❤ หลงกาว(น์) ll Love Addict ❤ [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤ หลงกาว(น์) ll Love Addict ❤ [END]  (อ่าน 427303 ครั้ง)

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
ยิมจ๋า ทำใจซะนะ เสียใจตอนนี้ยังดีกว่าเสียใจไปตลอดชีวิตอ่ะ  :hao5:
หลังจากนี้ก็เดินหน้าจีบหมอปายต่อโลดดดด

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ช้ำ  :hao5:
เอาน่าไปเคลียให้เรียบร้อย แล้วค่อยกลับมาคิดว่าจะเอาไงต่อ

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17

              หลงที่ 12 : การตัดสินใจ







          [หมอปาย]



         ผมกำลังขับไปตามท้องถนนโดยเหลือบตามองทางสลับกับการสอดส่ายสายตาหาใครบางคน ผมไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ผมถึงได้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อนอย่างการตามหาใครบางคนเพียงเพราะมันกำลังติดต่อไม่ได้ เหตุเกิดจากก่อนหน้านี้เสียงออดหน้าประตูดังขึ้นพร้อมกับการมาเยือนของเพื่อนสนิทของไอ้ยิมซ้ำยังพ่วงเอาไอ้หนึ่งเพื่อนที่ผมรู้จักตั้งแต่ปีหนึ่งมาด้วย ทั้งคู่มีสีหน้าเคร่งเครียดตอนที่มาถึงพร้อมกับยิงคำถามเข้าประเด็นเลยทันทีที่ผมเปิดประตูห้องรับ


       “ ไอ้ยิมอยู่ที่นี่มั้ยครับ” เพื่อนไอ้ยิ้มมันเปิดปากพูดก่อน

       ในตอนนั้นผมส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความมึนงง

       “ แล้วมันติดต่อมึงมารึเปล่าวะ” คราวนี้ไอ้หนึ่งถามอย่างร้อนใจ

       “ ไม่”

       “ เชี่ยเอ้ย” เพื่อนไอ้ยิมสถบจนชวนให้สงสัย

       “ เกิดอะไรขึ้น”



        พวกนั้นไม่ได้ขยายความอะไรมากมายบอกเพียงแค่ว่าตอนนี้มันมีเรื่องไม่สบายใจแล้วก็หายไปจนติดต่อไม่ได้ แต่สีหน้าเป็นกังวลของคนทั้งคู่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรที่มากกว่านั้น หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปพร้อมฝากฝังผมว่าถ้าหากมันติดต่อมาหาให้โทรบอกพวกมันด้วย ผมรับคำโดยที่ขาทั้งสองข้างพาก้าวมายังรถส่วนตัวก่อนที่จะพามันทะยานมาตามท้องถนน ผมได้ยินว่าพวกนั้นเตรียมแยกกันไปตามหาที่ต่างๆที่ไอ้ยิมเคยไป พวกนั้นไม่ได้ขอร้องให้ผมช่วยเหลือแต่เหมือนร่างกายผมทำตามคำสั่งนั้นอย่างอัตโนมัติ


        นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ผมขับรถออกมายามค่ำคืนเพื่อตามหามัน ทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เราเป็นแค่เพื่อนข้างห้องเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น แต่ทำไมผมต้องทำแบบนี้ ความรู้สึกห่วงใยที่มันเกิดขึ้นนี้มันคืออะไรกัน

       “ แค่เพื่อนงั้นเหรอ”

       ผมหวนนึกถึงสิ่งที่พูดกับมันเมื่อเย็น นึกถึงสิ่งที่มันร้องขอความเป็นเพื่อนระหว่างเราก็พอจะมีเหตุผลเข้าข้างตัวเองว่าที่ผมทำไปทั้งหมดนั่นหมายถึงผมห่วงมันในฐานะเพื่อน

      ...แค่เพื่อนที่รู้จักคนหนึ่ง...

       หลายชั่วโมงที่ขับรถวนไปมาพร้อมกับโทรไปยังเบอร์ของมันที่ขอมาจากไอ้โอ๊คเพื่อนมัน น่าแปลกที่เรารู้จักกันมาตั้งนานแล้วผมไม่เคยคิดที่จะแลกเปลี่ยนเบอร์มือถือกับมัน ช่างเป็นความสัมพันธ์ของคนรู้จักที่ดูประหลาด

       สุดท้ายผมไปจอดรถอยู่ตรงสวนสาธารณะแห่งหนึ่งจำได้ว่ามันเป็นสถานที่เดียวกับที่ครั้งหนึ่งเคยมาวิ่งตากฝนกับมัน เวลาในขณะนี้เกือบเช้าแล้วเพราะแสงจากดวงอาทิตย์กำลังสาดส่องลงมาทำให้ความมืดมิดรอบกายกลับค่อยๆสว่างไสวขึ้น ผมไม่คิดว่าจะเจอมันที่นี่หรอกเพียงแค่อยากจะพักบ้างหลังจากขับรถวนไปมาอย่างไม่มีจุดหมาย ทั้งๆที่ผมสามารถเฝ้ารอข่าวมันได้ที่ห้องแต่ใจมันร้อนรนมากกว่าที่จะนิ่งเฉยได้ สุดท้ายถึงได้มานั่งจดจ่ออยู่นี่ที่อย่างมืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี

       ผมขยับปลายเท้าเดินเหยียบไปตามสนามหญ้าสีเขียวและในวินาทีนั้นผมเห็นคนที่ตามหามาทั้งคืนนั่งพิงต้นไม้มองไปยังสระน้ำเบื้องหน้า ผมไม่เห็นสีหน้ามันหรอกเห็นแต่แผ่นหลังที่เหยียดตรงแค่เห็นว่ามันปลอดภัยความรู้สึกถ่วงในอกก็แทบจะสูญสลายหายไป ผมพ่นลมหายใจแรงๆทีนึงแล้วยืนมองมันนั่งนิ่งโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง



        “ มึง”

       มันขยับศีรษะเงยขึ้นพร้อมกับหยีตาแล้วเพ่งโฟกัสมาที่ผม สีหน้ามันดูซีดเผือดแววตาที่เคยเปล่งประกายกลับหมองลง มันยิ้มให้ผมก่อนจะขยับตัวแบ่งพื้นที่ให้ผมนั่งด้วย

        “  หมอมาทำอะไรแถวนี้ครับ”

       มันถามโดนไม่หันมามองหน้าผมด้วยซ้ำ ผมจึงเพิ่งสังเกตสีหน้าด้านข้างของมันนิ่งๆ ในมือมันกำโทรศัพท์มือถือมียี่ห้อแน่นไม่ยอมปล่อย

        “ มึง”

        “ ครับ”

        “ หิวมั้ย”

        ผมถามมันเสียงเรียบ เหม่อมองไปเบื้องหน้า “ นิดหน่อยครับแล้วหมอล่ะ”

        “ กูหิว”
 
       ผมตอบเบาๆเพิ่งนึกว่าตลอดค่ำคืนที่ผ่านมาผมยังไม่มีอะไรตกถึงท้องด้วยซ้ำ มันหันมามองผมแล้วยิ้มอ่อนๆ

        “ อยากกินสปาเก็ตตี้แกงเขียวหวานจังหมอ”
 

        “ งั้นก็ลุกสิ เดี๋ยวก็พาไปกินร้านอร่อยๆ”

         มันส่ายหน้าไปมา “ อยากกินฝีมือหมอ” แววตาอ้อนเหมือนเด็กหลงทางของมันทำเอาผมชะงักไปทำอะไรไม่ถูก

        “ แค่บอกเฉยๆหมอไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นก็ได้ แค่บอกว่าอยากกินหมอไม่ต้องลำบากทำหรอก” ผมพูดยิ้มๆสีหน้าแววตาดูร่าเริงเกินไปจนผมรู้สึกได้ว่ามันกำลังกลบเกลื่อนร่องรอยความเจ็บปวด

        “ หมอยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลยว่าหมอมาที่นี้ได้ยังไง”

        “ ถ้ากูตอบว่ามาตามมึงล่ะ”

        “ ถ้าเป็นเรื่องจริงผมโครตดีใจเลยนะหมอ” มันยิ้มกว้างสีหน้าดีใจจริงๆเหมือนที่มันพูดไม่มีผิด แววตาคู่คมวาววับราวกับยินดีเสียเต็มประดา

        “ กูพูดจริง”

        “ ต่อให้มันไม่ใช่เรื่องจริง ต่อให้หมอโกหกเพื่อให้ผมรู้สึกดี แต่แม่งโครตได้ผลเพราะผมโครตดีใจเลย ผมดีใจมากๆเลยครับหมอ”


       มันหันมาสบตากันผม ใบหน้าคมคายของมันคลี่ยิ้มน้อยๆ

       “ กูตามหามึงจริงๆ ไม่เชื่อดูโทรศัพท์สิ กูโทรหามึงตั้งหลายรอย”

       มันทำหน้าตื่นก่อนจะยิ้มมุมปาก “ คงเป็นเบอร์แปลกๆที่ไม่ได้รับมั้งครับ ขอโทษด้วยที่ผมไม่รับสายหมอ”

       “ อืม”

       “ หมอรู้มั้ยว่าตอนที่ผมทุกข์ใจ หมอเหมือนเป็นแสงสว่างของผมเลยนะ”

       “ งั้นเหรอ”

       “ แม่งโครตเจ็บปวดเลยวะหมอ” สีหน้ามันเหมือนกำลังเจ็บปวด แต่พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกนั้นทิ้ง “ ข้างในผมแม่งโครตแย่เลย”

       “.....”

       “ กรรมกำลังจะตามสนองผมแล้ว”

       “ ทำไม”

        “ ขณะที่ผมกำลังคิดนอกใจแฟน แต่ผมดันถูกเซอร์ไพร์สกลับแบบไม่ทันตั้งตัว”
มันแค่นยิ้ม “ น่าสมน้ำหน้ามั้ยละหมอ”


         ผมส่ายหน้าไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรหรอก แต่พอจะคาดเดาได้ว่าคนทะเล้นแบบมันมีเรื่องทุกข์ใจทีเรื่องนั้นคงใหญ่น่าดูไม่งั้นทั้งเพื่อนสนิทมันและไอ้หนึ่งคงไม่ร้อนรนตามหามันแทบจะทั้งคืน

        “ ผมไม่อยากให้เรื่องที่ได้ยินมาเป็นเรื่องจริง” น้ำใสๆคลอหน่วยตามัน “ เพราะนั่นหมายถึง....” มันหยุดพูดก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

        “ ถึงมันจะแย่แค่ไหนมึงก็ต้องยอมรับมัน” ผมพูด “ กูรู้มันยากแต่เชื่อเถอะว่ามึงทำได้”

        “ โครตแย่เลยวะหมอ”

        “ อืม”


       ผมไม่ใช่คนที่ปลอบคนเก่ง ผมรู้ว่าตัวเองทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีหรอก ผมแค่อาศัยความเงียบแล้วนั่งอยู่เป็นเพื่อนมันเท่านั้น ผ่านไปพักนึงมันจึงหันมายิ้มให้ผมถึงแม้จะเป็นยิ้มดูซีดเผือด


       “ ถ้ามันฝืนขนาดนั้นมึงก็ร้องออกมาเถอะ”

       มันสบตาผมแล้วยิ้มกว้างแต่เป็นยิ้มที่คนเห็นรู้สึกเจ็บปวดแทน “ ไม่เอาหรอกหมอ ถ้าผมร้องไห้ต่อหน้าหมอผมคงเป็นคนที่โครตอ่อนแอในสายตาหมอแน่ๆ”

        “แล้วมึงจะเข้มแข็งไปทำไม”

        “ เพื่อให้ผมดูดีในสายตาหมอมั้ง”

        เราสบตากันแล้วมันก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่น

        “มึงเคยบอกกูว่า ‘เหนื่อยก็ต้องพัก เจ็บหนักก็ต้องรักษา...และถ้ารู้สึกไม่ไหวมาก็ต้องระบายให้ใครสักคนได้ฟัง’ จำได้มั้ย”


        “ ครับ”

        “ คนเราไม่ต้องเข้มแข็งไปซะทุกอย่างหรอก”

        มันหันมาสบตาผม “ ผู้ชายร้องไห้ไม่ใช่เพราะว่าอ่อนแอบางทีก็แค่อยากจะระบายให้ใครสักคนได้ฟัง”

         “ แค่หมออยู่ตรงนี้ทุกอย่างก็ดีขึ้นแล้ว”

         พูดจบมันก็หันมองไปเบื้องหน้า

          “ กูหิวแล้ว” ผมเอ่ยขึ้นก่อนจะผุดลุกนั่งโดยมีมันผุดลุกตามมาติดๆ ถึงแม้สีหน้ามันจะดูแย่แค่ไหนแต่อย่างน้อยก็สบายใจได้ว่ามันคงจะทำใจได้ไม่นาน


          “ หมอ”

          “ หืม”

          “ขอให้หมอช่วยอะไรสักอย่างสิ”


          ผมชะงักปลายเท้าแล้วเอี้ยวตัวหันไปมองมัน “ ไปส่งผมที่สนามบินหน่อยได้มั้ย”

           “อืม”




     .

     .

     .


      หลังจากที่พวกเรากินข้าวกันเรียบร้อยแล้วผมก็ขับรถพาไปมันไปส่งที่ดอนเมืองโดยก่อนหน้านั้นผมโทรไปบอกไอ้หนึ่งให้รู้ว่าตอนนี้ผมเจอมันแล้วคาดว่าพวกเพื่อนของมันคงอยู่ด้วยกัน เพราะมันบอกว่าจะไปรอเจอไอ้ยิมที่สนามบิน


      “ ยิม”

       เมื่อไปถึงสนามบินนอกจากไอ้หนึ่งและไอ้โอ๊คแล้วยังมีเนมมายืนรอตรงบริเวณช่องทางผู้โดยสารขาออกทุกคนมีสีหน้ากังวลและดูเป็นห่วงเป็นใยไอ้ยิมไม่น้อยโดยเฉพาะเนมที่ถึงกับน้ำตาคลอเมื่อไอ้ยิมมันไปถึง

       “ ยิม”

       เนมมันพุ่งเข้ากอดมันแล้วถึงกับร้องไห้ ไอ้ยิมฝืนยิ้มให้เพื่อนแล้วลูบศีรษะเนมเบาๆ

       “ พวกมึงมากันทำไมเยอะแยะเนี่ย”

       “ กูจะไปด้วย” โอ๊คมันไม่ตอบคำถามแต่บอกความต้องการของตัวเองทันที

       “ อย่าเลย”

       “ มึงไหวเหรอ” ไอ้หนึ่งมันถามตบบ่าน้องมันสีหน้าดูเป็นกังวล
 
       “ ไหวพี่” มันตอบ “ ผมอยากให้ทุกอย่างมันชัดเจนสักที”

       “ ให้พวกกูไปด้วยเถอะ”


        มันส่ายหน้าก่อนจะหันมาสบตากับผม แววตาของมันดูไม่มีประกายเหมือนเคย ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะไหน แต่พอจะรู้ว่าสาเหตุของความทุกข์ใจของมันครั้งนี้ต้องเกี่ยวข้องกับใครคนที่ทำให้มันเจ็บปวดและคนๆนั้นต้องเป็นมีความสำคัญกับมันมาก
ผมสัมผัสได้ว่ามันกำลังเจ็บปวดเสียใจอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ผมเคยเจอแต่ภาพใบหน้าทะเล้นๆและรอยยิ้มกวนๆของมันบอกตรงๆว่าทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นคนอย่างมันทำหน้าเศร้าใบหน้าคมคายพยายามฝืนยิ้มให้ทั้งที่รู้ว่ามันช่างยากเย็นเหลือแสน

       คนสำคัญคนนั้น ผู้หญิงของมันคงทำให้มันเจ็บปวดน่าดู ก่อนหน้านี้ผมได้ยินมันตัดพ้อเงียบๆแต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ตลอดเวลาที่มันพูดถึงเขาผมสัมผัสว่ามันคงรักเธอคนนั้นมากทีเดียว  มันเหมือนกับคนเสียศูนย์และเหมือนว่ามันเสียหลักจนทำอะไรไม่ถูก ผมรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ถูกกดทับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มให้กับผู้อื่น


       ท่าทางประหลาดแบบนี้ทำให้รู้สึกไม่คุ้นชินจนหวนคิดถึงใบหน้าคมคายที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม

       น่าแปลกที่ผมกำลังคิดถึงยิมคนก่อนหน้านี้

       “ ไม่ต้องห่วงกูเหรอ” มันปฏิเสธเนมซึ่งมันโอบกอดอยู่

       “ สัญญานะ”

       “.......”

       “ สัญญาว่ามึงต้องกลับมาพร้อมรอยยิ้ม”

      มันพยักหน้ามองผ่านไหล่ของเนมมาสบตากับผมอีกครั้ง “ สัญญาว่าจะกลับมาทำให้ดีที่สุด”

       “ แน่ใจเหรอว่าจะไม่ให้พวกกูไปด้วย”

       ไอ้หนึ่งถามซ้ำอีกครั้ง แต่มันยังส่ายหน้าปฏิเสธเช่นเดิมจนพวกเพื่อนมันถอนหายใจ คนเหล่านั้นหันมามองผมแล้วขอร้องด้วยสายตาประมาณว่าให้ช่วยพูด แต่ผมได้แต่ยืนนิ่งมองมันเดินมาหยุดยืนเบื้องหน้า

        “ อย่าขอร้องผมแทนพวกมันเลยหมอ”

        “ มึง”

        “ ถ้ามันเป็นความจริงที่ผมต้องเผชิญผมขอไปตามหาความจริงด้วยตัวเอง”

        “ แต่”

        มันยิ้มน้อยๆเป็นรอยยิ้มที่เริ่มดูดีขึ้น

        “ ผมอยากให้หมออวยพร”

        “ กูไม่รู้จะพูดอะไร”

        “ หมอบอกว่าขอให้ผมเดินทางโดยสวัสดิภาพแบบคนทั่วไปก็ได้”

        ผมส่ายหน้า “ มึงต้องกลับมาเป็นยิมคนเดิม” ผมหลุบตามองพื้น “ เพราะยังมีเพื่อนๆของมึงรออยู่”

        “ แล้วหมอล่ะ”

        “ กูก็ยังอยู่ที่เดิม”

        มันหัวเราะออกมาทั้งที่สีหน้าไม่แจ่มใสนัก เรียกความสนใจจากเพื่อนๆของมันที่หันมามองอย่างสงสัย มันยิ้มให้ผมเสียกว้างแล้วเดินกลับไปหาเพื่อนมัน ไอ้โอ๊คถอนหายใจก่อนจะยื่นตั๋วเครื่องบินไปภูเก็ตให้ มันรับมาก่อนจะกวาดสายตามองทุกคนอีกครั้งแล้วตัดสินใจเดินเข้าเกทไป

        ทุกคนถอนหายใจแรงๆแล้วไอ้หนึ่งก็เดินมาตบไหล่ผลแล้วพึมพำขอบคุณที่มาช่วยตามหาน้องมัน ไอ้โอ๊คหันมาก้มศีรษะให้ผมเป็นเชิงขอบคุณเช่นกัน ส่วนเนมสบตาผมแล้วยิ้มเพียงแค่แวบเดียวก่อนจะหลุบมองพื้นจนน่าประหลาดใจ ยังไม่ทันที่ผมจะไถ่ถามว่าน้องรหัสผมเป็นอะไร เนมก็เดินเลี่ยงไปอีกทางแล้วโดนมีโอ๊คเดินตามไปติดๆ พอดีกับที่มีเสียงข้อความเข้าโทรศัพท์ของผมเจ้าของความดังกล่าวเป็นเบอร์คุ้นเคยที่จดจำได้ขึ้นใจตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา

        ...ผมก็จะกลับไปที่เดิมเหมือนกัน...

        น่าแปลกที่ผมดันเผลอยิ้มกับถ้อยคำเพียงแค่บรรทัดเดียว






********************************************************



       “ เนม”

       “ เนมมึงจะรีบเดินไปไหน”

       “ เนม”

       เพราะเรียกหลายรอบแล้วเนมมันไม่หันสักทีโอ๊คเลยวิ่งไปคว้าไหล่บางของมันจนเซมาปะทะแผ่นอกคนที่รอรับอยู่

       “ เนม”

       “ ฮือๆๆๆๆ”



        โอ๊คทำอะไรไม่ถูกเมื่อใบหน้าขาวของเพื่อนตัวน้อยซุกลงที่อกเขาก่อนจะปล่อยโฮจนน้ำหูน้ำตาไหลเปียกปอนเลอะเสื้อ ร่างสูงได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้ไอ้นีออนนี่ปลดปล่อยน้ำตาให้เต็มที่ มันขยำคอเสื้อเขาไว้เสียแน่นโอ๊คเลยอดไม่ได้ต้องเลื่อนฝ่ามือไปลูบไล้แผ่นหลังมันคล้ายกำลังปลอบประโลม

        “ ฮือ”

        “ เนม”

        “ ฮึก”

        “ มึงร้องไห้จนตาบวมหมดแล้ว” โอ๊คพูดแล้วเกลี่ยปลายนิ้วกรีดน้ำตาที่อาบเต็มแก้ม

        “ ฮึก” คนตัวเล็กยังสะอื้นไห้จนใบหน้าแดงก่ำเห็นแบบนี้เขายิ่งรู้สึกว่าเวลามันร้องไห้ทำไมถึงได้น่าสงสารนัก ใบหน้าขาวแดงเห่อไปหมดท่าทางเหมือนเด็กน้อยน่าทะนุถนอมเหลือเกิน โอ๊คไม่รู้ตัวเลยว่ามันกำลังโอบกอดคนในอ้อมแขนแล้วโยกเบาๆ


        “ ตัดใจซะเถอะ”

        “ ฮึ”

        “ มึงจะเป็นอย่างอื่นนอกจากเพื่อนมันไม่ได้หรอก ถ้ามึงคิดหวังมากกว่าเพื่อนมึงจะไม่มีทางสมหวังซ้ำยังอาจจะต้องเจ็บปวดซ้ำๆแบบเดิม แต่ถ้าหากมึงรู้สึกกับมันแค่เพื่อนเชื่อกูเถอะมึงจะเป็นเพื่อนคนพิเศษของไอ้ยิมแน่นอน”

        “ มันรักมึงนั่นคือความจริง แต่มันรักมึงแค่เพื่อน”

        “ กะ กูรู้”

        “ แต่ความรักแบบเพื่อนของมันจะทำให้มึงมีความสุขกว่าใครๆ เพราะนอกจากคนที่มันรักแล้วมึงจะเป็นคนสำคัญลำดับถัดมาแน่นอน”

        “ เก็บความรักที่มันเกินขอบเขต เก็บความพยายามที่ไม่เป็นผลไว้ใช้เป็นแรงขับเคลื่อนเรื่องดีๆในชีวิตเถอะ”


         เนมกำขายเสื้อโอ๊ค มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวด ทั้งๆที่พยายามปิดบังซ้อนเร้นแต่คนตรงหน้ากลับรู้ทันไปเสียหมด มันรู้แม้กระทั่งความรู้สึกที่ไม่อาจเปิดเผยให้ใครต่อใครได้รู้ ถึงจะรู้ก็แค่นิ่งเฉยและจ้องมองอยู่ห่างๆ นับว่าเป็นคนที่ไว้ใจได้เพราะมันไม่เคยปริปากบอกใคร

         เนมมันเก็บความรู้สึกแอบรักเพื่อนสนิทอย่างยิมมานานแสนนาน แม้แต่ยิมเองก็ไม่อาจรู้ จะมีรู้ก็แค่คนตรงหน้ากับแฟนสาวของไอ้ยิมที่บังเอิญเคยเห็นรูปยิมในกระเป๋าเขา นั่นจึงเป็นสาเหตุให้นัตตี้จงเกลียดจงชังเขาชนิดที่ว่าพวกเราไม่มีทางญาติดีกันได้

         ในตอนนั้นเนมได้แต่ขอโทษนัตตี้ที่ทำให้เธอไม่สบายใจ แต่ฝ่ายนั้นไม่ยอมเลิกราทำทุกวิถีทางหาเรื่อง เนมก็ยอมมาตลอดเพราะรู้ตัวดีว่ามันเองไม่มีสิทธิ์อะไรซ้ำยังผิดที่คิดกับยิมมันเกินเลย มันอาศัยความเป็นเพื่อนอยู่เคียงข้างยิมมาตลอด ใช้ความใกล้ชิดคอยเฝ้ามองยิมแค่นี้เนมก็มีความสุขแล้ว มันคงจะเป็นเช่นนั้นตลอดไปถ้าหากว่าเมื่อวานเนมจะไม่ได้ยินเรื่องอะไรบางอย่างมา


        “ผมแค่อยากบอกเฉยๆว่าผมรู้สึกดีกับหมอจริงๆ”




          ยิมมันสารภาพว่ารู้สึกพิเศษกับรุ่นพี่เขา มันบอกว่ามันรู้สึกดีกับอีกฝ่าย เนมมันบังเอิญได้ยินก็แทบจะซวนเซ ไม่ปฏิเสธหรอก ว่าที่มันขออยู่ข้างๆยิมแบบนี้มันก็แอบหวังว่าสักวันหนึ่งมันจะกล้าพอที่จะเผยความรู้สึกที่อัดแน่นเต็มอกให้ยิมได้รับรู้ แต่เนมคงไม่มีโอกาสเพราะต่อให้ไม่มีนัตตี้ เนมก็ไม่มีโอกาสได้อยู่เคียงข้างยิมอยู่ดี


          ...เพราะต่อให้ยิมมันหันมาชอบผู้ชาย ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่เนม...


         คราวของนัตตี้ก็ว่าเจ็บแล้วพอมาครั้งนี้เจ็บยิ่งกว่าเป็นไหนๆ ยอมรับว่าแวบแรกก็ดีใจไม่น้อยที่มันมีเหตุร้าวฉานกับนัตตี้แต่พอเห็นสภาพของเพื่อนแล้วเนมได้แต่นึกด่าทอตัวเองที่คิดเรื่องเลวร้ายเช่นนั้น ต่อให้เนมอยากยืนเคียงข้างยิมขนาดไหนก็ทำใจไม่ได้หากเห็นท่าทางย่ำแย่ของมันแบบนี้

         ในเวลาที่ยิมมันเจ็บปวด เนมรู้ว่าไม่เข้มแข็งพอที่ปลอบใจยิม ไม่กล้าพอที่จะพามันก้าวผ่านวันคืนอันเลวร้าย ต่างจากพี่หมอปาย เนมรู้อยู่เต็มอกว่าคงไม่มีใครถ้าไม่ใช่พี่หมอที่เหมาะที่จะยืนเคียงข้างยิม

         ยิ่งเห็นพี่หมอปายมากับยิม ทั้งคู่มาด้วยกันแค่นี้ก็รู้แล้วว่าเนมต้องเจ็บปวดอีกครั้ง

         แวบแรกที่เห็นพี่หมอที่สนามบินมันเกิดอคติและอิจฉาที่ในเวลาเช่นนี้รุ่นพี่มันมีโอกาสได้อยู่กับยิม เวลาที่ยิมอ่อนแอพี่หมอปายดูแลมันไม่ห่าง ภาพนั้นเหมือนอาวุธแหลมคมที่ทิ่มแทงหัวใจ แต่จะโทษใครได้ในเมื่อพี่หมอไม่ได้ทำอะไรผิด และยิมมันก็ไม่ผิดที่จะรักพี่เค้าในเมื่อมันเป็นสิทธิ์ของหัวใจมัน


        ...เค้าแค่รักกัน แต่เค้าไม่รักเราเท่านั้นเอง...

        เนมยิ่งคิดยิ่งสะอื้นไห้หนักขึ้น ไม่น่าเชื่อว่านอกจากโอ๊คจะไม่ต่อว่ามือหนาของมันยังลูบไล้เส้นผมของเนมอย่างแผ่วเบา เป็นความอบอุ่นที่สว่างวาบขึ้นท่ามกลางความรู้สึกสับสน


        “ ไม่ใช่มีแค่มึงหรอกที่เสียน้ำตาเพราะความรัก วันนี้อาจมีคนเป็นแสนๆบนโลกที่กำลังร้องไห้เพราะอกหัก อย่างน้อยมึงก็มีเพื่อนที่ร้องไห้เป็นเพื่อนมึง”


       “ นี่กำลังปลอบใช่มั้ย”

       “ เปล่า”

       “ อะไร”

       “ แค่เล่าให้ฟัง”

       เนมเงยหน้าจากอกกว้างแล้วสบตากับดวงตาคู่คมที่ทอดมองอยู่ “ มึงแม่ง”

       “ หยุดร้องไห้ได้แล้วมั้ง”

       “ กูจะร้อง” เนมเชิดปลายจมูกทำเหมือนไม่พอใจแล้วปาดน้ำตาตัวเองป้อยๆ

       “ หน้าตาก็ขี้เหร่อยู่แล้วยังร้องไห้อีก ดูไม่จืดเลยวะบอกตรงๆ”

        “ ไอ้โอ๊ค”

        “ ร้องจนน้ำมูกไหลยืดติดเสื้อกูยาวเป็นกิโลแล้ว” โอ๊คแซวขำๆแต่คนโดนแซวทำหน้าคว่ำทั้งที่ใบหน้ายังเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาดูไม่จืดทีเดียว


        “ เว่อร์” เนมค้อนให้

        “ อกหักจากคนนี้ มึงก็หาคนใหม่สิวะยากอะไร”

        “ กูไม่ใช่มึงนะที่เปลี่ยนคนควงเหมือนเปลี่ยนทิชชู่อ่ะ”

        “ ก็เข้าทีนะ”

        “ อะไร”

        “ คนอกหักกับคนรักเยอะ” โอ๊คมันพูดยิ้มๆ

        “ พูดอะไรไม่เข้าใจ”

        “ ลองดูมั้ยล่ะ” โอ๊คสีหน้ากรุ้มกริ่มนึกอยากแกล้งให้มันยิ้มซะหน่อย เพราะเห็นหน้าขาวๆปากแดงๆร้องไห้คร่ำครวญแล้วใจไม่ดียังไงไม่รู้ มันห่วงบอกไม่ถูก

        “ อกหักจากผู้ชายแสนดีลองมาทางผู้ชายดีบ้างเลวบ้างดูมั้ย ถึงไม่สุภาพชวนหวั่นไหวแต่ก็ทำให้มึงใจสั่นได้นะ”

        “ ไอ้บ้า”

        เนมมันอ้าปากพะงาบๆเหมือนหาเสียงตัวเองไม่เจอ แก้มขาวแดงก่ำเพราะก่อนหน้านี้ร้องไห้หนักมาก แต่บัดนี้มันแดงด้วยสาเหตุอื่น

        “ เอ้าพูดเรื่องจริงนะ”

       “ ไม่รู้”

       “ ลองมั้ย”

       “ อะไรเล่า”

       “ ลองคบกันมั้ย”

       โอ๊คแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ

       “ บ้า”

       “ หลุดจากไอ้ยิมมามีกูรอบเสียบนี่ถือว่าโชคดีนะ”

       “ พูดดีๆเสียบเสิบอะไร”

       “ ถ้าคบกันแล้วไอ้เรื่องเสียบๆเสียวๆมันก็ต้องมีบ้างล่ะ”

       “ ไอ้โอ๊ค ไม่พูดด้วยแล้ว” เนมทำหน้าฮึดฮัดยกมือไปหูทั้งสองข้างแล้วส่ายหน้าไปมาเหมือนไม่ยอมรับฟัง

       “ ยิ้มได้แล้วนี่”

        เนมมันเผลอยิ้มออกมาจนคนมองเอ่ยแซว

       “ คุยกับคนบ้าไม่ยิ้มยังไงไหว พูดแต่ละเรื่อง”

       “ คนบ้าก็รักจริงนะโว้ย ลองดูมั้ยละ” โอ๊คถามยิ้มๆ “ อกหักมารักกับผม”

       “ ร้องเพลงบ้าอะไร”

       เนมแหวใส่

       “ อกหัก อกหักมารับกับผม”

        เนมหน้าแดงค้อนควับก่อนจะแลบลิ้นใส่อีกฝ่ายแล้ววิ่งหนีไปก่อน ทิ้งให้คนข้างหลังได้แต่นึกขำ เหมือนว่าเนมมันจะลืมไปชั่วขณะรึเปล่าว่ามันกำลังอกหักมา มันกำลังเสียใจที่ความรักข้างเดียวกับเพื่อนสนิทมีมันต้องหยุดชะงักไม่ใช่หรือ น่าแปลกที่มันแค่ร้องไห้ได้ไม่นานแล้วกลับยิ้มออกมาง่ายๆเพราะใครบางคน ลืมไปรึเปล่าที่บอกว่าเสียใจหนักหนาแต่พอเค้าแหย่มันไม่นานทุกอย่างก็ดีขึ้น


         เหมือนว่าความรู้สึกบางอย่างกำลังงอกเงยขึ้นในใจคนอกหัก








:hao5:มาแล้วๆ หายไปนานเพราะไม่สบายค่ะนี่ก็เพิ่งดีขึ้น ยังไงก็อย่าเพิ่งลืมกันน้า :katai1:
ปกติถ้ามีแจ้งข่าวอะไรเกี่ยวกับการอัพจะแจ้งเฉพาะในเพจนะคะ ถ้ายังไงไปกดติดตามกันไว้น้าถ้านักเขียนหายไปจะแจ้งข่าวตลอดค่ะ
ช่วงนี้ดราม่าอีกแล้วทนหน่อยเนอะ เดี๋ยวจะได้ยิ้มกันแล้ว
***หนึ่งความคิดเห็นคือหนึ่งกำลังใจน้า***

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-09-2016 20:43:26 โดย [Karnsaii] »

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
คือหมอน่ารักอ่ะ บอกไม่ห่วงแต่ยังตามหาจนเจอ หุๆๆๆ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
รอหมอกับยิมคบกันนะ :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
กอดยิมแน่นๆ :กอด1:

ออฟไลน์ asakurafy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ยิมสู้ๆ ไรท์ก็สู้ๆด้วยน๊า

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
อยากให้ยิมเป็นคนเข้มแข็งกว่านี้

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ยิมสู้ๆ เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง :กอด1:

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ถูกใจคำว่า   เค้าแค่รักกันแต่เค้าไม่รักเรา

อยากให้ผู้ที่อยู่ในสภาวะ  แอบรัก   ทุกคนพยายามเข้าใจจุดๆนี้เพื่อจะได้ไม่เจ็บมากเจ็บนาน

คอยเป็นกำลังใจให้คนแต่งอยู่นะคะ รักษาสุขภาพด้วยน้า หายป่วยไวๆนะคะ^^ :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
กลับมาพร้อมดราม่า~

ออฟไลน์ mizzmizz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
รีบเคลียร์ให้จบเลยน้ายิม พี่หมอปายยังคอยอยู่
ส่วนโอ๊คเนม เห้ยยย แอบน่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
พี่หมอปายคือไอดอลลลลลลลลลลล :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
โอ๊คหยอกน่ารัก :katai2-1:

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17





           หลงที่ 13 : ข้อความ





             [ยิม]



        มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก

        ผมไม่รู้เหมือนกันว่าจะผ่านมันไปได้รึเปล่า บอกตรงๆว่าในหัวผมตอนนี้มึนเบลอไปหมดไม่รู้ว่าจะเริ่มจากจุดไหน ผมมองไปรอบๆท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินกันขวักไขว่เต็มสนามบิน ต่างตนต่างเดินไปยังจุดมุ่งหมายที่รอคอย ทั้งที่ผู้คนรอบกายผมเต็มไปหมดแต่ทำไมลึกๆแล้วผมกลับรู้สึกโดดเดี่ยว อาจเป็นเพราะผมนั่งอยู่คนเดียวตามลำพังหรืออาจจะเพราะข้างในใจมันกำลังรู้สึกว่าเหงาเหลือเกิน

         เหงาจนแทบอยากจะร้องไห้


        แปลกที่พอได้เผชิญหน้ากับความเป็นจริงเพียงลำพัง ผมกลับก้าวผ่านมันมาได้อย่างช้าๆโดยไม่มีแม้แต่น้ำตาเวลาอยู่ต่อหน้าเธอ ไม่ใช่เพราะเข้มแข็งจนไม่มีน้ำตาแต่เพราะมันเจ็บลึกอยู่ข้างในจนไม่อาจที่จะเอ่ยเอื้อนออกไปว่าข้างในของผมกำลังร้องไห้อย่างเจ็บปวด ก็ได้แต่ถอนหายใจเมื่อหวนนึกถึงการบอกเลิกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้

        ผมตัดสินใจมาตามหาความจริงคนเดียวที่ภูเก็ต ตลอดระยะเวลาที่นั่งเครื่องมาก็ได้คิดทบทวนอะไรหลายๆอย่าง ทั้งความเจ็บปวด ความสับสน ความไม่เข้าใจ ตีกันวนไปมาในหัว และต่อให้ผมทำใจมากแค่ไหนเมื่อเห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่นจริงๆเต็มสองตา ผมก็ยังรู้สึกเจ็บไม่น้อยเลย ไม่ต่างจากเธอที่แสดงออกว่าตกใจมากที่เห็นผม นัตตี้หน้าซีดเผือดจนด้วยคำพูดก่อนที่เราจะออกไปคุยกันเงียบๆ ผู้ชายคนนั้นทำหน้าลุแก่โทษเมื่อเห็นหน้าผมซึ่งผมก็ได้แต่ส่ายหน้าว่าไม่เป็นไรก็เท่านั้น

        ตอนที่เราได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเธอเอาแต่ปิดหน้าร้องไห้ ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปาก



        “ นัตตี้”

        “ ฮึก ยิม”

        “ อย่าร้องไห้เลย” ผมเกลี่ยน้ำตาให้เธอเบาๆ “ ตาบวมหมดแล้ว”

        เธอเอื้อมมือมาลูบใบหน้าผมเบาๆแล้วโผเข้ากอดผมร้องไห้เสียงอู้อี้ “ยิม”

        “ ขอโทษ”

        “ถ้าจะถามหาคนผิด เราคงผิดด้วยกันทั้งคู่”

        เธอส่ายหน้าปฎิเสธเป็นเชิงว่านี่ไม่ใช่ความผิดของผม ผมจึงได้แต่ยิ้มทั้งที่น้ำตากำลังเอ่อคลอเบ้า

        “ ด่าว่าเราสิยิม ด่าว่านัตตี้เลว นัตตี้ชั่ว พูดสิยิมอย่าเอาแต่ยิ้มแบบนี้”

        “ ผมก็ผิด”
 
        “ นัตตี้เลวเอง เลวจนเกินกว่าจะให้อภัยได้”

        “ คงงั้นมั้ง”

        เธอทำหน้าอึ้ง ผมเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้จึงเช็ดน้ำตาที่ไหลพรากไม่ขาดสาย “ นัตตี้เสียใจ”

        “ ผมรู้” ผมพึมพำ “ เพราะผมเองก็เสียใจ”

        “ ขอโทษ”

        “ ผมก็ต้องขอโทษที่คงเป็นแฟนที่ไม่ดีให้ความสุขนัตตี้ได้ไม่มากพอ”

        “ ยิม”

        “ ผมขอโทษ” ผมถอนหายใจ “ เพราะผมเองก็ทำไม่ต่างจากนัตตี้เลย”

        “ หมายความว่าไง”

        “ ผมรู้สึกกับใครคนหนึ่งตอนที่กลับมาอยู่ที่นี่”

        “ ยิม”

         เธอทำหน้าช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน “ นี่หมายความว่า”

         “ ยิมถึงบอกไงว่าถ้าจะถามหาคนผิดเราคงผิดด้วยกันทั้งคู่ เพราะเราเองต่างก็รู้สึกว่ารักของเรากำลังจืดจาง ผิดกับคนที่มาใหม่ซึ่งทำให้เราใจเต้นแรงจนหลงลืมไปว่าเราเองต่างก็มีเจ้าของแล้ว”

         “ ยิมไม่รักนัตตี้แล้วเหรอ”

         “.......”

         “ ถ้านัตตี้เลิกกับเขาแล้วยิมจะยังอยู่ข้างๆนัตตี้มั้ย”

         “ แก้วที่มันร้าวแล้วมันประสานอีกไม่ได้หรอก”
 
         “ ยิมหมดรักนัตตี้แล้วจริงๆเหรอ” เธอปิดหน้าร้องไห้ “ นัตตี้ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ ถ้ายิมยังรอ นัตตี้จะไปเลิกกับเขา”

         “ อย่าเลยถึงยังไงทุกอย่างก็ไม่มีวันเหมือนเดิม”

         “ ชอบเขามากเหรอ” เธอถามผม “ คนนั้นนะ”

         “ อืม”

         ผมกดยิ้มเมื่อนึกถึงหมอปาย

         “ แล้วนัตตี้ล่ะ”

         “ ยิมยังรักนัตตี้เหมือนเดิมแต่ไม่ได้รักในฐานะคนรัก ยิมรักนัตตี้เหมือนเพื่อนคนหนึ่ง รักและปรารถนาดี” ผมหยุดเว้นจังหวะ “ ถ้าอยู่กับเขาแล้วมีความสุข นัตตี้ก็ควรเปิดเผยและทำทุกอย่างให้ชัดเจนสักที เขาคงรักนัตตี้มากไม่งั้นคงไม่ทันอยู่ในสภาพแบบนี้หรอก


         “ ยิม”

         “ ไปรักเขาเถอะ นัตตี้ไม่มีพันธะกับยิมแล้ว”

         “ เราลองมาเริ่มต้นกันใหม่นะยิม”

         “ สำหรับความรักถ้าจะเริ่มใหม่กี่ครั้งก็ย่อมได้ แต่ความเชื่อใจที่ถูกทำลายต่อให้เริ่มใหม่อีกกี่ครั้งมันย่อมพังทลายเพราะไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม”

         เธอปิดหน้าร้องไห้

        “ เราแค่เลิกคบกันในฐานะคนรักไม่ได้หมายความว่าเราไม่รักกัน แต่เราสามารถไปรักกันในฐานะอื่นได้”

        “ นัตตี้ควรไปพาเขามายืนในที่สว่าง ควรรักษาความรักที่มีในมือให้ดีที่สุด ยิมอาจจะเสียใจแต่ไม่เคยโกรธ ถ้าหากมันเป็นความสุขของนัตตี้”

        “ เราต้องเลิกกันจริงๆใช่มั้ย”

        “ เลิกเพื่อกลับไปคบกันใหม่ ในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง”

        “ แล้วคนนั้นของยิมล่ะ”

        “ ผมจะไปหาเขาที่ ‘ที่เดิม’






         ผมถอนหายใจคลึงขมับเมื่อนึกถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านไปก่อนจะผุดลุกขึ้น พอดีกับที่แอปพิเคชั่นไลน์ดังขึ้นผมจึงเปิดเข้าไปจึงเห็นวีดีโอจากไลน์กรุ๊ปของครอบครัวส่งมาให้ เห็นภาพเคลื่อนไหวดูวุ่นวายเพราะบิดามารดากำลังจับไมค์ร้องเพลงโดยให้ใยบัวเด็กแสบเป็นคนถือกล้องถ่าย เห็นแล้วนึกถึงกิจกรรมครอบครัวของผมที่หากมีเวลาว่างก็จะจับไมค์ร้องเพลงกันเป็นประจำ โดยผมจะเป็นมือกีต้าร์ส่วนใยบัวก็คอยเลือกเพลงให้พ่อกับแม่ ทุกคนในรูปมีสีหน้ายิ้มแย้มก่อนที่พ่อกับแม่จะพูดใส่ไมค์พร้อมกัน

        “ คิดถึงเมืองไทย และคิดถึงลูกมากนะยิม”

        ...คิดถึงทุกคนเหมือนกันครับ...

        ผมพิมพ์ไลน์ตอบไป ความรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวเมื่อครู่หายไปราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น เพราะมันถูกแทนที่ด้วยความรักและผูกพันของคนไกล

        ...ไม่จริงหรอกที่ผมเคยคิดว่าตัวเองไม่มีใคร ผมคิดถึงผิดเพราะจริงๆแล้วผมยังมีครอบครัวที่รักผมที่สุด...


      ผมเผลอกดไปยังระบบรับฝากข้อความอัตโนมัติในมือถือ เพราะปิดเครื่องตั้งแต่มาถึงพอเปิดเครื่องก็พอดีกับที่ไลน์กลุ่มเด้งขึ้นมา และก่อนจะกดปิดหน้าจอก็กดไปยังระบบรับฝากข้อความจนคลิปเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นอย่างนึกไม่ถึง

        ‘ยิม’

       เสียงทุ้มดูห้วนๆทำให้พอจะนึกภาพคนพูดออกว่าต้องกำลังแสดงสีหน้ายุ่งยากใจมากแค่ไหน

        ‘คือ เอ่อ’

       เสียงนั้นเงียบไปเกือบนาทีก่อนที่จะหลุดประโยคยาวๆออกมา ‘ วันนี้กูบังเอิญทำสปาเก็ตตี้แกงเขียวหวานพอดีว่ามันเหลือ ถ้ามึงสนใจ ก็เอ่อ  แต่ถ้ามึงกินข้าวแล้วก็ไม่เป็นไร’


       ประโยคยาวเหยียดนั้นคนพูดรัวๆแทบจับความไม่ได้ ฟังดูเหมือนจะหายใจแทบไม่ทันด้วยซ้ำแล้วข้อความเสียงก็หายไปเหมือนยุติอยู่แค่นั้น

       แค่นั้นจริงๆ แต่ทำไมผมถึงยิ้มกว้างขนาดนี้

       ความทุกข์ใจที่บ่าทั้งสองข้างแบกรักไว้สลายหายไปในอากาศ เพราะนอกจากครอบครัวแล้วผมยังมี ‘หมอปาย’

       ผมชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบินในใจก็เร่งเวลาและนาทีให้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงตัวจะอยู่ที่นี่แต่หัวใจติดปีกบินไปรออยู่หน้าห้อง 1017 แล้ว






*************************************







           ถึงจะเร่งเวลามากสักเพียงไหนสุดท้ายกว่าผมจะมาถึงคอนโดได้ก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน พอออกจากลิฟต์ได้ผมรีบสาวเท้าตรงไปยังจุดมุ่งหมายทันทีจึงทันได้เจอเหตุการณ์บางอย่างโดยบังเอิญ ภาพตรงหน้าผมเป็นการยื้อยุดกันระหว่างเพื่อนข้างห้องผมกับแม่เลี้ยงสาวของเขา


         “ อย่าทำแบบนี้เลยไอ”

         “ แต่ไอรักคุณ”

         “ หยุดพูดแบบนี้เถอะ คุณไม่ละอายใจบ้างเหรอที่ทำแบบนี้” หมอปายพูดเสียงเข้ม “ เผื่อคุณจะจำไม่ได้ว่าคุณเป็นแม่เลี้ยงของผม เป็นภรรยาของพ่อ และเป็นแม่ของปอ”

         “ ไอไม่เคยลืม แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อเรื่องทั้งหมดไอไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น ไอผิดมากเหรอที่รักคุณ”
หมอปายถอนหายใจ

         “ ถ้าให้พูดกันตรงๆมันผิดทั้งศีลธรรมและความรู้สึก”

         “ ปาย” แม่เลี้ยงสาวครางออกมา “ เมื่อก่อนคุณไม่เคยเป็นแบบนี้ ทำไมตอนนี้คุณถึงเย็นชากับไอนัก เพราะคุณมีคนอื่นเหรอคะ คุณรักคนอื่นอยู่ใช่มั้ย”

         หมอทำหน้ายุ่งยากใจจนผมนึกเห็นใจ

         “ คุณไม่ตอบแสดงว่าคุณแค่ประชดไอ คุณไม่ได้มีคนอื่นใช่มั้ยคะ ตอบไอสิ”

         “ ไม่ใช่ครับ”

         คนทั้งคู่หันขวับมาทางผมทันที ผู้หญิงตรงหน้าทำหน้าเคลือบแคลงสงสัยผม ขณะที่หมอปายเองก็ทำหน้างงไม่ต่างกัน

          “ บอกเขาไปสิหมอ”

          หมอทำหน้างงก่อนจะเขม่นมองผมอย่างต้องการคำอธิบาย

          “ บอกเขาไป” ผมเดินไปยืนข้างๆหมอแล้วถือวิสาสะโอบบ่าหมอกลายๆ “ ว่าผมกับหมอ...เรา...” ผมจงใจเว้นวรรคให้แม่เลี้ยงของหมอชักสีหน้าไม่พอใจเมื่อพอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง

          “ แกพูดอะไร”

         ไอลดาตวาดผม

          “ อย่ายุ่งกับหมอเลยครับ” ผมสวมบทคนสนิทของหมอโดยการเปลี่ยนจากโอบมากระชับฝ่ามือหมอ


          “ เพราะเขาไม่ชอบแบบคุณหรอก หมอเขาชอบแบบผม”

          ...ชอบแบบผม...


         ผมย้ำเสียงหนักแน่นจนอีกฝ่ายอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง เธอมีสีหน้าโกรธจัดอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวแทบไม่เหลือเค้าความงาม

        “ ไม่จริงใช่มั้ยปาย”

       หมอถอนหายใจ “กลับไปเถอะไอ”

        “ นี่ปายยอมรับว่าตัวเองผิดปกติเหรอ”

        “ แล้วผมปฏิเสธไอรึเปล่าล่ะ” หมอทำเสียงห้วนตวัดสายตามองผมนิ่งๆคาดว่าหลังจากนี้ผมคงหมอด่าหูชาแน่

        “ ปาย”

        “ เชื่อเถอะครับ” คว้ามือที่ประสานกับหมอชูขึ้นมาให้เห็น “ ผมจับมือหมอแล้วผมไม่มีวันปล่อยเขาหรอก” พูดจบแล้วก็ขยิบตาให้อีกฝ่ายที่เดินกระแทกส้นเท้าไปพร้อมกับพายุอารมณ์

        ท่าทางของผมคงกวนประสาทน่าดู ทำเองก็ยังรู้สึกว่ามันกวนตีนไม่น้อย นึกแล้วก็ได้แต่ขอโทษสาวเจ้าในใจ ขอโทษหล่อนที่ผมทำให้เข้าใจผิด แต่การกระทำทั้งหมดผมยอมรับว่าจงใจให้บุคคลที่สามเข้าใจผิดเต็มๆ


         “ โอ้ย”

         หมอชกหัวไหล่ผมเต็มๆก่อนจะบ่นแกมด่า “ เล่นของอะไรของมึงเนี่ย”

         ผมหัวเราะขำก่อนจะทำเนียนเดินตามหมอเข้าห้องอีกฝ่าย หมอปายหรี่ตามองผมอย่างคาดโทษกับบทบาทสมมติก่อนหน้านี้

        “ ใครใช้ให้มึงสวมรอยเล่นแบบนี้”

        “ มันก็ได้ผลดีไม่ใช่เหรอครับ”

        หมอทำหน้าหงุดหงิด “ แต่มึงทำให้ไอเข้าใจกูผิด”

        “ หรือหมออยากให้เขาเข้าใจถูกและกลับมาตามหมอแบบเดิม”

        หมอสบถอะไรสักอย่างในลำคอด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ

        “ ผมก็แค่หวังดีกับหมอ”

        เราสบตากันเงียบๆ แต่เป็นผมที่กระตุกยิ้มจนหมอหลบตา อาการแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกดีแปลกๆ

        “ มึงนี่มัน” หมอทำหน้างุ่นง่านอย่างไม่รู้จะทำยังไงแต่ผมกลับมองว่ามันเป็นการกลบเกลื่อนอาการเขินอายของหมอ

        “ หมอครับ”

        “ อะไร”

        “ สปาเก็ตตี้แกงเขียวหวานของผมล่ะ” ผมถามยิ้มๆรู้สึกว่าหมอแก้แก้อด้วยการเผลอกรอกตาไปมา

        “ หมอ”
 
        ผมเรียกเสียงอ่อน

        “ อยู่ในตู้เย็นถ้าจะกินก็เวฟเอา”

        ผมยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินไปค้นหาของกินดังกล่าว และระหว่างที่ผมยืนคิดอะไรเงียบๆ เสียงหมอก็ดังขึ้น

         “ แล้วมึง” หมอถามเสียงแผ่ว “ โอเคใช่มั้ย”

         ผมหันกลับมามองหมอยิ้มๆ ถึงหมอจะดูเหมือนว่าถามไปงั้นๆแต่ผมกลับรู้สึกว่าผมมองเห็นความห่วงใยจากแววตาคู่นั้น

         “ อกหักนะหมอมันจะโอเคได้ยังไง”

         “ ปากมึงเนี่ยนะ”

         ผมหัวเราะ

         “ แผลสดนะหมอคงไม่หายง่ายๆหรอก” พูดแล้วก็เหม่อมองไปไกลจนรู้ตัวเมื่อหมอมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าที่มีเพียงเคาน์เตอร์ครัวกั้นอยู่

         “ กูมียาแดงนะ ให้กูราดแผลให้มั้ย”

         แววตาหมอกวนตีนนิดๆ หนำซ้ำท่าทางก็ยังดูจะสะใจไม่น้อย ผมเลยเท้าแขนไปกับเคาน์เตอร์แล้วยืดตัวขึ้นให้สูงกว่าหมอนิดหน่อย

         “ ถ้ารักษาหาย ผมยินดีจ่ายด้วยของมีค่าที่สุดที่ผมมีนะหมอ”

         “ อะไร”

         หมอทำหน้าไม่ค่อยเชื่อ


         “ หัวใจของคนไข้ไงครับหมอ”


        ...พลั๊ก...

        “ โอ้ย”

        กล่องทิชชู่ปลิวเฉียดหัวผมไปนิดเดียว หมอทำหน้าสะใจก่อนจะผละหนีไปแต่ผมเร็วพอที่จะคว้าแขนอีกฝ่ายไว้แล้วกระตุกให้ใบหน้าผมกับหมอใกล้กันเพียงนิด

        เราจ้องหน้ากันนิ่ง หมอปายเลิกคิ้วเป็นเชิงท้าทายว่าผมจะทำอะไร ผมกดยิ้มไล้นิ้วมือไปตามโครงหน้าและขอบปากสีชมพูอมส้มของหมอพอได้สัมผัสจริงๆจึงรู้ว่ามันทั้งนุ่มทั้งน่าสัมผัส

        ผมแอบกลืนน้ำลายในใจคิดอกุศลอยากจะสัมผัสความนุ่มนิ่ม  ยิ่งเห็นหมอยืนนิ่งไม่หลบแต่อย่างใดผมยิ่งได้ใจ ในอกมันอุ่นๆจนจะร้อนเมื่อแววตาคู่สวยหรี่มองผมอย่างท้าทาย ผมสั่นไปหมดรู้สึกหายใจไม่คล่องแค่สบตากัน ใจก็พาลจะเต้นผิดจังหวะ

         “ หมอ” ผมครางคล้ายกับละเมอ

         “ หมอเล่นกลใส่ผมรึเปล่าวะ”

         “ พูดอะไรของมึง”

         “ หมอรู้ป่ะว่าตอนนี้ผมคิดอะไรอยู่” หมอยักไหล่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ผมเลยบีบข้อมือหมอให้แน่นขึ้น

         “ จะทำอะไร”

         “ อยากจูบหมอว่ะ”

         ผมโน้มใบหน้าไปใกล้ๆคนตรงหน้าโดยมีเป้าหมายคือริมฝีปากสีสวยสุขภาพตรงหน้า หมอเอียงคอน้อยๆคล้ายกับเปิดทางให้ผม เพียงแค่นิดเดียวก่อนที่ริมฝีปากเราจะสัมผัสกัน

        ...ตึ้ง...

         เสียงไมโครเวฟดังขึ้นเสมือนเป็นระฆังที่บอกเวลาสิ้นสุด หมอผละหนีถอยห่างไปจนผมเผลอทำหน้าเสียดาย หมอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เดินหนีไปแต่ผมทันได้ยินเสียงหัวเราะเป็นเชิงขบขันจากเจ้าของห้องจนผมอดยิ้มตามไม่ได้

          ...หมอแม่ง...


          โครต...เลยว่ะ








โครตไรว้า ฮิ้วๆๆๆๆๆ เกือบจูบแล้ว ฮือ :o8:
อินังยิมนี่มันยังไงเพิ่งอกหักไม่ใช่เรอะ หยอดหมออีกล่ะนั่งนี่ หุหุหุ  :m20:
อ่านแล้วขอเม้นท์ด้วยน้า ความเห็นไม่ขยับเลยแอบน้อยใจนะคะเนี่ย

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อย่าน้อยใจเลย เราเชียร์ยิมถูกหมอปายกดอยู่ :katai3:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ยัยไอนั่นน่ารำคาญมากกกกกกก เขาไม่เอายังตามตื้ออยู่ได้ ตัวเองก็เป็นเมียพ่อเขา ยังอยากได้ลูกชายเขาเป็นผัวอีกคนด้วยนะ ทุเรศชะมัด

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
โคตรอะไรหว่า ยิมใสๆจะตายเนอะ  :z2:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ยังไงยัยไอนี่ มึงเป็นแม่เลี้ยงเขานะถ้ารักจริงมึงคงไม่ไปอ่อยชาวบ้านเขาจนท้องหรอกมิหน่ำซ้ำยังเป็นพ่อของแฟนตัวเองอีกด้วย อีกเรื่องที่เราอยากรู้พ่อหมอปายรู้หรือเปล่านั่นน่ะเคยเป็นแฟนของลูกตัวเองมาก่อน ถ้ายังไม่รู้ก็แล้วไปแต่ถ้ารู้แล้วจะทำยังไง และถ้ารู้อยู่แล้วแต่ยังจะเอานี่แม่งโคตรแย่มากๆ เลยโคตรเป็นพ่อที่เลวมากๆ เลยที่แย่งแฟนของลูกตัวเองนี่ แต่เราว่าคงจะยังไม่รู้หรอก เราอยากให้รู้จริงๆ นะแล้วถ้าพ่อปายหย่าได้จะดีมากเลย

ออฟไลน์ mox2224

  • :นักเขียนสมัครเล่น:
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ยิมปายยยยยยยเท่านั้นอิอิ :hao6:

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบินในใจก็เร่งเวลาและนาทีให้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงตัวจะอยู่ที่นี่แต่หัวใจติดปีกบินไปรออยู่หน้าห้อง 1017 แล้ว

คือเครื่องบินมันชะโงกออกหน้าต่างไม่ได้ป่ะคะ

ออฟไลน์ asakurafy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :impress2: อยากจะได้ยาจากหมอปายบ้างจุง

ออฟไลน์ Walitya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เริ่มมุ้งมิ้งกันแล้ว อิอิ  :mew1:

ออฟไลน์ barbiehateken

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :hao7:
สนุกกกกกกกกกกกก
ชอบบบบค่ะ ตามอ่านทันแล้วววว เค้ากิ๊กก๊าวกันแล้ววววว
มาต่อไวไวนะคะ

ออฟไลน์ blankmkmejj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :z3: ทำไมห้องหมอปายต้องมีไมโครเวฟด้วยฟร่ะ ยิมปายคือดีงามค่ะ อ่านไปเขินไปขำไป ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
เกือบได้(จูบ)กันแล้วเชียว... :ling1:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ความฟินกำลังมาซินะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เกือบจูบกันแล้ว เสียดายจัง
จะรออ่านนะคะ สู้ๆนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด