ตอนที่ 5
หลายวันมานี้ชีวิตของผมดูจะสงบและเรียบง่ายเหมือนจะเป็นปกติ แต่ก็ไม่ปกติเสียทีเดียว อะไรที่ไม่ปกติอย่างนั้นเหรอ ? ก็พักนี้ไม่ค่อยเจอหน้าไอ้คนเถื่อนอย่างพี่นิลเท่าไหร่ ปกติจะต้องมาเสนอหน้ามาให้เห็นทุกครั้ง แต่นี่ผมอุตส่าห์ยอมลงให้ด้วยการแอบเมียงมองหาก่อนแต่มันก็ยังไม่โผล่ออกมาให้เห็นทั้งในระยะใกล้ไกล มันหน้าหงุดหงิดชะมัด หรือจะไปติดเด็กใหม่อยู่ที่ไหน ? เหอะ !
เอ๊ะ !
อย่าคิดลึกคิดไกลนะครับ ที่มองหา ถามหา หรือพูดถึงเนี่ยผมไม่ได้มีจิตพิศวาสอะไรพี่มันเลยนะ ไม่เลยจริงๆ แค่รู้สึกว่าเหมือนจะขาดๆอะไรก็เท่านั้น ไม่ได้สำคัญ ไม่มีอะไรสำคัญเลยจริงๆนะครับ
เฮ้อ ~~~
สะบัดหน้าสองสามทีเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา มุ่งหน้าเข้าซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆคอนโด วันนี้ผมเลิกเรียนเร็วกว่าปกติครับเพราะว่าอาจารย์เกิดงดคาบเรียนกะทันหันทำให้วันนี้มีเวลาเอ้อละเหยลอยชายอีกนาน ว่าแล้วมื้อเย็นทำ แซลม่อนย่างให้เจ้าแบล็คดีกว่าพักนี้มันดูเนือยๆชอบกล สงสัยจะเหงา เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องเอาใจเขาหน่อยล่ะ...
“มิน!!”
“หืม? อ้าว ! พี่แซมมาทำอะไรแถวนี้ครับ”
ขากลับเข้าคอนโดจากซุปเปอร์มาร์เก็ตผมต้องเดินผ่านสวนสาธารณะที่เคยพาเจ้าแบล็คมาเมื่อคราวก่อน แล้วก็เจอพี่แซมที่คาดว่าน่าจะพามะลิมาเที่ยวเล่นอีกเหมือนเคย พอพี่แกร้องทักผมก็เลยเดินไปหาทางที่พี่เขากำลังเดินมา
“เอ่อ...มินรีบหรือเปล่า อยู่คุยด้วยกันก่อนสิ” ผมมองหน้าพี่แซมอย่างสงสัย วันนี้ไม่มีสายตาแพรวพราวหรือท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยเหมือนเมื่อตอนที่เจอกันคราวก่อน สภาพโดยรวมวันนี้ติดดูโทรมๆด้วยซ้ำ แต่ก็ยังดูดีอยู่
“อ่า...ได้ครับแต่คงไม่นานนะครับเพราะผมกะว่าจะกลับไปอยู่กับแบล็คหน่อย มันดูเหมือนจะไม่สบายยังไงไม่รู้”
“หมายถึงแมวดำตัวนั้นน่ะเหรอ ?”
“ใช่ครับ”
“เอ่อ...มันอาจจะฟังดูแปลกๆนะ พี่ก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน คือ...ยังไงดีล่ะ...”
“...” ผมมองพี่แซมที่มีท่าทางลังเลเหมือนกำลังคิดไม่ตก เลยชวนพี่เขากลับไปนั่งที่เดิมเพราะท่าทางจะมีเรื่องแหงๆ ถึงจะยังเดาไม่ออกว่าเรื่องอะไรก็ตามเถอะ
“แบล็คน่ะ...แมวตัวนั้นของมิน...”
“หืม ? แบล็ค ? แบล็คทำไมเหรอครับ ? หรือว่าพี่แซมเจอมันด้านนอก?” อดถามอย่างร้อนรนไม่ได้ ทั้งๆที่รู้ว่าแบล็คมันไม่มีทางออกมาด้านนอกได้แน่ๆ
“ไม่...ไม่ใช่อย่างนั้น เฮ้อ~~~” ท่าทางกลัดกลุ้มนี่มันคืออะไร ?
“...”
“แบล็คไม่ได้แสดงอาการอะไรแปลกๆใช่ไหม ?”
“ครับ?”
“หมายถึงมันไม่ได้ทำตัวแปลกๆ แบบแปลงร่างได้อะไรแบบนั้น หรือแบบโอ๊ย ! ช่างมันเถอะ สงสัยพักนี้พี่จะเบลอๆ เลยพูดอะไรแปลกๆ” พี่แซมทึ้งหัวตัวเองไปมาเหมือนกำลังทะเลาะกับตัวเอง หรือว่ามะลิจะป่วยพี่แกเลยกังวลเกินเหตุ
“แปลงร่างหรือครับ? อือ...จะว่าไปพักนี้แบล็คก็ทำตัวแปลก”
“ยังไง ?”
“มันดูซึมๆ เนือยๆ แถมยังเอาแต่นอนอย่างเดียวเลย”
“...”
“ถ้าจะกลายร่างก็คงจากแมวดื้อเป็นแมวซึมนั่นแหละครับ ว่าแต่มันเกี่ยวอะไรกับมะลิหรือเปล่า?”
“เอ่อ...อื้ม ก็นะ สงสัยจะไม่ค่อยสบาย”
“นั่นสิครับ น่าเป็นห่วงจัง” คิดสภาพแบล็คป่วยไม่ออกเลย คงจะเอาใจยากน่าดู ผมนั่งคุยเป็นเพื่อนพี่แซมอีกเล็กน้อยเพราะดูท่าทางแล้วพี่แกจะเครียดมากจริงๆ เหมือนมีเรื่องให้คิดมากตลอดเวลา จนเวลาล่วงเลยจนเกือบเย็นผมเลยขอตัวกลับก่อน
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
“ครับ ขอโทษนะ ที่ต้องมาฟังอะไรแปลกๆแบบนี้”
“ฮ่าๆ อย่าคิดมากเลยครับ ถ้าพี่แซมกังวลเรื่องอาการของมะลิ ผมแนะนำให้พาน้องไปหาหมอนะครับ ทางผมเองถ้าแบล็คไม่ดีขึ้น ผมก็จะพาไปเหมือนกัน”
“ถ้าหมอช่วยได้พี่ก็จะพาไป”
“หืม ? ต้องได้สิครับ อย่าคิดมากเลย ผมไปแล้วนะ”
“เอ่อ..มิน”
“ครับ?”
“จะเป็นไรไหม...ถ้าพี่จะขอเบอร์ติดต่อเราไว้ คือพี่ไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อนน่ะ เผื่อมีอะไรอยากจะถาม”
“...ก็ได้ครับ” ผมชั่งใจไปนิดก่อนจะตัดสินใจ คงเพราะหน้าตาที่เหมือนไร้ที่พึ่งของพี่แกประกอบกับที่ผมเองก็ไม่เคยเลี้ยงแมวจริงจัง คิดว่าติดต่อกันไว้ก็คงไม่เสียหายอะไร...
แยกจากพี่แซมมาผมก็ตรงกลับเข้าคอนโดทันที ก่อนจะชะงักเท้าเมื่อเห็นแผ่นหลังคุ้นตาที่กำลังเดินเข้าไปในตัวตึกอย่างเร่งรีบ จะว่าพักอยู่ที่นี่หรือก็ไม่เพราะทุกครั้งที่มาส่งผมก็จะกลับออกไปทุกครั้ง เคยเปรยๆถามก็เหมือนว่าที่พักจะไม่ได้อยู่แถวนี้ แล้วมาทำอะไรที่นี่กัน แถมยังมีคีย์การ์ดเข้าประตูอีกต่างหาก ไม่ได้สนใจนะ แค่สงสัยเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ
ผมรีบสาวเท้าตามไปทันที มาทันตอนที่ร่างหนาๆกำลังยืนรอลิฟต์ด้วยท่าทางกระวนกระวายจนขนาดที่ไม่ทันสังเกตเห็นผมด้วยซ้ำ หรือจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกันนะ
“มาทำอะไรที่นี่ ?” ผมเอ่ยถามเสียงปกติแต่คนถูกถามนี่สิกลับหันมาทำหน้าตกอกตกใจเหมือนผมเป็นผีอย่างนั้นแหละ ท่าทางโคตรมีพิรุธ
“ทำไมวันนี้กลับเร็ว?” ไม่ถามเปล่า แต่ลากแขนผมออกมาทางบันไดหนีไฟด้วย คิดจะทำอะไรของเขา
“อาจารย์ติดประชุม เอ๊ะ ! แล้วมารู้เวลากลับกูได้ยังไง?” อย่าแปลกใจ ผมเลิกพูดจาสุภาพกับพี่มันมานานแล้วเพราะพี่มันบอกไม่ชอบ ผมเลยพูด
“ชิ!” ไอ้พี่นิลดันผมชิดกำแพงฝั่งหนึ่งส่วนพี่มันอยู่อีกฝั่ง ยกมือเสยผมเหมือนกำลังหงุดหงิดแถมบ่นอะไรในลำคอก็ไม่รู้ แต่แค่ไม่นานก็กลับมาตีหน้าเถื่อนเหมือนเดิม
“แล้วยังไง ? ตกลงมาทำอะไรที่นี่”
“ถ้าบอกว่ามาหา” ย่างสามขุมเข้ามาใกล้แถมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ยกมือยันกำแพงกักตัวผมเอาไว้ข้างหนึ่งอีกข้างยังคงล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์เท่ห์ๆของตัวเองต่อไป อยากถาม ไอ้ท่าทางงุ่นง่านก่อนหน้านี้หายไปไหนหมด ?!
“อย่ามาตลก”
“หน้ากูตลก?” ถามหน้าตาย
“แม่ง ! เอาดีๆ อย่ามาเล่นลิ้น”
“กูชอบเล่นลิ้น” เสียงทุ้มๆพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ใกล้จนสัมผัสได้ถึงเส้นผมสีดำสนิทที่คลอเคลียอยู่ข้างแก้ม อึก ! ทำไมรู้สึกร้อนๆที่หน้า
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง”
“จริงๆมึงก็ชอบเล่นลิ้น”
“เหี้ย ! ปล่อยกู ไม่บอกก็เรื่องของมึง”
“แต่กูว่ามึงชอบให้กูเล่นลิ้นมึงมากกว่า”
“อ๊ะ !” ผมเผลอเม้มปาก หลับตาแน่นเมื่อพี่มันยื่นหน้าเข้ามาเหมือนจะจูบแต่รอเวลาผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจาก...
ฟุดฟิดๆ
ครับไอ้พี่เถื่อนมันเอาแต่ดมๆแถวๆซอกคอผม ทำจมูกฟุดฟิดไปมาเหมือนหากลิ่นแปลกปลอมอะไรทำนองนั้น ก่อนจะสบถพึมพำในลำคออยู่คนเดียวท่าทางหงุดหงิด ผมที่ไม่เข้าใจว่าพี่มันทำอะไรก็ได้แต่เอียงคอมองอย่างสงสัย
“ทำบ้าอะไร?”
“ตัวมึงเหม็น”
“ไอ้...อุ๊บ...ส์”
ยังไม่ทันจะได้ด่าไอ้พี่นิลมันก็กระแทกปากมันเข้าปากผมแรงๆพิสูจน์คำพูดวกวนทฤษฎีเล่นลิ้นของมันกับผม แต่ไม่รู้ว่าพี่มันหงุดหงิดหรือโมโหอะไรมาถึงได้เอาแต่ไล่กัดริมฝีปากผมอย่างแรงสลับกันทั้งบนและล่าง กัดเสร็จก็ตามดูดดุนจนผมคิดว่ามันคงบวมเจ่อเพราะแรงดูด ดูดเสร็จก็กลับมาขบย้ำอีกรอบ ทำสลับอยู่แบบนี้พอผมเจ็บจนทนไม่ไหวพยายามจะผลักออก พี่มันจะรั้งเอาไว้แล้วเปลี่ยนมาบดเบียดแบบนิ่มนวลจนผมเผลอไผลสุดท้ายก็จะทำแบบเดิมซ้ำๆ เหมือนล่อหลอกให้ผมตกอยู่วังวนรับบทลงโทษที่ทำอะไรก็แล้วแต่ให้พี่มันหงุดหงิด
“แฮ่กๆ” ไอ้พี่นิลผละออกเพราะผมเริ่มหมดอากาศหายใจ จูบกันมาก็บ่อยแต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ผมจะไม่แพ้ทางพี่มัน เล่นเอาผมหอบตัวโยนทุกครั้ง แล้วก็ได้แค่ตวัดสายตาเคืองๆขึ้นไปมองอย่างทำอะไรไม่ได้เพราะครั้งผมเจ็บปากมากด้วย
แต่ก็เหมือนพลาดที่ครั้งนี่ผมตวัดตาขึ้นไปมอง เพราะมันทำให้ผมสบเข้ากับนัยน์ตาคมกริบที่กำลังจ้องผมอยู่ก่อนแล้ว ฝ่ามือหนายกขึ้นแนบแก้มผมข้างหนึ่งอีกข้างยังคงใช้ยันกำแพงเอาไว้อย่างเคย ใช้นิ้วโป้งไล้เบาๆที่ริมฝีปากผมเหมือนจะเช็ดคราบเปรอะเมื่อก่อนหน้านี้ การกระทำที่กึ่งๆจะนุ่มนวลของพี่มันทำเอาผมไปไม่ถูกรู้สึกมือไม้ตัวเองดูเกะกะหาที่วางไม่ได้ไปเสียหมด ไม่บ่อยหรอกนะที่จะเห็นพี่มันทำอะไรแบบนี้
“หึหึ”
“เป็นบ้าอะไร ปล่อย ! กูจะขึ้นห้อง” เผลอมองสำรวจพี่มันไปนาน รู้สึกจะดูโทรมลงนะ
“รู้ไหมว่ามาทำไม?”
“อะไร?”
“มาหา...เด็ก ^_^” พูดจบก็หันหลังตั้งท่าเดินจากไป
“อย่าลืมอาบน้ำซะล่ะ” ทิ้งท้ายอีกประโยคโดยไม่หันกลับมามองก่อนจะเดินจากไปจริงๆ
“ไอ้เหี้ย! ไอ้บ้าๆๆๆๆๆ!!”
ผมโวยวายกระทืบเท้าเต้นเร้าๆอยู่คนเดียวอย่างคับแค้นใจ ว่าแล้วว่าเหตุผลที่มาคงไม่พ้นเรื่องเด็กในสต๊อก ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ นานแค่ไหนแม่งก็เหมือนเดิมทั้งเรื่องที่ทำกับผมแล้วก็เรื่องเด็กๆของพี่มันด้วย แล้วมีอย่างที่ไหนมาว่าผมตัวเหม็นเมื่อเช้าก็อาบน้ำแล้วนะ ถึงจะอย่างนั้นแต่ผมก็บ้าจี้ยกเต่าตัวเองขึ้นมาดมก็ไม่เห็นจะมีกลิ่นอะไรผิดปกติ อ๊ากกกก อยากจะปล่อยสัตว์ออกมาเดินอีกหลายๆตัว &%($$@)*&^_(#&*)^^%$ !!!
แกร๊ก ~
ปึง ~
ผมกลับเข้ามาในห้องของตัวเอง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผมรีบเก็บของที่หล่นอยู่บนพื้นแล้วรีบออกจากบันไดหนีไฟหวังจะตามไปแอบดูเสียหน่อยว่าห้องเด็กไอ้พี่เถื่อนนั่นอยู่ชั้นไหนห้องไหน แต่กลับไม่มีวี่แววอะไรทั้งนั้น น่าแปลกเวลาแค่ไม่กี่นาทีพี่มันจะไปได้เร็วขนาดนั้นเลยเหรออย่าน้อยก็ต้องรอลิฟต์สิ หรือว่าจะแอบไปหลบอยู่ที่ห้องน้ำชั้นหนึ่ง ไม่ก็คงกลับออกไปแล้วมั้ง เหอะ!
“แบล็ค มินกลับมาแล้ว” ผมร้องทักเจ้าแมวยักษ์ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปนอนอยู่ไหน หลายวันมานี้มันไม่ค่อยตื่นเต้นกับการที่ผมกลับมาห้อง คือมันไม่มาคลอเคลียต้อนรับเหมือนทุกทีเอาแต่นอนอย่างเดียวอ่ะ เป็นแบบนี้หลายครั้งแล้วนะ
“แบล็ค อยู่ไหน ?”
“...”
“แบล็ค เมี๊ยวๆๆ”
“...” ผมเดินเข้าไปหาในห้องนอนเห็นมันนอนขดเป็นก้อนขนสีดำขนาดยักษ์อยู่บนเตียง เลยเข้าไปใกล้กะจะคลอเคลียเล่นซะหน่อย เห็นแล้วมันหมั่นไส้
“ตื่นๆ มินกลับมาแล้วน๊า ~” ผมล้มตัวลงไปนอนก่อนจะยกเจ้าแมวยักษ์ให้ขึ้นมานั่งบนตัว แบล็คปรือตามองผมก่อนจะเดินย้ายจากช่วงท้องขึ้นมาบนช่วงอก
แอ่ก จุก~ ถ้ามันกระโดใส่ผมต้องไส้ไหลแน่ๆ
“อื้อหือ หนักขึ้นหรือเปล่าเนี่ย” ผมลูบหัวเกาคางให้ แต่เจ้าแบล็คไม่มีทีท่าว่าจะเคลิ้มแฮะ เอาแต่จ้องหน้าผมเขม็ง ก่อนจะใช้จมูกดมฟุดฟิดไปมาเหมือนไอ้พี่เถื่อนที่ทำกับผมก่อนหน้านี้เลย
“อะไรแบล็ค ?” ผมถามเจ้าแมวยักษ์ที่ทำท่าเข้ามาดมๆ เสร็จแล้วก็สะบัดหน้าหนีพรืดพยายามจะเดินลงจากตัวผม แต่ผมคว้าเอาไว้ได้ทัน อะไรกันทำท่าเหมือนเหม็นผมอีกตัวแล้ว
เมื่อเห็นผมไม่ปล่อยแบล็คเลยหันมาแยกเขี้ยวใส่จนผมต้องลามือ มันก็เดินอุ้ยอ้ายไปนั่งเลียขนตัวเองอยู่อีกฟากเตียง ทำเหมือนรังเกียจกันนักหนา ผมขมวดคิ้วมุ่น
“มินเหม็นเหรอ ?” ผมเริ่มไม่มั่นใจยกเต่าตัวเองขึ้นดมอีก วันนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันมีเหงื่อนะ บางวันเหงื่อเต็มตัวกลับมาเจ้าแบล็คยังเข้ามาคลอเคลียเลย แล้วนี่มันอะไรกัน !
“แบล็ค...นายนี่เริ่มเหมือนไอ้เถื่อนนั่นเข้าไปทุกทีแล้วนะ”
“...” เอียงคอมอง
“แอบไปแพร่นิสัยใส่กันตอนไหนเนี่ย”
เมี๊ยวววว
“ทีอย่างนี้มีตอบรับ ชิ!”
ผมเดินปัดตูดเข้าห้องน้ำ อาบน้ำเลยก็ได้วะ ความจริงกะจะอาบตอนก่อนนอนทีเดียว แต่เพราะไอ้คนบ้ากับแมวที่เริ่มจะบ้านี่ ทำท่าทางเหมือนตัวผมเหม็นเสียเต็มประดา เลยตัดใจมาอาบน้ำให้สิ้นเรื่อง คิดไปคิดว่า ถ้าแบล็คเป็นคนก็คงจะเหมือนไอ้พี่นิลแน่ๆ
TBC +++++++++++++++++++++TALK...
ใกล้เเล้วจ้าาาา ใกล้เเล้วววว !!! จากตอนนี้คาดว่าทุกท่านคงพอจะเดาเเนวทางออกหมดเเล้ว คึคึ
ในตอนหน้าน้องมินจะรู้ความลับของเเมวเหมียวเเล้ววว จากนั้นอีกไม่นานก็จะได้เวลาลาจอเเล้ววว
ปล.ตอนนี้เจลโดนมิดเทอมรุมทำร้าย มีโซเซบ้างเเต่เจลจะไม่หนีไปไหน ยังฝากติดตามด้วยนะคะ