหันมาบอกเขา 
 
"ขอโทษด้วยนะ ไม่รู้ว่าโดนขุนหลอกอะไรมา แต่ที่นี่ไม่ใช่บ้านขุนหรอก หมอนี่หนีออกจากบ้าน"   
 
ขุนเขาเสริมเข้ามาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบด้วยประโยคที่ชวนอึ้ง 
 
"ผมไม่ได้หนีออกจากบ้าน แค่มาค้างบ้านแฟนมันผิดตรงไหน"   
 
วินาทีนั้นที่เสียงในใจของฟากฟ้าได้ดังขึ้นพร้อมกับคำพูดของฝ่ายหญิง 
 
"ทุกตรง !" 
 
สิ้นเสียงขุนเขาจิ๊ปากเสียงดัง และเมื่อหันไปก็ต้องตกใจ 
 
ฟากฟ้านิ่งแข็งเป็นหินไปเสียแล้ว ...
 

 



Talk with M@medaZ-s :
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ >< ดีใจมาก ๆ เลยที่มีคนอ่านด้วย
ขอชี้แจงนิดหนึ่งนะคะ สรรพนามของน้องฟ้าจะเป็น "เด็กชาย" ส่วนน้องขุนเป็น "เด็กหนุ่ม" ค่ะ
เนื่องจากน้องขุนมีบัตรประชาชนแล้วนั่นเอง ฮาาาา อีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อแยกกันออกด้วยล่ะค่ะ

ขอฝากเด็กทั้งสองคนนี้ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2016 17:53:52 โดย mamedaz-s »

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0

ออฟไลน์ Jitsupa_milk

  • Just Milky('s) Way
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เงิบ

และ

เงิบ

ทั้งคุ่มีปัญหาชีวิตสินะ

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ไม่ใช่ ฟ้ากับชุนจะพลิกลอคได้กันเองนะ 5555555

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
โอ้ย อยากอ่านต่อ ขุนเขานี่ล่อสาวมหาลัยเลยหรออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mamedaz-s

  • Master Luck F
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
คาบที่ 2 - เพื่อน   
 

 
 
***********

 
 
ขุนเขาโบกมือตรงหน้าฟากฟ้าด้วยความงุนงง   
 
เด็กชายมีสีหน้าตกตะลึงไม่น้อย   
 
เห็นดังนั้นหญิงสาวที่ชื่อพลอยจึงยกมือตบท้ายทอยเด็กหนุ่มดังปึ่ก   
 
"โอ๊ย ทำอะไรเนี่ย" 
 
"พูดอะไรไม่เข้าเรื่อง" เธอบ่น "พี่ไม่คิดสั้นขนาดไปคบกับเด็กมัธยมต้นหรอกนะ ให้ตายสิ จะทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดไปถึงไหนกัน" ว่าแล้วใช้มือข้างที่ประทุษร้ายอีกฝ่ายเขย่าตัวฟากฟ้าเบา ๆ   
 
เด็กชายตื่นจากภวังค์มองซ้ายทีขวาที   
 
"กลับมาแล้ว"   
 
"เป็นยังไงบ้าง"   
 
"เอ่อ ไม่เป็นไรครับ" ฟากฟ้าเกิดอาการเลิ่กลั่ก เขาไม่นึกชอบเป็นจุดสนใจ แน่นอนว่าต่อให้อีกฝ่ายจะมีกันเพียงแค่สองคนก็ตาม   
 
ยอมรับว่าเหนือความคาดหมาย ขุนเขามีแฟนแล้วอย่างนั้นหรือ ไม่แปลกนี่ถ้าจะมีแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเป็นรุ่นมหาลัย อีกทั้งยังสวยขนาดนี้ เพราะความมั่นใจที่ได้สาวงามขนาดนี้มาครองหรือเปล่าเลยทำให้ขุนเขามั่นใจในตัวเองและยื่นมือช่วยเหลือให้เขาจีบสาวสวยประจำโรงเรียน 
 
แต่ต้นทุนของพวกเขาไม่เหมือนกันสักหน่อย   
 
ขุนเขาเห็นสีหน้าฟากฟ้าออกเดาทันทีว่าคำแก้ตัวของพลอยไม่เข้าหัวแม้แต่น้อย   
 
เด็กหนุ่มหันไปมองหญิงสาวแล้วพยัดเพยิดหน้าไปทางฟากฟ้า 
 
"พ่อพลอยบอกแล้วว่าจะคุยกับที่บ้านผมให้นี่" 
 
"ขุน" น้ำเสียงหญิงสาวเย็นเฉียบ "ถ้าวันนี้ยังไม่กลับบ้านอย่าหาว่าพี่ใจร้ายนะ"   
 
"เฮ้ อะไรกันน่ะ ผมยัง...." 
 
"ไม่มีข้ออ้างใด ๆ ทั้งสิ้น !" เธอเอ่ยอย่างเหลืออด "อย่ามาทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาหน่อยเลย เจ้าเด็กสิ้นคิด !"   
 
พูดจบหญิงสาวก็คว้าคอเสื้อของเด็กหนุ่มให้ออกจากห้อง ด้วยความสูงที่มีเหนือกว่าทำให้ลากไปได้ไม่ยากเย็น เมื่อเห็นดังนั้นแล้วฟากฟ้าพลันรู้ตัวว่าตนไม่ควรนั่งอยู่กับที่ เขาหยิบหนังสือประมวลกฎหมายอาญาติดมือมาแล้วรีบเดินตามออกไป 
 
 "เฮ้ เดี๋ยว พลอย เดี๋ยว !" 
 
แต่หญิงสาวกลับไม่ฟัง ไม่รู้ผู้หญิงตัวแค่นี้มีแรงสู้ผู้ชายวัยรุ่นตอนต้นได้ยังไง ร่างขุนเขากะเผลกไปตามแรงดึงลงไปข้างล่าง   
 
เฮียวิทย์ยืนรอพร้อมลูกน้องหัวทอง   
 
ลูกสาวจึงแหวไปยังบิดาทันที 
 
"พ่อก็ตามใจขุนมันอยู่เรื่อย ! ไล่กลับบ้านไปเลยค่ะ เด็กแบบนี้เอาใจมากมีแต่จะเหลิง เราเป็นเจ้าบ้านอย่าได้เกรงใจ ดีซะอีกที่ลูกชายเค้าจะได้กลับบ้าน" เธอเทศนาให้บุพการีฟังเป็นชุด เจ้าของอู่ซ่อมมอเตอร์ไซค์ได้แต่ถอนหายใจพลางส่วนศีรษะอย่างระอา 
 
ไม่รู้เหนื่อยใจกับฝ่ายไหนดี   
 
พลอยโยนขุนเขากลับไปยังมอเตอร์ไซค์คู่ใจแล้วบอกว่า 
 
"ไปส่งเพื่อนด้วย"   
 
"เดี๋ยวก่อน !.. พลอย เดี๋ยว .. !" ขุนเขาร้องเรียกได้แค่นั้น ทว่าหญิงสาวไม่สนใจ เธอสะบัดหน้าหนีแล้วหมุนตัวออกจากจุดเกิดเหตุเดินขึ้นบ้านชั้นสองไปอย่างรวดเร็ว 
 
เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง หันมามองฟากฟ้าพลางยิ้มแห้ง 
 
"เอ่อ ..." 
 
"ไม่ต้องโทรบอกที่บ้านแล้วใช่ไหม" 
 
ฟากฟ้าถามเพียงแค่นั้นก่อนจะไปหยิบหมวกกันน็อคสีชมพูประจำตำแหน่งออกมา   
 
 
 
ฟากฟ้าคิดว่าบทเรียนจะมีประสิทธิพลต่อเมื่อทำแบบฝึกหัด ดังนั้นแล้วในระหว่างที่ชีวิตเขายังปกติสุขจึงพยายามลองฝึกฝน 
 
ส่วนขุนเขาหลังจากวันนั้นก็ทำตัวเป็นเด็กดีขึ้นหนึ่งในสี่ส่วน กล่าวคืออยู่ในห้องเรียนมากขึ้นแม้จะแอบหลับหรือแอบทำอะไรกับสมุดโนต (คงไม่ใช่จดที่อาจารย์บรรยายแน่นอน ฟากฟ้ามั่นใจ)   
 
บทเรียนต่อไปจะเริ่มหลังจากบทเรียนแรกประสบความสำเร็จ ฉะนั้นจึงสร้างความกดดันให้กับฟากฟ้าเพิ่มขึ้นเท่าตัว เพราะเขาคิดไม่ออกว่าจะเอาไปใช้กับพวกนั้นในตอนไหน   
 
ทว่าเพียงแค่คิดแบบนี้ไปได้ไม่กี่ชั่วโมง บททดสอบครั้งสำคัญก็ถูกประเคนให้ตรงหน้า 
 
ฟากฟ้าถูกชุนเรียกไปคุยที่หลังห้อง   
 
การกระทำอุกอาจโดยไม่เกรงกลัวสายตาครูบาอาจารย์ ระหว่างพักเที่ยงเด็กชายถูกกักตัวไม่ให้ไปรับประทานอาหารพร้อมเพื่อนในห้อง 
 
ชุนขนาบข้างมาด้วยลูกน้องตัวยักษ์อีกสองคน   
 
เหมือนมัลฟอยที่มีแครบและกอยล์อยู่เคียงข้าง 
 
"ไง คราวก่อนมีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยไว้ แต่คราวนี้อย่าคิดว่าจะรอดได้อีกล่ะ" 
 
น้ำเสียงของชุนช่างยโสเต็มที ทว่ามันคงเป็นจริงดังนั้นเมื่อทันทีที่ออดพักเที่ยงดังร่างของขุนเขาพลันหายวับไปกับตา แม้อีกฝ่ายจะบอกว่าเขาคือเพื่อน แต่ตอนกลางวันกลับไม่อยู่ทานข้าวด้วย ทำให้ความรู้สึกถึงว่าขุนเขาคือเพื่อนนั้นช่างบางเบาเหมือนกระดาษ 
 
ยักษ์วัดแจ้งสองตนมองฟากฟ้าราวกับว่าเขาคือเหยื่ออันโอชะ บางทีพวกนี้อาจไม่ได้กินข้าวอย่างที่เด็กม.ต้นควรทำ   
 
ความกดดันจากทั้งสามทำให้คำพูดขอเด็กชายจุกอยู่ในลำคอ เงาทาบลงมาบนศีรษะเกิดเป็นความมืดล้อมรอบตัว 
 
บอกแล้วว่าต้นทุนมันต่างกัน แค่สรีระเขายังแพ้ทางหลุดรุ่ย เรื่องคิดจะต่อกรคงเป็นเรื่องเพ้อฝัน 
 
เท้าขวาก้าวถอยหลังตามด้วยเท้าซ้าย พวกนั้นตามมาจนหลังชิดผนัง ไร้ทางต่อเขายิ่งมืดแปดด้าน 
 
หลักสูตรบ้าบออะไรไม่เห็นได้ผลสักนิด ! ฟากฟ้าเริ่มโวยวายในใจพลางโทษทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว ทั้งที่คิดว่าการที่ได้รู้จักกับขุนเขาจะทำให้มันดีขึ้น แต่เปล่าเลย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น 
 
มีแต่เขาที่ทึกทักไปเอง   
 
ชุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอวดดีว่า 
 
"โดนไอ้ขุนเป่าหูอะไรมาไม่ใช่หรือไง งัดเอามาใช้ซะสิ"   
 
แม้จะเป็นพวกชอบใช้กำลังแต่ชุนถือว่าเป็นเด็กฉลาดพอตัว นั่นเพราะชุนแทบไม่ต้องลงมือต่อยตีเอง ลูกน้องในสังกัดเยอะ จึงไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงในการวิวาทแต่ละครั้ง 
 
ทว่าคำพูดของชุนทำให้ฟากฟ้านึกขึ้นได้   
 
ที่ขุนเขากระซิบข้างหูนั่น 
 
คำเรียบง่ายและบ้าบิ่นจนคิดว่านี่เอาจริงแล้วใช่ไหม   
 
เสียงของขุนเขาดังขึ้นในห้วงความจำ   
 
"สู้ ๆ นายทำได้อยู่แล้ว" 
 
หน้าของชุนเข้ามาใกล้ อีกไม่กี่วินาทีคงได้เจ็บตัว   
 
ฟากฟ้าสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วจ้องมองไปในดวงตาของอีกฝ่าย   
 
ชุนหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของเด็กขี้แยตรงหน้า 
 
"อ..อะไร ?" 
 
"น...นี่นายไม่รู้จริง ๆ หรือว่าการทำร้ายร่างกายผู้อื่นด..โดยเจตนาเป็นความผิด ?" น้ำเสียงตะกุกตะกัก มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นข้างลำตัว ฝีเท้าหยุดนิ่ง คอยสะกดจิตบอกตัวเองว่ามั่นเข้าไว้ 
 
"หา ?"   
 
ชุนมองสิ่งมีชีวิตชั้นล่างสุดของห่วงโซ่อาหารราวกับไส้เดือนที่ริบังอาจชูแผงคอขึ้นเประหนึ่งตนมีกระดูกสันหลัง 
 
"เพ้อเจ้ออะไรของนาย" 
 
"ม..ไม่รู้เหรอว่าพวกเรา..ม..มีกฎหมายเยาวชนใช้อยู่ เด็กที่อายุ10-15 ปีโทษขั้นสูงสุดคือส..ส่งสถานกักกัน" ฟากฟ้ารู้สึกได้ว่าคำพูดของตนนั้นห่างจากการบลัฟที่แท้จริงเหมือนฟ้ากับเหว   
 
แต่มันคุ้มค่าพอที่ทำให้จิตใจของอีกฝ่ายสั่นไหว 
 
"พูดไม่รู้เรื่อง" ทว่าแววตากลับแสดงอาการเล็กน้อย   
 
ยักษ์สองตนจ้องมองหน้ากันแบบงุนงง   
 
เกิดความเงียบ 
 
จู่ ๆ ชุนแสยะยิ้ม ฟากฟ้าพลันขนลุกซู่ 
 
"นายลองมองดูรอบตัวนายตอนนี้สิฟ้า" ชุนเอ่ย "มีใครนอกเหนือจากพวกเราสี่คนอย่างนั้นเหรอ" 
 
ชุนกลับมาถือไพ่เหนือกว่าอีกครั้ง การตักเตือนจากฟากฟ้าด้วยกฎหมายไม่ได้ผล เด็กชายมั่นใจว่าโดยทั่วไปเด็กทุกคนมักกลัวสิ่งที่เรียกว่าตำรวจและกฎหมายเพราะเป็นสิ่งที่ตนไม่รู้ ทว่ากับชุนนั้นไม่ใช่ เขาคลุกคลีกับเรื่องแบบนี้มานับตั้งแต่จำความได้ 
 
ฟากฟ้าส่ายศีรษะแทนคำตอบ ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากพวกเขาสี่คน   
 
ดังนั้นแล้วชุนจึงเฉลยให้ด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ 
 
"นายจะเอาหลักฐานมาจากไหนเมื่อพยานแวดล้อมก็เป็นคนของฉัน"   
 
พลาดเข้าจังเบอร์   
 
ฟากฟ้าอ้าปากค้างเล็กน้อยด้วยความตกใจ ถ้ายักษ์สองตนนี้เป็นลูกน้องที่รับฟังตามคำสั่งของชุนอย่างเดียวแล้วคงไม่แคล้วถูกบังคับให้รูดซิปปากสนิทแน่ ซ้ำยังจะกุเรื่องให้เขาเป็นฝ่ายผิดได้ด้วย   
 
เบื้องหน้ามืดสนิทอีกครั้ง รอยยิ้มของชุนยามนี้น่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งใด เด็กชายหลุบตาลงต่ำมองพื้น หากหงายการ์ดขนาดนี้แล้วคงหยิบกลับมาใช้ไม่ได้อีก เพราะจะสยบชุนนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย 
 
ทั้งสามสาวเท้าเข้ามาใกล้ ชุนโน้มหน้าเข้าหาเด็กขี้แยด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน   
 
"หมดไม้ตายแล้วเหรอ"   
 
ฟากฟ้าไม่ตอบ น้ำตาเริ่มคลอเบ้า 
 
สุดท้ายแล้วเขาก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย ป้อมปราการที่ใหญ่สุดได้ทำลายความเชื่อมั่นลงในพริบตา แบบนี้คงไม่ต้องพูดเรื่องสมหวังกับเธอคนนั้น พาลแต่จะยิ่งแย่หนักกว่าเดิม 
 
เพราะชอบผู้หญิงคนเดียวกันทำไมถึงต้องรังเกียจรังแกกันขนาดนี้ ทำไมถึงสู้กันแฟร์ ๆ ไม่ได้ ยังไงภาษีของชุนย่อมดีกว่าคนแบบเขาอยู่แล้ว 
 
ฟากฟ้าทำใจว่าหมัดเจ้ายักษ์คู่นี้คงหนักน่าดู พวกมันไม่ต่อยหน้า ไม่ทำร้ายในจุดที่คนภายนอกเห็น   
 
ชุนเป็นนักเลงที่มีมันสมองอย่างแท้จริง 
 
ในขณะที่การรุมทำร้ายเพื่อนร่วมชั้นจะเกิดขึ้น สิ่งหนึ่งได้หยุดคนทั้งสี่เอาไว้ 
 
ฟากฟ้าขอเรียกมันว่าเสียงสวรรค์   
 
"ถ้าถามหาหลักฐานล่ะก็ ฉันว่าฉันมีนะ"   
 
ที่ประตูห้องร่างของขุนเขายืนจังก้าอยู่ด้วยรอยยิ้มเอกลักษณ์เช่นทุกที ท่าทางยังคงท้าทายชุนไม่เปลี่ยนแปลง   
 
ชุนหรี่ตามองอย่างจับผิด 
 
"หลักฐานที่ว่าคือนายน่ะเหรอ พวกเดียวกันจะดีเหรอ" 
 
"ใครบอกพวกเดียวกัน ?" ขุนเขาว่า "ฉันมันคนกลาง คนที่สาม และคนที่เดินผ่านมาเท่านั้น" เด็กหนุ่มว่าพลางยักไหล่แล้วเดินเข้ามาหา สรีระของขุนเขากับชุนไม่ต่างกันมาก ทั้งคู่สามารถจ้องมองตากันได้อย่างสูสี   
 
ไม่มีใครยอมใคร   
 
ทุกคนรู้ดีว่าชุนพยายามท้าทายขุนเขาอยู่หลายครั้ง แต่ผลที่ได้คือมักยอมแพ้โดยที่ตัวเองยังไม่สู้อยู่ร่ำไป ขนาดที่ว่าลูกน้องคนที่เก่งเรื่องต่อยตีที่สุดยังไม่สามารถทำอะไรขุนเขาได้ ชุนคงรู้ผลแพ้ชนะของตัวเองแล้ว 
 
แต่หากเป็นเรื่องของการบลัฟปะทะคารมยอมรับว่าบางครั้งสองคนนี้ค่อนข้างเฉือดเชือน 
 
"ช่างกล้าประกาศตัวจังนะ ทั้งที่ช่วยหมอนี่มาแล้ว" 
 
"เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฉันไม่เคยช่วยเหลือใคร" 
 
"อ้อ นายไม่มีเพื่อน" 
 
"แล้วถ้าฉันมีเพื่อนนายจะเลิกรังแกเพื่อนของฉันหรือเปล่าล่ะ" ข้อเสนอดังกล่าวทำให้ฟากฟ้าถึงกับหูผึ่ง เด็กชายหันไปมองขุนเขาอย่างไม่เชื่อสายตา   
 
อีกครั้งที่ขุนเขาออกตัวว่าเป็นเพื่อนด้วย   
 
ทว่าชุนกลับแค่นหัวเราะ 
 
"เพื่อนของนายหรือจะพี่น้องของนายหากมันผู้นั้นมาขวางทางฉันล่ะก็ไม่มีทางเก็บไว้"   
 
"ต่อให้ต้องมีเรื่องกับฉันก็ตามน่ะนะ" 
 
ชุนสะอึกเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้างเสี้ยววิก่อนจะปรับสีหน้าปกติเช่นเดิม จากนั้นหันไปมองฟากฟ้าที่ยืนตัวสั่นหลังติดผนังห้องเหมือนลูกหมาหิวโซ   
 
"นายจะลดตัวไปช่วยคนพรรค์นี้ทำไม" 
 
"เพื่อนฉันไง ยังบอกนายไม่ชัดเจนอีกเหรอ"   
 
สีหน้าของชุนไม่ค่อยเชื่อในคำพูดนั้นเท่าไหร่ เพราะรอยยิ้มของขุนเขายังไม่แสดงให้เห็นถึงความจริงแม้แต่เสี้ยว 
 
เป็นคนเดาความคิดยาก และคงไม่คิดเผยไต๋ออกมาง่าย ๆ   
 
ชุนขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด มองกองกำลังของตนอย่างพิจารณาก่อนจะหันไปหาฟากฟ้าที่เหมือนยืนตัวแข็งไปเสียแล้วอย่างขุ่นข้องใจ   
 
คนแบบนี้มีอะไรให้น่าปกป้อง   
 
อย่าบอกนะว่า ..?   
 
"นายชอบหมอนี่เหรอขุน" ถามพลางชี้ไปยังเด็กขี้ขลาด   
 
ทว่าขุนเขากลับหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น 
 
"อย่ายัดเยียดรสนิยมแบบนั้นมาให้ฉันสิ นายเองก็รู้จักฉันดีไม่ใช่หรือไง"   
 
จริงดังที่เด็กหนุ่มว่า แต่ชุนมองไม่เห็นเหตุผลใดที่จะให้ขุนเขาออกตัวเพื่อหมอนี่ได้เลย   
 
หรือเป็นเพื่อนกันจริง ๆ ?   
 
เกิดความเงียบรอบตัว ชุนเริ่มคิดหนักขึ้น แต่กลับไม่พบสาเหตุได้เลย สุดท้ายจึงยกธงยอมแพ้ 
 
"เอาเถอะ คราวนี้ฉันจะยอมยกให้นายก็ได้" ชุนกล่าวในที่สุด "แต่อย่าลืมนะว่านายไม่สามารถคุ้มกันหมอนี่ได้ตลอด สักวันหนึ่งหากพลาดขึ้นมาแล้วฉันไม่แม้แต่จะให้เวลาพูดคำว่าขอโทษจนจบด้วยซ้ำ" สมเป็นลูกชายตำรวจ หนักแน่นและแน่วแน่ มีการตัดสินใจที่แม่นยำและรัดกุม 
 
ขุนเขายิ้มกว้าง 
 
"แสดงว่านายยอมรับว่าหมอนี่เป็นคู่แข่งแล้วสินะ" 
 
ชุนหัวเราะขึ้นจมูกอย่างดูแคลน มองฟากฟ้าด้วยหางตาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า 
 
"เอาสิ ถ้าคนของนายมีปัญญา"   
 
ชุนทิ้งไว้แค่นั้นแล้วบอกยักษ์ข้างกายออกจากห้องเรียนไปในที่สุด 
 
เหลือเพียงเด็กหนุ่มและเด็กชายเพียงสองคน 
 
เมื่อทุกอย่างเหมือนจะจบลงแล้วเรี่ยวแรงของฟากฟ้าพลันหมดไปดื้อ ๆ เขานั่งลงไปกองกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม 
 
"เฮ้ ! นายร้องไห้ทำไม"   
 
ขุนเขาร้องเสียงหลงเมื่อเห็นหยาดน้ำใสไหลจากเบ้า ขนตาเปียกชื้นเป็นแพ ฟากฟ้าช้อนตามองขุนเขาด้วยใบหน้าที่เหยเก 
 
"ฮืออออออออออ
 
อีกแล้วเรอะ ... 
 
ทว่าเรื่องที่่ทำให้ฟากฟ้าหลั่งน้ำตากลับไม่ใช่เรื่องเดียวกับที่ขุนเขาเข้าใจ 
 
"ยอมรับฉันเป็นเพื่อนของนายแล้วใช่ไหม ฮืออออออ จริง ๆ ใช่ไหม" 
 
ประโยคนั้นทำเอาขุนเขารู้สึกแปลกใจไม่น้อย ร้องไห้เพราะตนบอกว่าเป็นเพื่อนกันเนี่ยนะ ? ไม่เห็นจะเข้าใจเลย   
 
ทว่าเมื่อลองมองย้อนกลับไปตั้งแต่อยู่ห้องเดียวกันมาเหมือนฟากฟ้าจะอยู่คนเดียวตลอด ขนาดโดนพวกชุนแกล้งยังแอบไปร้องไห้คนเดียวที่ห้องน้ำตึกเก่าเลยนี่นา 
 
ดีใจที่เป็นเพื่อนกับคนอย่างเขาอย่างนั้นเหรอ ? 
 
เด็กเกที่ทุกคนต่างไม่อยากจะข้องเกี่ยวเนี่ยนะ ?   
 
จู่ ๆ ขุนเขาพลันรู้สึกเขินเอาดื้อ ๆ เขาหันหน้าไปทิศตรงข้ามกับเจ้าเด็กขี้แยแล้วเกาแก้มตัวเองเบา ๆ   
 
"อ..อือ แต่วางใจไม่ได้หรอกนะ ฉันรู้ว่าเจ้าชุนเป็นพวกกัดไม่ปล่อย"   
 
ฟากฟ้าตอบด้วยเสียงสะอื้นดังฮึก   
 
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา 
 
ท่ามกลางพวกเขามีเพียงความรู้สึกที่แปลกใหม่   
 
'เพื่อน' ที่ทั้งคู่ต่างยังไม่เคยสัมผัส 


 
 


Talk with M@medaZ-s :
ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันแบบมึน ๆ แล้วนะคะ ฮาาาาาา
ชุนเริ่มมีบทบาทมากขึ้น ขอถามนิดหนึ่งค่ะ ชุน กับขุนเขา อ่านยากกันไหมคะ ?
ชื่อน้องชุนนี่คิดเพียงชั่ววูบน่ะค่ะ ดันไปซ้ำเสียงสระกับตัวสะกดเดียวกับน้องขุนเข้าเสียได้

อย่าเพิ่งหมั่นไส้น้องชุนไปเสียก่อนนะคะ
เพราะทางคนแต่งชักหลงรักน้องไปแล้วล่ะค่ะ ฮาาาา

ขอบคุณสำหรับการติดตามเช่นเคยนะคะ จะพยายามต่อไปค่ะ

 :katai4:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
หลงรักน้องชุนงี้ต้องหาคนมาปราบน้องนะคะ (ฮา)


:)

ออฟไลน์ Jitsupa_milk

  • Just Milky('s) Way
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น่ารักก
สรุปแล้วพลอยก็ไม่ใช่แฟนจริงๆ ขุนเขานี่ขี้ตู่จัง :เฮ้อ:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เรื่องของเด็กๆก็น่ารักดีนะ
เท่าที่อ่านมาชุนก็ดูฉลาดดีนี่ เสียแต่ชอบรังแกฟ้าแหละ

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
เขาว่า เด็กๆเวลาชอบใคร มักจะแกล้งคนนั้นบ่อยๆนะ 5555555

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ต่างฝ่ายต่างเพิ่งเคยสัมผัสคำว่าเพื่อน เป็นการเริ่มต้นที่ดี :interest:

ออฟไลน์ mamedaz-s

  • Master Luck F
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-03-2016 13:15:20 โดย mamedaz-s »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ฮุฮุ

น้องไม่รุ้จักเดทเหรอคะ?

น่ารักเกินไปแล้ววววววววววว  :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ฟากฟ้า ไม่เข้าใจอะไรลูก เลิกจีบ ผญ เถอะฟ้า รอ ผู้ชายมาจีบ น่าจะเหมาะกว่านะ 555. น่ารักเกินไปแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด