❤ หลงกาว(น์) ll Love Addict ❤ [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤ หลงกาว(น์) ll Love Addict ❤ [END]  (อ่าน 427282 ครั้ง)

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ยิมอกหักจิงป้ะเนี้ยยยยย :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
พึ่งเลิกกับแฟนไม่ใช่เหรอยิม?

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ไมโครเวฟ น่าทุบทิ้งนะครับ,,,

ออฟไลน์ lpiyamas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เกลียดไมโครเวฟ
 :o8:

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
รักกันได้ไม่ผิดบาปแล้ว
จีบบ่อยๆหมอใจอ่อนแน่ๆ

ออฟไลน์ kanunsak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
โอ๊ย... คนกำลังลุ้น

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
หมอปาย......น่ารัก

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
อิชั้นอยากพังไมโครเวฟ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อะไรๆ กำลังดีขึ้นสินะ

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17








           หลงที่ 14 : คืนฝนพรำ




           [หมอปาย]



          “ ปาย”

          ผมยิ้มขำๆตอนที่เพื่อนตัวซีดวิ่งดุ๊กๆมาแต่ไกล ซ้ำมือทั้งสองข้างยังหอบเอาของกินมามากมายเต็มไม้เต็มมือ

          “ หอบอะไรมาพะรุงพะรัง”

          “ ปาย”

          หยกยิ้มแป้นชูขนมในมือขึ้นสูงก่อนจะทรุดตัวลงนั่งแล้วเลื่อนสารพัดของหวานมากองไว้ตรงหน้า ผมออกจะแปลกใจไม่น้อยที่คนชอบของหวานเป็นชีวิตจิตใจแบบหยกมันไม่ยักกะอ้วน ซ้ำยังดูเหมือนว่ากินไปเท่าไหร่ก็ดูจะไม่น่ามีเนื้อมีหนังไปมากกว่านี้


         “ ไม่กลัวอ้วนรึไงดูซิหิ้วมาแต่ละอย่าง”

         “ ไม่ดีเหรอจะได้กลิ้งทับปายได้ไง”

         ผมขำก๊ากเมื่อดูสภาพคนร่างสูงโปร่งที่ติดจะผอมไปด้วยซ้ำ ผิวก็ขาวซีดแบบนี้มันเลยทำให้ผมนึกภาพหยกในเวอร์ชั่นขยายข้างจนสามารถทับผมไม่ออกจริงๆ

         “ ขำอะไรเล่าปายก็”

         หยกค้อนให้แล้วหันไปสนใจขนมใส่ไส้ตรงหน้าต่อ

         “ หยกรู้ตัวมั้ย”

         “ หืม”

        ใบหน้าขาวแก้มกลมเพราะอาหารเต็มปากเงยขึ้น

        “ ช่วงนี้หยกยิ้มบ่อยขึ้นนะ”

        “ ก็” หยกเกาแก้มตัวเอง “ ก็คงงั้นมั้ง”

        “ มีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้นรึเปล่า”

        หยกส่ายหัวแล้วยิ้มบางๆ “แค่ปล่อยวาง”

        “ ยังไง”

        “ รักที่ไม่คาดหวัง รักที่ปล่อยวางมันสบายขึ้นนะ”

         หยกก้มหน้าถอนหายใจ แต่ประกายตาสดใสแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เพื่อนตัวขาวของผมเหม่อมองไปเบื้องหน้าไม่สามารถเดาความคิดหรือความรู้สึกใดๆได้ ก่อนที่หยกจะหันมายิ้มให้ผม

        “ ปาย”

        “ อะไร”

        “ ขอบคุณนะ”

        “ เรื่องอะไร”

        ผมทำหน้างงจนอีกฝ่ายหัวเราะน้อยๆ

        “ ปายจำได้ป่ะ...ปายเคยบอกให้เรารักตัวเองให้มากๆ” หยกพูดขึ้น “ ขอบคุณที่ปายพูดแบบนั้น”

        “ ให้รักคนอื่นน้อยลง แล้วลองรักตัวเองให้มากขึ้น มันสมดุลง่ายๆที่ถ้าลองทำแล้วโครตดีเลย”

        ผมอมยิ้มตามหยก “ดีแล้ว”

        “ หยก”

        “ หืม”

        “ ตัดใจจากอั้มมันได้แล้วจริงๆเหรอ”

        หยกนิ่งไปพักนึงก่อนจะส่ายหน้า “ เปล่าหรอก ความรักที่เรามีให้อั้มยังเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกอยากครอบครองต่างหากที่เบาบางลง”

        นั่นสินะ หากจะให้ตัดใจจากใครสักคนมันคงต้องอาศัยวันเวลาเป็นเครื่องเยียวยา เพราะขนาดความรู้สึกรักยังต้องใช้เวลากว่ามันจะงอกเงยและงดงามอยู่ในใจ จึงไม่แปลกถ้าวันเวลาจะทำให้บาดแผลจากความรักหายสนิท

        ถึงจะตกสะเก็ดเป็นแผลเป็นแต่มันคือร่องรอยของความทรงจำ

        “ งั้นเรามาฉลองกัน”

        ผมเอื้อมมือไปหยิบวุ้นมะพร้าวรูปเป็ดในกล่องโฟมชูขึ้น ถึงหยกจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็เอื้อมมือไปหยิบวุ้นเป็ดขึ้นมาเช่นกัน

        “ ขอให้ความรักที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้เป็นสิ่งที่สวยงาม”

        “ อืม”

        “ชน”

        เราหันส่วนหน้าของวุ้นเป็ดชนกันเบาๆ ก่อนจะพร้อมใจกันปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ

        “ ฉลองอะไรกัน ขอร่วมด้วยคนสิ”

       เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นเหนือหัวพวกเขา ก่อนที่มันจะถือวิสาสะทรุดตัวลงนั่งข้างๆกันกับหยกโดยที่คนซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วขยับที่นั่งให้อย่างเต็มใจ

       “ มาพอดีเลยอั้ม กินขนมที่หยกซื้อมาฝากดิ”

       อั้มพยักหน้ารับก่อนจะเอื้อมไปหยิบอะไรสักอย่างด้วยท่าทางสบายๆ เป็นภาพที่แปลกใจสำหรับผม เพราะตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันสามคนเมื่อก่อนมันดูอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออก แต่วันนี้ความรู้สึกเหล่านั้นหายไป

        “ ว่าแต่เมื่อกี้ฉลองอะไรกันเหรอ”

        หยกเหลือบตามองผมแล้วอมยิ้มคล้ายกับว่าจะให้ผมเป็นผู้ให้คำตอบ

        “ เรื่องดีๆน่ะ”

        “ เรื่อง”

        อั้มทำหน้าสงสัย

        “ เรื่องดีๆของคนเป็นเพื่อนกัน”

        อั้มทำหน้าสงสัยกว่าเดิมจนพวกผมหัวเราะดังลั่น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดจะอธิบายต่อ

        “ อะไรวะ”

        “ เอาน่า ฉลองกัน”

        “ หืม”

        หยิบวุ้นเป็ดอันเดิมขึ้นมา หยกหน้าเผือดไปเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของอั้มที่มองวุ้นในกล่องคงจะนึกถึงเหตุการณณ์ที่ครั้งหนึ่งอั้มเคยเหวี่ยงใส่จนไม่กล้าซื้อวุ้นมาให้เห็นอีก อั้มมันมองวุ้นรูปเป็ดสีขุ่นนิ่งก่อนจะค่อยๆหยิบมันขึ้นมา ผมเลยสะกิดหยกเบาๆให้ทำตาม

        ...พวกเราจ่อส่วนหัวของวุ้นเป็ดชนกันแล้วตะโกนอย่างพร้อมเพรียง...

        “เชียร์”

        “ อร่อยดีนะ”

        อั้มหันไปพูดกับหยกตอนที่เคี้ยววุ้นเนื้อนุ่มแล้วกลืนลงท้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรียกรอยยิ้มหวานๆจากใบหน้าขาวซีด

        “ หยก”

         “ หืม”

         “ ถ้ามึงสะดวกช่วยซื้อมาให้กินอีกนะ”

         หยกพยักหน้ารับคำอั้ม ก่อนที่ทั้งคู่จะเผลอหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจผมพองฟูราวกับว่าสิ่งที่กดทับมานานมันกำลังค่อยสลายหายไป

         มันอาจดูเก้อกระดากสำหรับก้าวแรกในความสัมพันธ์แบบเพื่อน แต่เชื่อเถอะว่าพวกเราจะประคับประคองมันให้ดีที่สุด ผมรู้สึกว่าสิ่งที่เฝ้ารอมานานมันกำลังเกิดขึ้นพวกเรานั่งกินขนมไปแล้วหัวเราะอย่างง่ายดายกับเรื่องตลกที่ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากตอนที่ผมมองไปเบื้องหน้าแล้วเห็นอั้มกับหยกนั่งอยู่เคียงข้างกันแบบนี้...โครตดีเลย



        .

        .

        .





       “ พี่หมอปาย”

       จากที่เดินมึนๆลงมาจากตึกคนไข้ก็มีอันต้องตาสว่างเพราะเสียงเรียกชื่อผมดังลั่น

       “ พี่หมอ”

       “ หืม”

       “ ไปแข่งรถกัน”

       “ หา”

       ผมร้องอุทานจนรุ่นน้องทำหน้ายู่ “ พี่หมอปายอ่ะ”

       “ เมื่อกี้เราว่าไงนะจะไปแข่งรถเหรอ”

        เนมโบกมือปฎิเสธเป็นพัลวัน “ ไม่ใช่เนมไม่ได้แข่งแต่จะไปดูเขาแข่งรถกัน”

       “ นึกยังไงล่ะเรา”

        “ เนมจะไปเชียร์เพื่อน”

         อาจจะเพราะสีหน้าไม่ไว้วางใจกับกิจกรรมที่เอ่ยถึงฝ่ายนั้นจึงรีบอธิบาย “ สนามแข่งถูกกฎหมายครับ”

         ผมพยักหน้ารับไปงั้นๆทั้งที่ไม่ค่อยเข้าใจสักท่าไหร่ กะว่าจะปฎิเสธแต่น้องดันทำหน้าอ้อน “ พี่ปายไปเป็นเพื่อนเนมหน่อยน้า”

         รุ่นน้องหน้าขาวเอาศีรษะมาถูๆแถวไหล่ผมอย่างอ้อนๆ เพราะสนิทกันมากน้องจึงรู้ว่าผมค่อนข้างตามใจอีกฝ่าย โดยเฉพาะกับเนมถึงแม้ว่าวันนั้นที่สนามบินผมจะรู้สึกแปลกๆกับท่าทางของน้อง แต่พอหลังจากนั้นทุกอย่างก็เหมือนเดิม ซ้ำเจ้าตัวขาวนี่ยังกลับมาอ้อนเก่งยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ

         “ วันนี้ยิมมันลงแข่งเนมอยากไปเชียร์อ่ะพี่ปาย”

         ...หืม...

         ชื่อของคนที่วนเวียนอยู่ใกล้ตัวช่วงสองสามวันนี้ทำให้อดที่จะหูผึ่งไม่ได้ ในอกก็รู้สึกอุ่นๆแค่ได้ยินชื่อนี้ ไม่รู้สิผมไม่รู้ว่าอาการประหลาดของตัวเองมันคืออะไร ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีไอ้เด็กข้างห้องก็มาวนเวียนอยู่ใกล้ๆกันแล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะเราเป็นผู้ชายเหมือนกันมั้งถึงทำให้รู้สึกสบายที่ได้อยู่ใกล้อีกฝ่าย

        ...แล้วผู้ชายที่ไหนมันสนิทสนมกันจนเกือบจูบกันหรือว่าเคยจูบกันไปแล้ววะ...

        ผมสะบัดหัวแรงๆไล่ความคิดประหลาดนี้ออกไปจากหัว

        “ ทำไมเราถึงมาชวนพี่ล่ะ ช่วงนี้เพื่อนมารับมาส่งตลอดไม่ใช่เหรอ” เพื่อนที่ว่าไม่ใช่เพื่อนคนข้างห้องผมหรอก แต่เป็นอีกคนหนึ่ง

        “ ไอ้โอ๊คน่ะเหรอครับ”

        ผมพยักหน้า

        “ ก็มันห้ามไม่ให้เนมไปอ่ะ”

        “ อ้าว”

        “ มันบอกเป็นกีฬาพวกผู้ชายแมนๆเนมไม่ควรไปดู ดูมันพูดดิพี่ปาย แม่งพูดงี้โครตกวนตีนเลยเนมไม่แมนตรงไหนวะ”
 
        ...ทุกตรงครับ...

        นั่นเป็นแค่คำพูดในใจ เพราะผมไม่ได้บอกออกไปขืนพูดไปใบหน้างอเง้านี่คงได้งอเป็นจวักถาวรแน่

          “ ถ้าเพื่อนเราห้ามขนาดนั้นก็อย่าไปเลยมันอาจจะอันตรายก็ได้”

          “ ไม่จริงอ่ะ เนมเคยตามยิมไปไม่เห็นเป็นอะไรเลย สนุกดีออก”

         แสดงว่าเด็กข้างคงจะลงสนามบ่อย ยังไม่ทันได้ถามรุ่นน้องตัวขาวก็เล่าต่อทันที

         “ ยิมเมื่อก่อนอ่ะสิงห์สนามเลยนะพี่ปาย จนช่วงสองสามปีนี่แหละที่เหมือนจะเลิกไปนี่ไม่รู้นึกยังไงไปลงแข่งอีก เนมเลยห่วงอยากไปดูซะหน่อยยิ่งเพิ่งอกหักมาใหม่ๆด้วย”

         ...นั่นสินะ...หวังว่าไอ้เด็กนั่นคงไม่คิดอะไรสั้นๆหรอกนะ

         ผมคิดตามแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผมสักหน่อยที่ต้องห่วงไอ้เด็กนั่น

         “ พี่ปาย”

         เนมทำตาอ้อนๆ แต่แววตาดูเจ้าเล่ห์แปลกๆผมสังเกตว่าช่วงหลังๆมานี้เนมมักเอ่ยถึงไอ้เด็กข้างห้องผมบ่อยๆซ้ำพอผมทำหน้าจะสนใจ แววตากลมโตก็มักมีประกายวิบวับ ซ้ำยังยิ้มเหมือนถูกใจอะไรบางอย่างบอกไม่ถูก

         “ น้า”

         “ น้าพี่ปายน้า”

         คราวนี้เพิ่มออฟชั่นด้วยการโถมตัวใส่ผมเต็งแรงซ้ำยังเอาหัวมาสีต้นแขนผมอย่างจริงจังคาดว่าถ้าไม่ตกลงเจ้านี่คงไม่หยุด

         “ อืม”

         สุดท้ายผมก็ตกกระไดพลอยโจรเซไปตามแรงจูงของรุ่นน้อง คล้ายๆกับว่าถูกน้องหลอกล่อไปยังไงก็ไม่รู้



         สนามแข่งรถที่นี่มีขนาดใหญ่มากสมเป็นสนามที่ได้มาตรฐานซึ่งมีอัฒจันทร์ขนาดใหญ่รองรับผู้เข้าชมซ้ำยังมีการตรวจตราจากเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัยก่อนที่ผู้ชมจะได้ก้าวสู่พื้นที่ด้านใน ผมมองไปรอบๆเพื่อพิจารณากลุ่มคนหลากหลายที่รวมตัวกันสำหรับการเชียร์นักแข่งที่ตัวเองชื่นชอบ ขาทั้งสองข้างก้ามตามแรงจูงของรุ่นน้องที่ดูรีบร้อนเหลือเกิน เนมมองไปรอบๆเหมือนมองหาใครสักคน แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร เสียงห้วนห้าวจากขอบอัฒจันทร์ก็ตะโกนเรียกดังลั่น

        “ เนม”

         รุ่นน้องผมสะดุ้งโหยงพอดีกับที่โอ๊คมายืนหน้าทำหน้ายักษ์อยู่ตรงหน้า

        “ มาทำอะไรที่นี่”

        “ ก็”

        “ กูบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามา” โอ๊คมันทำหน้ายุ่งก่อนจะเหลือบตามาทางผมแล้วก้มศีรษะเป็นเชิงทักทาย “ นี่คงไปลากพี่หมอมาสินะ”

        “ เปล่าสักหน่อย”

        “ เชื่อยาก”

        เนมทำหน้างอจนอีกคนต้องโยกศีรษะเบาๆ ท่าทางของคนทั้งคู่มันดูสนิทสนมกันเป็นพิเศษ ราวกับว่ามันลึกซึ้งกว่าความเป็นเพื่อน
 
        “ มึงไม่คิดบ้างรึไงว่างบางทีพี่ปายอาจจะอยากมาเป็นเพื่อนกูก็ได้” เนมเถียง

        “ ไม่มีทาง”

         โอ็คจิ้มหน้าผากเพื่อนตัวขาว “ กูเชื่อว่ามึงต้องไปอ้อนจนเขาปฏิเสธไม่ได้ ถึงได้โดนมึงลากมาด้วยแบบนี้”

        ...ถูกเผง...

        ผมกลั้นยิ้มจนปวดแก้มกับการวิเคราะห์ของเด็กนิเทศฯซึ่งเดาทุกอย่างได้อย่างแม่นยำจนรุ่นน้องผมทำหน้างอขัดใจ

         “ เออมึงพูดถูก”

         เนมกระชากเสียงตอบก่อนจะไปมองไปรอบๆ “ ว่าแต่ยิมอยู่ไหนอ่ะ”

         ผมมองตามปลายนิ้วโอ๊คซึ่งชี้ไปยังรถแข่งคนสีดำคาดขาวกำลังดริปโชว์อยู่กลางสนาม ภาพตรงหน้าดูน่าใจหายเพราะความเร็วในการหมุนขนาดดูด้วยสายตาเปล่ายังแทบจะดูไม่ทัน ซ้ำสภาพอากาศตอนนี้ยังมีฝนตกลงมาพรำๆ การขับรถน่าหวาดเสียวแบบนั้นจะไม่มีอุปสรรคบ้างรึไงในสภาพอากาศขมุกขมัวแบบนี้

         รถคันนั้นกลับมาขับแบบปกติวิ่งตามถนนที่จัดให้อีกครั้งท่ามกลางเสียงถอนหายใจโล่งอกของเนมกับผมต่างจากโอ๊คที่ดูชิวๆกับภาพที่เห็น ขณะที่พวกเรากำลังจะทรุดตัวลงนั่งรถแข่งคันสีดำคาดขาวก็ส่ายไปมาแปลกๆ จนผมต้องเพ่งพิจารณาดูอย่างแปลกใจและพอจังหวะเข้าโค้งรถคันนั้นก็มีอาการท้ายปัดจนส่วนหัวพุ่งออกนอกสนามไปชนกับบังเกอร์ยางรถสูงเกือบเมตรพาให้รถพลิกคว่ำทันที


       “ ฉิบหาย”

       “ ยิม”

        เสียงเพื่อนมันคนร้องเสียงหลง ไม่ต่างหัวใจของผมที่กระตุกวาบ แล้วขาก็ขยับตามสองคนนั้นที่กระโจนไปดูเพื่อนมันทันที ผมรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงราวกับว่ามันจะทะลุออกจากอก นัยน์ตาผมพร่ามัวแทบมองอะไรไม่เห็น ในอกก็ร่ำร้องเหมือนใจจะขาดแล้วภาพเหตุการณ์วันนั้นเมื่อหลายปีก่อนก็สว่างวาบขึ้นมาในหัว

        มันเป็นวันฝนพรำเช่นนี้ในเวลาพลบค่ำวันนั้นมีอุบัติเหตุรถคว่ำเกิดขึ้น เสียงกรีดร้องและรอยเลือดสีแดงฉานไหลนองเต็มพื้น หยาดน้ำตาที่ไหลมาเป็นสาย ผมจำภาพนั้นได้จนติดตา เสียงร่ำไห้ของคนที่รักและเสียงลมหายใจอันแผ่วเบาจนสุดท้ายคนที่ผมรักที่สุดก็จากไปตลอดกาล

        ภาพตรงหน้าเหมือนภาพซ้อนทับเรื่องราวในอดีต มันเหมือนเป็นฝันร้ายที่ไม่อยากจดจำ ผมกำหมัดแน่นเนื้อตัวสั่นเทาก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ




***********************************




           [ยิม]



         “ หมอ”

         “ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว”

         ผมกระตุกข้อมือคนที่นั่งนิ่งมาตลอดตั้งแต่โรงพยาบาลจนมาถึงคอนโด หมอมีอาการแปลกๆดูเหมือนตกใจหรืออาจจะช็อกกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้  รถที่ผมใช้ลงสนามเกิดยางระเบิดในจังหวะเข้าโค้งพอดีซ้ำถนนยังลื่นเลยไม่แปลกถ้ามันจะพลิกคว่ำ แต่ดีว่าเขาเซฟทุกอย่างพอแงะตัวเองออกจากรถได้จึงมีบาดแผลตรงหางคิ้วซึ่งกระแทกกับพวงมาลัยจนคิ้วแตก และมีแผลที่ข้อศอกยาวเกือบนิ้วเท่านั้นเอง ส่วนตามลำตัวก็แค่ฟกช้ำเล็กน้อยจนต้องขอบคุณเซฟตี้ของตัวรถด้วย เพื่อนทั้งสองของผมดูตกอกตกใจรีบพาส่งโรงพยาบาลทั้งที่ยืนยันแล้วว่าผมไม่ได้บาดเจ็บอะไรร้ายแรง

        ทุกอย่างรอบกายดูวุ่นวายจนผ่านไปสักพักผมจึงได้มีโอกาสสังเกตว่ามีใครบางคนนั่งนิ่งมาตั้งแต่ต้น หมอนั่งนิ่งจนไม่ได้รับรู้ว่าผมกำลังยืนมองแววเหม่อลอยนั้นด้วยความห่วงใย จนได้รับการยืนยันจากแพทย์แล้วว่าผมปลอดภัยทุกอย่างสองคนนั้นจึงล่าถอยกลับไปหลังจากพามาส่งถึงห้อง

        หมอปายขอแยกตัวไปแต่เพราะอาจจะยังเบลออยู่ผมถึงได้ทำเนียนเดินเข้าห้องหมอ มันน่าแปลกที่หมอไม่บ่นหรือเอ่ยปากไล่อย่างที่แล้วมา มันน่าตกใจที่เห็นหมอเหม่อลอยเหมือนมีอะไรในหัวให้ขบคิดมากมาย


        “ หมอ”

        ผมเรียกหมออีกครั้ง

        “ อะไร”

        “ หมอโอเคมั้ย”

        หมอหันมามองงงๆก่อนจะหรี่ตามองแผลตรงหางคิ้ว “ กูมากกว่าที่ต้องถามว่ามึงโอเครึเปล่า”

        “ โอเคสิหมอ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

        “ ก็ดีแล้ว” หมอปายหันมาถามต่อ “ มึงชอบแข่งรถงั้นเหรอ”

        “ ครับ ผมว่าเวลาที่มันเคลื่อนไหวไปเร็วๆมันเหมือนว่าหัวโล่งดี เหมือนว่าเราบินได้”

        “ ไม่กลัวรึไง”

        ผมส่ายหน้าปฏิเสธ

        “ ผมชอบความท้าทายครับหมอ”

        “ มันน่าสนุกตรงไหน”

        “ ตรงที่มันไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดมันอยู่ตรงไหน” ผมตอบ

        หมอหันมาสบตากับผมตรงๆและมองอยู่อย่างนั้นนิ่งๆ

        “ สำหรับผมแล้วหมอคือความท้าทายที่น่าพิชิตเหมือนกัน”

        “ ยังไง” หมอเลิกคิ้ว

        “ คงเหมือนช้อยส์ข้อสอบมั้งครับ ดูมีหลายคำตอบดี”

        “ กูนึกว่ามึงจะเล่นมุขเปรียบกูกับหนังสือซะอีก” หมอพูดเสียงเรียบแววตาดูขบขันไม่น้อยจนผมเผลอยิ้มตาม

        “ หมอไม่เหมาะเป็นหนังสือหรอกครับ เป็นช้อยส์คำตอบน่ะดีแล้ว”

         หมอส่ายหัวไม่จริงจังนักแล้วเล่นผมกลับ “ งั้นมึงจะเลือกข้อไหนล่ะ”

         “ ผมเหรอ” ผมชี้นิ้วใส่ตัวเอง “ ผมคงเลือกทุกข้อ”

         หมอชะงักแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ขณะที่ผมกระตุกยิ้ม ในใจมันฟูแปลกๆบอกไม่ถูก

         “ ถ้ามึงจะกลับออกไปล็อคประตูให้ด้วยกูจะไปอาบน้ำ”

         “ ไม่ครับ”

         หมอกอดอกแล้วสบตาผมนิ่งคงจะนึกว่าผมตอบกวนตีน “ เพราะคืนนี้ผมจะนอนห้องหมอ”




       .
 
       .

       .



       สุดท้ายหลังจากหน้าด้านและมารยาอ้อนจนหมอพยักหน้ารับอย่างระอา ผมก็กลับไปอาบน้ำที่ห้องแล้วมายืนเสนอหน้าอยู่กลางห้อง

       “ เพราะมึงบอกว่ากลัวเจ็บแผลตอนกลางคืนหรอกนะ ไม่งั้นมึงไม่มีทางมานอนได้หรอก”

       “ เจ๊ากันไงหมอ”

       “ อะไร”

        “ ตอบแทนที่ผมเคยให้หมอไปนอนที่ห้องไง”

        หมอเบ้ปากก่อนจะปาหมอนใส่แต่ผมดันรับไว้ทันก่อนจะยิ้มกริ่มเดิมตามหมอเข้าห้องไปติดๆ หมอแสยะยิ้มชี้นิ้วไปที่ผ้าห่มซึ่งกองอยู่ตรงพื้นใกล้ๆเตียงก่อนที่เจ้าตัวจะกระโดดขึ้นเตียงท่าทางไม่แยแส ผมเลยได้แต่ยักไหล่ปูที่นอนตรงพื้นข้างเตียงก่อนจะเดินไปปิดไฟ

        “ อย่าปิดไฟ”

        เสียงทุ้มดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา

        “ ทำไมครับ”

        “.......”

         “ หมอ”

         หมอปายลุกขึ้นนั่งก่อนจะเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งบรรยากาศภายนอกมีสายฝนที่โปรยปรายลงมา “ ฝนมันตก”

          ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจแต่หมอก็ไม่ได้ให้คำตอบอะไรเพิ่มเติม ก่อนจะล้มตัวลงนอนหันหลังให้ผม

         “ กูชอบนอนเปิดไฟเวลาฝนตก ถ้ามึงนอนไม่ได้ก็กลับห้องมึงไป”

         ผมส่ายหน้ามองคนชอบนอนเปิดที่ห่อไหล่หลังงองุ้มเนื้อตัวสั่นเทา ท่าทางแบบนั้นบอกถึงความผิดปกติ ความรู้สึกตอนนั้นผมอธิบายไม่ถูกรู้แค่ว่าโครตอยากอยู่ข้างๆหมอเลย ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินไปปิดไฟ พอความมืดปกคลุมไปทั้งห้องจนหมอถึงกับสะดุ้งโหยง

         “ มึง”

         “ กลับห้องมึงไป”

        ผมไม่ตอบแต่เดินไปทรุดลงบนเตียง หมอขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะผลักอกผมแรงๆ ผมจึงสวมกอดหมอเอาไว้เต็มอ้อมแขน

         “ ปล่อยกู”

         “ หมอ” ผมลูบแผ่นหลังคนที่สั่นไปหมดทั้งตัว “ อย่ากลัวผมอยู่ตรงนี้”

         “ ปล่อยกู”

         “ ผมอยู่ตรงนี้ครับหมอ”

         “ ปล่อย”

         “ ผมอยู่ตรงนี้ครับ ผมอยู่ตรงนี้ ผมอยู่กับคุณ...หมอปาย”

        สักพักคนในอ้อมแขนที่ดิ้นเร่าก็หยุดดิ้น หมอนิ่งไปจนสัมผัสได้แต่ลมหายใจที่แผ่วเบา

         “ กูเกลียดการนอนปิดไฟในวันที่ฝนตก”

         “ ทำไมครับ”

         “ มันเป็นวันที่กูต้องสูญเสียแม่ไปตลอดกาล”

         “ หมอ”

         “ ขอร้องไปเปิดไฟเถอะ” หมอพูดเสียงแผ่ว “ กูนอนไม่ได้”

         “ หมอนอนได้” ผมค้าน

         “ ปล่อย” ผมค่อยๆ ดันหมอให้หงายหลังลงนอนหมอดูอึกอักไม่ทำตามแต่ผมก็ไม่ยอมเช่นกัน สุดท้ายหมอจึงยอมนอนลง ขณะที่ผมทรุดตัวลงนอนใกล้โดยที่มือของพวกเรากุมกันแน่น


         “ หลับเถอะครับ”

         “ มึง”

         “ นอนเถอะครับ ผมอยู่ตรงนี้”

         .

         .


         “ โอ้ย”

        ผมถลาตกเตียงด้วยแรงถีบของหมอ หมอผุดลุกขึ้นนั่งแม้ในความมืดผมก็เดาสีหน้าหมอออกว่ามันฉุนเฉียวแค่ไหน

        โธ่ โกรธอะไรนักหนาแค่ผมเผลอล้วงมือข้างที่ว่างไปในเสื้อหมอเท่านั้นเอง ผมล้วงผิดหรอกกะจะดึงผ้าห่มมาคลุมให้ต่างหาก นี่ถึงขนาดโกรธจนเท้ากระตุกเลยเหรอเนี่ย

        “ ไอ้หมายิม”

        “ มือมันลั่นอ่ะหมอ” คราวนี้หมอนอีกใบปลิวมาโดนหน้าผมเต็มๆ

        “ ไสหัวไปนอนพื้นเลย”

        “ ครับ”

         ผมรับคำพร้อมกับกลั้นเสียงหัวเราะ ผ่านไปสักพักนึงผมจึงค่อยๆย่องขึ้นเตียงไปทรุดตัวลงนอนใกล้ๆเพราะห่วงกลัวหมอจะมีอาการแปลกๆอีก คราวนี้ผมแค่ลองจับมือหมอเฉยๆแต่ผมกลับรู้สึกว่าฝ่ามือของหมอกระชับมือของผมให้แน่นขึ้น ไอร้อนจากตัวหมอแผ่วเบาลงคล้ายกับว่าเจ้าตัวผ่อนคลายขึ้น

         แล้วเราก็กุมมือกันและกัน หลับใหลไปอย่างสนิทตลอดคืน





มาแล้วๆ หายไปเป็นอาทิตย์เพราะไปจัดการธุระในเมืองเสียหลายวันค่ะ
ตอนนี้เหมือนอะไรๆจะดีขึ้นเนอะ หุหุหุ เตรียมหมอนเตรียมใจให้ดีต่อจากนี้เราจะพาคุณไปฟินแลนด์ ฮ่าๆๆๆๆๆ
#หนึ่งความคิดเห็นคือหนึ่งกำลังใจของนักเขียนนะคะ :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ blankmkmejj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แพ็คกระเป๋าเรียบร้อยเตรียมไปฟินแลนด์ :hao6: ทีมยิมปาย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
มือลั่นนนนนนน ไม่ค่อยเลบนะยิม ฮ่าๆๆๆๆ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:ฟินไปยาวๆๆเลยจร้าาาาาาา

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เตรียมรอความฟินครับผม,,,,

ออฟไลน์ asakurafy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :katai2-1:รอไปฟินแลนด์ด้วยยย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
รอตอนหน้าดีกว่า

ออฟไลน์ pinknocchio

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มือลั่นบ่อยๆก็ดีนะยิม
 :haun4: :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
เกลียดการบอกว่ามือลั่นของยิม กำลังโรแมนติกเลย.  :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เหมือนหมอปายจะค่อยๆ เปิดใจให้ยิมแล้วนะ

ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1
มือลั่นเจอตีนลั่น ผลคือตกเตียง 555 ...รอไปฟินแลนด์  :z2:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น...

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ยิมเจอตีนลั่นเข้าไปเป็นคะจุกดีมั้ย  :m20:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ทุกอย่างค่อยๆคลี่คลายออกมาแล้ว

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ยิมเนียนระดับสิบ :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17





        หลงที่ 15 : คนที่รอคอย




        [หมอปาย]




        “ หมอ”

        “........”

        “ หมอครับ”

        ผมจงใจถอนหายใจแรงๆใส่โทรศัพท์เพราะอยากให้คนในสายได้ยินชัดๆ แต่แทนที่มันจะไม่พอใจไอ้บ้านี่กลับหัวเราะชอบใจราวกับคนบ้า สมกับเป็นมันจริงๆไอ้เด็กข้างห้องซึ่งเพิ่งโดนสาวหักอกมาไม่ทันไรใบหน้าเปื้อนยิ้มของมันก็กลับมาระรี้ระริกอีกครั้งจนน่าหมั่นไส้

        ถึงแม้ลึกๆผมเองก็อดดีใจไม่ได้ที่เห็นมันคนเดิมกลับมาแล้ว

        แล้วนี่ผมจะยิ้มทำไมวะ ผมส่ายหน้าให้กับจอโทรศัพท์อย่างรับตัวเองไม่ได้จนปลายสายทำเสียงอ้อนชวนสยองผ่านมาตามสาย

        “ อะไร”

        “ เจ็บแผลจังครับ”

        “ ตอแหล”


        ผมสวนกลับไปนิ่มๆทันได้ยินมันโอดครวญได้โคตรมารยา จริงๆแล้วแค่แผลคิ้วแตกกับแผลที่ศอกไม่ได้ร้ายแรงอะไรเบากว่าตอนที่มันถูกรถเฉี่ยวครั้งก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำยังมีหน้ามาขอให้ผมไปทำแผลให้ ทั้งยังเนียนมาขอข้าวเย็นห้องผมกินแทบทุกวัน ขนาดโดนผมไล่ก็ยังมาเสนอหน้าให้เห็นได้ทุกวัน หรือจริงๆแล้วแล้วนอกจากความกวนตีนที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าแสนทะเล้นแล้วยังมีอาการหน้าหนาอยู่ด้วย

        “ มึงนี่นะมีอะไรขอตรงๆ เร็วๆ”

        “ ถ้ามารยาคือเจ็บแผล แต่ความจริงคืออยากเจอหน้าหมอ”

         ...นี่ก็ตรงไป...

        ผมถอนหายใจกับคำพูดและการกระทำแบบตรงๆของมัน ยังจำได้ว่ามันเคยพูดว่า ‘ถ้าอยากเปลี่ยนสถานะมันจะทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น’ แล้วมันก็ทำจริงๆ  ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกยังไงที่โดนเพศผู้เหมือนกันหยอดทุกวันแบบนี้ แรกๆก็คิดว่ามันคงทำไปขำๆสักพักคงเลิกไปเองที่ไหนได้มันชักรุกหนักขึ้นทุกวันจนน่าปวดหัว

       “ เอ่อ”

       “ หมออยู่ไหนครับ”

       “ กำลังขับรถกลับคอนโด” เออผมนี่ก็แปลกดันตอบมันกลับไปอีก

       “ ผมรออยู่นะ”

       “ รออะไร”

       “ รอกินข้าวกับหมอ” แล้วทำไมต้องทำเสียงทุ้มวะ ผมยกมือถือออกจากหูแล้วดูรายชื่อสายที่โทรมาอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าปลายสายเสียงนุ่มหูนี่คือมันจริงๆ

       “ ไม่ต้องรอ ถ้าหิวก็กินไปเลย”

       “ ผมจะรอ”

       “ อย่ารอ”

       “ ผมเต็มใจรอหมอครับ”

       แล้วมันก็วางสายใส่ผมทันที ทิ้งให้ผมหงุดหงิดอยู่กับหน้าจอที่กลายเป็นสีดำสนิท



       หลังจากฝ่าการจราจรช่วงเย็นจากโรงพยาบาลมาถึงคอนโดได้ก็เกือบทุ่ม และพอก้าวเข้าห้องตัวเองได้ไม่เท่าไหร่เสียงออดหน้าประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับผู้มาเยือนหน้าคุ้นตา มันไม่รอให้ผมเชิญเข้าห้องด้วยซ้ำทั้งยังเดินผ่านหน้าผมเข้าไปอย่างเคยชิน

       “ วันนี้มีของโปรดหมอด้วยน้า”

       มันชูขนมอย่างพายลูกตาลเมนูโปรดของผมขึ้นสูง ไม่รู้ว่าไปสืบรู้ได้ยังไงว่าผมชอบซื้อมาตุนไว้เวลาอ่านหนังสือดึกๆ ผมยักไหล่อย่างไม่สนใจแต่คนอย่างไอ้ยิมหรือจะแคร์เพราะมันหันไปเทอาหารใส่จานราวกับว่านี่เป็นห้องของตัวเอง แต่ไม่ทันที่จะเปิดปากด่ามันอย่างที่ทำเป็นประจำพอดีเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น ชื่อที่โชว์หราเป็นสายเรียกเข้ายิ่งชวนให้แปลกใจ


      ’คุณชายครับ‘

       ’ลุงหาญ‘

       ’คุณชายเล็กไม่สบายมากตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลครับ‘


       ทันที่ที่วางสายจากคนสนิทของบิดาผมก็รีบวิ่งไปคว้ากุญแจที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะทันที

        “ หมอจะไปไหนครับ”

        “ กูมีธุระ”

        “ งั้นผมไปด้วย” มันถอดผ้ากันเปื้อนเตรียมเก็บอาหารที่ซื้อมาใส่ฟรีซ

        “ ไม่ต้อง มึงรออยู่เนี่ยแหละ”

        “ ให้ผมไปด้วยเถอะ” มันมองมาที่มือผมซึ่งถือกุญแจด้วยมืออันสั่นเทา “ เดี๋ยวผมขับรถให้”

        สุดท้ายผมจึงปล่อยให้กุญแจในมือหลุดไปอยู่ในมือมัน แล้วก้าวตามแรงจูงของอีกฝ่ายไปอย่างเงียบๆ






       [ยิม]



         ธุระที่หมอพูดไว้คือโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งซึ่งคนมีฐานะมีอันจะกินส่วนใหญ่ชอบมาใช้บริการ ผมเดินตามหลังหมอไปติดๆท่าทางของคนตรงหน้าดูรีบร้อนชอบกล หรือว่าคนที่หมอมาหาถึงโรงพยาบาลจะเป็นคนสำคัญ อาจจะเป็นคนในครอบครัวหรือใครสักคนที่ทำให้คนเย็นชาแบบหมอดูจะลืมเลือนตัวตนไปชั่วขณะ

        ความห่วงใยที่แผ่ซ่านไปรอบๆทำให้ผมสัมผัสได้

       “ คุณชาย”

       “ ลุงหาญ”

       ผมเพิ่งสังเกตว่ามีชายวัยกลางคนในชุดซาฟารีสีเทาที่ยืนรอหมอปายอยู่หน้าห้อง สังเกตว่าคนๆนั้นทำหน้าดีใจเมื่อเห็นหมอนั่นจึงทำให้ผมจำได้ว่าผู้ชายกิริยานอบน้อมคนนี้คือคนสนิทของพ่อหมอปาย แต่พอมองไปรอบๆแล้วดันไม่เห็นบุรุษซึ่งเคยตามไปเอาเรื่องหมอปายถึงคอนโดจนทำให้ผมรู้สึกกับหมอเปลี่ยนไป

       “ แล้วเขาล่ะ”

       “ คุณท่านไปต่างประเทศครับ”

       ผมเผลอถอนหายใจนึกหวั่นว่าจะได้พบเจอกับเหตุการณ์ที่พ่อกับลูกต้องปะทะกันซะแล้ว เพราะจากที่เห็นวันนั้นก็เข้าใจว่าพ่อลูกคู่นี้หัวแข็งด้วยกันทั้งคู่ เพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมกันซ้ำหมอยังดูชอบยั่วโทสะพ่อตัวเองซะด้วย

       “ อืม”

       “ แล้วไอล่ะ”

       “ คุณไอลดาไม่กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วครับ” ชายวัยกลางคนที่หมอเรียกว่า ‘ลุงหาญ’ ทำหน้าไม่สู้ดีนักจนหมอถึงกับถอนหายใจแรงๆ

       “ สรุปคือไม่มีใครอยู่บ้าน”

       “ ครับ”

       “ แล้วปอเป็นนานเท่าไหร่แล้ว”

       “ เกือบอาทิตย์แล้วครับ” ลุงหาญก้มศีรษะอย่างรู้สึกผิด “ แม่บ้านก็ดูแลตลอดครับ แต่คุณชายเล็กเธอกินยายากซ้ำยังงอแงไม่เอาใครอีก”

       “ หึ”

       หมอปายทำเสียงในลำคอ

       “ ตอนนี้ก็ร้องไห้งอแงไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้จนพยาบาลต้องจับไว้ครับ”

       “ น่ารำคาญ”

        หมอทำหน้าเบื่อหน่าย เดาว่าคงไม่ได้หมายถึงคนสนิทของบิดา แต่น่าจะมีสาเหตุมาจากเสียงร้องไห้โยเยที่ดังมาจากในห้อง

       “ คุณชายครับ”

        ลุงหาญเอ่ยขึ้น “ คุณชายเล็กเธอยังเด็ก ซ้ำตอนนี้ยังเจ็บป่วยเลยงอแงเป็นธรรมดา”

       “ ธรรมดางั้นเหรอ”

       หมอทำเสียงสูงดูมีอารมณ์ “ มันสร้างความวุ่นวายแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว”


        ผมทำหน้าตกใจเพราะไม่เคยหมอโกรธมากขนาดนี้มาก่อน หมอปายทำหน้าหงุดหงิดมือทั้งสองข้างกำแน่นอย่างพยายามสกัดกลั้นอารมณ์ ส่วนลุงหาญได้แต่ก้มหน้านิ่งแววตาดูเสียใจไม่น้อยเมื่อเห็นอาการของเจ้านายหนุ่ม ผมได้แต่มองคนนั้นทีคนนี้ทีแล้วเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ

        แต่ผมไม่ต้องสงสัยอยู่นานเมื่อหมอผลักประตูเข้าไปจึงเห็นภาพเด็กชายตัวน้อยกำลังแหกปากร้องดังลั่น ขนาบด้วยพยาบาลทั้งซ้ายและขวาซึ่งกำลังปลอบให้หยุด หมอค่อยๆก้าวเดินไปอย่างช้าๆจนไปหยุดอยู่ข้างเตียง พยาบาลเหล่านั้นจึงหยุดชะงักมือที่กำลังยื้อยุดกับเด็กตัวขาว


        “ พี่ชาย”

        เสียงแหบพร่าเพราะร้องไห้อย่างหนัก ใบหน้าขาวอย่างลูกผู้ดีกลับแดงก่ำเหยเกชวนสงสาร น้ำมูกน้ำตาไหลเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้าดูช่างน่าเวทนา มือน้อยๆทั้งสองข้างยื่นชูขึ้นมาหมายจะให้พี่ชายสวมกอด ทั้งแววตากลมโตยังมามองอย่างออดอ้อนไร้เดียงสา

       “ พี่ อึก ชาย”

       สองมือยื่นไขว่คว้าพี่ชายตัวเองซึ่งยืนกอดอกนิ่งเฉยด้วยใบหน้าเย็นชา ผมมองแล้วนึกสงสารเด็กตัวน้อยที่ร่ำร้องเรียกหาคนเป็นพี่แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความว่างเปล่า

       ผมรู้สึกว่าตอนนี้หมอปายออกจะใจร้ายไปหน่อย เพราะหมอใจแข็งมากนอกจะไม่สนใจท่าทางต้องการอ้อมกอดของพี่ชายแล้ว หมอยังก้าวถอยหลังทิ้งให้ระยะห่างเพิ่มมากขึ้น เด็กน้อยร้องไห้โฮหงายหลังดิ้นไปมาบนเตียงดูเป็นภาพที่น่าตกใจ แต่หมอกลับมองนิ่งเฉยจนผมทนไม่ไหวต้องเข้าไปโอบอุ้มร่างน้อยๆนั่นไว้ เพราะตอนนี้นางพยาบาลทั้งหลายออกไปหมดแล้ว ซ้ำลุงหาญยังรออยู่ข้างนอกอีก ดังนั้นตอนนี้ในห้องจะเหลือแต่หมอปายกับผมเท่านั้น

      “ โอ๋ ไม่ร้องนะครับ”

      “ ฮึก พี่ชาย”

       เด็กน้อยดิ้นหนีพยายามยื่นมือไปยังทิศทางที่หมอปายยืนอยู่ เสียงน้องแหบพร่าถึงแม้ถูกปฏิเสธก็ยังร่ำร้องหาแต่พี่ชายอย่างไร้เดียงสา ดูรู้เลยว่าเด็กนี่คงจะรักหมอปายไม่น้อยทีเดียว

      “ ฮึก”

       ดิ้นไปดิ้นมาจนเหนื่อยใบขาวจึงซบอยู่ที่อกผมซ้ำมือทั้งสองข้างก็ขยำคอเสื้อผมแน่น ทำให้ต้องโอบประคองเด็กชายเอาไว้เต็มอ้อมแขน มืออีกข้างที่ว่างก็ลูบแผ่นหลังน้อยๆเป็นการปลอบประโลมจะเรียกว่าชินก็คงไม่เชิงเพราะผมค่อยข้างถูกโฉลกกับเด็กๆ เนื่องจากว่าผมได้มีโอกาสดูแลน้องสาวมาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะบิดามารดามีงานล้นมือดังนั้นหน้าที่ดูแลน้องสาวจึงตกเป็นของผมไปโดยปริยายและตัวผมเองก็ยินดีและเต็มใจทำ มันเลยทำให้ผมกับใยบัวสนิทสนมกันมาก ไม่แปลกถ้าหากเด็กในอ้อมแขนจะสงบเสียงร่ำไห้ลงได้ถึงแม้จะได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆก็ตาม


       “ หมอครับ”

       หันไปเรียกคนที่ทำตัวเงียบเชียบตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้อง หมอแค่เหลือบตามองเด็กในอ้อมแขนเพียงแวบเดียวก่อนจะมองไปทางอื่น

       “ ฮึก พี่ชายโกรธ”

       เด็กในอ้อมแขนกระซิบบอกเสียงสะอื้นจนอดไม่ได้ที่จะเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าให้ ใบหน้าขาวผ่องแดงก่ำคงเพราะร้องไห้อยู่นาน  ผมพินิจพิจารณาใบหน้าน้อยๆนี่แล้วเหลือบตามองไปทางหมอปาย  จึงได้คำตอบว่าสองคนนี้มีความคล้ายคลึงกันอย่างไม่ต้องสงสัยในสายเลือดเลย

       เด็กตัวน้อยนี่เหมือนหมอปายขนาดย่อส่วนจะต่างก็แค่น้องมีดวงตาดูกลมโตและแก้มสีชมพูพองลม แต่โดยรวมแล้วเป็นเด็กที่น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ ยิ่งผิวกายขาวสะอาดราวกับเป็นคุณหนูน้อยๆที่ได้รับการดูแลมาอย่างดี เสียแต่ตอนนี้ทำหน้าเหยเกดูทั้งน่าขำและน่าเอ็นดู

       “ แล้วพี่ชายจะโกรธอะไร เอ่อน้อง”

        ผมหยุดไปเมื่อยังไม่รู้จักชื่อเด็กตัวขาวนี่เลย

        “ แล้วน้องชื่ออะไรเอ่ย”

        “ ปอ” ปากน้อยๆขยับอ้า “ ชื่อน้องปอ”

        “ โอเคน้องปอ พี่ชื่อยิมน้า”

        ดวงตาใสแจ๋วที่เคยเอ่อคลอไปด้วยน้ำตามองตามนิ้วชี้ของผมที่ชี้เข้าหาตัว เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงักต่างจากพี่ชายที่ทำเสียง “เหอะ” ตอนที่ผมทำเสียงเล็กเสียงน้อยเวลาพูดกับเด็กน้อย

        “ น้องปอ”

        “ ครับ”

        น้องรับคำอย่างน่าเอ็นดู น่ารักแบบนี้ทำไมหมอปายถึงใจร้ายไม่คิดจะดูดำดูดีแบบนี้ ผมลูบศีรษะทุยสวยที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีดำสนิทนุ่มมือ น้องเอียงหัวตามมือผมคล้ายกับกำลังออดอ้อนถ้าหากเป็นน้องของผมจริงๆผมคงจะรักตายเลย ขนาดเด็กแสบอย่างใยบัวมาอ้อนขออะไรทีผมนี่แทบจะทุ่มให้ทุกอย่าง

        น่าแปลกที่หมอปายดูชิงชังเด็กตาดำๆแบบนี้

        “ ไม่ร้องเนอะคนเก่ง”

        เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงักสูดน้ำมูกจนอดไม่ได้ที่จะล้วงผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้อย่างไม่รังเกียจ

        “ ดูซิเนี่ยร้องไห้จนตาบวมหมดแล้ว”

        “ แก้มก็บวม”

        คนที่ยืนนิ่งอยู่นานเอ่ยขึ้น  เด็กตัวขาวอมลมจนแก้มพอง ผมเลยได้แต่ส่ายหน้าเมื่อหมอปายแกล้งเหน็บแก้มขาวที่อวบอูมน่าหยิก น้องซุกหน้าลงที่บ่าผมแต่แอบเหล่ตามองพี่ชายหน้ายักษ์ของตัวเอง ผมเลยค่อยๆวางน้องลงบนเตียงแต่เด็กนี่ยังเกาะแน่นไม่ยอมปล่อย

        “ ทำไมครับ”

        “ พี่ชายดุ” น้องปอซุกหน้าแนบไหล่ผมให้แน่นขึ้น “ พี่ชายโกรธน้อง”

        “ หืม”

        เด็กน้อยตัวสั่นเห็นแล้วได้แต่นึกโทษหมอปายที่ทำหน้าทำตาเบื่อโลกอยู่ได้

        “ หมอครับ”

        ผมเอ่ยปรามคนที่ดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่าตัวเองกำลังทำให้เด็กกลัวอยู่

        “ อะไร”

        “ ยิ้มหน่อยสิครับ”

        หมอทำหน้าหงิกทันที

        “ น้องปอดูสิ” ผมสะกิดไหล่น้องให้หันไปมอง “ เห็นยักษ์มั้ย ยักษ์มีเขี้ยว น่ากลั๊วน่ากลัว”

        ผมทำตัวสั่นจนเจ้าตัวเล็กขำคิกแต่หมอกลับทำหน้าบูดกว่าเดิมซ้ำยังชี้หน้าผมอย่างเอาเรื่อง

        “ สงสัยพี่หมอจะไม่สบายหน้าเลยบูด”

         ผมกระซิบกระซาบกับเด็กน้อย “ น้องปอยิ้มสิครับ ยิ้มเร็วพี่ชายจะได้หายหน้างอ”

         น้องปอว่าง่ายจริงๆบอกอะไรก็ทำหมดพอผมพูดจบน้องก็ยิ้มแฉ่งแววตากลมโตใสซื่อมองไปที่หมออย่างไร้เดียงสา หมอปายถอนหายใจแรงๆใบหน้าไม่บูดบึ้งแล้วแต่ก็ยังไม่ยิ้ม ก็ยังดีแค่นี้ก็ดีแล้วผมยักคิ้วให้หมอ ฝ่ายนั้นจึงใช้สายตาคู่คมจ้องกลับมาชวนให้หนาวสันหลังแปลกๆ

        สายตาของหมอพร้อมจะทิ่มแทงผมจริงๆให้ตายเถอะ

        “ ขออนุญาตนะคะ”

        ระหว่างที่เราจ้องกันอยู่สักพักพอดีพยาบาลสองคนเข็นรถเข็นเข้ามาพอดี

        “ ครับ”

        “ ขอฉีดยาคนเก่งหน่อยนะคะ”

         พอได้ยินว่าจะถูกฉีดยาเด็กในอ้อมกอดก็ตัวสั่นขึ้นทันที “ ไม่เอา...น้องเจ็บ”

         น้องเริ่มดิ้นจนผมต้องกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น “ ทำไมครับถ้าไม่ฉีดน้องปอจะไม่หายนะ”

         “ ไม่เอา”

         “ นิดเดียวนะคนเก่ง”

         “ ฮึก”

         น้องเริ่มร้องไห้อีกครั้งตอนที่พยาบาลเริ่มเช็ดแอลกอฮอลทั้งๆที่นางฟ้าในชุดขาวต่างสรรหาคำพูดมาปลอบประโลมแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเมื่อน้องเริ่มดิ้นแรงขึ้น

        “ ปอ”

        เสียงทุ้มของหมอดังขึ้น ผมจึงเพิ่งรู้ตัวว่าหมอมาหยุดยืนข้างเตียงแล้ว น้องลดเสียงสะอื้นแล้วเบี่ยงหน้าไปหาหมอปายทันที มือน้อยๆคว้าชายเสื้อหมอเอาไว้

        “ เงียบซะ”

        น้ำเสียงติดจะดุถึงจะห้วนห้าว แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนมีอิทธิพลต่อจิตใจของเด็กชาย น้องปอเงียบเสียงสะอื้นซุกหน้าอยู่กับอกผม แต่มือน้อยๆกำชายเสื้อหมอเสียแน่น และน่าแปลกที่หมอก็ไม่ยักกะปัดออกตามที่ผมนึกกลัว ซ้ำยังขยับเข้าไปใกล้น้องมากขึ้น

        ผมขอถอนคำพูดว่าหมอปายใจร้าย ไม่จริงเลยผมรู้สึกว่าภายใต้ท่าทางเย็นชากลับมีความห่วงใยแอบแฝงอยู่ ภายใต้ท่าทางแข็งๆแบบนั้นกลับโคตรอ่อนโยนตอนที่มือหนาเอื้อมมาลูบหลังน้อง ตอนที่เข็มฉีดยาแทงเข้าเนื้ออ่อนตรงแขน

        น้องปอร้องไห้จ้าทันทีด้วยความเจ็บจนผมต้องจับขึ้นอุ้มแล้วเขย่าพาเดินไปรอบๆห้องหลังจากพยาบาลทั้งสองคนกลับออกไป ช่างน่าสงสาร ตัวก็เล็กซ้ำยังมาเจ็บป่วยแบบนี้ คนเป็นพ่อเป็นแม่ทำไมช่างใจดำทิ้งไปอย่างไม่ใยดีเช่นนี้ เพราะร้องไห้หนักบวกกับเพลียพอโดนจับฉีดยาไม่นานเด็กน้อยก็หลับคอพับคออ่อนจนต้องวางลงนอนดีๆบนเตียง

        เราสองคนนั่งมองเด็กน้อยเงียบๆสักพักผมจึงเหลือบตามองหมอที่นั่งเหม่อเงียบๆ

        “ อยากจะถามอะไรก็ถามมา”

        หมอเปิดปากพูดก่อนซึ่งเป็นสิ่งที่ผมกำลังจะถามพอดี ผมเลยยิ้มเขินๆให้อีกฝ่ายที่รู้ทัน

         “ น้องปอนี่เป็นน้องชายของหมอจริงๆรึเปล่าครับ”

         “ คนละแม่” หมอถอนหายใจ

         “ แล้ว”

         “ ปอเป็นลูกของไอลดากับพ่อกู”

        ผมพยักหน้าเงียบๆพอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง น้องชายต่างมารดาที่เกิดกับเพื่อนสาวคนสนิทหรืออดีตคนรักวะ

         “ กูกับไอไม่ได้เป็นอะไรกัน”

        หมอพูดเสียงเรียบหรี่ตามองผมเหมือนกำลังเดาความคิดเห็นผมได้

        “ ผมยังไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย”

        “ หน้ามึงบอก” หมอทำเสียงเข้ม “ อย่าให้กูรู้ว่ามึงคิด เพราะกูเคยบอกแล้วว่ากูกับไอไม่ได้เป็นอะไรกัน”

        “ แล้วทำไมแม่เลี้ยงหมอถึง ‘อยาก’ ได้หมอขนาดนี้ล่ะ”

         หมอทำหน้าไม่ถูกเมื่อผมเน้นคำว่า‘อยาก’ จนหมอชักสีหน้า

        “ พูดดีๆ”

        ผมยกมือทั้งสองขึ้นเหมือนยอมแล้ว

         “ ไอเป็นเพื่อนกูมาก่อน”

         “ หมอเคยบอกผมแล้ว”

        หมอถอนหายใจ “ หลังจากที่แม่กูเสียไม่นาน พ่อก็พาไอลดาเข้าบ้านเพราะเธอท้องมันน่าตกใจไม่น้อยที่จากสถานะเพื่อนจะกลายมาเป็นแม่เลี้ยง”

        “ ผมว่าคุณไอลดาเขาชอบหมอมาก่อน แต่คงมีความผิดพลาดอะไรบางอย่างที่ทำให้จากอยากได้ลูกมาได้พ่อแทน” ผมวิเคราะห์

        “ กูไม่รู้”

        “ ผมถามจริงๆเถอะพ่อหมอรู้รึเปล่าว่าภรรยาตัวเองชอบหมอมาก่อน”

        หมอส่ายหน้าปฏิเสธ “ ก่อนหน้านี้ไอไม่เคยแสดงออกว่าชอบกูด้วยซ้ำจะแปลกไปก็ตอนที่เขาเข้ามาเป็นแม่เลี้ยงนี่แหละ”

         “ น่าสงสัยทำไมตอนที่เป็นเพื่อนกันเขาถึงไม่บอกว่าชอบหมอ”

        หมอถอนหายใจเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแววตาคู่คมดูเศร้าสร้อยอย่างบอกไม่ถูก อาการที่แปลกไปของหมอทำให้ผมนึกเอะใจก่อนจะเปลี่ยนเรื่องให้หมอคลายสีหน้าเคร่งเครียดนั่น

         “ เพราะอย่างงี้รึเปล่าหมอถึงตั้งแง่รังเกียจน้องปอนัก”

         หมอส่ายหน้าปฏิเสธอีกครั้ง “ เพราะมันทำให้ตัวหารสมบัติเพิ่มขึ้นต่างหาก”

         หมอตอบหน้าตายถึงปากจะบอกว่าเกลียดชังแต่ผมแอบเห็นว่าหมอไปขยับผ้าห่มคลุมให้น้องอย่างอ่อนโยน ผมอมยิ้มมองคนปากแข็งนิ่งๆ สงสัยจะมองนานไปหน่อยหมอถึงตวัดสายตามองผมเขม่งด้วยท่าทางเอาเรื่อง ผมเลยได้แต่ยิ้มๆก่อนยักไหล่

        “  อะไร”

        “ แน่ใจเหรอครับว่าหมอไม่ชอบน้องจริงๆ” หมอชะงักมือที่กำลังขยับผ้าห่มนิ่ง

        “ กลับไปเลย”

        หมอชี้นิ้วไปที่ประตู “ดึกแล้ว...มึงกลับไปได้แล้ว”

         “ แล้วหมอล่ะครับ”

         “ กูจะนอนนี่”

         “ งั้นผมนอนด้วย”

         หมอทำหน้าระอาที่ไล่แล้วผมไม่กลับสักที หมอเลยเดินไปปิดไฟก่อนจะเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาขนาดใหญ่ใกล้เคาน์เตอร์ซึ่งถูกแบ่งโซนเป็นห้องครัวและห้องนั่งเล่น ช่วงสะดวกสบายสมเป็นโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังจริงๆ ที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันทุกอย่างแบบนี้

         ผ่านไปสักพักจนผมเข้าใจว่าหมอหลับไปแล้ว เสียงสะอื้นคล้ายละเมอของเด็กน้อยก็ดังขึ้น ผมเตรียมขยับลุกพอดีเห็นเงาใครบางคนในความมืดขยับตัวอย่างเร็วตรงไปยังเตียง


        “ ชูร์”

        เสียงทุ้มดังขึ้น “ เงียบซะ...อย่าร้อง”

       แม้ในความมืดผมก็รู้ว่าเป็นหมอปาย เงาดำๆนั้นโน้มใบหน้าลงไปใกล้เด็กน้อย แสงสว่างจากภายนอกส่องเข้ามาเห็นมือคู่นั้นลูบศีรษะน้องเบาๆ ซ้ำยังกระซิบเสียงนุ่มด้วยถ้อยคำปลอบประโลม

       ...ภาพนั้นทำให้ผมรู้ว่าหมอเป็นคนเย็นชาที่โคตรอ่อนโยน เป็นคนแข็งกระด้างที่โคตรอบอุ่น...


        ผมนอนมองภาพนั้นเพลินไปหน่อยจึงทำให้หมอปายรู้ตัวจนหันมามอง ผมเลยจำต้องผุดลุกขึ้น


       “ หมอ”

       “ อะไร”

       “ เด็กก็เหมือนผ้าขาว เขาบริสุทธิ์เกินกว่าจะรู้เรื่องสกปรกของผู้ใหญ่ ใครจะแต่งแต้มอะไรใส่ให้เขาก็รับรู้อย่างไร้เดียงสา หมอจะโกรธจะเกลียดใครแล้วมาลงที่น้องผมว่ามันไม่ยุติธรรม ถ้าหมอจะสังเกตสักนิดหมอคงรู้ว่าน้องปอเขารักพี่ชายตัวเองมากแค่ไหน”

       “ มึงจะพูดอะไร”

       “ ถ้ารักหรือรู้สึกดีกับใคร หมอแสดงออกบ้างก็ได้นะครับ บางทีคนที่รอคอยอยู่เขาคงจะดีใจ”

       “ อืม”

        หมอเงียบไปนานก่อนจะรับคำแล้วล้มตัวลงนอน

       “ เพราะผมเองก็เป็นคนนึงที่รอคอยหมออยู่เหมือนกัน”
ผมยิ้มกว้างๆเมื่อสังเกตว่าใบหน้าหมอขยับนิดๆ ซึ่งผมขอเข้างตัวเองแล้วกันว่าหมอกำลังยิ้มเช่นเดียวกับผม


        “ ถ้ามึงไม่เหนื่อยที่จะรอ อีกไม่นานหรอกความหวังมึงจะเป็นจริง”

         ฉิบหายผมแม่งยิ้มจนปวดแก้มเลยว่ะ








มาแล้วๆ ตอนนี้มีความเอ็นดูน้องปอของพี่ปาย เด็กตัวขาวของพี่  :-[
รอดูกลเม็ดการหยอดของนังยิมที่เข้มข้นขึ้นทุกตอน ฮ่าๆๆๆ ตอนหน้าจะพาไปเที่ยวค่ะเก็บกระเป๋ารอเลย
#หนึ่งความคิดเห็นคือหนึ่งกำลังใจสำหรับคนเขียนนะคะ #หนึ่งเม้นท์หนึ่งหัวใจ  :hao5: :hao5: :hao5:


ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ชอบตอนนี้มันดีกะใจ น้องปอน่ารัก(คงไม่ได้แม่)^o^

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
คือหมอปายน่ารักอ่ะ ว้ายๆๆๆๆๆๆ :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด