❤ หลงกาว(น์) ll Love Addict ❤ [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤ หลงกาว(น์) ll Love Addict ❤ [END]  (อ่าน 425969 ครั้ง)

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17




[ยิม]  ครึ่งหลัง




     ...Rrrrr...


      “ อะไรวะ”

      ...Rrrrr...

      “ เชี่ยเอ้ย”

      ...Rrrrr...


      “ เหี้ย”

       ...โครม...



        ผมผุดลุกขึ้นอย่างหัวเสียหลังจากใช้มาตรการสะกิดสมาร์ทโฟนสีดำที่หวีดเสียงร้องจนหนวกหูมาเกือบนาทีให้ไปนอนนิ่งอยู่ปลายเตียง  จากนั้นจึงผุดลุกขึ้นแล้วเดินสะโหลสะเหลไปหยุดยืนอยู่เบื้องหน้ากระจกในห้องน้ำ ภาพตรงหน้าที่ปรากฏคือใบหน้าคมคายดูหมองคล้ำดวงตาลึกโหลราวกับคนอดหลับอดนอนมาทั้งคืน ผมยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงเป็นสภาพที่ดูไม่จืดสักเท่าไหร่ ผมถอนหายใจกับสภาพของตัวเองก่อนจะเปิดน้ำเพื่อวักใส่หน้า

       ...Rrrrr...


       แล้วเสียงโทรศัพท์ที่ดังก่อกวนตลอดเช้านี้ก็ดังขึ้นอีกครั้ง โทรศัพท์เจ้าปัญหานั่นไม่ใช่ของผมหรอกแต่เป็นของเพื่อนบ้านห้องข้างๆที่เพิ่งก่อสงครามกับผมมาสดๆร้อนๆเมื่อคืน หลังจากลงไปส่งสามสาวที่ถูกไอ้หมอนั่นส่งมาเล่นงานผมเสร็จ ผมเลยไม่มีกระจิตกระใจจะล้มตัวลงนอนต่อแล้วเลยนั่งแท็กซี่ไปคณะเพื่อช่วยรุ่นพี่ตัดต่อหนังสั้นซึ่งได้รับการขอร้องจากพวกพี่ๆให้ไปช่วยหน่อยเพราะเป็นงานคณะ

       คงเห็นว่าผมมีประวัติว่าสมัยเรียนไฮสคูลเคยทำหนังสั้นเข้าประกวดจนชนะในระดับประเทศ กว่าจะไปถึงสตูฯของพวกพี่แกก็ปาไปเที่ยงคืนดังนั้นเมื่อคืนที่ผ่านมาผมแทบไม่ได้นอนกว่างานจะเสร็จก็หกโมงเช้าโน่น หลังจากนั้นก็หอบสังขารพังๆกลับคอนโดพอหัวถึงหมอนไม่ถึงชั่วโมงเสียงโทรศัพท์บ้าๆนั่นก็ดังรบกวนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หยุดหวีดร้องน่ารำคาญ

       ผมยืนจ้องเครื่องมือสื่อสารสีดำสนิทนิ่งๆราวกับจะจ้องให้ทะลุไปถึงเจ้าของมันซึ่งทำกับผมไว้เจ็บแสบมาก หึ ก่อนหน้านี้กะว่าถ้าตัวเองอารมณ์เย็นกว่านี้จะเอาไปคืนมันซะหน่อย แต่เสียงเรียกเข้านี่แม่งโครตปั่นประสาทจากที่ไม่อยากจะเสือกเรื่องของมันสักเท่าไหร่ตอนนี้ผมชักอยากจะทำอะไรพิสดารซะแล้วสิ

        ก่อนหน้านี้ผมลองรับสายไปครั้งนึงเพราะเข้าใจว่าเจ้าของมันคงโทรเข้าเครื่องตัวเองเพื่อขอคืนที่ไหนได้คนที่โทรมากลับเป็นผู้หญิงและถ้าเดาไม่ผิดผู้หญิงที่ว่านั่นคงจะเป็นคนเดียวกับที่มาหามันที่ห้องบ่อยๆ พอเจ้าหล่อนรู้ว่าใครไม่รู้รับโทรศัพท์ผู้ชายของตัว สาวเจ้าก็กระหน่ำโทรเรียกว่าสายตัดปุ๊บโทรใหม่ปั๊บจนต้องปิดเครื่องไป แต่อะไรไม่รู้ทำให้เครื่องที่ปิดสนิทเปิดขึ้นมาอีกครั้งนั่นอาจจะเป็นเพราะผมเผลอไปโดนปุ่มเปิดเข้าตอนนอน



       “ ฮัลโหล”

       “ ปายคะ”

       “ ผมไม่ใช่...” ยังไม่ทันที่จะได้พูดอธิบายต่อเสียงแหลมก็หวีดร้องมาตามสาย

       “ แกอีกแล้วเหรอ”

       ผมกรอกตาใส่มือถือราวกับว่ามองเห็นสีหน้าฝ่ายนั้น

       “ ครับ”

       “ ปายไปไหน ทำไมไม่รับสายฉัน”

       “.....” ผมถอนหายใจ

        “ โทรไปเมื่อคืนก็ปิดเครื่อง เช้ามาก็มีใครที่ไหนไม่รู้มารับสาย”

        “ คุณ”

        “ แกเป็นใคร แล้วทำไมมือถือปายอยู่กับแก”

        “ นี่คุณฟัง..”

        “ ไปตามปายคุยกันฉัน ไปตามมาเดี๋ยวนี้”

        “ คุณ”

        “ ไปตามมาฉันจะคุยกับปาย”

        ผมเอียงหูหนีตอนที่เสียงแหลมตะโกนอย่างฉุนเฉียว เพราะไม่ได้นอนทั้งคืนซ้ำตื่นมายังมาเจอกับเรื่องปวดหัวแบบนี้อีก ผมคลึงขมับตัวเองพยายามให้ผ่อนคลายแต่ยิ่งทำยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกขุ่นมัว

        “ ไว้ค่อยโทรมาใหม่นะคุณ”

        “ แก”

        ว่าแล้วสาวเจ้าก็กรี๊ดใส่มือถือจนขี้หูผมเต้นระรัว ผมมองวัตถุสีดำในมืออย่างมีอารมณ์

        ...อะไรกันนักหันหนาวะ...

        “ ผู้ชายของคุณยังไม่ตื่น มันเหนื่อยมากเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนทั้งคืน ส่วนผมเนี่ยโครตสบายตัวเลยเพราะเอาน้ำออกทั้งคืนเหมือนกัน”


        พูดจบผมก็ตัดสายทิ้งทันที

        หึ สะใจเป็นบ้า....ในใจก็นึกขอโทษเพศแม่ที่ผมดันไปกวนตีนใส่ แต่จะให้ทนยังไงไหวเล่นมากรี๊ดใส่หูแบบนี้จากที่ไม่ตื่นดีเลยตื่นเต็มตาเลยให้ตายเถอะ

       ดีนะว่าตัดสายทันไม่งั้นแก้วหูคงดับสนิทแน่ ผมส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์  ไม่รู้ว่าไอ้หมอนั่นมันเมายาสลบรึไงถึงได้ทนคบกับผุ้หญิงประเภทนี้ได้ คิดแล้วก็เหนื่อยแทนมัน ผมมองมือถือเจ้าปัญหาที่เงียบเสียงไปหลายนาทีสงสัยว่าปลายสายคงช็อคไม่น้อยที่ได้ยินแบบนั้น

        ทีใครทีมันละกันนะมึงไอ้หมอปาย

        ผมแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะนั่งพิจารณามือถือเจ้าปัญหาที่สงสัยว่าคงจะต้องเอาไปคืนไอ้หมอนั่นซะแล้วก่อนที่เขาจะประสาทเสียไปมากกว่านี้

        ...Rrrrr...


        สงสัยจะไม่เข็ด

        ผมกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเสียงโทรศัพท์ที่มีท่าทีว่าจะเงียบไปแล้วดังขึ้นอีกครั้ง สายตาผมมองของในมือนิ่ง ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอทิ้งทวนให้มันซะหน่อยแล้วกันนะ...หมอปาย...

       “ อะไรอีกครับคุณ”

       “.....”

       ปลายสายเงียบสนิทจนแอบนึกขำ

       “ เลิกโทรมาก่อกวนพวกผมสักที” ผมทำเสียงเหนื่อยๆ “ปายมันเป็นเกย์”

       “......”

       เสียงลมหายใจจากปลายเสียงดังฟืดฟาดราวคนขึงโกรธ

       “มันไม่ชอบผู้หญิงหรอกเลิกตามตื้อมันซะที”

      “ แค่นี้นะปายแม่งสะกิดผมอีกแล้ว ไม่ไหวว่ะอึดชิบหาย”


        พูดจบแล้วก็ตัดสายเช่นเดิม แต่ตอนวางดันเห็นปลายสายไม่ใช่เบอร์เดียวกับเจ้าของหมายเลขที่กระหน่ำโทรมาตั้งแต่เช้า ผมเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจแต่ก็ช่างเถอะผู้หญิงคนนั้นอาจจะใช้มือถืออีกเครื่องโทรเข้ามาก็ได้ ผมยักไหล่อย่างไม่สนใจก่อนจะกดปิดเครื่องทันที

        หลังจากนั้นผมก็ลืมเรื่องโทรศัพท์เจ้าปัญหานี้ไปเสียสนิท


       .

       .

       .


       “ แดกข้าวกัน”

        ไอ้โอ๊คสะกิดบ่าผมแรงๆตอนที่หมดคาบเรียนช่วงเช้า ผมทำหน้าง่วงๆโงหัวจากโต๊ะเรียนที่ฟุบหลับตั้งแต่ก้าวเข้ามาดีว่าวันนี้ไม่มีควิชไม่งั้นคงได้เรื่อง  ผมสะบัดหัวไปมาไล่ความง่วงซึ่งไม่ใคร่จะได้ผลเท่าไหร่นัก

        “ เป็นอะไรวะ ท่าทางเหมือนคนอดหลับอดนอน”

        “ อืม”

        “ ไปทำไรมาอ่ะ”

        “ ไปช่วยพี่หนึ่งที่สตูเมื่อคืน”

        “ อ๋อ”


         มันทำพยักหน้ารับแบบยิ้มๆ จริงๆแล้วเมื่อคืนมันก็ถูกเรียกตัวมาช่วยเหมือนกันเสียแต่ไอ้ห่านี่ดอดหนีไปกกหญิงทั้งคืนตามตัวก็ไม่ได้โผล่มาอีกทีก็หน้าบานมาเชียว เห็นแล้วโครตหมั่นไส้ไอ้โอ๊คมัน ไอ้นี่ทำตัวสมกับเป็นคนโสดที่ใช้ชีวิตเสรีอย่างไม่มีกั๊กตั้งแต่เรียนอยู่ไฮสคูลแล้วยิ่งบวกดีกรีเป็นลูกเจ้าสัวคนดังสาวๆยิ่งติดกันเป็นพรวน

          แต่มันก็ไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษซ้ำยังทำตัวเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย ถึงมันจะเที่ยวหนักเล่นหนักแต่มันก็ไม่เคยให้กระทบเรื่องการเรียนเพราะเห็นมันเรื่อยๆเปื่อยๆไม่สนใจอะไรแต่เรื่องผลการเรียนนี่ไม่ได้ด้อยกว่าผมนะ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็แน่กว่ามันอยู่ อันหลังนี้เป็นการอวยตัวเองครับ

        “ เย็นนี้ซ้อมบอลเสร็จมึงโผล่หัวไปให้พี่หนึ่งเห็นหน้าด้วย”


        ‘พี่หนึ่ง’ ที่ว่าเป็นนายกสโมฯของคณะเป็นผู้ชายที่สาวๆนิยมชมชอบพอควรติดแต่พี่แกปากหมาไปหน่อยหญิงเลยไม่ค่อยกล้าจะเสี่ยงสักเท่าไหร่

        “ เออ” โอ๊ครับคำ

        “ ไปลุก แดกข้าว”

        “ เชี่ยง่วงชิบหาย”


        .

        .

        .
 


       “ ยิม”

       “ อ้าวเนม”

       เสียงเรียกผมไม่เบานักดังขึ้นที่หน้าคณะพอดีกับที่ร่างขาวแบบนีออนของเนมมันยืนโบกมือหยอยๆอยู่ไม่ไกล

       “ มาทำไรแถวนี้อ่ะ”

       “ เรียนเจนเอด”


        ‘วิชาเจนเอด’ หรือ General Education เป็นวิชาเลือกเสรีที่บังคับให้นิสิตต้องเรียนให้ครบภายในสี่ปีมีทั้งหมดสี่หมวดวิชา ได้ยินว่าพวกเด็กแพทย์ฯต้องเก็บให้ครบตั้งแต่ปีหนึ่งเพราะพอขึ้นปีสองก็ไม่มีโอกาสได้มาเรียนนอกคณะแล้วเพราะตารางเรียนแน่นเอี๊ยดจนไม่มีเวลาว่าง

        “ คนเดียวเนี่ยนะ”

        “ มากับเพื่อนที่คณะ”

        “ อ้าว” ผมทำหน้างงมองไปรอบๆเห็นมันยืนอยู่คนเดียว “ แล้วไปไหนกันหมดวะ”

        “ พวกนั้นไปกินข้าวที่สยาม” เนมมันตอบ “แต่กูอยากมาเปลี่ยนบรรยากาศลองกินข้าวที่นิเทศฯดู”
เนมมันทำหน้ายิ้มๆมองไปรอบๆอย่างนึกสนุก

        “ ผู้หญิงคณะมึงนี่น่ารักจัง”

        ผมส่ายหัวท่าทางมันมองผู้หญิงเห็นแล้วขัดตาแปลกๆ มันจะรู้ตัวมั้ยว่าโครตไม่เข้ากับบุคลิกฝ่ายรุกเลย “ สรุปจะมากินข้าวหรือมาส่องหญิง”

        “ ทั้งสอง” มันยิ้มเผล่

        “ พุดจาไม่ดูสภาพตัวเองเลยไอ้นี่” ประโยคนี้ผมไม่ได้พูดครับแต่เป็นไอ้โอ๊คที่ยืนนิ่งเป็นตัวประกอบอยู่นาน เนมมันเบ้ปากก่อนจะค้อนให้อีกทีนึง เออเอาสิผมยิ้มขำคนที่บอกจะมาส่องสาว

        “ เออๆไปแดกข้าว”

        “ นำไปดิ”

        เนมมันบุ้ยปากก่อนจะหันไปแยกเขี้ยวใส่โอ๊คตอนที่เพื่อนผมมันเดินกระแทกไหล่เนมนำไปแบบขำๆ

        “ โอ้ย” เนมมันเบ้หน้าทำท่ากระฟึดกระฟัด

        “ คนนะไม่ใช่เสาจะได้กระแทกได้”

        “ อ้าวคนเหรอ” ไอ้โอ๊คมันทำหน้ายิ้มๆมองไอ้นีออนเดินได้ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “ นึกว่าหลักกิโล”

         พูดแล้วมันก็หัวเราะอย่างดังจนผมขำตามแต่เนมแม่งทำตาเขียวปั๊ดตรงเข้าไปเตะตัดขาอีกฝ่ายแรงๆทีนึงก่อนจะวิ่งมาหลบหลังผม

         “ หายกัน”

         นั่นๆสู้เค้าไม่ได้แล้วยังจะมาทำท่าเป็นลิงหลบซ้ายหลบขวาอยู่หลังผมอีก

         “ ตัวเล็กๆทำไมเตะแรงจังวะ” โอ๊คมันบ่นมือก็ลูบขาที่โดดเตะสีหน้าขำๆ “ ฤทธ์เยอะนะเตี้ย”

         “ ไม่ได้เตี้ย” เนมมันเถียงสีหน้าสีตาดูไม่สบอารมณ์

         “ โอ้โห้สั้นลงกว่านี้สักนิดกูนึกว่าคนแคระแล้ว”

         “ ไอ้โอ๊ค”

         เนมมันแหวะใส่สีหน้าบิดเบี้ยวก่อนจะสะบัดหน้าหนีพรึด

         “ โกรธเหรอ”

         “.......”

         “ เตี้ยแล้วยังจะขี้ใจน้อยเหรอวะ” ไม่พูดป่าวมันดึงแก้มเนมให้ยืดจนฝ่ายนั้นร้องโวยวายฟาดใส่มือผู้ร้ายเสียงดังตุบตับ

         “ มือมึงสกปรกอย่ามาจับแก้มกู”

         “ จะจับ”

         “ ไม่ให้จับ”

         “ จับแล้วนี่ไง” โอ๊คมันจิ้มแก้มอีกข้างของเนมสีหน้าดูสนุก

         “ นี่”


         เนมแยกเขี้ยวเตรียมจะงับมืออีกฝ่ายดีว่ามันหลบทัน ทั้งคู่เลยฟาดงวงฟาดงาใส่กันอย่างไม่จริงจังนักอยู่สักพัก เมื่อนั้นมันคงรู้ตัวว่าผมยืนหัวเราะพวกมันเงียบๆอยู่มันจึงเลิกรากันไป แต่นอกจากสายตาผมแล้วยังมีผู้ร่วมเหตุการณ์อีกกว่าสิบชีวิตที่ยืนมองอย่างสนใจบางคนถือกล้องถ่ายรูปอยู่ในมือซะด้วย ที่สำคัญหนึ่งในนั้นมีพี่ส้มโอที่ตามติดชีวิตพวกผมยืนอยู่ด้วย

         ผมกรอกตาขำๆ งานนี้ไอ้โอ๊คไม่น่ารอด เหมือนมันจะรู้ตัวเหมือนกันถึงได้ทำหน้าเซ็งๆก่อนจะยักไหล่เหมือนไม่แคร์เท่าไหร่นัก ส่วนเนมมันยังคงเอ๋อเหมือนเดิม มองคนโน้นที คนนี้ทีอย่างงงๆ ผมเลยรุนหลังมันให้ออกเดินไปยังโรงอาหาร จังหวะนั้นไอ้โอ๊คมันนึกห่าอะไรไม่รู้ตรงมาโอบบ่าเนมแล้วออกแรงให้เดินไปพร้อมกัน

        “ ไม่ต้องมาจับ กูเดินเองได้” เนมมันบ่นงุ้งงิ้งอะไรไม่รู้

        “ กลัวมึงหลงไง”

        “ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะ”

        “ แต่ขนาดตัวมึงใกล้เคียงเนม”

        “ ไอ้เชี่ยโอ๊ค”

        ผมซึ่งเดินปิดท้ายได้แต่ส่ายหัวขำๆในสิ่งที่พวกมันทะเลาะกัน ถึงอย่างนั้นก็ได้ยินคำพูดบางประโยคลอยเข้ามากระทบหูอย่างจัง

        “ โอ๊คเนมโครตฟิน”

        “ ซัมติงรองกันชัวร์”


        นั่นไง


         ประโยคนี้คุ้นๆว่าเคยได้ยินจากน้องสาวเวลาที่เจ้าหล่อยอ่านนิยายวายแล้วเขินจนบิดไปมา หึ สาวๆพวกนี้ทำให้ผมนึกถึงยัยเด็กแสบขึ้นมาทันทีเลยให้ตายเถอะ



       .

       .

       .


        “ เจอกันพรุ่งนี้พวกมึง”

        รุ่นพี่ที่คุมทีมฟุตบอลเฟรชชี่ตระโกนบอกพวกเราเสร็จสับแล้วต่างก็แยกย้ายกันออกไป ผมกับไอ้โอ๊คซึ่งเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวต่างก็วักน้ำใส่หน้าก่อนจะเดินเสื้อเบียกๆตัวโทรมๆกันออกไปแบบนั้นจนเพื่อนในทีมต่างร้องถาม

        “ ไม่อาบน้ำที่โรงยิมก่อนเหรอวะ”

        ผมส่ายหน้าก่อนจะก้มดมที่จั๊กแร้ซึ่งเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้วได้แต่เบ้หน้า กลิ่นดีใช้ได้แต่ผมก็ขี้เกียจเกินกว่าจะห่วงหล่อ ท่าทางของผมเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนที่ส่ายหน้ารับไม่ได้

        “ ถ้าเหม็นขนาดนั้นก็ไปอาบเถอะไอ้ห่า เมื่อกี้มึงเบ้หน้าได้โครตทุเรศ”

        “ อาบน้ำแต่งตัวหล่อๆไปเรียกคะแนนนิยมให้ทีมบอลนิเทศฯหน่อยดิ”

        “ เรื่องไร หาเรื่องให้กูอีกแล้ว”

        “ ไอ้ห่าสาวๆเค้ารอมึงเต็มอยู่ข้างนอกขืนเอากลิ่นตัวแรงๆไปให้เค้าดมเดี๋ยวก็หนีหายหมดหรอก”

         ผมยักไหล่ไม่สนใจ “ กูมีแฟนแล้ว”

        เสียงโห่แซวผมรอบทิศน้ำเสียงแต่ละดูไม่เชื่อในคำพูดผมเท่าไหร่ “ โอ้โหรักเดียวใจเดียวซะด้วย”

        “ ให้มันจริง”

        “ ยิมคนจริงโว้ย”

        “ รักเดียวใจเดียว รักจริงหวังฟัน” เสียงลูกคู่ดังขึ้นทันที

        “ ประโยคหลังไม่ใช่กูละ” ผมยิ้มขำๆ

        “ กูไปนะ”


        โบกมือลาพวกมันก่อนจะเดินไปสมทบกับไอ้โอ๊คซึ่งมีสาวมาส่งเสบียงให้ถึงที่ตรงหน้าสนามบอล มันหันมายักคิ้วให้ผมทีนึง ก่อนจะหันไปสนหญิงตัวเองต่อ  ผมเลยเดินออกมาเงียบๆเลี่ยงไปทางหลังคณะเพื่อพบปะผู้คนให้น้อยที่สุด อย่างที่เพื่อนผมพูดนั่นแหละทุกๆเย็นหลังซ้อมบอลเสร็จก็มีพวกหญิงจำนวนนึง เอ่อ รวมเพศทางเลือกอีกพอสมควรซึ่งคนเหล่านั้นเรียกตัวเองแฟนคลับตามมาให้กำลัง บางทีก็มีน้ำมีขนมมาฝากจนผมเกรงใจแต่ผมก็ไม่สามารถตอบแทนอะไรคนเหล่านั้นได้นอกจากคำขอบคุณ ซึ่งรวมไปถึงยอมให้พวกเขาถ่ายรูปคู่ด้วย

         คิดแล้วก็ได้แต่นึงปลงเพราะไม่อยากสร้างความลำบากให้คนเหล่านั้นผมเลยพยายามมาซ้อมในเวลานัดพบดิบพอดีพอซ้อมเสร็จก็เนียนกลับไปเงียบๆ โดยหวังว่าสักวันนึงคนเหล่านั้นคงจะเลือกใส่ใจผมไปเอง ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดพราะเมื่อวานก่อนยัยแสบยังแคปหน้าจอภาพที่ผมลงในเพจอะไรนั่นมาให้ผมดู น้องสาวผมกรี๊ดกร๊าดใหญ่ต่างจากเจ้าของอย่างผมที่ได้แต่นึกปลงๆ

        ผมไม่ชอบเป็นที่สนใจ ไม่ชอบการเป็นจุดเด่น

        ดังนั้นผมจึงค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูงจนเพื่อนสนิททุกคนเข้าใจ ถึงแม้ผมจะชอบมีมุมสงบๆอยู่บ้างแต่เรื่องกินเที่ยวตามประสาวัยรุ่นก็เป็นปกติเพราะผมเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะมาตั้งแต่เด็กๆ

        “ รถใครวะ”

         ผมทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นรถแปลกตาจอดสนิทอยู่ลานจอดรถใต้คอนโด จะไม่ให้แปลกยังไงไหวในเมื่อไอ้รถที่ว่ามันเป็นรถยุโรปหรูติดอันดับหนึ่งในสิบที่แพงหูฉี่ ตัวรถออกแบบคล้ายๆกับรถสปอร์ตสีเงินล้อแม็กซ์สีดำสนิทดูเรียบหรูและคงแพงเอาการ ว่าแต่มันมาจอดอยู่ตรงได้ยังไงในเมื่อคลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมไม่เคยพบเห็นไอ้รถที่ว่านี่เลย ก็พอจะรู้ว่าคอนโดที่นี่คงจะมีเจ้าของที่พอมีระดับแต่ไม่นึกว่าจะมีระดับขนาดที่ว่าขับรถราคาหลายสิบล้าน ทำเอาลูกทูตแบบผมดูกระจอกไปเลย

         แต่ผมไม่ได้นึกอิจฉาอะไรหรอกเพราะก่อนหน้านี้บิดาเคยออกปากว่าถ้ามีธุระจะใช้รถให้ไปเอารถของสถานทูตมาใช้ก่อนได้แต่ผมก็เกรงใจซ้ำยังไม่มีความคิดจะไปไหน ความคิดที่จะใช้บริการรถสถานทูตจึงพับเก็บไปและอีกอย่างกะว่าถ้าอยู่ตัวสักเดือนสองเดือนจะใช้เงินเก็บซื้อรถใช้เอง

        “ อะไรวะ”

        “......”

        ผมเดินหลบบีเอ็มรุ่นอันลิมิตเต็ดคันสีดำที่จอดอยู่หน้าคอนโดก่อนที่ผู้โดยสารในชุดสูทเต็มตัวจะก้าวออกมาด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์นัก เจ้าของชุดสูทหรูนั่นคือชายวันกลางคนรูปร่างสูงใหญ่กำลังก้าวฉับๆเข้าไปโดยมีผู้ติดตามอีกคนเดินประกบไม่ห่าง บุคลิกท่าทางราวกับคนมียศศักดิ์เพราะพอไปถึงที่ล็อบบี้พนักงานเหล่านั้นต่างก้มศีรษะให้อย่างนอบน้อม

        ผมเฝ้ามองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความสงสัยก่อนจะเผลอก้าวตามบุคคลเหล่านั้นไป

        บริเวณคอนโดชั้นหนึ่งมีห้องรับรองกว้างขวางสำหรับพักผ่อนหย่อนใจแต่ ณ ตอนนี้ผู้ชายวัยกลางคนนั่นกำลังนั่งกอดอกพิงพนังตัวตรงด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ผู้ติดตามในชุดซาฟารีเนื้อดียืนก้มศีรษะเงียบๆราวกับรอรับคำสั่ง และไม่นานหลังจากนั้นผมเห็นร่างคุ้นตาใส่ชุดนิสิตแขนยาวแต่พับชายเสื้อสูงขึ้นจนถึงศอกก้าวย่างเข้ามาอย่างช้าๆ

        นาทีที่ร่างคุ้นตามาถึงชายวัยกลางคนนั้นก็ผุดลุกขึ้นทันที

        “ มีธุระอะไรกับผม”

        ณ จุดที่ผมยืนอยู่สามารถได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนดีว่าต้นไม้ใหญ่ในกระถางที่ตั้งโชว์ความสวยงามมันสามารถบดบังร่างกายของผมไม่ให้ผู้ใดสังเกต

        “ นี่เป็นคำทักทายที่ลูกอย่างแกพูดกับคนเป็นพ่อเหรอ”

        ‘พ่อ’ งั้นเหรอ


        ผมพิจารณาใบหน้าของชายวัยกลางที่แม้กาลเวลาจะล่วงเลยมานานแล้วยังมีร่องรอยถึงความหล่อเหลาในวัยเยาว์ไม่ต่างจากคนเป็นลูก ผมมองใบหน้านั้นสลับกับใบหน้าของเพื่อนข้างห้องแล้วก็ความคล้ายคลึงกันบางอย่างที่บอกได้ว่าไอ้หมอปายกับผู้ชายคนนั้นมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันแน่นอน

        พ่อกับลูกชายงั้นเหรอ...ถ้าอย่างนั้นที่ว่าพ่อลูกไม่ลงรอยกันก็เป็นจริงสินะ

        ผมทวนคำพูดในหัวเมื่อนึกถึงสิ่งที่ไอ้โอ๊คเคยเล่าให้ฟังครั้งก่อนว่าพ่อลูกคู่นี้มีปัญหาไม่ลงรอยอะไรกันบ้างอย่าง

        “ มีอะไรกับผมครับคุณศิววงศ์”

        “ ไอ้ปาย”

        ชายวัยกลางคนตวาดมันเสียงดังลั่นแต่ไอ้หมอนั่นก็สติยังดีมันถึงไม่สะดุ้งสะเทือนอะไรเลย

        “ ถ้าไม่ธุระอะไรฉันจะมาหาแกวันนี้เหรอ”

        “ แล้วมันเรื่องอะไรล่ะครับ” น้ำเสียงหมอปายมีความเบื่อหน่าย

        “ แกมันวิปริต” พ่อไอ้หมอนั่นชี้นิ่วใส่หน้าลูกชาย “ สัปดนจะรักชอบผู้ชาย”

        “.......”


       หา

       ผมอ้าปากค้างไม่ต่างจากเจ้าตัวที่ทำหน้ามึนงง

       “ คุณพูดอะไร”

        “ วันนี้ฉันโทรหาแกแล้วไอ้คู่ขานั่นมันก็พูดจาระยำใส่หูฉัน ว่าแกกับมัน...” ท้ายประโยคมีแต่เสียงอึกอักอยู่ในลำคอ สีหน้าคนพูดบ่งบอกว่าชิงชังเกินกว่าจะพูดออกมา

       โทรมางั้นเหรอ...โทรศัพท์มันอยู่ที่ผม

        แล้วถ้าโทรมาตอนที่ผมรับก็แสดงว่า “ปายมันเป็นเกย์”

        ชิบหายแล้วถ้าสายสุดท้ายนั่นที่โทรมาคือพ่อของมันแล้วคำพูดเหล่านั้นที่ผมพูดไปตามสาย ผมยืนอึ้งกลืนน้ำลายเพราะรู้สึกแห้งผากในลำคอ

        “ ผมทำไม”

        “ แกมันวิปริตไง”

        “ อยู่ดีไม่ว่าดีอยากเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ แกจะทำให้ฉันอับอายขายหน้าไปถึงเมื่อไหร่ จะทำเรื่องขัดใจฉันไปหมดให้ได้ใช่มั้ย”

        “......”

        “ สรุปคือคุณไม่พอใจที่ผมเป็นเกย์”

        “ หยุด” พ่อมันตวาด “ หยุดพูดคำโสโครกพวกนั้น ฉันไม่อยากได้ยิน”

        “ แกขัดคำสั่งฉันอยากเรียนหมอบ้าบอนี่แทนเรียนบริหารฉันก็พอทำใจได้ แต่ถ้าแกเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ฉับรับไม่ได้ ต้นตระกูลฉันไม่มีใครวิปริตผิดเพศอย่างแก”

        “ อายเหรอครับ” มันยิ้มขื่นให้พ่อมัน  “ อายเหรอที่มีลูกอย่างผม”

        “ อย่ามายอกย้อนฉัน”

        “ คุณไม่เคยพอใจทุกสิ่งที่ผมทำอยู่แล้วนี่” มันพูดไปยิ้มไปแต่เป็นยิ้มที่คนเห็นแล้วรู้สึกเจ็บแทน “ และถ้าจะอายที่ผมเป็นเกย์เพิ่มอีกสักเรื่องคนไม่เป็นไรหรอกมั้ง”


        ...เพี๊ยะ...


         ผมยืนอึ้งตัวชาตอนที่มันโดนฝ่ามือใหญ่ของพ่อมันตบเข้าให้ ใบหน้าคมคายหน้าหันจนแทบจะเซล้มลงไปผู้ติดตามของพ่อมันผวาเข้ามาคว้าตัวมันไว้ ผมเห็นเลือดค่อยๆไหลซึมออกจากมุมปากมันอย่างช้าๆ สีหน้าแววตามันเรียบเฉยและดูนิ่งจนเกินไป ในเสี้ยววินาทีนั้นผมเห็นความเสียใจในแววตาคู่นั้น

         “ น้ำหนักมือคุณยังแรงเหมือนเดิมเลยนะครับ”

         “ แก” พ่อมันถลาใส่มันอีกครั้งดีว่าผู้ติดตามห้ามไว้ก่อน

         “ อย่าครับคุณท่านอย่าทำโทษคุณชายแบบนี้อีกเลย”

         “ ปล่อยฉันไอ้หาญปล่อย ฉันจะเอาเลือดปากมันออกอีก มันจะได้จำให้ขึ้นใจสักทีว่าคนที่มันเถียงคำไม่ตบฟากตรงหน้านี่คือพ่อของมัน”

        “ อย่าครับแค่นี้คุณชายก็เจ็บแล้ว”

        “ เหรอ” น้ำเสียงพ่อมันยังเกรี้ยวกราดไม่เปลี่ยน “ แต่คุณชายของแกมันยังอุตส่าห์ปากดีกับฉัน”

        “ จำใส่สมองของแกไว้ด้วยไอ้ลูกนอกคอก ถ้าไม่มีเงินแม่แกที่คอยคุ้มกะลาหัวแกอยู่ อย่าหวังว่าคนอย่างแกที่ประกาศปาวๆว่าจะออกมาใช้ชีวิตข้างนอกคนเดียวและยอมละทิ้งทุกอย่างของวงษ์วรกาญจน์แล้วออกมาแต่ตัว จะมีที่ซุกหัวนอนแบบวันนี้”

        “.......”


         “ อย่าปากดีให้มาก แกมันก็แค่เด็กมีปัญหาที่เรียกร้องความสนใจแบบผิดๆ” ฝ่ายพ่อยังคงใส่อารมณ์ “ สักวันนึงที่เงินแม่แกหมดเมื่อไหร่วันนั้นฉันจะคอยดูแกซมซานกลับมาหาฉัน”

        “ มันจะไม่มีวันนั้น”
           มุมปากบวมช้ำยังมีเลือดไหลซึมขยับเบาๆแต่คำพูดนั้นกระทบใจบิดาซึ่งโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง

          “ ไอ้ปายไอ้ลูกนอกคอก”

          พ่อมันกระชากคอเสื้อมันแล้วเขย่าแรงๆ

          ...Rrrrr...

         เสียงโทรศัพท์มือถือของพ่อมันดังขึ้นเป็นการยุติบรรยากาศที่ตึงเครียด พ่อมันก้มมองมือถือก่อนจะปรับอารมณ์ให้เข้าที่แต่ถึงอย่างนั้นท่าทางก็ดูหัวเสียไม่น้อย

         “ เย่อหยิ่งเข้าไปเถอะ อวดดีเข้าไป”

         “.......”

         “ เด็กมีปัญหาแบบแกจะทำอะไรได้นอกจากเรียกร้องความสนใจแบบโง่ๆ” พ่อมันชี้นิ้วใส่ “ สักวันหนึ่งแกก็ต้องกลับมาตายรัง...รังที่แกเผยออยากจะออกมาโดยไม่คิด”

        “ แล้วอย่าให้ฉันรู้ว่าแกเป็นพวกผิดเพศ เพราะถ้าแกเป็นจริงๆ ฉันเอาแกตายแน่”


         ไอ้หมอปายยังยืนนิ่งไม่ขยับจนเมื่อพ่อมันเดินหัวเสียออกไป คนติดตามนั่นเดินมาลูบบ่ามันเบาๆอย่างให้กำลังใจก่อนจะตัดใจเดินตามเจ้านายตัวเองออกไป ในวินาทีนั้นผมเห็นไหล่กว้างที่ตั้งตรงดูทระนงกลับลู่ลงไร้เรี่ยวแรง แววตาคู่สวยที่เคยเด็ดเดี่ยวดูอ่อนล้า

         ผมเห็นหยาดน้ำใสๆรอบขอบตาสีแดงก่ำแต่ถึงอย่างนั้นมันกลับไม่ไหลออกมาให้เห็นแม้แต่หยดเดียว มือข้างหนึ่งกำแน่นคล้ายกับพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเอง มันดูอดทนอดกลั้นไม่ให้ความอ่อนแอหลุดออกจากสีหน้าที่ดูเรียบเฉยแต่ทำไมผมรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดทรมานของมัน

         ผมจุกในอกที่เห็นความเจ็บปวดที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย

         มันต้องถูกเข้าใจผิดเพราะผม

         มันต้องถูกทำร้ายก็เพราะผม

         ผมคิดว่าผมควรมีส่วนรับผิดชอบกับความเข้าใจผิดครั้งใหญ่หลวงนี้ด้วย ผมเดินตามแผ่นหลังที่ทระนงองอาจซึ่งให้ทั้งความรู้สึกยิ่งใหญ่และหนักหนา มันต้องแบกรับเรื่องเลวร้ายอะไรมากมายขนาดนั้นเชียวเหรอ ผมมองเห็นแผ่นหลังกว้างค่อยๆหุบเล็กลงเรื่อยๆกลายเป็นแค่แผ่นหลังบางๆของคนๆนึง

        ...เป็นแผ่นหลังที่ชวนให้รู้สึกอยากโอบกอดและปลอบประโลมที่สุด...










่อ่อยๆๆๆ #ทีมโอ๊คเนมก็มา งานดราม่าก็มี ไงล่ะอิยิมปากพาพี่หมอซวบเลยดูซิ พี่หมอของน้อง  :hao5:
ตอนหน้าสปอยว่ามีเสียจูบ อุ้ย เอาล่ะสิ ใครจะจูบใครจะเริ่มอะไรยัง #ทีมยิมปาย #ทีมปายยิม
#หนึ่งคอมเม้นท์คือหนึ่งกำลังใจนะจ๊ะ



เปิดรีปริ้นท์รักข้างเดียววันนี้ - 2 พ.ค. 59

ออฟไลน์ kung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
ขอเตะปากยิมสักทีได้ป่ะ สงสารหมอปายมากๆอะ ที่บ้านก็กดดันแถมมาเจออิยิมแกล้งเข้าไปอีก เราไม่อยู่ทั้ง #ทีมยิมปาย หรือ #ทีมปายยิม แล้ว เราโกรธอิยิมมาก พูดเลย  :z6: เราอยู่ทีมปายเฉยๆ555 #กอดปายแน่นๆ #ปายสู้ๆนะ  :กอด1:

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ได้เรื่องเลยไหมล่ะยิม
คุณพ่อก็นะคะ เจ้าอารมณ์ไปหน่อย
สงสารหมอปายจัง

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
รู้สึกอยาก :z6: :z6: :z6: :beat: :beat: :beat: พ่อหมอปายมากกก  :m16: :m16: :m16: สงสารหมอปาย #กอดดดด

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
อิยิมเพราะปากแกนั่นแหละ ทำพี่หมอเจ็บตัวเลย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ไปขอโทษหมอปายเลยนะยิม
แล้วอย่าปล่อยหมาในปากไปกัดหมอซะล่ะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Poopookung

  • จงจำไว้เสมอว่า ต้องสู้อย่าท้อถอย ยังมีคนอีกหลายคนรอดูเราอยู่ O(∩_∩)O
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เริ่มติดตามคุณพี่มาตั้งแต่เรื่อง เล่นนเพื่อน เนื่องจากชอบฉากบีบหัวใจดี  :hao6: พอได้มาเห็นชื่อเรื่องเรื่องนี้ ก็รู้สึกอยากจะไปหยิบกระปุกกาวมาดมกันเลยทีเดียว 555+ การเขียนของคุณพี่ก็ยังมีสเน่ห์อยู่เหมือนเดิม อ่านแล้วทำความเข้าใจได้ง่าย ไม่น่าเบื่อ เนื้อเรื่องกระชับดี  :o8:

ออฟไลน์ ben10

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
โอ้ยย นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นพ่อแท้ๆนี่ จะคิดว่าเป็นพ่อเลี้ยงนะ ทำไมคุณพ่อทำแบบนี้  :m16: สงสารปายยยย น้วงยิมมมม แกทำไรสักอย่างสิ้  :เฮ้อ: #ทีมโอ๊คเนม นั้ลล้ากง่าาา 5555 :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sb_ng

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 210
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ขอหลงกาว(น์)ด้วยคนค่ะะะะ เห็นเรื่องนี้ผ่านตาไปหลายรอบ ได้เข้ามาอ่านซักที
สนุก น่าติดตาม ชอบค่าาาา พี่หมอปายดูน่าค้นหา ขอให้ยิมเปิดใจหมอปายให้ได้เนอะ
สงสารหมอปาย มียิมมาป่วนเพิ่มอีก รีบปลอบพี่หมอเลย โอกาสมาแล้ว 55555
มีรุกรับคิดไว้ในใจ แต่ไม่รู้จะถูกไหม 55555555 เอ๊ะหรือเขาจะแมนๆผลัดกันครับ 555555
โอ๊คเนมก็น่ารักกกก และคู่ที่เชียร์มาก #อั้มหยก แม้ตอนนี้จะหมันไส้อั้มมากก็เถอะ
แต่ก็เชียร์ให้คู่กันนะ ระวังจะได้เจ็บปวดบ้างนะอั้มนะ สงสารหยกกกกกกก

รอติดตามต่อค่าาา

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ยิมเอ้ย แกล้งจนได้เรื่อง สงสารปายเลยอ่ะ ยิมรับผิดชอบด้วยไปปลอบเลย  :-[

ชอบคู่รองโอ๊คเนม ก็ดีงาม อั้มหยกก็น่าจะสนุก
รอตอนต่อไปน้า

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โอ๊คเนมน่ารักอ่ะ  :-[
เป็นไฃล่ะยิม แกล้งพี่ปายจนเป็นเรื่องเลย
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17

หลงที่ 6 : ทำความรู้จัก

[ยิม]







        [ Line Group : P. Family]

        Yim_YOTid : ทำยังไงดีครับผมทำให้เพื่อนคนนึงต้องโดนเข้าใจผิด

        BuaBua : ชะนีเหรอ ?

        Mom-Nidtaya : พูดจาไม่น่ารักเลยใยบัว // ว่าแต่ยิมไปทำอะไรให้เพื่อนโกรธเหรอลูก

        BuaBua : **สติกเกอร์หมีปิดตา**

        Yim_YOTid : ผมทำให้เขาถูกเข้าใจผิดครับแม่

        Ambassador[Aus] : ลูกผู้ชายรู้ตัวว่าผิดแล้วต้องยอมรับแล้วไปขอโทษเพื่อนซะ

        Mom-Nidtaya : แม่เห็นด้วยกับพ่อนะ

        BuaBua : พี่ยิมสู้ๆ

        Ambassador[Aus] : หิ้วเหล้าไปสักขวดทุกอย่างจะดีขึ้น ฮ่าๆๆๆๆ

        Mom-Nidtaya : แนะนำอะไรลูกคะพ่อ

        Ambassador[Aus] : แมวพิมพ์อ่ะแม่ ^^

        BuaBua : #ทีมพ่อบ้านใจกล้า //  **สติกเกอร์หมีส่ายก้นไปมา**

        Yim_YOTid : งั้นผมไปขอโทษเขาก่อนนะครับ

         Ambassador[Aus] : เบรน 285 กำลังดีนะยิมพ่อว่า

         Mom-Nidtaya : เดี๋ยวเถอะพ่อนี่ ยิมลูกได้ความยังไงโทรมาเล่าให้แม่ฟังบ้างนะ แม่เป็นห่วงนะลูก

         BuaBua : **สติกเกอร์ P. Family Fighting**

         Yim_YOTid : คิดถึงทุกคนครับ




         ผมอมยิ้มก่อนจะปิดโปรแกรมแชทไลน์ เวลาที่ผมมีเรื่องไม่สบายใจหรือคับข้องใจอะไรสำหรับผมแล้วครอบครัวเป็นที่พึ่งสำหรับผมได้จริงๆ แม้พวกเราจะอยู่ไกลกันขนาดนี้แต่พวกเรายังคงไถ่ถามความเป็นอยู่กันโดยตลอด ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขผมก็ยังมีคนเหล่านี้อยู่เคียงข้าง ผมยอมรับว่าอาจโชคดีกว่าใครๆที่มีครอบครัวซึ่งพร้อมจะเข้าใจและรับฟังทุกอย่าง

         ต่างจากมันซึ่งผมไม่แน่ใจว่ามันจะมีใครนอกจากอยู่ตัวคนเดียวอยู่ในคอนโด มันซึ่งพบเจอเรื่องแย่ๆมาวันนี้แต่ต้องอยู่เพียงลำพังแบบนั้นจะรู้สึกยังไง ผมสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบสมาร์ทโฟนสีดำไปคืนเจ้าของพร้อมกับคำขอโทษ


         ...ออด...


          ผมกดออดหน้าห้องมันไปพักนึงก็ยังไม่มีเสียงเคลื่อนไหวใดๆจากหลังประตูนั่นจนผมนึกร้อนรน จึงกดกริ่งรัวอีกครั้งและครั้งนี้ไม่ต้องคอยนานเพราะเสียงประตูห้องขยับเปิดออกทันที ก่อนที่ใบหน้าคมคายจะโผล่ออกมาจังหวะนั้นแหละที่ผมเผลอมองไปยังมุมปากอีกฝ่ายที่บัดนี้บวมช้ำจนกลายเป็นสีม่วงคล้ำไปแล้ว


        “ มีอะไร”

        มันถามเสียงเรียบ ผมถอนหายใจก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้อีกฝ่าย มันเบิกตากว้างมองของในมือผมแล้วขบกรามแน่น แววตาเรียบเฉยมีร่องรอยไม่สบอารมณ์ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น มันหลับตานิ่งก่อนจะบุ้ยปากไปยังชั้นวางรองเท้าติดกับผนังห้อง

         “ เอาวางไว้นั่นก็แล้วกัน”

         “ คุณ”

         มันเอี้ยวตัวหันมามองผมนิ่งๆ

         “ ขอผมเข้าไปในห้องคุณได้มั้ย”

          อาจจะเพราะมันเหนื่อยล้าคล้ายกับคนหมดแรงมันจึงพยักหน้าอนุญาตให้ผมเหยียบย่างเข้ามาในพื้นที่ของมัน ผมก้าวตามเข้าไปก่อนจะปิดประตูห้อง มันทรุดตัวนอนหลับตานิ่งอยู่ที่โซฟากลางห้องไม่ได้สนใจว่ามีผมใช้ลมหายใจร่วมกันในห้องเลย

         “ คุณ”

         “ มึงอยากทำอะไรก็ทำ” ฝ่ายนั้นพูดทั้งที่ยังหลับตา ผมเลยได้โอกาสวางกล่องอาหารเย็น เหล้าสี่ห้าขวด ทั้งน้ำแข็งและโซดาวางลงบนโต๊ะ มันผงกหัวขึ้นมาดูก่อนจะปิดเปลือกตานิ่งตามเดิม

         “ ทำอะไร”

         มันสะดุ้งเบือนหน้าหนีตอนที่ผมเอาน้ำแข็งซึ่งห่อด้วยผ้าสะอาดมาประคบให้ตรงมุมปากที่บวมช้ำ มันดันมือผมออกก่อนจะถอยหลังไปไกล

        “ ผมขอโทษ”

         “.......”

         มันถอนหายใจก่อนจะเอนตัวพิงโซพา “ มึงเห็นงั้นเหรอ”

         “ ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้พ่อคุณเข้าใจผิด”

         มันแสยะยิ้มก่อนจะยักไหล่ราวกับไม่แคร์อะไร “ มึงทำกูแสบมาก”

         เราสบตากันนิ่งก่อนที่มันจะกระตุกยิ้ม “ ถือว่าหายกันละกัน”


         ผมยิ้มตามก่อนจะยื่นผ้าที่ห่อน้ำแข็งให้อีกฝ่าย มันรับไปกระคบให้ตัวเองแล้วระหว่างเราก็เกิดความเงียบอีกครั้ง

         “ ผมอนุญาตใช้ครัวคุณนะ”

         มันพยักหน้ารับ

         หลังจากนั้นไม่นานอาหารที่ผมซื้อมาก็ถูกจัดวางอย่างสวยงามในจาน

         “ กินข้าวกัน”

         มันเหลือบตามองผมนิ่งก่อนจะปิดเปลือกตาไม่สนใจอะไร

         “ กินเหล้ากันมั้ย”

         “.....”

         ยังไร้ซึ่งคำตอบจนผมต้องใช้สายตามองอีกฝ่ายนิ่งๆแล้วลงมือทำอะไรบางอย่าง

         “ โอ้ย”

         “ ทำเหี้ยอะไรเนี่ย มากดแผลกูทำซากอะไร”

         “ คุณมีความรู้สึกด้วยเหรอครับ”

         “ มึง”

         เราสบตากัน


        “ เหนื่อยก็ต้องพัก เจ็บหนักก็ต้องรักษา” ผมพูดนิ่งๆ “และถ้ารู้สึกไม่ไหวมาก็ต้องระบายให้ใครสักคนได้ฟัง”


         “......” มันปิดปากนิ่งเงียบก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

          “ กินข้าวเถอะ”

          “ อย่ามายุ่งกับกู”

          “ กินข้าวจะได้มีแรง และถึงตอนนั้นเราจะทะเลาะกันต่อผมก็โอเค”

          “ กินข้าวเถอะคุณ”

          “ เชี่ยเอ้ย”


         มันสถบเสียงดังลั่นก่อนจะคว้าแก้วแถวนั้นมาใส่น้ำแข็งแล้วรินน้ำสีอำพันใส่แก้วก่อนจะยกดื่มรวดเดียวแล้วกระแทกก้นแก้วลงโต๊ะเสียงดัง

         ผมอมยิ้ม ‘อย่างน้อยก็กินเหล้าล่ะวะ’


         ผมยักไหล่ก่อนจะลงมือกินอาหารตรงหน้า ยังไม่ทันจะได้ลิ้มรสอะไรเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นขัดจังหวะ มันปรายตามองผมแวบนึงก่อนจะกรอกของมึนเมาใส่คอ ผมล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาแล้วก็ยิ่งแปลกใจเมื่อเห็นปลายสายที่เพิ่งแยกกันเมื่อไม่นานนี้เอง
 

        ‘ว่าไงเนม’

        ‘ยิมช่วยกูด้วย’

        ปลายสายละล้ำละลักจนผมนึกเป็นห่วง ‘เนมมีเป็นอะไรวะ ทำไมทำเสียงแบบนั้น’

         ‘ คือ’

         ‘เฮ้ย พูดมาเร็วกูห่วงนะเนี่ย’

         ‘เอ่อกู คือกูรถชนว่ะ’

         ‘ฮะ’


         ผมตะโกนลั่นจนเจ้าของห้องหันมามองก่อนที่มันจะหันไปสนใจกับของกิน หึ นึกว่าจะทนได้แค่ไหนสุดท้ายก็ตักกับกินข้าวเขากินล่ะวะ


         ว่าแต่เมื่อกี้เนมมันว่าไงนะ...รถชนเหรอวะ

        ชิบหายแล้วบอบบางแบบไอ้นีออนเดินได้แบบนั้นด้วย

         ‘เนมแล้วมึงเป็นยังไงบ้างวะ บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า แล้ว แล้วตอนนี้อยู่กับใคร เนมตอบกูสิวะ’

         ‘ใจเย็นๆยิม กูไม่เป็นอะไร’

         ‘แล้วมึง’

         ‘เฮ้ยๆ พอก่อน ฟังกูก่อน กูขับรถชนฟุตบาท’

         ‘ว่าไงนะ’

         ‘แหะๆ’ ปลายสายหัวเราะแห้งๆ ‘คือกูกะระยะผิดเลยขับรถชนฟุตบาทที่ลานจอดรถคณะ ตัวกูไม่เป็นไรแค่ฟกช้ำ แต่รถบุบว่ะ’


         ผมคลึงขมับนึกขึ้นได้ว่ามันเพิ่งได้ใบขับขี่มาไม่นานนี้เองก็น่าจะเอะใจว่าคงอาการของมือใหม่หัดขับ เสียแต่ว่าถ้าป๊าม๊ามันรู้เข้าอย่าหวังเลยว่าจะจับรถคันนี้ได้อีก...ไอ้นีออนเอ้ย

        ‘มึงไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว’

        ’อืม‘

        ’แล้วตอนนี้มึงทำอะไรอยู่‘

        ’รอประกัน‘ มันทำเสียงอุบอิบ  ’เอ่อ มึงสะดวกมั้ยมาอยู่เป็นเพื่อนกูหน่อยดิ‘


         ผมนิ่งคิดทั้งใจก็นึกห่วงมันไม่น้อย สภาพอย่างนั้นอยู่คนเดียวคงมีวิตกกันบ้าง ขณะเดียวกันสายตาผมก็มองยังเจ้าของห้องที่กุมแก้วเหล้าหลังพิงพนักโซฟาแต่สายตาเหม่อมองไปไกล ตอนนั้นผมเห็นแววตาคู่นั้นของมันดูเศร้าสร้อยพิกล แววตาแบบนั้นไม่เข้ากับใบหน้ามันเลยสักนิด

         ‘ งั้นมึงรออยู่นั่นแหละ’

         มับรับคำก่อนจะวางสายไป ผมคลึงขมับก่อนจะเลื่อนหน้าจอหาเบอร์ที่มั่นใจว่าไหว้วานได้อย่างแน่นอน

         ‘ ไงมึง’

         ‘ มึงยังอยู่สตูฯกับพวกพี่หนึ่งป่ะ’

         ‘ อืมอยู่’ ปลายสายได้ยินเสียงโหวกเหวกของคนจำนวนไม่น้อยคาดว่าคงทำงานกันอยู่

         ‘ กูมีอะไรให้ช่วย’

         ‘ ว่ามาดิ’

         ‘ ไปดูเนมที่คณะแพทย์ฯให้กูหน่อย’

         ‘ ทำไมว่ะ มันหาทางกลับบ้านเองไม่เป็นรึไง’

         ‘ มันขับรถชนฟุตบาทไม่รู้เป็นไงบ้าง กูวานทีไปดูมันให้หน่อย เสร็จแล้วยังไงมึงไปส่งมันที่บ้านให้ด้วยนะ’


         ผมตัดบททั้งที่มันยังไม่ได้รับคำ แต่เชื่อเถอะว่าคนอย่างไอ้โอ๊คมันมีน้ำใจพอที่จะช่วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนๆนั้นคือเนมเพื่อนสนิทของผม 

         หลังจากโล่งใจไปได้เปลาะหนึ่งผมก็เดินมาทรุดตัวลงนั่งที่เดิม เจ้าของห้องเหลือบตามองผมนิดนึง


         “ ไม่ไปรึไง”

         ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามอีกฝ่ายว่ามันหมายความว่ายังไง

         “ ท่าทางมึงเหมือนจะมีปัญหา” ผมยักไหล่

         “ นานๆผมจะได้เข้าห้องคุณผมไม่กลับง่ายๆหรอก”

         ผมสัพยอกอีกฝ่ายซึ่งมันเพียงแค่นยิ้ม

         “ ระวังมึงจะหาทางออกไม่เจอ”

         “ มันขึ้นอยู่กับว่าผมอยากจะออกไปหรือกคุณอยากไล่” ผมพูดยิ้มๆ “ ถ้าเป็นอย่างแรกมันก็อยู่ที่ใจผม แต่ถ้าเป็นอย่างหลังผมคงห้ามไม่ได้”

         “ มึงมันปากดี” มือข้างที่ควงแก้วของมันชี้หน้าผม “ ปากหมาตั้งแต่วันแรกที่กูเจอ”

         “ อ๋อ...ตอนที่ผมเปิดมาเจอคุณกับสาวกำลังศึกษาอนาโตมีขั้นสูงกันน่ะเหรอ”


         มันเผลอหัวเราะ

         ผมชะงักมองปฏิกิริยาของมันอย่างแปลกใจ ไม่ยักกะโกรธแฮะทุกทีพอผมแซวนี่ด่าจนฟังไม่ทันบ้างที

         เมื่อรู้ตัวถูกมองอยู่มันจึงชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ผมยักไหล่ก่อนจะตอบ “ ผมแค่แปลกใจ”

         “อะไร”

         “ คุณหัวเราะ”

         “ แล้วไง”

         “ ขอโทษนะผมไม่ได้ตั้งใจจะแซวเรื่องคุณกับผู้หญิงของคุณ”

         “ ไม่ใช่” ผมเลิกคิ้วเมื่อฝ่ายนั้นส่ายหน้าปฏิเสธ

         “ ไอไม่ใช่ผู้หญิงของกู”

         “ .......”

        “ เขาเป็นแม่เลี้ยงกู”

        ห่ะ

        ผมอ้าปากค้างแอลกอฮอล์ที่ไหลลงคอทำเอาสำลัก ผมกุมคอไอไปทุบอกตัวเองไปอย่างทรมานเพราะเหมือนว่าอาหารไหลลงหลอดลม มันยื่นทิชชู่มาให้ตรงหน้าสีหน้าดูเวทนาเขาผมไม่น้อย

        “ นี่คุณกับแม่เลี้ยง”

        แม่เลี้ยงสาวอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขากับลูกเลี้ยงหนุ่มหล่อ อื้อหืมเข้าพล็อตละครยุงชุมเลยนะเนี่ย

        มันถอนหายใจ “ ไม่ใช่อย่างที่มึงคิด เขาเคยเป็นเพื่อนกับกูมาก่อน”

        “ อย่าบอกนะว่า”

        เข้าอิหรอบนี้ไม่พ้นว่าเคยปั๊บปี้เลิฟกันมาก่อนหรอกนะ ท่าทางสาวเจ้าดูจะคลั่งไคล้มันมากทีเดียว

        “ เคยกิ๊กกัน”

        ผมโยนหินถามทางแต่มันส่ายหน้าปฏิเสธ “ ไม่ใช่”

        พูดจบสายตามันก็เหม่อมองไปไกลก่อนจะกระดกแก้วในมือจนหมด สีหน้าแววตามีแววครุ่นคิด

        “ คุณ”

        “ กูชื่อปาย” มันพูดนิ่งๆ

        “ ผมชื่อยิม” ผมแนะนำตัวเองอีกครั้ง “ ยินดีที่ได้รู้จักกันอย่างทางการครับ”

        มันยักไหล่

        “ ในเมื่อรู้จักกันแล้วคุณสะดวกให้ผมเรียกคุณแบบไหน”

        “ แล้วแต่มึง”

        “ ปาย”

        มันหรี่ตามอง “ กูพี่มึงหลายปี”

        “ ผมไม่อยากเรียกคุณว่าพี่ปายฟังแล้วแม่งโครตจั๊กจี้” มันหน้าบึ้งก่อนจะสถบออกมาแรงๆ

        “ หมอ..”

        “ งั้นผมเรียกคุณว่าหมอปาย”

        มันส่ายหน้า “ กูเป็นแค่นิสิตแพทย์ ยังไม่ได้เป็นหมอ ส่วนใหญ่ไม่มีใครเค้าเรียกนิสิตว่าหมอหรอก”

        “ งั้นผมเรียกเอง” ผมพูดยิ้มๆ “ หมอปาย”

        ฝ่ายนั้นถอนหายใจแรงๆเหมือนไม่สบอารมณ์ “ งั้นก็เรื่องของมึง”

        “ ครับหมอปาย”

        “ เชี่ย”

        มันสถบอีกรอบก่อนจะกระดกแอลกอฮอล์อีกรอบ

        “ ขี้หงุดหงิดง่ายจัง”

        “ ถ้าเป็นเวลาปกติมึงไม่ได้มานั่งตีฝีปากในห้องกูหรอก” หมอปายเหลือบตามองจึงทำให้ผมสังเกตได้ว่าดวงตาคู่คมของมันเริ่มปรือปรอยหยาดเยิ้มเหมือนคนเมา ผมมองไปยังเหล้าที่หิ้วมาเกือลครึ่งโหลบัดนี้เหลือแค่ขวดเดียวที่ยังไม่ปิด แสดงว่าช่วงเวลาที่ออกไปโทรศัพท์มันกินคนเดียวไปเกือบสองขวด

         ก็แล้วจะไม่ให้เมายังไงไหว

         “ หมอปาย”

         “........”

         “ ผมขอโทษคุณอีกครั้งที่ทำให้คุณถูกพ่อเข้าใจผิด”


         เราสบตากันนิ่ง แววตาของผมที่สะท้อนออกไปบ่งบอกความรู้สึกทุกอย่าง ผมเสียใจจริงๆที่ทำให้มันต้องเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้มันลงเอยแบบนี้ ...ไม่เคยคิดเลย...

        “ ขอโทษ”

        “ อืม”

        “ ผมยินดีอธิบายเรื่องนี้กับพ่อคุณนะ”

         มันส่ายหน้า “ ไม่จำเป็นเพราะรู้กับไม่รู้มันก็ไม่มีอะไรแตกต่าง” มันพูดเสียงเรียบก่อนจะยักไหล่เหมือนไม่แคร์สิ่งใด แต่แปลกที่ผมกลับมองเห็นด้านที่อ่อนแอของมัน

        “ หมอปาย”

        มันเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “ ถ้าสถานการณ์แรกที่เราเจอกันดีกว่านี้ เราคงจะเป็นเพื่อนกันได้”

        “ มึงคิดไปเองรึเปล่า”

        “ ไม่รู้สิ”

        พอผมพูดจบหมอปายก็ดันหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่ปี่ไม่มีขลุ่ย ผมเคยบอกรึยังว่าหมอปายเป็นคนที่มีดวงตาสวยงามมาก มันสวยขนาดที่ว่าหัวใจผมเผลอเต้นแรงที่ได้ประสานกับมันในระยะประชิดแบบนี้

        ผมกุมหัวใจตัวเองแน่น

        ชิบหายแล้วผมเผลอใจเต้นแรงกับผู้ชายและผู้ชายที่ว่านี่คือหมอปาย ผมสะบัดศีรษะแรงๆก่อนจะขอตัวออกมาเข้าห้องน้ำมันพยักหน้ารับรู้ก่อนจะควงแก้วหลับตานิ่งพิงพนักโซฟา

        มันเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมซึ่งแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอดชีวิต ซ้ำตอนนี้ยังมีเจ้าของหัวใจแล้วกลับรู้สึกแปลกๆกับผู้ชาย ตั้งแต่ที่เริ่มสนใจในความเป็นอยู่ของมันจนถึงวินาทีที่มันถูกเข้าใจผิดเพราะผม

        หมอปาย...ผู้ชายที่สาวๆทั้งมหาลัยต่างหมายปอง

        ผมวักน้ำใส่หน้าแรงๆก่อนเดินออกทันได้เห็นหมอปายนอนคุดคู้อยู่บนโซฟา ผมมองภาพนั้นอย่างประหลาดใจก่อนจะค่อยๆสาวเท้าเข้าไปใกล้ ร่างสูงโปร่งกอดตัวเองเนื้อตัวสั่นเทา

        “ หมอ”

        “ หมอปาย”

        ผมเขย่าอีกฝ่ายซึ่งฝ่ายนั้นแค่ทำเสียงอือออในลำคอแต่ดวงตายังปิดสนิท ผมพิจารณาภาพนั้นอย่างตกใจเมื่อสังเกตเห็นน้ำใสๆค่อยๆไหลรินออกจากดวงตามันอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากมันเม้มแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ในตอนนั้นผมตรงเข้าไปสวมกอดอีกฝ่ายเอาไว้

        “ หมอปาย คุณเป็นอะไร”

        มันเปิดเปลือกตาขึ้นแววตาคู่สวยฉ่ำไปด้วยน้ำตา หากมองลึกลงไปนัยน์ตามันพร่ามัวเหม่อลอยไปไกล ฝ่ามือของมันลูบไล้ใบหน้าผมเบาๆก่อนจะผุดลุกขึ้น มันร้องไห้ก่อนจะสวมกอดผมแน่น ผมมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก

        “ หมอ”

        “ อุ๊บ”

         ผมตาค้างตอนที่ริมฝีปากสีส้มอมชมพูของหมอปายประกบริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบา ก่อนที่มันจะค่อยๆเคลื่อนไปทั่วใบหน้าแล้วเนื้อหยุ่นนั่นก็วนกลับมาบดคลึงที่ปากผมอีกครั้ง

        ผมไม่โทษของมึนเมา

        ผมไม่โทษการกระทำของหมอปาย

        ผมโทษตัวเอง ผมโทษที่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ถึงได้พลิกตัวให้หมอปายนอนราบไปกับโซฟาแล้วตัวเองขึ้นคร่อมก่อนจากที่เป็นฝ่ายนิ่งเฉยกลับเป็นฝ่ายรุกขึ้นมา ผมตอบโต้คนเมาด้วยการบดจูบฝ่ายนั้นอย่างที่ไม่ควรกระทำ ลิ้นของผมชอนไชเข้าไปในโพรงปากของหมอปายอย่างย่ามใจก่อนที่เกี่ยวกระหวัดรัดรึงตามฤทธิ์ของแอลกอฮอล์


         คนข้างใต้ประท้วงด้วยการเบี่ยงหน้าหลบทั้งที่ไม่ค่อยมีสติ ผมยอมรับว่าจูบของหมอทำเอาสติตะลึงพรึงเพลิดไปไกลมือข้างหนึ่งเกี่ยวปรอยผมที่ปกปิดใบหน้าขาวให้คลายออก หมอปายสมกับเป็นผู้ชายที่สาวๆต่างก็หมายปองเพราะทั้งจมูก คิ้ว คาง ทุกอย่างลงตัวเหมาะเจาะราวกับปั้นแต่ง

         เป็นชายที่คมคายน่ามอง

         หากเป็นหญิงก็คงจะงดงามจับใจ

         “ ยะ อย่า”

        เสียงครางของอีกฝ่ายทำให้สติที่หลุดลอยไปไกลกลับมาอีกครั้ง ผมถอนหายใจก้มมองสภาพตัวเองที่ซุกซบซอกคอของหมอปายอย่างเพลิดเพลิน นี่ผมทำอะไรลงไปวะ

        ผมถอนหายใจก่อนจะบรรจุติดกระดุมเสื้อนิสิตให้อีกฝ่าย

        ทุกอย่างเหมือนเป็นไปอย่างอัตโนมัติเมื่อผมโน้มไปจูบขมับฝ่ายนั้นเบาๆ หมอปายพึมพำอะไรสักอย่างก่อนจะหลับไปในที่สุด

        “ พ่อ ฮือ พ่อครับ พ่อไม่ได้ฆ่าแม่ใช่มั้ยครับ”

         เสียงละเมอของหมอปายที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้ผมที่เก็บกวาดซากของกินตรงหน้าถึงกับชะงัก ผมยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินจากปากหมอ

          ณ วินาทีนั้นผมรู้แล้วว่าแววตาที่ผมมองหมอปายเปลี่ยนไปไม่ต่างจากความรู้สึกบางอย่างที่มันกำลังก่อตัวขึ้น ผมละทิ้งงานที่ทำอยู่ในมือตรงเข้าไปโอบกอดคนที่ละเมอไม่ได้สติไว้แนบอก








แอร้ยยยยยย ตอนนี้มีความ #ยิมปายขึ้นมานีสนึง หุๆๆๆ #นิยายยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร 5555 :hao6:
เป็นเรื่องราวที่มีปมเยอะเจงๆ เฮ้ย ปาดเหงื่อ ตอนหน้ามีโอ๊คเนมมาปั่นป่วนนะฮะ
#หนึ่งความคิดเห็นคือหนึ่งกำลังใจนะจ้า #เจอกันตอนหน้าจ้า
:bye2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2017 21:24:18 โดย [Karnsaii] »

ออฟไลน์ MRchai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 286
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อือ .... เรื่องมันมีจริงๆ  :เฮ้อ:
แม่เลี้ยงมาถึงเนื้อถึงตัว   :m16:
 พ่อฆ่าแม่  :m31:
น่าเห็นใจ น่าสงสาร หมอปาย  :mew2:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ดีงามค่ะ สานสัมพันธ์กันไวๆนะคะ
จะยิมปาย ปายยิมก็ดีหมดล่ะค่ะ 555555  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
พี่ปายเค้ามีปมครอบครัว น่าสงสาร เพราะฉะนั้นสนับสนุนให้ยิมกอดพี่ปายกันเถอะ :กอด1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ทีม #ปายยิม ล่ะกันค่ะ ปักธง 55555555

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ชีวิตหมอปายยิ่งกว่าละคร...

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ต่อเร็วๆๆเลยชอบ
#ยิมปาย

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ชีวิตหมอปายช่างซับซ้อน   :m15:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
 :hao5: หมอปาย
#ยิมปาย รัวๆ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จูบแบบไม่รู้ตัว แอร๊ยยย~

ออฟไลน์ babaaa

  • tue10mar
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ yupa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด